Easy Mode ; Hard Mode

-

เขียนโดย Hungshu

วันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 15.25 น.

  10 ตอน
  1 วิจารณ์
  13.33K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 16.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) Fail (3)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

“ที่นี่สินะ”

 

นับตั้งแต่เป้าหมายรายก่อน

ฉันใช้เวลาเกือบหนึ่งวันเต็มในการพักฟื้นร่างกาย

จากนั้นก็วิ่งมายังทิศตะวันตกเฉียงใต้ตามที่ลูกแก้วบอกทางไว้ราว 3 วันเต็ม

ระยะทางร่วมกว่า 2,500 กิโลเมตร

ในที่สุดก็มาถึงเมืองที่เป้าหมายถัดไปอาศัยอยู่

 

‘กรุงเทพ’

 

ตั้งแต่เริ่มย่างเข้ามาในเมือง

แม้ดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้าไปนานแล้ว

ผู้คน แสงสี ความวุ่นวาย

ต่างจากเมืองก่อนอย่างเห็นได้ชัด

 

ฉันยืนมองห้องของเป้าหมายจากอาคารใกล้เคียง

ในห้องมืดสนิท

เป้าหมายดูเหมือนจะกลับมาที่ห้องได้นานแล้ว

แต่น่าแปลกที่เขากลับนั่งอยู่เฉยๆภายในห้อง

ไปลุดไปไหนมาได้เกือบหนึ่งชั่วยามแล้ว

 

ทำไมคนบนโลกนี้ถึงชอบอยู่อาศัยในอาคารที่แออัดไปด้วยผู้คน

แต่กลับไม่มีการปฏิสัมพันธ์กันนะ

ทั้งเป้าหมายก่อน และ เป้าหมายนี้ต่างเป็นเช่นนั้น

 

ตึง!

 

เมื่อฉันเห็นว่าจะรอต่อไปก็ดูท่าทางเป้าหมายจะยังคงนั่งอยู่อย่างนั้น

ฉันจึงถีบตัว กระโดดขึ้นจากอาคารที่ฉันอยู่ไปยังระเบียงห้องเป้าหมาย

รอบก่อนฉันประเมินจิ้นหลิงสูงไปทั้งๆที่มีพลังมากขนาดนั้น

แต่ก็อาจเป็นเพราะเขาไม่ทันตั้งตัว ฉันจึงสามารถฆ่าได้ไม่ยาก

ครั้งนี้ฉันจึงตั้งใจบุกไปซึ่งๆหน้า

ยังไงซะเขาก็สามารถจัดการกับยุนได้

น่าจะมีฝีมือพอตัวเหมือนกัน

ถึงจะเสียดายที่ยังไม่ได้ดูให้แน่ชัดก็เถอะว่าเขามีพลังอะไร

 

ตูม!

 

ประตูกระจกใสเบื้องหน้าแตกละเอียดทันทีที่ฉันอัดปราณเข้าไป

 

“ขอโทษที่มารบกวนค่ะ คุณ นภาใช่ไหมคะ!”

 

เบื้องหน้า

ห้องรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าแคบๆพอจะมีที่เพียงให้ 2 คนยืน

สุดปลายห้องประตูไม้เปิดอยู่

ในห้องหลังประตูนั้นเหมือนจะเป็นห้องที่เป้าหมายอยู่

แม้ในห้องจะมืดสนิทจนตาของฉันมองไม่เห็นเป้าหมาย

แต่ฉันสัมผัสได้ถึงปราณของเขาที่ไม่ไหวติงแม้แต่น้อย

ราวกับรู้อยู่แล้วว่าฉันจะมา

 

“ฮะ ฮะ ฮะ ไม่คิดว่าจะมาจริงๆด้วย”

 

เป้าหมายพูดราวกับรู้ถึงฉันมาก่อนหน้า

 

*******************************************************************************

 

วันที่ 5 กรกฎาคม 2557 เวลาประมาณ 20.00 น.

 

“เฮ้อ กลับถึงบ้านซักที”

 

ประมาณ 2-3 วันก่อน

ระหว่างที่ผมกำลังขับรถกลับบ้าน

ตอนที่กำลังติดไฟแดงเพราะรถไฟกำลังจะผ่าน

อยู่ๆก็มีไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้ดันไปอยู่ทะเล่อทะล่าบนทางรถไฟ

จนรถไฟเสยซะ ชิ้นส่วนร่างกายปลิวว่อน เลือดกระเด็นติดกระจกรถผม

ผมที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุมากที่สุดก็ดันถูกเรียกไปสอบปากคำ

ดูเหมือนว่าตำรวจเขาจะสงสัย

 

ชายคนนั้นโผล่มาจากไหน เพราะก่อนหน้าที่เขาจะถูกรถไฟชน

กล้องวงจรปิดในระแวกใกล้เคียงไม่ได้สามารถจัดภาพของเขาได้เลยแม้แต่น้อย

ราวกับอยู่ๆเขาก็ลอยจากฟ้าลงมายังตำแหน่งนั้น

 

เหตุการณ์ในตอนนั้นผมเองก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน

ตอนนั้นรถของผมจอดอยู่ด้านหน้าที่กั้นทางรถไฟ

เพราะดูเหมือนน่าจะอีกหลายนาทีกว่ารถไฟจะผ่านไป

ผมถึงได้ละสายตาจากด้านหน้าแล้วก้มลงไปหยิบ smart phone มาเปิดเพลงฟัง

แต่พอเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งก็เห็นชายในชุดคลุมคนนั้นแล้ว

ราวกับว่าเขากำลังจะพูดอะไรซักอย่างกับผม

แต่ยังไม่ทันได้ยินอะไรชัดเจนก็...

 

ผมสลัดความคิดเรื่องนี้ไป

แล้วล้มตัวลงนอนบนโซฟาโดยไม่ได้เปิดไฟ

จนเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้

….

 

ที่นี่...อีกแล้วหรอ

สภาพในเวลานี้

ราวกับเวลาเรายืนกลางทุ่งกว้างในยามค่ำ จะมองเห็นดวงดาวได้รอบตัว

แต่มันต่างกันแค่ ดวงดาวเหล่านั้นเป็น

‘กลุ่มก้อนข้อมูล’ ที่ถูกบีบอัดจนกลายเป็นทรงกลมสีขาว

ข้อมูลเหล่านี้ลอยวนไปทั่วทั้งเบื้องบน เบื้องล่าง อย่างไรจุดจบ

ที่นี่ถูกเรียกว่า

 

‘Akashic Records’

 

ที่ที่มีข้อมูลของทุกสรรพสิ่ง

ทุกสิ่งอย่างไม่ว่าจะในอดีต ปัจจุบัน อนาคต

ไม่ว่าจะเป็นในโลก หรือ ดาวดวงอื่น

ทุกๆที่ในจักรวาล ทุกๆเหตุการณ์ ทุกๆช่วงกาลเวลา

บ่อยครั้งที่ผมหลับ ผมจะมาโผล่ ณ ที่แห่งนี้

ทุกครั้งที่มาผมจะเฝ้ามองข้อมูลเข้านี้ลอยไปมา

จะเรียกว่าเหมือนอารมณ์คนที่นั่งดูดาว หรือ คลื่นกระทบหาดแบบนั้นก็ได้มั้ง

บางครั้งก้อนข้อมูลก็แตกสลายไป

บางครั้งก้อมข้อมูลอันใหม่ก็เกิดขึ้นมา

 

บางครั้งที่มาผมจะได้ ‘รับรู้’ ถึงเหตุการณ์ หรือ ข้อมูล ที่จะเป็นประโยชน์กับผมในอนาคต

แต่หลังจากที่ผมตื่น

ผมจะไม่สามารถจำเรื่องราวในนี้ได้เลย

จะเรียกว่าตัวผมในโลกจริงนั้นไม่รู้ถึงการมีอยู่ของ Akashic Records นี่ด้วยซ้ำ

 

เพียงแต่ข้อมูลที่ผมได้รู้มาจาก Akashic Records นั้น

มันถูกฝังอยู่ในหัวของผม ทำให้จิตใต้สำนึกรู้ว่าตัวผมจะทำอะไรต่อ

 

จนบางครั้งผมก็ไม่มั่นใจว่า

ที่ไหนเป็นโลกแท้จริงของผมกันแน่

เพราะในโลกที่ความเป็นความจริงของผม

ผมไม่สามารถจำเรื่องราวในโลกแห่งนี้ได้

แต่กลับกันพอหลับแล้วมาอยู่ในฝัน...ฝันที่ผมอยู่ใน Akashic Records แห่งนี้

ผมกลับจำเหตุการณ์ทั้งที่นี่และในโลกจริงได้

“ช่วงนี้มาบ่อยนะ”

เสียงที่แยกไม่ออกว่าชายหรือหญิงดังขึ้นในหัว

ผมไม่เคยเห็นเจ้าของเสียง

แต่เขาเป็นผู้ที่บอกให้ผมทราบว่าที่นี่คือ Akashic Records

บอกให้ทราบถึง ‘สิทธิ์’ ว่าผมสามารถทำอะไรได้บ้าง

โดยสำหรับสิทธิ์ของผมนั้น

ทำได้เพียง รับรู้ถึง ข้อมูล และ เหตุการณ์ที่กำลังจะเกิด เท่านั้น

แต่แค่เท่านี้ชีวิตผมก็อยู่ใน Easy mode มาตลอดแล้วนี่สิ

 

“นี่....”

“ของนายน่ะ”

 

กลุ่มก้อนข้อมูลลอยมาหยุดอยู่ที่มือผม

โดยปรกติหากเป็นข้อมูลที่ไม่มีสิทธิ์จะเข้าถึงได้

จะสัมผัสมันไม่ได้ด้วยซ้ำเหมือนเป็นของที่อยู่คนละโลก

 

ผมบีบก้อนข้อมูลนั้น

แสงสว่างจ้าขึ้นแล้วเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ก็ไหลเข้าสู่สมอง

ราวกับผมได้ประสบเหตุการณ์นั้นจริงๆ

 

เลือด

ความเจ็บ

ร่างของผมนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น

ตัวผมที่ขาดครึ่งท่อน

หญิงสาวผมสีฟ้า ที่มองร่างผมด้วยสายตาผิดหวัง

มือที่เปื้อนเลือด

….

 

ผมลืมตาตื่นขึ้น

ปรกติแล้วผมมักจะตื่นเวลา 6 โมงเช้าอัตโนมัติ

ถึงแม้วันนี้จะเป็นวันอาทิตย์ก็ตาม

แต่วันนี้เร็วกว่านั้น เมื่อมองนาฬิกาข้อมือที่ลืมถอด

 

04.30 6 Jul 2014

 

ตัวผมยังคงร้อน

ราวกับผมฝันถึงอะไรซักอย่าง

ภาพเหตุการณ์ดูไม่ต่อเนื่อง

 

ผมนึกถึงความฝันไม่ออกแต่มีความรู้สึกราวกับว่า

ถ้าหากไม่ทำอะไรซักอย่าง

วันนี้ผมจะต้องตายแน่ๆ....เหมือนเมื่อ 4 วันก่อน

ถ้าเป็นคนอื่นอาจคิดว่าคิดมากไปเอง

แต่สำหรับผมความรู้สึกแบบนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรก

ถึงได้ปักใจเชื่อว่าครั้งนี้ต้องเป็นจริงอีกแน่

 

ทำยังไงดี แจ้งความ?

ขอให้ตำรวจช่วยจะได้ไหม

ถ้าบอกว่าโดนโทรมาขู่ฆ่า

ตำรวจคงจะตรวจสอบเบอร์แล้วรู้ว่าผมโกหกเป็นแน่…

รึจะขอความช่วยเหลือจากเพื่อนดี…

 

ผมเปิด PC แล้วไล่ดูข้อมูลรายชื่อเพื่อนที่ผมทำเอาไว้

ในนั้นบ่งบอกว่าแต่ละคนตอนนี้อยู่ที่ไหน

ทำงานอะไรอยู่

จริงอยู่ที่ผมไม่มีเพื่อนคนใดสนิทเป็นพิเศษ

แต่ว่าผมก็วางตัวในฐานะที่พอจะเป็นเพื่อนได้ทุกคน

 

“เจอแล้ว”

 

ผมเผลออุทานขึ้น

เพื่อนสมัยปริญญาตรี

ไม่ได้เจอกันนานแล้วเหมือนกัน

แต่สมัยนั้นมักจะเจอกันตอนวิ่งออกกำลังกายบ่อยๆ

ปัจจุบันเป็นตำรวจ โชคดีที่อยู่ไม่ห่างกันมากนัก

 

จะโทรไปตั้งแต่ตอนนี้ก็คงจะรบกวนเกินไป

ผมจึงวางแผนจะขอให้มานั่งกินเลี้ยงกันค่ำวันนี้

หวังว่าเขาคงจะไม่ติดเวรหรอกนะ

ระหว่างที่รอเวลา

ผมเดินไปห้องติดกันที่ผมซื้อเอาไว้

เป็นห้องเก็บสินค้าที่ผมรับซื้อมาขายต่อใน Internet เป็นอาชีพเสริม

จริงอยู่ที่มันไม่มีพวกอาวุธปืน

แต่อย่างน้อย…

 

“ไอ้นี้คงใช้ได้มั้ง”

 

ผมหยิบด้ายที่ทำจากใยแมงมุมผสมคาร์บอนขึ้นมา

เป็นของที่ลูกค้าสั่งมา ถึงจะรู้สึกไม่ดีที่เอาของลูกค้ามาใช้ก่อน

แต่ไว้จบวันนี้แล้วเดี๋ยวจะไปประมูลเอาของล็อตใหม่มาให้แล้วกัน

 

ตามคำโฆษณามันบอกว่าเป็นเส้นใยที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก

แต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆรึเปล่า

 

ผมกลับไปที่ห้องตนเอง เริ่มค้นหาข้อมูลใน Internet เรื่องการวางกับดักต่างๆ

แล้วเริ่มจัดการติดตั้งมันทั่วห้อง

กว่าจะเสร็จก็ 10 โมงกว่าแล้ว

ผมก็เริ่มโทรศัพท์ไปหาเพื่อน

 

….

 

เขาตอบตกลง

ในตอนแรกที่ผมบอกว่ามีคนอาจกำลังจะมาฆ่าผม

เขาหัวเราะคิดว่าผมคิดมากไปเอง

แต่เพราะผมตื้อมากเข้า และสัญญาว่าจะทำอาหารเลี้ยงให้ด้วย

ขอเพียงเขามาที่บ้านผม พร้อมกับเพื่อนตำรวจซักคนสองคน

แล้วเอาอาวุธมาด้วย

เขาจึงยอมตกลง

 

….

 

เวลา 18.00 วันที่ 6 กรกฏาคม 2557

 

เมื่อเพื่อนของผมมาถึงบ้าน พร้อมกับเพื่อนตำรวจอีกคน

พอผมเชิญเข้ามาในห้องของผม

รอยยิ้มสบายๆของเขาหายไปทันที

ทั่วห้องมีกับดักวางอยู่รายรอบ

จริงอยู่ที่มองผ่านๆจะไม่เห็น

แต่ผมชี้จุดให้พวกเขาดู

 

“นี่แก เอาจริงงั้นหรอ”

 

ผมพยักหน้า

 

“ทำไมมั่นใจขนาดนี้นะ...แค่ฝัน...ไม่ใช่เรอะ”

 

“ผมบอกไม่ถูกเหมือนกัน”

 

เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย

 

“ว่าแต่...ทำไมแกถึงไปวางกับดักไว้ตั้งแต่ระเบียงเข้ามาถึงในห้องล่ะ

ทำไมไม่เริ่มจากที่ประตูนี้”

 

“ไม่แน่ใจเหมือนกัน...แต่ความรู้สึกของผมคือ คนคนนั้นมาจากทางระเบียง....”

 

ผมพูดกับพวกเขาอีกซักพัก

นอกจากเพื่อนผมแล้ว

ดูเหมือน เพื่อนตำรวจที่เขาพามาด้วยอีกสองคนจะอยากกลับเต็มที

คงเพราะเห็นว่าผมไม่เต็มล่ะมั้ง

เอาเถอะ ไม่จับผมก็ดีแล้วล่ะ

ผมไม่รู้เหมือนกันว่าวางกับดักถึงตายในบ้านตัวเองผิดกฏหมายไหม

 

“แล้ว...แกจะให้กินเลี้ยงกันห้องนี้จริงๆน่ะเรอะ มีใครเดินพลาดไปตายพอดี”

 

“ออไม่ต้องห่วง ไปกินกันอีกห้องหนึ่งน่ะ”

 

ผมพาเพื่อนไปห้องด้านข้าง

 

“เห หม้อไฟ หรอ”

 

พวกเขาเริ่มนั่งรายล้อมโต๊ะ

 

“แผนเป็นอย่างนี้”

 

ผมเริ่มอธิบายให้พวกเขาฟัง

ตามความรู้สึกของผม

คนคนนั้นจะมาหาผมภายในคืนวันนี้

เพื่อล่อเขาออกมา

ผมจะอยู่ในห้องของผมตลอด

ส่วนพวกเพื่อนจะอยู่อีกห้อง

ระหว่างนั้นอยากกินอะไรกินได้เลย ซึ่งผมเตรียมของใส่หม้อไฟเอาไว้แล้ว

แต่ส่วนพวก เหล้า เบียร์ ผมจะเอามาให้อีกครั้งหลัง เที่ยงคืน

ซึ่งหากเกิดอะไรขึ้น ผมจะกดสัญญาณเตือนเรียกไปเอง

 

“อย่ากินกันอิ่มเกินไปล่ะ”

“ไม่ต้องห่วงน่า”

 

เขาพูดพลางเปิดทีวีดูบอลไปพลางๆ

 

ผมใช้เวลาไม่นานนักในการคุยกับพวกเขา

แล้วเดินกลับไปนั่งในห้องของผมเอง

 

18.30

 

ฟ้าเริ่มมืด ยังไร้วี่แวว

 

19.00

 

รอบข้างเริ่มมืดลงแล้ว

ผมยังคงไม่เปิดไฟนั่งรออยู่ในห้องเงียบๆ

 

21.00

 

‘1229...1231...1237’

ผมพยายามสงบสติด้วยการนับจำนวนเฉพาะไปเรื่อยๆ

 

22.00

 

‘3719...3727...3733’

ปรกติเวลานี้น่าจะยังได้ยินเสียงรถยนตร์ภายนอกอยู่บ้าง

แต่ผมกลับได้ยินแต่เสียงเต้นของหัวใจตนเอง




 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา