The last Blood.สายเลือด นิทรา [BL , Yaoi]
9.0
เขียนโดย เฟรล่าฟลอเร
วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เวลา 18.47 น.
24 ตอน
0 วิจารณ์
25.70K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557 19.00 น. โดย เจ้าของนิยาย
14)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเธอส่งแววตาฉงนแก่ผู้โดยสาร พลางเชื้อเชิญให้เขานั่งลง ณ ที่นั่งว่างของผู้ช่วยนักบิน เธอมืออาชีพและมันก็ส่วนตัวพอในการใช้คนเพียงคนเดียวในการบังคับเครื่อง
เธอก้มศีรษะเล็กน้อย ”ขอโทษนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจละลาบละล้วง แต่ฉันรู้สึกคุ้นชื่อฮิโรมิมากเลย”
“ข้าก็คุ้นเหมือนกัน” สุ้มเสียงของเขาดูแน่ใจมาก “แต่ข้าได้ยินชื่อนี้จากฮิโรชิ เขาพูดถึงตอนที่เข้าใจว่าข้ากำลังหลับ”
เรสซี่ชี้ไปที่หูฟัง “แต่ฉันได้ยินชื่อฮิโรมิจากเจ้านายฉันค่ะ เมื่อครู่นี้เอง เขาถามเส้นทางการบินเที่ยวนี้ค่ะ เอ่อ...ใช่ค่ะ ฉันไม่สันทัดชื่อของชาวตะวันออกเท่าไหร่ จะได้บ้างก็ภาษาจีน แต่...ดูเหมือนเสียงลงท้ายชื่อที่เจ้านายฉันเขาพึมพำจะต่างออกไปนิดหน่อย เพียงแต่เสียง ‘มิ’ ดูจะชัดกว่าเท่านั้นเอง”
ทริสทรี่เต็มไปด้วยความงุนงง เขาเข้าใจว่าการเดินทางครั้งนี้มีเพียงเขากับฮิโรชิสองคนเสียอีก แต่คิดในอีกแง่ ตั้งแต่อยู่ที่ญี่ปุ่นกระทั่งตอนนี้ การข้ามพื้นที่มักเป็นไปโดยเร่งด่วนและฉุกละหุก เหมือนว่าเขากำลังโดนพาหนีจากอะไรบางอย่าง บางที คนที่ว่านั่นอาจเป็นเจ้าของชื่อ ‘ฮิโรมิ’ ก็เป็นได้
เรสซี่สบตาเขา “คุณต้องการติดต่อเจ้านายฉันไหม”
ทริสทรี่พยักหน้ารับ
ไม่นานเกินรอ การเชื่อมต่อก็สมบูรณ์ เสียงปลายเสียงฟังดูวิตกกังวลอย่างหนักเมื่อได้รับการติดต่อจากเที่ยวบินที่กำลังเป็นปัญหาตอนนี้ “มีอะไร ที่รัก เธอปลอดภัยดีใช่ไหม”
“แน่นอนค่ะ เจ้านาย” เธอใช้คำพูดแทนตัวอีกฝ่ายแบบปกติ เพราะการคบหาของเขาและเธอยังไม่ก้าวถึงขั้นนั้น แม้เดวิดจะพยายามก้อร่อก้อติกอย่างมากก็ตาม “ตอนนี้ในห้องควบคุมมี...เอ่อ...ผู้โดยสารท่านหนึ่งค่ะ สักครู่นะ อยากทราบว่าคุณชื่อ...? ทริสทรี่? โอเค ตอนนี้ฉันอยู่ในห้องควบคุมกับคุณทริสทรี่ เขาอยากสอบถามเกี่ยวกับเสียงที่เจ้านายพูดถึง ฉันหมายถึงเสียงที่น่าจะเป็นชื่อน่ะค่ะ อย่าง...ฮิโรมิ”
เดวิดปาดเหงื่ออยู่ปลายสาย “แล้วเขาโดนมัดมือไว้หรือเปล่า”
“เปล่า”
“มัดปาก”
เรสซี่เสียงสูง “เปล่า”
“ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน เหมือนกับ...โดนลักพาตัว...หรืออะไรทำนองนั้น”
เรสซี่หันไปทางทริสทรี่ เขาดูใจเย็นเกินไปสำหรับคนที่ต้องการความช่วยเหลือประเภทนั้น แต่ในอีกแง่ เขาอาจต้องการดูทีท่าของเธอก่อนก็ได้ “ฉันต้องบอกก่อนว่าฉันเป็นนักบินที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับผู้ชายที่มากับคุณ แล้วคุณ...เอ่อ...คุณเต็มใจขึ้นเครื่องมากับเขาหรือเปล่า หมายถึง...คุณไม่ได้ถูกบังคับหรืออะไรทำนองนั้นใช่ไหม”
ทริสทรี่ขมวดคิ้ว “อันที่จริง ข้าไม่ได้อยากมากับเขา”
เรสซี่อึ้ง “คุณกำลังจะบอกว่าคุณถูกลักพาตัวหรือคะ”
ทริสทรี่คลายสีหน้านั้น เนื่องจากมันแทนที่ด้วยความสงสัย “อะไรคือ ‘ลักพาตัว’ ”
เป็นครั้งที่สองที่เรสซี่อึ้ง “คุณไม่รู้จักจริงๆ น่ะหรือ? พาตัวมาโดยไม่เต็มใจไงล่ะคะ”
“อ้อ! ถ้าอย่างนั้นก็ใช่ ข้าอยากชิมทาร์ตไข่ที่เขาเคยพูดถึง แต่ดูเหมือนเขาจะหลงทาง เขาไม่พูดหรอก แต่ข้ามั่นใจว่าเขาต้องหลงทางแน่ๆ เมื่อคืนเราเลยต้องเปลี่ยนไปชิมเมนูอื่นแทน อันที่จริง ข้าอยากอยู่ชมสถานที่อีกหน่อยแท้ๆ เขาไม่น่ารีบร้อนออกจากที่นั่นเลย”
เรสซี่ถามเสียงเบาหวิว “งั้นคุณก็ไม่ได้ถูกบังคับด้วยอาวุธหรือถูกข่มขู่ให้ขึ้นเครื่องใช่ไหมคะ?”
ทริสทรี่สั่นศีรษะ ยกเว้นคราววาเลนเซีย ฮิโรชิดูแลเขาอย่างดีและค่อนข้างจะตามใจเขาพอสมควรด้วยซ้ำ ทุกสิ่งที่เขาอยากชิม สถานที่ที่เขาอยากไป แม้จะอยู่ไกลเพียงใดอีกฝ่ายก็ไม่บ่นเลยสักนิด เมื่อมองย้อนกลับไปแล้วก็ชวนให้รู้สึกขอบคุณอยู่เหมือนกัน
เรสซี่หันมาให้ความสนใจกับอุปกรณ์สื่อสารอีกครั้ง “ไม่ค่ะ ฉันคิดว่าเขาแค่มาเที่ยวด้วยกันมากกว่า”
เธอไม่รู้ว่าคำตอบนั้นทำให้เดวิดถึงกับสะดุ้ง งั้นเรื่องการลักพาตัวที่ฮิโรมิพูดคงเป็นเรื่องโกหก
ตอนนี้สมองของคนที่ถูกลากเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องที่ตนไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย กำลังถูกปั่นไปด้วยข้อมูลจากปากคำของคนที่ต้องการที่อยู่ของเป้าหมาย ทั้งเรื่องฮิโรชิที่กำชับว่าเขาห้ามบอกใครถึงสถานที่ที่ไป เรื่องการตามหาคนถูกลักพาตัวของฮิโรมิ แถมยังมีเด็กสาวท่าทางประหลาดกำลังตามหาตัวเธออีกทอดหนึ่ง มันเป็นยังไงมายังไงกันแน่
เดวิดหมดแรง “งั้นบอกเขาไปก่อนแล้วกันว่าฉันบอกเส้นทางการบินของเขาให้ฮิโรมิไปแล้ว”
เธอเหลือบมองคนที่นั่งคอยอยู่อย่างใจเย็น เธอตัดสินใจปฏิเสธการกระทำนั้นอย่างเงียบๆ นั่นคงไม่เรียกว่าคำสั่งเสียทีเดียวหรอก แถมเขายังไม่รู้จักฮิโรมิอีกต่างหาก “เอ่อ ฉันได้ยินเจ้านายพูดชื่อเธอมาครั้งหนึ่ง แล้วจากที่คุยกัน ดูเหมือนว่าเขาเองก็ไม่รู้จักเธอเหมือนกัน มีอะไรหรือเปล่าคะ”
เดวิดลังเลอีกครั้ง ทำไมทุกคนที่ตามหาและน่าจะเกี่ยวข้องกัน กลับเต็มไปด้วยปริศนามากมายขนาดนี้ ฮิโรมิตามหาพี่ชายและคนที่เธออ้างว่าถูกลักพาตัว แต่คนที่ตามหากลับไม่รู้จักเธอเลยสักนิด แถมเขายังอยู่ในสถานะระหว่างท่องเที่ยวอีกต่างหาก
แต่ในเมื่อเขาตั้งใจสนับสนุนทุกฝ่าย ไฉนเขาจะไม่สนับสนุนทริสทรี่กันเล่า
“เธอเป็นน้องสาวของฮิโรชิ คนที่เขากำลังเดินทางไปด้วยกัน”
เรสซี่แจ้งข้อความของเจ้านาย รวมทั้งแจ้งเรื่องที่ฮิโรมิทราบเรื่องเส้นทางการบิน เธอในตอนนี้มีสภาพเป็นตัวกลางสื่อสารระหว่างทั้งสองคนโดยสมบูรณ์
ทริสทรี่นึกถึงรูปนั้น “น้องสาว... นางอายุประมาณสิบห้าหรือสิบหกปีหรือเปล่า?”
เรสซี่ปฏิเสธตามข้อมูลที่เจ้านายให้มา “เธออายุแค่แปดปีค่ะ”
น้อยเกินกว่าจะหลอกอายุได้ คนที่อยู่ในภาพโตเกินไป “แล้วนางบอกหรือเปล่าว่าถามจุดหมายของฮิโรชิเพื่ออะไร”
เรสซี่กล่าวตามสาเหตุที่เจ้านายได้รับมา “เธออ้างว่าคุณถูกคุณฮิโรชิลักพาตัว...จับตัวมาน่ะค่ะ เธอมาพร้อมกับคนที่น่าจะเป็นคนรู้จักของคุณ เป็นผู้หญิงตะวันตกค่ะ เธอสวมชุดคลุมมิดชิดดูแปลกๆ เหมือนกับเด็กสาวที่ตามหาตัวเธออยู่เลย จริงสิ เด็กผู้หญิงคนนั้นน่าจะอายุสิบห้าสิบหกอย่างที่คุณบอกนะ”
เรื่องเด็กสาวในภาพไม่อยู่ในความคิดเขาอีกต่อไป หัวใจเขาเต้นแรงขึ้นเมื่อนึกถึงคนที่เข้าข่ายผู้หญิงชาวตะวันตกที่สวมชุดคลุมมิดชิด แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน เรื่องนี้น้องสาวของฮิโรชิเกี่ยวอะไร แล้วทำไม แวมไพร์สาวผู้ดูแลเขามาตลอดหลายร้อยปี วาเลนเซีย ทำไมเธอถึงอยู่กับน้องสาวฮิโรชิได้!
เขามองไปทางด้านหลัง ฮิโรชิกำลังหลับอยู่ อีกฝ่ายจึงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการสนทนานี้ทั้งนั้น แต่ไม่จำเป็นหรอก ไม่จำเป็นต้องบอกให้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าฮิโรมิเป็นคนพาวาเลนเซียมาตามหาเขาเจอจริงๆ น้องสาวอย่างเธอก็น่าจะหยุดลูกกระสุนของพี่ชายตัวเองได้เหมือนกัน
เรสซี่จ้องเขาอยู่ “คุณต้องการกลับไปต้นทางไหม”
ทริสทรี่ตอบคำถามด้วยคำถาม “อีกนานไหมกว่าจะถึง”
“สักห้าค่ะ ไม่เกินสิบนาที”
วาเลนเซียมาพร้อมกับน้องสาวของฮิโรชิ ตอนนี้เธอรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน และถ้าเป็นเธอ อาจจะเกลี่ยกล่อมพี่ชายตัวเองให้ยุติการปองร้ายวาเลนเซียในฐานะตัวประกันเสีย เขาสนุกมากกับการเดินทางครั้งนี้ แต่ทริปที่แฝงด้วยการบังคับข่มขู่ครั้งนี้ควรยุติลงเสียที
“มุ่งต่อไป” เขาตอบคำถามในท้ายที่สุด “ข้าต้องพบผู้หญิงที่ฮิโรมิพามา เจ้าห้ามบอกฮิโรชิเป็นอันขาดว่าข้ารู้เรื่องทั้งหมดที่เรารู้กันนี้”
เรสซี่อยากจะบอกว่าเธอไม่รู้อะไรเช่นเดียวกับเจ้านาย แต่ความจริงจังในดวงตาสีเลือดคู่นั้นทำให้เธอไม่กล้าปฏิเสธ “ค่ะ”
และเช่นเดียวกัน มีเสียงดังเข้ามาจากอุปกรณ์สื่อสาร
“ถ้าอยากรู้อะไรค่อยติดต่อมาแล้วกัน” เดวิดกล่าวก่อนยุติการสนทนา “สำหรับตอนนี้ อยากทำอะไรก็ตามใจทุกคนเถอะ”
“เราเดินทางกันมาเกินครึ่งแล้วล่ะ ถ้าพี่ชายไม่พาเขาหนีไปที่ไหนเสียก่อน เราอาจจะได้เจอทริสทรี่แถวสนามบิน”
ฮิโรมิกล่าวกับหญิงสาวชาวต่างชาติที่นั่งอยู่ข้างกาย หลังจากใช้เวลาไปมากกับการเล่นเกมแมวจับหนูที่มีโลกทั้งใบเป็นสนาม มันคงเป็นโชคของเธอเสียที แต่ในขณะเดียวกัน พี่ชายประมาทหน้าเธอเกินไปในการคิดว่าการหลบไปเมืองใกล้ๆ จะทำให้เธอไม่ทันคิด เปล่าเลย จะเส้นทางไหน ถ้ามันมีความเป็นไปได้แม้เพียงน้อยนิด เธอก็จะคว้ามันเอาไว้ ต้องขอบคุณเกมที่เคยเล่นกับเขามาตลอดชีวิตจริงๆ
วาเลนเซียถอนหายใจเบาๆ เป็นครั้งแรกที่เด็กหญิงเห็นเธอผ่อนคลายมากถึงเพียงนี้ “อีกนิดเดียวแล้วสินะ”
ฮิโรมิเหลือบมองด้วยความเข้าใจ อาจเป็นครั้งแรกที่นึกสงสารในตัวแวมไพร์สาวตนนี้ขึ้นมา สำหรับหล่อนแล้ว คงไม่มีอะไรในชีวิตที่สำคัญยิ่งกว่าทริสทรี่ การที่เขาหายตัวไปแบบนี้คงเหมือนการโดนขโมยสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตเลยทีเดียว
สำหรับเธอแล้ว พี่ชายเองก็เหมือนกัน
“เธอจำเรื่องที่จะไม่กินพี่ชายฉันได้ใช่ไหม”
วาเลนเซียเอ่ยอย่างเด็ดขาด “ข้าไม่สนชีวิตของพี่ชายเจ้า ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่านายท่านทั้งนั้น”
คำตอบนั้นทำให้ฮิโรมิพิงร่างกับเบาะด้วยความวางใจ เธอรู้สึกเหมือนเป็นนักเดินทางที่ประตูเส้นชัยกำลังรออยู่เบื้องหน้า ขุมทรัพย์มหาศาลกำลังรอคอยให้สัมผัส
ไม่ใช่แค่คนในหมู่บ้าน เธอกำลังช่วยพี่ชายเธอได้สำเร็จ แม้จะมีทริสทรี่เป็นตัวประกันก็ตาม
To be continue.
เธอก้มศีรษะเล็กน้อย ”ขอโทษนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจละลาบละล้วง แต่ฉันรู้สึกคุ้นชื่อฮิโรมิมากเลย”
“ข้าก็คุ้นเหมือนกัน” สุ้มเสียงของเขาดูแน่ใจมาก “แต่ข้าได้ยินชื่อนี้จากฮิโรชิ เขาพูดถึงตอนที่เข้าใจว่าข้ากำลังหลับ”
เรสซี่ชี้ไปที่หูฟัง “แต่ฉันได้ยินชื่อฮิโรมิจากเจ้านายฉันค่ะ เมื่อครู่นี้เอง เขาถามเส้นทางการบินเที่ยวนี้ค่ะ เอ่อ...ใช่ค่ะ ฉันไม่สันทัดชื่อของชาวตะวันออกเท่าไหร่ จะได้บ้างก็ภาษาจีน แต่...ดูเหมือนเสียงลงท้ายชื่อที่เจ้านายฉันเขาพึมพำจะต่างออกไปนิดหน่อย เพียงแต่เสียง ‘มิ’ ดูจะชัดกว่าเท่านั้นเอง”
ทริสทรี่เต็มไปด้วยความงุนงง เขาเข้าใจว่าการเดินทางครั้งนี้มีเพียงเขากับฮิโรชิสองคนเสียอีก แต่คิดในอีกแง่ ตั้งแต่อยู่ที่ญี่ปุ่นกระทั่งตอนนี้ การข้ามพื้นที่มักเป็นไปโดยเร่งด่วนและฉุกละหุก เหมือนว่าเขากำลังโดนพาหนีจากอะไรบางอย่าง บางที คนที่ว่านั่นอาจเป็นเจ้าของชื่อ ‘ฮิโรมิ’ ก็เป็นได้
เรสซี่สบตาเขา “คุณต้องการติดต่อเจ้านายฉันไหม”
ทริสทรี่พยักหน้ารับ
ไม่นานเกินรอ การเชื่อมต่อก็สมบูรณ์ เสียงปลายเสียงฟังดูวิตกกังวลอย่างหนักเมื่อได้รับการติดต่อจากเที่ยวบินที่กำลังเป็นปัญหาตอนนี้ “มีอะไร ที่รัก เธอปลอดภัยดีใช่ไหม”
“แน่นอนค่ะ เจ้านาย” เธอใช้คำพูดแทนตัวอีกฝ่ายแบบปกติ เพราะการคบหาของเขาและเธอยังไม่ก้าวถึงขั้นนั้น แม้เดวิดจะพยายามก้อร่อก้อติกอย่างมากก็ตาม “ตอนนี้ในห้องควบคุมมี...เอ่อ...ผู้โดยสารท่านหนึ่งค่ะ สักครู่นะ อยากทราบว่าคุณชื่อ...? ทริสทรี่? โอเค ตอนนี้ฉันอยู่ในห้องควบคุมกับคุณทริสทรี่ เขาอยากสอบถามเกี่ยวกับเสียงที่เจ้านายพูดถึง ฉันหมายถึงเสียงที่น่าจะเป็นชื่อน่ะค่ะ อย่าง...ฮิโรมิ”
เดวิดปาดเหงื่ออยู่ปลายสาย “แล้วเขาโดนมัดมือไว้หรือเปล่า”
“เปล่า”
“มัดปาก”
เรสซี่เสียงสูง “เปล่า”
“ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน เหมือนกับ...โดนลักพาตัว...หรืออะไรทำนองนั้น”
เรสซี่หันไปทางทริสทรี่ เขาดูใจเย็นเกินไปสำหรับคนที่ต้องการความช่วยเหลือประเภทนั้น แต่ในอีกแง่ เขาอาจต้องการดูทีท่าของเธอก่อนก็ได้ “ฉันต้องบอกก่อนว่าฉันเป็นนักบินที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับผู้ชายที่มากับคุณ แล้วคุณ...เอ่อ...คุณเต็มใจขึ้นเครื่องมากับเขาหรือเปล่า หมายถึง...คุณไม่ได้ถูกบังคับหรืออะไรทำนองนั้นใช่ไหม”
ทริสทรี่ขมวดคิ้ว “อันที่จริง ข้าไม่ได้อยากมากับเขา”
เรสซี่อึ้ง “คุณกำลังจะบอกว่าคุณถูกลักพาตัวหรือคะ”
ทริสทรี่คลายสีหน้านั้น เนื่องจากมันแทนที่ด้วยความสงสัย “อะไรคือ ‘ลักพาตัว’ ”
เป็นครั้งที่สองที่เรสซี่อึ้ง “คุณไม่รู้จักจริงๆ น่ะหรือ? พาตัวมาโดยไม่เต็มใจไงล่ะคะ”
“อ้อ! ถ้าอย่างนั้นก็ใช่ ข้าอยากชิมทาร์ตไข่ที่เขาเคยพูดถึง แต่ดูเหมือนเขาจะหลงทาง เขาไม่พูดหรอก แต่ข้ามั่นใจว่าเขาต้องหลงทางแน่ๆ เมื่อคืนเราเลยต้องเปลี่ยนไปชิมเมนูอื่นแทน อันที่จริง ข้าอยากอยู่ชมสถานที่อีกหน่อยแท้ๆ เขาไม่น่ารีบร้อนออกจากที่นั่นเลย”
เรสซี่ถามเสียงเบาหวิว “งั้นคุณก็ไม่ได้ถูกบังคับด้วยอาวุธหรือถูกข่มขู่ให้ขึ้นเครื่องใช่ไหมคะ?”
ทริสทรี่สั่นศีรษะ ยกเว้นคราววาเลนเซีย ฮิโรชิดูแลเขาอย่างดีและค่อนข้างจะตามใจเขาพอสมควรด้วยซ้ำ ทุกสิ่งที่เขาอยากชิม สถานที่ที่เขาอยากไป แม้จะอยู่ไกลเพียงใดอีกฝ่ายก็ไม่บ่นเลยสักนิด เมื่อมองย้อนกลับไปแล้วก็ชวนให้รู้สึกขอบคุณอยู่เหมือนกัน
เรสซี่หันมาให้ความสนใจกับอุปกรณ์สื่อสารอีกครั้ง “ไม่ค่ะ ฉันคิดว่าเขาแค่มาเที่ยวด้วยกันมากกว่า”
เธอไม่รู้ว่าคำตอบนั้นทำให้เดวิดถึงกับสะดุ้ง งั้นเรื่องการลักพาตัวที่ฮิโรมิพูดคงเป็นเรื่องโกหก
ตอนนี้สมองของคนที่ถูกลากเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องที่ตนไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย กำลังถูกปั่นไปด้วยข้อมูลจากปากคำของคนที่ต้องการที่อยู่ของเป้าหมาย ทั้งเรื่องฮิโรชิที่กำชับว่าเขาห้ามบอกใครถึงสถานที่ที่ไป เรื่องการตามหาคนถูกลักพาตัวของฮิโรมิ แถมยังมีเด็กสาวท่าทางประหลาดกำลังตามหาตัวเธออีกทอดหนึ่ง มันเป็นยังไงมายังไงกันแน่
เดวิดหมดแรง “งั้นบอกเขาไปก่อนแล้วกันว่าฉันบอกเส้นทางการบินของเขาให้ฮิโรมิไปแล้ว”
เธอเหลือบมองคนที่นั่งคอยอยู่อย่างใจเย็น เธอตัดสินใจปฏิเสธการกระทำนั้นอย่างเงียบๆ นั่นคงไม่เรียกว่าคำสั่งเสียทีเดียวหรอก แถมเขายังไม่รู้จักฮิโรมิอีกต่างหาก “เอ่อ ฉันได้ยินเจ้านายพูดชื่อเธอมาครั้งหนึ่ง แล้วจากที่คุยกัน ดูเหมือนว่าเขาเองก็ไม่รู้จักเธอเหมือนกัน มีอะไรหรือเปล่าคะ”
เดวิดลังเลอีกครั้ง ทำไมทุกคนที่ตามหาและน่าจะเกี่ยวข้องกัน กลับเต็มไปด้วยปริศนามากมายขนาดนี้ ฮิโรมิตามหาพี่ชายและคนที่เธออ้างว่าถูกลักพาตัว แต่คนที่ตามหากลับไม่รู้จักเธอเลยสักนิด แถมเขายังอยู่ในสถานะระหว่างท่องเที่ยวอีกต่างหาก
แต่ในเมื่อเขาตั้งใจสนับสนุนทุกฝ่าย ไฉนเขาจะไม่สนับสนุนทริสทรี่กันเล่า
“เธอเป็นน้องสาวของฮิโรชิ คนที่เขากำลังเดินทางไปด้วยกัน”
เรสซี่แจ้งข้อความของเจ้านาย รวมทั้งแจ้งเรื่องที่ฮิโรมิทราบเรื่องเส้นทางการบิน เธอในตอนนี้มีสภาพเป็นตัวกลางสื่อสารระหว่างทั้งสองคนโดยสมบูรณ์
ทริสทรี่นึกถึงรูปนั้น “น้องสาว... นางอายุประมาณสิบห้าหรือสิบหกปีหรือเปล่า?”
เรสซี่ปฏิเสธตามข้อมูลที่เจ้านายให้มา “เธออายุแค่แปดปีค่ะ”
น้อยเกินกว่าจะหลอกอายุได้ คนที่อยู่ในภาพโตเกินไป “แล้วนางบอกหรือเปล่าว่าถามจุดหมายของฮิโรชิเพื่ออะไร”
เรสซี่กล่าวตามสาเหตุที่เจ้านายได้รับมา “เธออ้างว่าคุณถูกคุณฮิโรชิลักพาตัว...จับตัวมาน่ะค่ะ เธอมาพร้อมกับคนที่น่าจะเป็นคนรู้จักของคุณ เป็นผู้หญิงตะวันตกค่ะ เธอสวมชุดคลุมมิดชิดดูแปลกๆ เหมือนกับเด็กสาวที่ตามหาตัวเธออยู่เลย จริงสิ เด็กผู้หญิงคนนั้นน่าจะอายุสิบห้าสิบหกอย่างที่คุณบอกนะ”
เรื่องเด็กสาวในภาพไม่อยู่ในความคิดเขาอีกต่อไป หัวใจเขาเต้นแรงขึ้นเมื่อนึกถึงคนที่เข้าข่ายผู้หญิงชาวตะวันตกที่สวมชุดคลุมมิดชิด แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน เรื่องนี้น้องสาวของฮิโรชิเกี่ยวอะไร แล้วทำไม แวมไพร์สาวผู้ดูแลเขามาตลอดหลายร้อยปี วาเลนเซีย ทำไมเธอถึงอยู่กับน้องสาวฮิโรชิได้!
เขามองไปทางด้านหลัง ฮิโรชิกำลังหลับอยู่ อีกฝ่ายจึงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการสนทนานี้ทั้งนั้น แต่ไม่จำเป็นหรอก ไม่จำเป็นต้องบอกให้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าฮิโรมิเป็นคนพาวาเลนเซียมาตามหาเขาเจอจริงๆ น้องสาวอย่างเธอก็น่าจะหยุดลูกกระสุนของพี่ชายตัวเองได้เหมือนกัน
เรสซี่จ้องเขาอยู่ “คุณต้องการกลับไปต้นทางไหม”
ทริสทรี่ตอบคำถามด้วยคำถาม “อีกนานไหมกว่าจะถึง”
“สักห้าค่ะ ไม่เกินสิบนาที”
วาเลนเซียมาพร้อมกับน้องสาวของฮิโรชิ ตอนนี้เธอรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน และถ้าเป็นเธอ อาจจะเกลี่ยกล่อมพี่ชายตัวเองให้ยุติการปองร้ายวาเลนเซียในฐานะตัวประกันเสีย เขาสนุกมากกับการเดินทางครั้งนี้ แต่ทริปที่แฝงด้วยการบังคับข่มขู่ครั้งนี้ควรยุติลงเสียที
“มุ่งต่อไป” เขาตอบคำถามในท้ายที่สุด “ข้าต้องพบผู้หญิงที่ฮิโรมิพามา เจ้าห้ามบอกฮิโรชิเป็นอันขาดว่าข้ารู้เรื่องทั้งหมดที่เรารู้กันนี้”
เรสซี่อยากจะบอกว่าเธอไม่รู้อะไรเช่นเดียวกับเจ้านาย แต่ความจริงจังในดวงตาสีเลือดคู่นั้นทำให้เธอไม่กล้าปฏิเสธ “ค่ะ”
และเช่นเดียวกัน มีเสียงดังเข้ามาจากอุปกรณ์สื่อสาร
“ถ้าอยากรู้อะไรค่อยติดต่อมาแล้วกัน” เดวิดกล่าวก่อนยุติการสนทนา “สำหรับตอนนี้ อยากทำอะไรก็ตามใจทุกคนเถอะ”
“เราเดินทางกันมาเกินครึ่งแล้วล่ะ ถ้าพี่ชายไม่พาเขาหนีไปที่ไหนเสียก่อน เราอาจจะได้เจอทริสทรี่แถวสนามบิน”
ฮิโรมิกล่าวกับหญิงสาวชาวต่างชาติที่นั่งอยู่ข้างกาย หลังจากใช้เวลาไปมากกับการเล่นเกมแมวจับหนูที่มีโลกทั้งใบเป็นสนาม มันคงเป็นโชคของเธอเสียที แต่ในขณะเดียวกัน พี่ชายประมาทหน้าเธอเกินไปในการคิดว่าการหลบไปเมืองใกล้ๆ จะทำให้เธอไม่ทันคิด เปล่าเลย จะเส้นทางไหน ถ้ามันมีความเป็นไปได้แม้เพียงน้อยนิด เธอก็จะคว้ามันเอาไว้ ต้องขอบคุณเกมที่เคยเล่นกับเขามาตลอดชีวิตจริงๆ
วาเลนเซียถอนหายใจเบาๆ เป็นครั้งแรกที่เด็กหญิงเห็นเธอผ่อนคลายมากถึงเพียงนี้ “อีกนิดเดียวแล้วสินะ”
ฮิโรมิเหลือบมองด้วยความเข้าใจ อาจเป็นครั้งแรกที่นึกสงสารในตัวแวมไพร์สาวตนนี้ขึ้นมา สำหรับหล่อนแล้ว คงไม่มีอะไรในชีวิตที่สำคัญยิ่งกว่าทริสทรี่ การที่เขาหายตัวไปแบบนี้คงเหมือนการโดนขโมยสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตเลยทีเดียว
สำหรับเธอแล้ว พี่ชายเองก็เหมือนกัน
“เธอจำเรื่องที่จะไม่กินพี่ชายฉันได้ใช่ไหม”
วาเลนเซียเอ่ยอย่างเด็ดขาด “ข้าไม่สนชีวิตของพี่ชายเจ้า ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่านายท่านทั้งนั้น”
คำตอบนั้นทำให้ฮิโรมิพิงร่างกับเบาะด้วยความวางใจ เธอรู้สึกเหมือนเป็นนักเดินทางที่ประตูเส้นชัยกำลังรออยู่เบื้องหน้า ขุมทรัพย์มหาศาลกำลังรอคอยให้สัมผัส
ไม่ใช่แค่คนในหมู่บ้าน เธอกำลังช่วยพี่ชายเธอได้สำเร็จ แม้จะมีทริสทรี่เป็นตัวประกันก็ตาม
To be continue.
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ