P.P.Rising The Bullet Time อภินิหารพลังจิตเหนือโลก

8.1

เขียนโดย Spy442299

วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 10.54 น.

  46 chapter
  28 วิจารณ์
  49.47K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2557 17.28 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) ปฐมบท EP.1 Two Weeks Beginning [Future]

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

P.P. Rising: The Bullet Time

เดอะบูลเลตไทม์ อภินิหารพลังจิตเหนือโลก

  1. Ch.0 ปฐมบท EP.1 Two Weeks Beginning [Future]

Rewrite V.3

 

◊◊◊

 

“โลกในยุคปี ค.ศ. 2057...

...นับเป็นเวลากว่าสามสิบกว่าปีแล้วที่สงครามโลกครั้งที่สามของสามมหาอำนาจเพราะพิษเศรษฐกิจได้จบลงซึ่งฝ่ายที่ได้รับชัยชนะไม่ใช่หนึ่งในสาม แต่เป็นองค์กรลับที่ไม่มีใครรู้ว่ามาจากไหนและอยู่ฝ่ายใคร พวกเขาเรียกตัวเองว่า ‘เวิลด์เจเรนัล (World General)’ ขนกองทัพทหารที่เต็มด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยเป็นร้อยๆ ปีและมียานศูนย์บัญชาการลอยฟ้าสีเหลืองสลับฟ้าขนาดใหญ่กว่าเทพีเสรีภาพสิบเท่านามว่า ‘ยานแม่มอชชินนี่ (Moshchnyy Mothership)’ เข้าทำศึกประกาศเป็นมหาอำนาจที่สี่...

...แน่นอนว่าผู้คนทั่วโลกต่างวิตกเรื่องสงครามโลกมากขึ้นเพราะแค่สามมหาอำนาจทำสงครามห่ำหั่นกัน โลกใบนี้ก็มีพื้นที่เหลือแค่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่เหลือเต็มไปด้วยสารกัมมันตภาพรังสีจากนิวเคลียร์ ระบบนิเวศพังพินาศ ภูมิประเทศย่อยยับแทบจะไม่มีสิ่งมีชีวิต ยังไม่รวมถึงสภาพอากาศที่ย่ำแย่ แต่แล้วภายในสามวัน...สามวันเท่านั้นจากวันที่เวิลด์เจเรนัลประกาศทำสงครามสามารถยึดประเทศทั้งสามมหาอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ...

...ไม่มีใครรู้ว่า พวกเขาทำกันได้อย่างไร ทำกันยังไง...แต่หลังจากนั้นเจ็ดวัน เวิลด์เจเรนัลแต่งตั้งตนเองเป็นอภิมหาอำนาจของโลก สลายระบบประเทศภูมิภาคกองกำลังทหารต่างๆ และสัญชาติแต่ยังคงเหลือไว้ซึ่งเชื้อชาติ หันมาใช้ระบบ Area คล้ายรัฐแบ่งเป็นพื้นที่เขตการปกครองทั่วโลกแทน...กล่าวง่ายๆ ก็คือทั้งโลกตอนนี้มีเพียงประเทศหนึ่งเดียวคือเวิลด์เจเรนัล...

...ณ ตอนนั้นทุกคนต่างยอม เพราะทั้งเทคโนโลยีและวิธีห่างชั้นกันเกินไป ตกอยู่ใต้การปกครองเผด็จการนานกว่าสิบปีก่อนที่จะผ่อนปรนในช่วงหลัง แต่ระยะเวลานั่นก็มากพอที่จะปลูกฝัง ความเชื่อ ทัศนคติต่างๆ ไม่ให้เป็นพิษภัยต่อเวิลด์เจเรนัลแล้ว และมีสิ่งหนึ่งที่ตามหลังมาจากสงครามทุกครั้งก็คือ การก้าวกระโดดของเทคโนโลยีและคราวนี้มันต่างออกไป เพราะเทคโนโลยีที่พวกเขาใช้ มันล้ำสมัยเกินร้อยปีตามที่คาดกัน...

...ผู้คนต่างคิดว่า นี่คงเป็นยุคที่สงบแล้ว แต่หลังจากนั้นไม่นานนัก...กลุ่มก่อการร้าย ‘ไอริส’ ได้ปรากฎตัวขึ้น ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขามีจุดประสงค์อะไร รู้เพียงแต่ว่าพวกเขาทำสงครามกองโจรและก่อการร้ายในเงามืดตามที่ต่างๆ และมักจ้องขโมยหรือลักพาตัวบุคคลสำคัญ แม้แต่เวิลด์เจเรนัลลงมาจัดการเองก็ยังปราบไม่หมดจนถึงตอนนี้...

...นั่นคือยุคปัจจุบันที่โลกกำลังเผชิญและโลกยุคใหม่กำลังจะอุบัติขึ้นอีกครั้ง เมื่อเริ่มมีผู้คนที่ใช้พลังจิตได้ แม้จะเป็นส่วนน้อยมากก็ตามที แน่นอนว่าหลายๆ ฝ่ายต่างสนใจ หนึ่งในนั้นก็คือ ‘ไฮเทคอัพเปอร์(Hi-Tech Upper)’ บริษัทเอกชนผู้นำเทคโนโลยีที่เขาว่ากันว่าเป็นผู้ที่สนับสนุนอาวุธให้เวิลด์เจเรนัล---”

 

เสียงบรรยายจากเทปม้วนหนึ่งหยุดชะงักกลางคัน ชายอายุสิบเก้าที่ไว้ผมสีน้ำตาล นัยน์ตาก็สีน้ำตาล มีรอยแผลขนาดใหญ่บนใบหน้าข้างขวามีคราบน้ำมันเปรอะที่หน้าเต็มไปหมดอยู่ในชุดกรรมกรสีเทากำลังใช้หูฟังฟังจากเทปนั่นขมวดคิ้วก่อนที่จะยื่นให้ลุงที่อยู่ร้านขายไฟฟ้ามือสอง

 

“อันนี้มันสะดุดครับ”

“อ๋อ เทปมันเก่ามาก...” ลุงคนขายรับของ “แต่มันแปลกดี เนื้อความในนั่นเป็นเรื่องใหม่กลับอัดเทปที่ไม่มีใครใช้กันแล้ว...อยากรู้ว่าใช้เครื่องที่ไหนทำกันนะ เป็นพวกไอริส(Iris) หรือเปล่า”

“ลุงจะไปขอซื้อเครื่องนั่นราคาถูกๆ แล้วเอามาขายแพงบอกว่าเป็นของหายากใช่ไหมครับ”

“ฮ่าๆ รู้ใจลุงดีนะ เจ้าพี”

 

และแล้วทั้งสองคนก็หัวเราะกัน พีเผลอหันมองไปทางซ้ายเห็นแผ่นหลังของผู้หญิงคนหนึ่งที่เพิ่งเดินผ่านหลังเขาไป เธอไว้ผมสีแดงสั้น ชุดสีขาวและมีดาบไม้ไผ่สะพายอยู่ข้างหลัง ซึ่งทำให้เขาคุ้นตามากจนพึมพำออกมา

 

“หือ?”

“มีอะไรหรือ” ลุงคนขายของถาม

“รู้สึกเหมือนเจอคนที่คุ้นๆ นะ” พีบ่นออกมาแล้วมองไปทางที่ผู้หญิงผมสั้นสีแดงเพิ่งเดินเลี้ยวมุมตึกไป

“จะจีบแม่นางคนนั้นใช่ไหม” ลุงว่าไปอีกเรื่อง

“เปล่าครับ...ตัวคนเดียวยังเอาไม่รอดเลย”

“อยู่เป็นโสดสบายสุดแล้ว ฮ่าๆๆๆ”

 

ทั้งสองคนหัวเราะชุดใหญ่กันอีกรอบ แล้วหลังจากนั้นไม่นาน พีเดินละออกจากร้านมุ่งตรงไปยังอพาร์ทเม้นท์ของตัวเอง แต่เขายังคงติดใจเรื่องผู้หญิงผมแดงจนเก็บเอาไปคิด

 

‘คล้ายยัยนั่นเลยแฮะ แต่คงไม่ใช่มั้ง...เฟียน่าไว้ผมยาวนิ’

 

◊◊◊

 

[14:50][25/12/2057]

[Area RU, Blue Zone, สถานที่แห่งหนึ่ง]

 

Game Over! Player 1 is Win! With Base No Hit”

 

ข้อความประกาศชัยชนะเหนือป้ายกระดานเกมดิจิตัลที่สามารถฉายภาพสามมิติสีฟ้าบนกระดานขนาด 11x11 ช่องได้ภายในห้องทำงานโทนสีน้ำตาลที่ไม่กว้างขวางนัก ทำให้ Player 2 ผู้ที่พ่ายแพ้กัดฟันอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนที่จะชูนิ้วชี้ซ้ายขึ้นข้างใบหน้า

 

“ขออีกรอบ”

“ไม่ ข้าเบื่อ”

 

ผู้ชนะปฏิเสธ เขาเป็นชายหัวโล้นนัยน์ตาสีฟ้าที่ทอดมองเกมกระดานด้วยความเบื่อหน่าย เหนือริมฝีปากไว้หนวดจิ๋มสีน้ำตาล ผู้ที่แพ้เกมขยักขย่อนต่อ

 

“เอาเหอะน่า ขอแก้มือสักรอบ”

“เดินหมากซ้ำซาก ไม่ว่าจะอีกกี่รอบ ผลก็เหมือนเดิม” ชายหัวโล้นว่า

“ท่านเชื่อเรื่องโชคชะตาหรือเปล่า มันบอกว่าตาหน้าผมเอาชนะท่านได้อย่างแน่นอน”

“...เพ้อเจ้อ”

 

ฟรึ่บ!

 

ผู้ที่ได้ชัยชนะเกมกระดาน ‘เดอะทีบีบีเอ(The TBBA)’ กดปิดสวิตซ์ข้างตัวกระดานที่อยู่บนโต๊ะตรงหน้า ทำให้ภาพฉายสามมิติที่ฉายหมากต่างๆ ที่อยู่บนนั้นหายดับไป ผู้เล่นอีกคนที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามทำหน้าบูด

 

“โห ท่าน...” ชายที่ไว้ผมสีฟ้าตั้งตรง กำลังใช้นัยน์ตาสีเขียวมองค้อนใส่ผู้ที่กดปิดสวิตซ์

“เล่นกับเจ้า มันน่าเบื่อ ถ้ามีคนที่เก่งกว่านี้---”

“แต่ไม่ยอมออกจากห้อง” ผู้แพ้กอดอก “จะไปหาคนอื่นมาเล่นกับท่านได้ไงครับ”

“เออ ข้ารู้หน่า”

“ผมก็รู้เช่นกัน ว่าที่ทำแบบนี้เพราะแผนของท่าน...ถึงแม้มันจะล้มเหลวไม่เป็นท่ากี่รอบแล้วก็ตาม”

 

ชายหนวดจิ๋มคิ้วกระตุก

 

“เจ้าอย่าสรุป แผนยังไม่จบ จะเรียกว่าล้มเหลวได้อย่างไร”

“แค่คิดภาพรวมแผนของท่านตอนนี้...” ชายผมฟ้ากรอกตาขึ้น “มีโอกาสตั้งเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ที่มันจะพัง”

“...หึ ยังเหลืออีกตั้งหนึ่งเปอร์เซ็นต์”

“แทบไม่เหลือต่างหากครับท่าน! หรือว่า...จะมีแผนสำรองที่เด็ด”

 

ชายหัวล้านดีดนิ้วชอบใจ

 

“เจ้านี่มันรู้ใจดี แบบนี้ไง ถึงยอมให้นายเข้ามาหาข้าได้คนเดียว”

“ผมจะดีใจมากกว่านี้ ถ้าท่านเป็นผู้หญิง” ชายผมฟ้าว่า “และช่วยหยุดใช้คำครึ่งๆ กลางๆ นั่นได้ไหมครับ ฟังแล้วมันเสียวสันหลัง”

“เออ...”

“แล้วแผนสำรองของท่านคืออะไรครับ หรือจะเหมือนกับแผนเดิม”

 

เขาดีดชอบใจอีกครั้ง

 

“ใช่! พูดได้ถูกต้อง”

“หา!? นั่นไม่ได้เรียกว่าแผนสำรองเลยนะครับท่าน!” ผู้ฟังแผนโดยคร่าวตวาดใส่

“บอกว่าสำรองก็คือสำรอง...เพราะทำให้ข้าต้องงัดไพ่ชิ้นสุดท้ายขึ้นมา”

 

ชายผมฟ้าหรี่ตาลง ก่อนที่จะนึกอะไรบางอย่างออก

 

“...ท่านหมายถึง...เรื่องที่สองนักวิทยาศาสตร์ที่ท่านเคยเล่าไว้”

“ใช่...เขาฝากฝังมานะ...ว่าให้ดูแลลูกชายเขาด้วย...เพราะในอนาคตเขาอาจจะเป็นตัวต่อสำคัญต่อ WGT ของเราก็ได้”

“...ด้วยการเล่นเป็น ‘พระเจ้า’ ที่ควบคุมชะตากรรมของเขาห่างๆ เหมือนเดิมใช่ไหมครับท่าน”

 

คนที่กำลังถูกเดาทางส่ายหัว

 

“ไม่เชิง...ไม่ใช่แบบแผนหลักแน่ๆ ไม่งั้นจะเรียกว่า ‘แผนสำรอง’ ทำไม แต่เพราะทำแบบนี้ ข้าถึงกังวล”

“กังวล?”

“เพราะสิ่งที่ข้าจะทำคือการสร้างอนาคตที่ไม่แน่นอน...ถ้าพลาดขึ้นมาล่ะก็ คงโดนเลขาธิการเวิลด์เจเรนัล(World General) จับได้แน่ๆ”

“เจ้าคนพวกนั้น...เฮ้อ” ชายผมฟ้าถอนหายใจ “ผมคิดว่าท่านกำจัดทั้งสามคนไปเลยตอนนี้ก็สิ้นเรื่อง ความสามารถของท่านตอนนี้ทำได้สบายๆ”

“ทำแบบนั้นไม่ได้...มันจะทำให้โลกเข้าสู่ชะตากรรมแบบเดิมอีกครั้งนะ”

 

น้ำเสียงเคร่งขรึมชัดเจนของชายหัวโลน ทำให้อีกคนรู้ว่าสิ่งที่ชายตรงหน้าพูดมานั้นไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

 

“จริงเหรอครับ”

“ข้ามั่นใจ เพราะเคยผ่านช่วงเวลานั้นมาแล้ว...” ชายหัวโล้นว่า

“โอเคครับ จะไม่ถามเรื่องของท่านล่ะ...แต่ผมอยากรู้แล้วว่า คนที่ท่านจับตามองไว้เป็นใคร?”

 

เมื่อชายหัวโล้นถูกถาม เขาใช้มือขวากดปุ่มบางอย่างที่อยู่บนเก้าอี้นวมสีน้ำตาลที่นั่งอยู่ ทำให้จอทีวีขนาดใหญ่ติดผนังซ้ายมือปรากฎข้อมูลประวัติส่วนตัวโดยคร่าวและรูปของชายคนหนึ่งที่ไว้ผมสั้นสีน้ำตาล นัยน์ตาก็สีน้ำตาลเช่นกัน แต่ใบหน้าครึ่งซีกข้างขวาบนมีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่

 

“ลูกชายของพวกเขา...คนที่ข้าพูดถึงก่อนหน้านี้...” ชายหัวโล้นอ่านข้อมูลบนจอ “พี ธีระ อายุสิบเก้าปี”

“อ๋อ...แล้วจะทำอะไรกับเขา”

“ช่วยชีวิตยืดอายุขัย...ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า”

 

คำพูดของชายหัวโล้นที่ราวกับหยั่งรู้อนาคต แต่ชายผมฟ้ากลับไม่แปลกใจ

 

“หือ? เด็กคนนี้จะเป็นอะไรไปครับ”

“โดนลอบสังหารโดยเธอคนนี้นะ เจ้าคงรู้จักดี”

 

ข้อมูลบนจอทีวีถูกเปลี่ยนแสดงผลข้อมูลอีกคนหนึ่ง เป็นผู้หญิงผมสีฟ้าสั้น นัยน์ตาสีขาว

 

“เฮ้ย! นี่มัน...”

“และก็...เธอเป็นหนึ่งในแผนด้วย”

“แผน!?” ผู้ที่ฟังร้องเสียงสูง “หมายความว่า...ไม่ๆ เป็นไปไม่ได้”

“เป็นไปได้สิ ไม่งั้นข้าคงไม่เอามาใส่ไว้ในแผนนี้หรอก”

“แต่เธอเป็นพวกนั้นนะครับ แถมยังเป็นหัวโจ๊กด้วย”

“คนเรามันเปลี่ยนกันได้...แม็กซิม”

 

ชายผมฟ้าที่ถูกเรียกชื่อหรี่ตาลง

 

“นี่ท่าน...แอบไปรู้จักมักจี่กันตอนไหน?”

“ไม่ใช่แบบที่เจ้าคิดหรอก...เอาล่ะ วันนี้จะดูหน่อยสิ ว่าเด็กที่ชื่อว่า ‘พี’ จะสร้างปาฏิหารย์ได้เหมือนกับพ่อแม่ของเขาหรือไม่”

“ท่านกำลังบ่ายเบี่ยงเรื่องที่ผมถาม” แม็กซิมทวงหาคำตอบ

“ไว้ว่ากันที่หลัง...เห็นเจ้าว่ามีธุระที่ต้องทำใน Area TH ที่เจ็ด พอดีไม่ใช่หรือ? รีบไปก่อนที่พายุจะเข้า”

“จะไล่ผมกลับ พูดตรงๆ ก็ได้นะครับ”

 

ชายหัวโล้นโบกมือไล่ตามคำขอ แน่นอนว่าแม็กซิมลุกขึ้นยืนทันที กล่าวลาอย่างไม่สบอารมณ์

 

“ครับ!! งั้นผมขอตัว”

“ถ้ามีงาน จะติดต่อไป”

 

เมื่อแม็กซิมออกจากห้องไป ชายหัวโล้นลื่นข้อมูลของเด็กชายทีชื่อว่า ‘พี’ กลับมาแสดงอีกครั้ง มันทำให้เขานึกถึงเหตุการณ์ที่เคยประสบมา เป็นคู่ชายหญิงใส่ชุดกาวน์สีขาวกำลังส่งยิ้มลาเขาที่อยู่ท่ามกลางแสงสีฟ้ารอบตัวมากมายและพวกเขาทั้งสองพูดส่งท้ายก่อนที่จะไม่ได้เจอกันอีก

 

“ลูกพวกเราชื่อ พี...เขาเป็นคีย์สำคัญของนาย ช่วยดูแลเขาให้ด้วยนะ!”

 

ชายหัวโล้นถอนหายใจเฮือกใหญ่ เงยหน้าข้นมองเพดานแล้วพรรณาถึงคำขอนั้น

 

‘ขอโทษนะ...ข้าคงทำอะไรไม่ค่อยได้มาก...ที่เหลือขึ้นอยู่ชะตากรรมของเด็กคนนั้น’

 

แล้วเขาก็กดปุ่ม Live สีแดงข้างๆ ทีวีเปลี่ยนภาพไปยังกล้องมุมสูงที่ส่องลงมาหน้าประตูอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง ที่มีชายผมสีน้ำตาลใส่ชุดสีเทา กำลังใช้กุญแจไขประตูเข้าห้องนั่นไป

 

‘อนาคตจะเปลี่ยนไปเพราะเด็กคนนี้งั้นเหรอ?’

 

◊◊◊

 

[15:06][25/12/2057]

[Area TH-7 เขตกลาง, Blue Zone, ชั้นแรกของอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง]

 

“กลับมาแล้วครับ!”

 

เสียงตะโกนของชายคนหนึ่งที่เพิ่งเปิดเข้าประตูเข้าห้อง เขาสูงร้อยเจ็ดสิบ ผอมแห้ง อยู่ในชุดกรรมกรสีเทาที่พอเห็นกล้ามเกิดจากการใช้แรงงานบ่อยครั้ง ผมสั้นกุดสีน้ำตาลอ่อนสวมหมวกก่อสร้างสีเหลือง นัยน์ตาสีน้ำตาล หน้าตาแลดูอ่อนโยน ถ้าไม่ติดว่ามีรอยดำเปรอะเปื้อนไปทั่วใบหน้าเขาถอนหายใจอย่างอ่อนแรงกับสิ่งที่ตัวเองพูดไปเมื่อครู่

 

‘นี่ฉันเผลอพูดอีกแล้วเหรอเนี่ย...อยู่คนเดียวแท้ๆ’

 

ผู้ชายคนนั้นถอดหมวก ถุงมือและรองเท้าบู๊ตออกไว้ที่ชั้นวางใกล้มือ ก่อนที่จะเดินไปกลางห้องมืดแล้วกล่าวคำพูดหนึ่งออกมา

 

“สมาร์ทเอนจิ้น ทำงาน”

 

ไฟทุกดวงในห้องถูกเปิดสวิตซ์ให้แสงสว่าง เผยให้เห็นห้องเช่าขนาดยี่สิบตารางเมตร ตรงหน้ามีโต๊ะญี่ปุ่นกลมขนาดเล็กที่มีกระติกต้มน้ำร้อนไฟฟ้าวางไว้อยู่ นอกจากนี้มีคอมพิวเตอร์เก่าๆ ตัวหนึ่งที่กำลังสุ่มฉายภาพสไลด์บนจอตั้งอยู่ริมห้อง มีตู้เย็นราคาประหยัดและตู้เสื้อผ้า ทางซ้ายเป็นประตูสองบานคือห้องน้ำและข้างหน้าเป็นระเบียงหลังห้อง มันเป็นห้องเช่าขนาดเล็กที่เขาอยู่มาได้สองปีแล้วถึงตัวห้องจะมีระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ แต่ของในห้องมันเก่าเกินที่จะใช้ฟังก์ชั่นที่ว่ามานั้นได้นอกจากหลอดไฟ เจ้าตัวเดินเข้าห้องน้ำตรงเข้าไปที่อ่างล้างหน้าเพื่อที่จะล้างคราบสกปรกบนใบหน้าที่เปื้อนจากการทำงานออกไปเผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขาซึ่งมีรอยแผลเป็นสีแดงเกือบครึ่งหน้ารอบๆ ดวงตาข้างขวามองใบหน้าตนเองในกระจกแล้วพาลนึกถึงเรื่องในอดีต

 

‘แผลนี้...สามปีแล้วสินะที่เปลี่ยนชีวิตฉัน’

 

หลังจากที่ระลึกความหลังเสร็จ ก็ถอดเสื้อผ้าออกกองไว้ในตระกร้าผ้า เดินตรงไปเปิดฝักบัวอาบน้ำให้ร่างกายตัวเอง ชื่อเล่นของเขาคือพี ชายหนุ่มธรรมดาอายุสิบเก้าปีที่หลังจากจบมอปลายแล้วหางานทำ ตอนเช้าก็ออกไปทำงาน ตอนเย็นก็กลับบ้าน ใช้ชีวิตอันแสนน่าเบื่อนี้เป็นประจำ ซึ่งถ้าเทียบกับเมื่อสามสิบปีก่อนที่เกิดสงครามโลกครั้งที่สามแล้ว ชีวิตของเขาก็ยังจัดอยู่ในเกณฑ์ว่าดี และนั่นก็ทำเขาหวนคิดถึงผู้คนในสงครามโลกอย่างอดไม่ได้

ในปัจจุบัน โลกนั้นแปดเปื้อนด้วยกัมมันตภาพรังสี หลุมระเบิด โรคร้าย สภาพอากาศแปรปรวนและอื่นๆ อีกสารพัดอย่างที่ถูกลบออกจากประวัติศาสตร์ไป จนทำให้พื้นที่อยู่อาศัยบนโลกเหลืออยู่แค่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น ประชากรก็เหลืออยู่แค่ร้อยล้านกว่าคน อัตราการเกิดของผู้ชายก็ลดลงอย่างน่าใจหาย เขาที่เกิดหลังสงครามโลกครั้งที่สามที่เป็นต้นเหตุของทุกอย่างนั้น นึกไม่ออกเลยว่าผู้คนในสมัยนั้นต้องใช้ชีวิตลำบากขนาดไหน...แม้ว่าในปัจจุบันโลกตอนนี้สงบสุข ภายใต้การควบคุมของพวกเวิลด์เจเนรัล องค์กรขนาดใหญ่ที่สามารถเอาชนะกองทัพทุกประเทศ

พีปิดฝักบัวลงหลังจากชำระร่างกายจนสะอาด คว้าผ้าขนหนูพันรอบเอวจากนั้นก็เดินออกจากห้องน้ำเข้าสู่ห้องนั่งเล่นที่เป็นทั้งห้องนอนของเขาอีกด้วย เพราะเพียงแค่พับโต๊ะญี่ปุ่นกลางห้องออก เขาก็ได้พื้นที่พอที่จะวางฟูกนอนได้แล้ว

จากนั้นพีก็ก้าวเท้ายาวๆ ไปเพียงนิดเดียวก็ถึงตู้เสื้อผ้าแล้วเจ้าตัวก็จัดการยืนเลือกชุดที่จะสวมใส่

 

‘วันนี้มีนัด ใส่ชุดอะไรดีน้า’

 

ขณะที่เขามองเลือกชุดอยู่ สายตาก็เหลือบไปเห็นกระจกที่ติดอยู่ประตูกับตู้เสื้อผ้าข้างในที่ส่องให้เห็นใบหน้าที่มีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่อีกครั้ง

 

‘ฉันน่ารังเกียจขนาดนี้...คุณเมงุมิสนใจฉันตรงไหนกันนะ?’

 

พีนั้นไม่ได้คิดเข้าข้างตนเอง แต่พฤติกรรมของเธอที่เข้ามาป้วนเปี้ยนในชีวิตของเขาช่วงตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาทำให้เขาคิดแบบนั้น

‘ที่เมงุมิมากับดีกับฉัน อาจเป็นเพราะเจอกันมาก่อนหรือเปล่านะ เพราะฉันรู้สึกคุ้นๆ หน้าเธอ แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก...ยังเหลือเวลาอีกสองชั่วโมงแต่ฉันไปเดินเที่ยวใกล้ๆ ที่นัดเจอก่อนเวลาน่าจะดีกว่า ก่อนอื่นต้องใส่ชุดปรับอุณหภูมิก่อน’

 

เจ้าตัวหยิบชุดแนบเนื้อสีดำ เป็นเนื้อผ้าบางที่ใส่ได้ทั้งตัวตั้งแต่แขนขายันต้นคอ พอใส่แล้วร่างกายของเขาเริ่มรู้สึกอุ่นขึ้นมา

 

‘ชุดนี้เพิ่งซื้อมาได้ห้าวัน...ขอร้องล่ะ อย่าเจ๊งเร็วเหมือนตัวก่อนเลย ตังค์ไม่มีจะกิน’

 

พีบ่นในใจก่อนที่จะหยิบเสื้อคลุมสีน้ำเงินมาสวม ตามด้วยกางเกงขาสั้นสีขาวขุ่นและมือถือสีดำใส่กระเป๋ากางเกง เขาจัดแจงดูตัวเองในกระจกก่อนที่จะหยิบหน้ากากสีขาวที่ทำขึ้นมาโดยเฉพาะให้ปิดรอยแผลเป็นขนาดใหญ่บนใบหน้าเขาพอดีมาสวมปิดไว้

 

‘ดูดีที่สุดแล้วล่ะมั้ง’

 

เขาปิดตู้เสื้อผ้าลง ก่อนที่จะเผลอมองกรอบรูปที่ถูกคว่ำลงไว้ไม่ให้เห็นข้างๆ คอมพิวเตอร์ พีก้มตัวเข้าไปเอื้อมจะจับตั้งกรอบรูปนั้นตั้งขึ้นครั้ง แต่แล้วมือที่จับกลับชะงักลงแล้วพาลคิดเรื่องเก่าๆ

 

‘อดีต...มันเป็นอดีตไปแล้ว พี ชีวิตนายไม่มีวันกลับไปเป็นแบบนั้นได้อีก’

 

เขาสะกดคำพูดนั้นในใจหลายรอบก่อนที่จะทำใจได้ เขาเงยหน้าขึ้นไปเหมือนเดิมทำหน้าฮึดสู้ หยิบรองเท้าผ้าใบมาสวม เดินเปิดประตูออกจากห้องเช่าไปพบกับหิมะที่ตกโปรยปราย

 

‘อ้าว...ขากลับมายังไม่เห็นตก เริ่มเทศกาลคริสต์มาสแล้วสินะ’

 

หลังจากชมหิมะที่ตกลงมาช้าๆ อย่างสวยงาม เขาถูมือทั้งสองอุ่นให้เข้าไว้และนั่นมันทำให้เขาคิดถึงใครบางคนโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ากล้องวงจรปิดรอบตัวทั้งหมดกำลังจดจ้องมาที่ตัวเขาคนเดียว

 

‘พ่อ...แม่...พวกท่านหายไปอยู่ที่ไหนกันแน่นะ’

 

◊◊◊

 

จบกันไปแล้วนะจ๊ะ สำหรับปฐมบท EP. Two Weeks Beginning

ผู้เขียนมีชื่อว่า สปาย นะ ยินดีที่ได้รู้จักกันทุกคน

หวังว่าจะชื่นชอบนิยายของเราน้า

โปรดติดตามตอนต่อไปที่มีชื่อว่า Ch.1 วิกฤตการณ์กลางเมือง บทที่ 1 [สาวชุดดำ]

By Spy442299 & Nattanan Srising

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา