The last Blood.สายเลือด นิทรา [BL , Yaoi]
เขียนโดย เฟรล่าฟลอเร
วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เวลา 18.47 น.
แก้ไขเมื่อ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557 19.00 น. โดย เจ้าของนิยาย
10)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความทริสทรี่มองคนที่กำลังนอนหลับอยู่ข้างตนด้วยความสงบนิ่งเหมือนกับตอนที่มองพระจันทร์จากห้องของตัวเอง
ใบหน้าหล่อเหลานั้นแม้ยามหลับยังคงมีสีหน้าที่เรียบนิ่ง ราวกับต้องการซ่อนฝันจากผู้เฝ้ามองภายนอก นอกเหนือจากการพร่ำบอกว่าต้องการเก็บเขาไว้ข้างกาย คนคนนี้คิดอะไรบ้าง มีชีวิต ความฝัน การทำงาน หรือแนวทางการดำเนินชีวิตอย่างไร
ทุกคนล้วนมีรูปแบบการใช้ชีวิตที่ต่างกัน ต่างออกไปมากเลยทีเดียว แม้แต่เขากับวาเลนเซียเองยังต่างกันเลย ทั้งที่เขาและเธอล้วนเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน แต่เธอนั้นกลับเกลียดชังเหล่ามนุษย์ เห็นมนุษย์เป็นเพียงของเล่นและสิ่งมีชีวิตที่ต่ำกว่า เป็นอาหาร เป็นเหยื่อในเกมไล่ล่า ทว่า...เธอนั้นช่างชื่นชมยินดีในตัวเขาเหลือเกิน ทั้งที่เขาไม่เคยรู้จักแวมไพร์ที่เปลี่ยนเธอให้เป็นดังเช่นในปัจจุบันเลยแม้แต่น้อยนิด
ส่วนตัวเขาเอง เขาเติบโตขึ้นมากับการดูแลของเธอ เธอช่างเข้มงวดเรื่องการสถานที่ แต่ในขณะเดียวกันก็โอนอ่อน กระทำในสิ่งที่เขานิยมชมชอบ และหลีกเลี่ยงสิ่งที่เขาไม่พึงพอใจ หากไม่นับเรื่องการออกนอกคฤหาสน์ เขาก็นับว่ามีชีวิตที่แสนสบายเหมือนเป็นเจ้าชายในเทพนิยายเลยทีเดียว
แล้วฮิโรชิเติบโตขึ้นมายังไงกันนะ
ความทรงจำอดีตชาติส่งผลกับเขาถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ถ้าเช่นนั้น เขาก็ต้องทราบว่าสิ่งใดที่อายาซาชิรู้สึก แล้วตัวเขาเล่า รู้สึกต่อสิ่งที่เกิดขึ้นหรือความทรงจำนั้นอย่างไร ความรัก...นั่นเป็นสิ่งที่ตัวเขาเองรู้สึก หรือเป็นสิ่งที่ส่งผ่านมาถึงปัจจุบันกันแน่ หากไม่มีห้วงความทรงจำนี้ ความเสน่หาความหลงใหลที่พร่ำบอกมานับครั้งไม่ถ้วนนั่นจะยังมีอยู่อีกหรือ
ทริสทรี่นั่งมองร่างนิทราอยู่นานกระทั่งเข็มสั้นของนาฬิกาเคลื่อนคล้อยไปหลายครั้งเลยทีเดียว ร่างงามรูปใบหน้าจริงจังแม้ยามหลับนั่นพลางเอื้อมมือไปสัมผัสเบาๆ “ผ่อนคลายเสียบ้างสิ”
เขาไม่ใช่คนใจร้าย ถึงจะไม่เห็นด้วยกับวิธีการที่อีกฝ่ายใช้ แต่ก็ไม่ได้รังเกียจรังงอนเสียทีเดียว บางที อีกฝ่ายอาจเคยผิดหวังกับความรักในอดีต หรือเติบโตขึ้นมากับความทรงจำความรู้สึกของอายาซาชิที่มีมากเกินไป มันจึงได้หลอมหลวมความคลั่งไคล้อันดูผิดมนุษย์นี้ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว แต่เขามีตัวตนในร่างปัจจุบันในนามฮิโรชิอยู่แล้ว เขาจึงต้องการใช้ตัวตนของตัวเองแทนที่ตนในอดีตชาติ
ความทรงจำก่อนสิ้นใจในวินาทีนั้น มันฝังรากลึกในจิตวิญญาณ ส่งผ่านมาถึงยุคสมัยนี้เชียวหรือนี่...
“เจ้าคิดอะไรไปเรื่อย แม้แต่ยามหลับ” ทริสทรี่มองร่างนั้นด้วยความเอ็นดู ความรู้สึกอคติต่อฮิโรชิลดลงอย่างมากตั้งแต่ครั้งเรียกชื่อคราวก่อน คนเจ้าแผนการก็มีมุมที่ใสซื่อต่อความรักเหมือนเด็กสาวแรกรุ่นอยู่เหมือนกัน นั่นทำให้เขารู้สึกขบขันอยู่ในใจอย่างบอกไม่ถูก “วางใจเถอะ ตอนนี้ข้ายังไม่หนีเจ้าไปหรอก”
‘...ข้าต้องรักษาชีวิตวาเลนเซีย...’
ใบหน้านั้นผ่อนคลายลงเล็กน้อยเหมือนตอบรับน้ำเสียงหวานนั้นได้ ทริสทรี่ถอนหายใจออกมาเบาๆ พลางนึกถึงหญิงสาวผู้ดูแลตนมาทั้งชีวิต
เมื่อคิดเรื่องเธอขึ้นมา ความรู้สึกผิดก็แล่นวาบเข้าสู่หัวใจเหมือนพิษงูร้ายที่กัดกร่อน ป่านนี้เธออยู่ที่คฤหาสน์จะเป็นอย่างไร จะออกตามหาเขาไหม กำลังรอคอยให้เขากลับไปอยู่หรือเปล่า หรือเธอจะเข้าใจว่าเขาแอบหนีออกมาเที่ยวเล่นชั่วครั้งชั่วคราวและกำลังเดินทางกลับไป แต่ที่ใช้เวลานานนั่นเพราะหลงทาง ซึ่งเป็นอย่างนั้นเสียดีกว่า เพราะสิ่งเดียวที่เขาหวังคือเธอคงไม่เข้าใจว่าเขาถูกใครสักคนจับตัวไป แล้วไประบายความโกรธแค้นลงกับผู้คนในหมู่บ้านเชิงเขา
ภาพการฟาดฟันระหว่างวาเลนเซียกับนักล่าแวมไพร์คือภาพของสงครามขนาดย่อมดีๆ นี่เอง ดูจากอุปนิสัย เขาอดคาดหวังไม่ได้ว่าอย่าให้เธอกระทำสิ่งนั้นเชียว
แต่ทุกสิ่งที่กระทำไป ทั้งหมดเป็นเพราะเธอห่วงใยเขา...เป็นคำตอบเดียวจริงๆ
หากเขาเกลี่ยกล่อมให้ฮิโรชิยุติการเล็งวาเลนเซียในฐานะเหยื่อกระสุนสำเร็จเมื่อไหร่ เขาต้องหาทางกลับไปพบเธออีกครั้งให้ได้!
เธอตื่นพร้อมกัน ผล็อยหลับไปพร้อมกัน และตื่นขึ้นมาช่วงบ่ายพร้อมกันอีกครั้ง
ฮิโรมิส่องกระจกถือดูตาโหลๆ ของตัวเองด้วยความชอกช้ำ ตลอดอายุการเป็นคุณหนูมาสิบกว่าปี เธอไม่เคยตกอยู่ในสภาพน่าอนาถขนาดนี้มาก่อน จะให้คนอื่นมาเฝ้าแทนก็ไม่ได้ เพราะคนที่วาเลนเซียยอมรับข้อแม้ว่าจะไม่จับกินมีแค่เธอกับพี่ชาย ส่วนคนอื่นๆ คงไม่แคล้วมีชะตากรรมเหมือนผู้ชายเมื่อคืน เด็กหญิงนั่งเศร้าอยู่บนเก้าอี้พลางยกครีมบำรุงรอบดวงตาขึ้นมาทา
‘รอบดวงตาสวยๆ จงกลับมา!’
วาเลนเซียไม่ใส่ใจคนที่พึมพำอะไรสักอย่างระหว่างทาครีม เธอไม่ใส่ปัญหาผิวกายมาหลายร้อยปีแล้ว ความอ่อนเยาว์ยืนนานเสมือนสัญลักษณ์ของแวมไพร์ อายุของเธอหยุดลง ณ ยี่สิบปีเศษมานานเหลือเกิน และเธอพึงพอใจกับมัน
เหมือนจะอ่านใจกันได้ ฮิโรมิลดกระจกด้วยสีหน้าเซ็งๆ “ถ้าฉันเป็นแวมไพร์ รอยรอบดวงตาฉันจะหายไปบ้างไหม”
“เจ้าอยากสูญเสียชีวิตกลางแสงแดดไปเพียงเพื่อความสวยงามรึ?” วาเลนเซียไม่ตอบคำถาม แต่กลับให้ข้อคิดแทน เธอชื่นชมบูชาสายเลือดแวมไพร์ แต่ในขณะเดียวกันก็ยอมรับว่าข้อตำหนิเรื่องแสงแดดเป็นข้อตำหนิที่ร้ายแรงข้อหนึ่งเลยทีเดียว “ที่สำคัญ อายุของเจ้าจะหยุดลง เจ้าจะเป็นเด็กตลอดกาล เจ้ายอมรับได้หรือ”
“ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้นจริงๆ หรอกน่า” ฮิโรมิแก้ตัว ช่วงนี้เธอกำลังภูมิใจกับความสูงที่กำลังขึ้นพรวดพราดตามช่วงวัยอายุแปดปี เรื่องอะไรจะให้มันหยุดแค่นี้กัน เธอกลับไปมองกระจกอีกครั้ง “แต่ผู้หญิงที่อยากเป็นแวมไพร์เพื่อความงามและความเยาว์วัยยืนนานมีอยู่จริงๆ นะ แล้วเธอล่ะ เกิดขึ้นมาก็เป็นแวมไพร์แล้ว หรือค่อยมาเป็นทีหลัง”
ไม่มีเสียงตอบรับจากวาเลนเซีย ทำให้เด็กหญิงรู้สึกเล็กน้อยว่าเธอกำลังล่วงล้ำเรื่องส่วนตัวของหญิงสาว บางทีเจ้าหล่อนอาจไม่อยากให้ใครมายุ่งเรื่องนี้นัก แต่ไม่ว่าคำตอบจะออกในทิศทางใด มันก็ไม่ได้สำคัญอยู่แล้ว ตอนนี้วาเลนเซียเป็นแวมไพร์ เป็นมาหลายร้อยปี ใช้ชีวิตอยู่ในฐานะนี้มานานกว่าอายุขัยในฐานะมนุษย์เสียอีก
ถ้าไม่ติดว่าคนบนเครื่องมีมากเกินไป เธอจะดื่มเลือดแอร์โฮสเตสคนนั้นแทน ‘เครื่องดื่มแรงๆ’ ที่ออเดอร์ไป
เมอยาสก้านั่งดูดน้ำอัดลมหวานแสบซ่าด้วยอาการเซ็งสุดขีด เธออาจจะอายุสิบสี่ แต่อีกไม่กี่ปีก็จะครบสิบแปดแล้ว เธอไม่มีทางแจ้งตายให้กับตัวเอง และในประวัติก็ยังไม่ฟันธงลงไปว่าเธอสิ้นชีวิตแล้ว แม้เธอจะมีรูปร่างของเด็กอายุสิบสี่ เรื่องแบบนี้เครื่องสำอางพรางให้ได้ทั้งนั้น แถมส่วนสูงก็ไม่เป็นปัญหา ผู้หญิงตัวเตี้ยกว่าปกติ (เมื่อเทียบกับอายุ) มีมากมาย เธอก็เป็นแค่หนึ่งในพวกนั้นเท่านั้นเอง
รอให้ครบสิบแปดก่อนเถอะ เธอจะจำชื่อและสายการบินให้แม่นๆ แล้วกระแทกรองเท้าบู้ทส้นตึกขึ้นมาสั่งเครื่องดื่มใหม่ ถ้ายังได้น้ำอัดลมอีกล่ะก็ เธอจะโยนบัตรที่ระบุวันเดือนปีเกิดใส่นางฟ้านกรู้ให้หงายเสียเลย!
เครื่องบินแลนดิ้งลงในตอนเช้ามืดในวันเดียวกัน เธอลุกขึ้นบิดขี้เกียจเล็กน้อยเพื่อขับไล่ความเมื่อยล้า เมื่อครู่เธอนอนพักเอาแรงจนตอนนี้ตาสว่างพอสมควรแล้ว เตรียมตัวไว้ก่อนได้เปรียบ นอนพักเข้าห้องน้ำเสียตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วใช้สองเท้าย่ำต๊อกไปหาวาเลนเซียให้เร็วที่สุดย่อมเป็นแผนการที่ยอดเยี่ยมหาสิ่งใดเปรียบ
เพราะใช้เสื้อผ้าแบบครั้งเดียวทิ้ง เมอยาสก้าผู้ไม่คิดจะแบกสัมภาระให้ยุ่งยากเช็ดไม้เช็ดมือหลังออกจากห้องน้ำ เธอเงยหน้ามองผู้คนหลากสัญชาติหลายเชื้อสายด้วยสีหน้าหนักอึ้ง แค่เดินทางมายังในประเทศที่ไม่เคยมาเยือนสักครั้งก็น่าเหนื่อยใจแล้ว เธอยังต้องหาสถานที่ที่พวกนั้นอยู่อีกหรือนี่ เด็กสาวเปิดโทรศัพท์อ่านข้อมูลแผนที่ที่พวกสาวใช้ให้มาอย่างละเอียด อันที่จริง สาวๆ พวกนั้นไม่ไว้ใจคนแปลกหน้าหรอก แต่เธอมีนัยน์ตาผ่านตลอดเป็นเครื่องมือ แม้แต่ความลับที่ลึกที่สุดก็ล้วงออกมาได้ง่ายๆ คำโกหกหลอกลวงล้วนถูกคัดกรองออกไปจนหมดสิ้น มีเพียงจริงสำหรับเจ้านายอย่างเธอ
เมอยาสก้ารู้ว่าสิ่งนี้คือพรจากพระผู้เป็นเจ้าตั้งแต่วินาทีแรกที่ฟื้นขึ้นมาเลยทีเดียว
ภัตตาคารแห่งนั้นเปิดยี่สิบสี่ชั่วโมง ตั้งอยู่ในย่านการค้าชื่อดัง คาดว่าคงหาไม่ยากนัก เพราะเมื่อลองค้นข้อมูลดูดีๆ ก็พบว่ามีรีวิวในเว็บท่องเที่ยวเขียนไว้มากมาย ส่วนใหญ่มักแฝงความประทับใจเสียมากกว่าคำวิจารณ์ทางลบ คะแนนรสชาติก็น่าสนใจ ถึงเธอจะต้องหาเลือดเป็นมื้อเช้าก่อนพระอาทิตย์ขึ้น แต่หลังจากเบรกฟาสต์แล้ว เธอจะไปรับประทานของว่างเล็กๆ น้อยๆ จะเป็นไร ถึงไม่เจอวาเลนเซีย แต่น่าจะมีเบาะแสให้สาวถึงอยู่
เบรกฟาสต์ของเธอไม่ได้เกิดขึ้นบริเวณสนามบิน แต่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลใกล้ๆ กันนั้น เธอแตกต่างจากวาเลนเซียก็ตรงการปลูกฝังการเรียนการสอน ในวิชาสุขศึกษาย้ำเตือนถึงสุขลักษณะในการรับประทานอาหารและโรคติดต่อ เธอไม่อยากเป็นแวมไพร์ตนแรกที่ขึ้นชื่อว่าเป็นโรคร้ายแรงพวกนั้นหรอก โรงพยาบาลจึงเป็นสวนสวรรค์ขนาดย่อม สะอาดและฟรีสำหรับแวมไพร์ผู้หิวโซ
เธอซื้อร่มเพื่อป้องกันแสงแดด ภาพของเด็กสาวสวมชุดคลุมกันฝนปิดทั้งร่างสีช็อคกิ้งพิ้งค์และร่มสีเดียวกัน กำลังเดินท่ามกลางสภาพอากาศที่ยังไม่ก่อเค้าฝน แลดูแปลกในสายตาของคนที่เดินผ่านไปมาอยู่บ้าง แต่ทุกคนล้วนมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือความวางเฉย พวกเขาคิดอยู่ในใจและผ่านเลยไป ไม่มีสักคนที่เดินเข้ามาถามเหตุผล อาจเพราะทุกคนก็มีเรื่องที่ดูไร้เหตุผลในสายตาคนอื่นกันทั้งนั้น
ภัตตาคารอาหารจีนยี่สิบสี่ชั่วโมงที่เธอตามหาปรากฏอยู่เบื้องหน้าท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่สอดส่อง แต่ร่มคันใหญ่ช่วยกันแสงได้ พอๆ กับชุดกันฝนหนาทึบที่ไม่ยอมให้มันลอดมาเผาไหม้ผิวหนังของเธอได้ เธอเดินเข้าไปหลบภายในด้วยฝีเท้าที่เร็วกว่าปกติเล็กน้อย ถึงจะป้องกันอย่างดี เธอก็ไม่อยากเสี่ยงอยู่ใกล้แสงแดดมากเกินไป
เธอนั่งลงตรงเก้าอี้ที่พนักงานต้อนรับเดินนำมา และสั่งรายการแนะนำทุกอย่าง เธอตบเงินสดของนักธุรกิจรายที่สองมาได้ มันเพียงพอจะซื้อแหวนเพชรน้ำงามได้หลายวงเลยทีเดียว
ใช้เวลาพักหนึ่ง อาหารแนะนำของภัตตาคารก็ถูกจัดการเรียบ เมอยาสก้ารู้สึกอิ่มจนขยับตัวแทบไม่ได้ นั่นไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก เมื่อดูจากปริมาณอาหารและเลือดที่ดื่มเข้าไปตอนเช้ามืด มันน่าประหลาดใจว่าเธอยังไม่อาเจียนออกมาด้วยความจุกเสียมากกว่า เธอเรียกพนักงานเสิร์ฟชุดกี่เพ้าคนหนึ่งมาสบตากัน ได้เวลาทำภารกิจหลักเสียที
“รู้จักวาเลนเซียไหม”
พนักงานเสิร์ฟคนนั้นสั่นศีรษะ เมอยาสก้าส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอเบาๆ
“แล้วฮิโรมิล่ะ” คำตอบของพนักงานยังคงเดิม เธอคิดสะระตะเล็กน้อย พวกสาวใช้บอกว่าลูกเจ้าของภัตตาคารรู้จักกับสองพี่น้องดี เพราะเคยมาพักด้วยกันที่ญี่ปุ่น แต่พนักงานสาวคนนี้อาจเพิ่งเข้าทำงานเป็นวันแรก ไม่มีกฎเสียด้วยว่าพนักงานต้องรู้จักเพื่อนเจ้านายดีทุกคน “งั้นไปตามเจ้านายเธอมาซิ”
ลี่อินนั่งลงเบื้องหน้าเมอยาสก้าด้วยสีหน้าต้อนรับขับสู้เต็มที่ ถึงพนักงานเสิร์ฟผู้โดนสะกดจิตจะไม่บอกเล่าเก้าสิบเลยสักคำ เธอก็พร้อมจะอำนวยความสะดวกแก่ท่านลูกค้าผู้มีอุปการคุณทุกคนอยู่แล้ว คำตำหนิเรื่องรสชาติ ความสะอาด กิริยาพนักงาน หรือคำชมเชย จะเรื่องอะไรเธอก็ผ่านมาแล้วทั้งนั้น คำว่า ‘มืออาชีพ’ แทบจะไหลเวียนในสายเลือดมังกรเลยทีเดียว “มีอะไรหรือคะ”
“ฉันอยากรู้ว่าฮิโรมิอยู่ที่ไหน”
ลี่อินลังเลอยู่ในใจ แม้หน้าตาจะยิ้มพรายตามปกติ “คุณลูกค้าเป็นเพื่อนฮิโรมิหรือคะ”
นัยน์ตาสีแดงสะกดอีกฝ่ายวูบ “ตอบคำถามมาก็พอ”
To be continue.
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ