โลกใบสุดท้าย

-

เขียนโดย xoxo

วันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 08.45 น.

  10 บท
  1 วิจารณ์
  12.89K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 08.00 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) สไนเปอร์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

โลกใบสุดท้าย (เบญจภาคี)

บทที่ 8

สไนเปอร์

 

หลังจากที่กาญออกมาจากซอกตึกก็ต้องวิ่งหลบลูกกระสุนปืนความเร็วสูงจากพลซุ่มยิงที่อยู่บนยอดตึก กาญวิ่งสลับฟันปลาเข้าหาที่กำบังระหว่างฟุตบาท ซึ่งมีทั้งกองยางรถ ทั้งแท่นแบริเออร์ ต้นไม้ริมทาง รวมถึงมุมตึกต่างๆ โดยที่กาญเองก็ไม่รู้เลยว่าเบื้องหน้าที่เขากำลังมุ่งเข้าไปหานั้นมีอะไรรอเขาอยู่บ้าง กาญรู้แต่ว่าเขาต้องผ่านด่านทหารข้างหน้าไปให้ได้ และเมื่อกาญยิ่งวิ่งเข้าไป ความโกลาหลต่างๆมายมายก็บังเกิดขึ้น ทั้งควันไฟจากกองยางที่มืดครึ้มไปทั่ว ทั้งเสียงปืนเสียงระเบิดที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เสียงหวอของรถพยาบาลดังขึ้นนับคันไม่ถ้วน ผู้ชุมนุมที่ยังคงวิ่งวกไปวนมา หลบหลีกกระสุนปืนจากพวกทหารและที่ตามพื้นฟุตบาทมีผู้คนนอนตายจมกองเลือดอยู่หลายต่อหลายคน

“นี่มันสงครามกลางเมืองชัดๆ” กาญอุทานออกมาเบาๆ หลังจากที่แอบอยู่หลังแท่นแบริเออร์ และก่อนที่เขาจะออกวิ่งต่อไปแวบหนึ่งของสายตาก็ไปปะทะกับร่างของผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังวิ่งหนีอะไรบางอย่างอยู่โดยที่ในอ้อมอกของเธอโอบกอดลูกน้อยไว้ด้วย และอีกแวบหนึ่งของสายตาก็เห็นแสงอะไรบางอย่างพุ่งลงมาจากยอดตึกและในวินาทีนั้นกาญก็รู้ทันทีเลยว่ามันกำลังจะเกิดอะไรขึ้น

“หมอบลง!” กาญตะโกนออกไปอย่างสุดเสียงและวิ่งออกจากแท่นแบริเออร์ที่หลบอยู่อย่างรวดเร็วกระโดดพุ่งตัวลอยเข้าหาแม่ลูกอ่อนที่วิ่งหันรีหันขวางอยู่บนฟุตบาท

“ฟุ๊บ!” เสียงกระสุนความเร็วสูงพุ่งเข้าใส่สองแม่ลูกนั้นอย่างไม่ปราณีปราศรัย สองแม่ลูกล้มลงด้วยแรงปะทะจากกาญที่ลอยตัวเข้ามาขวางวิถีของลูกกระสุนความเร็วสูงจากยอดตึก

“ตุ๊บ!”

“กรี๊ด!” สาวแม่ลูกอ่อนร้องเสียงหลงเมื่อโดนกาญพุ่งเข้าใส่และใช้ตัวเองเป็นโล่กำบัง ให้ทั้งสองแม่ลูกพ้นจากวิถีกระสุนความเร็วสูงและคนที่เจ็บคือกาญที่โดนกระสุนปืนความเร็วสูงเข้าเต็มๆจนกระอักเลือดออกมา

“อั๊ก!” เลือดสดๆไหลออกมาจากปากของกาญ

“หลบเข้าซอกตึกไป...อย่าวิ่งบนฟุตบาท”กาญตะโกนสั่งสาวแม่ลูกอ่อนคนนั้นและเมื่อเธอตั้งสติได้สาวแม่ลูกอ่อนคนนั้นพยักหน้ารับอย่างหวาดกลัว

“ขะขะ...ขอบคุณมาก”สาวแม่ลูกอ่อนคนนั้นเอ่ยขึ้นก่อนจะพาลูกวิ่งเข้าไปในซอกตึกส่วนกาญยังนอนจุกอยู่ด้วยฤทธิ์ของกระสุนปืนความเร็วสูงและไม่มีเวลาให้กาญได้ดูบาดแผลของตัวเองสักเสี้ยววินาทีเมื่อดูเหมือนว่าพื้นที่เขานอนกลิ้งอยู่จะมีกระสุนพุ่งลงมาเจาะอีก

“ฟุ๊บ!”

“เฮ้ย!...ยังไม่หยุดยิงอีกหรือไงวะ...เจ็บนะโว้ย!” กาญตะโกนลั่นในขณะที่กลิ้งม้วนตัวเข้าหาแท่นแบริเออร์ กาญพิงตัวกับแท่นแบริเออร์กัดฟันแน่นและก้มมองมาที่สีข้างด้านขวาก็เห็นอะไรบางอย่างฝังอยู่ที่เสื้อเกราะ กาญจึงใช้มือดึงออกมาก็พบว่า

“หัวกระสุนปืน!” กาญอุทานออกมาเบาๆ

 

ณ ยอดตึกสูงแห่งหนึ่งชายฉกรรจ์สองคนใส่ชุดดำทั้งชุดลักษณะการแต่งกายไม่ต่างจากหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่เรียกว่าคอมมานโด หมอบซุ่มอยู่กับบังเกอร์ที่สร้างขึ้นจากกระสอบทราย หนึ่งคนกำลังใช้กล้องส่องทางไกลส่องหาเป้าหมายที่อยู่เบื้องล่าง หนึ่งคนในมือถือปืนยาวติดลำกล้องชนิดพิเศษหรือที่เรียกว่าสไนเปอร์กำลังส่องปลายกระบอกปืนเล็งมาที่ฝูงชนที่วิ่งเพล่นพล่านอยู่เบื้องล่าง

“จ่า” เสียงของชายที่ถือกล้องส่องทางไกลเอ่ยขึ้น

“ครับ...หมวด...” ทั้งสองเอ่ยปากเจรจากันโดยที่สายตาไม่ได้ลดละจากกล้องส่องทางไกลและกล้องที่ติดกับปืนยาว สไนเปอร์

“จ่าเก็บไอ้ลิงตัวนั้นได้แล้วใช่ไหม...แม่งวิ่งไวฉิบ” นายทหารนายหนึ่งสบถออกมาอย่างหัวเสีย

“คิดว่ามันโดนเข้าเต็มๆไปแล้วเม็ดนึงครับผู้หมวดฯ” จ่าพลแม่นปืนเอ่ยขึ้นอย่างค่อนข้างจะมั่นใจ

“โดนจริงๆเหรอจ่า?” ผู้หมวดฯถามย้ำ

“ครับ...โดนแน่ๆ มันกระเด็นเข้าไปหลังแท่นแบริเออร์นั่น กว่าจะซัดมันโดนผมเอ็งก็หมดกระสุนกับไอ้ลิงตัวนี้ไปหลายสิบลูก...นี่ต้องยิงเหยื่อล่อมันถึงจะออกมาให้เห็น” จ่าจอมโหดนายนั้นพูดถึงเหยื่อล่อซึ่งก็คือสองแม่ลูกอ่อนที่วิ่งเข้ามาพอดี

“นี่จ่าตั้งใจยิงผู้หญิงคนนั้นเพื่อล่อไอ้ลิงนั่นออกมาอย่างนั้นหรือ” ผู้หมวดฯยังแทบไม่เชื่อหูที่ได้ยินจ่าพูด

“ครับ...การสงครามมันต้องมียุทธวิธีครับ...ผู้หมวดฯ” จ่าจอมโหดพูดหน้าตาเฉย

“โห...ยุทธวิธีของจ่าแม่งเลวได้ใจจริงๆ” ผู้หมวดเอ่ยขึ้นเบาๆ

“อะไรนะครับ” จ่าจอมโหดทำท่าเงี่ยหูฟังที่ผู้หมวดพูด

“เออๆ...ชั่งมันเถิด” แต่ดูเหมือนว่าจ่าจอมโหดจะได้ยินแล้ว

“โทษผมไม่ได้หรอกครับผู้หมวดฯมันเป็นคำสั่งจากเบื้องบนไม่ใช่หรือครับ...ว่าให้ยิงทุกคนที่เข้ามาในเขตใช้กระสุนจริง...นี่ผมยังไม่ยิงตั้งหลายคนนะครับ...ผู้หมวดฯ”

“หมายความว่าจ่าปล่อยไปหลายคนแล้วว่างั้น”

“ครับผู้หมวด...คิดเสียว่าปล่อยลูกนกลูกกาครับ” จ่าจอมโหดพูดหน้าตาเฉย

“โห...แม่งโคตรใจบุญเลยปล่อยลูกนกลูกกาไปตั้งหลายตัว” ผู้หมวดรำพึงออกมาเบาๆ

“ผู้หมวดฯรู้ได้อย่างครับ...ผมยังไม่เคยไปทำบุญกับผู้หมวดฯเลย...หรือหน้าตาผมมันบ่งบอกว่าใจบุญหรือครับ” จ่าจอมโหดพูดออกมาหน้าตาเฉยเหมือนไม่รู้ว่าผู้หมวดฯพูดประชดประชัน

“เถียงคำไม่ตกฟาก” ผู้หมวดฯลดกล้องลงมาและเหล่ตามองจ่า

“ตกฟากก็เจ็บสิครับหมวด” จ่าตอบกลับโดยไม่ละสายตาจากกล้องที่ติดอยู่กับปืนยาว

“เดี๋ยวจ่าก็ตกตึกหรอก”

“แหะๆ...ผมล้อเล่นครับผู้หมวด..เดี๋ยวเลิกงานผมให้ผู้หมวดฯเลี้ยงเหล้าแล้วกัน ” จ่าจอมโหดพูดจบก็โดนผู้หมวดตบกะโหลกเบาๆ

“ทำงานไปจ่า...อย่าแอลกอฮอร์ลิสซึ่ม” ทั้งสองสัพยอกกันอย่างเป็นกันเองและสนุกสนานท่ามกลางความเป็นความตายของผู้ชุมนุมฯที่พวกเขากำลังยื่นให้โดยไม่รู้ร้อนรู้หนาว

“แล้วศพไอ้ลิงนั่นมันอยู่ไหนล่ะ...ผมยังไม่เห็นศพมันเลยจ่า” ผู้หมวดฯพูดจบก็ส่องกล้องมองหาร่างของเหยื่อที่จ่าเพิ่งยิงไป

“อยู่หลังแท่นแบริเออร์ไม่ใช่หรือครับ...ผมเห็นมันโดนลูกปืนกระเด็นเข้าไปทางนั้น”

“เอ...ไม่มีนะ ” ผู้หมวดฯพยายามส่องหาร่างของกาญตามที่จ่าบอก ไม่นานผู้หมวดฯก็เห็นการเคลื่อนไหวอะไรบางอย่าง

“เฮ้ย!...มันยังไม่ตาย...นั่น...มันวิ่งออกจาแท่นแบริเออร์แล้ว..จ่า...จ่า...ยิงมันเร็ว” สิ้นเสียงผู้หมวดฯ จ่าพลแม่นปืนจัดการเหนี่ยวไกเข้าใส่กาญทันที

“ไอ้ห่า!...ตายยากนักนะมึง” จ่าจอมโหดพลแม่นปืนรำพึงออกมาก่อนจะลั่นไกเป็นชุด

“ปัง!...ปัง!....ปัง!....ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ” เสียงปืนจากพลแม่นปืนเหนี่ยวไกทีละนัดอย่างกระชั้นชิดเป้าหมายคือกาญที่กำลังวิ่งซิกแซกหลบไปหลบมาอยู่ด้านล่าง

“แม่งไวฉิบ”จ่าพลแม่นปืนสบถออกมาอย่างหัวเสีย ในขณะที่ทุกอย่างอยู่ในสายตาของผู้หมวดฯ เห็นกาญหลบกระสุนได้อย่างนั้นแล้วก็เลยรู้สึกรำคาญใจ

“จ่าเดี๋ยวพอเห็นตัวมันอีก...ปล่อยกระสุนรัวไปเลยจ่าดูสิมันจะหลบทันไหม” ผู้หมวดออกคำสั่งทันที

“ครับ...หมวด...เดี๋ยวจัดให้” พูดจบจ่าจอมโหดถอดแม็กกาซีนยาวออกมาและบรรจุแม็กกาซีนประกอบเข้าลำตัวปืนไปใหม่อย่างรวดเร็ว

“มา...ไอ้ลิงกัง..มึงมา” จ่าจอมโหดตะโกนออกมาอย่างเดือดดาลและยังไม่สิ้นเสียง กาญก็วิ่งออกมาให้จ่าพลแม่นปืนเห็นอีกครั้ง และครั้งนี้ก็เป็นไปอย่างที่ผู้หมวดฯสั่งจ่าพลแม่นปืนปล่อยกระสุนออกไปเป็นชุดทันที

“พรึบ...ๆๆๆ” กระสุนปืนกลนับสิบลูกพุ่งเข้าใส่กาญ และคราวนี้ก็เป็นไปอย่างที่ผู้หมวดฯคิดไว้ กาญโดนกระสุนเข้าเต็มๆกลางหลังก่อนจะกระเด็นทะลุเข้าไปในกระจกร้านค้าแห่งหนึ่งในย่านนั้น

“เพล๊ง!”

“โครม!” เสียงกระจกแตกกระจายพร้อมกับข้าวของภายในร้านก็พลอยโดนยิงถล่มซ้ำไปด้วย ร่างของกาญกระเด็นเข้าไปนอนคลุกฝุ่นอยู่ตรงนั้นเอง เสียงหวีดร้องของผู้คนก็ดังขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นว่ามีคนโดนทหารยิงเข้าอีกแล้ว

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ...โดนจนได้นะมึง” ผู้หมวดฯหัวเราะลั่นเมื่อเห็นภาพในกล้องส่องทางไกล

“กลิ้งไม่เป็นท่าเลยนะมึง...ไอ้ลิงกัง...ล่อกระสุนสไนเปอร์กูหายไปซะหลายกล่องเลย...เพราะมึงคนเดียวแท้ๆ...จะเอาไปแลกเหล้าสักหน่อยเถิด” จ่าพลแม่นปืนรำพึงออกมา

“ในหัวมีแต่เหล้าหรือไงจ่า” ผู้หมวดเอ่ยขึ้นเรียบๆ

“ก็กินด้วยกันนี่หมวด...ไม่น่าถาม...หึหึหึ...” เสียงของจ่าจอมโหดหัวเราะในลำคอเบาๆ ผู้หมวดยกกล้องส่องทางไกลขึ้นดูต่อ

“จ่ายิงโดนหัวมันหรือเปล่า” ผู้หมวดฯเอ่ยถาม

“ไม่ครับ...เป้ามันเล็กเกินไปผมเล็งไปที่ลำตัวครับหมวด...น่าจะโดนเป็นสิบเม็ดนะครับ...ผมว่า” จ่าพูดไปสายตาก็ยังคงจับจ้องไปที่ลำกล้องบนกระบอกปืน

“เฮ้ยจ่า!...ไอ้ลิงนั่นมันใส่เสื้อเกราะไม่ใช่หรือ” ผู้หมวดพูดเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้

“หายห่วงครับหมวด...หมวดลืมแล้วหรือครับ...ว่ากระสุน สไนเปอร์มันเจาะเกราะได้”

“เออ...จริงสินะ...ผมลืมเรื่องนี้ไปเลย...ฮ่า ๆ ๆ ๆ ” ผู้หมวดฯอำมหิตเปล่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างเลือดเย็นประหนึ่งว่ากำลังอยู่ในสงครามเข่นฆ่าศัตรูผู้รุกรานประเทศชาติและรู้สึกภูมิใจอย่างมากที่เข่นฆ่าผู้คนเหล่านั้นได้ประหนึ่งเหมือนเป็นศัตรู ทั้งที่แท้จริงแล้วศพแล้วศพเล่าที่เขาเข่นฆ่าคือคนไทยมือเปล่าด้วยกันเองทั้งนั้น

และเมื่อฝุ่นที่คละคลุ้งจางลงบนซากปรักหักพังภายในของห้างร้านแห่งหนึ่ง ร่างของกาญนอนแน่นิ่งไม่ไหวติงอยู่อย่างนั้น และชั่วอึดใจต่อมามือของกาญก็เริ่มขยับขึ้นอีกครั้งเขาพยายามชันตัวลุกขึ้นจากซากสิ่งของที่โถมทับเขาอยู่ ซึ่งบัดนี้เผยให้เห็นเสื้อเกราะที่กาญสวมใส่มันเป็นรูพรุนไปด้วยอานุภาพของกระสุนเจาะเกราะแต่ทว่ากระสุนเหล่านั้นมันไม่สามารถทะลุทะลวงเข้าไปในร่างกายของกาญได้ มันได้แค่เพียงสร้างรอยฟกช้ำจากแรงปะทะ จนกาญเองถึงกับกระอักเลือดเต็มปากและจมูก กาญคลุกเข่าก้มหน้าลงกับพื้นปล่อยเลือดให้ไหลออกมาจากปากเขากัดกรามแน่นก่อนจะเปล่งเสียงร้องออกมาอย่างคนบ้าคลั่ง

“อ๊ากกกก!” ดวงตาของเขาแดงกล่ำเหมือนดังดวงอาทิตย์ไม่เหมือนกับกาญคนเก่าเสียแล้วในเวลานี้ และเมื่อเขาลุกขึ้นสายตาของกาญก็ปะกับผู้ชุมนุมฯที่ยืนมองเขาอยู่ด้วยความตกใจทุกคนต่างอ้าปากค้างเมื่อเห็นเปลวเพลิงในดวงตาของกาญและกระแสพลังรอบๆตัวกาญที่แผ่ออกมาแต่ไม่นานพลังต่างๆเหล่านั้นก็ค่อยๆจางคลายลงจนกลายเป็นปกติ

“ปะ...เป็น...อะไรหรือเปล่าพ่อหนุ่ม” ชายสูงวัยคนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างกล้าๆกลัว กาญเริ่มตั้งสติก่อนจะหลับตาลงช้าๆเขาถอนหายใจเข้าลึกๆและค่อยๆพูดออกมา

“ไม่เป็นไร..ครับ...ลุง”

“โดนซะพรุนขนาดนี้ยังไม่เป็นไรอีกเหรอ” ชายสูงวัยคนนั้นเอ่ยขึ้นอีกครั้ง คราวนี้กาญได้แต่ยิ้มน้อยๆ ฝูงชนที่อาศัยหลบวิถีกระสุนอยู่ในห้างร้านแห่งนั้นเริ่มออกมาล้อมดูกาญด้วยสายตาที่ประหลาดใจกับภาพที่พวกเขาเห็น

“แม่...แม่...ฮือๆๆ...” เสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลังกลุ่มชนที่รายล้อมกาญอยู่ กาญตัดสินใจเดินฝ่าวงล้อมออกไปท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนานา และภาพที่เขาเห็นคือเด็กผู้ชายวัยไม่เกินห้าขวบกำลังกอดร่างของแม่ ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ กาญรีบเข้าไปดู

“แม่หนูเป็นอะไร” กาญเอ่ยขึ้นเด็กน้อยคนนั้นเงยหน้าขึ้นมาด้วยน้ำตานองหน้าก่อนจะพูดออกมาแทบไม่เป็นภาษา

“มะ..แม่หนูโดนยิง...แม่หนูโดนยิง...ช่วยแม่หนูด้วยครับ” เสียงร้องไห้ของเด็กคนนั้น รวมทั้งเหตุการณ์เดียวกันนั้นมันทำเอากาญถึงกับขนลุกชันทั้งตัว ประหนึ่งเหมือนมันเกิดขึ้นกับตัวเองอีกครั้ง

“มาเดี๋ยวพี่ช่วยเอง...ไม่ต้องร้องไห้นะ” กาญปลอบเด็กน้อยคนนั้นและดึงออกมาจากร่างแม่ของเขา กาญไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบดูอาการของหญิงเคราะห์ร้ายทันที เมื่อสัมผัสไปที่ชีพจรก็พบว่าชีพจรยังเต้นและเธอยังหายใจอยู่ เมื่อดูบาดแผลก็พบว่ามันสาหัสมากเธอโดนยิงเข้าช่องท้องพอดี กาญรีบทำการคัดเลือดก่อนจะหยิบเอาเกสรน้ำตาดอกไม้จันทร์ทราออกมาหยดลงไปที่บาดแผลและมันก็ได้ผลอย่างทุกครั้ง บาดแผลฉกรรจ์นั้นกลับหายไปอย่างปลิดทิ้งท่ามกลางสายตาของผู้คนที่ยืนล้อมวงดูอยู่ทุกคนต่างพากันอ้าปากค้างเมื่อเห็นปาฏิหาริย์นั้น

“เอาล่ะ...แม่หนูไม่เป็นอะไรแล้วนะ” กาญพูดจบก็ลูบหัวเด็กน้อย ไม่กี่อึดใจหญิงผู้เคราะห์ร้ายก็ลืมตาขึ้น พร้อมกับการโผกอดลูกชายด้วยความดีใจ

“แม่...แม่...แม่ยังไม่ตาย” ท่ามกลางสายตาของกลุ่มชนและบางคนถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ที่แม่ลูกได้อยู่ร่วมกันอีกครั้ง

            “พี่ไปก่อนนะ” กาญเอ่ยออกมาพร้อมกับลูบหัวเด็กน้อยคนนั้นเบาๆ กาญลุกขึ้นและกำลังจะเดินฝ่าวงล้อมออกไป

            “เดี๋ยว!” เสียงหนึ่งดังขึ้นกาญหยุดกึกและหันมาตามต้นเสียงนั้น

            “เดี๋ยวครับพี่”เด็กน้อยคนนั้นเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินมาหากาญและหยิบยื่นอะไรบางอย่างให้กาญ

            “ลูกธนู” กาญเอ่ยออกมาเบาๆ ในขณะที่รับลูกธนูนั้นมา

            “ช่วยพวกเราด้วยครับ” เด็กน้อยคนนั้นเอ่ยออกมาเบาๆ และเมื่อกาญมองไปรอบๆก็ปะทะกับสายตาผู้คนที่ดูเหมือนจะพูดเป็นเสียงเดียวกับเด็กน้อยคนนั้น ทุกคนต่างพากันเก็บลูกธนูที่ตกกระจายอยู่ตามพื้นร้านมาคนละดอกสองดอกซึ่งห้างร้านแห่งนั้นเป็นที่ขายอุปกรณ์การยิงธนูนั่นเอง ทุกคนต่างพากันนำลูกธนูมามอบให้กาญและแต่ละคนก็พูดคำว่า

            “ช่วยพวกเราด้วย” กาญรับลูกธนูมาจากผู้ชุมนุมฯคนแล้วคนเล่า จนมีคนหนึ่งเอากระเป๋าใส่ลูกธนูเป็นสายสะพายแล่งมาให้ และชายสูงวัยคนที่ทักกาญตั้งแต่ตอนแรกก็เดินฝ่ากลุ่มชนนำคันธนูมายื่นให้กาญ

            “นี่เป็นคันธนูที่ดีที่สุดในร้านลุง” ชายสูงวัยคนนั้นเอ่ยขึ้น ซึ่งแท้ที่จริงแล้วเขาคือเจ้าของร้านขายอุปกรณ์การยิงธนูแห่งนี้นั่นเอง กาญรับคันธนูมาจากชายสูงวัยคนนั้นเขาพิจารณาถึงความสวยงามของมันอยู่สักพักก่อนจะจับกระชับมือดู ชายสูงวัยคนนั้นยิ้มออกมาน้อยๆเมื่อเห็นกาญรู้สึกสนใจในคันธนูของเขา

            “มันเป็นคันธนูลอกทดแรง คันธนูทำมาจากโลหะพิเศษมันยิงได้ไกลและแรงมาก...ส่วนเรื่องความแม่นนั้นต้องอาศัยฝีมือของเราแล้วล่ะ...ลุงเก็บมันไว้นานแล้วของรักของลุงเลยนะ” กาญไม่พูดอะไรมากไปกว่าพยักหน้ารับช้าๆ

            “ขอบคุณครับคุณลุง” กาญยิ้มออกมาน้อยๆที่มุมปาก

            “ใช้มันให้เป็นประโยชน์ หยุดพวกทหารบ้าเลือดพวกนั้นให้ทีเถิด เพื่อทุกคนจะได้กลับบ้านกัน” ชายสูงวัยเอ่ยและหันมามองผู้คนที่อยู่รอบๆอีกครั้ง

“ครับ...ผมจะทำให้ดีที่สุด” กาญตอบสั้นๆแต่สายตาดูมุ่งมั่น

“ช่วยพวกเราด้วย...พวกเราออกจากที่นี่ไม่ได้” เสียงอ้อนวอนของหญิงวัยกลางคนเอ่ยขึ้นอย่างน่าสงสาร

            “ครับ...ผมจะพยายามช่วยทุกคนให้ได้...ทุกคนซ่อนตัวอยู่ในนี้ก่อนนะครับ...ถ้าเหตุการณ์สงบแล้วค่อยกลับบ้านกัน” กาญพูดจบทุกคนในที่นั้นต่างพากันพยักหน้ารับด้วยสายตาที่มีความหวัง และกาญเองก็พยักหน้าให้กับกลุ่มคนเหล่านั้นอย่างมั่นใจ ก่อนจะวิ่งหายตัวออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็วท่ามกลางสายตาที่ยังสงสัยและอดที่จะวิพากษ์วิจารณ์กันต่อไม่ได้

            “ซุปเปอร์แมนหรือเปล่าวะ?” เสียงชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้น

            “เฮ้ย!...ซุปเปอร์แมนที่ไหนเลือดออกเต็มปากอย่างนั้น...ข้าว่า...สไปเดอร์แมนมากกว่าว่ะ”

“บ้า...สไปเดอร์แมนทำไมไม่ชักใยวะ...ข้าว่า แบทแมนชัวร์” เสียงของใครหลายคนในกลุ่มต่างพากันคุยวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนานาท่ามกลางความโกลาหลที่ยังคุกรุ่นและเสียงปืนที่ยังดังไม่ขาดระยะอยู่ภายนอก

กาญวิ่งออกมาหลบอยู่มุมตึกสูงแห่งหนึ่งเขาชะโงกหน้าออกไปดูตามยอดตึกฝั่งตรงกันข้าม และสิ่งที่เขาเห็นก็คือแสงแวบจากปลายกระปอกปืนสไนเปอร์ พุ่งลงมาด้านล่างซึ่งพวกทหารยังยิงอยู่ไม่ขาดระยะ กาญครุ่นคิดหาวิธีที่จะจัดการกับสไนเปอร์เหล่านั้นก่อนจะยกคันธนูขึ้นดู

“จะแรงสักแค่ไหนนะ” พูดจบกาญก็คว้าลูกธนูออกมาจากด้านหลังและขึ้นสายรั้งก่อนจะเล็งออกไปบนยอดตึกฝั่งตรงกันข้าม กาญง้างสายรั้งสุดสายก่อนจะปล่อยลูกธนูออกไป

“ฟิ้ว!” ลูกธนูพุ่งผ่าอากาศไปด้วยความเร็วสูงและหายลับไปบนยอดตึก กาญเห็นถึงกับทึ่งในอานุภาพความแรงของมันที่สามารถยิงออกไปไกลได้ขนาดนั้นอย่างสบายๆ แต่มันก็ยังไม่สามารถจะเล็งเป้าใส่พลแม่นปืนตามยอดตึกต่างๆได้เนื่องจากมีบังเกอร์กำบังพลแม่นปืนอยู่

อย่างเดียวที่ทำได้คือกาญต้องอยู่ในระนาบเดียวกันกับพลแม่นปืนพวกนั้น กาญมองหาทางที่จะขึ้นไปบนตึกที่เขายืนอยู่เขาตัดสินใจวิ่งอ้อมไปด้านหน้าซึ่งเป็นทางเข้าและหายลับเข้าไปด้านในทันที

 

            ภายในโรงพยาบาลที่เรนอนรักษาตัวอยู่บัดนี้เขาไม่ได้อยู่ในชุดของโรงพยาบาลอีกแล้ว เรยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์การเงินในชุดลำลองเสื้อยืดกางเกงยีนส์และกำลังจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลอยู่

“ทำไมหายไวจังล่ะหนู” เจ้าหน้าที่การเงินเอ่ยขึ้น

“ไม่รู้เหมือนกันครับ...ผมถอดวางไว้บนชั้นวางพอมาดูอีกทีก็หายไปแล้วครับ..เนี่ยต้องเสียตังค์ไปซื้อใหม่อีก...จะชดเชยให้หรือครับ” เรพูดพร้อมกับทำหน้าเอ๋อๆ

“ฉันไม่ได้หมายถึงรองเท้าย่ะ...ฉันหมายถึงอาการที่ถูกแทงนะ...แหม...ของฉันก็หายเหมือนกันแหละ” เจ้าหน้าที่การเงินคนนั้นทำตาปะหลับปะเหลือกใส่เรที่กวนใส่เธอ

“แหะๆ...ล้อเล่นนะครับ” เรอมยิ้มน้อยๆแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรมากไปกว่านี้ เพราะรองเท้าของเธออาจจะลอยมาชดเชยให้เขาก็ได้

“เออนี่หนู”เจ้าหน้าที่การเงินเอ่ยขึ้น

“ครับผม” เรขานรับทันที

“อย่าเพิ่งเข้าไปในเมืองหลวงนะ” เรทำหน้าสงสัยก่อนจะเอ่ยถาม

“ทำไมหรือครับ...ผมกำลังจะเข้าไปโรงพยาบาลจุฬาฯพอดี”

“อย่าเพิ่งเข้าไปเชียวนะ...มันอันตรายมาก...โน่นดูที่โทรทัศน์นั่นสิ”เจ้าหน้าที่การเงินชี้มือให้เรดูรายการข่าวในโทรทัศน์ซึ่งกำลังเกาะติดรายงานข่าวสดการเข้าสลายการชุมนุมฯของประชาชนที่ออกมาต่อต้านการรัฐประหารโดยกองกำลังทหาร และภาพข่าวที่เรเห็นก็ทำให้เขาถึงกับตกใจเมื่อเห็นภาพการสลายการชุมนุมที่โหดเหี้ยมผู้คนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก และความโกลาหลที่เกิดขึ้นใจกลางเมืองควันไฟที่ลอยดำทะมึนไปทั่ว และที่สำคัญผู้สื่อข่าวยังรายงานอีกว่า

“บัดนี้ผู้ชุมนุมที่ยังเหลืออยู่เริ่มถอยล่นเข้ามาภายในโรงพยาบาลจุฬาฯจากการผลักดันของฝ่ายทหารที่ออกมาสลายการชุมนุมฯ และทหารเริ่มเข้ากระชับพื้นที่ไปเรื่อยๆแล้ว” ยังไม่ทันจบรายงานข่าว

“กาญ!” เรอุทานออกมาเบาๆก่อนจะวิ่งจ้ำอ้าวออกจากเคาน์เตอร์การเงินโดยไม่รอใบเสร็จกับเงินทอน

“เดี๋ยวหนู...เงินทอน”เจ้าหน้าที่การเงินตะโกนตามออกไปแต่ก็ไม่ทันเสียแล้วเรวิ่งออกไปโดยที่ไม่เหลียวหลังกลับมาอีกเลย

 

ภายในถ้ำแห่งวิหคลมนครร่างของกาญที่เป็นเพียงแสงเรืองๆไม่ปรากฏเป็นกายหยาบจับต้องได้ยังคงนอนสงบนิ่งอยู่บนแท่นหิน ซึ่งขณะนี้ดาบสได้นั่งกรรมฐานเพ่งดูร่างของกาญอยู่และกาญจะสะดุ้งตัวขึ้นทุกครั้งที่โดนยิงหรือโดนทำร้ายจากอีกมิติหนึ่ง และยังปรากฏเลือดไหลออกมาจากมุมปากจำนวนมาก ดาบสมองดูกายละเอียดของกาญด้วยสีหน้าเคร่งเครียดก่อนจะเอ่ยออกมาเบาๆ

“สุริยะกาญ...จิตใจของเจ้าช่างยิ่งใหญ่นัก...ช่วยเหลือผู้คนไม่เลือกหน้า...สมแล้วที่มีเชื้อสายแห่งสุริยะเทพ...อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปเสียก่อนล่ะ...พวกเรายังรอเจ้าอยู่” พูดจบดาบสก็หลับตาลงนั่งกรรมฐานต่อ

 

หลังจากที่กาญหาทางขึ้นมาบนตึกฝั่งตรงข้ามกับพลแม่นปืนไม่นานนักก็ปรากฏร่างของกาญบนดาดฟ้าของตึกแห่งนั้นเอง เขาหมอบต่ำค่อยๆเคลื่อนตัวออกไปหลบอยู่หลังแนวกำแพงกันตกบนดาดฟ้า ก่อนจะค่อยๆแอบมองออกไปรอบๆ บนตึกสูงกว่าสิบชั้นนั้น เขามองออกไปก็เห็นตึกน้อยใหญ่รายเรียงอยู่เต็มไปหมดแต่เป้าหมายของกาญคือพลแม่นปืนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามและก็ไม่เกินสายตาที่กาญจะมองเห็นพลแม่นปืนซึ่งมันอยู่แนวเดียวกันกับกาญพอดีและบัดนี้พวกมันกำลังเล็งเป้าหมายที่อยู่ด้านล่างและยิงอย่างสนุกมือโดยไม่ได้สนใจมองไปที่อื่น กาญเห็นดังนั้นก็ไม่รอช้าขึ้นสายรั้งธนูและยืนขึ้นพร้อมกับปล่อยลูกธนูออกไปที่เป้าหมายเบื้องหน้าทันที

“ฟิ้ว!” ลูกธนูวิ่งผ่าอากาศออกไปด้วยความเร็วสูงและก็ไม่พลาดเป้ามันพุ่งปักเข้าหลังมือของจ่าผู้ที่ใช้สไนเปอร์ยิงผู้ชุมนุมฯเข้าเป้าอย่างแม่นยำ

“ปึก!”เสียงลูกธนูพุ่งปักลงไปมือขวาที่ใช้เหนี่ยวไก จ่าจอมโหดยกมือขึ้นดูก่อนจะร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

“อ๊าก!...ผมโดนยิง...หมวดผมโดนยิง” จ่ามือสังหารจอมโหดร้องออกมาอย่างจะเป็นจะตายยกมือที่คาลูกธนูอยู่ให้ผู้หมวดฯดู

“โดนแค่นี้...ทำเป็นร้อง...ทีมึงยิงคนอื่นกลางหัว สมองกระจุยมึงหัวเราะ” กาญพูดออกมาเบาๆก่อนจะคว้าลูกธนูออกมายิงใส่นายทหารสองคนอย่างไม่ยั้งมือ

“ฟิ้ว!...ๆ ๆ ๆ” ลูกธนูไม่ต่ำกว่าสิบลูกพุ่งเข้าใส่นายทหารจอมโหดทั้งสองผลปรากฏว่านายทหารทั้งสองนอนดิ้นพล่านด้วยความเจ็บปวด จากการโดนยิงเข้าที่มือทั้งสองข้างรวมกระทั่งแขนและขา ไม่มีบาดแผลใดฉกรรจ์พอที่จะทำให้ทั้งสองเสียชีวิตแต่ทั้งสองคงจะใช้มือเหนี่ยวไกยิงอะไรไม่ได้อีกต่อในชีวิตซึ่งกาญเองก็ไม่มีเจตนาจะเข่นฆ่านายทหารพวกนั้นอยู่แล้ว

“แค่นี้...คงหยุดยิงกันได้แล้วนะ”กาญพูดออกมาในขณะที่ยืนมองนายทหารทั้งสองดิ้นพล่านอยู่ และเเวบหนึ่งของสายตาผู้หมวดฯจอมโหดก็ปะทะเข้ากับสายตากาญของกาญที่ยืนอยู่ตึกอีกฟาก

“เฮ้ย!...จ่า....ดูนั่น” ผู้หมวดพยายามยกมือที่มีลูกธนูปักคาอยู่ชี้มาที่กาญ

“นั่นมัน...ไอ้เด็กคนนั้น...มันยังไม่ตาย” จ่าจอมโหดเอ่ยขึ้นช้าๆ และกาญก็ต้องหมอบลงกับพื้นอีกครั้งเมื่อปลายตามองเห็นแสงแวบจากปลายกระบอกปืนพุ่งตรงมาทางเขา

“ฟึ๊บ!” เสียงลูกกระสุนความเร็วสูงพุ่งผ่านศีรษะกาญไปแค่นิดเดียว

“เล็งหัวเลยนะมึง” กาญอุทานออกมาและมองหาทางดูว่าจะเข้าไปจัดการกับพลซุ่มยิงชุดนั้นได้อย่างไร เพราะว่ามันอยู่คนละตึกและห่างกันพอสมควรคงเป็นการยากที่เข้าจะยิงธนูจากจุดที่เขาอยู่นี้ ทางเดียวที่ทำได้คือกระโดดข้ามไปอีกตึก

“...จะกระโดดข้ามไปยังไงวะ...ไกลออกขนาดนี้...ขืนโดดไป...ตกไปตายเสียละมั้งคราวนี้...” กาญแอบคิดอยู่ในใจแต่ก็ไม่เวลาให้เขาคิดอะไรมากอีกแล้วเมื่อกระสุนความเร็วสูงเจาะเกราะเริ่มทำงานมันเริ่มเจาะกำแพงปูนที่เขาหลบอยู่จนเกือบจะพังลงมาเพราะฝ่ายทหารยิงเข้าใส่แบบไม่ยั้งมือ

กาญเห็นท่าไม่ดีจึงผุดออกจากที่ซ่อนออกวิ่งเต็มแรงในขณะที่กระสุนปืนก็ไล่ยิงตามหลังมาติดๆไม่มีเวลาให้กาญได้หยุดคิดอีกแล้วว่าจะกระโดดหรือไม่กระโดด และเมื่อวิ่งมาถึงขอบตึกสิ่งเดียวที่กาญทำได้คือกระโดด

“ย้ากกกก” กาญกระโดดลอยตัวออกมาจากตึกที่เขาวิ่งอยู่จุดหมายปลายทางคือตึกที่อยู่ถัดออกไปและเมื่อเขาลอยอยู่ในอากาศกาญก็ต้องตาโตเมื่อต้องพบกับความเวิ้งว้างและความสูงซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่ชอบเท่าใดนัก

“เหวอ!” กาญอ้าปากร้องออกมาด้วยความหวาดเสียวก่อนจะหล่นลงบนตึกอีกฟาก

“ตุ๊บ!” กาญกลิ้งโคโร่ลงไม่เป็นท่าแต่ก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไร เขารีบหาที่หลบก่อนทันทีเพราะยังมีลูกกระสุนความเร็วสูงพุ่งลงพื้นข้างๆเขา

“จะไม่หยุดให้หายใจหายคอกันบ้างเลยหรือไงวะ” กาญตะโกนออกไป ในขณะที่อีกยอดตึกแห่งหนึ่งพลซุ่มยิงกำลังระดมยิงกระสุนความเร็วสูงเข้าใส่กาญอย่างไม่ยั้งมือ

            “เฮ้ย!...หมวด...เห็นอะไรเมื่อกี้หรือเปล่า”นายทหารนายหนึ่งเอ่ยขึ้นในขณะที่ส่องกล้องทางไกลไปด้วย

            “เห็นครับ..ผู้กองฯ” ผู้หมวดฯผู้ที่ทำหน้าที่ลั่นไกตอบรับผู้กองฯในขณะที่มือก็ยังเหนี่ยวไกปืนไปเรื่อยๆ

            “ไอ้คนนั้น..มันทำได้อย่างไรวะ...กระโดดจากตึก...ไปอีกตึก...มันใช่คนหรือเปล่าวะ” ผู้กองฯพูดจบก็อ้าปากน้อยๆอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง

            “สไปเดอร์แมนมั้งครับผู้กองฯ” ผู้หมวดฯพลแม่นปืนเอ่ยขึ้นพร้อมกับอมยิ้ม

“จะบ้าหรือไงหมวดมันมีแต่ในหนังเท่านั้นแหละ”

“หึหึหึ...ผมพูดเล่นครับ...เดี๋ยวผมจะสอยแม่งให้ร่วงเลย...เก่งนัก...ผู้กองฯใจเย็นๆครับเดี๋ยวมันก็โผล่ออกมาอีก...คราวนี้มันได้ไปกระโดดอยู่ในนรกแน่” ผู้หมวดฯจอมโหดออกอาการอาฆาตแค่เพียงเพราะว่ายังยิงไม่โดน เป้าหมาย

“มาหมวดเดี๋ยวผมจะทำให้มันออกจากที่ซ่อนเอง...คอยยิงให้ดีก็แล้วกัน” พูดจบผู้กองฯ ก็หยิบเอาเครื่องยิงลูกระเบิดเอ็มเจ็ดสิบเก้าออกมาบรรจุกระสุนเตรียมยิง

กาญแอบมองออกไปอีกครั้งเห็นแสงแวบจากกระบอกปืนอยู่ห่างออกไปอีกสองช่วงตึก ซึ่งหมายความว่าเขาต้องกระโดดข้ามตึกอีกถึงสองครั้งจึงจะถึงตำแหน่งที่ยิงธนูได้

“...กระโดดแค่ครั้งเดียวก็เสียวจะแย่อยู่แล้ว...”         กาญคิดอยู่ในใจได้ไม่นานก็ต้องย่นคอลงและหมอบลงกับพื้นราบเมื่อมีลูกระเบิดตกลงมาบนยอดตึกที่เขาอยู่

“ตูม!”

“เล่นระเบิดเลยหรือไงวะ” กาญสบถออกมาอย่างหัวเสียและเมื่อฝุ่นจางลงกำแพงที่กาญเคยใช้หลบภัยบัดนี้มันได้หายไปหมดแล้ว กาญรีบลุกขึ้นและวิ่งท่ามกลางห่ากระสุนความเร็วสูงที่ระดมยิงเข้าใส่และก็เป็นอีกครั้งที่เขาต้องกระโดดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“ย๊ากกกก” แต่บัดนี้ความรู้สึกหวาดกลัวเริ่มหดหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่กาญไม่ทันรู้ตัว

“ตุ๊บ!” เมื่อกระโดดข้ามมาได้กาญกลิ้งม้วนตัวไปข้างหน้าก่อนจะลุกขึ้นออกวิ่งต่อไม่หยุดรอให้พวกทหารยิงเล่นอีกแล้ว เขาวิ่งก้าวกระโดดไปอีกตึกทันทีอย่างรวดเร็ว และระหว่างที่ลอยตัวอยู่บนอากาศนั้นก็เป็นจังหวะที่กาญเห็นเป้าหมายพอดีเขาปล่อยลูกธนูที่ขึ้นสายรั้งเตรียมพร้อมไว้แล้วออกไปที่เป้าหมายทันที

“ฟิ้ว!” ลูกธนูพุ่งออกไปสู่เป้าหมายที่กาญเล็งไว้

“ปึก!” แต่ทว่าครั้งนี้มันไม่ได้ผลอย่างทุกครั้ง กาญยิงพลาดลูกธนูพุ่งไปปักอยู่ที่บังเกอร์ที่ทำจากกระสอบทราย

“พรึบ!ๆๆๆ” และครั้งนี้ก็เป็นกาญเองที่โดนกระสุนความเร็วสูงสาดเข้าหน้าอกกลางอากาศเต็มๆร่างของเขาร่วงลงบนยอดตึกที่กระโดดไปนั้นเอง

“ตุ๊บ!” กาญนอนแน่นิ่งไม่ไหวติงด้วยพิษสงของลูกปืนความเร็วสูงที่พุ่งเข้ามาเป็นชุด

“ยะหู้!....โดนแล้วโว้ย”ผู้หมวดฯพลแม่นปืนตะโกนโห่ร้องด้วยความสะใจ เมื่อเห็นเหยื่อนอนแน่นิ่งด้วยฝีมือการยิงของเขา

“นายแน่มาก...หมวด..ไวขนาดนี้ยังยิงมันโดน...แต่ดูนี่สิ...มันเอาอะไรมาสู้กับเรา” พูดจบผู้กองฯจอมโหดก็เอื้อมมือไปดึงลูกธนูที่ปักอยู่กับกระสอบทรายออกมาดู

“ฮ่า ๆๆๆ...ลูกธนู...”ผู้หมวดฯและผู้กองฯหัวเราะลั่นเมื่อเห็นอาวุธที่กาญใช้สู้กับพวกเขา

“เดี๋ยวขอซ้ำอีกสักทีสองทีเถิด...โทษฐานที่กล้าเอาไม้จิ้มฟันมาแหย่ปากเสือ” ผู้หมวดฯพูดจบก็ก้มลงที่กล้องติดปืนเตรียมยิงซ้ำ

“อ้าว!” ผู้หมวดฯเอ่ยขึ้น

“ทำไมรึหมวด” ผู้กองฯเอ่ยถามพร้อมกับยกกล้องขึ้นส่อง

“ผู้กองฯเห็นใช่หรือเปล่า ผมยิงไอ้คนนั้นโดนเข้าเต็มๆ และมันร่วงลงบนดาดฟ้านั่น” ผู้หมวดฯเอ่ยขึ้นอย่างสงสัยพร้อมส่องกล้องมองหาร่างของกาญไปทั่วๆ

“ใช่หมวดยิงมันร่วงลงไปแล้วนี่...แล้วมันอยู่ไหนวะ?” ผู้กองฯเองก็ใช้กล้องส่องทางไกลสอดส่ายหาร่างของกาญไปทั่วเช่นกัน และเพียงชั่วอึดใจ

“เฮ้ย!...เห็นแล้วผู้กองฯมันแอบอยู่ด้านหลังแท๊งค์น้ำนั่นไง” ผู้กองฯส่องกล้องออกไปอีกครั้งก็เห็นขาของใครสักคนโผล่ออกมาจากหลังแท๊งค์น้ำบนดาดฟ้าตึก ผู้หมวดฯจอมโหดไม่ฟังเสียงระดมยิงใส่ขาที่โผล่ออกมาทันที

“มาหมวดเดี๋ยวผมเปิดทางให้เอง” ผู้กองฯบรรจุลูกปืนเอ็มเจ็ดสิบเก้าใส่รังเพลิงและเตรียมยิงออกไปแต่ยังไม่ทันได้เหนี่ยวไกผู้กองฯก็ต้องตาโตด้วยความตกใจเมื่อเห็นกาญยืนอยู่ที่ตึกถัดไปและกำลังเล็งธนูมาทางเขา

“เฮ้ย!” เสียงร้องของผู้กองฯมันช้ากว่าลูกธนูของกาญที่พุ่งออกมาอย่างรวดเร็วมันพุ่งเข้าเป้าหมายข้อมือขวาของผู้กองฯพอดี

“ฉึก!”

“อ๊ากกกก” ผู้กองฯร้องเสียงหลงและนิ้วมือที่เหนี่ยวไกอยู่ในปืนเอ็มเจ็ดสิบเก้าก็ทำงานโดยอัตโนมัติ มันเหนี่ยวไกออกไปทั้งที่ปลายกระบอกปืนหันไปทางผู้หมวดฯจอมโหดในบังเก้อพอดี

“เฮ้ย!” สิ้นเสียงร้องก็ตามมาด้วยเสียงระเบิด

“ตูม!” เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว พอกลุ่มควันจางลงก็ปรากฏร่างของนายทหารทั้งสองนอนจมกองเลือดอยู่คนละทิศทาง และสิ่งที่พวกเขาระดมยิงใส่นั่นก็คือท่อนไม้สีดำขนาดเท่าขาคนที่กาญนำไปวางไว้ก่อนกระโดดข้ามมาอีกตึก

กาญยกมือขึ้นเช็ดเลือดตัวเองที่มุมปากและยืนมองผลงานด้วยใบหน้าสายตาที่เย็นชาเขาก้มดูเสื้อเกราะที่หน้าอกซึ่งปรากฏหัวลูกกระสุนความเร็วสูงฝังติดอยู่สองเม็ดแม้มันจะเจาะทะลุเกราะเข้าไปแล้วแต่มันก็ไม่สามารถทะลุเข้าไปในร่างกายของเขาได้

กาญล้วงพระที่คอออกมาไว้ในมือก่อนจะยกมือทั้งสองขึ้นพนมระลึกถึงพระพุทธคุณที่คุ้มครองเข้าให้รอดพ้นจากกระสุนสังหารมาได้หลายต่อหลายครั้ง กาญแกะหัวกระสุนออกมาดู

“อโหสินะนายทหาร...นี่สินะที่เรียกว่า...ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว” พูดจบกาญก็

ขว้างหัวกระสุนนั้นกลับไปที่ร่างของผู้หมวดฯจอมโหดที่นอนจมกองเลือดอยู่ และดูเหมือนตอนนี้กาญจะเริ่มชาชินกับการต่อสู้เข้าไปทุกขณะแล้ว และความคิดแวบหนึ่งของกาญก็ผุดขึ้นอีกครั้ง

“...เฮ้ย...นี่เราทำร้ายทหารและเมื่อกี้ก็ไมรู้ว่าตายอีกหรือเปล่า...ขืนเปิดหน้าแบบนี้ต่อไปกล้องวงจรปิดที่ไหนสักแห่งต้องจับภาพและใบหน้าเราได้แน่...และคงไม่พ้นโดนตามล่าหรือโดนจับ...”  และเมื่อกาญคิดได้อย่างนั้นก็มองหาอะไรบางอย่างเพื่อจะอำพรางตัวเองจนกระทั่งเห็นราวตากผ้าบนดาดฟ้าตึกนั่นเองและก็โชคดีที่มันมีหมวกไหมพรหมหรือไอ้โม่งตากอยู่พอดี และเมื่อกาญสวมหมวกไอ้โม่งสีดำและเสื้อเกราะที่แม้ว่าจะทรุดโทรมและพรุนไปด้วยกระสุน

ณ ตอนนี้กาญก็ไม่ได้แตกต่างไปจากชายชุดดำสักเท่าไดแต่ที่ไม่เหมือนชายชุดดำอยู่อย่างหนึ่งก็คืออาวุธที่เขาใช้และที่สำคัญคือหัวใจ หัวใจที่เปี่ยมล้นไปด้วยคุณธรรม

“แคกๆๆ...” เสียงของกาญไอออกมาเขาเปิดไอ้โม่งออกก็พบเลือดสดๆมันกระอักออกมาจากปากเขาอีกแล้ว กาญใช้มือคลำไปที่หน้าอกตัวเองรู้สึกถึงอาการบอบช้ำภายในอย่างบอกไม่ถูกและเขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมา

“เกสรน้ำตาฯ”กาญรำพึงออกมาเบาๆ ก่อนจะควักมันออกมาจากกระเป๋าสะพายแต่มือยังไม่ทันออกมาจากกระเป๋าเขาก็ยัดมันเก็บไว้ที่เดิม

“...ไม่น่า....เรายังไม่ได้ใกล้จะตายสักหน่อยแค่นี้ยังไกลหัวใจ...เก็บไว้ให้แม่เราดีกว่า...”    กาญกัดฟันสลัดความเจ็บปวดออกไปสายตาสอดส่ายมองหาอะไรสักอย่างก่อนจะเพ่งไปที่ตึกสูงแห่งหนึ่งที่อยู่เบื้องหน้า

“นั่นน่าจะเป็นโรงพยาบาลจุฬาฯ” กาญรำพึงออกมาหลังจากที่เพ่งไปเห็นสัญลักษณ์กากบาทสีเขียวอันใหญ่อยู่เบื้องหน้า

“แม่...รอผมหน่อยนะ” พูดจบกาญก็ถอยหลังไปหลายก้าวก่อนจะออกวิ่งอย่างรวดเร็วเพื่อกระโดดข้ามให้พ้นยอดตึก

“ย๊าก”

ท่ามกลางกลุ่มควันสีดำที่ยังลอยคละคลุ้งผู้ชุมนุมฯที่หลบซ่อนตัวอยู่ตามอาคารตึกและห้างร้านต่างๆ ต่างพากันประหลาดใจที่อยู่ๆเสียงปืนที่เรียกว่าสไนเปอร์จากยอดตึกบัดนี้มันได้เงียบลงแล้ว คงทิ้งไว้แต่เพียงควันไฟและเสียงหวอรถพยาบาลที่กำลังวิ่งใกล้เข้ามา แต่ยังคงมีเสียงปืนแว่วมาแต่ไกลและแน่นอนว่ามันไม่ใช่จุดที่พวกเขาอยู่

ชายสูงวัยเจ้าของร้านขายอุปกรณ์ธนูพยายามเดินเลี่ยงๆออกมาจากร้านอย่างระมัดระวัง เขาสอดส่ายสายตาไปตามยอดตึกก็ไม่พบการยิงลงมาอีกแล้ว

“หรือว่าไอ้เด็กหนุ่มคนนั้นมันทำได้” ชายสูงวัยรำพึงออกมาก่อนจะทำมือเป็นสัญญาณบอกให้คนอื่นรู้ว่าปลอดภัยแล้ว และทุกคนต่างพากันทยอยออกมาจากที่หลบซ่อนไม่นานนักรถพยาบาลก็วิ่งเข้ามาถึงและจัดการปฐมพยาบาลให้กับคนบาดเจ็บและนำส่งโรงพยาบาลต่อไป

“ขอบคุณครับพี่...ที่ช่วยแม่ผม” เด็กน้อยคนหนึ่งยกมือพนมขึ้นและไหว้ออกไปที่เบื้องหน้าอย่างไม่มีทิศทาง ท่ามกลางกลุ่มควันสีดำทะมึน ผู้ชุมนุมฯที่เหลือมองเห็นเด็กคนนั้นก็ต่างพากันพนมมือขึ้นตาม ต่างคนต่างพูดไปต่างๆนานาแต่มันมีความนัยเดียวกันคือขอบคุณกาญและขอให้เขาปลอดภัย

...........................................................................................................

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา