P.P.Rising The Bullet Time อภินิหารพลังจิตเหนือโลก
เขียนโดย Spy442299
วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 10.54 น.
แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2557 17.28 น. โดย เจ้าของนิยาย
11) วิกฤตการณ์กลางเมือง บทที่ 8 [P.P.]
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความP.P. Rising: The Bullet Time
เดอะบูลเลตไทม์ อภินิหารพลังจิตเหนือโลก
- Ch.8 วิกฤตการณ์กลางเมือง บทที่ 8 [P.P.]
Rewrite V.3
◊◊◊
[วันต่อมา]
[12:01][27/12/2057]
[Area TH-7 เขตกลาง, Blue Zone, รถแท็กซี่บนถนนมุ่งตรงไปยังสาขาย่อย ‘ไฮเทคอัพเปอร์’]
‘เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดอย่างกับฝันไปเลยแฮ่ะ’
พีบ่นอยู่ในใจ เขาอยู่บนรถแท็กซี่ของทอมมี่นั่งอยู่เบาะหลังที่ขับตามขบวนรถไฮเทคอัพเปอร์ทั้งห้าคันที่มารับเฟียน่าและทีมวิจัยของด็อกเตอร์ซิส โดยรถของทอมมี่ขับตามขบวนรถที่จัดอยู่ในลักษณะเครื่องหมายบวก รถเก๋งคันดำล้อมรอบรถบรรทุกสีขาวขนาดเล็กที่มีทีมนักวิจัยอยู่ในนั้น ซึ่งเขาได้รับการร้องขอจากเฟียน่าว่าจะใช้คนของไฮเทคอัพเปอร์ที่มาคุ้มครองเธอมาคุ้มกันให้เขาด้วยโดยอ้างว่าพีเป็นหนึ่งในลูกน้องใหม่ของด็อกเตอร์ซิส แล้วเขาก็นึกถึงคำพูดของเฟียที่เดินเข้ามากระซิบข้างหูเขาก่อนที่เธอจะขึ้นรถที่คนของไฮเทคอัพเปอร์มารับตามด็อกเตอร์ซิสไป
“หลังที่ฉันแน่ใจแล้วว่านายปลอดภัย ถ้าเป็นไปได้ ถอยห่างซะ...อย่าพยายามข้องเกี่ยวกับไฮเทคอัพเปอร์เด็ดขาด”
คำเตือนนั่นทำให้เขาหยิบนามบัตรบริษัทไฮเทคอัพเปอร์จำกัดที่ด็อกเตอร์ซิสให้ไว้ออกมาดู เป็นนามบัตรที่มีภาพเคลื่อนไหวลูกศรไปมาก่อนที่จะปรากฎโลโก้และชื่อบริษัท
‘บริษัทนี้เหรอที่น่ากลัว...บริษัทที่เมงุมิทำงานอยู่’
แล้วพีก็เก็บนามบัตรเข้ากระเป๋าสตางค์ที่เดิมแล้วมองดูเรสเทียร์ที่หลับอยู่ในกระเป๋าเสื้อเขาเองแน่นอนว่าเธออยู่ในร่างนางฟ้าน้อยแล้วถึงเข้าไปอยู่ในกระเป๋าเสื้อได้ เขามองแล้วนึกถึงเรื่องของเธอขึ้นมา
‘นิสัยแตกต่างจากก่อนหน้านี่เลยแฮะ จากคนโหดเงียบๆ กลายเป็นติ๊งต๊อง...เธอเป็นตัวอะไรกันแน่’
พีจ้องเรสเทียร์ที่หลับอยู่สักพักก่อนที่จะหันไปดูสภาพเมืองนอกรถ บางที่มีความเสียหายจากการสู้รบของพวกไอริสให้เห็นอยู่บ้าง มีรถของเอ็มแอลเอประเภทต่างๆ เช่นรถมอเตอร์ไซต์ รถสี่ล้อ รถบรรทุก ที่วิ่งสวนไปมา อีกทั้งมีรถพยาบาลขนคนเจ็บจำนวนมากและเฮลิคอปเตอร์กับเครื่องบินเจ็ทขึ้นลงแนวดิ่งได้ของเวิร์ดเจเรนัลที่กำลังบินกลับฐาน ณ Area SG (ทางตอนใต้ของ Area TH) แสดงให้ถึงความวุ่นวายอลหม่านหลังสงครามกลางเมืองจบลง...
เมื่อเช้ามีแถลงการร่วมของเวิลด์เจเรนัลและเอ็มแอลเอว่าสามารถขับไล่กองกำลังไอริสออกสู่ Area TH ที่เจ็ดได้แล้ว แต่ก็ยังตามล่าต่อไป ซึ่งพวกไอริสหนีไปทางอ่าวไทยทิศใต้ของ AreaTH-7 ซึ่งทางเวิลด์เจเรนัลจะยุติความช่วยเหลือแต่เพียงเท่านี้เพื่อที่จะตามล่าไอริสนอกพื้นที่ได้มากขึ้น ที่เหลือจะเป็นหน้าที่ของเอ็มแอลเอล้วนๆ ที่จะฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดขึ้นและเพราะมีประกาศแบบนี้ออกมา ไฮเทคอัพเปอร์เลยส่งคนมารับพวกของด็อกเตอร์ซิสในช่วงสาย ตัวเขาพอได้ออกจากชั้นใต้ดินแล้วก็พบว่าส่วนข้างบนพื้นดินเป็นเหมือนบ้านธรรมดาๆ หลังขึ้นที่อยู่ในหมู่บ้านพลเมืองทั่วไป เรียกว่าดูแทบไม่ออกเลยทีเดียวว่ามีสถาบันวิจัยลับใต้ดินอยู่ ถึงจะเป็นสถาบันวิจัยลับที่ไม่ได้ใช้งานแล้วก็ตาม...
พอพีนึกถึงด็อกเตอร์ซิสแล้ว ยังรู้สึกแปลกๆ กับทางทีทั้งห้าคนนั่นไม่หาย ถึงจะรู้ว่าพวกเขาเป็นนักวิจัย...เห็นอะไรแปลกๆ ก็อยากรู้อยากเห็นไปหมด แต่เฟียน่าบอกไว้ว่า พวกเขาทำอะไรได้ไม่มาก พวกอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือตอนนี้ไม่มีอยู่ในสถาบันวิจัยลับใต้ดินนั่นเลย เพราะถูกย้ายไปที่ใหม่หมดแล้ว พวกเขาถึงทำได้แต่จับตาดูเขาและเรสเทียร์ แต่ถึงเป็นแบบนั้นหลังจากทีพวกเขารู้เรื่องพลังจิตจากเรสเทียร์ก็หายไปอยู่ในห้องๆ หนึ่ง จนถึงตอนสายของวันนี้...
พลังจิตนี่’
พีมองดูมือทั้งสองข้างของเขา แล้วเพ่งสมาธิมีสายลมจางๆ พัดหมุนเวียนอยู่รอบๆ มันทำให้เขานึกเรื่องที่คุยกันในห้องพักฟื้นในสถาบันวิจัยลับเก่าของด็อกเตอร์ซิส
[เมื่อวานก่อน]
"เปลี่ยนแปลง? หมายความว่ายังไง"
พีถามเรสเทียร์ที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำ เรสเทียร์เดินเข้ามานั่งโซฟาข้างๆ เฟียน่าก่อนที่จะเห็นในตาเธอมีตัวอักษรวิ่งขึ้นมาและเรสเทียร์ก็อธิบาย
"ยังจำบาเรียอาคาเดียได้ไหมคะ ในข้อมูลที่เรสเทียร์มีอยู่มันเป็นม่านพลังงานที่ปกคลุมไม่ให้พลังจิตแสดงฤทธิเดช แต่ถึงแบบนั้นก็ยังมีบางคนที่สามารถใช้พลังจิตได้บ้างเล็กน้อยค่ะ อย่างเช่นคุณเฟียน่า"
เรสเทียร์ถอนหายใจแล้วอธิบายต่อ
"แต่ทว่าตัวตนที่แท้จริงของบาเรียอาคาเดียนั่นไม่ได้อยู่ในตัวมนุษย์ค่ะ แต่มันเป็นเหมือนชั้นบรรยากาศที่ปกคลุมไปทั่วโลกที่คอยควบคุมพลังจิตในตัวมนุษย์ค่ะ"
"แล้ว?” พีเคียงคอ
"บาเรียนั้น...ถูกทำลายลงไปเรียบร้อยแล้วค่ะ"
เรสเทียร์พูดจบ พีก็เพิ่งนึกอะไรออกตอนที่กำลังถูกแสงสีแดงกลืนกินนั้นเห็นคลื่นสีฟ้าๆ บนท้องฟ้าโดนลำแสงสีแดงยิงทะลุจนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
‘นั่นเหรอ? บาเรียอาคาเดีย!?
งั้นก็หมายความว่า ตอนนี้ทุกคนก็สามารถใช้พีทูหรือพลังจิตได้หมด?’
"เรสเทียร์ว่าพี่ชายน่าจะเข้าใจแล้ว หลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?"
เรสเทียร์พูดเสร็จเฟียน่าก็โชว์อะไรบ้างอย่างให้เห็น เธอดีดนิ้วชี้ แล้วอยู่ดีๆ ก็มีเฟียน่าสามคนอยู่ปลายเตียง แล้วเฟียน่าตัวจริงที่อยู่บนโซฟาก็อธิบายบอก
"ตอนแรกฉันก็ไม่เชื่อที่ยัยนี่บอกนะ...แต่เพราะข้อจำกัดเรื่องพลังจิตมันหายไป พวกเราทั้งหมดก็เลยรอดจากไอริสเมื่อวานได้" เฟียน่าพูดเสร็จก็ดีดนิ้วกลับ ร่างปลอมทั้งหมดหายไป "แถมใช้ได้เรื่อยๆ ด้วย"
"ก่อนอื่น เรสเทียร์เองก็ต้องขอโทษที่ทำให้พี่ชายต้องทรมานด้วยนะค่ะ" เรสเทียร์พูดก่อนที่ก้มหัวลงขอโทษ "พอดีเพิ่งตรวจสอบความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเมื่อกี้...มีคนแอบใส่ฟังก์ชั่นอะไรบางอย่าง เวลาใช้แร็คนาร็อคแบบเมื่อวานนั่นก็จะสามารถทำลายบาเรียนี้ได้"
"อ๋อ..." พีพยายามเข้าใจอยู่...แต่มีที่สงสัยอยู่เรื่องหนึ่ง "เรสเทียร์...ถ้าเป็นจริงอย่างที่เธอบอก แล้วทำไมก่อนหน้านี้ เธอถึงใช้พลังได้ทั้งๆ ที่มีบาเรียนั่นอยู่ล่ะ?"
เรสเทียร์ยิ้มตอบรับก่อนที่จะชี้แจง
"อย่างที่เรสเทียร์เคยบอกไงค่ะ...เรสเทียร์เป็นมนุษย์ดัดแปลง...ถึงรู้ว่าเป็นเรสเทียร์เป็นตัวอะไร แต่ในหัวมันกลับไม่มีความจำทรงจำเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อยู่เลย...รู้แต่ว่าตัวเรสเทียร์เองเป็นแบบนี้แน่ๆ"
‘งั้นหรอ? เธอนี่...เป็นตัวอย่างที่ว่าจริงเหรอเนี่ย?
ช่างมันเหอะ เจอเรื่องแปลกมากพอที่จะเริ่มเชื่ออะไรง่ายๆ ล่ะ
แต่ถ้าตามที่พูดมา พลังจิต...พีทูของฉัน....’
ว่าแล้วพีลองยื่นมือขวาไปข้างหน้าแล้วแบมือออกมา เรสเทียร์เห็นแล้วก็เข้าใจว่าจะทำอะไรก็ช่วยเสริม
"พี่ชาย...ลองคิดว่าต้องใช้มันสิค่ะ"
เขาก็พยายามคิดตามที่เธอบอก...จนมีบางอย่างสัมผัสที่มือ เหมือนมีลมกำลังก่อตัวบนฝ่ามือขนาดเล็กอยู่
"ควบคุมลม" เฟียน่าพูด "แต่ฉันว่าที่นายทำตอนอยู่สนามบินมันต่างกันมาก มัน---"
"นั่นไม่ใช่พลังจิตค่ะ" เรสเทียร์แทรกอธิบายทันที "เป็นพลังของเรสเทียร์ที่ให้พี่ชายยืมใช้ต่างหาก"
แล้วหลังจากนั้นสองคนเถียงอะไรกันต่อก็ไม่รู้ เขามัวแต่สนใจกับการควบคุมลมบนฝ่ามือ
‘ถ้าคนไม่ได้เรื่องอย่างฉัน ใช้มันได้ง่ายแบบนี้ แล้วคนอื่นๆ ล่ะ...
และเกิดเรื่องแบบนั่นขึ้นมา...ไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ คงจะ...’
[ปัจจุบัน]
“พีจัง อยากกินอะไรหรือเปล่า”
เสียงทอมมี่ปลุกเขาออกจากห้วงความคิด สายลมบนแขนและมือทั้งสองข้างค่อยๆ สลายหายไปก่อนที่พีจะตอบ
“ก็...นิดหน่อยว่าแต่แกเหอะ ยังมีงานการ์เดี้ยนที่ต้องทำอีกไม่ใช่หรือไง”
“อ๋อ ผมนัดบัดดี้ไว้แล้วว่าเจอกันที่สำนักงานตอนบ่าย” ทอมมี่พูดด้วยน้ำเสียงทั่วไปก่อนที่จะพูดกัดฟัน “หวังว่าเจ้าเด็กนั่นจะรู้เรื่องนะ”
“เด็ก!?” พีเอ่ย
“เปล่าๆ ไม่มีอะไรหรอก” ทอมมี่เปลี่ยนเรื่อง “ไปที่การ์เดี้ยนกับผมไหมล่ะ? พีจัง”
“ไม่ล่ะ ฉันไม่อยากไปเกะกะขวางแกทำงาน...เดี๋ยวนะ นี่แกลืมไปแล้วเหรอว่าฉันจะไปกับเฟียน่าด้วย?”
พีพูดบ่ายเบี่ยงไป เพราะรู้ว่างานการ์เดี้ยนที่เป็นหน่วยงานย่อยของเอ็มแอลเอที่ทอมมี่ทำอยู่มันวุ่นขนาดไหน ต้องช่วยเหลือชาวเมือง ทำความสะอาด ซ่อมแซ่มต่างๆ เป็นงานจิตสาธารณะของแท้...ถึงตอนนี้เขาก็ยังแปลกใจไม่หายหลังจากที่รู้ว่า ทอมมี่เป็นคนช่วยพาเขาและพวกของด็อกเตอร์ซิสหนีจากพวกไอริสแถวๆ สนามบินมาส่งที่สถาบันวิจัยลับเก่าของด็อกเตอร์ซิสก็เถอะ เห็นเฟียน่าบอกกับทอมมี่เรื่องของพีโดยโกหกไปว่า พีเป็นผู้ทดลองใช้ของไฮเทคบางอย่างสร้างหน้าปลอมขึ้นมาไว้โดยที่พีรักษาหน้าของตัวเองหายตั้งนานแล้ว เป็นการปั้นน้ำเป็นตัวที่ไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่แต่ทอมมี่ดันเชื่อ
อีกอย่าง เรื่องของเรสเทียร์ก็หลอกทอมมี่ไปว่าเป็นแอนดรอยด์พิเศษ หุ่นยนต์ที่มีความคิดเป็นของตัวเองอยู่ในระหว่างการพัฒนาของไฮเทคอัพเปอร์ โดยความสามารถก็คือย่อขยายตัวได้ ซึ่งทอมมี่ก็เชื่ออีกจนเขารู้สึกว่ามันจะเชื่อง่ายมากไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่าทอมมี่จะสนใจแต่เขาเรื่องหน้าตากลับมาเป็นเหมือนเดิมมากกว่า ตอนที่ทอมมี่มารับเขาหน้าสถาบันวิจัยลับ มันกระโดดจะเข้ามาหอมแก้มเลยยกเท้าถีบแทน
‘ให้ตายสิ มันยังไม่เลิกทำตัวเหมือนสมัยมอปลายสักที’
พีคิดแล้วอยากจะชกหน้าทอมมี่สักหมัด แต่ก็ทำไม่ได้อยู่ดีและเขาก็เริ่มคิดถึงเรื่องของตนเอง
‘ส่วนฉัน...เวลายืนหน้ากระจกแล้วเห็นสภาพตัวเองยังตกใจไม่หายอยู่เหมือนกัน ไม่คิดว่าจะได้กลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่เหตุผลที่ใบหน้ากลับมาเป็นแบบนี้มันไม่ค่อยสวยสักเท่าไหร่ หลังจากเรื่องเมื่อวานที่เขาทำลงไป มันปรากฎอยู่บนคลิปวิดีโอบนอินเตอร์เน็ตผ่านกล้องของไอริสที่จะถ่ายทอดสดต่อรองตัวประกัน แต่กลายเป็นถ่ายทอดสดวีรกรรมของเขาที่บู๊กับไอริสช่วยเหลือตัวประกันทั้งหมดแทน แน่นอนว่าถูกทางการเอ็มแอลเอประกาศตามหาตัวเขาอยู่เห็นว่าจะมอบเหรียญกล้าหาญอะไรสักอย่างด้วยถ้ารอดจากการถล่มของมิสไซล์...พูดง่ายๆ ก็คือทั้งฉัน เฟียน่าและพวกของด็อกเตอร์ซิส อยู่ในสถานะสาบสูญนั่นเองถึงเป็นแบบนั้นการไปปรากฎตัวตามคำร้องมันเสี่ยงไปเพราะสิ่งที่เขาทำไว้มันทำให้ไอริสล่าหัวเขาและพวกองค์กรต่างๆ ที่สนใจสิ่งที่เขาทำมันลงไปเมื่อวานที่จะทำอะไรกับตัวฉันก็ไม่รู้และนั่นเป็นสิ่งที่เฟียน่าบอกไว้ทั้งหมด เหมือนเธอจะรู้อะไรหลายๆ อย่างคงผ่านเรื่องพวกนี้มาไม่น้อย’
พีเหนื่อยใจกับชะตาชีวิตเฟียน่าและตนเอง
‘แต่เรสเทียร์ก็บอกไว้ว่า ตอนนี้คนทั้งโลกสามารถใช้พลังจิตได้อย่างอิสระแล้วเพียงรอแต่ละคนค้นพบพีทูที่อยู่ในตัวเท่านั้น เธอประมาณการณ์ไว้ว่าภายในหนี่งสัปดาห์ ทุกๆ คนจะลืมเรื่องของเขา และสนใจเรื่องพลังจิตแทนถึงเรสเทียร์จะพูดไว้แบบนั้น แต่เธอเองก็ไม่สามารถบอกแหล่งที่มาของข้อมูลนั่นได้ บอกแต่ว่ามันเป็นข้อมูลที่ไม่ระบุแหล่งที่มาที่มีอยู่ในตัวเธออยู่แล้ว...
แน่นอนว่าฉันถามเธอเกี่ยวกับอนาคตของเธอเอง ว่าจะทำยังไงกับชีวิตตัวเองต่อไป...เธอเอาแต่บอกว่าจะอยู่กับเขาตลอดไปเพราะเราสัญญาแล้วว่าจะให้ทุกสิ่งทุกอย่างแลกกับพลังนี้มา พลังพูดถึงที่ไม่ใช่พลังจิตแต่มันเป็นพลังอะไรสักอย่างที่ทำให้เขาสามารถทำให้ทุกอย่างช้าลงได้ มองเห็นอันตรายล่วงหน้าราวกับว่าเขาได้พลังเหนือกาลเวลามาถึงจะคิดแบบนั้น เขาก็ย้อนเวลาหรือข้ามอนาคตไม่ได้หรอก...มีเรื่องเยอะแยะมากมายจังแฮะ’
พีกุมขมับศีรษะทั้งสองมือก่อนที่จะเห็นผ้าสีขาวที่มีแถบสีเขียวโผล่ออกมาจากลิ้นชักรถของทอมมี่ เขารู้ว่ามันคืออะไร
‘ปลอกข้อมือของการ์เดี้ยน...’
พีหรี่ตาลงจ้องแผ่นหลังทอมมี่แล้วถาม
“นี่...แกสอบเข้าการ์เดี้ยนได้ยังไงเนี่ย?”
“ก็นะ เรื่องมันยาวใช้เวลาตั้งหลายปีเลยนะครับ กว่าจะได้เป็นการ์เดี้ยนที่แสนภาคภูมิใจ ช่วยเหลือผู้คน...”
“เหอะๆ ไม่ใช่ว่าไปป่วนชาวบ้านเล่นหรือไง?”
“พูดแบบนี้แสดงว่าไม่เคยเห็นผมเวลาช่วยเหลือชาวเมืองสินะ ฮ่าๆ”
“เอาเถอะ อย่าไปทำใครเดือดร้อน---”
ติ๊งๆๆๆ
เสียงมือถือของพีดัง เขาหยิบขึ้นมาปรากฎชื่อของเฟียน่ากดรับสาย
“นี่พี...ช่วยกดเปิดลำโพงหน่อย” เฟียน่าในสายว่าอย่างนั้น
“อือ” พีทำตาม “มีอะไรเฟียน่า”
“ทอมมี่! เดี๋ยวพอลงทางด่วนข้างหน้าแล้วจอดริมทางเลยนะ” เฟียน่าสั่ง “ฉันจะรับตัวพีต่อไปเอง”
“ไม่เอาครับ อยากส่งให้ถึงที่เครื่องบินเลย”
ทอมมี่ตื้อไม่ยอมทำตามที่เฟียน่าบอก ซึ่งเธอและพรรคพวกจะพาพีไปหลบภัยกับพวกเขาที่ปลอดภัยเป็นเวลาสักพักหนึ่งรอเรื่องไอริสใน Area นี้หายเงียบก่อน โดยไปขึ้นเครื่องบินเจ็ทของไฮเทคอัพเปอร์ที่บริษัทสาขาย่อยที่อยู่ระหว่างเขตกลางและเขตตะวันออกของ Area TH-7 พาไป Area JP ที่ห่างออกไปทางตะวันออกเฉียงเหนือนับพันกิโลเมตร...
เหตุผลที่หนีไปหลบภัยใกล้ขนาดนั้น เฟียน่าเล่าให้ฟัง ถึงแม้ทางเอ็มแอลเอจะประกาศว่าพื้นที่ Area TH-7 ปลอดภัยจากพวกไอริสแล้ว แต่ความจริงยังมีกองกำลังหลงเหลือในเขตกลาง, เขตตะวันออกและเขตใต้อยู่บ้าง อีกทั้งได้ข้อมูลจากพวกของไอริสบางส่วนที่ถูกจับเป็นว่าพวกนั้นได้รับคำสั่งใหม่ให้ตามล่าและจับตัว ‘พี’ กับด็อกเตอร์ซิสมาให้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ‘นาธาน’ ผู้บัญชาการไอริสในการบุก Area TH-7 ครั้งนี้ยังไม่ตาย...
และนั่นคือเหตุผลท้ายสุดทำให้พียอมตามเฟียน่ามาแต่โดยดี ตอนแรกเขาจะหลบไปอยู่ที่บ้านทอมมี่แต่ห่วงเรื่องความปลอดภัยของเพื่อน
“ทอมมี่...” เฟียน่าพูดเน้นแสดงความไม่พอใจออกมา
“ไม่งั้นผมยูเทิร์นกลับตอนนี้เลย”
ทอมมี่ไม่ได้กลัวเสียงขู่ของเฟียน่าแม้แต่น้อย ซึ่งพีก็คิดไว้แล้วว่าเป็นเช่นนั้นเพราะตัวเขา ทอมมี่และเฟียน่าต่างเป็นเพื่อนสนิทกันช่วง ม.ปลาย รู้นิสัยกันและกันอย่างดี เฟียน่าที่เห็นว่าทอมมี่ไม่ยอมท่าเดียวจึงตามน้ำ
“เออ แกนี่มันเอาแต่ใจซะจริงๆ ขับตามมาติดๆ ล่ะกัน”
ตูม!
รถคุ้มกันทางขวาของรถบรรทุกที่มีเฟียน่าอยู่เกิดระเบิดขึ้น ตัวรถทั้งคันลอยกระแทกเข้ากับรถบรรทุกสีขาวที่มีพวกนักวิจัยและเฟียน่าอยู่ แต่ไม่แรงมากพอที่จะทำให้รถพลิกคว่ำ รถทุกคันในขบวนต่างเบรกชะงักมองดูซากคนที่มีไฟลุกโชน
‘เฮ้ยๆ เกิดอะไรขึ้น’
เฟี๊ยว!? ตูม!
พีที่มองดูซากรถอยู่เห็นลำแสงสีส้มความเร็วสูงที่ยิงออกมาจากในตึกข้างทางด่วนลอยเฉียดรถคุ้มคันข้างหน้าสุดไปโดนตึกอีกฝั่งหนึ่งแทนและแล้วก็มีเสียงบอดี้การ์ดคนหนึ่งดังขึ้นผ่านมือถือของพี
“เร่งรถไปข้างหน้าเร็วเข้า!”
ขบวนรถไฮเทคอัพเปอร์ต่างพากันเร่งเครื่องเต็มกำลังมุ่งตรงยาวไปข้างหน้า เว้นแต่รถของทอมมี่ที่ตัดสินใจใส่เกียร์ถอยหลังแทน
“ทอมมี่! นี่แกจะทำอะไร!?” พีตะคอกถาม
“หนีครับ!” ทอมมี่ว่างั้น
“พี่ชาย! ข้างหลัง!”
เรสเทียร์ในร่างนางฟ้าน้อยที่ตื่นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีใครทราบร้องตกใจ ทั้งพีและทอมมี่ต่างหันไปดูทางหลังรถเห็นเนโอสไปเดอร์สองตัวกำลังวิ่งไต่มาบนทางด่วนห่างกันสามร้อยเมตร คนขับเบรกรถอีกรอบ
“ไอริส!” ทอมมี่ว่า “ไหนว่าพวกมันออกไปจากเมืองนี้แล้วไงครับ?”
“นี่แกไม่ได้ฟังที่เฟียน่าบอกเลยนี่หว่า” พีหัวเสีย “รีบขับรถหนีเร็วเข้าสิ!”
“พวกนาย!” เสียงเฟียน่าดังออกมาจากมือถือ “อยู่ไหนกันนะ!?”
“ข้างหลังข้างหลัง โดนพวกไอริสตามหลังอยู่”
“ไอริส!? ว่าแล้วเชียว มันดักรอเราอยู่จริงๆ ด้วย”
ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!
กระสุนหัวระเบิดยิงมาจากหุ่นยนต์แมงมุมตกใส่สะพานลงทางด่วนทั้งซ้ายและขวาที่ค่อนข้างห่างจากตัวรถที่พวกเขาอยู่มากทำให้พีสงสัย
“เดี๋ยวนะ ทำไมมันถึงยิงห่างขนาดนั้น!?”
“จากการวิเคราะห์ของเรสเทียร์” นัยน์ตาสีแดงเล็กๆ ของเรสเทียร์มีตัวอักษรวิ่งผ่านเต็มไปหมด “วิถีกระสุนที่ยิงมาเหมือนต้องการบีบทางเราค่ะ พี่ชาย”
“บีบทาง?”
“ถ้าเรสทียร์คำนวนไม่ผิดล่ะก็...ตอนนี้เราโดนล้อมหน้าล้อมหลังแล้วค่ะ!”
ตึม! ตึม! เอียด!
ล้อทั้งสี่ของรถทอมมี่เกิดระเบิดขึ้นไม่ทราบสาเหตุ ตัวรถไถลไปเรื่อยๆ จนมาหยุดตรงขบวนรถไฮเทคอัพเปอร์ทั้งสี่คันที่ล้อแตกหยุดนิ่งอยู่พอดี พีทำให้เห็นสิ่งที่อยู่ข้างหน้าขบวนรถ...รถสิบล้อบรรทุกคอนเทนเนอร์สองคันจอดขวางทางไว้อยู่ก่อนที่จะจอดใกล้ขบวน จู่ๆ ด้านหลังมีรถสิบล้อบรรทุกคันหนึ่งหักศอกขวางทางเท่ากับว่าตอนนี้พวกเขาทั้งหมดถูกปิดตายไว้บนสะพานทางด่วนแล้วเรียบร้อย
“พี! ลงมาแอบหลังรถเร็วเข้า!”
เฟียน่าตะโกนบอก ทั้งสองคนรีบเปิดประตูลงมาเห็นเฟียน่า พวกนักวิจัยและบอดี้การ์ดแอบอยู่หลังรถบรรทุกสีขาว ข้างหน้าสองร้อยเมตรตัวคอนเทนเนอร์ที่อยู่บนรถบรรทุกถูกเปิดออก เนโอสไปเดอร์สามตัวที่อยู่ในสภาพหดตัวเคลื่อนออกมาจากในนั้นก่อนที่จะกางขาออกเดินเหมือนแมงมุมเรียงแถวหน้ากระดานเล็งกระบอกปืนใหญ่มาทางพวกเขาแต่ไม่เข้ามา รถบรรทุกข้างหลังก็เช่นกันมีเนโอสไปเดอร์ออกมาอีกสามตัวสบทบกับอีกสองตัวที่ตามมาก่อนหน้านี้ พีกระซิบถามเรสเทียร์
“เรสเทียร์ เธอคิดว่าถ้าฉันใช้พีทูตอนนี้จะดีไหม”
“อย่าดีกว่าค่ะ” เรสเทียร์ลอยตัวขึ้นมาอยู่บนบ่าเขา “สถานการณ์ตกเป็นรองมากเกินไป”
“ทำไมพวกมันไม่เข้ามาน้า” ด็อกเตอร์ซิสที่แอบดูอยู่พูด
“แผนส่งตัวรั่วไปได้ยังไง?” บอดี้การ์ดชายชุดดำหนึ่งในสิบคนถามเพื่อนหญิงร่วมงาน
“ไม่รู้” บอดี้การ์ดหญิงว่า “ติดต่อขอกำลังเสริมมายัง?”
“ติดต่อไม่ได้ สัญญาณโดนก่อกวน” บอดี้การ์ดชายอีกคนที่พยายามใช้เครื่องมือสื่อสารที่เป็นแผ่นกระจกขนาดเจ็ดนิ้วบอก
“โดนก่อกวน? ไหนขอฉันดูหน่อยสิ”
นักวิจัยผู้หญิงหนึ่งในทีมด็อกเตอร์ซิสที่ไว้ผมสีฟ้ามัดรวบยาวผิวเข้มใส่แว่นตายื่นมือหยิบเครื่องสื่อสารนั่น พีพยายามนึกชื่อของผู้หญิงคนนี้อยู่เพราะเขาจำได้แค่ชื่อคำแรกว่า ‘เหม่ย’ แต่ด้วยสถานการณ์ที่เคร่งเครียดทำให้เขาไม่สนใจเรื่องนั้นมากนัก
“สนามแม่เหล็กพวกนี้มันอะไรกันเนี่ย!?” สาวนักวิจัยผมฟ้าเอ่ย “เอริส! กัส! หาไอ้นั่นเจอยัง? ”
“เจอแล้ว! เจอแล้ว!” ผู้หญิงผมเขียวค่อนข้างเตี้ยกับชายร่างท้วมผมเหลืองอยู่ในชุดกราวน์ทั้งคู่ที่กำลังรื้อของบางอย่างจากกระเป๋าเหล็กขนาดใหญ่พูดพร้อมกัน
“อิลลูชั่น...” สาวนักวิจัยผมฟ้าเอ่ย “เธอแน่ใจกับมันนะ?”
“จะมีทางไหนได้อีกเหล่า” เฟียน่ากัดฟัน
“โอเค...” สาวผมฟ้ายาวใช้มือแตะที่รองเท้าของเฟียน่าทั้งสองข้าง มีแสงสีฟ้าเล็กๆ ปรากฎขึ้นบนนิ้ว “ฉันจัดการเรื่องรองเท้าให้แล้ว...เอาตัวรอดให้ได้ล่ะ”
“อือ”
‘พวกเขาคุยเรื่องอะไรกันเนี่ย!?’
พีสงสัยแต่ก่อนที่จะได้ถามมีเสียงเสียงผู้หญิงที่เต็มเปี่ยมราวกับเป็นนักร้องละครเวทีดังขึ้นจากทางด้านหน้า
“ในนามของพระผู้เป็นเจ้า...ขอวิงวอนละบาปสิ่งที่ฉันจะทำต่อไปนี้ด้วย”
ทำให้เขาต้องแอบชะเง้อพ้นจากขอบรถเห็นสาวอายุยี่สิบห้าปีในชุดศาสนลัทธิสีขาวคุมศีรษะ นัยน์ตาสีเหลือง เส้นผมสีเขียวที่โผล่ออกมาเล็กน้อย เดินถือไม้คทารูปเสี้ยวจันทร์สีทองเหลืองที่คอมีสร้อยสัญลักษณ์ของพวกไอริสอยู่ไม่ไกลนัก เธอสูดลมหายใจเข้าก่อนจะเปล่งเสียงความโกรธออกมาราวกับคนละคนก่อนหน้านี้
“ออกมาซะดีๆ เฟียน่า! ฉันมีหนี้แค้นต้องชำระกับเธอ!”
และแล้วเฟียน่าก็เดินออกมาจากอยู่หน้าขบวนรถอย่างไม่เกรงกลัวอันตรายจากเนโอสไปเดอร์โดยรอบ เธอเท้าเอวพิงตัวกับรถแล้วเรียกชื่อของคนตรงหน้าอย่างสนิทใจ
“อ๋อ นึกว่าใคร...หนึ่งในแปดผู้ใช้พลังจิตแห่งชินโคเซ็น ยัยแม่ชีบ้านแตกนัมเบอร์ไฟว์ (No.5) นี่เอง”
◊◊◊
คุยกับคนแต่งสักหน่อยนะจ๊ะ
ขณะที่พวกเขาจะหนีอกจาก Area TH-7 แต่กลับถูกขัดขวางโดยไอริสจนได้
แม่ชีที่ปรากฎตัวออกมาเธอเป็นหนึ่งในแปดผู้ใช้พลังจิตงั้นหรือ?
แล้วเธอทำอะไร? มีอะไรกับเฟียน่า เป็นพวกไอริส?
โปรดติดตามในตอนต่อไปที่มีชื่อว่า วิกฤตการณ์กลางเมือง บทที่ 9 [ซิสเซอร์เทเรซ่า]
By Spy442299 & Nattanan Srising
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ