นิมิต
-
เขียนโดย เกษา
วันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 17.24 น.
5 ตอน นิมิต ฝันที่เกิดขึ้น
0 วิจารณ์
7,778 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 19.05 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) เมียท่านหลวงพิชิต
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ.............อดีตชาติเรารู้ได้ เห็นได้ด้วยตนเอง อันนี้เป็นคำบอกกล่าวมาจากพระปฎิบัติโดยตรง
ท่านบอกว่า ยิ่งใครฝึกสมธิได้ดี ยิ่งรู้ ยิ่งเห็นกรรมเก่าในอดีต และอดีตชาติว่าตนเองนั้นเคยเป็นใคร
ฉันเองก็เชื่อแบบนั้น และฉันเห็นด้วยฝัน
ไม่เคยเห็นด้วยการนั่งสมาธิเหมือนท่านอื่นๆ
คงเพราะฉันยังนิ่งไม่มากพอละมั้งนะ
จึงทำให้ฉันเห็นได้เฉพาะในฝันเท่านั้นเอง.....
...ทุกอย่างดำเนินตามปกติของทุกวัน ก่อนเข้านอนทุกครั้งการเจริญสติ เป็นเหมือนกิจวัตรที่ฉันต้องทำก่อนเข้านอน เมื่อหลับตาลง ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปทันที...
สา" ฉันจะหนี ฉันต้องหนีออกไปจากที่นี้ให้ได้ "
ฉันพูดแบบนี้ออกมา กับเบื้องหน้าที่ฉันเห็นฉันแต่งกายอยู่ในกึ่งรัชสมัย
การแต่งกายของฉันเหมือนผู้หญิงสูงศักดิ์ ในมือมีกระเป๋าเดินทางที่เป็นไม้หวายอย่างดี
ฉันมองไปด้านหลัง เป็นคฤหาสใหญ่โต ฉันก้าวลงมาจากบันได ที่มีมากกว่า ๒๐ ขั้นยาวเรียงลงมา
" ให้บ่าวตามไปด้วยนะเจ้าคะ "
เสียง หญิงสาวที่นั่งพับเพียบต่อหน้าฉันใส่เสื้อคอกระเช้าสีน้ำตาบเข้ม ผ้าโจงกระเบนสีเดียวกัน
"ให้บ่าวตามนายหญิงไปด้วย ให้บ่าวตามไปรับใช้นะเจ่าคะ บ่าวไม่อยากอยู่ถ้านายหญิงไม่อยู่เสียแล้ว"
สา " อย่าเลยชุ้ม อยู่ที่นี้แหระ ถ้าอยู่ที่นี้ชุ้มจะสบาย ถ้าตามเราไปด้วยชุ้มจะลำบาก เพราะเรานั้นก็ไม่รู้จุดหมายที่จะไปด้วย "
" บ่าวทนลำบากได้เจ่าคะ ให้บ่าวไปด้วยนะเจ่าคะ "
เธอคลานเข้ามากอดที่ขาไว้น้ำตาของเธอเปียกซึมเข้าที่ถุงน่อง ทำให้รู้สึกได้ว่า นั้นคือน้ำตาของความเสียใจที่นายของตนเองจะไป
สา " ชุ้ม จำคำเราไว้นะ เราจะไม่อยู่ที่นี้เพื่อเป็น เมียรองผู้ใด เรานั้นไม่นิยมการมีเมียรอง เจ่าจงอย่าบอกใครว่าเจอเรา และอย่าบอกใครว่ามาหาเรา เข้าใจนะ "
หลังจากพูดจบเราก็เดินออกมา ภาพที่อธิบายเหตุการก็ปรากฎขึ้นตัวฉันเองเป็น ผู้หญิงที่มีการศึกษามากในสมัยนั้น และเป็นผู้หญิงที่มีความมั่นใจสูง ด้วยเหตุที่ครอบครัวต้องส่งตัวฉันให้มาเป็นของขวัญให้กับหลวงพิชิต ที่มีอำนาจสั่งการทุกอย่างในเมืองนี้ ครอบครัวฉันมีอาชีพค้าไม้ และต้องผูกมิตรไมตรีไว้กับหลวงพิชิต จึงมอบตัวฉันให้เป็นเมียรองท่าน ฉันไม่ยอม แต่ด้วยความกตัญญู ต้องจำใจเพื่อมาอยู่ตามข้อสัญญานั้น แต่ฉันไม่ย่อมง่ายๆ ถึงได้หนีออกจากคุ่มหลวงพิชิต
หลังจากนั้นหลวงพิชิตได้ตามตัวฉัน ตามหาตัวให้นำตัวฉันกลับ
ด้วยนิสัยของหลวงพิชิต ที่มีใจโหดเหี้ยม และเอาแต่ใจ
ไม่มีใครขัดใจได้มีเพียงแค่ฉันเท่านั้นที่กล้าขัดใจ
ตัวฉันได้หนีมาอยุ่ที่บ้านหลังหนึ่งที่อยู่ท้ายหมู่บ้านที่ฉันเคยสร้างทิ้งไว้ เมื่อครั้งยังศึกษาอยู่
เพื่อไว้มาพักผ่อน สุดท้ายหลวงพิชิตก็ได้พบตัวฉัน และมาเจอฉันที่บ้านหลังนี้
" กลับกับเราเดี๋ยวนี้ แม่หญิงน้อย เจ่าก็รู้ว่าเรารักเจ่า
เท่าเทียมกับแม่หญิงพริ้ม "
สา " เราไม่กลับ เราไม่ได้รักท่าน และอย่าเอาเราไปเทียบกับพี่พริ้ม พี่พริ้มเธอเป็นหญิงที่มีจิตใจงาม และเธออดทน ทรมานอยู่กับนิสัยของท่านมานานเหลือเกิน ไม่เหมือนเราที่ไม่อดทน และจะไม่อดทน เพราะเรานั้นเกลียดท่าน"
" แม่หญิงน้อย !!!!"
เสียงหลวงพิชิตตะหวาดดังขึ้นด้วยความโมโห
" จับแม่หญิงน้อยไว้ แล้วนำกลับคุ้มบัดเดี๋ยวนี้ "
เสียงตะหวาดพร้อมสั่งให้ ลูกน้องที่ตามมาด้วยจับตัวฉันไว้
ฉันพยามดิ้น พยามขัดขืน แต่ก็สู้แรงผู้ชายไม่ไหว
สา " หลวงพิชิต เราขอบอกท่านไว้อย่าง เราเองไม่ชอบการเป็นเมียรองผู้ใด
เราเองมิได้ชอบท่านเลยสักคราเดียว ถึงแม้ท่านจะนำตัวเราไป แต่ก็ได้เพียงตัวเราเท่านั้น
แต่หัวใจเราท่านไม่ได้ไป เพราะท่านไม่คู่ควรกับหัวใจของเรา "
หลวงพิชิตหยุดแล้วหันมาทางเรา แล้วมองหน้า ควักมีดพกด้ามเล็กๆขึ้นมา แล้วมาแนบที่หน้าเรา
" ข้ารู้ว่าเจ่าไม่รักข้า แต่ข้าจะทำให้เจ่ารักข้าให้ได้ อย่าได้กลัวแม่หญิงน้อย สักวันเจ่าจะเข้ากราบและขอความรักจากข้าแน่นอน "
...แล้วภาพทุกอย่างก็เลือนลาง จนสุดท้ายฉันตื่นลืมตา อยู่บนที่นอนของตนเอง
ความรักนั้น มันไม่ได้แต่ร่างกายที่ได้ไป แต่มันต้องได้ทั้งหัวใจไปด้วย
คนที่รักฉัน พยามเพื่อที่จะครอบครองร่างกายของฉัน พยามที่จะกุมหัวใจของฉัน
มันก็ยังมีอยู่สินะ แต่ยังไงแล้ว ความรักนั้น มันจะออกมาจาก ก้นบึ้งของหัวใจ
และมอบหัวใจ มอบทั้งกายให้ เท่านั้นเอง
เค้าถึงได้มีคำนี้ไว้ว่า
" รักหมดกาย หมดใจ " นั้นเอง
ท่านบอกว่า ยิ่งใครฝึกสมธิได้ดี ยิ่งรู้ ยิ่งเห็นกรรมเก่าในอดีต และอดีตชาติว่าตนเองนั้นเคยเป็นใคร
ฉันเองก็เชื่อแบบนั้น และฉันเห็นด้วยฝัน
ไม่เคยเห็นด้วยการนั่งสมาธิเหมือนท่านอื่นๆ
คงเพราะฉันยังนิ่งไม่มากพอละมั้งนะ
จึงทำให้ฉันเห็นได้เฉพาะในฝันเท่านั้นเอง.....
...ทุกอย่างดำเนินตามปกติของทุกวัน ก่อนเข้านอนทุกครั้งการเจริญสติ เป็นเหมือนกิจวัตรที่ฉันต้องทำก่อนเข้านอน เมื่อหลับตาลง ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปทันที...
สา" ฉันจะหนี ฉันต้องหนีออกไปจากที่นี้ให้ได้ "
ฉันพูดแบบนี้ออกมา กับเบื้องหน้าที่ฉันเห็นฉันแต่งกายอยู่ในกึ่งรัชสมัย
การแต่งกายของฉันเหมือนผู้หญิงสูงศักดิ์ ในมือมีกระเป๋าเดินทางที่เป็นไม้หวายอย่างดี
ฉันมองไปด้านหลัง เป็นคฤหาสใหญ่โต ฉันก้าวลงมาจากบันได ที่มีมากกว่า ๒๐ ขั้นยาวเรียงลงมา
" ให้บ่าวตามไปด้วยนะเจ้าคะ "
เสียง หญิงสาวที่นั่งพับเพียบต่อหน้าฉันใส่เสื้อคอกระเช้าสีน้ำตาบเข้ม ผ้าโจงกระเบนสีเดียวกัน
"ให้บ่าวตามนายหญิงไปด้วย ให้บ่าวตามไปรับใช้นะเจ่าคะ บ่าวไม่อยากอยู่ถ้านายหญิงไม่อยู่เสียแล้ว"
สา " อย่าเลยชุ้ม อยู่ที่นี้แหระ ถ้าอยู่ที่นี้ชุ้มจะสบาย ถ้าตามเราไปด้วยชุ้มจะลำบาก เพราะเรานั้นก็ไม่รู้จุดหมายที่จะไปด้วย "
" บ่าวทนลำบากได้เจ่าคะ ให้บ่าวไปด้วยนะเจ่าคะ "
เธอคลานเข้ามากอดที่ขาไว้น้ำตาของเธอเปียกซึมเข้าที่ถุงน่อง ทำให้รู้สึกได้ว่า นั้นคือน้ำตาของความเสียใจที่นายของตนเองจะไป
สา " ชุ้ม จำคำเราไว้นะ เราจะไม่อยู่ที่นี้เพื่อเป็น เมียรองผู้ใด เรานั้นไม่นิยมการมีเมียรอง เจ่าจงอย่าบอกใครว่าเจอเรา และอย่าบอกใครว่ามาหาเรา เข้าใจนะ "
หลังจากพูดจบเราก็เดินออกมา ภาพที่อธิบายเหตุการก็ปรากฎขึ้นตัวฉันเองเป็น ผู้หญิงที่มีการศึกษามากในสมัยนั้น และเป็นผู้หญิงที่มีความมั่นใจสูง ด้วยเหตุที่ครอบครัวต้องส่งตัวฉันให้มาเป็นของขวัญให้กับหลวงพิชิต ที่มีอำนาจสั่งการทุกอย่างในเมืองนี้ ครอบครัวฉันมีอาชีพค้าไม้ และต้องผูกมิตรไมตรีไว้กับหลวงพิชิต จึงมอบตัวฉันให้เป็นเมียรองท่าน ฉันไม่ยอม แต่ด้วยความกตัญญู ต้องจำใจเพื่อมาอยู่ตามข้อสัญญานั้น แต่ฉันไม่ย่อมง่ายๆ ถึงได้หนีออกจากคุ่มหลวงพิชิต
หลังจากนั้นหลวงพิชิตได้ตามตัวฉัน ตามหาตัวให้นำตัวฉันกลับ
ด้วยนิสัยของหลวงพิชิต ที่มีใจโหดเหี้ยม และเอาแต่ใจ
ไม่มีใครขัดใจได้มีเพียงแค่ฉันเท่านั้นที่กล้าขัดใจ
ตัวฉันได้หนีมาอยุ่ที่บ้านหลังหนึ่งที่อยู่ท้ายหมู่บ้านที่ฉันเคยสร้างทิ้งไว้ เมื่อครั้งยังศึกษาอยู่
เพื่อไว้มาพักผ่อน สุดท้ายหลวงพิชิตก็ได้พบตัวฉัน และมาเจอฉันที่บ้านหลังนี้
" กลับกับเราเดี๋ยวนี้ แม่หญิงน้อย เจ่าก็รู้ว่าเรารักเจ่า
เท่าเทียมกับแม่หญิงพริ้ม "
สา " เราไม่กลับ เราไม่ได้รักท่าน และอย่าเอาเราไปเทียบกับพี่พริ้ม พี่พริ้มเธอเป็นหญิงที่มีจิตใจงาม และเธออดทน ทรมานอยู่กับนิสัยของท่านมานานเหลือเกิน ไม่เหมือนเราที่ไม่อดทน และจะไม่อดทน เพราะเรานั้นเกลียดท่าน"
" แม่หญิงน้อย !!!!"
เสียงหลวงพิชิตตะหวาดดังขึ้นด้วยความโมโห
" จับแม่หญิงน้อยไว้ แล้วนำกลับคุ้มบัดเดี๋ยวนี้ "
เสียงตะหวาดพร้อมสั่งให้ ลูกน้องที่ตามมาด้วยจับตัวฉันไว้
ฉันพยามดิ้น พยามขัดขืน แต่ก็สู้แรงผู้ชายไม่ไหว
สา " หลวงพิชิต เราขอบอกท่านไว้อย่าง เราเองไม่ชอบการเป็นเมียรองผู้ใด
เราเองมิได้ชอบท่านเลยสักคราเดียว ถึงแม้ท่านจะนำตัวเราไป แต่ก็ได้เพียงตัวเราเท่านั้น
แต่หัวใจเราท่านไม่ได้ไป เพราะท่านไม่คู่ควรกับหัวใจของเรา "
หลวงพิชิตหยุดแล้วหันมาทางเรา แล้วมองหน้า ควักมีดพกด้ามเล็กๆขึ้นมา แล้วมาแนบที่หน้าเรา
" ข้ารู้ว่าเจ่าไม่รักข้า แต่ข้าจะทำให้เจ่ารักข้าให้ได้ อย่าได้กลัวแม่หญิงน้อย สักวันเจ่าจะเข้ากราบและขอความรักจากข้าแน่นอน "
...แล้วภาพทุกอย่างก็เลือนลาง จนสุดท้ายฉันตื่นลืมตา อยู่บนที่นอนของตนเอง
ความรักนั้น มันไม่ได้แต่ร่างกายที่ได้ไป แต่มันต้องได้ทั้งหัวใจไปด้วย
คนที่รักฉัน พยามเพื่อที่จะครอบครองร่างกายของฉัน พยามที่จะกุมหัวใจของฉัน
มันก็ยังมีอยู่สินะ แต่ยังไงแล้ว ความรักนั้น มันจะออกมาจาก ก้นบึ้งของหัวใจ
และมอบหัวใจ มอบทั้งกายให้ เท่านั้นเอง
เค้าถึงได้มีคำนี้ไว้ว่า
" รักหมดกาย หมดใจ " นั้นเอง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ