Littie Love รักวุ่นวายของยัยตัวเล็ก
-
เขียนโดย Little_24
วันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 20.57 น.
3 ตอน
1 วิจารณ์
5,872 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2557 21.56 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) 3 ~~~
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ3
ฉันยืนส่องกระจกบานใหญ่มองใบหน้าที่สุดแสนจะโทรมของตัวเอง ถุงใต้ตาที่บวมช้ำจากการนอนร้องไห้ตลอดทั้งคืนของฉัน ตั้งแต่กลับมาจากกินไอศกรีมกับไทเกอร์และลูกอมฉันก็เอาแต่นั่งร้องไห้ อยากจะหยุดแต่ภาพที่มันวนเวียนในหัวของฉันมันกลับเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ พอเช้ามาฉันก็ต้องมานั่งมองหน้าตัวเองในกระจกอย่างกลุ้มใจ - -;
ฉันอยากจะบ้าตาย !!! ทำไมหน้าฉันมันโทรมอย่างนี้ ยิ่งมองหน้าตัวเองในกระจกแล้วยิ่งกลุ้มๆๆๆๆ ครืดๆ เสียงโทรศัพท์ของฉันดังขึ้น คนยิ่งอารมณ์เสียอยู่ _*_
“ฮัลโล”
(อยู่ไหนแล้วเนี่ย ฉันไม่มีเพื่อนเมาท์ด้วยเลย รีบมาด่วน)
“เออๆ เดี๋ยวฉันไป” ฉันกลอกเสียงลงไปอย่างหงุดหงิด ถ้าไม่ติดว่าวันนี้ต้องมีการสอบวิชาอะไรสักอย่างฉันไม่มีทางหอบสังขารของฉันไปหรอก ฉันหาแว่นตาดำที่หนาเตอะใส่ไปปิดบังหน้าตาอันโคตรโทรมของฉันไว้ก่อนจะเดินลงไปยังชั้นล่างเพื่อหาอะไรกินแล้วอาหารหลักของฉันก็คือ นม ฉันกินอย่างนี้ทุกเช้า ไม่รู้ว่าจะเป็นโรคขาดสารอาหารเมื่อไหร่ -*-
ฉันเดินตรงมายังป้ายรถเมล์สายประจำที่ต้องมายืนรออยู่ทุกวัน แต่ที่มันไม่เหมือนเดิมก็คือผู้ชายที่มีเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนยืนเด่นเป็นสง่าท่ามกลางผู้คน เขาค่อยๆ หันหน้ามาทางฉัน
“เฮ้” เขาโบกไม้โบกมือทักทายฉันอย่างเป็นกันเอง แต่ฉันกลับยืนนิ่งเป็นหินไม่ตอบโต้อะไรเลย ใครมันจะหันไปละคนมองกันเยอะแยะ >< ตาบ้านี้ก็ไม่อายคนอื่นเขาเลย
“นี้ ฉันเรียกทำไมไม่หัน” ฉันสดุงโย้งทันทีเมื่อไทเกอร์ใช้มือใหญ่ของเขาแตะไหล่ฉัน
“อ้าว นี้นายเรียกฉันเหรอ” ฉันตอบไปด้วยน้ำเสียงใสซื่อ ประมาณว่า ‘ฉันไม่รู้จริงๆ ><’
“อย่ามาทำเป็นไม่รู้เลย มานี้ยืนตรงนี้เดี๋ยวขึ้นรถไม่ทันคนอื่นเขา มันยิ่งแออัดอยู่” เขาดันไหล่ฉันเ
บาๆให้เดินไปอยู่ตรงที่คนค่อนข้างแออัด
“นายไม่หงุดหงิดเหรอ ต้องมายืนตรงคนเยอะๆอย่างนี้” ฉันถามอย่างสงสัย ฉันเห็นเขาหงุดหงิดและโมโหบ่อยจะตายมายืนอยู่อย่างนี้มันก็ต้องมีน้ำโหบ้างแหละน้า
“ฉันจะหงุดหงิดเพราะเธอนั้นแหละยัยเตี้ย” เขาว่าพร้อมกับใช้มือผลักหัวฉันเบาๆ
“ไงงั้นอะ”
“ไม่ต้องรู้สักเรื่องได้ไหม เงียบไปเลย” เขาว่าเสียงดุ จนฉันต้องยืนสงบเสงี่ยมหุบปากสนิทอยู่ข้างเขา
รถเมล์ขี่มาจอดตรงป้าย ทำให้ผู้คนมากมายเริ่มทยอยกันขึ้นรถเมล์
“มานี้สิ เดี๋ยวก็ขึ้นไม่ทันหรอก” ไทเกอร์จับมือฉันก่อนจูงไปขึ้นรถ ตั้งแต่ขึ้นรถมาเขายังไม่ปล่อยมือฉันเลย >///<
“อะ...เอ่อนายไม่ปล่อยมือฉันเหรอ” ฉันถามด้วยท่าทีเขิน แต่คนตรงหน้ากับไปแสดงท่าทางใดๆ เลย
“เดี๋ยวก็หลงกันพอดี คนเยอะแยะ”
“ไม่หลงหรอกน้า” ฉันว่าพร้อมกับเตรียมชักมือออก แต่เขากลับยิ่งกระชับให้แน่นขึ้น มันยิ่งทำให้หัวใจฉันเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ฉันหยุดรักนายไม่ได้เพราะนายนั้นแหละตาไทเกอร์บ้า ><~~
“อย่าดื้อสิ ยัยเตี้ย”
เรายืนจับมือกันมาตลอดทาง จนมาถึงป้ายที่เราต้องลง ฉันค่อยๆ ปล่อยมือจากไทเกอร์ก่อนเดินลงจากรถ แล้วเดินมุ่งหน้าไปโรงเรียน
“ รีบไปไหนวะเนี่ย ยัยเตี้ย” ฉันไม่ตอบก่อนจะรีบสาวเท้าเดินไปหนีไปอย่างเร็วเท่าที่จะทำได้
“หนีฉันทำไม”
“เฮ้ ยัยเตี้ยเธอเป็นไรของเธอเนี่ย” เขาใช้มือดึงชายเสื้อของฉันเบาๆ แต่ก็ทำให้ฉันต้องหันไปมอง
ผลัก!! ชายร่างอ้วนวิ่งมาชนฉันอย่างแรงก่อนจะวิ่งหนีไป “อ้าว เฮ้ย! ไอ้อ้วนนั้นมันหนีไปไหนแล้ววะนั้น” เขาพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“ไม่เป็นไรหรอก ช่างมันเหอะ” ฉันพยายามที่จะดันตัวเองลุกขึ้นให้ได้ แต่แล้วก้นที่กำลังระบมของฉันกลับยกไม่ขึ้น
“ลุกขึ้นมาได้แหละ” ไทเกอร์ว่าพร้อมกับยื่นมือส่งมาให้ฉัน ฉันเอามือแตะลงบนมือของเขาก่อนจะดันตัวขึ้นอีกรอบ นักเรียนโรงเรียนฉันต่างหันมามองฉันกับไทเกอร์ด้วยสายตาแปลกๆ พวกเธอมองไรกัน -..-
ฉันก้มมองหัวเข่าของตัวเองที่มีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย แล้วยังรอยฟกช้ำที่มีมากเกินเหตุ “แว่นดำ จะถอดได้ยัง”
“…”
“ถอดเลย ฉันหงุดหงิดตาว่ะ” ฉันยังยืนนิ่งไม่คิดที่จะถอดแว่นตาที่พอจะปิดบังตาที่บวมช้ำของฉันได้
“จะถอดดีๆ ไหม ฉันเริ่มหงุดหงิดแล้วนะเว้ย”
“ยัยเตี้ยเอาแว่นมานี้เลย” ไทเกอร์เอามือมาดึงแว่นตาสีดำอันโตของฉันออก เมื่อเขาเห็นใบหน้าของฉันถึงกลับตาค้าง O.O
“เธอไปทำไรมาวะ”
“ไม่มีไรหรอก” ฉันเลือกที่จะเดินเลี่ยงออกมา แต่แล้วเขากลับวิ่งมาตัดหน้าฉัน “ไปทำแผลเลย ขาก็ยิ่งเดินเป๋ๆอยู่ ถ้าขืนเธอขึ้นไปบนห้องด้วยสภาพนี้ ถ้าลูกอมรู้ว่าฉันเป็นต้นเหตุยัยนั้นเอาฉันตายแน่” คำพูดที่ไม่คิดอะไรทำให้ฉันถึงกลับจุก ที่เขาทำดีกับฉันเนี่ยเพราะลูกอมเองหรอกเหรอ ยัยฟางข้าวเอ่ยไม่น่าคิดไปเองเลย ฉันเดินตามเขาไปโดยสมองอันเล็กๆ ของฉันกำลังคิดฟุ้งซ่าน ที่เขาทำมาทั้งหมดในวันนี้เขาทำเพื่อลูกอม ที่เขาทำดีด้วยก็เพราะลูกอม ฉันควรจำไว้สินะ ว่าทั้งหมดเขาทำเพื่อลูกอม ฉันกับไทเกอร์เดินมายังห้องพยาบาลที่เป็นสีขาวทั้งห้อง
“เป็นไรจ้ะ” อาจารย์ที่ประจำอยู่ที่ห้องพยาบาลนี้พูดด้วยน้ำเสียงใจดี
“เป็นแผลนิดหน่อยนะคะ”
“ไหนอาจารย์ขอดูแผลหน่อยนะจ้ะ” อาจารย์ว่าพร้อมกับเดินเข้ามาตรวจแผลฟกช้ำของฉัน
“เดี๋ยวทายานิดหน่อยก็หายแล้วนะ” อาจารย์ฉีกยิ้มร่า ต่างกับคนที่ยืนหน้าบูดหน้าบึ้งที่ยืนตรงประตูอย่างสิ้นเชิง
“เธอทำฉันเสียเวลามากเลยรู้ไหม” หลังจากที่อาจารย์เดินออกไปไทเกอร์ก็พูดขึ้นทันที
“ฉันไม่ได้ให้นายช่วยฉันสักหน่อย”
“ฉันช่วยเธอยังไม่สำนึกอีกเหรอยัยเตี้ย ถ้าไม่ใช่เพราะลูกอมฉันไม่มีทางที่จะช่วยเธอเด็ดขาด!” อารมณ์ฉันพุ่งสูงทันทีที่ได้ยินคำนี้ เอ๊ะอ๊ะ! ก็ลูกอม ช่วยฉันก็ลูกอม มันจะอะไรหนักหนา จะช่วยฉันด้วยใจไม่ได้เลยรึไง ฉันได้แต่พึมพำกับตัวเอง หัวใจของฉันที่กำลังร้องไห้อย่างเอาเป็นเอาตาย มันยิ่งทำให้สติฉันแตกมากขึ้น
“งั้นนายก็ไปเถอะ ถ้าเสียเวลามากนักนะ ไปหาลูกอมที่นายพูดถึงไม่ต้องมายุ่งกับฉันเลยก็ได้” น้ำตาที่มันคลอกำลังไหลรินอาบข้างแก้มทั้งสองข้างของฉัน ความรู้สึกที่กำลังถาโถมเข้ามาใส่ฉันอย่างไม่ยั้ง มันยิ่งทำให้ฉันร้องไห้หนักมากขึ้น ทั้งความน้อยใจ ทั้งความหวง ต่างๆนาๆรวมกันซะจนไม่ใช่ฉัน
“เฮ้ย! เธอเป็นอะไรรึเปล่า ร้องไห้ทำไม”
“เปล่าหรอก ไม่มีอะไร” ฉันตัดสินใจลุกขึ้นเดินกะเพลกออกมาทันที ฉันทนที่จะให้เขาเห็นความอ่อนแอของฉันไม่ได้ ทนที่จะให้เขารับรู้ถึงความรู้สึกของฉันไม่ได้ “เธอโกธรฉันรึเปล่าน่ะยัยเตี้ย” นั้นคือประโยคสุดท้ายที่ฉันได้ยิน
ฉันเดินมาเรื่อยๆโดยไม่คิดที่จะหันกลับไปมองคนข้างหลัง ทั้งที่ใจมันเรียกร้องว่า ‘หันหาไปเขาเถอะ’ แต่ฉันก็ยังฝืน
ฉันเลือกที่จะโดดเรียน เพราะยังไงก็อ้างได้อยู่แล้วว่าอยู่ห้องพยาบาล ฉันเลือกที่จะมาหมกตัวอยู่ที่ห้องน้ำหญิงอาคารเก่าที่น้อยหนักคนจะมาเข้า
“หึ” เสียงหัวเราะในลำคอของใครคนหนึ่ง ทำให้ต้องหันไปมอง สายตาที่เย็นชาทำให้ฉันรู้ทันทีว่าเธอคนนั้นคือใคร
“อีกแล้วหรอ” เธอพูดอย่างรู้ทัน “ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย” ฉันโกหกคำโต แต่ยังไงเธอก็คงรู้แหละว่าฉันโกหก
“อย่ามาโกหกฉันหน่อยเลย หวงเขาก็บอกไปสิ”
“เธอรู้ได้ไง” ฉันถามอย่างสงสัย เธอพูดอย่างกับตามฉันไปทุกที่รู้ทุกสถานการณ์ จนฉันชักที่จะกลัวเธอซะแล้ว
“ฉันรู้แล้วกัน เธอมีอะไรที่จะบอกฉันไหม”เธอถามฉันด้วยสายตาเย็นชาที่เหมือนกับทุกครั้ง น้ำค้างก็ยังคงเป็นน้ำค้างเหมือนเดิม
“ฉันหวงเขามากนะ ไม่มีสักครั้งที่เขาทำเพื่อฉันโดยไม่พูดชื่อของลูกอมเลยสักครั้ง ไม่มี...” เสียงฉันเริ่มขาดห้วง น้ำตาที่คิดว่าเก็บไว้แล้วกลับไหลรินลงมาอย่างห้ามไม่ได้ น้ำอุ่นๆไหลลงอาบข้างแก้มที่มีสีแดงระเรื่อของฉัน สายตาเริ่มพล่ามัวเพราะน้ำตาที่กำลังเอ่อล้น
“ทำตัวให้มีค่า แล้วเลิกอ่อนแอได้แล้ว”เธอพูดแค่นั้นก็เดินจากไป น้ำค้างเธอมักที่จะทิ้งคำถามที่ทำให้ฉันคิดมากอยู่เรื่อยเลย ‘ทำตัวให้มีค่าและเลิกอ่อนแอ’ งั้นหรอ ฉันต้องทำให้ได้สินะ
“ฟางข้าว!” เสียงของลูกอมที่ดังมาจากด้านนอกทำให้ฉันหลุดจากห้วงความคิดของฉันทันที
“ฟางข้าว แกอยู่ในนั้นใช่ไหม” ลูกอมตะโกนอีกครั้ง ฉันเลือกที่จะหามุมแอบเธอ ถ้าให้ยัยนนั่นเห็นฉันในตอนนี้คงต้องถูกถามอีกแน่ๆ
“แกอย่าแอบฉันนะ ยัยบ้า”
“…”
“แกอยู่ไหนน่ะ” เสียงของลูกอมเริ่มอ่อนลง ทำให้ฉันอดสงสารเธอไม่ได้ ฉันปาดคราบน้ำตาที่ยังหลงเหลืออยู่ออกก่อนที่จะโผล่ออกมาจากที่ซ่อน
“ฉันอยู่นี้” ฉันตอบด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน
“แกเป็นอะไรรึเปล่า เห็นไทเกอร์มาบอกฉันว่าอยู่ดีๆแกก็ร้องไห้” “ไม่มีไรหรอก เราขึ้นไปเรียนดีกว่าเนอะ” ฉันบอกพร้อมกับจูงมือลูกอมขึ้นอาคารเรียน เพื่อไม่ให้ถามซักไซ้และสังเกตหน้าฉันไปมากกว่านี้
เราทั้งคู่เดินขึ้นห้องเรียนมาพร้อมกัน (ฉันลากยัยลูกอมขึ้นมา) เพื่อนในห้องต่างมองฉันแล้วหันไปซุบซิบนินทากันอย่างสนุกปาก
“แฮ่มๆ” เสียงที่นำมาของอาจารย์ที่ขึ้นชื่อว่าโหดอย่าง อาจารย์รจนา ทำให้เสียงพูดคุยที่ปะปนกับเสียงนินทาที่เกี่ยวกับฉันเงียบลงทันที ‘เฮ้อ!’ ฉันถอนหายใจหนักๆ กับความอึดอัดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ครั้งนี้ฉันต้องขอบคุณอาจารย์รจนาจริงๆ ที่ทำให้ฉันหลุดออกจากอาการเมื่อกี้ได้
“นักเรียนทุกคน วันนี้เราจะมาคุยเรื่องงานวันพรุ่งนี้กัน..” อาจารย์ยังพูดไม่จบก็มีเสียงพูดคุยแทรกขึ้น พรุ่งนี้เป็นวันที่14 กุมภาพันธ์ วันวาเลนไทน์ที่ทุกคนต่างตั้งหน้าตั้งตารอ แต่สำหรับฉันกลับเป็นวันที่โหดร้ายที่สุด ทุกคนได้รับดอกกุหลาบแต่ฉันกลับต้องนั่งหงอยอยู่คนเดียว ต้องนั่งรอดอกกุหลาบของใครสักคนในห้องเรียนที่มีโต๊ะไม้สีน้ำตาลขัดเงา กระดานดำสีเขียวที่เขียนว่า ‘วันวาเลนไทน์’ ตัวเบ้อเริ่ม! อยู่เป็นเพื่อนได้คุยกับฝุ่นและอากาศที่ล่องลอยตามสายลม
“แกฉันตื่นเต้นอ่ะ”ลูกอมพูดพร้อมกับทำตามันวาวราวกับเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“ฉันไม่วะ” ฉันตอบไปอย่างเซ็งๆ “แกเชื่อฉันสิว่าปีนี้ต้องมีคนเอาดอกกุหลาบช่อโตมาให้แก”
“แกก็พูดอย่างนี้ทุกปี”
“ปีนี้ฉันพูดจริง และมันก็จะเป็นจริงด้วยแกรอรับดอกไม้ช่อโตได้เลยนะเว้ยเพื่อนรัก~” ลูกอมพูดอย่างอารมณ์ดีก่อนอาจารย์จะพูดเรื่องงานต่อ
.............ฉันก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น……………….
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ