Easy Mode ; Hard Mode

-

เขียนโดย Hungshu

วันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 15.25 น.

  10 ตอน
  1 วิจารณ์
  13.36K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 16.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

10) Fail (4)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
เวลาประมาณ 23.00 วันที่ 6 กรกฏาคม 2557
 
ตูม!
 
“ ขอโทษที่มารบกวนค่ะ คุณ นภาใช่ไหมคะ!”
 
เสียงระเบิดดังสนั่น
เศษกระจกในห้องครัวปลิวว่อน
หญิงสาวผมสีฟ้า ใบหน้าเย็นชา มองมาทางผม
 
“ฮะ ฮะ ฮะ ไม่คิดว่าจะมาจริงๆด้วย”
 
ผมเผลอหลุดหัวเราะออกมาไม่รู้ตัว
ไม่ใช่เพราะความดีใจที่หญิงสาวปรากฏตัวออกมาตามลางสังหรณ์
ผมไม่ค่อยเข้าใจมันนัก ถ้าจะอธิบายใกล้เคียงสุดคงเป็น
ความกลัวจนพ้นจุดที่รู้สึกกลัวไปแล้ว ได้แต่หัวเราะเผชิญหน้ากับมัน...ล่ะมั้ง
แต่ก็ไม่รู้เพราะสาเหตุนี้รึเปล่า
ผมถึงกล้าที่จะพูดกับเธอโดยที่เสียงไม่สั่น
ไม่แสดงออกให้อีกฝ่ายรู้สึกถึงความกลัวแม้แต่น้อย
 
“เธอ...เป็นใครกัน”
“…”
“ผมจำไม่ได้นะว่าเคยไปสร้างศัตรูไว้เมื่อไร ผมถึงโดนหมายชีวิตแบบนี้”
“...รู้ด้วยหรอคะว่าฉันมาทำอะไร”
 
ก็ไม่อยากให้เรื่องที่โดนหมายหัวเป็นเรื่องจริงนักหรอก
แต่ดูท่าทางจะใช่แหะ
หญิงสาวเริ่มย่างก้าวเข้าสู่ห้องครัวจากตรงระเบียง
 
“อย่าขยับ!”
“ทำไมล่ะคะ?”
 
หญิงสาวหยุดชะงักเพียงเสี้ยววินาที
แต่ก็เดินเข้ามาต่อ
แม้เธอจะพูดเหมือนท้าทาย
แต่ด้วยสีหน้าเรียบเฉยทำให้ดูไม่ออกว่าเธอคิดอย่างไรกันแน่
 
“เพราะมันถึงตายน่ะสิ...”
 
ทันทีที่เธอเดินเข้ามาถึงจุด
ผมกระตุกด้ายทันที
มีดหลายสิบเล่ม
ลูกดอกจากหน้าไม้หลายสิบลูก
พุ่งเข้าหาหญิงสาว
 
“ถึงตายงั้นหรอคะ?”
 
ถึงห้องจะมืดจนผมมองไม่ชัดนัก
แต่ผมพอจะบอกได้ว่ากับดักพวกนั้นเข้าเป้าอย่างจัง
แต่เธอกับพูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“***!”
ผมสบถออกมาเบาๆ...ไม่สิ น่าจะเรียกว่าเสียงผมแทบไม่ออกมาจากลำคอมากกว่า
เมื่อเห็นท่าไม่ดีแล้วผมจึงรีบกดปุ่มเรียกเพื่อนที่อยู่ห้องด้านข้างทันที
ว่าแต่ว่า เมื่อครู่ตอนอีกฝ่ายทำลายกระจกเข้ามา
ไอ้พวกนั้นไม่ได้ยินกันเลยเรอะ
หวังว่าคงไม่ได้หลับกันหรอกนะ
 
************************************************************************************
 
อาจเป็นเพราะเป้าหมายนั้นมีความสามารถด้านต่อสู้สูงกว่าคนธรรมดาเพียงเล็กน้อยก็เป็นได้
พลังของเขาคงจะเป็นด้านอื่น อย่างทำนายอนาคต
แต่ถึงจะขาดการไว้แล้วตั้งแต่เห็นพลังปราณของเขาที่แทบไม่ต่างจากคนทั่วไป
ถึงอย่างนั้นการจู่โจมเท่านี้ ตัวฉันไม่จำเป็นต้องหลบด้วยซ้ำ
แผลแค่นี้ ปรสิต ในร่างกายสามารถซ่อมแซมได้ในเวลาไม่นาน
 
“เฮ้ยเมฆ มีคนมาจริงหรือมึงเผลอกด…ทำไมห้องมืดงี้วะ”
 
คนจากห้องข้างๆเดินเข้ามาด้วยท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาว
ก่อนจะหยุดชะงักเล็กน้อย
เขาใช้มืดกดไปที่ปุ่มอะไรซักอย่างบนผนัง
ทั่วห้องก็สว่างขึ้นมา
ฉันดึงสิ่งแปลกปลอมที่ติดอยู่ตามตัวออกโดยไม่สนใจพวกเขาเหล่านั้น
เป้าหมายของฉันมีแค่คนเดียว
 
“ยกมือขึ้น!”
“...”
 
เขาสามคนหยิบเหล็กขนาดสั้นชี้มามาทางฉัน
รูปร่างของอาวุธนั้นคล้ายคลึงกับของผู้รุกรานในโลกของฉัน
...จริงสิที่นี่เป็นโลกของผู้รุกรานในอดีตนี่น่า
งั้นมันคงจะไม่แปลกสินะ
เคร้ง!
ฉันยังคงดึงพวกมีด และ ลูกดอกออกจากร่าง
ถ้าปล่อยให้ปักไว้อย่างนี้กว่าร่างกายจะคืนสภาพมันจะช้าลง
ปัง!
1 ในชาย 3 คนที่พึ่งเดินเข้ามา
ใช้อาวุธนั้นยิงใส่พื้นใกล้เท้าฉันราวกับเป็นการเตือน
 
“บอกให้ยกมือขึ้น!!”
 
หนวกหูซะจริง
ฉันไม่ได้มีธุระกับพวกนายซักหน่อย
ฉันใช้มือซ้ายหยิบมีดออกจากไหล่ขวาพร้อมซัดไปยังชายผู้นั้น
 
“หวา”
 
ชายทั้งสามถอยโดยสัญชาตญาณ
เคร้ง!
มีดหยุดกลางอากาศ
ราวกับโดนบางสิ่งกีดขวาง
 
“ชิ”
 
เป้าหมายเผลอสบถออกมา
ถึงแม้จะยังมีมีด และ ลูกดอกที่ปักตามตัวฉันคงเหลืออยู่
แต่ก็อดสงสัยไม่ได้
สิ่งที่หยุดมีดนั่นไม่น่าจะใช่เวทย์มน หรือ พลังปราณ
เพราะฉันสัมพันธ์ทั้งสองอย่างไม่ได้แม้แต่น้อย
 
“นี่...”
 
มือข้างนึงที่ยื่นไปเบื้องหน้าสัมผัสได้กับอะไรบ้างอย่าง
ตรงประตูทางผ่านจากห้องแคบๆนี้ไปยังห้องที่เป้าหมายอยู่
ถูกตรึงไว้ด้วยเส้นใยที่บางคมแทบมองไม่เห็น
มันขึงเป็นตาข่ายราวกับใยแมงมุม
มือข้างที่ยื่นไปสัมผัส
เนื้อโดนบาดลึกเข้าไปราวกับมีด
 
“เฮ้ย!... อย่ามัวยืนเหม่อสิ”
 
เป้าหมายตะโกนเรียกสติลูกน้องของเขา
ทั้งสามพอได้ยินเสียงเป้าหมาย
หนึ่งในนั้นก็ตะโกนขึ้นมา
 
“ยิง!”
 
ปัง! ปัง! ปัง!
แรงอัดจากลูกกระสุนผลักตัวฉันถอยไปเล็กน้อย
ไม่ได้การ
เป้าหมายเหมือนจะถอยไปอยู่ด้านหลังคนพวกนั้นเหมือนพร้อมจะหนี
 
“...”
 
ฉันรีบเร่งปราณออกสร้างเป็นทรงกลม
พร้อมร่ายเวทย์สายลมทำให้เกิดลมกระชากดูดเข้าไปยังก้อนพลังปราณนั้น
 
“วะ หวา”
 
ลูกน้องของเป้าหมายเริ่มทรงตัวไม่อยู่
บางคนล้มลง
 
“เฮ้ๆ ดูท่าจะไม่ดีแล้วนะเนี่ย...”
“หมอบ!!”
 
ใครคนนึงตะโกน
ทั้ง 4 ต่างหมอบตัวต่ำ ก่อนที่ลูกพลังปราณจะระเบิดออกเกิดเป็นแรงลมผลักทั้ง 4 เพียงเสี้ยววินาที
 
ตูม!
 
เส้นด้ายที่ขว้างทางอยู่ฉีกขาด
เป้าหมายค่อยๆพยุงร่างขึ้น แล้วออกวิ่ง
ส่วนอีกสามคนแน่นิ่งไม่รู้เป็นหรือตาย
ฉันรีบตามเป้าหมายไป
น่าจะเป็นโชคร้ายสำหรับเป้าหมายที่อาคารมีทางไปเส้นเดียวไม่ซับซ้อน
เป้าหมายวิ่งออกจากทางเดินในอาคารไปยังบันไดเหล็กที่อยู่ภายนอกอาคาร
ฉันร่ายเวทย์สายลมเสริมความเร็วอีกครั้ง
 
ฟึง!
 
“เอ๋!”
 
ร่างของฉันเสียการทรงตัวล้มลงตรงบันไดเหล็ก
ข้อเท้าขวาของฉันหลุดออก
แรงเฉื่อยทำให้มันกลิ้งมาทางฉัน
ฉันรีบคว้ามันไว้ก่อนมันหล่นลงไปเบื้องล่าง
ตรงประตูเหล็กนั่น
เป้าหมายคงจะวางกับดักเอาไว้
น่าจะเป็นเส้นด้ายแบบเดียวกับในห้อง
 
ปัง! ปัง! ปัง! แกร็ก!
 
เสียงอาวุธดังขึ้น 3 ครั้ง
หลังจากนั้นเหมือนมันจะใช้การต่อไม่ได้
ลูกกระสุน 3 ลูกฝังเข้าที่แขนข้างที่ฉันยกขึ้นมาบังตัว
เป้าหมายพอเห็นอาวุธในมือใช้การไม่ได้
เขาเปลี่ยนอาวุธเป็นท่อเหล็กที่ไม่รู้ไปหยิบมาตอนไหนวิ่งเข้าใส่ฉัน
เป้าหมายฟาดมันใส่ฉันเต็มแรง
แต่ฉันได้เกร็งปราณหุ้มร่างรอไว้แล้ว
 
กึง!
 
เสียงดังขึ้นราวเหล็กกระทบกัน
ท่อเหล็กหล่นจากมือของเป้าหมาย
แรงกระทบคงสะเทือนกลับไปจนมือสั่นจับมันไม่อยู่
 
ตุบ!
โครม!
 
ฉันไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดไป
ถีบไปยังท้องของเป้าหมายก่อนที่เขาจะหันหลังหนี
จนตัวลอยตกลงไปชนราวบันไดชั้นล่าง
 
โครม!
 
“อุ้บ...โอ้ก!”
 
เป้าหมายใช้มือจับราวบันไดพยายามพยุงตัว
ก่อนจะทรุดลงไปสำรอกครู่นึงแล้วรีบวิ่งหนีลงบันไดไปต่อ
เมื่อข้อเท้าของฉันสมานเสร็จแล้วก็รีบตามเป้าหมายลงไป
 
เสียงฝีเท้าหายไปแล้ว
แต่ฉันยังจับปรานของเป้าหมายได้อยู่ซึ่งเจ้าตัวอยู่ห่างออกไปไม่ไกล
เพิ่งออกไปข้างนอกอาคารได้ไม่นาน
ฉันรีบวิ่งตามออกไปทันที
 
“เดี๋ยวคุณนภา จะทำอะไรน่ะนั่นคนนะ”
“โทษทีลุงยาม ผมไม่มีเวลาอธิบายแล้ว”
 
เสียงตะโกนของชายชรากับเป้าหมายดังขึ้น
ก่อนที่จะถูกกลบด้วยเสียงเครื่องจักรกล
 
บรื้น!
ตึง!
 
เป้าหมายเหมือนจะทำอะไรบางอย่างบนเกวียนเหล็กนั่น
ทำให้มันพุ่งเข้าใส่ฉันทันทีที่ออกจากตัวตึก พร้อมกันนั้นเขารีบถีบตัวออกจากเกวียนเหล็กนั่น
แม้ตัวเกวียนจะถูกหยุดด้วยปราณที่ฉันปล่อยออกมาต้านก่อนถึงตัว
 
ครืด!!
 
แรงจากตัวเกวียนเหล็กผลักฉันถอยไปไกลหลายสิบเมตร
จนด้านหน้าของเกวียนเหล็กยุบลงไป
ล้อของเกวียนหยุดลงหลังจากนั้นอีกไม่นาน
 
“บ้าชิบ”
 
เป้าหมายเหมือนจะรู้ว่าฉันยังไม่ตาย
ก็ทำท่าจะวิ่งหนีแต่ถูกชายชราจับตัวไว้
 
“ปล่อยนะลุง!”
“คุณนั่นแหละ เป็นบ้าอะไรขึ้นมาอยู่ๆทำไมถึงจะฆ่าคนแบบนั้น”
“ยัยนั่นเป็นอะไรซะที่ไหนลุงดูก่อนสิ”
 
พอชายชราหันมามองฉันก็หน้าซีด
ทรุดเข่าลงแล้วยกมือไหว้พูดอะไรซักอย่างที่แม้แต่สร้อยแปลภาษาที่ชิมอนให้มายังไม่เข้าใจ
ส่วนเป้าหมายพอหลุดจากชายชราก็เริ่มออกวิ่งต่อ
 
************************************************************************************
 
‘แบบนี้มันโกงกันชัดๆ’
 
ผมวิ่งหนีจากลานจอดรถสุดชีวิต
จะทั้งด้านความสามารถฟื้นตัว หรือ พลังกายดูยังไงก็ไม่ใช่คนแล้ว
ไอ้บาดแผลที่สมานแบบให้ตาเห็นได้นั่นมันอะไรกัน
ทั้งปืน มีด จนถึง รถ ก็ยังทำอะไรเธอไม่ได้
 
‘บ้าชะมัด ให้ตายเถอะ ให้ตายเถอะ ตาย ตาย ตาย เราจะต้องตายวันนี้งั้นเรอะ’
 
ภาพร่างของผมที่ขาดเป็นชิ้นส่วนในหัวแสดงขึ้นอีกครั้ง
ครั้งนี้มันเริ่มชัดเจนกว่าเดิม
ราวกับเป็นรางบอกว่ามันกำลังจะเกิดขึ้น
แม้ในภาพนั้นจะเป็นในห้องของผม
แต่หากเป็นอย่างนี้ต่อไปผมคงมีสภาพเช่นนั้นเหมือนกัน
 
“ที่นี่”
 
ผมมองนาฬิกาข้อมือ
 
23.32
 
เอาวะ ยังไม่เที่ยวสุดท้าย
ผมตัดสินใจวิ่งขึ้นสถานี BTS
ผมไม่รู้ว่ารถไฟฟ้าจะมาทันรึเปล่า
แต่เพราะรถผมเองก็พังไปแล้ว
แถมแถวนี้รถ Taxi นานๆทีถึงจะมาซักคัน
ถ้ามัวแต่วิ่งหนีต่อไปอีกไม่นานพอเธอฟื้นตัวเสร็จ...
 
ผมส่ายหน้าสลัดภาพศพของผมในหัวออกไป
 
บนสถานีตอนนี้เห็นแต่เจ้าหน้าที่ในห้องไม่กี่คน
แต่ไม่เห็นผู้โดยสารแม้แต่น้อย
ผมรีบวิ่งไปทางเข้า
โชคดีที่ซื้อตั๋วติดตัวไว้
 
ผมมองป้ายสถานีอยู่ครู่เดียว
ขอแค่เป็นที่ไกลที่สุดจากที่นี่...หมอชิต
พอระบุเป้าหมายได้ผมก็รีบวิ่งขึ้นบันไดไปทันที
 
เป็นครั้งแรกที่ผมรอคอยรถไฟฟ้าด้วยความรีบร้อนขนาดนี้
แม้จะรู้ว่าเร่งไปไม่มีประโยชน์แต่ว่านะ
ให้ตายเถอะรีบมาได้แล้ว
ผมมองป้ายรอบบริเวณแล้วเริ่มโทษสิ่งรอบข้างไปทั่ว
ทำไม BTS ถึงไม่ยอมติดป้ายบอกเวลารถจะมาถึงนะ
จะช้าไปไหน
อย่าบอกนะว่ารถเสียอีกฝนก็ไม่ตกซักหน่อย
คนหายไปไหนหมดแล้วจะแอบยังไงนี่
เริ่มโทษโน่นนี่ไปทั่วแม้มันจะไม่มีเหตุผลก็ตาม
 
ในที่สุด
ผมก็เห็นแสงไฟจากรถ BTS ริบๆ
 
‘รอดแล้ว’
 
“คุณๆ ต้องจ่ายตั๋วก่อนนะครับ”
 
เสียงเจ้าหน้าที่สถานีดังมาจากด้านล่าง
เธอมาถึงแล้วงั้นเรอะ
เร็วเข้าๆไอ้รถไฟ อย่ามัวช้าอยู่เร่งสปีดอีกเซ่
 
“ไม่มีทางหนีแล้วนะคะ”
 
ผมหันหลังกลับ
หญิงสาวผมฟ้ายืนตรงบันไดห่างจากผมไม่เกิน 10 เมตร
 
Game Over สินะ
ไม่คิดเลยว่าจะมาแพ้ตั้งแต่ในโหมด Easy แบบนี้
 
“อือ หมดทางแล้วล่ะ”
“ยอมแพ้ง่ายๆแค่นี้หรอคะ”
 
หญิงสาวเดินเข้ามาใกล้
มือข้างหนึ่งถูกหุ้มด้วยแสง
เธอยื่นมือข้างนั้นอกด้านหน้า
ก่อนที่จะพุ่งเข้ามาหาผมด้วยความเร็วที่ปรกติไม่สามารถมองตามทัน


ถ้าเป็นปรกติก็ควรจะเป็นอย่างนั้น
แต่ไม่รู้เพราะผมกำลังจะตาย
หรือ
เพราะผมเห็นดวงตาที่ผิดหวังของเธอกันแน่
ผมกลับมองการเคลื่อนไหวในเสี้ยววินาทีนั้นทัน
แต่เพราะพึ่งเห็นตอนร่างเธอใกล้ถึงตัวแล้วจึงทำได้เพียง...
 
ผมเอนตัวหลบมือของเธอที่หมายจะจับหัวผม
มือข้างซ้ายถึงแขนที่เปร่งแสงของเธอให้ออกห่าง
ส่วนมือข้างขวาดึงคอเสื้อเธอไว้
แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด เท้าผมกลับถีบตัวด้วย
กลายเป็นทั้งผมและเธอลอยคว้างขวางหน้ารถไฟฟ้า BTS
 
ตูม!


 
“ฮะ ฮะ ฮะ ไม่คิดว่านายจะบ้าบิ่นขนาดนั้นนะ”
 
เสียงที่ไม่รู้ว่าชายหรือหญิงกำลังหัวเราะ
แม้จะเคยมาที่นี่หลายครั้ง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยิน เขา/เธอ? หัวเราะ
 
“ไม่ได้บ้าอะไรหรอก บางทีคงจะโกรธก็ได้มั้ง”
“เห โกรธที่จะโดนฆ่าน่ะหรอ”
“ไม่รู้สิ แต่ไม่น่าจะใช่นะถ้าจะให้พูดคง”
 
ผมพยายามนึกความรู้สึกตอนนั้น
 
“คงเป็นโกรธที่เธอมองผมด้วยความผิดหวัง...
ราวกับเธอกำลังจะบอกว่าผมทำได้แค่นี้เองหรอ
ตัวผมในโลกนั้นที่ทำอะไรดีมาตลอด
พอเห็นแบบนั้นคงจะรู้สึกโกรธที่เหมือนโดนดูถูก
จิตใต้สำนึกคงจะบอกประมาณว่า ถ้าอย่างนั้นแบบนี้ล่ะ ยังจะรู้สึกแบบนั้นอีกไหม...ล่ะมั้ง”
 
“เหมือนเด็กเลยนะ”
“ไม่รู้สิ”
“ฮะ ฮะ ฮะ”
“ยังจะขำอีกเรอะ”
 
ผมปล่อยให้เสียงนั้นหัวเราะต่อไปอีกพักใหญ่
 
“แล้วนี่...คือผมตายแล้วใช่ไหม?”
“ดูไม่เสียใจเลยนะ”
“เคยบอกแล้วนี่น่าว่าผมชอบที่นี่”
“...นายยังไม่ตายหรอก แต่ฉันสิต้องแก้ Record ใหม่”
“เอ๋?”
 
************************************************************************************
 
‘ประมาท’
 
ตั้งแต่มาอยู่ในร่างกายแบบนี้
ความรอบคอบที่เคยมีก็ถูกทิ้งไป
คงเพราะคิดว่าไม่ว่าจะโดนอะไรสุดท้ายร่างกายก็จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม
 
ครั้งนี้ก็เช่นกัน
แม้ว่าเป้าหมายจะทำสุดความสามารถแล้ว
กลับไม่สามารถทำอะไรตัวฉันได้
 
ผิดหวังกับความสามารถของเขา
เมื่อเห็นเขามีท่าทีถอดใจ
เลยเผลอคิดไปว่า
ผู้ที่อ่อนแอสุดท้ายก็มาได้แค่นี้สินะ
 
ไม่คิดว่าก่อนที่ฉันจะเด็ดหัวเขาออกมา
เอากลับดึงฉันและตัวเขาไปขวางหน้าสัตว์เหล็กขนาดยักษ์
 
ฉันประมาทไปเองที่ไม่ทันสังเกตสายตาของเขา
แม้แต่ตอนที่เขาบอกหมดหนทาง
แม้จะแสดงท่าทางเหมือนถอดใจ
แต่แววตาเขาไม่ใช่แบบนั้นแม้แต่น้อย
กระนั้นก็ไม่คิดว่าเขาจะใช้ตัวเองเพื่อจัดการฉัน

สัตว์เหล็กตัวนั้นกำลังพุ่งเข้าใส่
ทำให้ฉันรู้สึกได้เป็นครั้งแรกตั้งแต่อยู่ในร่างนี้
 
‘กล้ว’
 
ไม่มั่นใจว่าห่างสิ่งนี้พุ่งเข้าชนร่างของฉัน
ฉันจะยังสามารถคืนร่างเดิมได้อีกหรือไม่
ฉันที่ใช้พลังมาน่าเสียเกือบหมดแล้วจะสามารถฟื้นฟูร่างกายได้อีกหรือไม่
ฉันจะดับสูญอีกครั้งหรือเปล่า
น่าขันที่รู้ว่าจะไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด
แต่กลับกลัวการดับสูญ
ทั้งๆที่ตนเองจริงๆนั้นก็ได้ดับสูญไปนานแล้ว
 
ตอนนั้นฉันเผลอเร่งพลังปราณห่อหุ้มร่างกายเต็มที่
พร้อมกับใช้แขนข้างที่ไม่ถูกเป้าหมายล็อคยันยักษ์เหล็กนั่นไว้แล้วปล่อยผลักปราณหวังผลักมันออกไป
 
ตึง
 
เสียงระเบิดดังสนั่นไปทั่ว
แขนข้างที่สัมผัสยักษ์เหล็กทำหน้าที่คล้ายปืนที่ปล่อยพลังออกไป
แต่เพราะแรงกระแทกของยักษ์เหล็ก บวกกับแรงอัดจากปราณทำเอามันขาดกระเด็นออก
แรงอัดของยักษ์เหล็กนั่นทำให้ร่างกายทั่วร่างราวกับจะหลุดเป็นชิ้นๆ
ตัวฉันและเป้าหมายที่กอดตัวฉันอยู่ลอยกลางอากาศราวกับว่าวกระดาษกระเด็นไปไกลจากจุดเดิมหลายสิบเมตรก่อนตกลงพื้น
 
ร่างกายแม้จะไม่รู้สึกอะไร
แต่มันคงถึงขีดจำกัดเสียแล้ว
เป็นครั้งแรกที่รู้สึกสติกำลังจะขาดหาย
น่าจะเพราะใช้ทั้งปราณและเวทย์จนหมดร่าง
พยายามที่จะขยับแต่ไม่สามารถทำได้
แต่ทว่าเป้าหมายอยู่ๆกลับยืนขึ้นมา
 
พลาดซะแล้ว
ตอนที่เกร็งพลังหุ้มร่างตนเอง
มันคงไปคุมร่างของเป้าหมายด้วย
ไม่เช่นนั้นแรกกระแทกขนาดนั้น
คนธรรมดาคงตายไปแล้ว
 
“ล้มเหลวอีกแล้ว”
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา