P.P.Rising The Bullet Time อภินิหารพลังจิตเหนือโลก

8.1

เขียนโดย Spy442299

วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 10.54 น.

  46 chapter
  28 วิจารณ์
  49.42K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2557 17.28 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

18) เมื่อพลังจิตผงาด บทที่ 5 [ฉันขอโทษ]

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
P.P. Rising: The Bullet Time
เดอะบูลเลตไทม์ อภินิหารพลังจิตเหนือโลก

Ch.15 เมื่อพลังจิตผงาด บทที่ 5 [ฉันขอโทษ]

Rewrite V.3
 
◊◊◊
 
“บ้าน่า...นี่ฉัน...ถูกยิง”
 
เทเรซ่ากัดฟันด้วยความเจ็บหลังโดนกระสุนปืนยิงเข้าที่ท้อง นัยน์ตาสีเขียวของรัมเบิลเบิกกว้างและเตรียมตวัดไพ่สีแดงใส่เรด แต่ถูกอ่านเกมทันเลยโดนห้ามก่อนด้วยการยิงเกือบโดนหน้าเท้าของเขา
 
“ขอร้องล่ะ อย่าทำอะไรโง่ๆ อีก”
“นี่แก...ทำไมถึงยิงผ่านบาเรียฉันได้!” เทเรซ่าถาม
“บังเอิญว่าแม็กกาซีนรังนี้บรรจุด้วยคริสตัลชายน์ บ่อเกิดพีทูทุกสิ่ง” น้ำเสียงร้ายไม่ทิ้งลายของเรดชวนให้ทุกคนแขยง “ไม่ว่าอะไรก็เจาะได้หมด อ๋อ! จริงสิมีข่าวดีอีกอย่าง กระสุนนั่นฉันอาบยาพิษไว้อยู่ เธอคงอยู่ได้อีกสัก...หนึ่งชั่วโมง”
“หา!”
 
เทเรซ่าร้องเสียงหลง พีเพิ่งประคองตัวเองลุกขึ้นยืนได้ ส่วนเรสเทียร์เงียบไปพักใหญ่เพราะโดนเรดเอาเท้ากดศรีษะไว้อยู่และเธอเร่งรัดข้อเสนอ
 
“เอาล่ะ ส่งตัวพีมาซะ...ฉันจะได้ไม่ต้องแจกกระสุนนี้อีก”
 
‘บ้าจริง...มีแต่ต้องให้ฉันไปสินะ’
 
พีคิดที่จะเสียสละตัวเอง เดินก้าวไปข้างหน้าแต่ถูกรัมเบิลใช้แขนซ้ายขวางทางไว้
 
“แป๊ปหนึ่งนะครับ...นี่คุณเรด ผมขอถามอะไรหน่อย”
“ว่า?” เรดเคียงคอ
“ช่วงหลังๆ มานี่ เคยรู้สึกตัวว่าโดนสะกดรอยเหมือนผมไหม?”
 
คำถามของรัมเบิลที่ไม่ได้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน สร้างความงุนงงแก่เรดอย่างรุนแรง
 
“หือ? ไม่...นี่เจ้าถามแบบนี้หมายความว่าอย่างไง”
“พอดีผมเพิ่งนึกออกว่าคนที่เขาแอบดูคุณอยู่ฝากของมาถึงคุณด้วย”
 
และแล้วรัมเบิลโยนกระป๋องสีเทาที่หัวมีสลักที่ถูกดึงออกแล้ว เรดผงะถอยหลังไม่ยอมรับของ กระป๋องนั่นกลิ้งไปอยู่หน้าปลายเท้าเธอ ก่อนที่มันจะส่งเสียงคล้ายไมค์ช็อคลากยาวไม่หยุด ซึ่งมันเป็นแค่เสียงที่ชวนปวดหูไม่มากนัก แต่เรดกับเรสเทียร์กลับนอนดิ้นทุรนทุรายควบคุมร่างกายไม่อยู่ และแล้วร่างของเรสเทียร์ค่อยๆ สลายเป็นกลุ่มคลื่นสีน้ำเงินพุ่งกลับเข้าที่ฝ่ามือขวาของพีและนั่นมันทำให้ฝ่ามือขวาเขาปวดรวดร้าวราวกระดูกจะแตกเป็นเสี่ยงๆ รัมเบิลรีบเข้ามาประคองตัวเขา
 
“ไม่ต้อง! ฉันยังไหว ไปช่วยเทเรซ่าเหอะ”
 
รัมเบิลได้ยินแบบนั้นรีบเปลี่ยนไปช่วยเทเรซ่าแล้วรีบเผ่นออกจากห้อง ส่วนพีลุกขึ้นตั้งหลัก ซึ่งมันแทบจะใช้แรงทั้งหมดที่เขามีพาตัวเองออกจากห้องนั้นไปเช่นกัน ปล่อยให้เรดที่นอนเอามืออุดหูดิ้นพรวดพล่านร้องอย่างแค้นใจ
 
“พวกแก! อ๊าก!”
 
◊◊◊
 
[ห้านาทีต่อมา]
 
“แฮ่กๆ โธ่โว้ย!”
 
ปังๆๆๆ! ตูม!
 
ปืนพกและลูกซองยิงกระหน่ำไล่หลังไม่ขาดสาย ทั้งสามคนกำลังวิ่งหนีหน่วยรักษาความปลอดภัยของไฮเทคอัพเปอร์ภายในตึกศูนย์วิจัยย่อยชั้นที่สาม อันที่จริงพวกสมควรถูกยิงตั้งนานแล้ว ถ้าหากเทเรซ่าไม่ใช้ไม้เท้าของเธอสร้างเกราะปกป้องโฮลี่บาเรีย (Holy Barrier) ขึ้นมาเป็นระยะทั้งๆ ที่ยังบาดเจ็บอยู่ รัมเบิลปาไพ่สีแดงขึ้นเพดานให้ระเบิดพังลงมาปิดทางไว้ เทเรซ่าใช้พีทูในการค้นหาตำแหน่งศัตรูสร้างคลื่นที่ทะลุทุกสิ่งรอบตัวไป
 
“พวกมันกำลังอ้อมมาทางขวา!”
“งั้นไปทางนี้!”
“อือ! เดี๋ยว!” ดวงตาของเทเรซ่าเรืองแสง “ทางนี้ก็มีเหมือนกัน!”
“หือ!? เข้าหลบห้องนี้ก่อน!”
 
รัมเบิลถีบประตูที่อยู่ใกล้มือพาตัวเทเรซ่าเข้าไปซึ่งเป็นห้องมืด พีที่เดินโซเซกุมมือขวาเข้ามาทีหลังแล้วล็อคประตูไว้ พวกเขาอยู่นิ่งไม่ส่งเสียงเพราะได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งเข้ามาจำนวนมาก พอเสียงนั่นเริ่มเบาลง รัมเบิลบ่นสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
 
“พวกมันแห่มาจากไหนกัน?”
“จะไปรู้หรอ!”
 
เทเรซ่าว่าเช่นนั้น ส่วนพีที่สั่นไปทั้งตัวกำลังจ้องดูกลางฝ่ามือขวาที่มีแผ่นคล้ายกระจกส่องแสงสีแดง
 
‘มันเกิดบ้าอะไรเนี่ย!? ทำไมฉันใช้บลูเลตไทม์ไม่ได้ ปืนพีทูก็ด้วย!’
 
การที่พีคิดแบบนั้นเพราะก่อนหน้านี้ที่เจอกับเรดที่ชั้นใต้ดิน หลังรัมเบิลใช้ของที่ส่งเสียงบางอย่างที่ทำให้เรสเทียร์สลายตัวกลับเข้าฝ่ามือขวาของเขาและนั่นมันทำให้ปวดมือขวาอย่างแรงรวมทั้งใช้พลังของเรสเทียร์ไม่ได้ ยกเว้นพีทูควบคุมลมของเขาเอง
 
“นี่นาย ไอ้นั่นนะ...ที่มันส่งเสียงจี๊ดหู มันคืออะไร” พีถามรัมเบิล
“ไม่รู้เหมือนกัน”
“หา!?”
“พอดีมีคนให้ผมไว้นะ” รัมเบิลแจง “เขาคิดว่าผมน่าจะเจอกับเรด บอกว่าใช้ไอ้นี้จะได้ผล”
“เขา? เขาที่ว่าเป็นใคร”
“ไม่รู้” รัมเบิลส่ายหัว “ติดต่อทางมือถือ ไม่เคยเจอหน้า”
“อ๋อ คนลึกลับ” พีกรอกตาขึ้นแล้วเน้นเสียงประชด “รอบตัวฉันมีแต่เรื่องแบบนี้วะเฮ้ย”
“แล้วจะเอายังไงต่อ เราไม่มีที่ไปแล้วนะ” เทเรซ่าถาม
“สู้จนตัวตายไง” รัมเบิลว่าตรงๆ
“ตายก่อนที่จะได้สู้นะสิ” เทเรซ่าว่า “โล่ฉันมันกันไม่ได้ตลอดเวลานะ และ...ไอ้กระสุนฝังในเนี่ย...ทำฉันเจ็บขึ้นทุกที”
“ขอโทษ...”
 
พีเอ่ยคำนั่นขึ้นมา เรียกความสนใจทั้งคู่ เขาพูดต่อ
 
“ฉันขอโทษ...ที่ลากมาเจอเรื่องแบบนี้”
 
รัมเบิลได้ยินแบบนั้นแล้วยิ้ม
 
“คนเราถ้าต้องตายก็ต้องตายล่ะนะ”
“หา? นี่นายพูดเรื่องอะไร” พีงง
“ก็ผมแค่...หมายถึงว่า คนทุกคนเกิดมาก็ต้องตายใช่ม่ะ เป็นเรื่องปกตินิ”
“รู้น่า แต่ช่วยใช้คำง่ายๆ หน่อยจะได้ไหม” เทเรซ่าว่า “อีกอย่างพวกนายสองคนยังพอมีโอกาสรอดอยู่นะ แต่ฉันนี้สิ...แค่กๆ ท่าจะไม่รอด”
“เธอจะอาสาเป็นตัวล่อ ผมไม่เอาด้วยนะ” รัมเบิลรู้ทัน
“เหอะ...งั้นถ้าอยากจะตายกันหมดๆ นี่ก็เรื่องของนายล่ะกัน” เทเรซ่าเริ่มรำคาญ
“นี่ทั้งสองคน...ไม่โทษฉันเลยเหรอ”
 
พีกำลังจมปลักกับการเป็นต้นเหตุที่พาทุกคนมาเจออันตราย รัมเบิลเห็นอาการของพีแล้วเลยว่าตามตรง
 
“ใช่ นายเป็นต้นเหตุที่พามาเจอเรื่องนี้” รัมเบิลว่า “แต่จะให้มานั่งโทษกันคงไม่ได้อะไรขึ้นมาล่ะมั้ง”
“เหรอ...เหอะ นายนี่มันน่าคบจริงๆ” พีว่า “ถ้าได้เจอกันในสถานการณ์ปกติกว่านี้คงคุยกันยาวๆ แน่”
“ขอบคุณสำหรับความรู้สึกนั้นครับ” รัมเบิลพูด “งั้นเรามาสู้จนตัวตายอย่างครื้นเครงกันเถอะ”
“แหม ช่างสรรหาใช้คำเนอะ...รัมเบิล” เทเรซ่าว่า
 
‘สู้จนตัวตาย คงต้องเป็นแบบนั้นสินะ’
 
พีคิดแล้วหัวเราะในลำคอ...แล้วสายตาเขาที่เริ่มชินกับความมืดดันไปเห็นบางอย่างที่อยู่ตรงหน้า
 
“นั่นมัน...ลิฟท์ส่งของ?”
 
พีลุกขึ้นไปเดินดูใกล้ๆ เห็นมีปุ่มสีแดงอยู่เขากด ประตูลิฟท์ใส่ของขนาดเล็กถูกเปิดขึ้น ซึ่งขนาดของลิฟท์เล็กนี้จุคนได้สองคนถ้าทำนั่งกอดเข่า
 
“นั่นมัน...” เทเรซ่าเอ่ย
“ฮ่าๆ รอดจนได้” รัมเบิลว่า
“สองคน” พีเอ่ย “มันได้แค่สองคน”
“หือ? ก็...รอรอบสองไง” รัมเบิลพูดตามตรง
“ไม่มีเวลามากพอ พวกนั้นใกล้กลับมาแถวนี้แล้ว” พีพูดเพราะได้ยินเสียงเดินเท้า “ฉันจะล่อพวกมันให้เอง”
“แต่---“
“ฉันเป็นต้นเหตุพาพวกนายมาเจอเรื่องแบบนี้ เพราะฉะนั้นฉันต้องรับผิดชอบ”
“ไม่ๆ นายไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ เดี๋ยวผม---”
“ฉันพูดภาษาคนนะ”
 
พีพูดถึงขนาดนั้น รัมเบิลชั่งใจชั่วครู่หนึ่งแล้วพยักหน้ายอมรับ
 
“ก็ได้...เทเรซ่า! ไปกันเถอะ”
“อ่า...ฉันว่า---”
“เถอะน่า!”
“เอาแบบนั้นจริงๆ ใช่ไหม...งั้นนาย! เอานี่ไป!”
 
เทเรซ่าโยนไม้เท้าเสี้ยวจันทร์ให้พี
 
“เวลาใช้มันกระทุ้งมันแรงๆ หน่อยนะ”
“แล้วต้องให้เขาพูดคำนั้นด้วยหรือเปล่า โฮลี่โฮลี่อะไรนั่น” รัมเบิลถาม
“ไม่ต้อง! ฉันพูดให้มันดูดีเท่านั้น”
“ทำไมต้องให้ฉันล่ะ...” พีถาม
“ไม่ใช่เพราะนายเสียสละหรอกนะ แต่มันเอาเข้าลิฟท์ไม่ได้”
 
เทเรซ่าบอกด้วยสีหน้าแดงนิดๆ รัมเบิลเห็นกิริยาแบบนั้นแล้วทนไม่ไหวลากหล่อนขึ้นลิฟท์
 
“ยัยซึนเอ๋ย ไปกันได้แล้ว”
“ไม่ได้ซึนนะ! รัมเบิล!”
 
ทั้งคู่พากันขึ้นลิฟท์ตัวเล็กที่ต้องงอตัวถึงจะเข้าได้ พีเตรียมกดปุ่มลิฟท์ให้ลงไปชั้นล่าง รัมเบิลกล่าวลา
 
“นี่พี...นายห้ามตายเด็ดขาด เรายังไม่ได้คุยเรื่องเฟียน่ากันเลย”
“อือ ถ้าฉันเลือกได้นะ”
 
พีกดปุ่มลูกศรชี้ลง ประตูลิฟท์ส่งของถูกปิดลงและกำลังลงไปข้างล่าง
 
ปัง!
 
เสียงประตูกำลังถูกคนข้างนอกกระแทกเข้ามา พีสูดลมหายใจลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วลองเสี่ยงกับโอกาสสุดท้าย
 
‘เรสเทียร์ เรื่องที่เธอโกหก...ฉันยังไม่ว่าตอนนี้หรอก แต่ทว่า...ขอร้องล่ะ ให้ฉันยืมพลังเถอะ!’
 
“เอ็กซ์แทรคกัน! (Extract Gun)”
 
เส้นสายสีฟ้าที่เป็นคลื่นพลังงานบางอย่างไหลออกจากฝ่ามือขวาของพี มันรวมตัวกันจนเป็นปืนพกปากกระบอกเหลี่ยมที่คุ้นเคย นัยน์ตาสีน้ำตาลและสีแดงคนละข้างเบิกโตก่อนที่จะยิ้มรับกับโอกาสที่มาถึง ยกปืนขึ้นเล็งที่ประตู กดไกปืนค้างไว้เป็นการชาร์จพีทู มือซ้ายถือไม้เท้าเสี้ยวจันทร์เตรียมใช้งาน ความรู้สึกที่หวาดกลัวก่อนหน้านี้เลือนหายหมดเหลือแต่เลือดร้อนที่ไหลเวียนทั่วร่างแทน
 
‘เอาล่ะนะ!’
 
โครม!
 
◊◊◊
 
[ครึ่งชั่วโมงต่อมา]
 
“ติดสิ! ติดสิ!”
 
รัมเบิลทุบปุ่มแดงใหญ่รัวๆ ในห้องควบคุมรถไฟฟ้า เทเรซ่าหายใจรัวรินนั่งอยู่เก้าอี้ข้างๆ ที่ริมฝีปากของเธอมีคราบสีแดงเพราะก่อนหน้านี้ไอออกมามีเลือด ทั้งสองคนหนีจากพวกหน่วยรักษาความปลอดภัยของไฮเทคอัพเปอร์มาเรื่อยๆ จนมาเจอสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ซึ่งเขาทั้งสองไม่รู้ว่ามันมีอยู่ใต้ศูนย์วิจัยแห่งนี้เลยขึ้นมาขังตัวเองไว้กั้นพวกที่อยู่ข้างนอกเข้ามาซึ่งตอนนี้กำลังพยายามพังเข้ามาอยู่ แต่แล้วกลับไม่มีพลังงานมากพอที่จะให้ขบวนรถไฟฟ้าใต้ดินนี้วิ่ง รัมเบิลหยิบไพ่สีน้ำเงินขึ้นมาจะปาใส่แผงควบคุม เทเรซ่ารีบขัด
 
“เดี๋ยว! นายแน่ใจนะ ว่ามันจะได้ผล”
“ไม่”
“งั้นอย่าดีกว่า ของแค่นั้นไม่พอให้เจ้านี่วิ่งหรอก เผลอๆ จะพังด้วย”
“แล้วจะให้เอาไงล่ะ?”
“ถามเจ้าลูกกลมๆ นั่นที่อยู่ข้างนอกดู”
 
ลูกกลมสีเทาที่เทเรซ่าพูดถึงกำลังลอยไปลอยมาอยู่ข้างนอกหลังกระจกรถไฟฟ้า ซึ่งรัมเบิลจำได้ว่ามันคือโดรนหุ่นยนต์รับใช้ของเฟียน่าที่มีชื่อว่าซันเต ลอยขึ้นหายลับตาไปก่อนที่จะบินเข้ามาในช่องระบายอากาศบนหัวพวกเขา
 
“สวัสดีครับ นายหญิงส่งผมมาช่วยพวกคุณ” โดรนทักทายแล้วแจกแจง
“เฟียน่า? งั้นช่วยติดเครื่องรถไฟนี้ที”
“ได้ขอรับ!” ซันเตลอยไปอยู่ตรงแผงควบคุมมีแขนกลขนาดเล็กยื่นออกมาจิ้มลงไป สักพักบอกสิ่งที่ต้องการ “คุณรัมเบิลครับ ตอนนี้มีไพ่อิเล็กที่คุณโทมัสให้มากี่ใบครับ”
 
รัมเบิลรีบหยิบไพ่ที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อทั้งหมดออกมานับใบสีน้ำเงินทั้งหมด
 
“ยี่สิบสอง”
“ใส่ไว้ในช่องพลังงานฉุกเฉินขวามือสุดเลยครับ”
 
บานประตูเหล็กขนาดเล็กที่อยู่ริมผนังถูกเปิดขึ้นอัตโนมัติ รัมเบิลวางไพ่สีน้ำเงินทั้งหมดลงไป ช่องนั้นถูกปิดลงมาให้เห็นป้ายคำว่า ‘EMPower’ ซันเตให้สัญญาณ
 
“ขบวณรถไฟฟ้าจะแล่นด้วยรอบเครื่องยนต์ความเร็วสูงภายในสาม...สอง...หนึ่ง...ศูนย์!”
 
ทันทีที่นับเสร็จ รถไฟฟ้าใต้ดินออกตัวกระชากไปด้วยความเร็วหนึ่งร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง รัมเบิลกับเทเรซ่าที่ไม่ทันได้ตั้งตัว โดนแรงกระชากผลักไปกระแทกกับผนังข้างหลัง รัมเบิลโวยคนแรก
 
“เฮ้ย! ทำไมไม่บอกกันก่อน”
“ก็บอกแล้วนิครับ ว่าจะออกตัวด้วยความเร็วสูง” ซันเตว่าตามนั้น
“รัมเบิล! ช่วงฉันพยุงขึ้นที่เดิมหน่อย” เทเรซ่าร้อง
“ใกล้ตายหรือยัง” รัมเบิลปากว่าไปนั่นแต่ก็ช่วยเทเรซ่าขึ้นมานั่งที่เดิม
“ปากเสียเหมือนเดิมนะ” เทเรซ่าว่าไปนั่น “ถ้าเป็นจริงอย่างที่เธอคนนั้นบอกไว้...ฉันเตรียมใจไว้แล้วล่ะ แค่กๆ”
“ทั้งสองคนครับ มีการติดต่อจากนายหญิงมาครับ”
 
ซันเตลอยถอยออกไปเล็กน้อย ส่วนหัวของมันยื่นแขนเล็กขึ้นมา มันฉายภาพสี่เหลี่ยมที่มีเฟียน่านั่งอยู่ในห้องรับแขกบ้านของเธอเอง
 
“เฟีย..น่า”
 
เทเรซ่าเรียกชื่อผู้หญิงที่เธอเกลียด เฟียน่ามองเธอด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร
 
“ซิสเซอร์เทเรซ่า เธอนี่มันเกะกะลูกตาฉันชะมัด”
“เฟียน่า!” เทเรซ่าอารมณ์ขึ้น
“สองคนสงบศึกก่อนได้ไหม?” รัมเบิลขอร้อง “ผมรู้ว่าทั้งสองคนมีเรื่องแค้นใจกัน แต่ตอนนี้เราต้องพาเธอไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด”
“ซันเตตั้งปลายทางรถไฟฟ้าไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้สุดแล้ว” เฟียน่าว่า
“หือ? เดี๋ยวนะ นี่เธอ---” รัมเบิลเริ่มจะเดาอะไรได้
“อย่างที่เข้าใจ ฉันส่งเจ้าหุ่นซันเตนี่แอบตามพวกนายไป เพื่อมีอะไรให้ช่วย”
“อ้าว...เป็นงั้นเหรอ”
“รัมเบิล...อย่าบอกนะว่านายเข้าใจฉันอีกแบบหนึ่ง” เฟียน่าในภาพฉายส่ายหัว “นายนี่มันจริ๊งจริง คิดไม่เหมือนชาวบ้านอยู่เรื่อย”
“เฮฮากันดีเนอะ แค่กๆ”
 
เทเรซ่าไอออกมาเป็นเลือดอีกครั้ง คู่สายตาเฟียน่าที่เครียดแค้นจ้องเธอมันทำให้นึกถึงอดีตที่ผ่านชะตากรรมร่วมมาอีกครั้ง
 
“นี่เธอ...ฉันจะบอกอะไรให้ เรื่องลิตเติ้ลเบิร์ดยูคาริ (Little Bird, Yukari)”
“แกฆ่าเธอ” เฟียน่าพูดเน้นย้ำ
“มันอาจจะถูกแค่...ส่วนหนึ่งมันคืออุบัติเหตุต่างหาก”
“หา!? อุบัติเหตุ โกหกหน้าด้านๆ ก็แกเป็นคนผลัก---”
“ฉันพยายามช่วยแล้วต่างหาก!”
 
เทเรซ่าตะคอกใส่แรงเต็มทีจนเฟียน่าตกใจ แม่ชีก้มหน้าพร้อมน้ำตาหยดลง เล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เป็นต้นตอการชิงชังทั้งหมด
 
“ยัยหูแมวบ้านั่น...ชอบเสียสละจนได้เรื่อง”
 
[เมื่อเดือนก่อน]
[Area JP, ป้อมปราการลอยฟ้า ‘ชินโคเซ็น’ ฝั่งตะวันตก ชั้น M2, ฮอลล์จัดแสดงดนตรีและศิลปะ ‘The Angle Wings’]
 
“จับไว้!”
 
เทเรซ่าพยายามดึงไม้เท้าเสี้ยวจันทร์ที่มีสาวผมบอร์นยาวมีหูแมวนัยน์ตาสีน้ำเงินอยู่ในชุดสีแดงรัดรูปจับส่วนที่เป็นเสี้ยวจันทร์ไม้เท้าลอยห้อยอยู่ที่สูงท่ามกลางเหวลึกที่มองไม่เห็นพื้น รอบข้างสั่นสะเทือนด้วยแรงระเบิด ฮอลล์ทั้งโรงกำลังจะถล่มลงมา เธอใช้แรงสุดชีวิตแต่ก็ยังไม่สามารถดึงขึ้นมาได้เพราะหมดแรงไปกับบางเรื่องก่อนหน้านี่
 
“โอ้ น่ากลัวจังแฮะ”
 
น้ำเสียงรื่นเริงของคนที่กำลังจะตกลงไปเบื้องล่าง สร้างความฉงวนใจแก่คนที่พยายามช่วยเป็นอย่างยิ่ง
 
“อย่าทำเป็นเรื่องเล่นๆ จะได้ไหม! รีบปีนขึ้นมา!”
“ไอแคนต์ (I can’t) หมดแรงแล้ว...แขนมือระบมไปหมด ถ้าเธอรั้งฉันไว้แบบนี้ เดี๋ยวตกไปด้วยกันนะ ฉันน่าจะ---”
“อย่าปล่อยเด็ดขาด! ไม่งั้นโดนยัยนั่นฆ่าแน่ๆ!”
“เฟียน่า...ฮ่าๆ”
“ทำเป็นเล่นอีก! ยูคาริ!”
 
กึ่ก!
 
แผ่นหินที่เทเรซ่ายืนอยู่เกิดรอยร้าวขึ้นมา เทเรซ่าเห็นแล้วรีบใช้แรงทั้งหมดที่มีดึงไม้เท้าขึ้นมาอีกครั้ง แต่ก็ยังลากตัวยูคาริไม่ขึ้น
 
“ไทม์เอาท์ (Timeout)” ยูคาริทำสีหน้าเป็นเรื่องเล่นๆ แล้วเงยหน้าที่ดวงตาสีน้ำเงินเต็มไปด้วยน้ำตา “นี่คุณซิสเซอร์ ช่วยฝากบอกเฟียน่าด้วยนะ...ว่าฉันแฮปปี้ที่สุดเลยตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน...นะ”
 
ลิตเติ้ลเบิร์ดหรือที่รู้จักในอีกชื่อคือยูคาริ เริ่มผ่อนแรงที่มือขวาจับไม้เท้าเสี้ยวจันทร์ไว้ เทเรซ่ารีบตะคอกใส่
 
“คิดจะตายโง่ๆ หรือไงหา!”
“ซิสเซอร์...ถ้าไม่ทำแบบนั้น เดี๋ยวตกลงด้วยกันนะ”
“ก็รีบปีนขึ้นมาสิ! ฉันรู้ว่าเธอยังมีแรงเหลืออยู่...อย่างน้อย...อย่างน้อยช่วยพยายามจนถึงที่สุดเถอะ! ฉันไม่อยากเกลียดตัวเองที่ช่วยใครไม่ได้มากกว่านี้แล้ว! อย่าหนีไปคนเดียว ทั้งๆ ที่ฉันยังไม่ได้ตอบแทนหนี้ที่ติดไว้กับเธอเลย”
 
ยูคาริรับฟังและเห็นน้ำตาที่ร่วงโรยจากแม่ชี เธอหลับตาลงแล้วตัดสินใจ
 
“งั้นฉันจะลองดูนะ”
“อือ!”
 
เทเรซ่าจับไม้เท้าของเธอให้แน่นยิ่งขึ้น ส่วนยูคาริเริ่มใช้มือซ้ายยกขึ้นมาจะจับไม้เท้า
 
ปึ่ก!
 
ปลายเสี้ยวจันทร์หักร่วงลงไปพร้อมกับร่างยูคาริ ซึ่งเทเรซ่าไม่ทันตั้งตัวได้แต่มองคนที่อยากจะช่วยร่วงหายลงลับตาไป ระหว่างที่เธอกำลังอึ่งอยู่ก็มีคนหนึ่งเดินมาเห็นเหตุการณ์ที่ยูคาริร่วงลงไปพอดี ก่อนที่เธอคนนั้นจะตะโกนด้วยความโกรธราวกับเสียสิ่งมีค่าสุดชีวิตไป
 
“เทเรซ่า!”
 
[ปัจจุบัน]
 
“แต่สุดท้ายมันก็เป็นแบบนั้น...แค่กๆ”
 
เทเรซ่าเล่าเรื่องในมุมมองของเธอเองจนจบแล้วสำลักเลือดออกมาอีก เฟียน่าในภาพฉายเอามือทั้งสองกุมหน้าแล้วพึมพำถึงชื่อยูคาริอยู่ตลอดก่อนที่จะบอกสรุปเรื่องราวทั้งหมด
 
“ยูคาริ...ตายเพราะเธออยู่ดีนะแหละ เทเรซ่า”
“แล้วยกโทษให้ฉันได้ไหม เฟียน่า แค่กๆ” เทเรซ่าเงยหน้าขึ้นรับคำตอบ
“ไม่มีวัน”
 
คำตอบนั่นไม่ทำให้เทเรซ่าแปลกใจแม้แต่น้อย
 
“ว่าแล้ว ฉันก็ไม่ได้หวังแต่แรกล่ะ...หลังจากนั้นฉันก็ใช้ความตายของยูคาริเล่นงานเธออยู่ตลอดเพราะเธอฆ่าคนของฉัน”
“น่าจะรู้ดีว่าฉันทำแบบนั้นทำไม คนของเธอหาเรื่องก่อนนะ”
“ใช่ๆ ก็รู้นั้นแหละก็เหมือนที่เธอบอกว่าลิตเติ้ลเบิร์ดตายเพราะฉัน แค่กๆ” เทเรซ่าไอออกมาเป็นเลือดอีก “ซิสเซอร์ที่น่ารักของฉันก็ตายเพราะเธอและจะไม่มีวันให้อภัยกันและกัน แค่กๆ แต่น่าเสียดายนะ ที่ฉันคงไม่อยู่ให้เธอแก้แค้นล่ะ”
“ห้ามตาย! เธอต้องตายด้วยมือฉันเท่านั้น” เฟียน่าตะวาดใส่
“คงเป็นไปไม่ได้หรอก ตอนนี้ฉันรู้สึกชาทั้งตัวเหนื่อยมากจนจะหลับได้ตลอดแล้ว แค่กๆ”
“พอเหอะ เฟียน่า”
 
รัมเบิลที่ยืนฟังเรื่องราวตั้งนานสองนานเอ่ยให้ปิดฉากการทะเลาะกันครั้งนี้ลง
 
“ก็ได้รัมเบิล แต่นายต้องรีบพายัยนี้ไปโรงพยาบาลถอนพิษให้เร็วที่สุดนะ”
“จะถึงที่หมายอีกสิบนาทีครับ” ซันเตบอก
“ให้ซันเตนำทางพวกนายไป แล้วฉันจะติดต่อไปทีหลัง”
 
ภาพฉายเฟียน่าถูกตัดจบลง เทเรซ่าถอนหายใจฮึกใหญ่ ทั้งคู่ต่างเงียบ...จนเทเรซ่าขอร้องอะไรบางอย่าง
 
“รัมเบิล...นวดต้นคอให้ฉันที”
“หา?”
“นวดต้นคอให้ฉัน”
 
รัมเบิลไม่เข้าใจสิ่งที่เทเรซ่าให้ทำ แต่เขาก็ทำตาม มือทั้งสองบีบนวดที่หลังต้นคอเทเรซ่า เธอยิ้มอย่างผ่อนคลาย
 
“ยังดีนะ ที่ตรงนั้นยังรู้สึก...บ้าง...สะ...บาย...จัง”
“มีอย่างที่ไหน ใกล้ตายแล้วมานวดคอเนี่ย ฮ่าๆ” รัมเบิลหัวเราะ
“คงมี...แต่ฉันล่ะมั้ง...อย่างน้อยๆ ก็ใกล้ถึงเวลา แค่กๆ ที่ไปหา...เหล่าซิสเซอร์...ของฉัน...แล้ว...”
“อ๋อ ฉันเสียใจด้วยนะเรื่องนั้น ที่พวกไอริสสังหารเหล่าซิสเซอร์ของเธอ”
“...”
“เธอพยายามลืมตาไว้ล่ะกัน อย่าหลับเลยเด็ด---“
 
คอของเทเรซ่าเอียงทิ้งลงที่ข้อมือขวาของรัมเบิล เขาเอานิ้วจับชีพจรที่ต้นคอและเช็คลมหายใจของเธอ...เงียบสงัดก่อนที่จะสรุป
 
“ทิ้งกันดื้อๆ”
 
รัมเบิลเอาแผ่นหลังพิงผนังหวังให้จิตใจเขาสงบลง...แต่แล้วมือขวาเขาฟาดเข้าที่ผนังอย่างแรกหนึ่งครั้งด้วยความเจ็บปวดจากหัวใจ
 
กริ๊งๆ
 
เสียงมือถือของรัมเบิลดังขึ้น คว้ามันขึ้นมาดูเป็นข้อความแชทจาก Unknown ซึ่งเขารู้ว่าเป็นใครกด เขากดเข้าไปดูปรากฎข้อความว่า [ทุกอย่างเรียบร้อยใช่ไหม ไอ้นั่นได้ผลดีหรือไม่] รัมเบิลตอบกลับไปว่า...
(เราแยกทางกัน แต่น่าจะเอาตัวรอดได้...ระเบิดเสียงนั่นใช่ได้ผล)
[ดี]
(แต่สิ่งที่เสียไป มันไม่คุ้มค่า)
[เสียใจด้วย มันนอกเหนือการควบคุม]
(ผมเข้าใจ หวังว่าที่ค้างกันไว้อยู่ทั้งหมด จบลงเพียงเท่านี้)
[ใช่ หลังจากนี้จะไม่มีการรบกวนอีก สบายใจได้]
(ขอถามอะไรหน่อย รู้ได้ไงว่าคนที่ชื่อเรดจะมา...แล้วไอ้ระเบิดเสียงนั่นมันอะไร)
[นายไม่มีสิทธิรู้]
(โอเคครับโอเค คุณนายหน้า WGT)
[เลิกการติดต่อ หลังจากนี้จะทำลายข้อความตัวเองภายในหนึ่งนาที โปรดโยนทิ้งที่ห่างผู้คนด้วย]
 
รัมเบิลเห็นข้อความสุดท้ายแล้ว ก้มตัวเปิดฝาใต้เท้าที่ทะลุออกไปเห็นพื้นดินที่กำลังแล่นอยู่ เขาทิ้งมันลงแล้วปิดช่องนั้น แล้วเงยหน้ามาเห็นใบหน้าอันสงบของคนที่จากไปโลกหน้า
 
‘ผมจะพาเธอกลับบ้านเอง เทเรซ่า’
 
◊◊◊
 
[00:12] [29/12/2057]
[Area TH-7 เขตกลาง, Blue Zone, หน้าทางเข้าลับศูนย์วิจัยย่อยไฮเทคอัพเปอร์ที่สอง]
 
โครม!
 
ช่องระบายอากาศขนาดสองเมตรกระเด็นออกเข้าป่าใกล้ๆ ไปด้วยปืนพีทูของพีเอง เขากระโดดลงจากช่องลมนั่น ทางที่ออกมาอยู่ใกล้ๆ กับทางเข้าตอนแรกที่มากันทีแรก หลังจากที่เขาตัดสินใจประจันหน้ากับหน่วยรักษาความปลอดภัยแล้วหนีตายได้อย่างหวุดหวิด โชคยังดีที่เขาสามารถใช้บลูเลตไทม์และอาวุธได้เหมือนเดิม แม้เขายังไม่เข้าใจเรื่องที่ไม่สามารถใช้พลังชั่วคราวก็ตามที
พีสังเกตรอบๆ ตัวให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ ยกมือขวาขึ้นดูกลางฝ่ามือตัวเองที่มีแผ่นกระจกกลมซึ่งก่อนหน้านี้กลายเป็นสีแดงจ้านตอนนี้สีแดงนั่นกำลังจะเลือนหายไปแทนทีด้วยสีน้ำเงิน อาการปวดมือขวาก็เริ่มหายไปเช่นกันพีพูดใส่แผ่นกระจก
 
“เรสเทียร์...ฉันรู้ว่าเธออยู่ในนั่น ออกมาสิ เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
 
การที่พีพูดแบบนั้นเพราะเป็นเรื่องที่เรดพูดไว้ทั้งหมด แสงสีฟ้าพุ่งออกจากกลางมือขวาพีมาตรงหน้าเป็นรูปร่างของเรสเทียร์ร่างคน ซึ่งเธอหลบสายตาเขาอยู่
 
“มันหมายความว่ายังไง...เรื่องที่เธอความจำเสื่อม โกหกกันใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ พี่หญิง”เรสเทียร์ตอบ
“ทำไมต้องโกหก”
“มีเหตุผลส่วนตัวอยู่...อย่ารู้เลยค่ะ มันงี่เง่ามาก”
“อ๋อ งั้นเหรอ...ก็ได้ ฉันจะไม่ถามเรื่องนั้นต่อ แต่เธอต้องเล่ามาให้หมดว่าเธอเป็นใครกันแน่”
“จะเล่าสั้นๆ ให้ฟังล่ะกันค่ะ” เรสเทียร์หันหลังให้ “นานมาแล้วที่มีองค์กรหนึ่งได้ซุกซ่อนวิทยาการล้ำล้าไว้สร้างอำนาจของตน อยู่เบื้องหลังประวัติศาสตร์หลายๆ อย่าง นั่นคือเวิลด์เจเนรัลค่ะ (World General) เรสเทียร์ถูกสร้างขึ้นมาจากเศษเสี้ยววิทยาการบางอย่าง...จากตัวพี่เรด เราทั้งคู่มีพลังที่คล้ายคลึงกัน แต่ในตัวเรสเทียร์นั่นได้รับการพัฒนากว่ามากค่ะ ทั้งหมดนี้เพื่อรับใช้ผู้นำเวิลด์เจเนรัลสูงสุดตลอดการ เขาต้องการสร้างอนาคตที่มั่นคงค่ะ...เลยเข้าแทรกแซงทุกๆ อย่างบนโลกนี้แล้วเผยตัวตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สามเป็นต้นมา ในเวลากว่าสามร้อยปีที่เรสเทียร์ได้ปฏิบัติงาน ส่วนใหญ่จะควบคุมจิตใจคนสำคัญๆ เพื่อใช้เป็นประโยชน์ต่อเวิลด์เจเนรัลค่ะ”
“พลังที่ควบคุมจิตใจคน?” พีขมวดคิ้ว
“พลังนั่นแหละค่ะ ที่ทำให้เรสเทียร์ต่างจากพี่เรด...ถึงกระนั้นก็ถูกพวกเขาทดลองจนรู้วิธีการตรวจสอบและควบคุมตัวเรสเทียร์ค่ะ พี่เรดสามารถควมคุมฉันโดยตรงได้ ไม่ว่าจะที่ไหนเมื่อไร แต่ทว่า...ไม่รู้เพราะอะไรบางอย่างในตัวพี่หญิง ทำให้เรสเทียร์หลุดจากการควบคุมของพี่เรดได้ขนาดนี้ ถึงแม้ว่าพี่เรดจะเข้าใกล้แล้วควบคุมเรสเทียร์ได้เหมือนเดิมก็ตาม”
“งั้นแสดงว่าเธอ...เป็นอาวุธของเวิลด์เจเนรัล?”
“จะว่างั้นก็ได้ค่ะ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเรสเทียร์ได้ควบคุมจิตใจคนและฆ่าพวกเขามามาก...เรสเทียร์อยากที่จะหยุดมันค่ะ...หยุดทุกอย่างเสียที ไม่งั้นรายต่อไปคงไม่ต่างกับพ่อแม่ของพี่หญิง---อึก!”
 
ประโยคท้ายที่เรสเทียร์เผลอหลุดปากออกมา มันเปลี่ยนอารมณ์ของพีชั่ววูป เข้ามาบีบคอเรสเทียร์ด้วยสายตาจิตสังหารอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
 
“เธอนั่นเอง...เธอนั่นเอง!”
“อย่า...ค่ะ! หายใจ...ไม่ออก...” เรสเทียร์ตะเกียกตะกาย
“ตายซะ...ตาย!”
 
เรสเทียร์ที่ถูกบีบคอพยายามร้องห้ามพี แต่เขากลับไม่ฟังแม้แต่น้อย สิ่งที่พีกำลังทำอยู่ราวกับคนสติหลุดไปและมันก็ทำให้เรสเทียร์หมดความอดทน นัยน์ตาสีแดงของเธอเฉิดจ้า มือพีที่บีบคออยู่นั้นคลายหลุดไปแล้วลงไปนอนกองหงายกับพื้น แต่ไม่ถึงขั้นสลบ ร่างกายเขาควบคุมไม่ได้นอกจากดวงตา เรสเทียร์ยืนดูเขาสักพักนั่งลงข้างๆ แล้วเอ่ยเรื่องที่จะทำต่อไป
 
“ไม่ต้องกลัวนะค่ะ เรสเทียร์ไม่โกรธหรอกค่ะ เรสเทียร์รู้ดีว่าสิ่งที่พีหญิงทำไปเมื่อกี้เพราะควบคุมตัวเองไม่ได้ ความผิดปกติทางจิตของพี่หญิงเรสเทียร์ทราบดีค่ะ แต่ถึงอย่างงั้นอย่าลืมสิค่ะ ว่าเรสเทียร์เคยพูดไว้ว่าทั้งกายและใจของพี่หญิงเป็นของเรสเทียร์แล้ว”
 
นัยน์ตาคู่น้ำตาลแดงเบิกกว้างเหมือนเดาถูกว่าเขาจะโดนอะไรต่อไป เรสเทียร์ยื่นมือขวามาประทับที่หน้าผากพี
 
“พี่หญิง...เรสเทียร์ไม่อยากทำแบบนี้เลยค่ะ แต่ถ้าไม่ทำคงจะอยู่กับพี่หญิงต่อไม่ได้ เรสเทียร์จะเปลี่ยนความทรงจำของวันนี้ที่เกี่ยวกับเรื่องพี่เรดที่พูดมาทั้งหมด ให้เหมือนว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นนะค่ะ ไม่ต้องกลัวไปค่ะ การที่พี่หญิงไม่รู้จะเป็นการดีกว่า พี่หญิงจะได้ไม่ต้องทรมานกับความจริงที่ว่า เรสเทียร์ฆ่าพ่อแม่ของพี่หญิง”
 
ถึงประโยคตรงนี้ร่างกายพี่สั่นสะท้านแต่ก็ไม่สามารถขยับได้อยู่ดี
 
“แต่หลังจากนี้ เรสเทียร์จะขอเดิมพันกับพี่หญิงคนใหม่...เราจะร่วมสู้ไปด้วยกันนะค่ะ เรสเทียร์ต้องขอโทษด้วยที่ทำพี่หญิงแบบนี้ มันจำเป็น” เรสเทียร์หลับตาลง “ด้วยพลังอำนาจของข้า...จงเปลี่ยนความทรงจำของชายตรงหน้าให้เป็นตามที่ข้าต้องการด้วยเถอะ! ซิงโครไนซ์เมมโมรี่! (SynchronizeMemory)”
“อย่า!”
 
คำพูดที่พีพยายามคัดค้านสิ่งที่เรสเทียร์กำลังจะทำ แต่มันสายเกินไปแรงกระแทกมหาศาลที่แผ่จากฝ่ามือของเรสเทียร์ปะทะกับหน้าผากของพีจนเกิดเป็นคลื่นลูกโซ่สีแดงครอบคลุมพื้นที่กว่าร้อยเมตรแล้วมันค่อยๆ หายจางไป เรสเทียร์ลุกขึ้นแล้วยื่นมือขวามา
 
“พี่หญิง เรารีบหนีจากที่นี่เถอะค่ะ”
 
นัยน์ตาของพีบ่งบอกได้ถึงความงุนงงกับสิ่งที่เขาเป็นอยู่
 
“อ่า...นั่นสินะ นี่ฉันลงมานอนได้ไงเนี่ย”
“ก็พี่หญิงวิ่งไม่พักขนาดนั้นก็เหนื่อยจนหมดแรงไงค่ะ นี่พี่หญิงนอนพักได้สิบนาทีแล้ว”
“อ้าวเหรอ...หัวฉันชักจะเบลอๆ แฮะ”
 
พียื่นมือขวาจับมือเรสเทียร์ เธอดึงตัวพีขึ้นมา แต่ในใจเธอกำลังกล่าวโทษตัวเอง
 
‘ฉัน...ขอโทษ’
 
◊◊◊
 
[00:19] [29/12/2057]
[Area TH-7, เขตกลาง, ชั้น B4 ห้อง Log File, ศูนย์วิจัยย่อยไฮเทคอัพเปอร์ที่สอง]
 
‘อีกนิดเดียว’
 
เรดกำลังขยับตัวที่ทำได้ที่ล่ะนิดไปทางที่กระป๋องสีเทาที่ส่งเสียงรบกวนการทำงานสมองของเธอ มือซ้ายเธอกำลังจะเอื้อมถึงมัน แต่แล้วมีเท้าใครก็ไม่รู้มาเหยียบมือของเธอ เรดเงยขึ้นไปดูเป็นผู้หญิงที่ใส่ผ้าโพกปิดหน้าสีน้ำตาลไว้ผมสีแดงสั้นที่ยุ่งเหยิง นัยน์ตาสีแดงเช่นกัน แต่เรดรู้ว่าเธอเป็นใคร
 
“เธอคือ...เศษเดนโปรเจคของลากัซ”
“พูดไม่เพราะเลยนะครับ คุณเรด”
 
เสียงชายแก่ดังขึ้นผ่านวิทยุที่ผู้หญิงผมแดงตรงหน้าแนบเอวไว้
 
“ลากัซ...มองผ่านเจ้าเศษเดนนี่อยู่เหรอ” เรดที่นอนหงายกับพื้น จองนัยน์ตาสีแดงที่มีกล้องซ่อนอยู่ในนั้น “ช่วยปิดเสียงเจ้านี่ก่อนได้ไหม ฉันจะได้คุยถนัดๆ”
“ขอปฏิเสธ”
 
ลากัซรู้ทันว่าถ้าปิดเจ้าสิ่งนั่นจะเกิดอะไรขึ้น เรดหรี่ตาลง
 
“นี่เจ้า...คิดจะทรยศพันธมิตรงั้นหรือ”
“ก่อนที่จะพูดแบบนั้น กรุณาเช็คสถานะตัวเองก่อนนะครับ ว่าอยู่ในสถานะไหน”
“หา?”
“ยังไม่รู้สินะครับ เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา เวิลด์เจเนรัลพบว่าคุณกระทำการพิรุณบางอย่างเลยประกาศตามล่าตัวคุณแล้วทั้งจับเป็นและจับตาย หมายความว่าตอนนี้คุณหลุดจากการเป็นเวิลด์เจเนรัลแล้ว”
 
สิ่งที่เรดเคยคาดการณ์ไว้เป็นจริง เธอกัดฟันอย่างเจ็บใจ
 
“ชิ...เอาจนได้”
“แต่ผมใจดีนะครับ จะเสนอทางเลือกให้คุณ...เพียงหนึ่งข้อ” ลากัซเอ่ย “จงมาเป็นตัวทดลองให้เราซะ จัดการมัน!”
 
ผู้หญิงผมแดงที่โพกผ้าน้ำตาลหยิบเข็มฉีดยาเข็มหนึ่งขึ้นมาฉีดเข้าที่ต้นคอเรด มีคนของไฮเทคอัพเปอร์แห่กันเข้ามาพยุงตัวเธอ ลากัซที่พูดผ่านวิทยุพูดอะไรบางอย่างก่อนที่เธอจะสลบไป
 
“เราจะได้รู้สักทีว่าเธอมีอายุที่ยืนยาวกว่าร้อยปีได้อย่างไง หึๆ”
 
◊◊◊
 
จบลงไปแล้วนะจ๊ะกับตอน เมื่อพลังจิตผงาด บทที่ 5 [ฉันขอโทษ]
อ่ะอ้าว จู่ๆ เทเรซ่าสิ้นใจไปซะอย่างงั้น ทิ้งเรื่องราวความขัดแย้งระหว่างตัวเธอและเฟียน่าไว้
พีไม่ได้ข้อมูลของเมงุมิแถมยังรู้ความลับของเรสเทียรืจนต้องโดนล้างสมองเพื่อปิดบัง
แล้วเรสเทียร์เธอมีเป้าหมายอะไรกันแน่ ทำไมถึงอยากที่จะอยู่กับพีต่อไป
โปรดติดตามตอนต่อไปที่มีชื่อว่า เมื่อพลังจิตผงาด บทที่ 6 [ทางแยก]
ถ้าชอบก็ Comment ให้กำลังใจกันบ้างเน้อ ฮ่าๆ
By Spy442299 & Nattanan Srising

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา