P.P.Rising The Bullet Time อภินิหารพลังจิตเหนือโลก

8.1

เขียนโดย Spy442299

วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 10.54 น.

  46 chapter
  28 วิจารณ์
  49.36K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2557 17.28 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

16) เมื่อพลังจิตผงาด บทที่ 3 [มุ่งร้าย]

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

P.P. Rising: The Bullet Time

เดอะบูลเลตไทม์ อภินิหารพลังจิตเหนือโลก

  1. Ch.13 เมื่อพลังจิตผงาด บทที่ 3 [มุ่งร้าย]

Rewrite V.3

 

◊◊◊

 

[12:19] [28/12/2057]

[Area TH-7 เขตกลาง, Blue Zone, ริมถนนสายที่ 202]

 

“ติดต่อกำลังเสริมไว้ที่พวกคนร้ายนัดเจอแล้วเรียบร้อยครับ เรารีบล่วงหน้ากันก่อนเลยดีกว่า”

 

ทอมมี่ที่เพิ่งประตูรถของตนเองมานั่งประจำที่คนขับเรสเทียร์หิ้วของขึ้นเบาะข้างคนขับแล้วหลับได้หน้าตาเฉย ตัวรถเริ่มออกตัวไปข้างหน้าห่างจากบ้านของมิสไปและพีนั่งอยู่เบาะหลังกำลังกอดปลอบมิสที่ร้องไห้อย่างหนักหลังรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับป้าของเธอ

หลังจากที่พีตัดสินใจว่าจะมาคุยกับป้าของมิสเรื่องของเธอที่อพาร์ทเม้นท์หลังหนึ่งที่อยู่ริมถนนสายที่ 202 ที่อยู่ชั้นแรก พอมาถึงกลับพอว่าสิ่งของภายในห้องทั้งหมดถูกรื้อและมีของหายไปบางส่วนและพบกับกระดาษที่มีโน๊ตเขียนถึงมิสไว้ว่า ‘อยากได้ป้าของแกคืน ให้มาที่อู่ต่อเรือซันเด’ ซึ่งมิสรู้ทันทีว่าเป็นเจ้าหนี้ที่ป้าของเธอติดหนี้ไว้จำนวนมาก พีเลยแจ้งเจ้าหน้าที่เอ็มแอลเอผ่านทางมือถือ แต่แล้วการ์เดี้ยนกลับมาแทนเนื่องจากเอ็มแอลเอกำลังชุลมุลกับคนที่ใช้พลังจิตป่วนทั่วเมืองและการ์เดี้ยนที่มานั้นไม่ใช่ใครอื่นก็คือทอมมี่นั่นเองและตอนนี้พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปยังอู่ต่อเรือซันเดตามข้อความในกระดาษที่อยู่ไม่ไกลนัก

 

“กำลังเสริมของแกนี่มัน---” พีถามเรื่องที่ทอมมี่คุยกับใครบางคนผ่านมือถือก่อนหน้านี้

“เดี๋ยวก็รู้เองครับ” ทอมมี่ไม่บอก “แต่ผมว่าแค่พีจังคนเดียวก็ซัดพวกนั้นหมอบหมดแล้ว”

“เหมือนแกจะรู้อะไรนะ”

“รู้ไม่มากหรอกครับ พวกนั้นเป็นพวกนักเลงอันธพาลกลุ่มหนึ่งเท่านั้นเอง...แต่ผมคาดไม่ถึงเลยแฮะ ว่ามันกล้าทำเรื่องแบบนี้ได้” ทอมมี่มองกระจกหลังแล้วเห็นอะไรบางอย่าง “มิส...นี่เธอยังใส่มันอีกอยู่หรือ”

“หือ?” มิสผงะตัวขึ้น มือซ้ายของเธอจับที่ปลอกข้อมือการ์เดี้ยน “พี่ทอมมี่...ขอโทษค่ะ ที่ไม่ได้ถอดมันออก”

“คงติดใจมากสินะครับ...กับการได้เป็นการ์เดี้ยน”

“หือ? รู้จักกันเหรอ” พีหันมองไปมาก่อนที่จะนึกออก “อ่า...จริงสิ น่าจะรู้จักกัน ทั้งสองคนเป็นการ์เดี้ยนนี่หน่า”

“แต่เธอไม่ได้เป็นการ์เดี้ยนแล้วนะครับ”

               

คำตอบของทอมมี่ทำให้มิสเบี่ยงหน้าหนี พีเริ่มรู้สึกไม่ดีขึ้นมาและนั่นทำให้พีทูของมิสสัมผัสได้ว่าเขากำลังกังวลเรื่องของเธอเลยหันมาบอกถึงสาเหตุ

 

“รุ่นพี่อยากรู้สินะคะ หนูอายุยังไม่ถึงสิบห้าค่ะ ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง...ป้าหนูไม่ยอมให้เป็นเลยปลอมลายเซ็น แต่ถูกจับได้ที่หลัง”

“มิส...พี่ว่าเธอน่าจะย้ายไปอยู่พี่คานะได้แล้วนะครับ” ทอมมี่พูดถึงคนที่พีไม่รู้จัก

“ให้เวลาหนูหน่อยเถอะค่ะ!” มิสกัดฟัน “ป้าหนูอยู่คนเดียวไม่ได้หรอก”

“ให้มันได้แบบนี้สิ” ทอมมี่กรอกตาขึ้น “มิส...เธอชักจะใจดีเกินไปแล้วนะครับเหมือนพีจังเมื่อก่อนเลยเนอะ”

“หา!?”

 

พีที่ถูกรับช่วงต่อรับปากอย่างงงวยแต่ก่อนที่จะได้ถามอะไรนั้น ตัวรถทอมมี่ที่ขับมาได้ผ่านเข้าประตูขนาดใหญ่ที่เขียนว่า ‘ท่าเรือซันเด’ โดยรอบมีตู้คอนเทนเนอร์มากมาย ทอมมี่ขับตรงตามทางไปเรื่อยๆ จนถึงริมท่าที่มีเรือลำใหญ่จอดอยู่เลี้ยวซ้ายตามทาง เบื้องหน้าเห็นคนเงาลางๆ ประมาณสี่ถึงห้าคน เมื่อขับเข้าไปจอดตรงหน้าห่างกันไม่กี่สิบเมตรก็รู้ทันทีว่าเป็นชายฉกรรจ์สี่คนในชุดกรรมกรและมีผู้หญิงถูกมัดมือมัดปากน่าจะเป็นป้าของมิสเพราะเธอไว้ผมสีส้มเช่นกัน ต่างเพียงแค่นัยน์ตาเป็นสีน้ำเงิน ทุกคนลงจากรถ ท่าทีของมิสเปลี่ยนไปทันทีเพราะเธอสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างรอบๆ ตัวถึงได้กวาดสายตาอยู่ตลอดเวลา

 

“เฮ้ย!” ชายฉกรรจ์ที่ถือประแจเอ่ย “พวกแกเป็นใคร...เขียนบอกให้เจ้ามิสมาคนเดียวนิ?”

“หือ?” พีขมวดคิ้วแล้วหยิบกระดาษที่พวกนั้นเขียนขึ้นไว้ขึ้นมาโชว์ “ไม่เห็นพวกแกเขียนบอกไว้นะ”

“บอกแล้วอย่าใช้เจ้านั่นเขียน มันขี้ลืม” ชายฉกรรจ์อีกคนที่ถือไม้หน้าสามกุบขมับ

“เออ! เข้าเรื่องกันได้แล้ว” ชายฉกรรจ์ที่ถือประแจว่าต่อ “มิส! รู้ดีใช่ไหม? ว่าป้าของแกทำอะไรไว้”

“ระระรู้ค่ะ!” มิสบอกด้วยน้ำเสียงสั่น “ติดหนี้พวกคุณไว้เยอะ”

“และแกต้องเอาเงินปู่ของแกมาจ่าย! เรารู้ว่าปู่ของเธอเป็นนักธุรกิจใน Area EU ที่รวยมากด้วย...หวังว่าเงินสองล้านชิฟ (ชิฟ [Chip] คือสกุลเงินทั่วโลก ณ ปัจจุบัน) บวกดอกเบี้ยอีกสามล้านชิฟคงจะมีจ่ายนะ ไม่งั้นป้าของเธอ...”

 

ชายฉกรรจ์เอานิ้วบาดคอป้าของมิสเป็นสัญลักษณ์ว่าจะฆ่าทิ้งหากไม่จ่าย

 

“เดี๋ยวๆ สิ่งที่พวกแกทำอยู่มันเรียกว่าขู่กรรโฉกทรัพย์ชัดๆ”

 

พีว่าตามเหตุการณ์ที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้า ชายฉกรรจที่เอ่ยข้อเสนอแลกเปลี่ยนเมื่อกี้ตอกหน้ากลับ

 

“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแก! น่าจะรู้ดีไม่ใช่หรือ ตั้งแต่ไอ้พีทูไรซิ่งกับพวกไอริสบ้าบออะไรคอแตกอะไรนั่นมาที่เมืองนี้ พวกเรามุดหัวหลบจนไม่มีอันจะกินแล้ว! เรือกับสินค้าของเราก็ถูกจมไปเกือบหมด มีแต่ล้มละลายอย่างเดียว!”

 

‘พีทูไรซิ่ง...’

 

พีสะกดคำนั้นในใจเพราะมันเกี่ยวข้องโดยตรงกับเขา ความรู้สึกผิดและละอายถาโถมเข้าสู่ใจเขาเรื่อยๆ

 

‘ใช่ ทุกคนใน Area TH-7 เดือดร้อนเพราะเรื่องที่สนามบินนั่น’

 

“เดี๋ยวก่อนนะ...” เสียงของชายคนเดิมเรียกสติพีกลับมา “เธอพาเจ้าหนูนี้มา คงเกี่ยวข้องไม่มากก็น้อย งั้นพวกเราจะเอาของที่ติดตัวกับพวกแกให้หมดก่อนล่ะกัน”

 

ท่าทางชายฉกรรจ์ทั้งสี่คนเริ่มไม่น่าไว้ใจ สายตาทั้งหมดกำลังส่องหาบางสิ่งบางอย่างอยู่แล้วชายกรรจ์ที่อยู่ขวาสุดเอ่ยบางอย่างขึ้น

 

“ลูกพี่! ทำไมไม่ให้พวกผมหม่ำผู้หญิงทั้งสี่คนก่อนล่ะ? ถือว่าลดดอกเบี้ยให้สักหนึ่งล้าน”

               

ข้อเสนอจากลูกน้องของชายฉกรรจ์ที่ชวนให้พีเสียววาปไปทั้งตัว

 

‘ผู้หญิงสี่คน...มิส ป้าของมิส เรสเทียร์และก็อีกคน...ใครละ? ฉันเหรอ?

เฮ้ยๆ ตูเป็นผู้ชายนะเฟ้ย!’

 

“ต่ำช้า!” ทอมมี่กับเรสเทียร์เดือดพล่านพร้อมกัน

“ไอ้หนุ่มทื้อๆ นั่นจับโยนลงน้ำไป จะได้ไม่เกะกะเนอะลูกพี่” ทอมมี่โดนคนพวกนั้นเล็งจัดการเป็นคนแรก

“ไม่ได้นะ!” มิสออกตัวห้ามและเธอคว้ามือถือออก “จะติดต่อปู่จ่ายให้พวกคุณเดี๋ยวนี้เลย!”

“ติดหนี้มาปีกว่าๆ มันต้องมีของสัมมนาคุณนอกจากเงินนะหนู” ชายฉกรรจ์ที่เป่าหูหัวหน้ายังพูดต่อไป ก่อนที่จะตะโกนเรียกพรรคพวก “พวกเรา! ออกมากันได้แล้ว!”

 

ความรู้สึกกระวนกระวายของมิสก่อนหน้านี้เป็นจริง เมื่อรอบๆ ตัวพวกเขามีคนที่แอบซ่อนเผยตัวออกมาในฝั่งไม่ต่ำกว่าสามสิบคนและบนเรือที่มีสะพานต่ออยู่อีกยี่สิบคน พีสรุปสถานการณ์ในใจ

 

‘โดนล้อม...’

 

เรสเทียร์คว้าดาบคล้ายเข็มนาฬิกาขึ้นมาจากกลางอากาศแบบไม่มีที่ไปที่มา พีเรียกอาวุธปืนของตนเองออกมาเช่นกัน แต่ด้วยจำนวนอีกฝ่ายเยอะกว่าแม้ว่าจะมีแต่อาวุธระยะประชิดจึงไม่เกรงกลัวพวกเขาเลย ชายฉกรรจ์คนหนึ่งถีบตัวประกันล้มมาทางข้างหน้า ด้วยความเป็นห่วงมิสรีบวิ่งไปหาทันที

 

“ป้า!”

“เฮ้ย! อย่าเข้า---“

 

พีกำลังจะห้ามแต่ก็ไม่ทันซะแล้ว มิสถูกชายฉกรรจ์จับเป็นตัวประกันไปอีกหนึ่งคน พีที่เพิ่งนึกอะไรออกสบถในใจ

 

‘ทำไมฉันถึงไม่ใช้บลูเลตไทม์วะเนี่ย!’

-‘อย่าเพิ่งใช้เลยดีกว่าค่ะ’- เรสเทียร์คุยผ่านทางจิต -‘พวกนั้นมีเยอะเกินไป แถมมีตัวประกันอีก สุ่มสี่สุ่มห้าทำอะไรขึ้นมาจะไม่คุ้มนะคะ’-

‘ฉันรู้แล้ว! แต่จะให้ทำยังไงล่ะ ถึงจะช่วย---’

 

กริ๊งๆ

 

เสียงมือถือของทอมมี่ดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมารับสายโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างแม้แต่น้อย

 

“มาถึงแล้วใช่ไหม...อือ...แน่ล่ะครับ ช่วยจัดการให้ตอนนี้เลย!”

 

ตูม!

 

มีอะไรบางอย่างพุ่งผ่านหน้าพีไป ซึ่งเขาคิดว่าน่าจะเป็นไพ่สีแดงลอยไปปักราวบันไดที่เป็นสะพานเชื่อมเรือกับท่าเรือเกิดระเบิดขึ้นแล้วหล่นลงทะเลไป ทำให้ชายฉกรรจ์ยี่สิบคนติดอยู่บนเรือ ส่วนคนบนฝั่งทั้งหมดยืนนิ่งตะลึงไปชั่วขณะ

 

‘ระเบิด? ทำไมถึง---‘

 

“อ๊าก!”

 

ชายฉกรรจ์คนที่จับมิสเป็นตัวประกันร้องลั่นแล้วสลบลงไปกับพื้นด้วยฝีมือของเฟียน่าที่เข้ามาข้างหลังพวกนั้นตั้งแต่เมื่อไรไม่มีใครรู้ มือซ้ายของเธอถือมีดสั้นสามแฉกไฟฟ้าก่อนที่จะใช้ไม้เท้าที่ยันแขนขวาฟาดเข้าที่หน้าอีกสองคน แต่ยังเหลืออีกหนึ่งคนที่กำลังใช้อาวุธในมือที่เป็นแท่งเหล็กฟาดใส่เฟียน่า แต่มันกลับทะลุร่างเธอซึ่งกลายเป็นตัวปลอมไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ก่อนที่ตัวจริงมาปรากฎข้างหลังแล้วใช้มีดไฟฟ้าช็อคเอาที่หลังจนสลบตามไปอีกราย เฟียน่าตะโกนบอกใครบางคน

               

“รัมเบิล! เชิญแกสนุกให้เต็มทีเลย!”

 

◊◊◊

 

[สิบนาทีผ่านไป]

[12:45] [28/12/2057]

[Area TH-7 เขตกลาง, Blue Zone, พื้นที่รกร้างใกล้อู่เรือซันเด]

 

‘น่าจะพ้นแล้วมั้ง’

 

พีและคนอื่นทั้งเจ็ดคนหนีออกมาจากอู่เรือซันเด ก่อนที่เอ็มแอลเอจะแห่กันมาเพราะวีรกรรมที่พวกเขาทำไว้ หลังจากการปรากฎตัวของเฟียน่า ท่าเรือซันเดได้เกิดระเบิดผุดขึ้นรอบตัวก่อนที่จะมีชายผมม่วงในชุดนินจาสีดำไล่ทำร้ายชายฉกรรจ์ทั้งหลายอย่างไม่ลดละด้วยการเคลื่อนไหวที่เบาวิ้งจับตัวยาก เฟียน่าบอกให้พวกเขารีบเผ่นออกจากที่นั่นให้ไวที่สุด แต่สุดท้ายชายฉกรรจ์ก็ถูกปราบจนหมดด้วยฝีมือเพียงไม่กี่คน ก่อนที่พวกเขาจะได้พูดคุยกันนั้นมีเสียงไซเรนของเอ็มแอลเอดังมาแต่ไกลเลยพากันหนีขึ้นรถของทอมมี่ขับฝ่ารั้วลวดหนามอีกทางออกมาและตอนนี้ทุกคนอยู่ ณ ที่ก่อสร้างตึกแห่งหนึ่งที่ยังสร้างไม่เสร็จที่ไม่มีคนอยู่

 

‘กำลังเสริมที่ทอมมี่ว่านี่มัน...’

 

เขาหันไปมองทั้งสามคนที่เข้ามาช่วยพวกเขา เฟียน่าในสภาพเดินไม่ค่อยสะดวกเพราะใช้ไม้เท้าและผู้ชายที่ไว้ผมสีส้มนัยน์ตาสีเขียวแต่ตัวออกแนวฮิฟเปอร์ ซึ่งเฟียน่าเรียกเขาว่า ‘รัมเบิล’ กำลังนับไพ่สีเทาและสุดท้ายคือผู้ชายผมม่วงสั้นที่เพิ่งโดดลงจากหลังคารถในคราบนินจาราวหลุดมาจาก Area JP ยังไงอย่างงั้น บนหัวพวกเขามีลูกบอลเล็กสีเทาลอยลงมาหาเฟียน่าส่งเสียงสังเคราะห์หาเจ้านายของมัน ซึ่งพีจำได้ว่ามันคือโดรนหุ่นยนต์รับใช้ของเฟียน่า

 

“นายหญิง! ผมกลับมาจากการสังเกตการณ์แล้วครับ!”

“ซันเต!” เฟียน่าตะคอกใส่ “ฉันบอกให้แกลงมาช่วยตั้งนาน แล้วทำไมเพิ่งมา!”

“ขอโทษครับ! พอดีข้างบนเกิดกระสมลมผิดปกติพัดผมไปไกลเป็นกิโลเมตรเลยครับ”

“แล้วใครบอกให้แกลอยไปสูงขนาดนั้น!”

“ขอโทษครับ!”

“พูดเป็นอยู่คำเดียวหรือไง!”

“ขอโทษครับ!”

“ยัยบ๊องเอ๊ย” รัมเบิลเก็บสำรับไพ่ลงในกระเป๋าเสื้อ “เจ้านั่นมันก็แค่หุ่นยนต์นะ”

“ชิ...รัมเบิล” ชายนินจาเรียกคนผมทองอย่างหงุดหงิด “ทำไมไม่ระเบิดใส่หน้าข้าไปเลยล่ะ ที่เรือนั่น”

“โธ่ พูดงี้ได้ไง อุตสาห์ช่วยนะโว้ย!”

 

บทสนทนาของกำลังเสริมทั้งสามคนทำให้พีนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ในช่วงที่ชายในคราบนินจากำลังไล่เก็บพวกชายฉกรรจ์บนเรือ แต่แล้วมีไพ่สีเทาพุ่งกระหน่ำใส่เรือจำนวนมากก่อนที่จะเรืองแสงแล้วระเบิดแรงดันพร้อมควันสีเทาเต็มเรือ ซึ่งต่างจากไพ่สีแดงก่อนหน้านี้ที่เป็นระเบิดจริงๆ

 

“ฉันว่าแกยังคุมพีทูตัวเองไม่อยู่มากกว่ามั้ง” เฟียน่าจิกตา “แกนี่มันกากจริงๆ”

“เฟียน่านัมเบอร์เซเว่น! (Fiana No.7)” รัมเบิลตาตลึงใส่

“แหมๆ แค่ว่ากากอารมณ์ขึ้นเลยเหรอ นัมเบอร์โฟว์ (No.4)”

 

‘โห้ยๆ ทะเลาะกันฉอดๆ อย่างกับเพื่อนสนิทเลยแฮะ’

 

พีคิดแล้วยิ้มเยาะๆ แล้วเขาเดินไปอีกฝั่งของรถที่มีทอมมี่และมิสที่กำลังแก้มัดเชือกและผ้าที่มัดตัวป้าของเธอไว้อยู่ พอหลุดจากเชือก มือของคนเป็นป้าง้างขึ้นฟ้าแล้วฟาดลง

 

เปรี๊ยะ!

 

เสียงตบหน้าดังสนั่น มิสหน้าหันตามแรงตบของป้าตนเอง เธอหันมองด้วยสายตาที่ไม่คาดคิดและยิ่งทำให้ตะลึงอีกครั้งเมื่อป้าที่ตบหน้ามิสตะวาดใส่อย่างไม่แยแส

 

“แกทำอะไรลงไปรู้บ้างไหม! ฉันไม่มีเงินจ่ายเจ้าพวกนี้หรอกนะ! อีแค่ยอมเสียตัวให้พวกนั้นนิดๆ หน่อยๆ จะได้ปลดหนี้แค่นี้ก็ไม่ได้เลยใช่ไหม!”

“ป้า...”

 

น้ำเสียงสั่นคลอนของมิสชัดเจนมากพออธิบายความรู้สึกในใจเธอตอนนี้

 

‘ความคิดของป้าคนนี้...เลว...เลวร้ายมาก’

 

พีจะเข้าห้ามปราม แต่มีคนชิงตัดหน้า

 

“ไม่เกินไปหน่อยหรือครับ คุณป้า”

 

ทอมมี่กอดอก ป้าของมิสมองด้วยสายตาไม่เป็นมิตร

               

“เธออีกแล้ว? ชอบพาหลานฉันออกนอกลู่นอกทางอยู่เรื่อย”

“แล้วแต่คุณคิดนะครับ” ทอมมี่แบะมือ “แต่สิ่งที่มิสทำนั่นมาจากใจจริงๆ”

“การ์เดี้ยน!? ไอ้มูลนิธิเฮงซวยนั่น ทำไปไม่เห็นได้อะไรเลย” ป้าว่าเช่นนั้นแล้วถอนตัว “มิส! กลับบ้าน”

               

มิสไม่ตอบ

 

“มิส...กลับบ้านกันเดี๋ยวนี้!” ป้าเอื้อมมือจะคว้าตัวมิส แต่เธอถอยหลัง

“มะมะไม่ค่ะ”

“หา!?”

“พี่ทอมมี่ หนูตัดสินใจได้แล้วค่ะ” มิสหลบอยู่หลังทอมมี่ “หนูจะไม่อยู่กับป้าอีกแล้ว!”

“หน่อยแน่ะ! ถ้าแกไม่อยู่กับฉันแล้วปู่แกก็ไม่ส่งเงินให้สิ อีเด็กเวร!”

 

มือขวาของเธอง้างขึ้นมาจะตบหน้ามิสอีกรอบ ทอมมี่ยกมือขึ้นมาจะบังมิสไว้ แต่พีไม่ปล่อยให้มันเป็นแบบนั้น เขาใช้พลังบลูเลตไทม์เข้าไปข้อมือของคนที่จะทำร้ายเด็ก สายตาผู้ที่ถูกจับตกตะลึงก่อนที่จะกระชากแขนออก

               

“ปล่อยฉันนะ! อีพวกประหลาด!” เธอก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว “มิส...ทำแบบนี้กันใช่ไหม...งั้นอย่ามาเรียกว่าป้าอีกเลย! อยู่กับเจ้าพวกประหลาดซะเลยไป๊!”

“ด้วยความยินดีครับ”

 

ทอมมี่ตอบรับแล้วกอดรับมิสในอ้อมแขน คนที่เป็นป้าของเธอกุมมือด้วยความโกรธแค้นก่อนที่จะเดินหนีออกไปจนลับสายตา

 

‘ทำไมครอบครัวเดียวกันถึงทำกันแบบนี้นะ...

ใช่...ก็คงเหมือนฉัน ทำไมพ่อแม่ถึงทิ้งฉันไว้คนเดียว...ทำไม’

 

พีเผลอนึกถึงเรื่องราวเลวร้ายในอดีตของเขาทำให้มือขวาสั่นโดยไม่สังเกตว่าที่ฝ่ามือเขานั่นมีสีแดงกระพริบถี่ก่อนที่จะช้าลงเพราะมีสิ่งที่ดึงความสนใจของเขา ทอมมี่กำลังลูบหัวมิสที่น้ำตาแตกอยู่

 

“หนูไม่อยากจะเชื่อเลยว่าป้าพูดกับหนูแบบนั้น” มิสว่า “ไม่สิ หนูรู้ความรู้สึกของป้าอยู่แล้วว่าเกลียดหนูมาก”

“พี่ว่าดีแล้ว ต่อไปนี้เธอจะได้ใช้ชีวิตดีขึ้นไงครับ” ทอมมี่พูด

“แต่ว่าป้าจะอยู่ยังไง ถ้าเงินไม่มี---”

“ปล่อยให้เขาเผชิญปัญหาของตัวเขาเองดีกว่า เขาจะได้รู้ไงว่ามิสสำคัญแค่ไหน” ทอมมี่ก้มตัวลง “ถ้าเห็นนะ”

“แล้วหนูจะไปอยู่ที่ไหนคะ ตอนนี้หนูโดนไล่ออกจากบ้านแล้ว ไม่มีที่ไป”

“พี่สาวต่างแม่ของเธอไง...พี่คานะ”

“หนูว่าไม่ดีหรอก”

“ดีสิครับ พี่สาวเธอบอกกับพี่ไว้ว่าถ้าเธอเดือดร้อนขึ้นมา เขายินดีช่วยเต็มที”

“พี่คานะ...”

“แต่ว่ายัยคา...เฮ้ย พี่คานะของเธอไป Area อื่นอยู่” ทอมมี่เผลอหลุดสรรพนามบางอย่างที่พีไม่เข้าใจ “แต่เธอไปอยู่บ้านคานะก่อนได้เลย คนรับใช้ของคานะเตรียมพร้อมที่สำหรับมิสไว้อยู่แล้ว เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

“พี่ทอมมี่...ขอบคุณนะคะ”

 

มิสก้มหัวลงเล็กน้อยกล่าวขอบคุณ ทอมมี่ยิ้มออกเล็กน้อยซึ่งพีเห็นรอยยิ้มนั้น เขาจำได้ว่าเป็นรอยยิ้มที่ไม่ค่อยเห็นจากเขามากนัก โดยปกติทอมมี่ชอบฉีกยิ้มกว่าๆ เวลาอยู่กับเขา แต่การที่ทอมมี่ยิ้มแค่มุมปากของเขาหมายถึงยิ้มจากใจจริง ซึ่งพีดีใจที่เห็นเพื่อนตัวเองในมุมนี้ ทอมมี่แบมือขวา

 

“ไม่เป็นไร แต่เธอช่วยถอดมันได้ไหม...ปลอกคอมือนั่น”

 

มิสก้มลงดูปลอกคอมือการ์เดี้ยนในสภาพที่เก่าและขาดเล็กน้อย เธอส่งเสียงในลำคอ

 

“หึ...หนูทำผิดกฎของการ์เดี้ยน ไม่สมควรที่จะใส่มันอีกต่อไป”

 

มิสปลดปลอกข้อมือการ์เดี้ยนออกแล้วยื่นให้ทอมมี่ แต่เขากลับกุมมือมิสที่มีปลอกคออยู่แล้วดันคืนแทน

 

“ตอนนี้ถือว่าเธอยังไม่ได้เป็นการ์เดี้ยน แต่ไว้เปิดรับสมัครรอบใหม่ตอนไหนแล้วสอบผ่านล่ะก็ ใส่มันได้เลย”

“พี่ทอมมี่...” มิสอ้าปากค้าง “ขอบคุณมากนะคะ! หนูคิดว่าจะไม่ได้เป็นตลอดชีวิตแล้ว แง๊ๆ”

“แต่อย่าปลอมลายเซ็นผู้ปกครองอีกนะครับ มันไม่ดี” ทอมมี่ดุ

“คะ! คราวหน้าหนูจะอ้อนปู่เซ็นให้ได้เลย!”

 

มิสกระโดดโลดเต้นดีใจ พีเห็นแบบนั้นแล้วก็ยิ้มออก

 

‘เหมือนจะลงเอ๋ยด้วยดีแล้วสินะ...’

-‘เรสเทียร์ก็ว่างั้นค่ะ’- เรสเทียร์ที่อยู่ข้างๆ เขาคุยในใจ -‘ว่าแต่...พี่หญิงคิดหรือยังว่าจะทำอะไรต่อไป’-

‘หือ? ทำ? ตามหาเบาะแสเมงุมิไง...แต่ฉันไม่รู้ว่าจะเริ่มที่ไหนดีนี่สิ’

 

“เธอสินะ ที่เฟียน่าพูดถึงบ่อยๆ พี”

 

ชายที่ชื่อว่ารัมเบิลเดินเข้ามาแล้วมองพิจารณาเขาหัวจรดปลายก่อนหันไปถามเฟียน่า

 

“แต่พีที่ว่าเป็นผู้ชายไม่ใช่หรือไง เฟียน่า”

“ปลอมตัวย่ะ” เฟียน่าว่าไปนั่น

“เฮ้ย!” รัมเบิลผงะ “เหมือนผู้หญิงมาก โคตรต่างกับในคลิปเลย”

 

‘นี่ฉันควรจะดีใจหรือเสียใจดีเนี่ย?’

 

พีเกือบจะหลุดปากตามความคิดเมื่อครู่ ทอมมี่เดินมาหาเฟียน่า

 

“เฟียน่า...ผมขอฝากพีจังไว้หลายวันหน่อยนะครับ” ทอมมี่ที่เพิ่งวางสายมือถือหลังจากคุยกับใครบางคน ซึ่งไปคุยกันต่อไหนก็ไม่รู้พีไม่ทันสังเกต “ช่วงนี้ผมยุ่งๆ กับการ์เดี้ยนมากคงไม่มีเวลาดูแลพีจัง”

“หือ? ไม่เป็นไรๆ” พีว่า “ฉันแค่อยู่บ้านนายเฉยๆ ไม่กระดิกไปไหน---”

“ตกลง” เฟียน่ารับปากโดยไม่ถามความสมัครใจของพี

“งั้นผมไปส่งมิสที่บ้านพี่สาวเธอก่อนนะครับ หลังจากนี้ผมคงลุยงานที่หัวหน้าผมฝากไว้แล้ว”

“ขอบคุณทุกๆ คนที่ช่วยหนูมากนะค่ะ” มิสกล่าวขอบคุณอีกครั้งแล้วหันไปมองชายผมม่วงชุดนินจา “พี่ผู้ชายคนนั่นสงบดีนะคะ”

 

และแล้วมิสกับทอมมี่ขึ้นรถแท็กซี่ของตัวเองขับออกจากตรงนั้นไป ปล่อยคำพูดที่สร้างความงุนงงแก่ทุกคนยกเว้นเจ้าตัว ถึงกระนั้นรัมเบิลที่ยังสงสัยในตัวพีไม่หายเดินเข้ามาเอานิ้วจิ้มที่หน้าอกหลายที พีตกใจถอยหลังเอามือกุมหน้าอก เรสเทียร์โดดเข้ามาขวางระหว่างกลางจ้องตาเขม็งใส่รัมเบิล

 

“คิดจะลวนลามพี่หญิงงั้นเหรอ!”

“เปล่า...เปล่าซะหน่อย แค่พิสูจน์”

“ฉันขอโทษแทนมันด้วยล่ะกัน” เฟียน่าเกาหัว “จริงสิ ฉันยังไม่ได้แนะนำให้รู้จัก นี่โซนิค รัมเบิล นัมเบอร์โฟว์ (Sonic Rumble No.4) หนึ่งในบรรดาผู้ใช้พลังจิตแห่งชินโคเซ็น นิสัยมันค่อนข้างต่ำช้าและก็...กาก”

“ขอโทษที่ผมต่ำช้าและกากนะ” รัมเบิลบ่น “อุตสาห์ถ่อมาถึง Area TH มาหาเธอเพราะเป็นห่วงแท้ๆ แล้วไงพูดแบบนี้ล่ะ?”

“ก็นิสัยแกมันเป็นแบบนั้นจริงๆ นี่หว่า” เฟียน่าพูด “และอีกคน...เพื่อนนายเหรอ?”

“อือ เพื่อนผมเอง ชื่อว่า...จะให้บอกหรือจะบอกเอง” รัมเบิลถามชายในชุดนินจาที่จ้องตาอยู่ แต่ก็ไม่พูดอะไร “โอเค เจ้าคนพูดน้อยนี่ชื่อเซย์จูโร่ เป็นนักฆ่ารับจ้างมารับงานแถวๆ นี้เลยพ่วงติดกับฉันมาด้วย”

“โอะโอ พอได้ยินชื่อนายอยู่นะ” เฟียน่าเอ่ย “เป็นคนดังในระดับหนึ่งที่ชินโคเซ็นเลยนิ แล้วมาฆ่าใครแถวๆ นี้?”

“ก็...เธอทั้งสองคน!”

 

ทันทีที่เซย์จูโร่ลั่นวาจาเปิดศึก ลำแสงสีแดงที่เป็นเส้นเตือนอันตรายซึ่งพีเป็นคนเดียวที่เห็น มันพุ่งมาที่ไหล่ซ้ายเขารีบเบี่ยงตัวหลบเข็มเล็กที่ถูกปามาโดยลืมใช้บลูเลตไทม์เพราะมันกระทันหันเกินไป

 

“อึก! อะไร...เนี่ย ขยับไม่ได้...เลย ชาทั้งตัว”

 

เฟียน่าล้มลงไปกับพื้นตามด้วยรัมเบิล

 

“...เหอะ...ว่าแล้วเชียว ทำไมแกถึงได้เกาะตามฉันมา อย่าให้...ลุกได้นะ...จะตืบแก”

“งานของข้า...ไม่มีแกอยู่ในลิสต์สบายใจได้...ไม่ฆ่าแกหรอก” เซย์จูโร่บอกรัมเบิล “ดูเหมือนสองคนนั้นจะหลบเข็มยาชาของข้าได้อยู่ น่าจะมีฝีมือ---”

 

เซย์จูโร่ชะงักเพราะเห็นเรสเทียร์ดึงเข็มที่ปักอยู่ต้นแขนออก

 

“นี่มันอะไรเนี่ย เอาอะไรมาทิ่มแขนเรสเทียร์ คันๆ ชะมัด”

“ชิ!”

 

เซย์จูโร่ปาเข็มพิษอีกสามดอกใส่ตัวเรสเทียร์ แต่เธอเรียกดาบคล้ายเข็มนาฬิกาออกมาปัดทิ้งได้หน้าตาเฉย พีควักปืนที่แนบเอวอยู่ขึ้นมา

 

“หยุดนะโว้ย! ทำไมแกทำแบบนี้?”

“มันคืองานของข้า!”

 

ในมือทั้งสองของนินจาปรากฎดาวกระจายนับสิบ ขว้างมาทางพีและเรสเทียร์ แน่นอนว่าเขาเห็นลำแสงแดนเจอร์ไลน์ห้าเส้นปักตามลำตัว พีใช้บลูเลตไทม์หลบและยิงปืนที่อัดแน่นไปด้วยพีทูลมของเขาใส่ศัตรูตรงหน้า ซึ่งเขาไม่ได้ชาร์จยิงเลย ลูกกระสุนลมขนาดเล็กลอยเข้าปะทะทำให้นินจาที่โดนถอยหลังผงะสองสามก้าวก่อนที่จะโยกตัวหลบลูกกระสุนลมที่เหลือได้หมด

 

“การเคลื่อนไหวของเจ้ามันไวเกินมนุษย์” เซย์จูโร่ว่า

“งั้นก็ยอมแพ้ซะสิ เพราะสู้ต่อไปยังไงนายก็แพ้!” พีขู่ไว้ก่อน

“เป็นอย่างงั้นแน่หรือ?”

 

นัยน์ตาสีม่วงของเซย์จูโร่มีแสงสะท้อนออกมา ก่อนที่พีและเรสเทียร์จะล้มหน้าคว่ำเพราะโดนดาวกระจายปาไปก่อนหน้านี่บินกลับมาเฉี่ยวหลังทั้งคู่

 

‘เฮ้ย! ทำไมมันถึงได้...’

 

พีเงยหน้าขึ้นดูก็พบกับคำตอบ ดาวกระจายทั้งสิบที่ถูกปาไปก่อนหน้านี้ลอยกลับมาสู่เจ้าของโดยที่อยู่กลางอากาศรอบตัวเซย์จูโร่

 

‘พีทูงั้นเหรอ?’

-‘น่าจะใช่ค่ะ พี่หญิง’- เรสเทียร์บอกผ่านจิต

 

“อย่าคิดแม้จะขยับ” เซย์จูโร่เดินเข้ามาหาพีและส่งเจ้าดาวกระจายลอยไปหาทุกคนโดยจี้ที่หลังคอไว้ “อยากรู้ว่าอะไรที่ทำให้นายมีพลังนั่น...ข้ามองตามไม่ทัน”

“ฉันก็...อยากจะรู้เหมือนกับแกนั่นแหละ”

“อ๋อ ไม่รู้...งั้นก็ตายซะ! อ๊าก!”

 

จู่ๆ มีประกายไฟฟ้าโผล่จากหลังต้นคอของเซย์จูโร่ก่อนที่จะสลบลงไป เหล่าดาวกระจายที่ลอยอยู่ก็ร่วงลงกับพื้นเช่นกัน ปรากฎให้เห็นซันเตหุ่นยนต์ลูกบอลที่ลอยอยู่กลางอากาศ มีแขนเล็กๆ ทั้งสองจับมีดสามแฉกของเฟียน่าไว้อยู่

 

“นายหญิงครับ! สำเร็จแล้ว!”

“เหอะๆ เซย์จูโร่มาเสียท่าง่ายๆ แบบนี้เนี่ยนะ” รัมเบิลที่นอนตัวชาว่าเช่นนั้น

“พี! มาช่วยเอาเข็มออกหน่อย! ฉันขยับไม่ได้!” เฟียน่าร้อง

 

และแล้วทั้งสองคนรีบช่วยเฟียน่ากับรัมเบิลที่อยู่ในสภาพชาทั้งตัวพาออกจากที่แห่งนั้นไป โดยมีชายหนุ่มผมสั้นฟ้าจับตามดูอยู่ห่างๆ เขาเอามือกดที่เครื่องสื่อสารข้างหู

 

“ดูท่าไม่ต้องช่วยแล้วแฮะ...ให้ตามคุ้มกันต่อไหมครับ ท่าน ผอ. แดเนียล”

“วันนี้สำหรับเจ้าพอแล้ว...แม็กซิม มีคนรับช่วงต่อแทนเจ้า...เลิกการติดต่อ” ปลายสายที่เสียงเข้มเล็กน้อยตัดจบ

“อ่า...เดี๋ยวก่อนครับ!” แม็กซิมรีบพูด “อยากจะบอกว่าตอนนี้มีงานองค์กรที่ผมแทรกซึมอยู่ระบุเป้าหมายเป็นพี...จะให้ผมทำยังไงครับ?”

“อย่างไง? ถึงกับเอาชีวิตไหม”

“ไม่ครับ แค่สืบหาและติดตาม” แม็กซิมหันไปมองคนที่เขาแอบติดตามอยู่ ซึ่งหายไปแล้ว

“งั้นก็ทำงานของเจ้าต่อไปได้ เดี๋ยวหัวหน้าของนายสงสัยขึ้นมาจะเดือดร้อนเอา”

“แต่ถ้าเรื่องของเขาหลุดให้แอคเซียมเอ็กซ์ (Axiom-X) รู้เข้าล่ะก็---”

“ยังไงไม่ช้าก็เร็วเรื่องนั้นต้องได้รู้กันไปทั่วอยู่แล้วและอาจจะดีซะอีก”

“ดี!?” แม็กซิมขมวดคิ้ว “อ๋อ นึกออกล่ะ ไอ้แผนบีบทางเลือกนั่น...”

“เอาล่ะ ขอให้นายโชคดีล่ะกัน ไว้มีคำสั่งใหม่จะติดต่อไป” ผอ. แดเนียลว่าเช่นนั่นก่อนที่จะทักทายอีกคน “ฝากสวัสดีเจเรซิสไลท์ด้วยล่ะ”

“อ่า...รู้ด้วยเหรอครับเนี่ย ฮ่า...หวัดดีครับ เลิกการติดต่อ”

 

แม็กซิมหัวเราเยาะๆ หญิงสาวที่ไว้ผมยาวสีแดงถึงเอว สวมแว่นตากันแดดสีดำและชุดหนังสีดำเช่นกันที่อยู่ข้างแม็กซิมมาตลอดเอ่ยถามด้วยความหงุดหงิด

 

“ผอ. มีแผนอะไรกับหมอนั่นกันแน่”

“เคยถามแล้ว ไม่ยอมบอก...นี่เธอไม่ชอบใจอยู่ใช่ไหม นัมเบอร์ทู (No.2)”

 

เจเรซิสไลท์ นัมเบอร์ทู (Genesis Light No.2) ถูกแม็กซิมเดาใจตรงจุด เธอเลิกคิวแล้วถอนหายใจ

 

“เฮ้อ แกน่าจะรู้ดีอยู่แล้วนิ ว่าทุกครั้งที่เห็นยัยนั่นฉันรู้สึกยังไง”

“คร๊าฟ ครับ...คงเป็นเพราะโชคชะตาเล่นตลกกับเธอแน่ๆ” แม็กซิมส่ายหัว “ถึงได้มาเจอเรื่องซ้ำซ้อนแบบนี้”

“โชคชะตา? ฉันไม่เชื่อเรื่องแบบนั้น”

“แค่พูดเปรยๆ ให้ดูดีนะ อย่าใส่ใจเลย” แม็กซิมว่า “แล้วงานแฝงตัวฝั่งเธอล่ะ”

“พวกมันรู้ตัวแล้ว...แต่แสร้งทำเป็นเฉย” เจเรซิสไลท์พูด “ฉันว่าจะลองดูท่าทีไปสักพัก ถ้ามันจะเล่นงานฉันเมื่อไร จะไล่ขยี้พวกมันเรียงตัวให้หมดทีเดียว”

 

ระหว่างที่เจเรซิสไลท์พูด มีกลุ่มก้อนลูกบอลสีทองสามลูกลอยอยู่เหนือผ่ามือเธอ แม็กซิมหรี่ตาลงแล้วถามเรื่องหนึ่ง

 

“พูดแบบนี้...ยังหาที่วิจัยแรคนาร็อคไม่เจอใช่ไหม?”

“ถ้าเจอฉันคงไม่ยืนคุยกับแกอยู่อีแบบนี้หรอก” เธอกำมือทำให้แสงลูกบอลทั้งสามหายไป “แต่ก็ใกล้แล้วล่ะ แค่รอโอกาส”

“เธอไม่เป็นห่วงเขาหรือ...พีนะ”

 

คำถามของแม็กซิมที่เหมือนจะรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเจเรซิสไลท์กับชายคนนั้น เธอหงายหน้ามองบนฟ้า

 

“ห่วงสิ...แต่มันมีบางอย่าง ทำให้คิดว่าเขาน่าจะเอาตัวรอดได้ ถ้าอยู่กับเจ้าผู้หญิงประหลาดนั่น”

“เรสเทียร์...ชื่อของผู้หญิงคนนั้น ยังไงก็นึกไม่ออกแฮะ ผมว่าเคยได้ยินที่ไหนหน่า...”

 

แม็กซิมพยายามนึกแต่ก็นึกไม่ออก ทางเจเรซิสไลท์ได้รับการติดต่อผ่านเครื่องสื่อสารเลยบอกลาแม็กซิม

 

“ขอตัวก่อนล่ะ...เจ้าลากัซมันเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว”

“ไปดีมาดีนะ” แม็กซิมโบกมือลา

“เออ...แม็กซิม ฉันขอเตือนนะ อย่าเผยเรื่องพลังจิตเด็กของนายเด็ดขาด” เจเรซิสไลท์ว่า “เพราะพีทูเห็นอนาคตของเด็กนั่นเป็นภัยต่อความมั่นคงของเวิลด์เจเรนัลอย่างมาก แม้แต่ ผอ. แดเนียลก็ตาม”

“รู้หน่ารู้หน่า...ฉันไม่ทำอย่างงั้นแน่”

 

พอเจเรซิสไลท์เดินลับสายตาออกไป ปล่อยให้แม็กซิมคิดหนักอยู่คนเดียว

 

‘ฉันไม่ทำอย่างงั้นแน่...เพราะยัยเฟทคือคนสำคัญของฉัน’

 

◊◊◊

 

จบไปอีกตอนแล้วนะจ๊ะ ^_^

เรื่องวุ่นๆ ที่ทำให้พีไม่ได้ตามเรื่องของเมงุมิได้จบลงซะที

แล้วเขาจะตามหาเบาะแสของเธอได้อย่างไร?

โปรดติดตามตอนต่อไปที่มีชื่อว่า เมื่อพลังจิตผงาด บทที่ 4 [Red]

ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะจ๊ะ ขอให้สนุกกันนะทุกคน

 By Spy442299 & Nattanan Srising

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา