โลกใบสุดท้าย

-

เขียนโดย xoxo

วันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 08.45 น.

  10 บท
  1 วิจารณ์
  12.90K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 08.00 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) ประจันหน้า

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
           โลกใบสุดท้าย (เบญจภาคี)
บทที่3
ประจันหน้า
 
ผู้กองสมชายได้สอบปากคำผู้ต้องหาที่เก็บปืนได้ ตำรวจทำการคาดคั้นจากเด็กหนุ่มจนได้ที่มาของปืนกระบอกนั้น ชุดตำรวจสายสืบไม่รอช้าจัดกำลังเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบเฝ้าดูจุดที่คนร้ายซ่อนปืนไว้ทันที นอกจากนั้นยังได้แบ่งกองกำลังอีกชุดหนึ่งก็เดินทางไปที่สถาบันการศึกษาที่คาดว่ามือปืนอาจจะเป็นของนักศึกคนใดคนหนึ่งที่มีหน้าตาเหมือนกับภาพสเก็ตที่ได้มาจากกาญ
 
ณ ชุมชนแออัดที่เรียกว่า “สลัม” ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวง ภายในบ้านหลังเล็กๆ ชายฉกรรจ์เกือบสิบคนกำลังมั่วสุมเสพยาบ้ากันอย่างเมามัน ทุกคนต่างก้มหน้าก้มตาดูดเอาควันเข้าปอดกันอย่างเอาเป็นเอาตายเหมือนกับกลัวว่าควันยาบ้าที่ลอยออกมาจากภาชนะที่ใช้ลนจะหนีหายไปไหน
“เฮ้ย! เบาๆกันหน่อยโว้ย” เสียงชายฉกรรจ์คนหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นลูกพี่ใหญ่ในกลุ่มนั้นพูดขึ้น
“ไอ้แบ๊งพอได้แล้วนะมึง” ลูกพี่ใหญ่เดินตรงมายังนักเสพยาที่ชื่อแบ็งซึ่งขณะนี้กำลังก้มดูดเอาควันเข้าปอดอย่างไม่ลืมหูลืมตา นายแบ็งเงยหน้าขึ้นมามองลูกพี่ตัวเองทั้งที่ควันยังคาอยู่ในปาก ดวงตาโปนออกมายืดอกขึ้นเต็มที่เพื่อขยายพื้นที่ในการรับควันเข้าไป
“โธ่... พี่ดำขออีกหน่อยนะกำลังมันเลย” นายแบ็งพูดจบก็ก้มดูดยาบ้าต่อ
“มึงจะหยุดเอง... หรือว่าจะให้กูทำให้มึงหยุด” นายดำลูกพี่ของนายแบ๊งใช้มือดึงผมนายแบ๊งดึงขึ้นมาจากควันยาบ้า
“โอ๊ยๆๆ พี่เบาๆๆ พอแล้วพอแล้ว” นายแบ๊งใช้มือจับมือนายดำและร้องครวญออกมา ก่อนที่นายดำจะปล่อยผมนายแบ๊งลงอย่างแรงมันกุมหัวตัวเองและเงยมองหน้ามาหาลูกพี่ออกอาการเซ็งๆ ก่อนจะลุกเดินเข้ามาหานายดำ
“ทำแต่ผมนี่แหละ แล้วไอ้พวกนี้ล่ะ...ไม่เห็นพี่ทำอะไรมันบ้างเลย” นายแบ๊งชี้ให้นายดำดูพวกที่เหลือที่ยังอัดควันเข้าปอดกันอยู่
“ไอ้พวกนี้มันเพิ่งเข้ามา...มึงก็รู้ ส่วนมึงน่ะเล่นมาตั้งแต่เช้าแล้ว เดี๋ยวเสียงานเสียการหมด” นายดำบ่นนายแบ๊งไม่ตอบอะไรเกาหน้าเกาหัวไปเรื่อย พร้อมกับถามดังๆอย่างกับพวกเมายาทั่วไป
“พี่จะให้ผมทำอะไร” นายแบ๊งเอ่ยถาม
“เอาขนมไปส่ง” นายดำพูดจบก็หยิบกระเป๋าสะพายสีดำโยนให้นายแบ๊ง
นายแบ๊งรับกระเป๋ามาและยกขึ้นดู
“ที่ไหนพี่” นายแบ๊งพูดจบก็สะพายกระเป๋าเตรียมพร้อมรับคำสั่ง
“ที่เดิม” นายดำตอบสั้นๆ  
“ได้ลูกพี่...เดี๋ยวแบ๊งจัดให้”
“เออดี อย่าให้เสียงานล่ะ...วันนี้ไอ้พวกนี้มันยิ่งปล่อยของไม่ออกอยู่”
“ครับพี่ เชื่อใจแบ๊งสิ แบ๊งเคยพลาดให้พี่เห็นหรือไง”
“เออ... อย่าดีแต่พูดเลยรีบไปเถิด แล้ววันนี้มึงไม่เข้าเรียนหรือไงวะไอ้แบ๊ง” นายดำเอ่ยถามต่อ
“จะโผล่เข้าไปได้ไงพี่ ไอ้พวกนี้มันบอกว่าตำรวจมาเต็มสถาบันฯ เข้าไปก็เกมส์แน่...ไม่เชื่อถามไอ้พวกนี้มันดูสิ” นายแบ๊งพูดจบหนึ่งในนักเสพยาที่อยู่ในวงก็เงยหน้าขึ้น
“จริงพี่... วันนี้ตำรวจเขามาสถาบันฯ เต็มเลย ผมถึงปล่อยของไม่ได้นี่ไง” หนึ่งในแก๊งที่กำลังเสพยาบ้าทำหน้าตาขึงขังจริงจังก่อนจะก้มลงเสพยาต่อ
“ว่าแต่พี่เถอะ เมื่อกี้ไอ้แหลมมันโทรมาบอกว่าตำรวจเอาภาพสเก็ตมาให้อาจารย์ที่สถาบันฯดูพอดีไอ้แหลมมันเดินผ่านไปเห็นเข้า โทษนะพี่หน้าในภาพสเก็ตเหมือนพี่ยังกับแกะไอ้แหลมมันบอกมาอย่างนั้น”
“โครม!” นายแบ๊งกระเด็นไปติดข้างฝาห้อง หลังจากพูดจบประโยค ด้วยแรงถีบจากเท้านายดำเข้าไปที่ยอดอกพอดิบพอดี ท่ามกลางกลุ่มนักเสพยาบ้าที่หันมาอ้าปากค้างแต่ก็ทำให้พวกมันตกใจได้ไม่นานก็หันมาตั้งหน้าตั้งตาเสพยากันต่อ
“กูคนนะโว้ยไม่ใช่แกะ” นายดำพูดหน้าตาเฉยก่อนจะทำสีหน้าครุ่นคิด
“โอย...พี่ดำ...เจ็บนะ” นาย แบ๊งบ่นพึมพำ
“ไอ้เด็กเมื่อวานซืนสงสัยมันเล่นกูเข้าแล้ว” นายดำบ่นออกมาเบาๆพร้อมกับแววตาอาฆาต
“แล้วพี่จะเอายังไงละทีนี้...เข้าสถาบันฯโดนรวบแน่” นายแบ๊งเอ่ยขึ้นพร้อมกับเอามือปัดหน้าอกที่มีรอยรองเท้าของนายดำเปื้อนอยู่
“ต้องเก็บไอ้เวรนั่นให้ได้เมื่อวานไอ้เด็กนั่นมันเห็นหน้ากูเต็มๆ ขืนปล่อยมันไว้มันจะเป็นพยานสำคัญชี้ตัวกูแน่” นายดำพูดพร้อมกับใช้มือซ้ายบีบหมัดขวาเบาๆ
“แล้วเมื่อวานพี่ไม่เก็บมันซะ” นายแบ๊งเอ่ยถาม
“มึงรู้ได้อย่างไรว่ากูจะไม่เก็บมัน... กูยิงมันไปสองนัดเสือกไม่ออกสักนัด... ปืนซังกะบ๊วย กูโยนทิ้งไปแล้ว” นายดำพูดด้วยอาการหัวเสีย
“ทิ้งทำไมพี่ เสียดาย... ลูกมันอาจจะด้านอย่างเดียวก็ได้”
“มึงอยากได้ก็ไปหาเอา กูโยนทิ้งไว้ที่พุ่มไม้หลังป้ายรถเมล์เลยจากห้างฯไปสามป้าย”
“ป่านนี้ใครมันเก็บได้ไปแล้วพี่ดำ” นายแบ๊งออกอาการเสียดายอย่างแรงส่ายหน้าไปมา
ช้าๆก่อนจะพูดต่อ
“แล้วพี่จะใช้อะไรล่ะทีนี้”
“กูได้กระบอกใหม่มาแล้ว” นายดำพูดจบก็หยิบปืนแม็กกาซีนขนาดเก้ามิลลิเมตร
ออกมาโชว์ นายแบ๊งเห็นถึงกับตาโต
“โอ้โฮ้! โคตรสวยเลยพี่...แต่พี่หันกระบอกปืนไปทางอื่นก็ได้นะ มันเสียวนะ... เดี๋ยวมันล่งมันลั่นขึ้นมา”
“แหม.. ไอ้นี่ทำกลัวไปได้ กูยังไม่ได้ใส่ลูกเลย” นายดำพูดจบก็ล้วงในกระเป๋าสะพายหยิบลูกปืนออกมาหนึ่งกล่องก่อนจะบรรจงใส่ลงไปในแม็กกาซีนทีละนัดอย่างใจเย็น
“คราวนี้ละมึง เจอตัวจะยิงให้หมดแม็กเลย จะด้านอีกให้มันรู้ไป” นายดำพูดด้วยสีหน้าและแววตาอาฆาตแค้น
“พี่ไปเอามาจากไหนอีกนี่... ผมเห็นเปลี่ยนปืนเป็นว่าเล่น” นายแบ๊งเอ่ยถาม
“ลูกพี่ใหญ่ที่ภาคใต้ให้มาโว้ย... ของกำนัลเล็กๆ น้อยๆที่กูส่งของให้เขาได้ไม่ขาดระยะ” นายดำพูดพร้อมกับมองดูปืนตัวเองด้วยความชื่นชม
“เบื่อแล้วให้ผมนะพี่ อย่าขว้างทิ้งอีกล่ะ เสียดายของ” นายแบ๊งเอ่ย
“เออ... มึงรีบไปเถิดเดี๋ยวไม่ทัน เสร็จงานแล้วไปเจอกันที่เดิมนะ เดี๋ยวกูจะออกไปรับน้องใหม่ให้สถาบันฯ อีกสักหน่อย...ฮ่าๆๆๆ” นายดำหัวเราะลั่นออกมาก่อนจะควงปืนและเหน็บเอาไว้ด้านหลัง
“โหดโคตร... เมื่อวานเก็บไปสองยังไม่พออีกเหรอพี่” หนึ่งในผู้ที่เสพยาเสร็จแล้วได้ยินจึงเอ่ยถามขึ้น
“เมื่อวานมันแค่วอร์มโว้ย วันนี้กูจะลองปืนใหม่... รึมึงอยากจะเป็นเป้าให้กูลองดีวะไอ้แขก” นายดำหันปากกระบอกปืนไปทางนายแขกที่ดันพูดขัดขึ้นมา
“ปะเปล่าครับพี่...ผมพูดเล่นครับ” นายแขกยกมือทั้งสองขึ้นท่วมหัวด้วยความกลัวนายดำซึ่งทุกคนต่างก็รู้ดีว่าคนอย่างนายดำไม่ควรไปล้อเล่นด้วย นายดำเดินไปหานายแขกเอาปากกระบอกปืนจ่อไปที่คางนายแขก
“ถ้าปอดแหกก็กลับบ้านไปนอนซะไอ้ไก่อ่อน” นายดำใช้เท้าถีบนายแขกจนหงายหลังไป
“ไอ้แบ๊ง...เมื่อไหร่มึงจะไปวะ” นายดำตะโกนพร้อมกับหันกระบอกปืนมาหานายแบ๊งอย่างขึงขัง
“ครับพี่ ไปเดี๋ยวนี้เลย” แบ๊งพูดจบก็รีบลนลานออกไปส่งของทันที
 
 
หลังจากที่กาญกับเรกินข้าวเย็นกันเรียบร้อยแล้วก็พากันขึ้นรถเมล์ จุดหมายปลายทางคือโรงพยาบาลที่แม่ของเขารักษาตัวอยู่ แต่ในขณะที่ทั้งสองยืนโหนรถเมล์อยู่ทางด้านหน้าของตัวรถ สายตาของกาญก็พลันเหลือบไปเห็นกลุ่มนักศึกษาอาชีวะกลุ่มหนึ่งที่ยืนโหนรถเมล์อยู่ด้านหลัง ดูท่าทีของแต่ละคนเคร่งเครียดเหมือนกับว่าจะไปออกรบที่ไหนสักแห่ง
“เร นายยืนอยู่ที่นี่ก่อนนะ... เดี๋ยวเรามา” กาญกระซิบบอกเรเบาๆ เรมองหน้ากาญงงๆ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น
“นายจะไปไหนวะ?” กาญมองตาเรก่อนจะส่งสายตาให้เรมองไปทางด้านหลัง และเมื่อเรมองไปก็รู้สึกใจหายวูบก่อนจะพูดออกมาเบาๆ
“นายจะบ้าหรือไงกาญ ไอ้พวกนั้นมีเป็นสิบ นายจะทำอะไรวะ” เรกระซิบบ้าง
“เออ..รู้ แต่เราดูแล้วไอ้พวกนี้ไม่ใช่พวกที่จะยิงเราเมื่อวาน... ดูเสื้อพวกมันสิ” กาญบอกให้เรดูอีกครั้ง เขาหันไปดูตามที่กาญบอก
“เออ... ก็จริง แต่ไอ้พวกนี้มันก็บ้าเหมือนกันแหละ... อย่าไปยุ่งกับพวกมันเลย” เรยังคงห้ามกาญอย่างไม่ลดละ
“นายอยู่เฉยๆ เถิดน่า เดี๋ยวเรามา... มันไม่ทำอะไรเด็กมัธยมอย่างเราหรอก”
“เดี๋ยว!” เรเอ่ยขึ้นเบาๆ แต่กาญก็ไม่สนใจคำทักท้วงของเรที่ห้ามปราม เขาพยายามเดินเบียดผู้คนแทรกตัวเข้าไปอยู่ท้ายรถจนกระทั่งเข้ามาอยู่ในกลุ่มของนักศึกษาอาชีวะกลุ่มนั้น และทันทีเมื่อกาญเริ่มแทรกตัวเข้ามาสายตาของนักศึกษาบางคนในกลุ่มก็จับตามองดูกาญอย่างพินิจพิเคราะห์ ด้วยลักษณะของทรงผมที่สั้นเกรียนประกอบกับการแต่งกายของกาญที่ใส่เสื้อพละและกางเกงผ้าร่มขายาวของโรงเรียนจึงทำให้นักศึกษาอาชีวะกลุ่มนั้นเลิกสนใจกาญและหันไปมองดูตามถนนฟุตบาทและตามป้ายรถเมล์เหมือนกำลังมองหาอะไรบางอย่างต่อไป  
ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง นายแบ๊งจอดมอเตอร์ไซค์บริเวณศาลาพักภายในปั้มหันมองซ้ายขวาอย่างใจเย็นก่อนจะควักบุหรี่ออกมาสูบ และยังไม่ทันที่นายแบ๊งจะสูบบุหรี่หมดมวน รถเก๋งสปอร์ตสีดำก็แล่นเข้ามาจอดข้างๆทันที ชายในรถลักษณะท่าทางและบุคลิกการแต่งกายดูอย่างกับผู้ดีมีสกุล หากใครได้เห็นก็คงไม่อยากเชื่อว่าชายผู้นี้จะมารับของจากนายแบ๊ง เขาเปิดประตูรถและก้าวเดินมาหานายแบ๊งพร้อมกับหยิบบุหรี่ที่กระเป๋านายแบ๊งออกมาจุดสูบ
“หวัดดีเฮียเล็ก” นายแบ๊งกล่าวทักทาย
“ทำไมลูกพี่เอ็งไม่มาเองวะเที่ยวนี้” เฮียเล็กเอ่ยถาม
“กำลังเห่อปืนกระบอกใหม่อยู่นะเฮีย” นายแบ๊งพูดพร้อมกับถอดกระเป๋าเป้สะพายหลังส่งให้เฮียเล็ก ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยอยู่นั้นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“หยุด! ยกมือขึ้นสูงๆ” สิ้นเสียงพูดบรรดาผู้ที่นั่งพักสูบบุหรี่อยู่บ้างอ่านหนังสือพิมพ์บ้างก็กลายเป็นตำรวจถือปืนเข้าควบคุมตัวนายแบ๊งกับเฮียเล็กทันที จนปัญญาที่ทั้งสองจะหลบหนีหรือคิดได้มากไปกว่านั้น ทั้งคู่ถูกจับมือมือไพล่หลังและกดลงกับพื้นนายตำรวจค้นตัวจนทั่วแต่ไม่พบอาวุธปืนหรือสิ่งผิดกฎหมายในตัวนายแบ๊งกับเฮียเล็ก และเมื่อตำรวจเปิดกระเป๋าสะพายนายแบ๊งออกก็ถึงกับอึ้งกับสิ่งที่พบในกระเป๋าเป้นั่น
“น้ำตาลทรายครับผู้หมวด” ตำรวจนอกเครื่องแบบนายหนึ่งหยิบถุงน้ำตาลทรายให้ผู้หมวดหัวหน้าทีมจับกุมดู
“บัดซบ! เสียโง่พวกมันจนได้” ผู้หมวดหนุ่มสบถออกมาอย่างหัวเสีย นายแบ๊งจากสีหน้าที่ถอดสีซีดเป็นไก่ต้มก็ถึงกับหัวเราะออกมาเบาๆ
“หึๆๆๆ คุณตำรวจซื้อขายน้ำตาลมันผิดกฎหมายด้วยหรือครับ” นายแบ๊งถามด้วยท่าทางยียวนกวนประสาท ผู้หมวดหนุ่มเดินมากระชากคอเสื้อนายแบ๊งอย่างอารมณ์เสีย
“มึงไม่ได้ขายแต่มึงก็เสพ ไป...จ่าเอาตัวพวกมันไปโรงพักตรวจหาสารเสพติด” ผู้หมวดหนุ่มออกคำสั่งเสียงดังลั่น
“ครับ...ผู้หมวด” จ่าฯออกรับคำสั่งดังลั่นและควบคุมตัวทั้งสองขึ้นรถไปโรงพักทันที นายแบ็งและเฮียเล็กออกอาการหน้าซีดอีกครั้งเมื่อรู้ว่าวันนี้ตัวเองต้องนอนในคุกแน่เพราะทั้งสองคนเสพยาบ้ามาทั้งวัน
 
ณ ลานจอดรถในห้างใหญ่กลางใจเมือง ในมุมลับตาคนชายกลุ่มหนึ่งกำลังสนทนาแลกเปลี่ยนสินค้ากันอย่างลับๆ
“ฮ่าๆๆๆ” เสียงนายดำหัวเราะอย่างสะใจในขณะที่กำลังให้ลูกน้องนับเงินจำนวนมาก
“ครบไหม?” นายดำเอ่ยถามนายแขกซึ่งกำลังนับเงินปึกใหญ่อยู่
“ครบครับพี่ดำ” นายดำไม่ตอบอะไรได้พยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปพูดกับลูกค้าของเขาซึ่งกำลังเช็คของอยู่เช่นกัน
“ครบไหมเฮียเส็ง?” เฮียเส็งชายวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานรูปร่างอ้วนท้วนอย่างอาเสี่ย ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ของนายดำกำลังให้ลูกน้องตรวจนับยาไอซ์และยาบ้าอยู่เช่นกัน
“เออ...ครบ” เฮียเส็งพูดจบก็เดินมาจับไหล่นายดำ
“ลื้อนี่มันเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเลวได้ใจดีจริงๆ อายุยังน้อยอยู่แท้ๆ อย่างนี้อนาคตไกลแน่ ฮ่าๆๆ ป่านนี้ไอ้พวกตำรวจโง่นั่นมันคงเอาน้ำตาลลื้อไปต้มถั่วเขียวกินแก้ช้ำในกันแล้ว ฮ่าๆๆ สะใจอั๊วจริงๆ...” เฮียเส็งกับนายดำหัวเราะอย่างสะใจพร้อมกัน
“เห็นว่าลื้อยังให้ลูกน้องไปก่อกวนข้างนอกอีกหรือ” เฮียเส็งถามต่อ
“ครับเฮีย... ผมให้ลูกน้องผมส่วนหนึ่งออกไปหาเรื่องไอ้เด็กต่างสถาบันฯ ข้างนอก... ปัดความสนใจพวกตำรวจไปได้เยอะ... ป่านนี้วิ่งตามลูกน้องผมตับแลบไปแล้ว ฮ่าๆๆ” นายดำหัวเราะ
“ลื้อนี่มันเลวดีจริงๆ... อย่างนี้อั๊วชอบ ซื้อขายสบายใจดี ฮ่าๆๆๆ... คราวหน้าเอาอย่างนี้อีกนะ”
“ได้เฮีย...แต่ว่าเฮียชมหรือด่าผมกันแน่” นายดำเอ่ยถามเบาๆ
“ฮึ้ย...อั้วล้อเล่นน่า”
“ฮ่าๆๆๆ” ทั้งสองพากันหัวเราะลั่นอีกครั้ง
“เออ...ดีๆ งั้นอั๊วขอตัวก่อนแล้วกันนะ”
“ครับเฮีย โชคดีครับ” เมื่อการเจรจาและการซื้อขายจบลงทั้งสองฝ่ายต่างก็พากันแยกย้ายไป นายดำให้ลูกน้องอีกสองคนที่เป็นผู้หญิงเดินถือเงินแยกออกจากห้างฯสรรพสินค้าไปส่วนตัวเขาและพวกอีกห้าคนเดินออกจากห้างฯและเข้าไปสบทบกับพวกของเขาที่กำลังก่อเรื่องอยู่ด้านนอก
 
กาญยังคงอยู่ในกลุ่มของนักศึกษาอาชีวะซึ่งยังคงสอดส่ายหาอริต่างสถาบันฯ อยู่อย่างไม่ลดละ และอีกไม่กี่อึดใจต่อมาเสียงโทรศัพท์ของนักศึกษาอาชีวะคนหนึ่งในกลุ่มก็ดังขึ้น ทุกคนในกลุ่มพุ่งความสนใจมาที่นักศึกษาอาชีวะคนนั้น และไม่นานหลังจากที่เขารับสาย
“พี่แจ๊ค เอาไง...” ชายในกลุ่มคนหนึ่งเอ่ยกับนายแจ๊คหลังจากรับโทรศัพท์เหมือนจะรับรู้ว่ากำลังจะมีการสั่งการอะไรบางอย่าง
“เจอตัวพวกมันแล้ว... อยู่แถวสนามกีฬา” นายแจ๊คผู้ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นลูกพี่ในกลุ่มเอ่ยขึ้น ทุกคนในกลุ่มพยักหน้ารับก่อนที่พวกเขาจะพากันลงที่ป้ายรถเมล์ด้านหน้า กาญส่งสัญญาณให้เรรู้ว่าเขาจะตามพวกนักศึกษาอาชีวะกลุ่มนี้ไป เรเองก็รู้ได้ทันทีเลยว่ากาญกำลังจะทำอะไรซึ่งเขารู้อยู่เต็มหัวใจว่ามันเสี่ยงและอันตรายมาก จะอย่างไรก็ตามเขาไม่อาจทิ้งเพื่อนของเขาให้ไปคนเดียวได้    เรกระโดดลงประตูด้านหน้าก้าวตามกาญในขณะที่กำลังตามกลุ่มนักศึกษาอาชีวะไป
นักศึกษาอาชีวะกลุ่มนั้นออกวิ่งกันอย่างรีบเร่งสายตาของทุกคนดูมุ่งมั่นและแฝงไปด้วยความเคียดแค้น พวกเขาพากันลัดเลาะไปตามซอกซอยเล็กๆโดยมีกาญตามไปติดๆ ซึ่งกาญเองก็ไม่รู้เลยว่าเรกำลังตามมาด้วย ไม่นานนักนายแจ๊คผู้นำในกลุ่มก็พาคณะเกือบยี่สิบคนออกจากซอยเล็กๆมาโผล่ที่หน้าสนามกีฬา ซึ่งก็เป็นไปอย่างที่เขาได้รับโทรศัพท์กลุ่มนักเรียนอาชีวะกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันอยู่ข้างสนามกีฬานั้น และพวกมันกำลังรุมทำร้ายนักศึกษาอาชีวะทั้งสามคน ต่างผลัดกันเตะผลัดกันต่อยอย่างสนุกมือ และที่สำคัญสามคนที่โดนรุมทำร้ายนั้นคือนักศึกษารุ่นน้องของนายแจ๊คที่โทรศัพท์มาบอกเขานั่นเอง นายแจ๊คและกลุ่มของเขาไม่รอช้าวิ่งข้ามถนนโดยไม่สนใจรถที่วิ่งไปมาอยู่บนท้องถนน บรรดารถยนต์ต่างพากันเบรกหัวคะมำเพื่อไม่ให้ชนกลุ่มของนายแจ๊ค
และเมื่อกลุ่มของนายแจ๊คข้ามถนนไปได้ก็เข้าตะลุมบอนคู่อริทันที สงครามระหว่างนักศึกษาต่างสถาบันเกิดขึ้นอีกครั้งโดยที่ฝ่ายของนายแจ๊คเป็นฝ่ายได้เปรียบเพราะมีคนมากกว่า ทั้งไม้ทั้งมีดระดมใส่ร่างคู่อริอย่างกับเป็นศัตรูกันมาแต่ชาติปางก่อน คนที่โดนเข้าเต็มที่ก็ทรุดฮวบลงกับพื้นไป คนที่ยังพอไหวก็แกว่งไกวมีดบ้างไม้บ้าง โดยที่เหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ในสายตากาญที่มองอยู่บนถนนฝั่งตรงข้ามอย่างไม่ลดละเขาพยายามมองหาใครคนหนึ่งในกลุ่มนั้น
“ปังๆ ๆ” เสียงปืนดังขึ้นสามนัดซ้อนห่างจากกลุ่มนักศึกษาที่กำลังตะลุมบอนกันไม่ถึงห้าสิบเมตร และทันทีที่เสียงปืนเงียบลง นักศึกษาในกลุ่มขอนายแจ๊คล้มลงทันทีสองคน
“เฮ้ย! ไอ้ตั้ม...ไอ้โก้” นายแจ๊คตะโกนออกไปเมื่อเห็นเพื่อนของเขาล้มลง เพื่อนและรุ่นน้องของเขาเมื่อได้ยินเสียงปืนต่างก็พากันหาที่หลบอย่างชุลมุน นายแจ๊คเห็นเพื่อนโดนทำร้ายด้วยอาวุธปืนนอนจมกองเลือดอยู่ตรงหน้า เขาควักปืนขนาดจุดสามแปดที่พกมาด้วยหันหลังกลับ ยิงสวนไปในทิศทางที่ลูกปืนพุ่งมาทันที
“ย๊ากกกก” นายแจ๊คตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“ปัง ๆ ๆ” เสียงปืนดังขึ้นอีกสามนัดซ้อน สิ้นเสียงปืนนายแจ๊คกลับเป็นฝ่ายล้มลงจมกองเลือดทันที กระสุนจากฝ่ายตรงข้ามพุ่งเข้ามาใส่นายแจ๊คก่อนที่จะได้ลั่นไกปืน กาญตาโตหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เมื่อเห็นภาพการฆาตกรรมอยู่เบื้องหน้าอีกฟากถนน เขาทำอะไรไม่ถูกในวินาทีนั้น ทันใดนั้นกาญก็นึกถึงผู้กองสมชายที่ให้เบอร์โทรศัพท์ไว้ แต่ขณะที่กาญกำลังมองหาตู้โทรศัพท์อยู่นั้น ร่างดำในเงามืดก็โผล่ออกมาและทันทีที่กาญเห็นก็ทำให้เขาลืมโทรศัพท์ทันที
“มึงนี่เอ็ง” กาญรำพึงออกมาเบาๆ สายตาของเขาจ้องจับมาที่นายดำอย่างกับเสือจ้องตะครุบเหยื่อ นายดำเดินย่างสามขุมเข้าหาเหยื่อเคราะห์ร้าย ซึ่งก็คือนายแจ๊คที่นอนกุมหัวไหล่ที่เปียกชุ่มไปด้วยเลือด นายดำแสยะยิ้มที่มุมปากก่อนจะยกปืนขึ้นจ่อมาที่นายแจ๊คหวังจะยิงซ้ำ
“เก่งนักหรือมึง” นายดำพูดอย่างดุดัน กาญมองหาสิ่งของบางอย่างรอบตัวที่พอเป็นอาวุธได้ และเขาก็ได้ขวดเบียร์ที่วางไว้ข้างกองขยะมาสองขวดก่อนจะวิ่งข้ามถนนทันที กาญข้ามมาอยู่ที่เกาะกลางถนน เขากะระยะไม่นานก็ขว้างขวดเบียร์ในมือออกไปเป็นจังหวะเดียวกับที่นายดำเหนี่ยวไก
“เปรี๊ยะ!”
“ปัง!” ขวดเบียร์กระทบที่มือนายดำข้างที่ถือปืนจนปืนกระเด็นหลุดจากมือไป ทำให้กระสุนปืนของนายดำพลาดเป้าลงพื้น นายดำมองดูมือตัวเองที่ชุ่มไปด้วยเลือดจากเศษแก้ว ในขณะที่เรตามเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี เขาจึงรีบวิ่งเข้าตู้โทรศัพท์โทรหาผู้กองสมชายทันที
“ใครวะ?” นายดำตะโกนลั่นและหันมาทางที่มาของขวดเบียร์
“เปรี๊ยะ!” คราวนี้ขวดเบียร์อีกใบปะทะเข้ากับหน้านายดำเต็มๆ
“โอ๊ย!” นายดำล้มลงเลือดท่วมหน้า กาญวิ่งข้ามถนนเข้าไปหานายดำที่นอนดิ้นอยู่ เขายืนมองนายดำอย่างเครียดแค้นแต่ก่อนที่เขาจะทำอะไรต่อไปกาญก็ต้องเซถลาไปข้างหน้าอย่างไม่เป็นท่าเมื่อมีของแข็งบางอย่างมากระทบที่ศีรษะเขาอย่างจัง
“โป๊ะ!” เสียงดังเหมือนมีดฟันลงไปที่กะลามะพร้าว กาญกุมศีรษะตัวเองด้วยความเจ็บปวดอยู่กับพื้น ก่อนที่จะโดนทั้งหมัดทั้งเท้าเข้ารุมสะกรัมอย่างไม่เป็นท่า ลูกน้องนายดำคนหนึ่งดึงกาญขึ้นมาจากพื้นและอีกสองคนก็เข้ามาล็อคแขนไว้สภาพของกาญตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจากนายดำมากนักเลือดของกาญไหลออกมาเต็มหน้าทั้งปากทั้งจมูก
“เฮ้ย! ขอกูดูหน้ามันหน่อย” นายดำพูดขณะที่เช็ดเลือดที่ใบหน้าก่อนจะเดินตรงเข้ามาหากาญ จับใบหน้ากาญพลิกซ้ายขวา
“มึงนี่เอง...ไอ้เด็กเมื่อวานซืน” นายดำพูดออกมาก่อนจะอัดกำปั้นเข้าท้องกาญหลายครั้ง
“ตุ๊บๆ ๆ” นายดำซ้อมกาญอย่างสะใจร่างกาญสะดุ้งตามแรงหมัดที่อัดเข้าใส่ ก่อนนายดำจะควักมืดพกที่กระเป๋าหลังออกมา
“อยู่ดีๆไม่ชอบ... ดีกูจะได้ไม่ต้องตามหา” นายดำจ้องมองมีดพกอันแหลมคมของเขาก่อนจะมองมาที่หน้ากาญอีกครั้งอย่างคนเสียสติ
“มึงตาย!” นายดำตะโกนออกมาพร้อมกับง้างมีดจ้วงแทงสุดแรง
“ฉึก!” ปลายมีดอันแหลมคมพุ่งเข้าลำตัวของใครคนหนึ่งอย่างจัง
“เร!” กาญตะโกนสุดเสียงเมื่อเห็นผู้ที่วิ่งเข้ามาขวางทางมีดแทนเขา นายดำดึงมีดออกในขณะที่เรค่อยๆล้มลงนอนจมกองเลือดอยู่กับพื้น ความโกรธแค้นทำเอากาญถึงกับตาเบิกโพรงสลัดทิ้งความเจ็บปวดทุกอย่างเขากระโดดสองเท้าในขณะที่โดนล็อคแขนอยู่ถีบเข้ายอดอกนายดำอย่างจังจนนายดำตัวลอยด้วยแรงถีบอันหนักหน่วงและล้มลงกระแทกพื้นไม่เป็นท่า กาญสะบัดหลุดจากการถูกล๊อคอย่างง่ายดาย
พละกำลังมหาศาลมันเกิดขึ้นโดยที่กาญไม่รู้ตัวดวงตาของเขาแดงกล่ำประหนึ่งดวงอาทิตย์ เขาหันมาหาลูกน้องนายดำและสวนหมัดแลกกับลูกน้องนายดำที่พุ่งหมัดเข้ามาและผลก็คือลูกน้องนายดำเลือดกระฉูดออกจากปากตามแรงหมัดที่พุ่งเข้าหน้าเต็มๆ
ลูกน้องนายดำอีกคนกระโดดเตะตัวลอยเข้ามา กาญยกแขนทั้งสองข้างขึ้นรับหน้าแข้งของมันและม้วนตัวศอกกลับเข้าปลายคางอย่างจังจนสลบเหมือดกลางอากาศชนิดกรรมการไม่ต้องนับ และอีกคนหวดไม้หน้าสามเข้าใส่แต่มันก็ช้ากว่าเข่าลอยของกาญที่กระแทกเข้าหน้าอกของมันตามด้วยหักศอกเข้าขมับซ้ายอย่างจังจนสลบเหมือดไปอีกราย
อีกสองคนที่ถือไม้หน้าสามไว้ในมือทำท่าลังเลจะเข้าไม่เข้าเมื่อเห็นว่าพวกของตัวเองโดนลีลามวยไทยของกาญจนสลบกันเป็นแถว ในขณะที่กาญจ้องพวกมันที่เหลืออยู่ พวกมันสองคนพยักหน้าให้กันพร้อมกับถือไม้หน้าสามพุ่งเข้าใส่กาญทันที กาญวิ่งเข้าหากำแพงของสนามกีฬาก้าวกระโดดถีบกำแพงปูนและม้วนตัวลอยข้ามลูกน้องนายดำทั้งสองคน โดยในขณะที่ม้วนตัวลอยอยู่กลางอากาศกาญเหยียดขาทั้งสองขาออกมาถีบเข้าใส่หัวของทั้งสองอย่างจังจนพวกมันเซถลาหัวไปฟาดกำแพงปูนสลบไป
ส่วนลูกน้องนายดำที่เข้ามาสมทบต่างยืนเก้ๆกังๆคุมเชิงอยู่ไม่กล้าเข้า นายดำซึ่งนอนจุกอยู่สักพักกัดฟันเดินไปคว้าเอาปืนที่หลุดไปจากมือของเขามาได้ นายดำหันปากกระบอกปืนมาที่กาญซึ่งขณะนี้กำลังเล่นงานลูกน้องของเขาอยู่
“แชะ!” นายดำลั่นไกออกไป แต่ทว่าลูกปืนด้านขึ้นมาเฉยๆ
“เฮ้ย!อะไรวะ” นายดำกระชากลูกเลื่อนลูกปืนที่ด้านออกมาและสับไกใหม่อีกครั้ง
“แชะ!” และครั้งที่สองก็เหมือนเดิม
“เป็นอะไรอีกวะ” นายดำตะโกนออกมาอย่างหัวเสียก่อนจะกระชากลูกเลื่อนทิ้งอีกครั้งและลองสับไกใหม่ และพอครั้งที่สามก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง
“ปัง ๆ” เสียงกระสุนปืนดังขึ้นสองนัดซ้อนลูกกระสุนปืนพุ่งออกมาสู่เป้าหมายคือด้านหลังของกาญ กาญกระเด็นไปตามแรงกระสุนและนอนนิ่งทันที
“เก่งนักหรือมึง” นายดำตะโกนออกมาอย่างสะใจก่อนจะเดินเข้ามาหากาญและเอาปืนจ่อหัวกาญหวังยิงซ้ำ
“ลูกปืนเฮงซวยจะด้านอีกไหมวะ” พูดจบนายดำเตรียมเหนี่ยวไก
“ปัง!” เสียงกระสุนปืนดังขึ้น แต่คนที่ต้องเซถลาล้มลงกลับเป็นนายดำด้วยฤทธิ์ของจุดสามแปดในมือของนายแจ๊คที่นอนเจ็บอยู่ เป็นเพราะนายแจ๊คเองก็แทบจะยกปืนไม่ขึ้นเล็งส่ายไปส่ายมาทำให้กระสุนไม่เข้าเป้าอย่างที่นายแจ๊คคิด นายดำยังพยุงร่างตัวเองลุกขึ้นมาได้ แต่ก่อนที่มันจะได้ทำอะไรต่อ เสียงหวอรถตำรวจก็ดังขึ้น พอดีกับลูกน้องนายดำขับรถมอเตอร์ไซค์มาจอดรับ
“เร็ว! พี่ดำ ตำรวจมากันเพียบแล้ว” นายดำไม่รอช้าวิ่งกุมไหล่ซ้ายขึ้นรถมอเตอร์ไซค์หนีไปทันที
“ฝากไว้ก่อนเถิดมึง” เสียงนายดำตะโกนลั่นก่อนรถจะแล่นออกไป ฝ่ายลูกน้องนายดำและนักศึกษาอาชีวะฝั่งนายแจ๊คที่เหลือก็พากันกระเสือกกระสนหนีเข้าซอกซอยกันจนหมด คงเหลือแต่พวกที่บาดเจ็บจนไปไหนไม่ได้นอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้นเอง ตำรวจสามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาได้ไม่กี่คนหนึ่งในนั้นคือนายแจ๊คผู้ที่กาญช่วยชีวิตไว้
“กาญ...กาญ...” กาญรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเรียก เขาค่อยๆลืมตาขึ้นแม้แสงไฟข้างถนนจะไม่สว่างมากนัก แต่กาญก็รู้ได้ทันทีว่าภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าก็คือผู้กองสมชาย เขารีบลุกขึ้นนั่งสลัดหัวไปมาก่อนรำพึงออกมาเบาๆ
“เร...” กาญพยายามมองหาเรเพื่อนของเขาแต่ก็ไม่พบจึงหันไปถามผู้กองสมชายทันที
“ผู้กองฯครับ....เรเพื่อนผม” กาญตาสว่างขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเขามองไม่เห็นเพื่อนรักของเขา
“เร...เพื่อนของเรานะหรือ” ผู้กองสมชายเอ่ยถาม
“ครับ...คนที่โดนแทงนะครับ”
“อ๋อ... ไม่ต้องเป็นห่วงนะ เพื่อนเธอถูกส่งไปโรงพยาบาลแล้ว”
“เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ” กาญถามต่อ
“ไม่เป็นไรแล้วนะ...โชคดีที่ไม่โดนจุดสำคัญไม่ต้องเป็นห่วงอยู่กับหมอแล้วสบายใจเถิด... ว่าแต่เธอเป็นอย่างไรบ้างเจ็บตรงไหนหรือเปล่า สะบักสะบอมไปทั้งตัวอย่างนี้” กาญรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินอย่างนั้น ก่อนจะตอบผู้กองสมชาย
“รู้สึกเจ็บที่หัวกับหลัง แต่พอทนได้ครับ” กาญยกมือกุมศีรษะตัวเองก็พบว่ามันบวมเป็นลูกมะกรูด เขาค่อยๆ ลูบไปมาเบาๆ
“โชคดีนะที่เธอไม่มีบาดแผลอะไรเลยนอกจากรอยฟกช้ำที่หัว... กับที่หลังเป็นจุดสองจุด” กาญรู้สึกประหลาดใจในคำพูดของผู้กองสมชาย
“แค่นั้นหรือครับ”
“ใช่ แค่นั้น... แล้วเธอคิดว่าเธอโดนอะไรมากกว่านั้นหรือกาญ”
“ไม่รู้เหมือนกันครับ... ช่วงนั้นมันชุลมุน”
“อือ... พี่ก็แปลกใจเหมือนกันนะ... ตอนแรกก็คิดว่าเธอจะเสร็จไอ้พวกนั้นเสียแล้วพวกมันมีทั้งมีดทั้งปืน... แต่พอพลิกตัวหาร่องรอยบาดแผลก็ไม่เห็นมีอะไรนอกจากรอยที่พี่ว่านะ”
“แต่ผมว่า...ผมถูก” กาญทำหน้าครุ่นคิดเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้
“อะไรหรือ?” ผู้กองสมชายถาม
“ปะเปล่าครับ” กาญตัดสินใจที่จะไม่พูดอะไรต่อเพราะเกรงว่าผู้กองสมชายจะไม่เชื่อในสิ่งที่เขากำลังจะพูด กาญคลำที่คอตนเองก็พบว่าสร้อยพระที่เขาคล้องคอยังอยู่เหมือนเดิม เขากำองค์พระไว้แน่นกาญถอนหายใจลึกๆ เขาจำได้แม่นว่าเขาถูกฟันที่ศีรษะ หนำซ้ำยังถูกนายดำยิงอีกสองนัดแต่เขากลับไม่เป็นอะไรมากไปกว่ารอยฟกช้ำ
หรือว่านี่จะเป็นเพราะพุทธคุณขององค์พระที่เขาคล้องคออยู่เหมือนกับที่ผู้กำกับโกวิทท่านบอกไว้ กาญคิดอยู่ในใจสักพักผู้กองสมชายจึงทักขึ้น
“คิดอะไรอยู่หรือกาญ”
“ปะเปล่าครับ”
“ไป... งั้นเราไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลอีกรอบ” ผู้กองสมชายพยุงร่างกาญให้ลุกขึ้นเพื่อจะพาไปที่รถพยาบาล
“เดินไหวไหมกาญ... เอาเปลหรือเปล่า”
“ไหวครับ... ไม่ต้องใช้เปลหรอกครับ” กาญพูดจบก็ค่อยๆเดินกระโผลกกระเผลกไป โดยที่มีผู้กองสมชายคอยพยุงเดินไปด้วย
“เดี๋ยวครับ” กาญหยุดเดินเมื่อเขานึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
            “มีอะไรหรือกาญ”
“ผู้กองฯครับ... แล้วนักศึกษาอีกคนที่โดนยิงเป็นอย่างไรบ้างครับ” กาญกำลังหมายถึงนายแจ๊คที่โดนนายดำยิง
“เธอหมายถึงใคร... มีนักศึกษาอาชีวะโดนยิงตั้งสามคน”
“คนที่มีปืนอยู่ในมือนะครับ...รู้สึกว่าจะชื่อนายแจ๊คนะครับ” กาญพยายามอธิบาย
“คนที่มีปืน...อ๋อ...ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นอย่างไรบ้างแต่เห็นว่าอาการหนักอยู่นะ” กาญถอนหายใจยาวๆเมื่อได้ยินคำตอบจากผู้กองสมชายเพราะถ้าเขาจำไม่ผิดนายแจ๊คชายคนที่กาญถามถึงคือคนที่ยิงนายดำก่อนที่มันจะยิงเขา เมื่อไม่ได้ความอะไรมากกาญจึงเปลี่ยนคำถาม
“เอ่อ... แล้วจับ... ไอ้พวกนั้นได้บ้างหรือเปล่าครับ”
“ก็จับได้บางคนนะ แต่ไม่ได้ทั้งหมด...ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกพวกที่เราจับได้มันจะพาเราไปจับพวกที่เหลือเองนั่นแหละ” ผู้กองสมชายตอบอย่างมั่นใจ กาญพยักรับหน้าน้อยๆก่อนจะถามต่ออีกครั้ง
“ผู้กองครับจับคนที่มีบาดแผลที่หน้าได้ไหมครับ” กาญถามต่อในขณะที่ผู้กองสมชายทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะตอบคำถามกาญ
“เอ่... มีแผลที่หน้ารู้สึกว่าไม่มีนะ แต่ถ้ามีรอยเขียวช้ำที่หน้านะมีหลายคน... ถามทำไมหรือ”
“คนที่มีแผลที่หน้าเป็นคนใช้ปืนยิงในวันที่เกิดเหตุกับแม่ผมครับ...นายคนนี้เคยใช้ปืนเล็งและยิงมาที่ผม ที่ผมเคยเล่าให้ผู้กองฯฟังยังไงล่ะครับ และนายคนนี้ก็มาก่อเหตุใช้ปืนที่นี่อีกครับผู้กองฯ” กาญตอบด้วยสายตาออกอาการเครียดแค้น
“เธอหมายถึงคนในภาพสเก็ตที่เธอให้ไว้ใช่ไหม” ผู้กองสมชายพูดจบกาญพยักหน้ารับน้อยๆ
“ใช่ครับผู้กองฯ... ผมหมายถึงนายคนนั้น” กาญพูดจบผู้กองสมชายพยักหน้าก่อนจะเอ่ยออกมา
“ไอ้ดำ...คลองเตย”
“ดำ คลองเตย” กาญอุทานออกมาเบาๆ ผู้กองสมชายพยักหน้ารับ
“ทางตำรวจไปสืบมาแล้วนะ... นายคนนี้มันชื่อดำและมีฉายาว่า ดำ คลองเตย มันอาศัยอยู่ย่านชุมชนแออัดที่คลองเตย เป็นนักศึกษาภาคสมทบตอนนี้นายดำถูกทางสถาบันฯ คัดชื่อออกไปแล้วเนื่องจากมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม...แต่นายดำยังคงวนเวียนเข้าออกแสดงตัวเองเป็นนักศึกษาของสถาบันฯ...ทำตัวเป็นพี่ใหญ่ของนักศึกษาคอยคุมพวกรุ่นน้องที่เข้ามาใหม่ ทางโรงเรียนยังสันนิษฐานว่านายดำเป็นต้นเหตุการณ์ก่อเรื่องวุ่นวายทั้งหมด... และที่สำคัญทางตำรวจยังสืบมาด้วยว่านายดำน่าจะเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดด้วย” กาญขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างเคร่งเครียดเมื่อฟังผู้กองสมชายพูดจบ
“มันอยู่ในขบวนการค้ายาเสพติดด้วยหรือครับ...แล้วอย่างนี้จะจับมันได้หรือครับ”
“ต้องจับได้สิเรามีหลักฐานแน่นหนาขนาดนี้...ไม่ต้องกังวลนะกาญตอนนี้ทางเราออกหมายจับนายดำแล้วอีกไม่ช้าต้องจับมันได้แน่” ผู้กองสมชายพูดด้วยสายตาที่มุ่งมั่น
“ครับ...ผู้กองฯผมจะรอฟังข่าวดีครับ” กาญพูดจบผู้กองสมชายก็ยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเอ่ยถามกาญขึ้นอีกครั้ง
“ว่าแต่เธอกับเพื่อนเถิดไปยังไงมายังไงถึงมานอนกันอยู่ตรงนี้ล่ะ”
“มันเป็นเหตุบังเอิญนะครับ” กาญตัดสินใจเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ผู้กองสมชายฟังอย่างคร่าวๆจนเป็นที่พอใจของผู้กองสมชายก่อนที่ทั้งสองจะแยกจากกันที่รถพยาบาลที่จอดรออยู่นั่นเอง
 
ภายใต้ไฟแสงเทียนสว่างรำไรในคอนโดแห่งหนึ่ง นายดำนอนแผ่หลาอยู่บนโซฟาในปากคาบบุหรี่อัดเข้าปอดอย่างแรง มือขวาของเขากุมอยู่ที่ไหล่ซ้าย ยังคงมีเลือดไหลซึมออกมา ใบหน้าของเขาไม่ได้แสดงอาการเจ็บปวดไปมากกว่าความเคียดแค้นเลย ไม่นานนักก็มีคนเปิดประตูห้องเข้ามา
“เป็นอย่างไรบ้างพี่ดำ” นายแขกลูกน้องนายดำเอ่ยถามอาการของลูกพี่ตัวเอง
“มึงจะลองดูสักเม็ดไหมล่ะไอ้แขก จะได้รู้ว่ามันเป็นอย่างไร” นายดำพูดขึ้นด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียมแต่แฝงไปด้วยความเจ็บปวด
“แหม...พี่ ผมถามด้วยความเป็นห่วงนะ” พูดจบนายแขกก็วางเสบียงอาหารพร้อมทั้งอุปกรณ์ทำแผลลงบนโต๊ะ
“ของที่กูสั่งได้มาครบหรือเปล่าวะ”
“ครบสิพี่... แล้วพี่แน่ใจหรือว่าจะไม่ไปหาหมอ”
“ไปให้มันพาตำรวจมาลากกูเข้าคุกหรือไง... ไอ้นี่ถามโง่ๆ” นายแขกจุดบุหรี่ขึ้นสูบก่อนจะเปิดฝากระป๋องเบียร์ยกเข้าปากตามไป
“แล้วพี่จะให้ใครทำแผลให้” นายแขกพูดพร้อมกับพ่นควันบุหรี่ออกจากปาก
“ก็มึงไง” นายดำตอบสั้นๆแต่ก็ถึงกับทำเอานายแขกสะดุ้งน้อยๆ
“เฮ้ย...ผมไม่ใช่หมอนะพี่ ไม่เคยทำแผลอย่างนี้มาก่อนนะ... ถ้าให้เชือดวัวเชือดควายยังพอทำได้” นายแขกตอบปฏิเสธโดยไม่ต้องคิดมาก
“มึงจะทำหรือไม่ทำ” นายดำยกปืนขึ้นจ่อนายแขกทันทีด้วยความโมโห นายแขกมองมาที่กระบอกปืนอย่างหวาดกลัว และสูดหายใจเข้าลึกๆอย่างคนเลี่ยงไม่ได้
“ก็ได้พี่... แต่ผมบอกไว้ก่อนนะ... ผมเคยเห็นแต่ในหนัง... เกิดอะไรขึ้นอย่าว่ากันนะ”
“เออ... อย่ามัวพูดมากอยู่เลย กูปวดจะทนไม่ไหวแล้ว” นายดำหลับตากัดฟันด้วยฤทธิ์ของบาดแผลจากกระสุนปืน
“เอาก็เอา” นายแขกพูดจบก็เตรียมจัดแจงเครื่องมือในการผ่าตัดทันที เมื่อนายแขกเตรียมอุปกรณ์จนเรียบร้อยแล้วก็หันหน้ามาทางนายดำเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าเขาพร้อมแล้ว
“เฮ้ย! เดี๋ยว....ก่อนจะทำอะไรมึงฉีดผงให้กูก่อน” นายดำพูดพร้อมกับหยิบหลอดผงขาวให้นายแขก
“ได้เลยพี่” นายแขกรับผงขาวมาจัดแจงละลายน้ำดึงตัวยาเข้าเข็มก่อนจะบรรจงฉีดเข้าแขนของนายดำ พอได้ยาไปสักพักนายดำก็เกิดอาการตาลอยสะลึมสะลือ เป็นสื่อให้นายแขกรู้ว่าเขาพร้อมแล้ว นายแขกมองมาที่ผงขาวที่ละลายน้ำเหลืออยู่ถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างเปรี้ยวปากและก่อนที่นายแขกจะทำอะไรปืนนายดำก็มาจ่ออยู่ที่หน้าผากนายแขกแล้ว
“กูให้มึงทำแผล...ไม่ใช่จะจ้องเล่นผง” นายดำพูดขึ้นด้วยสายตาที่เลื่อนลอยแต่ปืนในมือก็พร้อมที่ลั่นออกมาทุกขณะ นายแขกยิ้มแห้งๆก่อนจะรีบรนรานนำใบมีดมาลนไฟและเมื่อเห็นว่าใบมีดแดงจนได้ที่แล้วนายแขกก็เริ่มผ่าเอาหัวกระสุนออกอย่างงกๆ เงิ่น ๆ
นายดำตาเหลือกกัดม้วนผ้าที่อยู่ในปากไว้แน่นเมื่อถูกใบมีดสีแดงจากความร้อนและคมกริบผ่าลงไปในบาดแผลของเขา ความเจ็บปวดและความเครียดแค้นระคนกันอยู่ในแววตาที่แข็งกร้าวนั้น...
“อ๊ากกก”
 
หลังจากที่กาญได้รับการตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลอีกครั้งก็พบว่าเขาไม่ได้รับอันตรายอะไรมากไปกว่ารอยฟกช้ำ กาญจึงรีบไปดูอาการของเรทันที            ภายในห้องพักฟื้นผู้ป่วยเรนอนซมอยู่บนเตียง
“เป็นอย่างไรบ้างเพื่อน” คำแรกที่กาญร้องทักเพื่อนรักของเขา เรยิ้มที่มุมปากน้อยๆ ก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงอันแผ่วเบา
“ไม่เป็นไรเพื่อน แล้วนายล่ะเป็นอะไรหรือเปล่า” กาญส่ายหน้าน้อยๆ
“ไม่เป็นไร... นายไม่น่าทำอย่างนั้นเลย” เรยิ้มน้อยๆก่อนจะพูดออกมา
“นายไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว” และในระหว่างที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น หลวงตาบัวก็เดินเข้ามา กาญและเรยกมือขึ้นนมัสการด้วยสีหน้าเกรงๆ และเมื่อหลวงตาเห็นทั้งสองก็ถอนหายใจเบาๆ อย่างโล่งอก ก่อนทั้งสองจะโดนหลวงตาบัวสวดอยู่พักใหญ่
กาญปล่อยให้เรพักผ่อนหลังจากที่หลวงตากลับวัดไปแล้วส่วนตัวเขาแวะเข้ามาดูแม่ที่ยังนอนไม่ไหวติงอยู่บนเตียง กาญนั่งลงข้างๆเตียงของแม่ ก่อนจะจับมือแม่มากุมไว้เขาเล่าเหตุการณ์ต่างๆที่เขาได้รับรู้และประสบมาในวันนี้ให้แม่เขาฟังเบาๆ แม้แม่ของเขาอาจจะไม่รับรู้ในสิ่งที่เขาเล่ามาเลยก็ตาม
“แม่ครับพ่อยังไม่ตายครับ” กาญดึงมือแม่มาจูบอย่างแผ่วเบา
“ผมจะต้องหาทางช่วยแม่และพาพ่อกลับมาให้ได้” เขาอยู่กับแม่อีกพักใหญ่ก่อนนางพยาบาลจะเข้ามาบอกให้เขากลับได้แล้ว กาญขึ้นรถเมล์กลับมาที่บ้านพักของเขาในหัวใจของเขาว้าวุ่นจนแยกอะไรต่ออะไรไม่ถูก เขาอาบน้ำเสร็จก็ล้มตัวนอนทันที ไม่นานนักกาญก็ผล็อยหลับไป กาญนอนหลับลึกไปนานด้วยความเหนื่อยล้าและอ่อนเพลีย...
 
……………………………………………………………..

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา