Easy Mode ; Hard Mode

-

เขียนโดย Hungshu

วันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 15.25 น.

  10 ตอน
  1 วิจารณ์
  13.33K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 16.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) ผู้ล่า (ครึ่งหลัง)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

******************************

โลกผ่านมุมมองของ ???

******************************

30 มิถุนายน 2557

 

หลังจากวันนั้นเรื่องก็ผ่านมาได้เกือบสัปดาห์

หลงฉวนกลายเป็นบุคคลหายสาบสูญไปอีกคน

พวกเราที่ไปกันวันนั้นทุกคนถูกเรียกไปสอบปากคำ

สาเหตุก็มาจากพอมีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของหอพัก

ก็ไม่พบพวกเราบางคนที่อยู่หอวันนั้นกลับเข้าหอ

เรื่องที่พวกเราแอบรอบเข้าไปมหาวิทยาลัยตอนกลางคืนเลยแตก

 

อย่างไรก็ตามพวกเราแต่ละยังโชคดีที่เพียงแค่ถูกเรียกไปสอบปากคำและถูกฝ่ายปกครองเรียกไปตักเตือนเท่านั้น เพราะแต่ละคนมีหลักฐานที่อยู่ของตนหลังแยกย้าย

 

“นี่...วันนี้หลังเลิกเรียนว่างไหม ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”

 

หลังจากหลงฉวนไม่อยู่ผมก็ไม่มีคนมาคุยด้วยมาเกือบสัปดาห์

วันนี้อยู่ๆจิ้นหลิงก็เรียกผม

จะคุยเรื่องอะไรกันเนี่ย

ช่างเถอะถ้าเรียกมาคุยคนเดียวก็ไม่เลวนะ

ถึงจิ้นหลิงจะทำเป็นห่วงผมอยู่บ่อยๆ

แต่ผมรู้หรอกนะว่านั่นแค่เพื่อสร้างภาพ

เห็นกี่ทีก็น่าหงุดหงิดชะมัด

ดีใจด้วยนะ

นายจะได้เป็นรายที่ 9 แล้วล่ะ

…………………………………….

 

เวลา 17.00 วันที่ 30 มิถุนายน 2557 ภายในโรงยิม 2

 

ทำไมจิ้นหลิงถึงเรียกผมมาที่นี่กันเนี่ย

หลังจากที่หลงฉวนหายสาบสุญไปอีกคน

ชมรมต่างๆก็ยิ่งเลิกกิจกรรมเร็วขึ้นจนตอนนี้หยุดกิจกรรมกันตั้งแต่บ่าย 3

ที่นี่ก็ไร้ผู้คน...เงียบสนิทราวกับในคืนนั้น

คืนที่ผมฆ่ารายที่ 7 หลงฉวน

 

“นายเอ่อ...ผมว่านายมอบตัวซะเถอะ”

“...!!”

 

อยู่ๆจิ้นหลิงก็พูดขึ้นมา

ความแตกซะแล้วเหรอ

แต่หมอนั่นคิดยังไง

มั่นใจจากไหนกันถึงกล้าเรียกผมมาที่เปลี่ยวแบบนี้

 

“เมื่อคืนผมเห็นนะ”

“...”

 

เมื่อคืน ที่ผมจัดการรายที่ 8 อย่างนั้นหรอ

เหมือนคืนรายที่ 8 เป็นรายที่ง่ายที่สุดที่เคยล่ามา

ชายจรจัดที่เห็นแล้วขัดหูขัดตา

วันๆไม่ทำอะไรไร้ประโยชน์สิ้นดี

ผมก็แค่กำจัดขยะออกไปแค่นั้น

พอเขานอนหลับในสวนสาธารณะ

ผมก็แอบใช้มีดพกแทงลงไป

ไร้เสียงร้อง

ผมแทงซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนล่างนั้นหยุดเคลื่อนไหว

ช่างง่ายผิดกับรายอื่นที่ต้องวิ่งไล่เสียเวลา

 

“เมื่อคืนผมเห็นนายไปทางสวนสาธารณะ ราวๆ 3 ทุ่มกว่า ตอนแรกก็แปลกใจอยู่ว่าทำไมนายถึงไปที่แบบนั้น  แต่เมื่อเช้ามีข่าวว่าคนจรจัดถูกแทงตาย ส่วนใหญ่คิดว่าไม่เกี่ยวกับที่คนในมหาลัยเราหายตัวไป แต่ผมคิดว่าน่าจะเป็นนายแน่ เพราะวันก่อนนายก็กลับเข้าไปในมหาลัยด้วยใช่ไหม”

 

“...”

 

“ขอเตือนนะ มอบตัวซะเถอะ”

 

“...ชื่อ”

 

“ว่าอะไรน่ะ”

 

“...บอกให้เรียกชื่อชั้นไง!”

 

ฉัวะ!

 

ผมตะโกนพร้อมกับใช้มีดแทงใส่ท้องของจิ้นหลิง

 

“อั้ก!”

 

เลือดอุ่นไหลโฉลมมือผม

 

“แก…”

 

ยังอีก ไม่มีใครจำชื่อผมได้ซักคนเลยสินะ

 

“พวกแกก็เป็นซะแบบนี้ แค่มีความสามารถมากหน่อยก็ให้ขีวิตอย่างเฮฮาได้ตลอด

มีคนเข้ามายกย่องสรรเสริญ

เทียบกับชั้นสิ แม้แต่ชื่อพวกแกยังจำกันไม่ได้ ยิ่งแกนะจิ้นหลิง

ชอบทำเป็นห่วงผมเวลาหลงฉวนใช้งานผม

แต่แค่ชื่อผมก็ไม่เคยคิดจะจำเลยสินะ

แกน่ะแค่ทำเป็นช่วยผมเอาหน้า

อย่างแกผมยิ่งเกลียดมากกว่าหลงฉวนซะอีก”

 

ผมตะโกนพลางแทงร่างของจิ้นหลิงซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ร่างนั้นชักกระตุกอยู่พักนึงแล้วแน่ๆ

ใช้ยังกับเมื่อวาน

ฆ่าคนมันช่างงานเสียจริง…

 

ผัวะ!

 

เอ๋…

เลือด…

อะไร…

เกิดอะไรขึ้น…

 

“สบายใจแล้วยังล่ะ”

 

พอผมเงยหน้า

ก็เห็นจิ้นหลิงมองผมอย่างด้วยสีหน้าสมเพช

 

“ผมผิดหวังจริงๆนะที่นายมีดีแค่นี้”

 

พูดอะไรน่ะ

ผมมองร่างของจิ้นหลิงที่ผมแทง

แต่กลับเป็นพื้นเปล่าๆ

บ้าน่า

แล้วความรู้สึกเมื่อครู่มันอะไรกัน

 

“คงจะสงสัยสินะแต่ผมไม่อยากเสียเวลาอธิบายให้นายฟังหรอกนะ”

 

กร๊อบ!

 

เสียงกระดูกไหปลาร้าข้างที่ผมถือมีดอยู่แตก

เสียงกรีดร้องของผมดังก้องโรงยิม

เจ็บ มันเกิดอะไรขึ้น

แบบนี้มันเหมือนกับที่ผมทำกับเหยื่อรายอื่นเลยนี่น่า

กระบองเหล็กอันนั้น

 

ผมมองไปที่มือของจิ้นหลิง

ทำไมจิ้นหลิงถึงมีมันได้…

นั่นมันของ…

ของผม?

ผมมีมันตั้งแต่เมื่อไร?

 

“ดูเหมือนจะเริ่มเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้างแล้วสินะ”

 

จิ้นหลิงค่อยๆย่างก้าวเข้ามาหาผมที่พยายามวิ่งหนี

ราวกับตอนที่ผมตามล่าเหยื่อรายอื่น

 

“นั่นนะความทรงจำของผมเอง”

 

ของจิ้นหลิง…

หมายความว่ายังไง

ทำไม

เกิดอะไรขึ้น

 

ความคิดที่สับสน

กระนั้นผมก็ยังคงวิ่งหนีสุดชีวิต…

 

ลมหายใจขาดช่วง

อะไรกันทำไมถึงเหนื่อยง่ายแบบนี้

ผิดกับทุกทีนี่น่า

ทั้งๆที่เราไล่ล่าเหยื่อทุกรายแบบไม่เหนื่อยมาตลอดไม่ใช่หรอ

ทำไมวันนี้กลับเหนื่อยง่ายจนหายใจไม่ทันแบบนี้

 

“แค่นี้เองหรอ นายนี่หนีได้สั้นที่สุดตั้งแต่ผมเจอมาเลยนะ”

 

หมายความว่ายังไง

อย่ามามองผมด้วยสายตาแบบนั้นนะ

ผมเอาชนะคนเก่งได้ตั้งหลายคน

วันนี้เพราะจิ้นหลิงโจมตีผมก่อนต่างห่าง

 

“ไม่ใช่หรอก พวกนั้นน่ะความทรงจำของผมทั้งนั้น”

 

โกหก ความรู้สึกต่างๆมันของจริงชัดๆ

เสียงกรีดร้องของเหยื่อ

แรงสั่นสะเทือนเมื่อทำการสังหารเหยื่อแต่ละราย

กลิ่นคาวเลือด

ทุกอย่างมันของจริงชัดๆ

 

“ที่ผ่านมาเฝ้ามองนายที่เริ่มเปลี่ยนไปมันก๋สนุกอยู่นะ แต่เรื่องเมื่อวาน...”

 

บอกว่าอย่ามองผมด้วยสายตาแบบนั้น

“ไม่ใช่แค่ฆ่าคนที่ไม่มีจุดเชื่อมโยงกับรายก่อนๆที่ผมปูทางให้ แม้แต่ศพก็ยังไม่ทำลายให้กลายเป็นบุคคลหายสาบสูญ ผมล่ะผิดหวังซะจริง”

 

“ขนาดอุตส่าห์ให้โอกาสไปมอบตัวแล้วแต่สุดท้ายก็กลับโจมตีผมแบบโง่ๆ”

 

จิ้นหลิงเดินเข้ามาหาแล้วง้างกระบอกเหล็กในมือขึ้น

 

“จริงๆผมก็ไม่อยากฆ่านายหรอกนะเพราะคนไร้ชื่ออย่างนายฆ่าไปก็เสียเวลาต่อให้หายตัวไปก็ไม่มีใครจำได้...ต่อให้ผมถูกจับผมก็ไม่ยอมรับนายเป็นหนึ่งในเหยื่อของผมหรอกนะ”

 

กร็อบ!

 

โลกกลายเป็นสีแดง

 

ผมมีชื่อนะ...

อย่าทำเหมือนผมไม่มีตัวตน…

ผมชื่อ…

 

******************************

โลกผ่านมุมมองของ จิ้นหลิง

******************************

 

คุณคิดว่าอะไรที่เป็นตัวบ่งบอกว่าเราคือตัวเรา

สำหรับผมนั่นคือความทรงจำ

หากเราสูญเสียความทรงจำไปก็เหมือนกับเสียตัวตนไป

 

แต่ความทรงจำของคนเราเชื่อถือได้แค่ไหน?

ถ้าสิ่งที่คุณคิดว่าคุณเคยทำ แต่ตอนหลังกลับรู้ว่าไม่ได้เคยเกิดขึ้นจริงล่ะ?

คุณจะยังเชื่อความทรงจำของตนเองได้หรือไม่?

คุณจะยังเชื่อตัวเองได้หรือเปล่า?

……………………………

 

ตอนที่ผมเพิ่งเกิดทางบ้านให้ซินแสทำนายดวงตามประเพณีทั่วไป

ซินแสดันทำนายว่าผมจะได้เป็นผู้นำของคนจำนวนมาก

ทางบ้านก็ดันเชื่อตามนั้น

เมื่อใดที่ผมไม่ได้ที่หนึ่ง

ถึงคนในบ้านจะไม่ได้พูดอะไร

แต่ผมก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่ผิดหวัง ความรู้สึกห่างเหิน

ผมจึงมีแต่ต้องให้ได้ที่ 1 เท่านั้น

 

ผมไม่มั่นใจนักว่าผมรู้ถึงความพลังแปลกๆนี้ตั้งแต่เมื่อไร

น่าจะเป็นราวๆช่วงเรียนมัธยมปลาย

ในตอนนั้นผมเริ่มเครียดที่ต้องแข่งกับคนเก่งจำนวนมาก

ตอนแรกเหมือนจะรับรู้ถึงความทรงจำของผู้อื่น

พอใครโกหกอะไรมาผมก็รับรู้ได้หมด

ราวกับว่าผมเป็นคนพูดเสียเอง

 

หลังจากเริ่มรู้ถึงพลังนี้ผมเริ่มเชื่อคำพูดของซินแสคนนั้น

ทั้งๆที่เมื่อก่อนรู้สึกเกลียดชัง สาบแช่ง

ที่ทำให้ผมต้องคอยตอบสนองความคาดหวังของทางบ้าน

แต่พอผมรู้ว่าผมเข้าถึงความทรงจำคนอื่นได้

คำทำนายของซินแสคนนั้นราวกลับกลายเป็นหลักทางในอนาคตของผมไปเสียได้

‘เป็นผู้นำของคนจำนวนมาก’

ความรู้สึกของคนเรานี่มันเปลี่ยนแปลงง่ายดีจริงๆนะ

 

พระเจ้าต้องประทานมาให้แน่ๆ

ผมเป็นคนที่ถูกเลือกแน่นอน

ซินแสทำนายไว้เป็นจริงแน่ๆ

นั่นคือความรู้สึกผมหลังรู้ว่าตนมีสิ่งที่คนอื่นไม่มี

 

ผมเริ่มทดสอบพลังของตนเองทั้ง

วิธีการใช้ และ ขอบเขตความสามารถ

จากการลองผิดลองถูกหลายครั้งถึงได้รู้ว่า

1. พลังของผมไม่ใช่เพียงรับรู้ถึงความทรงจำเท่านั้น แต่ผมสามารถปรับเปลี่ยนมันโดยการที่ผมเอาความทรงจำบางส่วนของผมทับซ้อนความทรงจำนั้นลงไปได้

2. เป้าหมายไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งมีชีวิต โดยหากเป้าหมายเป็นสิ่งมีชีวิตผมจำเป็นต้องจ้องตาอีกฝ่ายอยู่ระยะหนึ่ง ดูเหมือนว่าแต่ละคนจะใช้เวลาในการเข้าถึงความทรงจำได้ต่างกัน อันนี้ผมยังไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร

หากเป้าหมายไม่ใช่สิ่งมีชีวิตผมเพียงสัมผัสสิ่งนั้นอยู่ครู่นึงก็รับรู้ได้

 

ในช่วงแรก

ผมแค่ใช้มันช่วยในการดำเนินชีวิตปรกติของผมเท่านั้น

เช่น เวลาพูดกลับใคร

ไม่มีคนสามารถโกหกผมได้อีก

ใครทำอะไรที่ไหน คนไหนคิดกับผมแบบใด

ผมรับรู้ได้หมด

ผมก็แค่วางตัวให้เหมาะสมความแต่ละคนก็เพียงพอ

 

แต่ไม่รู้…

ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่ผมเริ่มลงมือทำอย่างนั้นไป…

จะเป็นเพราะ…

จะเป็นเพราะผมอิจฉาคนเหล่านั้นรึเปล่านะ…

 

พวกเหล่าคนที่ตามความฝันตนเองอย่างจริงจัง…

ไม่ต้องมารับรู้ถ้าเป้าหมายอันน่าชังของคนใกล้ชิด…

ไม่รู้ว่าเป็นเช่นนั้นหรือไม่ทำให้ผมเริ่มอยากเห็นคนพวกนั้น…

ความฝันถูกทำลาย…

ไม่ใช่พังเพราะกำลังไล่ตามความฝัน…

ไม่ใช่พังเพราะตนเองทำด้วยความสามารถสุดกำลังแต่กลับเจอคนที่มีความสามารถมากกว่าจนไม่สามารถก้าวข้ามไปได้…

แต่อยากให้…

แต่อยากให้เป็นเพราะสาเหตุอื่นไปเลยที่ไม่เกี่ยวกับความฝันเหล่านั้น…

เช่น…

อุบัติเหตุ…

หรือ…

ถูกฆาตกรรม…

คนพวกนั้นจะทำหน้ายังไงนะ…

เป็นครั้งแรกที่ผมฆ่าคน…

ใบหน้าของเธอตอนร้องขอชีวิตก่อนตาย…

ยังติดตาผมอยู่…

มันชั่ง...รู้สึกดีจริงๆ…

เธอคนนั้น...วันพรุ่งนี้จะถึงวันชิงแชมป์ของเธอ...

ความฝันอยู่ใกล้แค่เอื้อม…

แต่ผมก็ทำลายความฝันนั้นลงในพริบตา…

อา...แต่ว่าจะจัดการศพนี้ยังไงดีนะ…

 

ผมเริ่มแบกศพขึ้นมา

นึกหาวิธีการกำจัดศพต่างๆนาๆ

จะทำยังไงให้ไม่มีคนหาเจอ

จะทำยังไงให้มันหายไป

แต่แล้ว…

 

“เอ๋”

พอรู้สึกตัวอีกทีศพที่อยู่เบื้องหน้าก็ค่อยๆเลือนหายไป

เกิดอะไรขึ้น?

 

ผมเริ่มทบทวนสิ่งที่ผมทำอีกครั้ง

หรือว่า?

 

ผมทดสอบความคิดของตนเอง

นึกถึงความทรงจำตอนที่ไม่มีศพอยู่

ไม่นานนักศพก็หายไป

 

“ฮะ ฮะ ฮะ”

ผมเผลอหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง

นี่มันสุดยอดกว่าที่ผมคิดเยอะ

ถ้าเป็นสิ่งที่ไม่มีชีวิตแล้ว (ศพ)

ถ้าผมเปลี่ยนความทรงจำของมันให้มันไม่เคยมีอยู่

มันก็หายไปดื้อๆอย่างนั้นเรอะ…

 

ผมเริ่มการทดลองไปพร้อมกับสนองความต้องการของตัวเองอีกครั้ง

ครั้งนี้มี่เป้าที่จะลองสร้างตัวผมขึ้นมาอีกคน

ในเมื่อผมสามารถลบสิ่งของหายไปได้

แต่ดูเหมือนจะไม่สามารถลบสิ่งมีชีวิต

แล้วถ้าอย่างนั้น

ถ้าผมทำตรงกันข้าม แทนที่จะใส่ความทรงจำที่ไม่มีตัวตนเข้าไป

แต่ใส่ตัวตนของผมลงไปล่ะ

จะเป็นอย่างไร

 

ผมเลือกเป้าหมาย 2 คนในมหาลัย

หลงฉวน คนที่มีความสามารถด้านร่างกายพอพอกับผมหรืออาจจะมากกว่า

และ … ผมจำชื่อเขาไม่ได้แหะแต่เป็นเด็กที่ที่ชอบปลีกตัวออกจากคนในห้อง

แม้จะวางตัวตรงข้ามกับผมแต่จากที่เคยแอบส่องความทรงจะเขาเป็นคนที่มองโลกคล้ายผมมากที่สุด

ถ้าเราลองใส่ความทรงจำของเราให้เขาสองคนนั้นจะเป็นอย่างไรบ้างนะ…

การใช้ชีวิตช่วงนี้ของผมนับว่ามีความสุขตั้งแต่เกิดมาก่อว่าได้

เริ่มวางแผนออกล่าเหยื่อ เมื่อจัดการได้ก็ลบศพออกไปอย่างไร้ล่องลอย

จากนั้นก็ส่งความทรงจำบางส่วน (แน่นอนผมตัดช่วงกำจัดศพออกไป) ไปยังเป้าหมายทั้งสอง

ท่าทางของสองคนนั้นในชีวิตประจำวันยังคงเป็นเหมือนปรกติ

แต่เมื่ออ่านความทรงจำทั้งคู่เริ่มแตกต่างไปจากเดิมแถมยังตรงข้ามกันด้วย

คนหนึ่งพยายามหาทางยับยั้งตนเอง

อีกคนมีความสุขกับมันและเริ่มคิดว่าตนเองนั้นทำจริงๆ

ล้มเหลว

สำหรับหลงเฉินแม้ผลลัพธ์จะออกมาดีกว่าที่คิด

ทำให้ผมสนุกได้พอสมควร

แต่หมอนั่นกลับล้มเหลว

แม้แต่อาวุธที่ใช้จัดการเหยื่อยังไม่เหมือนกันเลย

ทำไมถึงไปใช้ของที่ทำให้เหยื่อตายง่ายขนาดนั้นฮะ

แถมศพยังไม่จัดการอีก

พรุ่งนี้ผมต้องไปจัดการกับหมอนั่นซะแล้ว

………………………………….

เวลา 21.00 วันที่ 30 มิถุนายน 2557 ภายในอพาร์เมนของจิ้นหลิง

 

ผมจัดการหมอนั่นเรียบร้อย

สุดท้ายเขาก็เป็นเพียงของที่ล้มเหลว

แถมช่วงนี้เริ่มหาเหยื่อได้ยากด้วย

ไม่สิน่าจะต้องบอกว่า

คนที่มีคุณสมบัติจะมาเป็นเหยื่อเริ่มหาได้ยากแล้ว

คนที่ไล่ตามความฝันแต่ละคนเดี๋ยวนี้เริ่มมีสีหน้าหวาดกลัวว่าตนเองจะเป็นรายต่อไปหรือไม่

จนไม่คู่ควรที่จะให้ผมลงมืออีกแล้ว

ดูเหมือนผมคงต้องจบงานอดิเรกนี้ลงแล้วล่ะ

 

“ขอโทษค่ะ!  คุณคือจิ้นหลิง ใช่ไหมคะ?”

 

ผมสะดุ้งโหยง

อยู่ๆมีเสียงหญิงสาวเรียกผมจากด้านหลัง

หูไม่ฟาดเป็นแน่…

ผมค่อยๆหันไปด้านหลังก็เจอกับ

หญิงสาวในชุดเสื้อยืดและยีนส์ของสั้นที่ขาดรุ่งริ่ง

ผมสั้นสีฟ้า? แต่ที่น่ากลัวคือแม้เธอจะมีน่าหน้าที่สวย

แต่ทั่วร่างเธอมีรอยเย็บราวกับเอาชิ้นส่วนจากหลายๆคนมาผสมกัน

 

“อะ...เอ่อ”

ผมพูดอะไรไม่ออก

 

“ขออภัย”

เธอโค้งหัวให้ผมเล็กน้อย

จากนั้น

 

ตูม!

 

“เอ๋”

ผมไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

พอรู้สึกตัวอีกทีผมก็เห็นท่อนล่างอย่างผมอยู่อีกทีหนึ่ง

เลือดผมสาดกระจายไปทั่วห้อง

อะไรกัน

นี่มันอะไร

ทำไม


“อะ อั้ก”

ผมพยายามจะเปร่งเสียงออกมาแต่ไม่สามารถทำได้

แกเป็นใครกัน

ทำไม

ผมไม่ใช่คนที่จะมาตายในที่แบบนี้นะ

ผมยังมีอนาคตอีกไกล

ผมจะได้เป็นผู้นำของคนจำนวนมากนะ

ผม…

...

...

“รับทราบค่ะ...เป้าหมายต่อไปที่ไทยนะคะ”

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา