Norah's Diary
-
เขียนโดย wacasual
วันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 20.24 น.
2 chapter
0 วิจารณ์
4,466 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2557 20.44 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) The Hole That Was Left In Me
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ทอมป์กินส์ ฝากหยิบเอาหนังสือไปเก็บที่ชั้นสองให้ด้วยนะ” เสียงของมัลเบอร์ลี่ โบลด์ ดังขึ้นขณะที่เธอกำลังเอาหนังสืออีกกองไปเก็บเข้าที่
นอร่าห์เดินไปที่มัลเบอร์ลี่แล้วหยิบหนังสือทั้งหมดขึ้นมาซ้อนไว้บนอก มัลเบอร์ลี่ฉีกยิ้มให้เธอแล้วหันหลังกลับไปยังเคาท์เตอร์
เธอซึ่งเป็นลูกจ้างของมัลเบอร์ลี่ โบลด์มาเกือบสองอาทิตย์แล้ว หลังจากที่ออกมาจากมหาวิทยาลัย การเป็นลูกจ้างในร้านเช่าหนังสือไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไร มัลเบอร์ลี่ก็เป็นนายจ้างที่ใจดีอีกด้วย เธอเป็นสาวม่ายไร้ลูก เปิดร้านเช่าหนังสือขนาดกลาง กับเลี้ยงแมวไว้เป็นโขยงแก้เหงา ในร้านนี้มีเพียงมัลเบอร์ลี่ นอร่าห์และลอรี่ แม็คอดัมส์ ที่ทำงานอยู่ที่นี่ ลอรี่เป็นพวกหนอนหนังสือ ซึ่งเธอไม่ค่อยได้คุยกับเขาสักเท่าไหร่ วันๆพอเขาว่างก็เอาหนังสือที่เก็บเข้าชั้นแล้วออกมาเรียงใหม่ มัลเบอร์ลี่บอกเธอว่า เขาเป็นพวกรักหนังสือมากเกินไป อะไรที่ดูขัดหูขัดตาเขาจะจัดการเก็บใหม่หมด นอร่าห์เคยโดนเขาว่าไปหนหนึ่ง เพราะเก็บหนังสือไม่เรียบร้อย ซึ่งเธอก็ไม่มีปัญหาอะไรกับเขานักหรอก เขาแค่จู้จี้จุกจิกเท่านั้นเอง
อีกงานที่หญิงสาวเพิ่งได้อาทิตย์ที่แล้ว คือสอนถ่ายรูป งานนี้เป็นการสอนเด็กไฮสกูลที่คิดอยากจะเล่นกล้อง อยู่ดีๆเมื่ออาทิตย์ที่แล้วก็มีอีเมล์ฉบับหนึ่งจากอแมนด้า เบอร์โรว์ส่งมาหาเธอ โดยเนื้อความบอกว่า เธอเคยไปเดินชมแกลลอรี่แห่งหนึ่งแล้วเห็นรูปของนอร่าห์ เธอเลยอยากเรียนถ่ายรูปขึ้นมา โดยเห็นรูปของนอร่าห์เป็นแรงบัลดาลใจในการถ่าย อแมนด้าจึงหาอีเมล์ของเธอแล้วส่งมาพร้อมเบอร์โทรติดต่อกลับ แน่นอน เธอโทรกลับไปทันที งานนี้ได้ทั้งเงินทั้งความพอใจ ในเมื่อสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เธอรักและนอร่าห์ก็เต็มใจสอน อแมนด้าตกลงวันเรียนกับเธอ นอร่าห์จะสอนเธอในวันศุกร์ตอนบ่ายและวันเสาร์ เพราะวันจันทร์ถึงวันพฤหัสบดี เธอมีงานที่ร้านหนังสือของมัลเบอร์ลี่ ซึ่งเธอไม่มีปัญหากับการทำงานของนอร่าห์
ช่วงนี้เจมี่และพิทมาหาเธอที่ร้านของมัลเบอร์ลี่บ่อย เนื่องจากเธอไม่มีเวลาไปพบพวกเขาสักเท่าไหร่ มัลเบอร์ลี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรกับการที่มีแขกมาหาเธอ นอกจากลอรี่ที่ส่งสายตารำคาญมายังพวกนอร่าห์เป็นระยะๆ
“เธออยู่ในที่อุดอู้แบบนี้ได้ยังไงนะ นอร่าห์” เจมี่มักจะพูดแบบนี้ทุกครั้งที่เขามาหาเธอ และพิทจะเป็นคนตอบแทนเธอทุกครั้งว่า “ก็ยังดีที่เธอได้งานนะเจม ฉันไม่เห็นว่านายจะทำมาหากินแบบคนอื่นมั่งเลย” นั่นแหละ เขาเลยหงอยได้สักพัก
“มีอะไรอีกล่ะพวกนาย มาได้ถี่เหลือเกินนะ ช่วงนี้ไม่มีเรียนกันรึยังไง” นอร่าห์ถามขณะเดินมาที่โต๊ะพวกเขาแล้วหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้
“ไม่มีเธอแล้วมันน่าเบื่อชะมัด นี่เธออยู่ที่นี่มาเกือบเดือนแล้วนะ ไม่เบื่อบ้างเหรอ” เจมี่ชะโงกหน้าถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“เบื่อ ฉันลองไปสมัครงานที่อื่นไว้แล้ว แต่พวกเขายังไม่ติดต่อฉันกลับมาเลย อีกอย่างนะ ฉันสงสารมัลเบอร์ลี่น่ะ อยู่กับลอรี่สองคนคงเหงาฉันถึงได้ทนอยู่อย่างนี้ไงเล่า”
“เธอไม่คิดที่จะหางานแบบจริงจังๆอย่างที่เทมเพสต์ทำบ้างเลยเหรอ ทำงานแบบนี้มันไม่มั่นคงหรอกนะนอร์” พิทมองเธออย่างจริงจัง แน่ล่ะ เขาถามเธอด้วยคำถามนี้มาเป็นสิบๆรอบ ซึ่งเธอก็ได้แต่ตอบแบบเดิม
“ฉันไม่รู้พิท ฉันไม่รู้จะหางานอะไรที่เหมาะกับตัวฉัน ตอนนี้ฉันเดินไปทางไหนต่อไม่ถูกเลย” นอร่าห์ได้แต่นั่งถอนหายใจออกมา
“พิท นายนี่ชอบทำงานกร่อยทุกทีเลย เอาอย่างนี้ดีมั้ย เลิกงานแล้วพวกเราไปหาอะไรดื่มแก้เครียดกันดีกว่า นายว่าไงพิท” เจมี่หันไปถามพิทต่อ
“เธอล่ะว่าไง สะดวกมั้ย”
“เอาสิ ฉันเบื่อจะตายอยู่แล้ว ไปปลดปล่อยกันบ้างดีกว่า ฉันอยากให้ถึงคืนนี้ไวๆแล้วนะ”
“ยัยบ้า เฮ้ ถามหน่อย ลอรี่นี่มองพวกเราแบบนี้ตลอดเลยเหรอ” เจมี่ถามเธอแล้วชี้นิ้วไปยังลอรี่ ที่จ้องมองพวกเธออยู่อีกฟากของห้อง
“ไม่ใช่แค่พวกนายหรอก แต่ใครที่มาทำลายความเงียบสงบที่นี่ เขาก็มองแบบนี้ทุกราย” นอร่าห์ยักไหล่แล้วพูดต่อ “ฉันไปทำงานต่อละ ถึงมัลเบอร์ลี่ไม่เคยว่าฉัน แต่ฉันก็เกรงใจเธอเป็นเหมือนกันนะ ไปก่อนล่ะ เจ้าพวกปากดี”
ตกเย็นเวลาที่นอร่าห์เลิกงาน พวกเขาก็พาเธอขึ้นรถของพิทไปยังย่านเมดิสันสแคว์ เพราะเขาต้องไปที่บริษัทของเขาก่อน
“ฉันไม่เข้าใจนายจริงๆพิท นายเป็นถึงว่าที่ผู้บริหารของบริษัท แถมยังเข้าทำงานให้ที่นี่แล้วนายยังจะเรียนต่อไปเพื่ออะไรอีก”
“ก็เหมือนนายไง เรียนเพื่อสืบทอดบริษัท เจ้าทึ่มเจมี่ ถามอะไรไม่เข้าเรื่อง”
เจนเนอร์คอร์ปอเรชั่น เป็นสถานีโทรทัศน์ขนาดยักษ์ที่เป็นที่นิยม พิทซึ่งเป็นผู้สืบทอดคนต่อไป เชื่อเถอะ เมื่อก่อนเขาไม่เคยสนใจเรื่องอะไรนอกจากตัวเองหรอก เขาเหลวเป๋ว เละเทะ สไตล์ลูกเศรษฐีแต่ไร้น้ำยา ทำอะไรไม่เป็น นอกจากทำตัวไร้สาระไปวันๆ เขาโดนคนต่างดูถูกและว่ามามากมาย นั่นแหละที่เป็นแรงผลักดันให้ตัวเขาถีบตัวเองขึ้นมา จนเป็นที่ยอมรับทั้งในและนอกบริษัทมาแล้ว จนเธอคิดไม่ถึงว่าเขาจะกลายเป็นคนที่บริษัทต้องการที่สุด
เขาให้เธอกับเจมี่รอในรถ สักพักก็กลับเข้ามาพร้อมหอบแมคบุ๊คเข้ามาด้วย แล้วพูดว่า “ฉันลืมเจ้านี่ไว้น่ะ”
“โธ่เอ๊ย ไอ้ฉันก็นึกว่าอะไร จริงสิ จะสิ้นปีแล้ว เธอมีแพลนไว้รึยัง นอร์” เจมี่ถามขึ้นมา
“ไม่รู้สิ มัลเบอร์ลี่ยังไม่ได้บอกอะไรฉันเลย ส่วนอแมนด้าขอตัวไปพักผ่อนตั้งแต่วันคริสต์มาสนี้น่ะ”
“งั้นเหรอ นายล่ะ” เขาหันไปถามพิทต่อ
“ปีนี้คงอยู่ช่วยที่สตูดิโอเหมือนเดิมแหละ” พิทตอบพร้อมเสียงเจมี่ถอนหายใจ เขาพึมพำต่อเบาๆ “ทำไมพวกนายต้องยุ่งกันตลอดเลยนะ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ” นั่นสินะ แต่เธอรู้สึกว่าปีใหม่มันจะต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแน่ๆ เธอได้แต่หวังว่ามันคงจะเป็นเรื่องดีๆบ้าง ไม่งั้นคงเป็นปีใหม่ที่ห่วยแน่ๆ
เกือบสองทุ่มพิทพาพวกเธอมาที่บาร์แห่งหนึ่งย่านบรู๊คคลิน บาร์แห่งนี้จะเรียกว่าเป็นที่ประจำเลยก็ว่าได้ พวกเธอสามคนมักจะมานั่งดื่มกันเป็นประจำเมื่อนอร่าห์ยังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย อาจเป็นเพราะที่นี่คนดูไม่ค่อยพลุกพล่าน และดูไม่วุ่นวาย จึงเป็นที่สิงสถิตของพวกเธอ
“เฮ้ เมอร์ฟี่ สบายดีมั้ย” เจมี่ที่เดินเข้าไปนั่งเก้าอี้บาร์ก็ส่งเสียงทักทายกับเมอร์ฟี่ วิลเลียมสัน ชายบาร์เทนเดอร์วัยกลางคนและเป็นเจ้าของบาร์แห่งนี้
“เฮ้ เจ้าหนุ่มเจมี่ พิท นอร่าห์ ไง ช่วงนี้หายกันไปเลยนะ ฉันล่ะเหง๊า เหงา ลูกค้าประจำกลับหายหน้าหายตาไม่มาเยี่ยมกันบ้างเลย” เมอร์ฟี่เป็นชายชาวสกอตแลนด์ ที่เปิดบาร์แห่งนี้มาสิบกว่าปีแล้ว นอร่าห์มาที่นี่เมื่อสองปีก่อน พิทเป็นคนพาเธอกับเจมี่มาเพราะเป็นร้านประจำของเขามาก่อน
“มีเรื่องยุ่งนิดหน่อยน่ะค่ะเมอร์ฟี่ หนูล่ะคิดถึงเบอร์เบิ้นของคุณชะมัด”
“โฮ่ งั้นเรอะ มาๆ วันนี้ฉันได้ชาโต มาโก มาให้ลองกันด้วย แต่เสียใจนะหนูนอร่าห์ หนูคงต้องซดเบอร์เบิ้นแทนไปก่อนงานนี้” เมอร์ฟี่ส่งยิ้มมาให้เธอ ใช่สิ เธอน่ะแพ้อะไรดันไม่แพ้ มาแพ้ไวน์ทุกชนิด ดื่มเข้าไปทีไร ตัวแดงเห่อ แถมครั้งล่าสุดที่ลองกระดกไวน์ขาวเข้าไปก็ชักน้ำลายฟูมปาก ทำเอาเจ้าสองคนนี้ส่งโรงพยาบาลแทบไม่ทัน เพียงไม่กี่อึกก็น็อคเธอเกือบดิ่งไปยมโลกซะแล้ว
“ไม่ล่ะเมอร์ฟี่ เข็ด วันนี้หนูขอแค่เบอร์เบิ้นก็พอ พวกนายล่ะ” เธอหันไปถามพิทที่นั่งคุยอยู่กับเจมี่ “อืม ผมเอาซิงเกิ้ล มอลต์ก็แล้วกัน”
“ชาโต มาโกฮะ”
“โอเค งั้นรอสักครู่” เมอร์ฟี่หันหลังกลับเข้าไปที่บาร์ แล้วเจมี่ก็พูดขึ้นมา
“ฉันนึกว่าคืนนี้เธอจะดวดโกลด์รัมซะอีก”
“ไม่ล่ะ ขอแค่เบอร์เบิ้นดีกว่า ไม่อยากเมาเร็ว”
“จะเร็วจะช้าก็ไม่เห็นต่างกันเลย สุดท้ายฉันก็ต้องแบกเธอกลับทุกที” นั่นแหละ พิท เขามักจะแบกเธอกลับตลอดเวลาที่เธอเมา นอร่าห์เป็นคนประเภทชอบที่จะดื่มให้เมา มากกว่าที่จะดื่มเข้าสังคม คุณอาจจะมองเธอว่าบ้าหรือเสียสติ มันก็อาจจะถูกครึ่งหนึ่ง ทุกคนดื่มมันก็เมาใช่มั้ยล่ะ แต่พอเธอเมามาก ไอเดียและมุมมองของเธอมันค่อนข้างจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นน่ะ ประหลาดใช่มั้ย เธอยังงงตัวเองอยู่เหมือนกันเลย
พอนั่งดื่มกันเกือบชั่วโมงโทรศัพท์ของนอร่าห์ก็ดังขึ้นมา เธอควักออกมาดู มันเป็นสายของอแมนด้านั่นเอง เธอกดรับในทันที
“ว่าไง อแมนด้า”
“นอร่าห์ หนูอยากขอความช่วยเหลือหน่อยได้มั้ย” นอร่าห์ลุกออกจากเก้าอี้แล้วเดินหลบไปทางหลังบาร์
“หืม เรื่องอะไรเหรอ”
“คือคริสต์มาสนี้ หนูกับครอบครัวจะเดินทางไปแคนาดา เพื่อไปงานแต่งของพี่ชายหนูตอนปีใหม่ ทางครอบครัวเขาอยากได้ช่างภาพมาถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก พ่อหนูรู้ว่าเรียนถ่ายรูปอยู่กับคุณ ท่านเลยอยากให้คุณไปด้วยในฐานะช่างภาพของเรา มันจะรบกวนคุณมากไปรึเปล่า”
“ไม่เลย เอาสิ ปีใหม่งานฉันคงไม่มีเยอะไปกว่านี้หรอก”
“โอ้ ขอบคุณมากค่ะนอร์ แล้วคุณจะเดินทางไปแคนาดาพร้อมหนูในอีกสองวันเลยมั้ยคะ”
ใช่สิอีกสองวันจะคริสต์มาสแล้วนี่นา
“ไฟล์ทบินมันคงจะเต็มไปหมดแล้วไม่ใช่เหรอ อแมนด้า ฉันว่าฉันรออีกสามสี่วันดีกว่า”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูจองไว้แล้วไม่ต้องห่วง หนูรู้ว่าคุณต้องตอบตกลง” อแมนด้าหัวเราะเสียงใส ยัยเด็กนี่รู้ทันเธออีกแล้ว
“งั้นก็โอเค อีกสองวันเจอกันที่สนามบิน” เธอกดวางสายแล้วกลับไปนั่งที่บาร์
“มีอะไรเหรอ” พิทหันมาถามเธอที่เดินอมยิ้มกลับมา
“คริสต์มาสและลากยาวไปถึงปีใหม่นี้ ฉันไม่ว่างแล้วล่ะ เจ้าพวกตูดหมึกทั้งหลาย” เจมี่ที่นั่งโยกหัวกับเพลงโฟล์คที่เปิดคลอเบาๆภายในร้าน หันกลับมายังเธออย่างรวดเร็ว
“หา ว่าไงนะ เธอก็อีกคนเรอะ นอร์ ทำไมล่ะ” เขาขมวดคิ้วพร้อมแบะปากออกน้อยๆ
“อแมนด้าจ้างฉันไปเก็บรูปที่งานแต่งของพี่ชายเธอที่แคนาดาในอีกสองวันนี้แล้วน่ะ”
“ยัยเด็กนี่อีกแล้วเหรอ อะไรวะ..” เจมี่ที่เตรียมจะบ่น แต่เธอยกมือห้ามเพราะโทรศัพท์มือถือดังขึ้นอีกรอบ “มัลเบอร์ลี่น่ะ” นอร่าห์กดรับอีกครั้ง
“ว่าไงคะมัลเบอร์ลี่”
“คุณทอมป์กินส์ ดีใจจังที่คุณรับ” เธอเงียบลงไปจนนอร่าห์ต้องถามอีกครั้ง
“ไม่ทราบว่าคุณมีอะไรให้ฉันช่วยมั้ยคะ”
“ไม่..ไม่จ่ะ คือ ยังไงดีล่ะ ฉันมีข่าวมาบอกคุณน่ะ”
“ข่าว..ข่าวอะไรเหรอคะ”
“คือ ฉันกับลอรี่ เราสองคนตกลงที่จะแต่งงานกัน เราจะมีพิธีหลังปีใหม่นี้น่ะจ่ะ”
“โอ้ หนูยินดีด้วยนะคะคุณมัลเบอร์ลี่” อย่างที่นอร่าห์เดาเอาไว้ไม่ มัลเบอร์ลี่คงจะตัดสินใจกันนานในเรื่องนี้แน่ เพราะเธอก็ดูออกว่าทั้งสองคนมีความรู้สึกอะไรบางอย่างแน่ๆ เมื่อตอนที่เธอทำงานมัลเบอร์ลี่ใส่ใจลอรี่จะตาย ไหนจะลอรี่ที่มักจะมองมัลเบอร์ลี่ด้วยสายตาห่วงใยแทบตลอดเวลา
“แล้วหลักจากนั้นฉันกับลอรี่จะย้ายไปอยู่ที่เพนซิลเวเนีย บ้านของลอรี่อยู่ที่นั่นและก็จะปิดร้านที่นั่นแทน พวกเราเสียใจเรื่องนี้นะจ้ะ ทอมป์กินส์ แต่ที่นั่นทำเลดีและที่ยังกว้างมาก ฉันอยากจะขอโทษที่ต้องไปแบบกะทันหันแบบนี้” เธอถอนหายใจเบาๆ
“ไม่หรอกค่ะมัลเบอร์ลี่ หนูยินดี อย่างน้อยคุณก็บอกหนูกับเรื่องนี้ พรุ่งนี้หนูจะกลับไปเก็บของที่ร้านนะคะ ขอให้พวกคุณมีความสุขกันมากๆนะคะ”
“ขอบคุณที่เข้าใจพวกเรานะจ้ะ” แล้วเธอก็วางสายไป นอร่าห์หันหน้ากลับไปมองพิทและเจมี่ พร้อมส่งเสียงโหยหวนออกไปทันที
“เวรเอ๊ย ฉันตกงานอีกแล้วโว้ย” เขาทั้งสองคนสะดุ้ง เจมี่หันหน้าเข้าไปที่บาร์พร้อมคว้าขวดเบอร์เบิ้นมาเปิดอีกขวดแล้วตะโกนออกมา
“อย่างนี้ต้องฉลอง” พิทกุมขมับแล้วส่ายหัวเบาๆ พร้อมส่งสายตาเห็นอกเห็นใจมาให้
“ไม่ต้องมองฉันแบบนั้นเลยนะ พิท” เธอจ้องหน้าเขาเขม็ง
“ฉันบอกแล้ว ทำงานแบบนั้นเรื่อยๆเธอคงไปไม่รอด”
“เธอก็อยู่ว่างๆแบบฉันสิ”
“นายมันไอ้คนไร้ค่าเอ๊ย” พิทหันไปตอกใส่เจมี่ที่สวนออกมา
“นายมันไอ้คนบ้างาน โธ่ พิท ถึงเวลาทำงานฉันก็ทำเองแหละน่า บ่นเป็นตาแก่อยู่ได้”
“พวกนายหุบปากเถอะน่า มาๆ ยกกันอีกสักแก้ว แก้เซ็งโว้ย” เธอว่าแล้วคว้าขวดเบอร์เบิ้นอีกขวดมารินใส่แก้ว “ชน!!”
ในเช้าของวันที่ยี่สิบห้าธันวาคม เธอก็ขึ้นเครื่องเดินทางจากสนามบินJFKไปออนตาริโอพร้อมกับครอบครัวเบอร์โรว์ คุณและคุณนายเบอร์โรว์ตอนเห็นหน้าเธอครั้งแรกก็มีท่าทางตกใจเล็กน้อยเมื่ออแมนด้าแนะนำเธอให้รู้จัก พวกเขาบอกว่าเธอดูเด็กไปที่จะทำงานพวกนี้ อแมนด้าจึงเอาโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดรูปของเธอให้ดู สายตาของพวกเขามองเธอด้วยความชื่นชมมากกว่าเดิม มันไม่แปลกหรอกที่ใครๆจะมองนอร่าห์แบบนี้ในครั้งแรก แถมเธอยังเป็นผู้หญิงอีก ปกติตากล้องที่ใครๆรู้จักต่างก็เป็นผู้ชายกันทั้งนั้น พอมาเจอเธอในตอนแรกทุกคนก็ไม่มั่นใจกันทั้งนั้น จนกระทั้งเห็นรูปที่เธอถ่ายออกมา สายตาพวกเขาเลยเปลี่ยนไป นอร่าห์มักทำอะไรก็ทำเต็มที่ ไม่ใช่มาพูดโอ้อวดผลงานหรือสักแต่ทำให้มันเสร็จๆไป นั่นไม่ใช่เธอเลย พวกเขาต้องให้เธอพิสูจน์ ว่าเธอทำมันได้จริงๆ
การเดินทางใช้เวลาไม่นานก็ถึงที่พัก นอร่าห์พักที่โรงแรมที่พวกเขาจัดงาน ส่วนครอบครัวเบอร์โรว์พักที่บ้านพักตากอากาศของเขา ตอนแรกคุณนายเบอร์โรว์ชวนเธอพักด้วยแล้ว แต่หญิงสาวปฏิเสธไปเพราะคิดว่าไม่สะดวกเท่าไหร่ อีกอย่างงานก็จัดในโรงแรมนี้ด้วย เธอเลยคิดว่าพักที่นี่เสียเลยดีกว่า
นอร่าห์เข้ามาในห้องพักที่ครอบครัวเบอร์โรว์จัดการออกค่าใช่จ่ายให้ทั้งหมด เธอมองห้องอย่างตกใจเล็กน้อย ตอนแรกเธอขอแค่ห้องพักธรรมดานะ แต่ทำไมให้ห้องสวีท(suite)ได้ล่ะเนี่ย เธอมาพักคนเดียวนะ นอร่าห์เดินเข้าไปในห้องแล้ววางของลงทั้งหมด เธอเดินสำรวจภายในห้องต่อ ในห้องมีทั้งห้องนั่งเล่น ห้องครัวและในห้องนอนก็มีเตียงคิงไซส์ ห้องน้ำที่ดูหรูหรา ทุกอย่างดูดีมีระดับขนาดห้องใหญ่พอๆกับเอาห้องในอพาร์ทเมนต์เธอสองห้องมายัดไว้ในห้องนี้ยังได้เลย เธอถอนหายใจ ค่าจ้างเธอดูด้อยค่าไปเลยกับราคาห้องนี้ อย่างนี้เธอน่าไปพักกับอแมนด้าตั้งแต่แรกเสียดีกว่า
เธอเดินเข้ามานั่งบนเตียง โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกางเกงยีนส์ก็สั่นขึ้นมา เธอดึงขึ้นมาดู ก็พบว่าเป็นมิสคอลของเทมเพสต์ โอ ตายละ เธอลืมบอกพี่สาวไปซะสนิทเลยว่ามาทำงาน เธอกดโทรกลับไปทันที
“แกอยู่ที่ไหนเนี่ย นอร่าห์”
“ฉันมาทำงานน่ะ เทมพ์”
“นี่คริสต์มาสนะ แกไม่คิดจะกลับไปเยี่ยมแม่เลยรึไง”
“พี่ก็รู้คำตอบฉันดีอยู่แล้วยังจะถามฉันอีกทำไม” นอร่าห์พูดออกไปด้วยเสียงนิ่งๆ เทมเพสต์เงียบไป เธอรู้เหตุผลนั้นดีที่สุดแล้ว และนอร่าห์ก็ไม่อยากพูดถึงมันอีก
“ฉันคิดว่าแก..” ก่อนที่เทมเพสต์จะพูดจบเธอก็ขัดขึ้นมาก่อน
“พี่มีอะไรอีกมั้ย ฉันเดินทางมาเหนื่อยอยากพักผ่อนแล้ว” เทมเพสต์ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนพูดขึ้นมาใหม่ “ไม่ งั้นแค่นี้ละกัน” ก่อนที่เธอจะวางสายนอร่าห์รีบพูดขึ้นมาอีกรอบ “สุขสันต์วันคริสต์มาสนะเทมพ์ มีความสุขมากๆล่ะ” เธอกดสายทิ้งแล้วโยนมันมือถือลงไปบนเตียงอีกฝั่ง
คริสต์มาสเป็นเทศกาลของครอบครัว เธอรู้ดี แต่เธอไม่ชอบมันเลย นอร่าห์เกลียดที่มันพรากอะไรหลายๆอย่างที่เธออยากจะลบมันทิ้งไป แต่เธอก็ยังทำไม่ได้สักที
เธอล้มตัวนอนลงบนที่นอน แล้วปล่อยให้ความเงียบครอบงำ นอร่าห์สูดลมหายใจเข้าแล้วค่อยๆผ่อนลมหายใจออกมาอย่างช้าๆ เรื่องมันผ่านมานานแล้ว มันเป็นแค่อดีตที่เธอต้องลบทิ้ง เธอจะไม่สนใจอะไรกับมัน นอร่าห์เตือนตัวเอง ใช่ ตอนนี้เธอโตและเข้มแข็งกว่าเดิม ทุกอย่างมันผ่านไปและเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ให้ตายเถอะ นอร่าห์เกลียดสิ่งที่เธอเป็นตอนนี้ชะมัดเลย
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ