The last Blood.สายเลือด นิทรา [BL , Yaoi]
เขียนโดย เฟรล่าฟลอเร
วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เวลา 18.47 น.
แก้ไขเมื่อ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557 19.00 น. โดย เจ้าของนิยาย
11)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“คุณลูกค้าคะ ยังไม่ได้ชำระเงินเลยนะคะ”
พนักงานเสิร์ฟคนหนึ่งเดินเข้ามาขวางหน้าเมอยาสก้าไว้โดยเร็ว เมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะเดินออกจากร้านทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เรียกชำระค่าอาหาร
เด็กสาวตรวจดูเครื่องแต่งกายของตัวเองว่าปิดมิดชิดดีหรือไม่ โดยไม่ใส่ใจต่อคำเรียกนั้นเลย ผิดกับคนที่นั่งหน้าเหม่อมาตั้งแต่เมื่อครู่ที่รีบเดินมาอำนวยความสะดวกเชื้อเชิญให้เธอเดินต่อไปได้ ลี่อินหันมาหาพนักงานของตนเองพร้อมเสียงตวาด “วันหลังห้ามเสียมารยาทต่อท่านเมอยาสก้า”
พนักงานหน้าเสีย ละล่ำละลักขออภัยเป็นการใหญ่ และวิ่งเหยาะๆ ไปบริการลูกค้าท่านอื่นต่อตามสัญญาณมือของเจ้านาย เธอไม่ทราบว่าอีกฝ่ายเป็นคนรู้จักของลี่อินมาก่อนเลย ปกติแล้วลี่อินจะมีมิตรสหายทั้งชาติเดียวและต่างแดนแวะเวียนมาหาอยู่เป็นประจำ กิริยาของเจ้านายเธอมักจะมอบความสนิทสนมกว่านี้ ท่าทีของลี่อินเมื่อครู่เหมือนคนเจอกันครั้งแรกมากกว่า
ความผิดปกตินั่นไม่เล็ดลอดสายตาคมเหยี่ยวของผู้จัดการชิงเฟย ความจริงเขาเป็นผู้จัดการเวลากลางวัน หากไม่มีความจำเป็นเหมือนคืนของฮิโรชิ เขาคงไม่แลกหน้าที่กับผู้จัดการเวรกลางคืนชั่วคราวหรอก แม้จะต้องโดนตัดเงินเดือนเพราะวันต่อมาปล่อยให้รองผู้จัดการทำหน้าที่เพียงลำพังก็เถอะ
ชิงเฟยเดินเร็วๆ ไปคว้าแขนของคนที่ยืนอยู่หน้าทางเข้าภัตตาคารด้วยสีหน้าที่ทวีความเคร่งเครียดขึ้นหลายเท่า มันเป็นสัญญาณเฉพาะของชายผู้เข้มงวดว่าอย่าได้มีใครเข้ามารบกวนเขาตอนนี้เชียว และมันก็เป็นใบหน้าแบบเดียวกับตอนที่สั่งให้พนักงานเดินไปเสิร์ฟอาหารทีละอย่างๆ แทนที่จะเสิร์ฟพร้อมกันให้เสร็จคราวเดียว ซึ่งพวกเธอไม่กล้าแม้แต่จะโต้แย้งเลยสักนิด
ลี่อินมองเขาด้วยนัยน์ตาว่างเปล่า ไม่แม้แต่จะสะบัดแขนคลายการจับกุม เสมือนว่านอกจากเรื่องของเมอยาสก้า สิ่งใดในโลกก็ไม่อาจเรียกความสนใจจากเขาได้อีกต่อไป ชิงเฟยลากเขาหลบเข้าห้องว่างหลังร้าน เป็นอันรู้กันว่าหลังจากนี้หากมีเรื่องอะไรก็จำต้องเรียกหาเพียงรองผู้จัดการคนเดียวเสียแล้ว แต่ถึงไม่บอก ระดับความเครียดในดวงตาคู่นั้นมากพอจะทำให้พนักงานทุกคนพร้อมใจกันหลบเขา
“ท่านลี่อิน...ลี่อิน” เขากดเสียงกระซิบให้ได้ยินเพียงสองคน “เด็กผู้หญิงนั่นเป็นใคร”
คนที่ไม่มีปฏิกิริยามาตั้งแต่เมื่อครู่ขมวดคิ้ว “ห้ามเสียมารยาทต่อท่านเมอยาสก้า!”
‘เมอยาสก้า?’
ชิงเฟยเกิดและเติบโตกับลี่อิน เรียกได้ว่าไม่มีอะไรที่ในชีวิตของกันและกันที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง ท่าทางของลี่อินไม่ใช่คนที่จะตวาดพนักงานเพราะเรื่องผิดมารยาทเล็กๆ น้อยๆ แน่ ถึงจะชอบแกล้งเขาอยู่เรื่อย แต่ตัวร่างงามเองใจกว้างกับลูกน้องที่เหลือมาก ไม่มีใครในร้านที่ไม่รักเธอหรอก
และเช่นเดียวกัน...เพราะโตมาด้วยกันแบบนี้ เขาถึงรู้จักทั้งมิตรและศัตรูของลี่อินดี เด็กสาวต่างชาติท่าทางเซี้ยวๆ คนนั้นไม่อยู่ในพจนานุกรมรายชื่อของทั้งสองฝั่ง รวมทั้งไม่ใช่ลูกหลานคนใหญ่คนโตที่เขาเคยพบอีกด้วย ไฉนลี่อินถึงต้องให้ความเกรงอกเกรงใจมากขนาดนั้น ยังไม่รวมท่าทางเหม่อลอยแปลกๆ อีก
“ลี่อิน คุณได้ยินผมไหม เด็กนั่น...เมอยาสก้าบอกอะไรกับคุณ”
แม้เขาจะพยายามส่งเสียงเรียกและจับแขนทั้งสองเขย่าเบาๆ เพื่อสร้างปฏิกิริยา แต่ทุกสิ่งยังคงสงบนิ่งไม่ไหวติง ร่างในชุดกี่เพ้าสตรียืนนิ่งเหมือนหุ่นยนต์ ที่มากกว่านั้นยังเป็นหุ่นยนต์ของเมอยาสก้าเสียด้วย ตราบใดที่เด็กสาวไม่ป้อนคำสั่ง ลี่อินจะไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อผู้ใดทั้งสิ้น
‘หรือจะกลัวจนช็อก?’
ชิงเฟยยกมือขึ้นดีดนิ้วใกล้ใบหน้าเพื่อทดสอบสติ แต่ไม่ว่าจะดีดกี่ครั้ง ลี่อินยังคงยืนนิ่งเหมือนหุ่นตั้งโชว์ในร้านขายเสื้อผ้า ลักษณะแบบนี้ดูห่างจากคำว่าช็อกจากความกลัวมากนัก แต่ที่ทำให้เขาหวั่นใจคงเป็นเพราะท่าทางของเธอดูใกล้กับการโดนสะกดจิตหรืออะไรสักอย่างในภาพยนตร์ ซึ่งนั่นไม่ดีแน่
ชิงเฟยถอนหายใจเบาๆ เขาก้มลงจุมพิตริมฝีปากนุ่มอย่างดูดดื่มเสมือนกลีบกุหลาบน้ำเคลือบด้วยมธุรสหวานฉ่ำ แต่สำหรับเขา สิ่งที่เขากำลังจะกระทำต่อไปนี้อาจทำให้จูบนี้กลายเป็นจูบสุดท้ายในชีวิต
“ขอโทษนะ ลี่อิน” เขาจุมพิตริมฝีปากนั้นเบาๆ อีกครั้ง มันอ่อนโยนเช่นเดียวกับน้ำเสียงที่ใช้เอ่ยกล่าวความในใจ “ผมรักคุณ”
ลี่อินส่งเสียงกระอักออกมาทันทีที่แรงหมัดปะทะเข้ากลางลำตัว เขากุมช่วงกลางลำตัวพลางไอติดต่อกันไม่หยุด เมื่อตั้งตัวได้ นัยน์ตาคมสีนิลเงยขึ้นมามองผู้ลงมือด้วยความโกรธเคือง “เดี๋ยวนี้นายกล้าลงมือกับฉันเชียวรึ ชิงเฟย!”
พริบตาเดียว ช่องนิ้วของลี่อินก็ถูกแฝงสลับด้วยด้ามมีดเล็ก ลี่อินสามารถสังหารศัตรูที่อยู่ห่างออกไปได้หลายร้อยเมตร ระยะระหว่างเธอกับชิงเฟยจึงไม่ต่างอะไรกับนักแม่นปืนที่กำลังไปยังเป้ายักษ์ใหญ่ในระยะประชิด ไม่ต้องรอให้มีคำแก้ตัว มีดเล็กพวกนั้นบรรจงเรียงปักกำแพงในจุดที่ชิงเฟยเคยยืนอยู่ทันที
คนที่เบี่ยงตัวหลบอย่างฉิวเฉียดดึงมีดเล่มหนึ่งออกมาจากกำแพงด้วยความเร็ว ก่อนจะใช้มันขว้างกลับไปด้วยความเร็วที่ด้อยเล็กน้อย บ่งบอกถึงฝีมือที่ยังไม่เท่าทันกัน
ลี่อินอึ้ง มิใช่เพราะการโต้ตอบ แต่เป็นตำแหน่งของมีดที่อยู่ห่างจากจุดยืนเดิมของเธอ แม้จะไม่ใกล้ไม่ไกล สำหรับคนฝีมือดีอย่างชิงเฟย การเล็งพลาดถึงเพียงนี้นับว่าเป็นไปไม่ได้เลยทีเดียว
เจ้าของใบหน้าที่จริงจังอยู่ตลอดเวลาทรุดตัวลงกับพื้นอย่างหมดแรง เช่นเดียวกับลี่อินที่คลายจิตสังหารลง เธอเก็บมีดไว้ใต้ชุดอีกครั้ง เรียวขางามเดินนวยนาดเข้ามาใกล้ ก่อนจะย่อตัวลงไปในระดับเดียวกับเขา น้ำเสียงเย้ายวนถูกงัดออกมาใช้อีกครั้ง แสดงถึงสติที่กลับคืนมาอย่างสมบูรณ์ “ไหน...เล่ามาซิ”
สายด่วนถูกโทรเข้าหาฮิโรมิโดยเร่งด่วน สิ่งเดียวที่ลี่อินหวังคือเด็กหญิงจะรับมือเรื่องนี้ได้ดีกว่าเธอ
“เด็กคนนั้นคงจะมีวิชาจำพวกสะกดจิตหรือยากล่อมประสาทบางตัว แต่ที่ออกฤทธิ์เร็วขนาดนี้ไม่เคยพบเคยเห็น เห็นทีฉันคงต้องไปตรวจหาสารพิษเสียแล้ว อะไรที่เร็วมากไปย่อมไม่ดี ครีมผิวขาวที่ให้ผลเร็วเกินไปล้วนเป็นสเตียรอยด์” ลี่อินบ่นกับตัวเอง เธอยิ้มยั่วเย้า “ไง ไม่คิดถามหารางวัลอะไรกับฉันหน่อยรึ”
“ผมต้องทำงาน”
คำตอบง่ายๆ ทำให้สีหน้ามาดมั่นของลี่อินชะงักไปเล็กน้อย เธอส่งเสียงประชดในลำคอ
“ฉันน่าจะฆ่านายให้ตายไปเสียตั้งแต่เมื่อกี้นี้นะ”
คนโดนงอนอ่อนลงเล็กน้อย “เมื่อคืนผมเจอสถานที่ดีๆ...เป็นสะพานข้ามแม่น้ำที่บรรยากาศค่อนข้างเยี่ยมทีเดียว เผื่อคุณสนใจจะก่อกวนผมนอกเวลางาน”
ลี่อินยืดตัวขึ้นสูงพลางเลิกคิ้ว นั่นเป็นสัญญาณให้ชิงเฟยรู้ว่าเขาควรจะง้อเช่นไร
เขาอยู่ในท่าคุกเข่าประหนึ่งขอความรักจากหญิงสาวผู้สูงศักดิ์ ก่อนจะจุมพิตหลังมือซ้ายนั้นอย่างนุ่มนวล “ได้โปรดไปกับผมได้ไหม ท่านลี่อิน”
รอยยิ้มพึงพอใจฉายอยู่บนใบหน้าแทนคำตอบ
ฮิโรมิวางสายที่โทรเข้ามาเตือนเรื่องเด็กสาวผมแดงอายุประมาณสิบสี่ที่กำลังตามหาเธออยู่ พร้อมด้วยรูปพรรณสันฐานจากกล้องวงจรปิดภายในร้านที่ส่งมาหลังจากนั้น เธอเดินทางไปเที่ยวหลายประเทศและผูกมิตรกับเพื่อนใหม่ได้มากเช่นกัน แต่ส่วนใหญ่มักเป็นผู้ใหญ่หรือรุ่นราวคราวเดียวกันเสียมากกว่า แถมคนผมแดงยังมีน้อยมากๆ อีกด้วย ถ้าเธอรู้จักก็ไม่น่าจะลืมได้ลง
เธอนึกถึงคำพูดของพวกสาวใช้ขึ้นมาได้ และโทรกลับบ้านโดยเร็ว พวกสาวใช้พิจารณารูปเหล่านั้น โดยแปดในสิบส่วนลงความเห็นว่าน่าจะเป็นคนเดียวกับที่มาเยือน
“แล้วพวกเธอมีอาการแปลกๆ บ้างไหม” ฮิโรมินึกถึงคำเตือนเรื่องการสะกดจิตและยากล่อมประสาท ดูจากวิธีตามหาก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายต้องไม่ได้มาด้วยจุดประสงค์ดีๆ แน่
สาวใช้คนหนึ่งลังเล “อันที่จริงก็...ดิฉันเองล่ะค่ะ ขออภัยด้วยนะคะ คุณหนู ดิฉันไม่ได้ตั้งใจจะบอกที่อยู่ของคุณหนูเลยนะคะ พอรู้สึกตัวอีกที เวลาก็ผ่านไปนานมาก ดิฉันรู้สึกเหมือนโดนสะกดจิตหรืออะไรที่ว่านั่นเลยล่ะค่ะ คุณหนู มันเกิดอะไรขึ้นหรือคะ”
โชคดีที่งานนี้เป็นเธอ เพราะขืนพี่ชายเป็นคนโดนบอกล่ะก็ ชะตากรรมของสาวใช้คนนั้นต้องน่าสงสารมากแน่ๆ ฮิโรมิตัดบทเพราะไม่มีความจำเป็นต้องให้ใครมาเกี่ยวข้อง แถมเธอคนนั้นก็เดินทางมาเยือนเรียบร้อยแล้ว
จุดสังเกตที่ดูจะสะดุดใจเธอได้เป็นพิเศษคงไม่พ้นการแต่งตัว เธอแต่งกายมิดชิดตอนเข้ามา และกังวลเรื่องเครื่องแต่งกายตอนจะออกไปอีกครั้งถึงขั้นตรวจตราอยู่พักหนึ่ง ลักษณะแบบนี้ใช่ว่าเธอจะไม่เคยพบ ในเมื่อคนที่เธอพาเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาตามหาเจ้านายก็มีลักษณะแบบนี้เหมือนกัน!
เด็กหญิงหน้าตาตื่น เธอกระโดดผลุงลงจากเก้าอี้วิ่งไปหาวาเลนเซีย ไหนอีกฝ่ายบอกว่าไม่นิยมคบค้าสมาคมกับผู้อื่นไงเล่า! “วาเลนเซีย! วาเลนเซีย! เพื่อนเธอตามหาเธออยู่หรือเปล่า!”
หญิงสาวกลอกตาไปมาอย่างรำคาญ “ก็ฉันบอกว่า...”
ก่อนที่จะปฏิเสธด้วยถ้อยคำเดิมๆ ภาพในมือถือถูกจ่อตรงหน้าเธอแทบจะประชิดติดกัน เธอคว้าเทคโนโลยีโลกปัจจุบันมาดูให้เห็นชัดๆ เพื่อจะได้ปฏิเสธได้อย่างเต็มปากเต็มคำ ซึ่งหมุนก็แล้ว พลิกซ้ายพลิกขวาก็แล้ว ใบหน้าเมอยาสก้ายังไม่ตรงกับใครในความทรงจำเลยสักคน “ไม่ ข้าไม่รู้จักแน่ๆ นางมีปัญหาอะไรรึ”
“ลี่อิน ผู้ชาย...ผู้หญิง...เอ่อ...เอาเป็นว่าคนสวยๆ ที่ภัตตาคารที่เราเพิ่งไปกันนั่นน่ะ เธอโทรมาบอกว่าคนในภาพใช้กำลังตามหาฉันอยู่ แถมเธอยังใช้วิชาสะกดจิตได้อีกต่างหาก!”
วาเลนเซียทำหน้าเหม็นเบื่อ “งั้นเหรอ ดูเจ้าไม่ได้ยินดีกับการมาของนางเลยนี่ เจ้ากับพี่ชายคงไม่ได้ขัดขาแค่แวมไพร์อย่างข้าคนเดียวสินะ อย่าหวังว่าข้าจะปกป้องเจ้า แค่เจ้าไม่ตายหรือเหลือสติสัมปะชัญญะอยู่ ข้าก็ตามหานายท่านได้แล้ว ในข้อแม้ของเจ้าไม่ได้มีเรื่องปกป้องอะไรนี่อยู่เสียด้วย”
ฮิโรมิฟังคนที่ปัดภาระให้พ้นตัวแล้วนึกโมโห
“เธอคิดว่าฉันบุกเข้าปราสาทแวมไพร์เป็นงานอดิเรกงั้นเหรอ? ถ้าไม่ใช่ว่าเธอเล่นไปฆ่าคนเกือบยกหมู่บ้าน ฉันก็ไม่แกว่งเท้าหาเสี้ยนหรอกน่า ฟังนะ! ฉันอาจไม่แน่ใจเท่าไหร่เรื่องพี่ชาย แต่ยกเว้นทริสทรี่ เขาคงไม่ไปหาเรื่องแวมไพร์ตัวอื่นแล้วล่ะ สรุปคือแวมไพร์ที่ทั้งฉันและพี่ชายไม่รู้จักกำลังมา และฉันคิดว่าเขามาด้วยเรื่องของเธอ!”
วาเลนเซียทำหน้าตาประหนึ่งฟังเรื่องลวงโลก “หาข้า? หาข้าน่ะหรือ? ระหว่างที่เดินทางอยู่ พี่ชายเจ้าอาจไปขัดขาใครเขาเข้าจริงๆ ก็ได้ ตอนนี้เจ้าก็ไม่รู้ว่าพี่ชายกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหนมิใช่รึ...”
เสียงข้อความเข้าเป็นสัญญาณเฉพาะสำหรับเรื่องฮิโรชิดังขึ้นพยางค์ท้ายสุดพอดิบพอดี
“ถ้าเป็นเรื่องนั้น ฉันว่าฉันรู้แล้วล่ะ” ฮิโรมิอ่านชื่อสถานที่เบาๆ “อยู่ไม่ไกลจากที่นี่”
“งั้นรีบไปกันเถอะ”
ฮิโรมิเสียงหลง “เธอจะไม่จัดการยัยนั่นให้ฉันจริงๆ เหรอ!”
“ไม่มีแวมไพร์ตนไหนได้เปรียบตอนกลางวันทั้งนั้นแหละ” วาเลนเซียส่งสายตาหงุดหงิด “เธอจะรออยู่ที่นี่ให้ยัยเด็กนั่นตามมาฆ่าถึงที่ หรือจะรีบไปหานายท่านกับข้า!”
ฮิโรมิเรียกหน่วยคุ้มกันพิเศษมาดักรออยู่ที่คอนโดระหว่างเก็บข้าวเก็บของหลบหนีไปด้วยความเร็วสูงสุด ถ้าเมอยาสก้ามาจริงๆ พวกเขาคงจัดการอะไรได้บ้าง พวกเขาฝีมือดี แถมตอนนี้ยังเป็นช่วงเวลาที่แวมไพร์เสียเปรียบมากที่สุดตามคำบอกเล่าของวาเลนเซีย
เธอคิดถึงตอนทัดท้านเรื่องที่เขาต้องการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับทริสทรี่ในปราสาทแสนสุข สลับกับข้อความแสดงความอยู่ดีแฮปปี้ไลฟ์ที่พูดคุยกับเธออยู่เนืองๆ อย่างขมขื่น
‘พี่ชาย! ทั้งหมดนี้มันควรเป็นความวุ่นวายของพี่ชายไม่ใช่เหรอ!’
To be continue.
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ