P.P.Rising The Bullet Time อภินิหารพลังจิตเหนือโลก

8.1

เขียนโดย Spy442299

วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 10.54 น.

  46 chapter
  28 วิจารณ์
  49.44K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2557 17.28 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

10) วิกฤตการณ์กลางเมือง บทที่ 7 [สิ่งที่เปลี่ยนไป]

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
P.P. Rising: The Bullet Time
เดอะบูลเลตไทม์ อภินิหารพลังจิตเหนือโลก

Ch.7 วิกฤตการณ์กลางเมือง บทที่ 7 [สิ่งที่เปลี่ยนไป]

Rewrite V.3
 
◊◊◊
 
[11 ชั่วโมงต่อมา]
[9:31] [26/12/2057]
[Area TH-7 เขตกลาง, Blue Zone, ชั้นใต้ดินที่ไหนสักแห่ง]
 
‘เมงุมิ...’
 
นั่นคือสิ่งที่พีนึกได้พอลืมตาตื่นขึ้นมา ร่างกายของเขาไร้เรี่ยวแรงแทบขยับแขนขาไม่ได้ เขาคิดว่าตนเองน่าจะอยู่ที่โรงพยาบาล เพราะสภาพห้องนั้นเป็นสีขาวทั้งหมด กลิ่นอากาศโดยรอบรู้ทันที้เลยว่าถูกทำการฆ่าเชื้ออย่างดีและน้ำเกลืออยู่ที่แขนซ้ายด้วย
 
‘นี่ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย...’
 
พีพยายามลองนึกความจำว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้บ้าง
 
‘เรื่องที่สนามบิน...คงเป็นแค่ฝัน...ล่ะมั้ง’
 
พีคิดเสร็จแล้วสมเพศตัวเอง...
 
‘ปกติฉันชอบฝันอะไรเพี๊ยนๆ อยู่เรื่อยแฮะ ฝันเป็นเรื่องเป็นราวเอาไปเขียนนิยายสร้างหนังได้เลย...บางครั้งพอตื่นขึ้นมาแล้ว ก็ยังคิดว่าตัวเองยังอยู่ในฝัน ทำอะไรบ้าๆ บอๆ พูดเพ้อๆ จนรู้สึกตัว ก็อายกับสิ่งที่ตัวเองทำ...ว่าแต่ ทำไมฉันถึงอยู่ที่นี่ล่ะ?’
 
พีพยายามประคองตัวส่วนบนขึ้นมาได้แต่ช่วงล่างรู้สึกหนักมากๆ แรงแทบไม่มี เขาเอามือขยี้ตาตัวเองแล้วเริ่มมองสิ่งรอบตัว
 
‘น่าจะอยู่ห้องพักเดี่ยว ซ้ายก็ประตูห้องและห้องน้ำ มีโซฟา ข้างหน้ามีทีวีตู้เย็นขนาดเล็ก ขวามือก็เป็นผนังและโต๊ะข้างๆ มีกระจกอยู่...
กระจก...
งืม...กระจก...’
 
พีกำลังมองกระจกอันเล็กที่มีอยู่ในห้อง...
 
‘ใช่ กระจก...แต่คนในกระจกนี้มัน---’
 
คนที่ปรากฎอยู่บนกระจก ผมสีน้ำตาลยาวถึงคอใบหน้าที่ขาวอมชมพูอิ่ม นัยน์ตาข้างซ้ายสีน้ำตาลประกายใสแต่ข้างขวาเป็นสีแดง ดูยังไงก็เป็นผู้หญิงมอปลายที่น่ารักมากอยู่ในชุดเรียบๆ สีขาว
 
‘ก็คือ...ฉัน!? ใช่ๆๆ ก็ต้องเป็นฉันสิ...แต่เมื่อสองสามปีก่อน...เฮ้ย!’
 
พีสะดุ้งโหยงตกใจกับสภาพปัจจุบันตัวเอง ก่อนที่ลองขยี้ตาหลายๆ ทีเอียงคอซ้ายขวามองดูกระจกหลายรอบเช็คแล้วเช็คอีก
 
‘ไงฉันได้หน้าเดิมกลับมาล่ะ?
ฝันหรอ? ใช่ๆ ฝันแน่ๆ’
 
เจ้าตัวเริ่มสำรวจตัวเองเอามือจับผมจับหน้า ก่อนที่จะทำการพิสูจน์ไปมากกว่านี้ มีคนเดินออกจากห้องน้ำมาทักทาย
 
“ตื่นได้สักที”
“เรสเทียร์!?”
 
พีพูดชื่อตามคนที่เขาเห็น ก่อนที่เขาจะโบยไปอีกเรื่อง
 
“นี่ฉันยังฝันอยู่เหรอเนี่ย”
“นายละเมออะไรมิทราบ...” เรสเทียร์พูดแล้วเดินเข้ามาใกล้ “ลองเอามือขวาตบหน้าตัวเองสิ”
 
เมื่อพีได้ยินเรสเทียร์แล้ว ก็ว่าตามง่ายยกมือขวาขึ้นมาจะตบหน้าตัวเอง แต่กลับเห็นในสิ่งที่อยู่มือขวาที่มันต่างไปจากเดิม มือขวาของเขาไม่มีถุงมือสีดำสวมอยู่แล้ว แต่แผ่นกระจกตรงกลางฝ่ามือของเขามีกากบากสีแดงและเครื่องหมายบวกสีน้ำเงินล้อมรอบอยู่
 
“นี่มัน---“ พีพูด
“เป็นสัญลักษณ์ว่านายตกเป็นทาสของฉันโดยสมบูรณ์” เรสเทียร์พูดด้วยเสียงเรียบๆ เช่นเคย
“ทาส!?” พีตกใจ “เธอหมายความว่ายังไง? ไม่ใช่สิ...เธอเป็นใครกันแน่!? ทำเรื่องพวกนี้ได้ยังไง!? แล้วทำไมฉันกลายเป็นแบบนี้!?”
 
เมื่อเรสเทียร์ได้รับคำถามจากเขาแล้ว เธอหลับตาลงถอนหายใจก่อนที่จะถามย้อนกลับ
 
“นายจะเอาเรื่องไหนก่อน”
“อ่า...เธอเป็นใคร” พีเค้น
“ฉันบอกไปแล้ว ฉันชื่อเรสเทียร์“
“ไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้น...เธอมาจากไหน เป็นตัวอะไร---”
“...นายจะเชื่อฉันงั้นเหรอ?”
 
‘ยัยนี่...’
 
พีรู้สึกราวกับว่าตนเองถูกกดดันแทน
 
“เชื่อไม่เชื่อมันเรื่องของฉัน เธอพูดมาก่อน” พีว่า
“งั้นนายคงได้ยินเรื่องเกี่ยวกับองค์กรลับที่มีวิทยาการล้ำสมัยกว่าใครๆ ฉันมาจากที่นั่นแหละ”
“องค์กรอะไร?”
“ไม่รู้” เรสเทียร์พูดตัดจบรวดเดียว “ส่วนเป็นตัวอะไรนั่น ฉันก็ไม่รู้”
 
‘ไม่รู้!? ตัวเองเป็นตัวอะไร ก็ไม่รู้งั้นเหรอ?’
 
พีคิดแล้วจ้องหน้าเรสเทียร์เพื่อจะหาจุดจับผิดเธอให้ได้ แต่แล้วก็เห็นแต่ความเรียบเฉยของเธอ
 
‘เดาทางไม่ถูกเลยแฮะ’
 
“แล้วนายไม่อยากรู้ว่าตัวเองกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง?” เรสเทียร์ถาม
“เฮ้ย! นั่นสิ! ทำไมฉันกลายเป็นอีแบบนี้ได้เนี่ย?”
“สตินายไหวหรือเปล่า? ช่างเหอะ ก่อนอื่น...ขอถามอะไรนายก่อน” ตาของเรสเทียร์เหมือนมีตัวอักษรวิ่งไปมา “เมื่อก่อนใบหน้าของนายเป็นแบบนี้หรือ?”
“...ใช่”
“เป็นผู้ชายหรือผู้หญิง”
“ผู้ชาย”
“โกหก” เรสเทียร์พูด “นายเป็นผู้หญิงมาก่อนแล้วค่อยแปลงเพศใช่ไหม!”
“จะบ้าหรือไง! ฉันเป็นผู้ชาย แค่ฮอนโมนผู้หญิงเยอะไปหน่อย...แล้วมีหน้าตาไว้ผมแบบนี้มันผิดตรงไหน”
“วิปริตผิดเพศ!” เรสเทียร์เริ่มแสดงออกตามที่ว่า
“นี่มันยุคสมัยไหนกันแล้ว ไม่มีใครคิดมากเรื่องแบบนั้นหรอก”
“ยุคสมัย?” เรสเทียร์พูดทวนก่อนที่จะถาม “เดี๋ยว...นี่มันปีอะไร?”
“ปี? ก็ ค.ศ. 2057”
“ว่าไงนะ! สองพันห้าสิบเจ็ด?” สีหน้าตกใจของเรสเทียร์ ชวนเขาตะลึงไปด้วย “นี่ฉันหลับไปร้อยปีเลยหรือนี่!?”
“หา!?” พีรู้สึกว่าได้ยินประโยคก่อนหน้านี้ไม่ชัด
“นายพอมีอะไรที่เชื่อมต่อกับโลกภายนอกได้ไหม?”
 
เรสเทียร์ถามด้วยความร้อนรนแล้วพีก็ใช้มือคลำที่กระเป๋ากางเกงแต่ไม่เจอมือถือของเขาเอง เจ้าตัวมองไปรอบๆ จนพบว่ามันอยู่โต๊ะขวามือขวาเขาเอง
 
“ก็...มือถือนั่นไง?”
“มือถือ?”
 
เรสเทียร์ทำหน้าสับสนแต่ก็เดินอ้อมเตียงไปหามือถือของเขาเอง ก่อนที่จะหยิบขึ้นมาและใช้ตาจ้องใกล้ๆ มือถือของเขา บนตาเธอมีตัวอักษรขึ้นอีกรอบเหมือนเธอกำลังอ่านข้อมูลจากเครื่องเขายังไงอย่างงั้น
 
“นั่นเธอจะทำอะไร?” พีถาม
“ปรับปรุงข้อมูล” เรสเทียร์เริ่มพูดสำเนียงเหมือนหุ่นยนต์ “...เริ่มกระบวนการปรับเปลี่ยน”
 
‘นี่...ฉันมาเจอเรื่องบ้าๆ อะไรเนี่ย’
 
พีสับสนเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ส่วนเรสเทียร์เธอยืนนิ่งไปสักพักหนึ่งก่อนที่จะค่อยๆ หันหน้ามาทางเขา...เห็นสีหน้าเธอที่เปลี่ยนไปราวเป็นคนล่ะคน ก่อนที่จะถูกเธอกระโดดเข้ากอดจู่โจมอย่างรวดเร็ว
 
“พี่ชาย!”
“ดะดะดะเดี๋ยว! นี่เธอจะทำอะไร”
“ก็กอดพี่ชายสุดที่รักยังไงละค่ะ” เรสเทียร์พูดด้วยเสียงออดอ้อนที่ต่างจากเดิมมาก
“เป็นอะไรของเธอเนี่ย! ตะกี้ยังทำเมินพูดเย็นชาอยู่นะ แล้วไง---“
 
พีที่กำลังพูดรัวๆ ใส่เธอ เรสเทียร์ก็เอานิ้วชี้ข้างขวามาประทับบนฝีปากเขาก่อนที่จะอธิบาย
 
“พี่ชายคงจะรู้สึกสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้นสินะ” ท่าทางเขินอายของเรสเทียร์ที่แปลกประหลาด ทำให้พีแปลกใจขึ้นไปทุกที “เมื่อกี้เรสเทียร์เพิ่งจะอัพเดทลักษณะนิสัยท่าทางพูดของคนปัจจุบันเข้าไปในระบบค่ะ ก่อนหน้านี้ที่ทำเย็นชาต้องขออภัยด้วยนะคะ”
“เอ่อ...ตกลงนี่เธอ...เป็นตัวอะไรกันแน่เนี่ย?” พีเริ่มลำดับเรื่องไม่ถูก
“อ๋อ เรื่องนั่น...” เรสเทียร์มีน้ำเสียงที่เศร้าลง “ไม่รู้หรอกค่ะ...ถูกลบความทรงจำไป...”
 
‘ลบความทรงจำ?’
 
พอได้ยินแล้ว พีกลับรู้สึกว่าตนเองก็ผ่านเรื่องคล้ายๆ แบบนี้มา
 
‘เรื่องของฉันมัน...ความทรงจำเสื่อม...เดี๋ยวๆ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาคิดเรื่องนั้น’
 
“ถ้าให้เรสเทียร์เดาว่าตัวเรสเทียร์เป็นอะไร” เรสเทียร์ยังคงอธิบายต่อ “ถ้าอ้างอิงจากข้อมูลทั่วโลกที่เข้าถึงได้ที่เพิ่งดาวน์โหลดผ่านมือถือของพี่ชายแล้ว...น่าจะเป็นมนุษย์ที่ถูกดัดแปลงค่ะ”
 
‘มนุษย์ดัดแปลง? คงใกล้เคียงล่ะมั้ง ตอนแรกนึกว่าเป็นพวกแม่มดอะไรซะอีก’
 
พีคิดแบบนั้นเพราะก่อนหน้านี้เรสเทียร์ใช้คำพูดที่แลดูเป็นคนโบราณ แล้วเรสเทียร์จะโชว์อะไรบางอย่างที่ทำให้เขาแปลกใจไปมากกว่าเดิมอีก
 
“งืม...มีอย่างหนึ่งค่ะที่เรสเทียร์ทำได้”
 
เรสเทียร์พูดเสร็จ ร่างกายเธอกลายเป็นสีฟ้าเหมือนกับตอนที่เธอปรากฎตัวครั้งแรกอีกครั้ง ก่อนที่จะค่อยๆ ลดขนาดลงจนเท่ากับขนาดลูกบอลและแล้วลูกกลมสีฟ้าที่อยู่ล้อมรอบก็สละทิ้งหายไป ปรากฎนางฟ้าน้อยให้เห็น เรสเทียร์ที่อยู่ในร่างจิ๋ว ลอยได้ บินวนไปวนมาอยู่ในห้องแล้วเธอก็หัวเราะชอบใจ
 
‘โห้ย โห้ย โห้ย...นี่ฉันกำลังดูอะไรอยู่เนี่ย...
ก็เข้าใจอยู่นะว่า สมัยนี้เทคโนโลยีไปไกลมากๆ แล้ว ถึงที่ๆ ฉันอยู่คือ Area TH ที่ถูกอันดับวิวัฒนาการเทคโนโลยี (Tech) อยู่ระดับสามหรือที่โหล่ก็เหอะ แต่สิ่งที่เรสเทียร์ทำนี่มัน...ปาฏิหาริย์ชัดๆ
หรือพวก Area ที่มี Tech ระดับหนึ่งมีของพวกนี้แล้วเหรอ?
ฉันตกข่าวอะไรไปหรือเปล่าเนี่ย?’
 
พีสรุปเรื่องราวทั้งหมดอย่างเสร็จสรรพก่อนที่จะปลอบใจตัวเอง
 
‘โอเค ฉันไม่ได้เพี๊ยนเห็นภาพหลอนไปเองสินะ...งั้นตรงหน้าฉัน ก็แค่สิ่งมหัศจรรย์ที่เรียก “เทคโนโลยีล้ำสมัย” ล่ะมั้ง’
 
พีถอนหายใจก่อนที่จะดูเรสเทียร์ร่างนางฟ้าน้อยที่บินลอยไปลอยมาหัวเราะอย่างสนุกสนานแล้วเขาก็เผลอยิ้มออกมา
 
‘อย่างน้อยเธอก็ช่วยชีวิตฉันและก็คนอื่นๆ ล่ะนะ...เฮ้อ’
 
เขาพลิกดูฝ่ามือขวาตัวเองที่มีแผ่นกระจก ก่อนที่จะตั้งคำถามขึ้นมา
 
“เรสเทียร์...ในมือขวาฉัน มันคืออะไรกันแน่?”
 
เรสเทียร์ที่บินไปบินมาอยู่ พอได้ยินคำถามแล้วก็บินเข้ามาใกล้ๆ แผ่นกระจกบนฝ่ามือ
 
“เรสเทียร์ก็ไม่ค่อยแน่ใจนักค่ะ ว่ามันคืออะไร” เรสเทียร์พูด “จะเรียกว่าบ้านของเรสเทียร์เองก็ได้ หรือจะเป็นประตูช่องว่างมิติดี? แต่ที่แน่ๆ ก็คือ มันเสริมพลังให้ท่านพีค่ะ”
“แล้วที่เธอพูดก่อนหน้านี่ล่ะ? บาเรียอาคาเดียในจิตใจฉัน พิธีกรรมอะไรนั่นอีก”
“อ๋อ...นั่นเหรอคะ...” เรสเทียร์มีสีหน้าลังเลขึ้นมา “เรสเทียร์ขอไม่บอกดีกว่าค่ะ เพราะเรสเทียร์ยังไม่แน่ใจว่ามันคืออะไรกันแน่ ถึงพูดไปมีแต่จะทำให้ท่านพี่สับสนซะเปล่าๆ”
 
‘อ้าว...สรุปคือ...เป็นปริศนาต่อไป?’
 
พีคิดตามที่เรสเทียร์เล่าก่อนที่จะเพิ่งคิดเรื่องหนึ่งออก ทั้งๆ ที่ควรจะนึกถึงตั้งนานแล้ว
 
“แล้วร่างกายฉันล่ะ!” พีถาม
“ร่างกายของพี่ชาย...” เรสเทียร์พูด “มันเป็นผลของการใช้พลังค่ะ...คือมันเป็นแบบนี้นะค่ะพี่ชาย ตอนที่ส่งระเบิดขึ้นสู่ท้องฟ้า อยู่ดีๆ พลังที่ใช้ส่งขึ้นไปมันโอเวอร์ฮีล (Overheat) ขึ้นมาเลยทำให้หผิวหนังของพี่ชายลอกออกทั้งตัว...เรสเทียร์ก็เลยต้องใช้พลังพิเศษอย่างหนึ่งขึ้นมาคือเปลี่ยนสภาพร่างกายของเป้าหมายให้กลับสู่สภาวะเดิม...แต่เผลอใส่พลังเต็มทีไปหน่อย เลยทำให้ร่างกายภายนอกของพี่ชายย้อนกลับไปประมาณสองสามปีค่ะ”
 
เรสเทียร์พูดเสร็จ ใช้นิ้วชี้สองข้างชนกันหัวเราะแฮ่ะๆ ไปด้วย
 
‘งั้นแปลว่าร่างกายฉันถูกทำให้หดเล็กลง จากอายุสิบเก้าปีเหลือแค่สิบหกไม่ก็สิบเจ็ดปีแล้วช่วงอายุตอนนั้น หน้าฉันยังไม่โดนน้ำกรด...
หึ...งั้นก็ดีสิ แต่ยังมีอีกเรื่อง คนที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้ผู้หญิงที่ใส่ผ้าคลุมดำๆ นั่น...จะถามตรงๆ กลัวจะแหวกหญ้าให้งูตื่น งั้นเงียบไว้ก่อนล่ะกัน’
 
พีคิดเสร็จยิ้มที่มุมปาก ส่วนเรสเทียร์เองก็บินถอยไปข้างหลังหน่อยแล้วพูดบางอย่าง
 
“งั้นเดี๋ยวเรสเทียร์จะชดใช้พี่ชายด้วยการมีความสุขด้วยกันนะค่ะ”
 
เรสเทียร์พูดเสร็จ เธอก็กลายร่างเป็นร่างมนุษย์เหมือนเดิม แต่ต่างจากเดิมที่ว่า เรสเทียร์ไม่ใส่เสื้อผ้าอะไรเลยและคร่อมตัวพีอยู่
 
“เรสเทียร์! นี่เธอจะทำบ้าอะไร!?”
“ก็ทำให้พี่ชายมีความสุขยังไงละค่ะ”
“ความสุขอะไร?”
“ก็แบบนี้ไงค่ะ!”
 
เรสเทียรที่คร่อมตัวเขาไว้ทิ้งตัวลงมาบนหน้าอกพีและเธอก็นอนกอดบนหน้าอกเขาอยู่สักพัก
 
“อ่า...นี่เธอทำอะไร!?”
“ก็ให้ความอบอุ่นแค่พี่ชายไงค่ะ”
“แล้วทำไมต้องแก้ผ้าด้วยเนี่ย?”
“ก็ในเน็ตบอกว่า ถ้าไม่ใส่อะไรเลยจะให้ความอบอุ่นพี่ชายได้ดีกว่าไงค่ะ”
 
‘อบอุ่น? ไปเอาข้อมูลในเน็ตจากเว็บไหนมาเนี่ย!?’
 
พีอยากจะผลักตัวเรสเทียร์ออกแต่ก็ทำไม่ได้เพราะเรี่ยวแรงเขาแทบไม่มีและแล้วเรสเทียร์ก็ทำในสิ่งที่คาดไม่ถึง เธอใช้หัวและหน้าเธอไซร้ที่เอวเขาทำให้พีรู้สึกจั๊กจี้
 
"ยะ...ยะอย่านะ! พะ พอได้แล้ว! ฉันไม่...ไหวนะ!...ไม่ชอบนะ ฮ่าๆๆ”
"ถึงพี่ชายจะไม่ชอบก็ห้ามเรสเทียร์ไม่ได้หรอกค่ะ เพราะสัญญาว่ายกตัวพี่ให้เรสเทียร์แล้วนี่ค่ะ ต่อไปนี้จะเรียกพี่ชายว่าพี่ชาย ยิ่งตอนใช้แร็คนาร็อคพี่ชายเท่มากเลยค่ะ! แถมพี่ชายก็น่ารักน่ากอดขนาดนี้ อ๊าย! เรสเทียร์ช๊อบชอบ...อ๊ายยยยยย!"
 
ไม่รู้ว่าเขาไปทำอะไรให้เรสเทียร์ถูกใจถึงได้ร่ายบทที่ฟังแล้วได้กลิ่นแปลกๆ ด้วยและยังเข้ามาไซ้ที่เอวเขาต่อแถมถกเสื้อขึ้นไซ้เข้าที่เอวตรงๆ เขาบ้าจี้จนไม่เป็นตาจะทำอะไรแล้ว
 
"ระเรสเทียร์! ฉันบ้าจี้อยู่นะ...พะ...พะพอได้แล้ว...มะไม่งั้นฉันจะ...ฮ่าๆๆ ฮ่ะๆ ฮ่าๆๆๆๆๆ"
 
พีขำลั่นห้องไปซะแล้ว
 
ตึ๊ก!
 
เสียงเปิดประตูหน้าห้องทั้งพีและเรสเทียร์หันไปมองที่ทางประตูที่ถูกเปิดไว้อยู่ เห็นเฟียน่าที่ยืนทำสีหน้าตกใจ ในมือถือถุงแอปเปิ้ลอยู่...ก่อนที่จะเห็นร่างกายเธอสั่นเจ้าเข้าเหมือนกำลังโกรธอยู่
 
‘แย่ล่ะ มาเห็นในสภาพแบบนี้’
 
"ดะเดี๋ยว...เฟียน่า! ฉันอธิบายได้นะ"
“อธิบายงั้นเหรอ นี่นายกลายเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร...อ๋อ ลืมไปนายเป็นผู้ชายนี่หน่า...”
 
เฟียน่าพูดเสียงกัดฟันก่อนที่จะหยิบมีดสามแฉกที่มีประกายไฟฟ้าของเธอขึ้นมา ก่อนที่จะลั่นวาจาสั่งเสีย
 
“ไอ้หื่นกาม! ตายซะเถอะ!”
 
◊◊◊
 
[สิบนาทีต่อมา]
 
“เข้าใจล่ะ...”
 
เฟียน่านั่งปอกแอปเปิ้ลอยู่บนเก้าอี้ใกล้ๆ พยักหน้าตอบรับกับคำอธิบายเรื่องที่ทำกันบนเตียงก่อนหน้านี้จากปากเรสเทียร์ที่เพิ่งเข้าห้องน้ำ
 
‘แต่ที่ฉันสงสัยคือ ทำไมเธอจะเชื่อเรสเทียร์ไวขนาดนี้
เกิดอะไรขึ้นกับสองคนนี้หรือป่าวเนี่ย?’
 
ระหว่างที่พีคิดเผลอมองหน้าเฟียน่ามากไปหน่อยเลยโดนทัก
 
“อย่ามองจ้องหน้าฉันนานจะได้ไหม...ยังไม่ชินกับหน้าหวานๆ ของนาย”
“อ่ะๆ ขอโทษ คิดอะไรเพลินๆ ไปหน่อย”
“หือ? เรื่องอะไรล่ะ”
“ก็...” พีพูดแล้วถอนหายใจ “แค่คิดถึงเรื่องเมื่อวาน”
“...อ๋อ เรื่องนั้น นายก็ทำได้ดีแล้ว ช่วยคน Area TH ที่เจ็ดไว้ตั้งเยอะ”
“ไม่ใช่เรื่องนั้น หมายถึงเรื่องแปลกๆ ทั้งตัวฉันและรอบตัว...เธอไม่แปลกใจบ้างหรือไง?”
“...แปลกใจสิ” เฟียน่าปอกแอปเปิ้ลเสร็จพอดี “แต่ตอนที่นายสลบอยู่ ผู้หญิงคนนั้นทำอะไรต่อมิอะไรหลายๆ อย่างให้เห็นแล้วถึงเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยน่าเชื่อสักนิดก็เถอะ”
 
พูดเสร็จเธอส่งสายตาไปทางห้องน้ำที่เรสเทียร์อยู่ในนั้น
 
“อ๋อ...นั่นสิ ลืมไปซะสนิทฉันเองก็ไม่อยากจะเชื่อตัวเองเหมือนกัน” พีว่าอย่างนั้น
“อีกอย่าง ที่จริง...ฉันมาเพราะ...อยากขอบคุณนายด้วย” เฟียน่าพูดหลบสายตา “นายช่วยฉันไว้ตั้งหลายครั้ง ถ้านายอยากได้อะไรก็บอกมาได้”
“อ่า...ไม่เป็นไรหรอก”
 
พีบอกด้วยความรู้สึกนั้นจริงๆ เฟียน่าหยิบแอปเปิ้ลหนึ่งชิ้นขึ้นมา
 
“เดี๋ยวฉันป้อนให้”
“เอ่อ...คือฉันกินเองได้”
“อ้าปาก...”
“กินเองได้น้า”
“เฮ้อ” เฟียน่าถอนหายใจ “นายนี่มัน...ดื้อรั้งไม่เคยเปลี่ยน ให้ฉันได้ทำอะไรเพื่อนายบ้างเหอะ...นะ อยากให้ฉันรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตหรือไง?”
“ไม่ใช่อย่างงั้น ถ้าเธอจะ---”
 
ยังพูดไม่ทันจบ โดนจับยัดแอปเปิ้ลเข้าปากเรียบร้อย
 
‘อร่อยแฮะ’
 
“อร่อยใช่ไหมละ?”
 
เฟียน่าถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้มที่พีไม่เคยเห็นมาก่อน
 
‘เหมือนเมื่อก่อนเลยแฮะ...มีเรื่องคล้ายๆ แบบนี้เกิดขึ้นตั้งสองปีที่แล้วนี่หน่า’
 
ว่าแล้วพีก็พยักหน้าตอบตกลงไป
 
“อือ!”
“...มองหน้านายนานๆ ไม่ไหว ไม่ไหว” เฟียน่าพูดส่ายหัว “นึกว่าผู้หญิงด้วยกันอยู่เรื่อย”
“เฟียน่า...ขออีก”
“...ไหนว่าจะทานเอง?”
“ป้อนหน่อยน้าาาาาาาาา”
 
‘เปรี้ยงๆ’
 
เสียงประกายไฟฟ้าที่อยู่ใกล้ๆ เฟียน่าเอามีดสามแฉกมาจี้ต้นคอ
 
“แค่ป้อนให้ครั้งเดียว อย่าทำเป็นได้ใจ...อีกอย่าง พีคนที่ฉันรู้จักสองปีก่อนหายไปไหนแล้วซะล่ะ ฉันเห็นแต่ผู้ชายโง่ๆ คนหนึ่ง”
 
‘พกของอันตรายตลอดเวลาเลยหรือไงเนี่ย!’
 
แล้วเฟียน่าก็ชักมีดนั้นออกไป เอาจานที่ใส่แอปเปิ้ลวางไว้บนหน้าตักและเดินไปนั่งบนโซฟา พีอธิบายเรื่องที่เธอเพิ่งถามเมื่อครู่
 
“มันตั้งสองปีแล้วนะ ฉันก็...เปลี่ยนบ้างสิ” พีพูด
“นี่นาย...ฝืนตัวเองใช่ไหม” เฟียน่าหรี่ตาลง
“เปล่า ที่ฝืนนะคือสองปีก่อนต่างหาก”
 
พีว่าตามความจริง ทำให้เฟียน่านึกเรื่องเก่าบางเรื่องขึ้นมาแล้วยอมรับมัน
 
“นั่นสิ ตอนนั้นนายเคยบอกฉันอยู่”
“แล้วน้องชายกับลุงเธอเป็นไงบ้าง?” พีเปลี่ยนเรื่องทันที
“โซตะไม่เป็นอะไรหรอก” เฟียน่าพูด “แต่ด็อกเตอร์ซิสกระดูกขาขวาร้าวนิดหน่อย”
“หือ? ทำไม---”
“ก็หลังจากที่นายสลบไป...พวกไอริสมันแห่กันมา พวกเราหนีกันฉุกละหุกมากได้แผลกันเกือบทุกคน”
 
‘ใช่จริงๆ ด้วยมีเรื่องหลังจากที่สลบไป งั้นแสดงว่าต้องแบกฉันที่สลบมาด้วย...หาเรื่องให้คนลำบากไปทั่วอีกแล้ว เรา’
 
พีก้มหน้าลงหยิบแอปเปิ้ลมากินต่อ
 
“ฉันนี่มันตัวซวยจริงๆ แฮะ ชอบพาคนอื่นเดือดร้อนอยู่เรื่อย วันหลังฉันคงต้องหนีไปไกลๆ อยู่ตัวคนเดียวแล้วล่ะมั้งเนี่ย”
“คิดแบบนั้นมันเห็นแก่ตัวไปมั้ง พวกฉันลงเรือลำเดียวกับนายแล้วนะ”
“หือ? ยังไง”
“...จริงสิ นายยังไม่รู้เลยนี่...พี...ยังพอจำกล้องตัวที่พวกไอริสตั้งถ่ายได้ไหม?”
“อ๋อ...จำได้สิ”
 
‘จำได้แน่นอนอยู่แล้ว ก็ไอ้คุณชายนาธานมันเอามาถ่ายทอดสดเจรจาตัวประกันนี่หน๊า...
กล้องถ่ายทอดสด...’
 
พีเริ่มรู้สึกแปลกๆ ก่อนที่พยายามนึกความทรงจำย้อนหลังไปว่าเห็นกล้องนั้นเมื่อไหร่บ้าง...พอนึกออกเขาก็ทำตาโตมากที่สุดเท่าที่ทำได้แล้ว
 
‘เห็นครั้งสุดท้ายตอนที่อยู่ใกล้ๆ กับนาธานก่อนที่จะโดนฝูงมิสไซล์ งั้นก่อนหน้านี้...
ทุกคนทั้งโลกเห็นสิ่งที่ฉันทำทั้งหมด...ผ่านกล้องนั้น’
 
“แล้ว...”
 
พีพูดไม่ออก...เพราะไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้บ้าง
 
“ไม่ต้องกลัวไปหรอก” เฟียน่าพูดอย่างสบายใจ “ถึงทุกคนจะเห็นสิ่งที่นายทำ แต่ก็ไม่ได้เห็นตอนที่นายกลายเป็นแบบนี้”
“แล้วเธอล่ะ? มันก็เห็นตอนที่ทำเหมือนกันนิ”
“ฉันไม่ค่อยแคร์เรื่องนั้น นัมเบอร์เซเว่น (No.7) อย่างฉันใช้ชีวิตอยู่แค่สถาบันวิจัยอย่างเดียวอยู่แล้ว อีกอย่างเรื่องพลังจิตของฉันก็เป็นที่รับรู้ในระดับหนึ่งของพวกนักวิจัยและคนทั่วไปด้วย เลยได้รับการคุ้มครอง แต่นายน่ะ...ทำเรื่องแบบนั่นลงไปจนถูกตั้งนัมเบอร์เท็น (No.10) ไปแล้ว...มีหลายองค์กรใหญ่ๆ ที่ต้องการใช้ประโยชน์จากตัวนาย”
 
‘นัมเบอร์เท็น (No.10) ที่การจัดอันดับการค้นพบคนที่มีพลังจิตนั่นเหรอ เดี๋ยวก่อน งั้นแปลว่า ทางไฮเทคอัพเปอร์ก็คง...’
 
พีคิดแล้วว่าไปตามตรง
 
“งั้นไฮเทคอัพเปอร์คงส่งเธอมาคุมตัวฉันสินะ”
“ว่าแล้ว นายต้องคิดแบบนี้” เรสเทียร์ถอนหายใจ “ฉันไม่ใช่หมารับใช้เจ้าพวกนั้น อีกอย่าง ตอนนี้นายสบายใจได้”
“สบายใจ? หมายความว่ายังไง?”
“ก็ตอนนี้ข้างบนมีสงครามสู้รบกันอยู่”
“ข้างบน? สงคราม?”
 
พีพูดทวน เฟียน่าเห็นว่าเขาทำหน้าไม่รู้เรื่อง เธอจึงเริ่มอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในระหว่างที่เจ้าตัวหลับอยู่
 
“จริงสิ...ยังไม่ได้บอกเลย ตอนนี้นายอยู่ที่สถาบันวิจัยลับเก่าของด็อกเตอร์ซิสที่ชั้นใต้ดิน...ส่วนข้างบน เห็นล่าสุดว่าพวกไอริสที่ยึดสนามบินไว้โดนเอ็มแอลเอกับเวิร์ลเจเนรัลถล่มจนล่าถอยลงใต้กันแล้ว แต่ก็ยังอยู่ใน Area TH ที่เจ็ด...แม้แต่ตอนนี้ใกล้ๆ บนหัว ก็ยังมีพวกไอริสหลงเหลือยิงกันอยู่เลย”
“ไอริส? ไม่ใช่ว่าโดนถล่มเละที่สนามบินแล้วไม่ใช่เหรอ?” พีถาม
“...พวกนั้นไม่ได้มีแค่นั้นนะ พี...มันขนมาเป็นกองทัพและก็ไม่ใช่แค่ว่าจะมาชิงตัวด็อกเตอร์ซิสด้วย แต่พวกนั้นยังเล็งแร่คริสตัลชายน์ที่กำลังถูกขนย้ายในสนามบินและโรงงานใกล้ๆ นี่อีก”
 
เมื่อเฟียน่าอธิบายจบ พีก็เริ่มคิด
 
‘แร่คริสตัลชายน์...แร่ชนิดใหม่ที่เพิ่งถูกค้นพบงั้นเหรอ...พอได้ยินมาอยู่ว่า เป็นแร่ที่สะสมพลังงานจำนวนมากไว้ ถ้าพวกไอริสจะมาชิงไปก็ไม่น่าจะใช่เรื่องแปลกอะไร...
แต่ขนทั้งกองทัพบุกเมืองนี่ ไม่ใช่เรื่องธรรมดาเลยนะ’
 
พีคิดเสร็จก็กุมศีรษะเพราะเริ่มปวดหัวขึ้นมาแล้วเรสเทียร์ที่ใส่เสื้อผ้าแล้วเรียบร้อยเพิ่งออกมาจากห้องน้ำมาก็เข้ามาเสริม
 
“พี่หญิงไม่ต้องเป็นห่วงนะ ที่พวกนั้นเห็นเป็นพี่หญิงคนเก่า ไม่ใช่พี่หญิงคนใหม่...ไม่มีทางรู้หรอกค่ะ...อีกอย่างเรื่องนี้คงเป็นเรื่องเล็กเท่ามดไปเลย ถ้าทุกคนเริ่มรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลง”
“เปลี่ยนแปลง?” พีทวน
“ก็โลกใบนี้กำลังกลับสู่ความเป็นจริงที่ควรจะเป็นยังไงละคะ” เรสเทียร์ว่าเช่นนั้น
 
◊◊◊
 
คุยกับคนแต่งก่อนนะ
จบไปซะแล้วอีกตอนนะจ๊ะ
เรสเทียร์เป็นใคร ตัวอะไรกันแน่? สร้างความสับสนในพีอย่างมาก
สงครามกลางเมืองจากน้ำมือพวกไอริสจะจบลงเช่นไร?
แล้วเรสเทียร์พูดถึงว่าโลกกำลังเปลี่ยนไปมันคืออะไรกันแน่?
โปรดติดตามตอนต่อไปที่มีชื่อว่า วิกฤตการณ์กลางเมือง บทที่ 8 [P.P.]
By Spy442299 & Nattanan Srising

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา