The last Blood.สายเลือด นิทรา [BL , Yaoi]
9.0
เขียนโดย เฟรล่าฟลอเร
วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เวลา 18.47 น.
24 ตอน
0 วิจารณ์
25.69K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557 19.00 น. โดย เจ้าของนิยาย
1)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความวาเลนเซียเดินลงมายังหมู่บ้านเชิงเขาเพื่อซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็นตอนเช้าตรู่
เธอนึกเกลียดความพลุ่กพล่านของผู้คนและศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดนี้นัก ค่าที่มันแลดูวุ่นวายและทำลายความเงียบสงบของสถานที่ไปมากโข แวมไพร์รุ่นเก่าอาจสร้างคฤหาสน์ในป่าลึกเพื่อปลีกวิเวกจากสังคมมนุษย์ แต่มาบัดนี้ พวกเธอคือคนจากคฤหาสน์ในหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยผู้คนจากการบุกรุกพื้นที่ป่า ส่วนที่ยังคงเหลืออยู่คือด้านซ้ายของคฤหาสน์ ซึ่งโชคดีเหลือเกินที่เป็นด้านระเบียงของทริสทรี่พอดี แม้เธอจะต้องหันหน้าเข้าหาชุมชนมนุษย์ที่แสนจะน่ารังเกียจ แต่เจ้านายของเธอยังได้ชมวิวสวยๆ ของแมกไม้และธรรมชาติ
เพราะติดชายป่าอย่างนี้เอง นักพัฒนาของเมืองจึงได้สร้างให้สถานที่แห่งนี้เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยว และยังแอบโปรโมตเชิงปากต่อปากว่าคฤหาสน์ของเธอเป็นคฤหาสน์ของแวมไพร์
น่ารังเกียจนัก!
วาเลนเซียสวมเครื่องแต่งกายสีดำคาดเอวแดงแบบที่ชอบโดยมีลักษณะปิดถึงลำคอ ข้อมือ คลุมเท้า และยังมีถุงมือ หมวกปีกกว้างสีดำสนิท และแว่นตากันแสงอันหนึ่ง ชุดของเธอชุดนี้เป็นชุดที่ซื้อในยุคปัจจุบัน จึงไม่จำเป็นต้องกังวลต่อสายตาคนมองแต่อย่างใด
ข้อดีของการเป็นครึ่งมนุษย์คือเธอยังสัมผัสกับแสงได้ แม้อุณหภูมิที่เคยเย็นสบายสมัยหลายร้อยปีก่อนจะร้อนเหมือนอยู่ท่ามกลางแสงจ้ายามเที่ยงวัน แต่มันก็เป็นแสงที่ร้อนน้อยที่สุดในรอบวัน
ใต้ร่มเงาของต้นไม้ที่แสงส่องไม่ถึง เธอตรวจทานของที่จำเป็นกับรายการที่จดไว้ในกระดาษ ประกอบไปด้วยเครื่องอุปโภคและผลิตภัณฑ์สำหรับทำความสะอาด ซึ่งใช้งานง่ายกว่าในอดีตมาก ชุดด้ายและเข็ม และผ้าเนื้อดีที่สั่งไว้กับร้านค้าผ้าเป็นพิเศษเพื่อตัดเย็บชุดใหม่ให้เจ้านาย การขึ้นเขาลงเขาเป็นงานง่ายสำหรับแวมไพร์ แต่การเผชิญแดดร้อนๆ เป็นครั้งที่สองในรอบหนึ่งเดือนคือสิ่งสุดท้ายที่เธอต้องการ
อย่างไรก็ตาม วาเลนเซียไม่มีกระจิตกระใจในการทำแบบนี้เท่าไหร่นัก เพราะเธอรู้สึกสังหรณ์ใจอย่างบอกไม่ถูก แวมไพร์ยังมีกล้ามเนื้อส่วนตาให้กระตุกได้...และตอนนี้ตาขวาของเธอกำลังกระตุกยิบๆ ไม่หยุด!
เสียงฝีเท้าของวาเลนเซียผ่านไปแล้ว ทริสทรี่ลืมตาขึ้นอย่างระมัดระวัง เธอคงไม่เดินมาตรวจอีกเป็นรอบที่สอง ตราบใดที่ยังไม่เข้าสู่ช่วงกลางคืน ข้อจำกัดของเธอมีมากกว่าเขามาก อาทิเช่น ร่องรอยของมนุษย์ที่ยังหลงเหลืออยู่ มนุษย์มีเวลานอนครึ่งหนี่งของเวลาในแต่ละวัน นั่นหมายความว่าครึ่งแวมไพร์ยังเหลือความง่วงอยู่ แต่แวมไพร์สายเลือดแท้นั้นไม่
เมื่อผ่านไปจนแน่ใจ ทริสทรี่ลืมตาขึ้นอย่างระมัดระวัง เขาตรงดิ่งไปในห้องลับเล็กๆ และส่งเสียงเรียกคนที่ซ่อนอยู่ใต้น้ำ โดยมีเพียงถังออกซิเจนช่วยการหายใจอยู่ เขามองด้วยความอัศจรรย์ใจ “เจ้าอยู่อย่างนี้มาตลอดจริงๆ น่ะหรือ”
“อาฮ่ะ!” ฮิโรชิพยักหน้าหงึกหงักด้วยความภาคภูมิ พลางก้าวออกจากถังไม้ที่บรรจุน้ำไว้เต็ม “เขาเรียกว่าความฉลาดของคนยุคใหม่ยังไงล่ะ ถ้าเป็นสิ่งนี้ล่ะก็ ต่อให้อยู่ใต้ทะเลอย่างหายใจได้สบายเลยล่ะ”
ทริสทรี่มองของในมืออาคันตุกะผู้มาเยือนอย่างทึ่งปนอึ้ง ในใจนึกเศร้าเล็กน้อย ตั้งแต่เกิดเรื่องในครั้งนั้น วาเลนเซียสั่งให้เขาเก็บตัวเงียบอยู่ภายในคฤหาสน์เพียงอย่างเดียว โลกภายนอกหมุนไปมากมายเท่าไหร่ไม่มีทางที่เขาจะรู้ได้ กระทั่ง วันที่คนใส่เครื่องแต่งกายในแบบที่เขาไม่คุ้นชินได้มาเยือนในที่สุด
ทริสทรี่ลูบไล้ใบหน้าของฮิโรชิด้วยความอาวรณ์ “กี่ปีแล้วนะ...ที่ไม่ได้พบกัน”
“ต้องพูดว่ากี่ร้อยปีมากกว่า” ฮิโรชิฉวยมือเรียวขาวคู่นั้นขึ้นจุมพิต “เราสองคนจากกันไปนานแสนนานเหลือเกิน แต่ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอหายไปอีกแล้ว”
ทริสทรี่หลุบตาลง เขาส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายเดินตามตนมาเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเปียกๆ นั่นออก แต่ดูเหมือนฮิโรชิจะเตรียมพร้อมสำหรับการใช้ถังอากาศอยู่แล้ว นั่นคือเสื้อผ้าที่คล่องตัว เหมาะสำหรับการขึ้นลงภูเขาและการเดินทาง และยังยื่นชุดแบบเดียวกันให้เจ้าของคฤหาสน์อีกตัวหนึ่ง
มือเรียวรับชุดมาด้วยอาการลังเล เขาสบตากับสีนิลคู่นั้นคล้ายไม่เข้าใจว่ามันหมายความเช่นไร
“ไปกับฉันเถอะ จะเป็นอะไรฉันก็หาให้เธอได้”
ทริสทรี่มองไปทางหน้าคฤหาสน์อย่างตื่นๆ ‘ข้างนอกนั่นน่ะหรือ...’
“ถ้าอยู่ที่นี่ ฉันคงโดนวาเลนเซียฆ่าตายเอาสักวัน เหมือนอย่างที่เคยฆ่ายังไงล่ะ เธอไม่รักฉันแล้วหรือ ทริสทรี่ของฉัน” ฮิโรชิสบนัยน์ตาสีแดงก่ำคู่นั้น กระทั่ง คนถูกมองจำต้องเสหลบไปเองด้วยความกดดัน หลายร้อยปีที่ผ่านมา วาเลนเซียคือคนเดียวที่ดูแลเขามาตลอด การจากเธอไปไม่เคยอยู่ในความคิดของเขาเลยสักนิด
มือเรียวกำชุดส่วนของตนแน่น
“ข้า...รัก...อายาซาชิ”
“งั้นไปด้วยกันเถอะ หนีไปจากที่นี่ ไปจากวาเลนเซีย ในโลกที่มีเราแค่สองคน”
ทริสทรี่ลนลาน “แต่...แต่...วาเลน...”
“ถ้าเธอไม่ไป ฉันจะอยู่กับเธอในวันนี้...ตลอดทั้งวัน” ฮิโรชิยิ้มเศร้า “เพื่อให้ฉันได้อยู่กับเธอจนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต แม้วาเลนเซียจะพบและฆ่าฉันก็ตามที”
ทริสทรี่เงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกอดชุดไว้แนบกาย “ข้าจะไป”
ความทรงจำในค่ำคืนนั้นย้อนกลับมาบาดหัวใจเขาเหมือนคมดาบของปิศาจ กลิ่นของตาย ความน่าคลื่นเหียนของเลือดที่เคยเป็นอาหารอันโอชะตลอดมา ซากศพ ความหวาดกลัว ความเย็นเยือกจากหัวใจ ความสับสนวุ่นวาย และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง อายาซาชิ เขาไม่อาจปล่อยให้ภาพแห่งการสูญเสียนั้นเกิดขึ้นได้อีกแล้ว
‘ขอโทษนะ วาเลนเซีย...’
เขาสวมชุดที่ปกปิดส่วนต่างๆ ของร่างกายไว้มิดชิดหลายชั้นจนน่าอึดอัด แต่ก็รู้ดีว่าเพราะแสงแดดภายนอกอาจทำอันตรายเขาได้ แวมไพร์แพ้แสงแดดเสมอ เพราะพวกเขาคือเผ่าพันธุ์แห่งยามนิทรา คือปิศาจร้ายที่สามารถมองเห็นทุกสิ่งได้ในความมืด คืออสูรดูดเลือดอันน่าหวาดกลัวสำหรับมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ แสงแดดและความอบอุ่นจึงเป็นเหมือนสิ่งแผดเผาความชั่วร้ายอย่างเขา
ฮิโรชิจุมพิตร่างนั้นเบาๆ ผ่านผ้าที่ปิดใบหน้าอยู่ “ไปด้วยกัน แล้วฉันจะดูแลเธอให้ดีที่สุดเลยทีเดียว”
ทริสทรี่พยักหน้าเบาๆ พลางเผยรอยยิ้มบริสุทธิ์ที่ไม่มีใครเห็น “ข้าเชื่อใจเจ้า อา...”
“ฮิโรชิ”
“...?”
“จากนี้ เรียกฉันว่า...ฮิโรชิ”
กิจวัตรที่ดีที่สุด ทุกอย่างต้องตรงเวลาที่สุด ก่อนเวลาสามทุ่มจะมาถึง ซึ่งตอนนี้ก็ดูเหมือนจะสองทุ่มครึ่ง
วาเลนเซียเตรียมน้ำให้เจ้านายอาบเรียบร้อย เธอโปรยกลีบดอกไม้และหยดน้ำหอม พร้อมตรวจสอบอุณหภูมิน้ำที่ทริสทรี่ชอบที่สุด และเดินไปเคาะประตูเป็นสัญญาณสำหรับชำระกาย เธอเตรียมเครื่องแต่งกายในห้องเปลี่ยนเสื้อเรียบร้อย ทุกชุดมีการออกแบบอย่างดีที่สุด หรืออย่างน้อย...ก็ดูดีที่สุดในยุคที่เธอเคยเป็นมนุษย์
ส่วนที่เหลือ...
ร่างของ ‘อดีต’ มนุษย์นอนกองอยู่กับพื้น นัยน์ตาทั้งคู่ปริศนาหลับพริ้มเสมือนอยู่ในห้วงฝันอันแสนหวาน แต่เกรงว่าห้วงฝันนั้นคงจะจะเป็นความฝันตลอดกาล เพราะเจ้าของร่างได้สิ้นใจไปตั้งแต่เมื่อหลายนาทีก่อน ส่วนเลือดอุ่นๆ จำนวนหนึ่งถูกเติมลงในถ้วยทองคำขนาดใหญ่สำหรับเจ้านายอันเป็นที่รักของเธอ
...เป็นอีกครั้งที่ตาขวาของวาเลนเซียกระตุก
เธอพยายามบังคับหนังตาของตัวเองไม่ให้สร้างปฏิกิริยาอันใดอีก แม้ข้างนอกนั่นจะมีแต่มนุษย์และผู้คน เผ่าพันธุ์อันแสนน่ารังเกียจที่เธอเกลียดชัง แต่เจ้านายของเธอปลอดภัยอยู่ภายในสถานที่แห่งนี้ ดาบเงินคมกริบเองก็ยังใช้การได้ดี เมื่อรวมกับความสามารถทางกายของแวมไพร์ในยามราตรีอย่างนี้ เธอก็เหมือนมีกำลังพลเป็นร้อยในตัวคนเดียว
ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ...วาเลนเซียทราบดีอยู่แก่ใจ
เธอเคาะประตูตามมารยาท และก้าวเข้าไปในห้อง ปกติแล้วเจ้านายของเธอควรจะนั่งรออยู่ที่เดิม เหม่อมองเพดาน หรือมองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อชมพระจันทร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในคืนที่พระจันทร์กลมโตดวงสวยขนาดนี้ เจ้านายของเธอไม่มีทางพลาดการรับชมไปได้
หรือบางที เขาอาจจะยังอาบน้ำอยู่ เพราะอ่างอาบน้ำอยู่นอกตัวคฤหาสน์ ซึ่งไม่มีหลังคาบัง นานๆ ทีทริสทรี่เองก็มีอารมณ์ผ่อนคลายอย่างนี้เหมือนกัน เธอถือถ้วยทองคำบรรจุเลือดเดินไปยังอ่างน้ำ ขณะที่ในใจกู่ร้องและตาขวาที่กระตุกขึ้นมาซ้ำๆ ฝีเท้าของเธอเร็วขึ้นค้านกับการบอกตัวเองว่าเจ้านายของเธอยังอยู่ในที่นี่ อยู่ในบริเวณของคฤหาสน์!
อ่างน้ำว่างเปล่า
ราวกับสติวาเลนเซียถูกชะไปกับเงาวิบวับของสายน้ำ เธอทิ้งถ้วยทองคำให้กลิ้งอยู่กับพื้น ทิ้งเลือดที่ซ่านกระเซ็นไปทั่วอาณาบริเวณอย่างไม่ไยดี และใช้ความเร็วของแวมไพร์ในตัวที่มีทั้งหมดในการตามหาทริสทรี่ ลากยาวไปจนถึงหมู่บ้านเชิงเขา ร่องรอย กลิ่นต่างๆ เท่าที่จะมีได้ เธอเพิ่งนึกออก กลิ่นประหลาดจางๆ ที่หลงเหลืออยู่ภายในห้องของทริสทรี่เป็นกลิ่นของมนุษย์ เธอพลาด เพราะคุ้นชินกับมันมากเกินไป
เธอไล่ล่าตามหาตามบ้านต่างๆ และในห้องของโรงแรมเล็กๆ ที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ไล่ตามหาคำตอบถึงที่อยู่ของเจ้านายและผู้พาเขาไป มันมีแค่คนเดียวเพราะกลิ่นบอกมาแค่นั้น แต่ก็เจือจางเต็มทน คำถามของเธอจึงมุ่งไปทางเจ้านายผู้เป็นที่รักแทน เธอตื่นตั้งแต่พระอาทิตย์เริ่มตกดิน ไม่มีวันที่พวกเขาจะออกไปหลังจากนั้น
กว่าเธอจะรู้เบาะแสว่าชาวตะวันออกคนหนึ่งพาตัวคนประหลาดที่คลุมร่างกายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าออกไปจากหมู่บ้าน เหตุการณ์นองเลือดกว่าร้อยศพก็เกิดขึ้น ณ หมู่บ้านแห่งนั้นเสียแล้ว
“...และข่าวต่อไป เกิดคดีสะเทือนขวัญชั่วข้ามคืนในหมู่บ้านใกล้เชิงเขา...”
นัยน์ตาสีนิลของเด็กหญิงวัยแปดขวบเบิกกว้าง มันสั่นระริก สะเทือนไปจนถึงร่างที่สั่นเทา เธอดึงฮู้ดของชุดสีชมพูขึ้นมาสวมคลุมศีรษะทับเส้นผมสีน้ำตาลอ่อน ภาพบรรยากาศของสถานที่ผ่านไปทีละภาพๆ เธอไม่ได้หวาดกลัวต่อภาพของซากศพ เพราะโทรทัศน์ไม่ยกมันขึ้นมาฉายด้วยซ้ำ แต่สิ่งเดียวที่ทำให้เธอมั่นใจว่าความกลัวของเธอไม่ผิดพลาด คือภาพของคฤหาสน์แห่งหนึ่งบนยอดเขา
“วาเลนเซีย...ทริสทรี่”
To be continue.
เฟรล่า-ฟลอเร ค่ะ
เรื่องนี้เกี่ยวกับแวมไพร์ค่ะ แต่กลิ่นอายเรื่องจะอยู่ในยุคปัจจุบันนะคะ
หวังว่าจะสนุกกันค่ะ ขอบพระคุณค่ะ
เธอนึกเกลียดความพลุ่กพล่านของผู้คนและศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดนี้นัก ค่าที่มันแลดูวุ่นวายและทำลายความเงียบสงบของสถานที่ไปมากโข แวมไพร์รุ่นเก่าอาจสร้างคฤหาสน์ในป่าลึกเพื่อปลีกวิเวกจากสังคมมนุษย์ แต่มาบัดนี้ พวกเธอคือคนจากคฤหาสน์ในหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยผู้คนจากการบุกรุกพื้นที่ป่า ส่วนที่ยังคงเหลืออยู่คือด้านซ้ายของคฤหาสน์ ซึ่งโชคดีเหลือเกินที่เป็นด้านระเบียงของทริสทรี่พอดี แม้เธอจะต้องหันหน้าเข้าหาชุมชนมนุษย์ที่แสนจะน่ารังเกียจ แต่เจ้านายของเธอยังได้ชมวิวสวยๆ ของแมกไม้และธรรมชาติ
เพราะติดชายป่าอย่างนี้เอง นักพัฒนาของเมืองจึงได้สร้างให้สถานที่แห่งนี้เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยว และยังแอบโปรโมตเชิงปากต่อปากว่าคฤหาสน์ของเธอเป็นคฤหาสน์ของแวมไพร์
น่ารังเกียจนัก!
วาเลนเซียสวมเครื่องแต่งกายสีดำคาดเอวแดงแบบที่ชอบโดยมีลักษณะปิดถึงลำคอ ข้อมือ คลุมเท้า และยังมีถุงมือ หมวกปีกกว้างสีดำสนิท และแว่นตากันแสงอันหนึ่ง ชุดของเธอชุดนี้เป็นชุดที่ซื้อในยุคปัจจุบัน จึงไม่จำเป็นต้องกังวลต่อสายตาคนมองแต่อย่างใด
ข้อดีของการเป็นครึ่งมนุษย์คือเธอยังสัมผัสกับแสงได้ แม้อุณหภูมิที่เคยเย็นสบายสมัยหลายร้อยปีก่อนจะร้อนเหมือนอยู่ท่ามกลางแสงจ้ายามเที่ยงวัน แต่มันก็เป็นแสงที่ร้อนน้อยที่สุดในรอบวัน
ใต้ร่มเงาของต้นไม้ที่แสงส่องไม่ถึง เธอตรวจทานของที่จำเป็นกับรายการที่จดไว้ในกระดาษ ประกอบไปด้วยเครื่องอุปโภคและผลิตภัณฑ์สำหรับทำความสะอาด ซึ่งใช้งานง่ายกว่าในอดีตมาก ชุดด้ายและเข็ม และผ้าเนื้อดีที่สั่งไว้กับร้านค้าผ้าเป็นพิเศษเพื่อตัดเย็บชุดใหม่ให้เจ้านาย การขึ้นเขาลงเขาเป็นงานง่ายสำหรับแวมไพร์ แต่การเผชิญแดดร้อนๆ เป็นครั้งที่สองในรอบหนึ่งเดือนคือสิ่งสุดท้ายที่เธอต้องการ
อย่างไรก็ตาม วาเลนเซียไม่มีกระจิตกระใจในการทำแบบนี้เท่าไหร่นัก เพราะเธอรู้สึกสังหรณ์ใจอย่างบอกไม่ถูก แวมไพร์ยังมีกล้ามเนื้อส่วนตาให้กระตุกได้...และตอนนี้ตาขวาของเธอกำลังกระตุกยิบๆ ไม่หยุด!
เสียงฝีเท้าของวาเลนเซียผ่านไปแล้ว ทริสทรี่ลืมตาขึ้นอย่างระมัดระวัง เธอคงไม่เดินมาตรวจอีกเป็นรอบที่สอง ตราบใดที่ยังไม่เข้าสู่ช่วงกลางคืน ข้อจำกัดของเธอมีมากกว่าเขามาก อาทิเช่น ร่องรอยของมนุษย์ที่ยังหลงเหลืออยู่ มนุษย์มีเวลานอนครึ่งหนี่งของเวลาในแต่ละวัน นั่นหมายความว่าครึ่งแวมไพร์ยังเหลือความง่วงอยู่ แต่แวมไพร์สายเลือดแท้นั้นไม่
เมื่อผ่านไปจนแน่ใจ ทริสทรี่ลืมตาขึ้นอย่างระมัดระวัง เขาตรงดิ่งไปในห้องลับเล็กๆ และส่งเสียงเรียกคนที่ซ่อนอยู่ใต้น้ำ โดยมีเพียงถังออกซิเจนช่วยการหายใจอยู่ เขามองด้วยความอัศจรรย์ใจ “เจ้าอยู่อย่างนี้มาตลอดจริงๆ น่ะหรือ”
“อาฮ่ะ!” ฮิโรชิพยักหน้าหงึกหงักด้วยความภาคภูมิ พลางก้าวออกจากถังไม้ที่บรรจุน้ำไว้เต็ม “เขาเรียกว่าความฉลาดของคนยุคใหม่ยังไงล่ะ ถ้าเป็นสิ่งนี้ล่ะก็ ต่อให้อยู่ใต้ทะเลอย่างหายใจได้สบายเลยล่ะ”
ทริสทรี่มองของในมืออาคันตุกะผู้มาเยือนอย่างทึ่งปนอึ้ง ในใจนึกเศร้าเล็กน้อย ตั้งแต่เกิดเรื่องในครั้งนั้น วาเลนเซียสั่งให้เขาเก็บตัวเงียบอยู่ภายในคฤหาสน์เพียงอย่างเดียว โลกภายนอกหมุนไปมากมายเท่าไหร่ไม่มีทางที่เขาจะรู้ได้ กระทั่ง วันที่คนใส่เครื่องแต่งกายในแบบที่เขาไม่คุ้นชินได้มาเยือนในที่สุด
ทริสทรี่ลูบไล้ใบหน้าของฮิโรชิด้วยความอาวรณ์ “กี่ปีแล้วนะ...ที่ไม่ได้พบกัน”
“ต้องพูดว่ากี่ร้อยปีมากกว่า” ฮิโรชิฉวยมือเรียวขาวคู่นั้นขึ้นจุมพิต “เราสองคนจากกันไปนานแสนนานเหลือเกิน แต่ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอหายไปอีกแล้ว”
ทริสทรี่หลุบตาลง เขาส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายเดินตามตนมาเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเปียกๆ นั่นออก แต่ดูเหมือนฮิโรชิจะเตรียมพร้อมสำหรับการใช้ถังอากาศอยู่แล้ว นั่นคือเสื้อผ้าที่คล่องตัว เหมาะสำหรับการขึ้นลงภูเขาและการเดินทาง และยังยื่นชุดแบบเดียวกันให้เจ้าของคฤหาสน์อีกตัวหนึ่ง
มือเรียวรับชุดมาด้วยอาการลังเล เขาสบตากับสีนิลคู่นั้นคล้ายไม่เข้าใจว่ามันหมายความเช่นไร
“ไปกับฉันเถอะ จะเป็นอะไรฉันก็หาให้เธอได้”
ทริสทรี่มองไปทางหน้าคฤหาสน์อย่างตื่นๆ ‘ข้างนอกนั่นน่ะหรือ...’
“ถ้าอยู่ที่นี่ ฉันคงโดนวาเลนเซียฆ่าตายเอาสักวัน เหมือนอย่างที่เคยฆ่ายังไงล่ะ เธอไม่รักฉันแล้วหรือ ทริสทรี่ของฉัน” ฮิโรชิสบนัยน์ตาสีแดงก่ำคู่นั้น กระทั่ง คนถูกมองจำต้องเสหลบไปเองด้วยความกดดัน หลายร้อยปีที่ผ่านมา วาเลนเซียคือคนเดียวที่ดูแลเขามาตลอด การจากเธอไปไม่เคยอยู่ในความคิดของเขาเลยสักนิด
มือเรียวกำชุดส่วนของตนแน่น
“ข้า...รัก...อายาซาชิ”
“งั้นไปด้วยกันเถอะ หนีไปจากที่นี่ ไปจากวาเลนเซีย ในโลกที่มีเราแค่สองคน”
ทริสทรี่ลนลาน “แต่...แต่...วาเลน...”
“ถ้าเธอไม่ไป ฉันจะอยู่กับเธอในวันนี้...ตลอดทั้งวัน” ฮิโรชิยิ้มเศร้า “เพื่อให้ฉันได้อยู่กับเธอจนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต แม้วาเลนเซียจะพบและฆ่าฉันก็ตามที”
ทริสทรี่เงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกอดชุดไว้แนบกาย “ข้าจะไป”
ความทรงจำในค่ำคืนนั้นย้อนกลับมาบาดหัวใจเขาเหมือนคมดาบของปิศาจ กลิ่นของตาย ความน่าคลื่นเหียนของเลือดที่เคยเป็นอาหารอันโอชะตลอดมา ซากศพ ความหวาดกลัว ความเย็นเยือกจากหัวใจ ความสับสนวุ่นวาย และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง อายาซาชิ เขาไม่อาจปล่อยให้ภาพแห่งการสูญเสียนั้นเกิดขึ้นได้อีกแล้ว
‘ขอโทษนะ วาเลนเซีย...’
เขาสวมชุดที่ปกปิดส่วนต่างๆ ของร่างกายไว้มิดชิดหลายชั้นจนน่าอึดอัด แต่ก็รู้ดีว่าเพราะแสงแดดภายนอกอาจทำอันตรายเขาได้ แวมไพร์แพ้แสงแดดเสมอ เพราะพวกเขาคือเผ่าพันธุ์แห่งยามนิทรา คือปิศาจร้ายที่สามารถมองเห็นทุกสิ่งได้ในความมืด คืออสูรดูดเลือดอันน่าหวาดกลัวสำหรับมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ แสงแดดและความอบอุ่นจึงเป็นเหมือนสิ่งแผดเผาความชั่วร้ายอย่างเขา
ฮิโรชิจุมพิตร่างนั้นเบาๆ ผ่านผ้าที่ปิดใบหน้าอยู่ “ไปด้วยกัน แล้วฉันจะดูแลเธอให้ดีที่สุดเลยทีเดียว”
ทริสทรี่พยักหน้าเบาๆ พลางเผยรอยยิ้มบริสุทธิ์ที่ไม่มีใครเห็น “ข้าเชื่อใจเจ้า อา...”
“ฮิโรชิ”
“...?”
“จากนี้ เรียกฉันว่า...ฮิโรชิ”
กิจวัตรที่ดีที่สุด ทุกอย่างต้องตรงเวลาที่สุด ก่อนเวลาสามทุ่มจะมาถึง ซึ่งตอนนี้ก็ดูเหมือนจะสองทุ่มครึ่ง
วาเลนเซียเตรียมน้ำให้เจ้านายอาบเรียบร้อย เธอโปรยกลีบดอกไม้และหยดน้ำหอม พร้อมตรวจสอบอุณหภูมิน้ำที่ทริสทรี่ชอบที่สุด และเดินไปเคาะประตูเป็นสัญญาณสำหรับชำระกาย เธอเตรียมเครื่องแต่งกายในห้องเปลี่ยนเสื้อเรียบร้อย ทุกชุดมีการออกแบบอย่างดีที่สุด หรืออย่างน้อย...ก็ดูดีที่สุดในยุคที่เธอเคยเป็นมนุษย์
ส่วนที่เหลือ...
ร่างของ ‘อดีต’ มนุษย์นอนกองอยู่กับพื้น นัยน์ตาทั้งคู่ปริศนาหลับพริ้มเสมือนอยู่ในห้วงฝันอันแสนหวาน แต่เกรงว่าห้วงฝันนั้นคงจะจะเป็นความฝันตลอดกาล เพราะเจ้าของร่างได้สิ้นใจไปตั้งแต่เมื่อหลายนาทีก่อน ส่วนเลือดอุ่นๆ จำนวนหนึ่งถูกเติมลงในถ้วยทองคำขนาดใหญ่สำหรับเจ้านายอันเป็นที่รักของเธอ
...เป็นอีกครั้งที่ตาขวาของวาเลนเซียกระตุก
เธอพยายามบังคับหนังตาของตัวเองไม่ให้สร้างปฏิกิริยาอันใดอีก แม้ข้างนอกนั่นจะมีแต่มนุษย์และผู้คน เผ่าพันธุ์อันแสนน่ารังเกียจที่เธอเกลียดชัง แต่เจ้านายของเธอปลอดภัยอยู่ภายในสถานที่แห่งนี้ ดาบเงินคมกริบเองก็ยังใช้การได้ดี เมื่อรวมกับความสามารถทางกายของแวมไพร์ในยามราตรีอย่างนี้ เธอก็เหมือนมีกำลังพลเป็นร้อยในตัวคนเดียว
ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ...วาเลนเซียทราบดีอยู่แก่ใจ
เธอเคาะประตูตามมารยาท และก้าวเข้าไปในห้อง ปกติแล้วเจ้านายของเธอควรจะนั่งรออยู่ที่เดิม เหม่อมองเพดาน หรือมองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อชมพระจันทร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในคืนที่พระจันทร์กลมโตดวงสวยขนาดนี้ เจ้านายของเธอไม่มีทางพลาดการรับชมไปได้
หรือบางที เขาอาจจะยังอาบน้ำอยู่ เพราะอ่างอาบน้ำอยู่นอกตัวคฤหาสน์ ซึ่งไม่มีหลังคาบัง นานๆ ทีทริสทรี่เองก็มีอารมณ์ผ่อนคลายอย่างนี้เหมือนกัน เธอถือถ้วยทองคำบรรจุเลือดเดินไปยังอ่างน้ำ ขณะที่ในใจกู่ร้องและตาขวาที่กระตุกขึ้นมาซ้ำๆ ฝีเท้าของเธอเร็วขึ้นค้านกับการบอกตัวเองว่าเจ้านายของเธอยังอยู่ในที่นี่ อยู่ในบริเวณของคฤหาสน์!
อ่างน้ำว่างเปล่า
ราวกับสติวาเลนเซียถูกชะไปกับเงาวิบวับของสายน้ำ เธอทิ้งถ้วยทองคำให้กลิ้งอยู่กับพื้น ทิ้งเลือดที่ซ่านกระเซ็นไปทั่วอาณาบริเวณอย่างไม่ไยดี และใช้ความเร็วของแวมไพร์ในตัวที่มีทั้งหมดในการตามหาทริสทรี่ ลากยาวไปจนถึงหมู่บ้านเชิงเขา ร่องรอย กลิ่นต่างๆ เท่าที่จะมีได้ เธอเพิ่งนึกออก กลิ่นประหลาดจางๆ ที่หลงเหลืออยู่ภายในห้องของทริสทรี่เป็นกลิ่นของมนุษย์ เธอพลาด เพราะคุ้นชินกับมันมากเกินไป
เธอไล่ล่าตามหาตามบ้านต่างๆ และในห้องของโรงแรมเล็กๆ ที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ไล่ตามหาคำตอบถึงที่อยู่ของเจ้านายและผู้พาเขาไป มันมีแค่คนเดียวเพราะกลิ่นบอกมาแค่นั้น แต่ก็เจือจางเต็มทน คำถามของเธอจึงมุ่งไปทางเจ้านายผู้เป็นที่รักแทน เธอตื่นตั้งแต่พระอาทิตย์เริ่มตกดิน ไม่มีวันที่พวกเขาจะออกไปหลังจากนั้น
กว่าเธอจะรู้เบาะแสว่าชาวตะวันออกคนหนึ่งพาตัวคนประหลาดที่คลุมร่างกายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าออกไปจากหมู่บ้าน เหตุการณ์นองเลือดกว่าร้อยศพก็เกิดขึ้น ณ หมู่บ้านแห่งนั้นเสียแล้ว
“...และข่าวต่อไป เกิดคดีสะเทือนขวัญชั่วข้ามคืนในหมู่บ้านใกล้เชิงเขา...”
นัยน์ตาสีนิลของเด็กหญิงวัยแปดขวบเบิกกว้าง มันสั่นระริก สะเทือนไปจนถึงร่างที่สั่นเทา เธอดึงฮู้ดของชุดสีชมพูขึ้นมาสวมคลุมศีรษะทับเส้นผมสีน้ำตาลอ่อน ภาพบรรยากาศของสถานที่ผ่านไปทีละภาพๆ เธอไม่ได้หวาดกลัวต่อภาพของซากศพ เพราะโทรทัศน์ไม่ยกมันขึ้นมาฉายด้วยซ้ำ แต่สิ่งเดียวที่ทำให้เธอมั่นใจว่าความกลัวของเธอไม่ผิดพลาด คือภาพของคฤหาสน์แห่งหนึ่งบนยอดเขา
“วาเลนเซีย...ทริสทรี่”
To be continue.
เฟรล่า-ฟลอเร ค่ะ
เรื่องนี้เกี่ยวกับแวมไพร์ค่ะ แต่กลิ่นอายเรื่องจะอยู่ในยุคปัจจุบันนะคะ
หวังว่าจะสนุกกันค่ะ ขอบพระคุณค่ะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ