For Love เพราะ...รัก
-
เขียนโดย ฝันเฟื่อง
วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 12.59 น.
21 ตอน
2 วิจารณ์
21.98K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 13.45 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) For Love เพราะ...รัก >>> ตอนที่ 3
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความกันต์ Say:
‘’กันต์ เป็นรัยรึป่าว นั่งเงียบเลยนะ’’
พีถามทำลายความเงียบระหว่างที่เรา ตอนนี้เราอยู่บนรถ หลังจากที่กินข้าวกันเสร็จแล้ว ก็แยกย้ายกันกลับ เก้ากับเอกไปด้วยกัน ส่วนผมก็มีพีขับรถมาส่งที่บ้านเหมือนกับทุกครั้ง
‘’ป่าวนิ เราก็เงียบปกตินะ’’
ถ้าไม่มีใครชวนคุยปกติก็เงียบอยู่แล้วก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้วนะ พีก็ถามแปลก ๆ
‘’ก็เราเห็นกันต์นั่งทำหน้าแปลก ๆ อ่ะ คิดรัยอยู่หรอ’’
‘’…..’’
ผมไม่ได้ตอบคำถามของพี มีเพียงรอยยิ้มที่ส่งไปให้เท่านั้น
นั่นสินะ ตอนนี้ผมคิดอะรัยอยู่ ผมแค่คิดถึงรอยยิ้มของคน ๆ นั้น แค่สงสัยว่าทำไมต้องมองหน้าผมแล้วก็ยิ้ม แล้วไอ้รอยยิ้มแบบนั้นมันหมายความว่ายังงัย...
………………………………………………………………………………………..
‘’เรากลับเลยนะ ฝากสวัสดีคุณน้าด้วย’’
‘’อืม ขับรถดี ๆ นะ พรุ่งนี้เจอกัน’’
ผมยืนรอจนรถขับรถออกไปจากรั้วบ้านก่อนผมจะเดินเข้าไปในบ้าน
‘’กลับมาแล้วหรอคะ น้องกันต์ ทานอะรัยมารึยังคะเนี่ย ถ้ายังเดี๋ยวพี่เกดให้ป้านอมเตรียมให้นะ’’
เดินเข้าบ้านมาก็เจอพี่เกดคนแรกเลยครับ
‘’ไม่เป็นรัยครับ กันต์ทานกับเพื่อนมาแล้ว แล้วแม่ไม่อยู่หรอครับพี่เกด’’
‘’คุณผู้หญิงไปงานเลี้ยงสมาคมค่ะ ส่วนคุณผู้ชายยังไม่กลับจากทำงานค่ะ’’
คำตอบแบบนี้ผมได้ยินบ่อยจนชินแล้วล่ะครับ แม่ผมจะออกงานเดือนนึงไม่ต่ำกว่าสามงาน ส่วนพ่อก็ทำงานกลับบ้านช้าทุกวัน พ่อผมเป็นรัฐมนตรีและยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของธนาคาร xxx ส่วนแม่ผมจะทำเกี่ยวกับพวกอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ ก็จะมีหมู่บ้าน xxx แล้วก็คอนโดอีกนิดหน่อย ถ้าถามว่าผมรวยมั้ยผมตอบได้เลยว่าไม่ คนที่รวยคือพ่อกับแม่ ไม่ใช่ผม
‘’งั้นกันต์ขึ้นห้องเลยนะครับพี่เกด’’
‘’ค่ะ’’
พี่เกดตอบพร้อมกับส่งรอยยิ้มอ่อนโยนมาให้ผม ก่อนที่ผมจะเดินขึ้นห้อง
ผ่านไปอีกวันแล้วสินะ ชีวิตของผมก็คงจะเหมือนเดิม ไม่มีอะรัยเพิ่มเติม ชีวิตที่น่าเบื่อ ชีวิตที่ไม่มีสีสัน...
................................................................................................................................
‘’เมื่อรัยจะมากันสักทีนะ’’
ผมนั่งรอเพื่อนอยู่โต๊ะม้าหินอ่อนแถว ๆ คณะ รู้สึกแปลก ๆ งัยไม่รู้ไม่อยากนั่งคนเดียวเลยผมรู้สึกเหมือนว่ากำลังมีสายตาของใครสักคนจ้องมองผมอยู่ แต่ผมไม่รู้นะครับว่าใคร แค่ความรู้สึกมันบอกว่าเหมือนมีคนมองเราอยู่...
‘’โทษทีนะกันต์ แหะ ๆ ตื่นสายไปหน่อยน่ะ’’
วิ่งมาพร้อมรอยยิ้มแบบนี้ใครจะโกรธลงล่ะพี
‘’ขึ้นห้องกันเลยนะ’’
บอกตรง ๆ ว่าผมไม่อยากอยู่ตรงนี้นาน มันรู้สึกไม่ดีจริง ๆ นะ พูดจบผมก็ลากแขนพีจะเดินไปห้องทันที
‘’ไม่รอเอกกับเก้าก่อนหรอ’’
ผมไม่ได้ใส่ใจกับคำถามของพีมากนัก รู้แค่ว่าอยากจะไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด
................................................................................................................................
‘’กินรัยกันดี’’
เอกหันมาถามผม ตอนนี้พวกเรามากินข้าวที่โรงอาหารกันเพราะตอนบ่ายมีกิจกรรมรับน้องต่อก็เลยขี้เกียดออกไปกินข้างนอกกัน
‘’ไม่รู้อ่ะ เดี๋ยวไปเดินดูก่อนดีกว่า’’
ผมตอบก่อนจะเดินแยกไปหาซื้อข้าวกิน
พลัก!!!..
‘’อ๊ะ...!!’’
เดินชนใครเนี่ย แว่นตกเลย แล้วทำไมตัวสูงจังเลยล่ะ ผมแทบจะล้มเลย ความรู้สึกเหมือนเดินชนกำแพง ผมก้มไปหยิบแว่นที่ตอนนี้แตกจนใส่ไม่ได้แล้วก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นไปมอง -..-’ ตัวผมแค่ไหล่เค้าเองอ่า
เอ๊ะ!!
หน้าคุ้น ๆ นะ แต่มองไม่ค่อยชัดเลยแฮะ ผมสายตาสั้นน่ะ พอไม่ได้ใส่แว่นแล้วต้องเพ่งหน่อย
‘’พี่ขอโทษนะครับ พี่เดินไม่ดูเอง แว่นน้องเลยตกแตกเลย’’
อืมม อย่างน้อยก็ยังดีที่รู้ว่าตัวเองผิดนะ
‘’ไม่เป็นรัยครับ’’
ผมตอบกลับไป แต่ผมคุ้น ๆ หน้าพี่แกจังเลยแฮะ ขอเวลาคิดแปปนะ อืมม.....
หะ…!!!
นี่มันเพื่อนไอ้พี่ดินที่เมื่อวานมองหน้าแล้วก็ยิ้มให้เรานี่ ทำไมวันนี้ดูเป็นมิตรจัง รอยยิ้มก็ดูเป็นมิตรมากกว่าเมื่อวานเยอะเลยแฮะ
‘’น้องชื่อรัยครับ แล้ว...เรียนคณะไหน’’
ถามทำมัยอ่ะ
‘’ชื่อกันต์ครับ เรียนบริหาร’’
แล้วทำมัยผมต้องบอกพี่เค้าด้วยนะ
‘’อืม พี่ชื่อภูนะ เรียนวิดวะ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ’’
แล้วพี่แกบอกผมทำมัยอ่ะ
‘’กันต์...!!’’
‘’มีรัยกันหรอ’’
พีกับเก้าเดินมาถึงก็มองหน้าพี่เค้าแบบไม่ไว้ใจก่อนเลยครับ พี่แกยิ้มให้เพื่อนผมนิดนึงก่อนจะ...
‘’ไม่มีรัยหรอกครับ พอดีว่าพี่เดินชนน้องกันต์จนแว่นตกแตกน่ะ พี่ขอโทษอีกทีนะครับน้องกันต์ งั้นพี่ไปก่อนนะ ไว้เจอกัน’’
ประโยคแรกบอกเพื่อนผมส่วนประโยคหลังหันมาพูดกับผมพร้อมรอยยิ้มก่อนจะเดินไป ไว้เจอกัน พูดเหมือนจะได้เจอกันอีกเลยนะ สงสัยคงพูดตามมารยาทมั้ง...
‘’แว่นแตกแล้วจะทำงัยล่ะ มองอะรัยเห็นมั้ยกันต์’’
พีถามผมหลังจากที่เรากลับมานั่งกินข้าวที่โต๊ะกันแล้ว
‘’คงไม่เป็นรัยหรอก ไม่มีเรียนแล้วนิ่ ตอนบ่ายก็แค่รับน้องเอง เพ่ง ๆ เอาก็ได้’’
ผมตอบพีไปก่อนจะเริ่มกินข้าวต่อ
‘’งั้นถ้ารับน้องเสร็จแล้ว เราพาไปซื้อแว่นใหม่นะ ไปห้างเรานี่แหละ ใกล้ ๆ เอง’’
‘’อืม...’’
ผมบอกไปรึยังนะว่ากิจการของครอบครัวพีคือห้างสรรพสินค้าและโรงแรมในเครือ xxx ไม่ต้องบอกก็คงจะรู้นะครับว่ารวยแค่ไหน
หลังจากที่กินข้าวเสร็จกันแล้วพวกผมก็มานั่งรอรุ่นพี่ วันนี้ก็เหมือนเดิมร้องรำทำเพลงและรุ่นพี่ก็แจ้งเรื่องการรับน้องว่าจะไปรับที่ต่างจังหวัดกัน แต่พวกพี่ยังไม่ได้สรุปว่าจะไหนที่ไหน เมื่อไหร่ แค่บอกเฉย ๆ ว่าจะไปต่างจังหวัดกัน 3 วัน 2 คืน
‘’กลับมากันแล้วหรอจ๊ะ’’
หลังจากรุ่นพี่ปล่อยกลับบ้านผมกับพีก็แยกกับเอกและก็เก้าเลยเพราะพีพาผมไปซื้อแว่นตาอันใหม่ ซื้อเสร็จพีก็มาส่งผมที่บ้าน เข้าบ้านมาก็เจอกับแม่ที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ห้องนั่งเล่น
‘’คุณน้าแก้ววว สวัสดีครับ’’
พีเดินเข้าไปหาแม่ผมก่อนผมซะอีก
‘’ว่างัยจ๊ะ พาลูกน้าไปเที่ยวไหนมาเนี่ย กลับซะมืดเลย’’
‘’พาไปซื้อแว่นอันใหม่ครับ’’
สองแม่ลูก(?)เค้าคุยกันสองคน ผมเลยต้องนั่งเงียบเลย
‘’อ้าว ทำไมล่ะ อันเก่ามันเป็นอะรัย ทำไมซื้อใหม่ล่ะ’’
หันมาสนใจผมแล้วสินะครับ
‘’กันต์ทำตกแตกนะครับ’’
คำตอบของผมทำให้แม่ยิ้มน้อย ๆ ให้ผม
หลังจากนั้นก็นั่งกินข้าวกัน วันนี้พีมาฝากท้องที่บ้านผม กินกันสี่คน แม่ พี่เกด ผม และก็พี ส่วนพ่อก็เหมือนเดิม ยังไม่กลับ เห็นพี่เกดบอกว่ามีประชุม กินข้าวกันเสร็จแล้วก็นั่งคุยกันอีกสักพักก่อนที่พีจะกลับไป
‘’วันนี้เป็นงัยบ้างครับน้องกันต์’’
ตอนนี้ผมกับแม่นั่งดูทีวีกันอยู่สองคนที่ห้องนั่งเล่น
‘’ก็เหมือนกับทุกวันครับ’’
ผมตอบพร้อมกับล้มตัวนอนหนุนตักแม่ ผมไม่รู้จะตอบแม่ว่ายังงัยดีเพราะมันไม่มีอะรัยเลยจริง ๆ ชีวิตผมก็มีเท่านี้แหละครับ ไปเรียน กลับบ้าน เดินห้างบ้างออกงานกับแม่บ้าง ซ้ำ ๆ เดิม ๆ เจอแต่คนเดิม ๆ คำตอบของผมทำให้แม่ยิ้มนิดนึงก่อนจะลูบหัวผมแม่อ่อนโยนกับผมเสมอ เพลินจนเกือบจะหลับเลย แม่คงเห็นว่าผมจะหลับจึงถอดแว่นให้เพื่อให้ผมนอนได้สบายขึ้น ผมลืมตามองแว่นในมือแม่ก่อนที่ใบหน้าของคน ๆ นั้นจะลอยเข้ามาในหัวผมอีกครั้ง ถ้าแม่ไม่ถอดแว่นให้ผมก็คงจะลืมไปแล้วว่าวันนี้ผมได้แว่นอันใหม่มาเพราะอะรัยและเพราะใคร
อืมม...เกือบลืมไปเลยว่าวันนี้มีคนมาให้รู้จักเพิ่มอีกหนึ่งคนนี่นา...พี่ภู!!!
*******************************************************************************
‘’กันต์ เป็นรัยรึป่าว นั่งเงียบเลยนะ’’
พีถามทำลายความเงียบระหว่างที่เรา ตอนนี้เราอยู่บนรถ หลังจากที่กินข้าวกันเสร็จแล้ว ก็แยกย้ายกันกลับ เก้ากับเอกไปด้วยกัน ส่วนผมก็มีพีขับรถมาส่งที่บ้านเหมือนกับทุกครั้ง
‘’ป่าวนิ เราก็เงียบปกตินะ’’
ถ้าไม่มีใครชวนคุยปกติก็เงียบอยู่แล้วก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้วนะ พีก็ถามแปลก ๆ
‘’ก็เราเห็นกันต์นั่งทำหน้าแปลก ๆ อ่ะ คิดรัยอยู่หรอ’’
‘’…..’’
ผมไม่ได้ตอบคำถามของพี มีเพียงรอยยิ้มที่ส่งไปให้เท่านั้น
นั่นสินะ ตอนนี้ผมคิดอะรัยอยู่ ผมแค่คิดถึงรอยยิ้มของคน ๆ นั้น แค่สงสัยว่าทำไมต้องมองหน้าผมแล้วก็ยิ้ม แล้วไอ้รอยยิ้มแบบนั้นมันหมายความว่ายังงัย...
………………………………………………………………………………………..
‘’เรากลับเลยนะ ฝากสวัสดีคุณน้าด้วย’’
‘’อืม ขับรถดี ๆ นะ พรุ่งนี้เจอกัน’’
ผมยืนรอจนรถขับรถออกไปจากรั้วบ้านก่อนผมจะเดินเข้าไปในบ้าน
‘’กลับมาแล้วหรอคะ น้องกันต์ ทานอะรัยมารึยังคะเนี่ย ถ้ายังเดี๋ยวพี่เกดให้ป้านอมเตรียมให้นะ’’
เดินเข้าบ้านมาก็เจอพี่เกดคนแรกเลยครับ
‘’ไม่เป็นรัยครับ กันต์ทานกับเพื่อนมาแล้ว แล้วแม่ไม่อยู่หรอครับพี่เกด’’
‘’คุณผู้หญิงไปงานเลี้ยงสมาคมค่ะ ส่วนคุณผู้ชายยังไม่กลับจากทำงานค่ะ’’
คำตอบแบบนี้ผมได้ยินบ่อยจนชินแล้วล่ะครับ แม่ผมจะออกงานเดือนนึงไม่ต่ำกว่าสามงาน ส่วนพ่อก็ทำงานกลับบ้านช้าทุกวัน พ่อผมเป็นรัฐมนตรีและยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของธนาคาร xxx ส่วนแม่ผมจะทำเกี่ยวกับพวกอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ ก็จะมีหมู่บ้าน xxx แล้วก็คอนโดอีกนิดหน่อย ถ้าถามว่าผมรวยมั้ยผมตอบได้เลยว่าไม่ คนที่รวยคือพ่อกับแม่ ไม่ใช่ผม
‘’งั้นกันต์ขึ้นห้องเลยนะครับพี่เกด’’
‘’ค่ะ’’
พี่เกดตอบพร้อมกับส่งรอยยิ้มอ่อนโยนมาให้ผม ก่อนที่ผมจะเดินขึ้นห้อง
ผ่านไปอีกวันแล้วสินะ ชีวิตของผมก็คงจะเหมือนเดิม ไม่มีอะรัยเพิ่มเติม ชีวิตที่น่าเบื่อ ชีวิตที่ไม่มีสีสัน...
................................................................................................................................
‘’เมื่อรัยจะมากันสักทีนะ’’
ผมนั่งรอเพื่อนอยู่โต๊ะม้าหินอ่อนแถว ๆ คณะ รู้สึกแปลก ๆ งัยไม่รู้ไม่อยากนั่งคนเดียวเลยผมรู้สึกเหมือนว่ากำลังมีสายตาของใครสักคนจ้องมองผมอยู่ แต่ผมไม่รู้นะครับว่าใคร แค่ความรู้สึกมันบอกว่าเหมือนมีคนมองเราอยู่...
‘’โทษทีนะกันต์ แหะ ๆ ตื่นสายไปหน่อยน่ะ’’
วิ่งมาพร้อมรอยยิ้มแบบนี้ใครจะโกรธลงล่ะพี
‘’ขึ้นห้องกันเลยนะ’’
บอกตรง ๆ ว่าผมไม่อยากอยู่ตรงนี้นาน มันรู้สึกไม่ดีจริง ๆ นะ พูดจบผมก็ลากแขนพีจะเดินไปห้องทันที
‘’ไม่รอเอกกับเก้าก่อนหรอ’’
ผมไม่ได้ใส่ใจกับคำถามของพีมากนัก รู้แค่ว่าอยากจะไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด
................................................................................................................................
‘’กินรัยกันดี’’
เอกหันมาถามผม ตอนนี้พวกเรามากินข้าวที่โรงอาหารกันเพราะตอนบ่ายมีกิจกรรมรับน้องต่อก็เลยขี้เกียดออกไปกินข้างนอกกัน
‘’ไม่รู้อ่ะ เดี๋ยวไปเดินดูก่อนดีกว่า’’
ผมตอบก่อนจะเดินแยกไปหาซื้อข้าวกิน
พลัก!!!..
‘’อ๊ะ...!!’’
เดินชนใครเนี่ย แว่นตกเลย แล้วทำไมตัวสูงจังเลยล่ะ ผมแทบจะล้มเลย ความรู้สึกเหมือนเดินชนกำแพง ผมก้มไปหยิบแว่นที่ตอนนี้แตกจนใส่ไม่ได้แล้วก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นไปมอง -..-’ ตัวผมแค่ไหล่เค้าเองอ่า
เอ๊ะ!!
หน้าคุ้น ๆ นะ แต่มองไม่ค่อยชัดเลยแฮะ ผมสายตาสั้นน่ะ พอไม่ได้ใส่แว่นแล้วต้องเพ่งหน่อย
‘’พี่ขอโทษนะครับ พี่เดินไม่ดูเอง แว่นน้องเลยตกแตกเลย’’
อืมม อย่างน้อยก็ยังดีที่รู้ว่าตัวเองผิดนะ
‘’ไม่เป็นรัยครับ’’
ผมตอบกลับไป แต่ผมคุ้น ๆ หน้าพี่แกจังเลยแฮะ ขอเวลาคิดแปปนะ อืมม.....
หะ…!!!
นี่มันเพื่อนไอ้พี่ดินที่เมื่อวานมองหน้าแล้วก็ยิ้มให้เรานี่ ทำไมวันนี้ดูเป็นมิตรจัง รอยยิ้มก็ดูเป็นมิตรมากกว่าเมื่อวานเยอะเลยแฮะ
‘’น้องชื่อรัยครับ แล้ว...เรียนคณะไหน’’
ถามทำมัยอ่ะ
‘’ชื่อกันต์ครับ เรียนบริหาร’’
แล้วทำมัยผมต้องบอกพี่เค้าด้วยนะ
‘’อืม พี่ชื่อภูนะ เรียนวิดวะ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ’’
แล้วพี่แกบอกผมทำมัยอ่ะ
‘’กันต์...!!’’
‘’มีรัยกันหรอ’’
พีกับเก้าเดินมาถึงก็มองหน้าพี่เค้าแบบไม่ไว้ใจก่อนเลยครับ พี่แกยิ้มให้เพื่อนผมนิดนึงก่อนจะ...
‘’ไม่มีรัยหรอกครับ พอดีว่าพี่เดินชนน้องกันต์จนแว่นตกแตกน่ะ พี่ขอโทษอีกทีนะครับน้องกันต์ งั้นพี่ไปก่อนนะ ไว้เจอกัน’’
ประโยคแรกบอกเพื่อนผมส่วนประโยคหลังหันมาพูดกับผมพร้อมรอยยิ้มก่อนจะเดินไป ไว้เจอกัน พูดเหมือนจะได้เจอกันอีกเลยนะ สงสัยคงพูดตามมารยาทมั้ง...
‘’แว่นแตกแล้วจะทำงัยล่ะ มองอะรัยเห็นมั้ยกันต์’’
พีถามผมหลังจากที่เรากลับมานั่งกินข้าวที่โต๊ะกันแล้ว
‘’คงไม่เป็นรัยหรอก ไม่มีเรียนแล้วนิ่ ตอนบ่ายก็แค่รับน้องเอง เพ่ง ๆ เอาก็ได้’’
ผมตอบพีไปก่อนจะเริ่มกินข้าวต่อ
‘’งั้นถ้ารับน้องเสร็จแล้ว เราพาไปซื้อแว่นใหม่นะ ไปห้างเรานี่แหละ ใกล้ ๆ เอง’’
‘’อืม...’’
ผมบอกไปรึยังนะว่ากิจการของครอบครัวพีคือห้างสรรพสินค้าและโรงแรมในเครือ xxx ไม่ต้องบอกก็คงจะรู้นะครับว่ารวยแค่ไหน
หลังจากที่กินข้าวเสร็จกันแล้วพวกผมก็มานั่งรอรุ่นพี่ วันนี้ก็เหมือนเดิมร้องรำทำเพลงและรุ่นพี่ก็แจ้งเรื่องการรับน้องว่าจะไปรับที่ต่างจังหวัดกัน แต่พวกพี่ยังไม่ได้สรุปว่าจะไหนที่ไหน เมื่อไหร่ แค่บอกเฉย ๆ ว่าจะไปต่างจังหวัดกัน 3 วัน 2 คืน
‘’กลับมากันแล้วหรอจ๊ะ’’
หลังจากรุ่นพี่ปล่อยกลับบ้านผมกับพีก็แยกกับเอกและก็เก้าเลยเพราะพีพาผมไปซื้อแว่นตาอันใหม่ ซื้อเสร็จพีก็มาส่งผมที่บ้าน เข้าบ้านมาก็เจอกับแม่ที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ห้องนั่งเล่น
‘’คุณน้าแก้ววว สวัสดีครับ’’
พีเดินเข้าไปหาแม่ผมก่อนผมซะอีก
‘’ว่างัยจ๊ะ พาลูกน้าไปเที่ยวไหนมาเนี่ย กลับซะมืดเลย’’
‘’พาไปซื้อแว่นอันใหม่ครับ’’
สองแม่ลูก(?)เค้าคุยกันสองคน ผมเลยต้องนั่งเงียบเลย
‘’อ้าว ทำไมล่ะ อันเก่ามันเป็นอะรัย ทำไมซื้อใหม่ล่ะ’’
หันมาสนใจผมแล้วสินะครับ
‘’กันต์ทำตกแตกนะครับ’’
คำตอบของผมทำให้แม่ยิ้มน้อย ๆ ให้ผม
หลังจากนั้นก็นั่งกินข้าวกัน วันนี้พีมาฝากท้องที่บ้านผม กินกันสี่คน แม่ พี่เกด ผม และก็พี ส่วนพ่อก็เหมือนเดิม ยังไม่กลับ เห็นพี่เกดบอกว่ามีประชุม กินข้าวกันเสร็จแล้วก็นั่งคุยกันอีกสักพักก่อนที่พีจะกลับไป
‘’วันนี้เป็นงัยบ้างครับน้องกันต์’’
ตอนนี้ผมกับแม่นั่งดูทีวีกันอยู่สองคนที่ห้องนั่งเล่น
‘’ก็เหมือนกับทุกวันครับ’’
ผมตอบพร้อมกับล้มตัวนอนหนุนตักแม่ ผมไม่รู้จะตอบแม่ว่ายังงัยดีเพราะมันไม่มีอะรัยเลยจริง ๆ ชีวิตผมก็มีเท่านี้แหละครับ ไปเรียน กลับบ้าน เดินห้างบ้างออกงานกับแม่บ้าง ซ้ำ ๆ เดิม ๆ เจอแต่คนเดิม ๆ คำตอบของผมทำให้แม่ยิ้มนิดนึงก่อนจะลูบหัวผมแม่อ่อนโยนกับผมเสมอ เพลินจนเกือบจะหลับเลย แม่คงเห็นว่าผมจะหลับจึงถอดแว่นให้เพื่อให้ผมนอนได้สบายขึ้น ผมลืมตามองแว่นในมือแม่ก่อนที่ใบหน้าของคน ๆ นั้นจะลอยเข้ามาในหัวผมอีกครั้ง ถ้าแม่ไม่ถอดแว่นให้ผมก็คงจะลืมไปแล้วว่าวันนี้ผมได้แว่นอันใหม่มาเพราะอะรัยและเพราะใคร
อืมม...เกือบลืมไปเลยว่าวันนี้มีคนมาให้รู้จักเพิ่มอีกหนึ่งคนนี่นา...พี่ภู!!!
*******************************************************************************
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ