Deathland ฝ่าวิกฤติซอมบี้ล้างโลก

-

เขียนโดย อชิรญาฯ

วันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 18.57 น.

  3 วันที่
  0 วิจารณ์
  7,432 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) เมืองนรกเบฮิงแรมตัน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เส้นทางสู่บ้านเกิดของผม เบฮิงแรมตัน เส้นทางนั้นยังอีกยาวไกลนัก ตอนนี้ผมกับซารีนกำลังขับรถอยู่บนถนนแฮมมิ่งโร้ด ที่ทอดยาวไปจนถึงเมืองเบฮิงแรมตัน หลังจากที่เราต่างเดินตามความฝันสอบเข้าตำรวจเพื่อมาฝึกฝนการเป็นหน่วยรบพิเศษที่ได้รับการยอมรับจากคนทั้งโลกว่าดีที่สุดอย่างหน่วยซิล รนนับพันที่ถูกคัดเลือดจนเหลือเพียงสิบห้าคนตอนนี้ได้แยกย้ายกันกลับบ้านเกิดเมืองนอนกันจนหมดแล้ว

ผมไม่รู้ว่าตลอดเวลาสามเดือนที่ผ่านมานั้นบ้านเมืองจะมีการเปลี่ยนแปลงแบบไหนบ้าง รู้แต่เพียงว่า ความเปลี่ยนแปลงด้านร่างกายและสภาพจิตใจของผมนั้นมีมากเกินกว่าจะถูกจัดให้อยู่ในขั้นของมนุษย์ธรรมดา

ผมคือร้อยตำรวจตรี เฮกกรีน ผู้ที่ได้รับว่าเป็นนักรบหน่วยซิล กำลังเดินทางกลับบ้าน ขณะเดินทางเราได้แวะที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งของแฮมมิ่งโร้ด ที่นั่นผมถึงกับเกือบจะเสียแขนขวาของตัวเองไปแล้ว โชคดีที่สนับแขนเหล็กหน่วยซิลคุ้มครองผมจากการถูกกัดเอาไว้ได้

ถึงจะรอดจากการถูกกัดมาได้อย่างปาฏิหารย์ แต่ผมก็มีความรู้สึกประหลาดใจอยู่เป็นอันมากว่าทำไม? คนเหล่านี้ถึงได้ดูผิดแปลกประหลาดออกไปจากเดิม กลุ่มคนที่ผมกับซารีนเจอเป็นเหมือนกับมนุษย์ที่ไร้ซึ่งการควบคุม ทั้งตัวเต็มไปด้วยบาดแผลและรอยฉีกขาดของกล้ามเนื้อ เรี่ยวแรงอันมหาศาลผิดจากสภาพทางกายภาพที่เป็นอยู่ กลุ่มคนเหล่านี้ทำให้ผมคิดถึงเรื่อง Evil ขึ้นมากระทันหัน

ช่วยบอกผมหน่อยสิว่าผมไม่ได้คิดไปเอง สิ่งที่ผมกลัวว่ามันอาจจะเกิดขึ้นจริงนั้น ..มันอาจจะเป็นเพียงแค่ความคิดชั่ววูบอันเกิดมาจากความหวาดกลัวเฉยๆ

พิสูจน์สิว่าต่อจากนี้ไปทั่วทั้งโลกจะไม่กลายเป็น Deathland!

...........................

ฮัมวี่ลายทหารสี่ที่นั่งกลางเก่ากลางใหม่กำลังเร่งเครื่องยนต์อย่างบ้าระห่ำในถนนที่ทอดยาวถึงตัวเมืองเบฮิมแรมตั้น เส้นจราจรขาออกที่มีรถติดพัวพันกันหนาแน่นไม่สามารถออกไปไหนได้เลย ต่างกับเส้นทางขาเข้าที่นอกจากรถฮัมวี่แบบทหารแล้ว ก็ไม่มีใครขับผ่านตามหลังมาอีกเลย ไม่สิ!..ควรจะเรียกว่าต่อไปนี้คงไม่มีมนุษย์คนไหนจะขับรถผ่านมาได้อีก

สภาพถนนที่แม้รถจะติดพัวพันเป็นสายทอดยาวถึงนอกตัวเมืองกว่าสิบกิโลฯ แต่ก็หาได้มีสิ่งมีชีวิตที่เป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่เลย จะมีก็แต่ เหล่าผู้ที่เป็นเพียงแค่ซากศะเดินได้เท่านั้น ที่ยังเดินเพ่นพ่านอยู่ตามท้องถนน

เฮกกรีนและซารีนต่างมีสีหน้าไม่ต่างกัน ใบหน้าของชายหนุ่มทั้งสองที่จ้องมองออกไปบริเวณโดยรอบนั้นไม่สามารถคาดเดาความคิดได้

กลุ่มผีดิบทั้งหมดที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาเหล่านั้น ...มันเกิดขึ้นแล้วจริงๆใช่ไหม? ไม่ใช่แค่ฝันหรือคิดไปเองใช่ไหม?

"เรื่องบัดซบแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไงวะ!!!" เฮกกรีนตะโกนเสียงดังด้วยความสบสันมึนงง สภาพบ้านเมืองรอบด้านพวกเขาตอนนี้ดูไม่ต่างอะไรไปจากเมืองร้างในภาพยนต์ดังเลย บรรดาต้นไม้ใบหญ้าต่างขึ้นปกคลุมท้องถนน ไม่มีใครมาตัดแต่งสวนหย่อมในสวนสาธารณะ ไม่มีคนกวาดถนนหรือหน่วยดับเพลิงดูแลตึกตอนเกิดไฟไหม้ จะมีก็เพียงเหล่าสัตว์ป่าทั้งหลายที่ออกหากินเพ่นพ่านกันเต็มท้องถนน

"ทะ...ทะไมมันถึงเป็นแบบนี้" ซารีนพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

แม้ว่าจะเป็นหน่วยรบพิเศษที่ต้องละทิ้งอารมณ์ของความเป็นมนุษย์ แต่เมื่อเจอเข้ากับสิ่งที่กระทบกระเทือนจิตใจเอามากๆ หัวใจที่ยังเป็นก้อนเนื้ออยู่มีรึที่จะไม่มีความรู้สึก

กับซารีนคงจะเป็นแค่ความประหลาดใจปนความงุนงง แต่กับเฮกกรีนที่เบฮิงแรมตันเป็นทั้งบ้านเกิดและที่เดียวที่เขารู้จัก ชายหนุ่มตอนนี้คงจะรู้สึกสะเทือนใจไม่น้อย

"ฉันว่าตอนนี้นายน่าจะลองไปดูที่บ้านก่อนนะ" ซารีนพูด เขาเองเมื่อเห็นสภาพความเสียหายที่ประมาณค่าไม่ได้ก็ไม่ได้หวังว่าทุกคนจะมีชีวิตรอดอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าต้องการทำหน้าที่เพื่อนที่ดีเท่านั้น

บ้านของเฮกกรีนอยู่ห่างจากย่านศูนย์การค้าไปเพียงไม่กี่ซอย แต่ทันทีที่รถฮัมวี่หักเลี้ยวตรงหน้าบ้าน ชายหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะกลั้นน้ำตาตัวเองให้ไหล 

"ไม่มีใครรอดชีวิตเลยสักคน" เฮกกรีนพูดเสียงสั่น ดวงตาของเขาแดงก่ำพร้อมจะปล่อยโฮออกมาเต็มที

"นายทำดีที่สุดแล้วเพื่อน ไม่มีใครรู้หรอกว่าสามเดือนที่พวกเราจากไปมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง" ซารีนพยายามลูบหลังปลอบใจเพื่อนรัก

"ไม่เพื่อน...ฉันผิดเอง ฉันผิดที่ออกจากบ้านไป ถ้าฉันยังอยู่ที่นี่คงจะช่วยใครอีกหลายๆคนได้บ้าง โธ่.."

เฮกกรีนคราง เขาฟุบหน้าลงกับพวกมาลัยรถอย่างคนหมดอาลัยตายอยาก

ซารีนพยายามทำตัวให้เข้มแข็งที่สุด อย่างน้อยก็ในวิกฤติที่คับขันแบบนี้ ชายหนุ่มกวาดสายตามองสภาพรอบด้าน ที่นี่เป็นหมู่บ้านเล็กๆไม่กี่สิบหลัง แต่ละหลังมีพื้นที่กว้างพอสมควร เขาสังเกตุเห็นพวกผีดิบอยู่เจ็ดแปดตัวที่เนเก้งก้างไร้ทิศทาง

"นายไม่ควรโทษตัวเองหรอกเพื่อน เรื่องแบบนี้ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าหรอก แม้แต่พวกเราเองก็ไม่รู้ว่าต้นเหตุที่จู่ๆผู้คนก็เกิดอาการคุ้มคลั่งออกมาไล่ฆ่ากันเองนั่นคืออะไร" ซารีนพูดเตือนสติ เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าที่กำลังจะเช้าอย่างอ่อนเพลีย ตลอดทั้งคืนพวกเขาใช้เวลาเดินทางไปด้วยเล่นไปด้วยทำให้ถึงที่หมายล่าช้า "ฉันว่าตอนนี้เราควรจะคุมสติเอาไว้แล้วหาที่ดีๆพักผ่อนก่อนจะดีกว่า เหนื่อยมาทั้งคืนแล้ว ...เฮ้เพื่อน เราพักที่บ้านนายก่อนเป็นไง?"

ซารีนตบบ่าเฮกกรีนก่อนกระโดดลงจากรถพร้อมคว้ากระเป๋าสะพายใบใหญ่กับทอมส์สันกระบอกนึงไปด้วย

เฮกกรีนฝืนยิ้มออกมาให้กับการกระทำของเพื่อนรัก 

ถือว่าโชคยังเข้าข้างเขาอยู่บ้าง ที่ให้ซารีนมาเป็นเพื่อนร่วมทาง

เฮกกรีนเลื่อนรถมาจอดที่หน้าบ้านพร้อมคว้ากระเป๋าสะพายใบใหญ่ก่อนลงจากรถตามหลังเพื่อนรัก

บ้านของเขาเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้น ไม่มีรั้วกั้นแต่มีสนามหญ้าตัดพาดเป็นลานหน้าบ้านแทน สังเกตุจากข้าวของที่ตกหล่นภายนอกและคราบเลือดที่เต็มพื้นที่ บ่งบอกได้ว่า ก่อนที่คนในบ้านจะหนีไปได้เกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ขึ้นจนถึงขั้นล้มตายเลยที่เดียว

ซารีนเข้าประชิดประตูบ้านก่อนค่อยๆแง้มฝาประตูออกช้าๆ

เพียงเสี้ยววินาทีเดียวที่ฝาประตูเปิดออก ผีดิบกว่าเจ็ดตัวได้โผทะยานออกมาจากข้างในอย่างรวดเร็วทำให้ไม่สามารถตั้งหลักได้ทัน

โอวว...โอวว!

"บ้าเอ้ยย!" ซารีนสบถ เขาถูกซอมบี้ทั้งหมดล้มทับตัวเอาไว้ โชคดีที่เขารั้งปากของมันได้ทัน ไม่งั้นคอเขาคงถูกขย้ำเละเหมือนเนื้อไก่แน่

เมื่อเพื่อนร่วมวงการกำลังเจอศึกหนัก เฮกกรีนจึงเหวี่ยงกระเป๋าเข้ากวาดซมบี้พวกนั้นเข้าให้เต็มแรง

ตูมมมม...!

เสียงดั่งเหล็กกระทบซีเมนต์ดังขึ้น พร้อมกันกับร่างไร้สติของพวกผีดิบปลิวว่อนกลับเข้าไปในบ้านเหมือนเดิมอีกครั้ง

"จะเข้าบ้านคนอื่นเขา ที่หลังต้องขออนุญาตจากเจ้าของก่อนนะเว้ยย!" เฮกกรีนพูดกลั้วหัวเรา เขาพยุกซารีนขึ้นมาด้วยมือข้างเดียว "ที่นี้นายก็เป็นหนี้ฉันแล้วนะ"

"ไม่ได้ขอให้ช่วยสักกะหน่อยนี่หว่า" ซารีนบ่นอุบ ชายหนุ่มมองเขม็งไปข้างในบ้านอีกครั้งพร้อมหักนิ้วมือดังกร๊อบแกร๊บ "ถ้าจะให้ฉันตอบแทนนายละก็ ...เดี๋ยวจะกำจัดขยะพวกนี้ออกไปให้หมดเอง"

................................

อากาศตอนเที่ยงจะบอกว่าร้อนมันก็ร้อนอยู่นะ แต่ว่าภายในห้องแอร์ที่อุณหภูมิยี่สิบสององศาก็พอให้เปลี่ยนอากาศภายนอกบ้านกับภายในบ้านเป็นคนละโลกกันเลย หลังจากจัดการกับพวกซอมบี้ภายในบ้านและตามบริเวณบ้านเรียบร้อยแล้ว สองหนุ่มก็มาเอนหลังพิงเข้ากับโซฟาสีครีมของบ้านอย่างสบายอารมณ์

นานแค่ไหนแล้วนะ ที่เขาไม่ได้สัมผัสกับความสบายโคตรๆแบบนี้มาก่อน คนที่บ้านนี่ใจร้ายกันจริงๆ ปล่อยให้คนในบ้านคนนึงออกไปเจอกับอะไรแย่ๆแล้วยังทิ้งกันไปโดยไม่ยอมบอกลาเลยสักคำ ถึงแม้จะน้อยใจอยู่บ้างลึกๆ แต่ในใจของเฮกกรีนก็โล่งใจอยู่ไม่ใช่น้อยที่ในบ้านและละแวกใกล้เคียงไม่มีใครเป็นซอมบี้เลยสักคน ทุกคนหายไปกันหมดอย่างไร้ร่องรอย คาดว่าน่าจะได้รับความช่วยเหลือไปแล้วแน่ๆ

ซารีนนอมเกาพุงอยู่บนโซฟาสบายใจ เขาเป็นคนที่ไม่มีอะไรให้ผูกมัด ครอบครอวของเขาอยู่ที่รัสเซียกันหมด เรื่องที่ต้องให้ห่วงจึงไม่มีอะไร

"กะว่าจะถามตั้งนานแล้ว ...เฮกกรีน ในเมื่อเรื่องมันออกมาเป็นอย่างนี้แล้ว ต่อไปนายจะทำอะไรล่ะ?"

ซารีนถาม ทั้งๆที่ยังหลับตาอยู่ เขาห่วงเพื่อนคนนี้ไม่น้อย

"ฉันกะเอาไว้ว่าจะลองขึ้นเหนือไปโอไฮโอน่ะ ถ้าประเทศนี้มันกลายเป็นนรกสำหรับมนุษย์อย่างเราไปแล้ว โอไฮโอที่มีศูนย์บัญชาการลับตั้งอยู่คงจะเป็นทางออกได้" เฮกกรีนตอบ เขาเดินลูกไปหยิบเบียร์ในตู้เย็นออกมา พร้อมของกินที่ยังพอเหลือในตู้เย็นอีกสองสามอย่าง

"โอไฮโอ?...รัฐเวกัสเหนือเหรอ? เฮ้เพื่อน ที่นั่นกับเบฮิงแรมตันมันอยู่กันคนละโลกเลยนะ ลำพังนั่งเครื่องบินยังกินเวลาไปหนึ่งวันเต็มๆเลย แล้วนี่ถ้านายจะไปบนพื้น? ..โว้วๆๆ ฉันว่านายสติแตกไปแล้วว่ะเพื่อน" ซารีนบ่น

"ก็ดีกว่าไปเรื่อยๆโดยไม่มีจุดมุ่งหมายก็แล้วกัน" เฮกกรีบบอกแล้วโยนเบียร์กับขนมให้ซารีนอย่างลวกๆ "ถึงยังไงตอนนี้ก็ไม่มีการคุมเข้มเรื่องกฎหมายแล้ว เออใช่! ซารีน..นายจะไปไหนต่อมั้ย หมายความว่าเส้นทางของนายจะแยกกับฉันหลังจากออกจากที่นี่รึเปล่า?" เฮกกรีนโผลงเสียงดังแล้วฉีกยิ้ม

"ไม่นะ บ้านฉันอยู่รัสเซีย ตอนนี้ฉันตั้งใจจะไปกับนายมากกว่า เครื่องบินไม่มีกัปตันจอดเป็นผักอยู่แบบนั้นจะไปไหนได้ยังไง" 

"ดีเลย! ...ซารีน นายคิดยังไงถ้าฉันคิดว่า เราน่าจะลองกลับไปที่ค่ายฝึกหน่วยซิลอีกครั้งเพื่อขอความช่วยเหลือ"

"โอ้! แหล่มเป็ดเลยว่ะเฮกกรีน ทำไมฉันคิดไม่ออกนะ ในเมือที่นั่นเป็นถึงศูนย์ใหญ่ของการฝึกที่มีอุปกรณ์หน่วยรบทุกอย่างครบครัน ก่อนที่เราจะมาอยู่แบบนี้เราก็ออกมาจากค่ายนั้นนี่นา เอาไว้พรุ่งนี้เรากลับไปที่ค่ายนั่นก็ได้" ซารีนพูดอย่างมีความหวัง

ถูกต้องแล้ว หน่วยรบที่มีประสิทธิภาพในการเอาตัวรอดมากที่สุดคือหน่วยซิล ดังนั้น ก่อนที่จะไปโอไฮโอ....ขอกลับค่ายหน่วยซิลก่อนละกันวะ

พรุ่งนี้เจอกัน ค่ายฝึกหน่วยรบพิศษ ซิล!!

 

 

 

END DAY II

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา