Zenteria อาณาจักรมนตรา มายาแห่งหมอก
-
เขียนโดย Dark_Shinigami
วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 20.53 น.
11 มายา
1 วิจารณ์
13.61K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 27 กันยายน พ.ศ. 2558 17.29 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) เหตุการณ์ไม่คาดฝัน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ มายาที่ 5 เหตุการณ์ไม่คาดฝัน
“ฮ้าว ง่วงนอนจังแฮะ ‘จารย์นิโคไลสอนได้ง่วงจริงๆ”เมฟิสขยับตัวบิดขี้เกียจขณะที่รอเรียนวิชาการปกครอง
“ข้าว่าก็ไม่ง่วงมากนะ เจ้าไม่ตั้งใจเรียนเองมากกว่ามั้ง เมฟิส”ซาครอสพูดขึ้นมาขำๆ ทำให้เมฟิสยิ้มแห้งๆ เพราะสิ่งที่เพื่อนเขาพูดขึ้นมานั้นไม่ผิด
“ซาซิเรียนัดเที่ยงนี้”เฟเรสบอก ซาครอสและเมฟิสพยักหน้า
“แล้วเซียร์หาข้อมูลเจอแล้วหรอ?”เมฟิสถามด้วยความสงสัย แต่เขาก็ได้รับคำตอบเป็นเพียงการยักไหล่จากเฟเรส
“แล้วเรื่องเจ้าของไดอารี่ล่ะ?”ซาครอสหันมาหาเฟเรส แต่ดูจากสีหน้าเจ้าตัวเขาก็ได้คำตอบ
“ไม่รู้ นึกไม่ออกเลย”
“อย่างงั้นหรอ...”ซาครอสลากเสียงพลางทำท่าครุ่นคิด สักพักอาจารย์สาวร่างเล็กประจำวิชาการปกครอง’นาลินย่า พาลาดินเนีย’ก็เดินเข้ามา ทำให้พวกเขาแยกย้ายไปนั่งที่ของตน
ภายในห้องโถงขนาดใหญ่ บนบัลลังก์หินมีร่างหนึ่งนั่งอยู่ เขาเป็นชายหนุ่มวัยกลางคนหากแต่ใบหน้านั้นไร้ซึ่งรอยเหี่ยวย่น ซ้ำยังงดงามจนสามารถเปรียบได้ดั่งเทพบุตร เส้นผมสีทองเป็นประกายไล่เป็นสีดำที่บริเวณปลายผม เครื่องแต่งกายสีขาวสะอาดขลิบทองยิ่งทำให้รอบๆของเขาราวกับมีรัศมีส่องประกายเรืองรองรับกับแสงอาทิตย์สาดส่อง ดวงตาสองสีมองมายังบุคคลที่นั่งคุกเข่าโดยชันเข่าขึ้นข้างหนึ่งตรงหน้าเขา
“ยืนขึ้นเถอะ เราไม่ได้ต้องการความเป็นใหญ่อะไรทั้งนั้น เราเป็นเพียงชีวิตหนึ่งชีวิตบนมิติแห่งนี้ดังเช่นเจ้า”น้ำเสียงทุ้มนุ่มน่าฟังดังก้องไปทั่วห้องโถง ชายหนุ่มอีกคนจึงยืนขึ้นตามคำบอก ดวงตาสีไพลินของเขานั้นเต็มไปด้วยความเศร้าโศก แม้ใบหน้านั้นจะนิ่งเรียบ
“ข้าจะมารายงานท่านว่า ท่านหญิงมิวะตอนนี้ปลอดภัยดีขอรับ ท่านได้รับการดูแลอย่างดี”
“อย่างงั้นหรือ...กาลเวลาเพียงพริบตาเดียวก็ผ่านไปเกือบ40ปีแล้วหรือนี่”เจ้าของเรือนผมสีทองลุกขึ้นก่อนจะค่อยๆย่างก้าวไปยังหน้าต่างบานใหญ่
“เราได้ยินข่าวการจากไปเมื่อไม่นานมานี้ของเฟรเซียและเครย์ เราต้องแสดงความเสียใจด้วยนะ โครว์”
“เฟรเซียจากไปนานแล้วขอรับ ส่วนท่านพี่คงดีใจหากได้ยินคำพูดของท่าน”โครว์เอ่ย ทำให้ผู้ที่มีศักดิ์สูงกว่าหัวเราะแผ่วเบา
“จริงของเจ้า นางจากไปตั้งแต่40กว่าปีก่อนแล้วสินะ คงเป็นเพราะอายุข้าเริ่มเยอะแล้วกระมัง เลยเริ่มเลอะเลือนเช่นนี้”
“แล้วท่านจะให้นางบอกความจริงกับท่านหญิงเลยมั้ยขอรับ?”โครว์กล่าวถาม
“ยังก่อน ตอนนี้ข้าต้องการให้เจ้านำสิ่งนี้ไปให้นาง ฝากบอกเจ้าหญิงน้อยของข้าด้วยว่าข้าคิดถึงนางและให้นางสวมมันไว้ตลอดเวลา”เขาตอบพร้อมขยับมือ สร้อยเส้นบางสีทองปรากฎขึ้นและลอยไปยังชายหนุ่มผมดำที่ยื่นมาออกมารับ จี้ทรงกลมอย่างอัญมณีสีม่วงอเมทิสต์เหลี่ยมด้วยทองคำตกลงบนมือหนาอย่างแผ่วเบา
“รับทราบขอรับ แล้วท่านประสงค์สิ่งใดอีกหรือไม่?”
“ไม่ล่ะ ขอบใจเจ้ามาก แค่ช่วยดูแลมิวะ ข้าก็ไม่รู้จะขอบใจเจ้าอย่างไรแล้ว”ริมผีปากขยับยิ้ม รอยยิ้มนั้นแสดงถึงความจริงใจที่มีให้ ชายหนุ่มอีกคนโค้งตัวลงก่อนเป็นเชิงกล่าวลาก่อนจะเดินออกไป แต่เจ้าของห้องก็กล่าวไล่หลังไป
“โครว์ จงอย่าลืม ในเซนทีเรียยามนี้ ถึงชีวิตนั้นจะสำคัญนัก หากความทรงจำนั้นมีค่าไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน“คำกล่าวทื่ทำให้โครว์ชะงักกึก ก่อนจะก้าวเดินต่อไป
“ข้ามิอาจแก้ไขสิ่งใดได้ แต่ถึงกระนั้น ข้าจะภาวนา ให้ทุกสิ่งกลับคืนสู่ครรลอง รวมถึงสิ่งมีค่าที่พวกเจ้าสูญเสียไป ด้วยเหตุของความเขลาของผู้คนทุกเผ่าพันธุ์”นัยน์ตาสองสีฉายแววเศร้าหมองพลางพึมพำ
ท้องฟ้าสีครามเปิดกว้าง ก้อนเมฆลอยเอื่อยตามแรงลมอ่อน แสงแดดเปรี้ยงๆยามเที่ยงวันถูกบดบังด้วยร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ท่ามกลางสวนหย่อมอันร่มรื่น
“อ๊ะ เฟเรส ชิ้นนั้นของข้านะ!”เสียงโวยวายของเมฟิสดังขึ้นมาเมื่อพาร์เม*ทอดชิ้นใหญ่ถูกเฟเรสจิ้มไปกินซะก่อน
“ไหนป้าย?”เฟเรสถามสั้นๆ พร้อมส่งสายตาประมาณว่า‘ใครเร็วใครได้’ไปให้ ก่อนจะกินต่อโดยไม่สนใจคำโวยวายของเมฟิส
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ท่านเมฟิส ยังเหลืออีกตั้งเยอะนะคะ”ซาซิเรียบอกยิ้มๆพลางขยับกล่องที่มีพาร์เมทอดไปทางเมฟิส เจ้าตัวเลยหยุดบ่นแล้วนั่งกินต่อไป
“จะว่าไป เมื่อไหร่ข้าจะได้กินอาหารฝีมือเจ้าซะทีล่ะ เซียร์?”ซาครอสถามขึ้น ทำให้สาวเจ้าก้มหน้างุดด้วยความอาย
“ข..ข้ากำลังฝึกอยู่นะคะ แต่ท่านซาครอสก็รู้นี่ ว่าข้าไม่เก่งงานบ้านน่ะ”ซาซิเรียบ่นงอนๆ ใบหน้าหวานแดงระเรื่อเมื่อถูกจี้ตรงจุดพอดี
“หมอนั่นน่ะ ชอบคนทำอาหารเก่งน้า”เมฟิสเข้ามากระซิบพร้อมชำเลืองตามองไปที่‘หมอนั่น’ที่เขาพูดถึง ทำให้ซาซิเรียหน้าแดงกว่าเก่า
“พ..พูดอะไรน่ะคะ ท่านเมฟิส?!”
“เลิกแกล้งซาซิเรียได้แล้ว เมฟิส เวลาพักมันไม่มาก”เฟเรสบอกขึ้นมา
“คร้าบ~”เมฟิสกลับมานั่งดีๆตามเดิม มือก็จิ้มพาร์เมทอดมาเคี้ยวตุ้ยๆ ก่อนที่เฟเรสจะหันไปทางซาซิเรียเป็นเชิงให้เริ่มพูดได้เลย
“ค่ะ ที่ข้าค้นเจอในห้องสมุดเมื่อคืน สัตว์วิเศษที่ข้าเห็น เป็นสัตว์วิเศษที่มีชื่อว่าเลโอนาร์ดค่ะ”หญิงสาวกล่าวพลางคลี่ม้วนกระดาษเก่าๆออกอย่างระมัดระวัง
ใจกลางกระดาษเป็นลายเส้นน้ำหมึกสีน้ำตาลเข้มตวัดงดงามเป็นรูปร่างของเลโอนาร์ด เนื้อหาเขียนเป็นระเบียบเรียบร้อยขนาบสองข้างฝั่งรูป
“มันเป็นตัวตนคู่ตรงข้ามกับไลโอเนลค่ะ มีร่างกายสีเทาเงิน ขนสีเงิน มีปีกค้างคางขนาดใหญ่ เขาและเขี้ยวยาวสีดำสนิท และมีนิสัยที่ดุร้ายเช่นเดียวกันกับไลโอเนล แล้วก็ในนี้ยังเขียนไว้ด้วยค่ะ ว่าเป็นสัตว์วิเศษที่จัดอยู่ในประเภทสัตว์อสูร** ผู้สร้างคือจ้าวปิศาจฮาเดลิส”ซาซิเรียไล่นิ้วไปตามตัวอักษร ความแตกต่างบางส่วนกับสิ่งที่เธอเห็นในฝันทำให้เธอรู้สึกติดใจ แต่เธอก็ปล่อยให้มันผ่านไป
“จ้าวปิศาจฮาเดลิสอย่างงั้นหรอ”ซาครอสพึมพำขัด เจ้าตัวเอามือลูบคางเป็นเชิงครุ่นคิด
“จะว่าไป เจ้าบอกว่าตอนนั้นเจ้าเห็นหน้าของผู้กล้าด้วยนี่”เมฟิสบอก
“ใช่ ถ้าเรื่องนี้โยงไปถึงเรื่องนั้น อะไรหลายอย่างก็คลี่คลาย สาเหตุเบื้องหลังสงคราม อำนาจยิ่งใหญ่ ถึงจะพอเดาได้อยู่รางๆ แต่ถ้ามันต้องข้องเกี่ยวกันล่ะก็...”
“ยุ่งยากแน่นอน”เฟเรสตัดขึ้นมา ดวงตาสีไพลินหรี่ลง น้ำเสียงกดต่ำอย่างพยายามระงับอารมณ์
“แม้ไม่อยากจะสงสัย แต่เรื่องนี้คงมีเบื้องลึกเบื้องหลังที่ท่านอาบอกไม่หมด”
“ใจเย็นๆก่อนเถอะค่ะ ข้าเชื่อว่าท่านคาลันคงมีเหตุผลที่ไม่บอกแน่ค่ะ”เจ้าของเส้นผมสีทองพูด พลางยิ้มให้ชายหนุ่ม เฟเรสถอนหายใจเฮือกใหญ่กับท่าทางของเธอ
“ข้าแค่หงุดหงิดที่มันวุ่นวาย เรื่องทุกอย่างมันรุกคืบเข้ามาจนน่าปวดหัว”เฟเรสพูดด้วยน้ำเสียงเอือมระอาปนหน่ายใจ
“เอาน่า ข้าว่าอีกไม่นานทุกอย่างคงดีขึ้น ตราบใดที่ไม่มีใครเข้ามาขัดน่ะนะ”ซาครอสบอก ก่อนดวงตาสีอำพันจะสะดุดกับอะไรบางอย่าง
“เซียร์ หู...”เสียงเรียกทำให้หญิงสาวยกมือขึ้นจับหูของตัวเอง จากหูปกติของมนุษย์เรียวยาวขึ้น ปลายแหลมชี้อันเป็นสัญลักษณ์ของเผ่าเอลฟ์
“เอ๊ะ...”ดวงตาสีน้ำเงินอมฟ้าเบิกกว้าง “ทำไมล่ะ?!”
“ซาครอส พวกเราด้วย!”เมฟิสบอกด้วยความตกใจไม่แพ้กัน รูปหูปกติแต่ปลายที่ควรมนกลับแหลมมนๆ สัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าพวกเขาไม่ใช่ปิศาจก็เทพ
“เวทย์อาณาเขต คืนกายา!”เฟเรสกัดฟันกรอด โดยปกตินั้นเผ่าพันธุ์อื่นๆนอกจากมนุษย์และคนแคระนั้นจะสามารถแปลงกายอยู่ในรูปกายมนุษย์ได้ แม้โดยปกติจะไม่แตกต่างกันมากอยู่แล้วก็ตาม
“ข้าไม่เห็นจะรู้สึกถึงไอเวทเลย”ซาครอสขมวดคิ้ว เวทย์อาณาเขตคืนกายาเป็นเวทย์ที่แผ่ไอมนตรา***และประกายเวทย์****มหาศาล หากมีคนใช้ไม่มีทางที่จะไม่มีใครรู้สึกถึงมัน
– ขณะนี้มีเหตุการณ์อันตรายเกิดขึ้นภายในเขตเมือง และเพื่อเป็นการป้องกันลูกหลงจากเหตุการณ์ดังกล่าว ขอให้นักเรียนทุกคนกลับไปยังหอพักของตนโดยด่วนค่ะ คณะอาจารย์ขอให้มารวมตัวกันหน้าอาคารประชุมด้วยนะคะ – เสียงประกาศของอาจารย์สาวประจำวิชาการปกครองดังก้องไปทั่วเขตโรงเรียนด้วยผลึกเครโฟสีเทาหม่น วิทยาการเวทมนต์ที่ช่วยให้ผู้พูดสามารถขยายเสียงของตนให้ดังในขอบเขตขนาดหนึ่งได้
ทั้งสี่คนมองหน้ากันก่อนจะพยักหน้าลงเป็นเชิงเข้าใจ พวกเขาจะต้องไปดูให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในเมืองกันแน่!
‘แอ๊ด’ประตูคู่บานใหญ่ค่อยๆเปิดออก พร้อมร่างๆหนึ่งที่เดินเข้าไปภายในห้อง ชายผ้าคลุมสีดำโบกสะบัดตามจังหวะก้าวเดิน บุคคลที่ทำให้เจ้าของห้องทั้งสองตั้งตัวกับการมาเยือนแทบไม่ทัน
“ท่านจ้าว”ชายหนุ่มทั้งสองคนโค้งหัวลงเป็นเชิงเคารพ ผู้มาใหม่เอ่ยในสิ่งที่ตนเองต้องการทันที
“ข้าอยากให้รอเวลาเสียก่อน ข้าอยากจะรอดูเหตุการณ์ต่อไป ในกลุ่มคนเหล่านั้น จะมีผู้ที่ประหยัดแรงให้พวกเราได้”
“รับทราบขอรับ ท่านอยากให้ข้าลงมือเมื่อไหร่สามารถบอกข้าได้เลย”เจ้าของดวงตาสีนิลรับคำ
“ไม่นานเกินรอ จนเมื่อห้องนั้นเปิดออก เจ้าสามารถลงมือได้ทันที ส่วนเพชฌฆาตโลหิตที่เข้าปะทะนั้น ย้ำเตือนด้วยว่า’กำจัดให้มากที่สุด’ แล้วก็ฝากบอกด้วยว่า ข้ารับแขก”‘ท่านจ้าว’ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเฉยชา
“รับบัญชา”
“อะไรกัน พวกเจ้าทำได้แค่นี้เองหรอ ข้านึกว่าเพชฌฆาตโลหิตจะทำได้ดีกว่านี้ซะอีก”ร่างเล็กเอ่ยด้วยน้ำเสียงขบขัน เธออยู่ในชุดกระโปรงโลลิต้าสีชมพูหวานประดับลูกไม้สีขาวและริบบิ้นสีเดียวกัน ดวงตาสีเลือดหมูมองผ่านช่องตาของหน้ากากสีขาวโพลนไปยังกลุ่มคนตรงหน้า ทั้งเธอและพวกเขาอยู่บนหลังคาสีอิฐของอาคารหลังหนึ่งใจกลางเมือง บนถนนด้านล่างผู้คนพากันวิ่งหนีให้ไกลจากจุดเกิดเหตุมากที่สุด
กลุ่มบุคคลราวๆห้าคนตรงหน้าเธอนั้นสวมชุดเข้ารูปสีดำล้วน เส้นผมของทุกคนตัดสั้นระต้นคอจนถึงสกินเฮด ใบหน้าปกปิดด้วยหน้ากากสีดำที่มีหมึกสีแดงเป็นรูปปากแสยะยิ้มกว้างและหยดน้ำสีเดียวกันใต้ช่องตาทั้งสอง ทำให้ยากจะระบุเพศ ในมือของพวกเขากำอาวุธแน่น ก่อนจะโถมเข้าหมายจะโจมตีเด็กสาวอีกครั้ง
ร่างสองร่างพุ่งเข้ามาขวางระหว่างเด็กสาวและผู้ปองร้าย ทั้งสองเป็นเด็กผู้หญิงแต่งกายในชุดที่คลับคล้ายกับเด็กสาวคนแรก เพียงแต่เป็นชุดสีฟ้าขาว และหน้ากากของทั้งสองที่มีหมายเลขโรมัน II และ III อยู่บริเวณหน้าผาก ดวงตาสีนิลที่อยู่เบื้องหลังหน้ากากไร้แวว
“II(ทู) III(ทรี) ฝากจัดการตรงนี้ด้วยนะ ข้าอยากจะไปเจอ‘พวกนั้น’อย่างเป็นทางการซะหน่อย ถ้าไม่ไหวจะเรียกคนอื่นๆมาด้วยก็ได้นะ”เด็กสาวกล่าว ก่อนในมือจะกางร่มสีชมพูอ่อน แล้วกระโดดลงจากหลังคาไป เหล่าเพชฌฆาตโลหิตไม่มีทีท่าว่าจะตาม หันมาสนใจ II และ III แทน ซึ่งนั้นก็ทำให้เด็กสาวรู้สึกสงสัยไม่น้อย แต่เธอก็ปล่อยไปและมุ่งไปยังที่ที่เธอต้องการอย่างโรงเรียนมหาเวทอาเวริอัส
พวกเฟเรสที่กำลังรุดออกมาจากเขตโรงเรียนอย่างเงียบเชียบนั้น เพียงแค่เข้าใกล้กำแพงโรงเรียนก็รู้สึกได้ถึงไอมนตราที่แผ่ออกมาจากบริเวณหอประชุมและประกายเวทย์สีขาวเรืองรองที่ทอประกายที่ค่อยๆขยายวงกว้างขึ้นจนถึงขอบรั้วโรงเรียนกลายเป็นเกราะสีขาวขุ่นจางๆตั้งเป็นกำแพงทรงโดมครอบอาณาเขตของโรงเรียนไว้ ทั้งสี่ทิศของเกราะเวทย์มีสัญลักษณ์รูปปีกสีขาวกางกางแผ่ออก
“ชิ”เฟเรสส่งเสียงอย่างไม่พอใจ ในขณะที่ซาครอสได้แต่เกาหัวด้วยความหน่ายใจแทน
“เฮ้อ นึกว่าจะออกไปทันก่อนจะมีอาจารย์ใช้เวทย์อาณาเขต เทพพิทักษ์ซะอีก”เมฟิสบ่นด้วยท่าทางทีเล่นทีจริง เวทย์นี้ทำให้พวกเขาต้องยกเลิกความคิดที่จะออกไปข้างนอก เพราะถ้ามีใครเข้าออกผ่านเกราะเวทย์นี้ ได้มีสิทธิ์ตายศพไม่สวยแน่นอน ไม่ว่าจะแข็งตาย ถูกสายฟ้าตายและอื่นๆอีกมากมาย ขึ้นกับธาตุประจำกายผู้ร่ายเวทย์ แต่ก็ยกเว้นว่าผู้ร่ายจะอนุญาตให้คนคนนั้นเข้าออกได้
“ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ตอนนี้ก็กลับไปที่หอก่อนก็แล้วกัน ทางที่ดี เอาผมมาปรกหูด้วยก็ดีนะ ถ้าไม่อยากความลับแตก”ซาครอสบอกซาซิเรีย ในขณะที่เจ้าตัวปล่อยผมประบ่าที่เคยรวบไว้ออกเพื่อปกปิดรูปหูที่แปลกไป แต่สาวเจ้าก็ส่ายหน้า
“ที่นี่ต้อนรับทุกเผ่าพันธุ์ยกเว้นผู้คนแดนปิศาจค่ะ เพราะฉะนั้นเรื่องที่เป็นเอลฟ์เลยไม่ต้องเป็นห่วงอะไร”
“งั้น ไว้เจอกันก็แล้ว...”เมฟิสค้างไปเมื่อเห็นเด็กชุดโลลิต้าสวมหน้ากากลอยอยู่เหนือหน้าประตูรั้ว ในมือถือร่มที่กางออกเหนือศีรษะ ส่วนมือข้างที่ว่างก็จับคางเหมือนกำลังคิดว่าทำยังไงกับเกราะเวทย์ตรงหน้าเธอดี
ท่าทางของเมฟิสทำให้คนอื่นหันไปมองตาม โดยเฉพาะซาซิเรียที่ทำหน้าตกใจออกมา เพราะไม่คิดว่าจะได้เด็กสาวตรงหน้าจะปรากฏตัวกลางวันแสกๆ
พวกเขายืนมองเด็กสาวเงียบๆ ในขณะที่เธอเริ่มเคลื่อนไหว เท้าเล็กหุ้มด้วยรองเท้าหุ้มส้นสีขาวสะอาดตวัดเตะเข้าใส่เกราะเวทย์อย่างจัง ทำให้คนที่เห็นเหตุการณ์อดหวาดเสียวกับผลกระทบไม่ได้
และดังคาด สายฟ้าสีทองสุกสว่างฟาดเปรี้ยงลงมาอย่างไม่เกรงฟ้าดินใส่ผู้หมายจะบุกรุก ร่างทั้งร่างไหม้เกรียมก่อนจะตกถึงพื้นดิน กลิ่นเหม็นไหม้ปนกับกลิ่นเลือดคลุ้งกระจายไปทั่วบริเวณชวนคลื่นเหียน จนพวกเฟเรสต้องยกมือขึ้นปิดจมูกอย่างเลี่ยงไม่ได้
แต่แล้วสิ่งที่น่าตกใจก็เกิดขึ้น เมื่อร่างที่ดำเกรียมนั้นขยับลุกขึ้นมายืน และค่อยๆเดินเซเข้ามาจับซี่เหล็กของรั้วสีทองคำพร้อมด้วยเสียงหัวเราะคลอเบาๆเหมือนกำลังสะใจอะไรบางอย่างท่ามกลางสายตาตกใจทั้งสี่คู่ และอาจจะรวมถึงของผู้ร่ายมนตราอาณาเขตด้วย
“ตุ๊กตาที่ไม่มี’คอร์’น่ะ ฆ่ายังไงก็ไม่มีวันตายหรอกนะ ฮะๆๆ ฮ่าๆๆ”
+++++++++++++
*พาร์เม – สัตว์ป่ามีดวงตากลมโต รูปร่างกลมคล้ายลูกบอล สูงประมาณ1เมตร น่าตาน่ารักขัดกับขนาด ผิวปกคลุมด้วยขนสีส้มเข้ม เคลื่อนที่ด้วยการเด้งไปมา จับยากเพราะเคลื่อนไหวได้เร็ว มักถูกล่าเป็นวัตถุดิบ (อาหาร) พื้นเมืองของชาวเอลฟ์
**สัตว์อสูร – เป็นสัตว์วิเศษที่ไม่มีตัวตนจริง แต่เป็นเผ่าพันธุ์ที่ถูกผู้ใดผู้หนึ่งสร้างขึ้นด้วยพิธีกรรมมนตรา
***ไอมนตรา – สัมผัสของพลังเวท มักจะปรากฏขึ้นเวลาใช้เวทมนต์ที่ต้องการวงเวทย์(ส่วนมากจะเป็นเวทย์ขั้นสูง) เป็นความรู้สึกคล้ายวงคลื่นที่แผ่ออกมาจากผู้ร่ายเวทย์
****ประกายเวทย์ – ละอองเวทมนต์ยามใช้เวทย์ที่ต้องการวงเวทย์ ประกายแสงมากหรือน้อยขึ้นกับระดับมนตรา
“ฮ้าว ง่วงนอนจังแฮะ ‘จารย์นิโคไลสอนได้ง่วงจริงๆ”เมฟิสขยับตัวบิดขี้เกียจขณะที่รอเรียนวิชาการปกครอง
“ข้าว่าก็ไม่ง่วงมากนะ เจ้าไม่ตั้งใจเรียนเองมากกว่ามั้ง เมฟิส”ซาครอสพูดขึ้นมาขำๆ ทำให้เมฟิสยิ้มแห้งๆ เพราะสิ่งที่เพื่อนเขาพูดขึ้นมานั้นไม่ผิด
“ซาซิเรียนัดเที่ยงนี้”เฟเรสบอก ซาครอสและเมฟิสพยักหน้า
“แล้วเซียร์หาข้อมูลเจอแล้วหรอ?”เมฟิสถามด้วยความสงสัย แต่เขาก็ได้รับคำตอบเป็นเพียงการยักไหล่จากเฟเรส
“แล้วเรื่องเจ้าของไดอารี่ล่ะ?”ซาครอสหันมาหาเฟเรส แต่ดูจากสีหน้าเจ้าตัวเขาก็ได้คำตอบ
“ไม่รู้ นึกไม่ออกเลย”
“อย่างงั้นหรอ...”ซาครอสลากเสียงพลางทำท่าครุ่นคิด สักพักอาจารย์สาวร่างเล็กประจำวิชาการปกครอง’นาลินย่า พาลาดินเนีย’ก็เดินเข้ามา ทำให้พวกเขาแยกย้ายไปนั่งที่ของตน
ภายในห้องโถงขนาดใหญ่ บนบัลลังก์หินมีร่างหนึ่งนั่งอยู่ เขาเป็นชายหนุ่มวัยกลางคนหากแต่ใบหน้านั้นไร้ซึ่งรอยเหี่ยวย่น ซ้ำยังงดงามจนสามารถเปรียบได้ดั่งเทพบุตร เส้นผมสีทองเป็นประกายไล่เป็นสีดำที่บริเวณปลายผม เครื่องแต่งกายสีขาวสะอาดขลิบทองยิ่งทำให้รอบๆของเขาราวกับมีรัศมีส่องประกายเรืองรองรับกับแสงอาทิตย์สาดส่อง ดวงตาสองสีมองมายังบุคคลที่นั่งคุกเข่าโดยชันเข่าขึ้นข้างหนึ่งตรงหน้าเขา
“ยืนขึ้นเถอะ เราไม่ได้ต้องการความเป็นใหญ่อะไรทั้งนั้น เราเป็นเพียงชีวิตหนึ่งชีวิตบนมิติแห่งนี้ดังเช่นเจ้า”น้ำเสียงทุ้มนุ่มน่าฟังดังก้องไปทั่วห้องโถง ชายหนุ่มอีกคนจึงยืนขึ้นตามคำบอก ดวงตาสีไพลินของเขานั้นเต็มไปด้วยความเศร้าโศก แม้ใบหน้านั้นจะนิ่งเรียบ
“ข้าจะมารายงานท่านว่า ท่านหญิงมิวะตอนนี้ปลอดภัยดีขอรับ ท่านได้รับการดูแลอย่างดี”
“อย่างงั้นหรือ...กาลเวลาเพียงพริบตาเดียวก็ผ่านไปเกือบ40ปีแล้วหรือนี่”เจ้าของเรือนผมสีทองลุกขึ้นก่อนจะค่อยๆย่างก้าวไปยังหน้าต่างบานใหญ่
“เราได้ยินข่าวการจากไปเมื่อไม่นานมานี้ของเฟรเซียและเครย์ เราต้องแสดงความเสียใจด้วยนะ โครว์”
“เฟรเซียจากไปนานแล้วขอรับ ส่วนท่านพี่คงดีใจหากได้ยินคำพูดของท่าน”โครว์เอ่ย ทำให้ผู้ที่มีศักดิ์สูงกว่าหัวเราะแผ่วเบา
“จริงของเจ้า นางจากไปตั้งแต่40กว่าปีก่อนแล้วสินะ คงเป็นเพราะอายุข้าเริ่มเยอะแล้วกระมัง เลยเริ่มเลอะเลือนเช่นนี้”
“แล้วท่านจะให้นางบอกความจริงกับท่านหญิงเลยมั้ยขอรับ?”โครว์กล่าวถาม
“ยังก่อน ตอนนี้ข้าต้องการให้เจ้านำสิ่งนี้ไปให้นาง ฝากบอกเจ้าหญิงน้อยของข้าด้วยว่าข้าคิดถึงนางและให้นางสวมมันไว้ตลอดเวลา”เขาตอบพร้อมขยับมือ สร้อยเส้นบางสีทองปรากฎขึ้นและลอยไปยังชายหนุ่มผมดำที่ยื่นมาออกมารับ จี้ทรงกลมอย่างอัญมณีสีม่วงอเมทิสต์เหลี่ยมด้วยทองคำตกลงบนมือหนาอย่างแผ่วเบา
“รับทราบขอรับ แล้วท่านประสงค์สิ่งใดอีกหรือไม่?”
“ไม่ล่ะ ขอบใจเจ้ามาก แค่ช่วยดูแลมิวะ ข้าก็ไม่รู้จะขอบใจเจ้าอย่างไรแล้ว”ริมผีปากขยับยิ้ม รอยยิ้มนั้นแสดงถึงความจริงใจที่มีให้ ชายหนุ่มอีกคนโค้งตัวลงก่อนเป็นเชิงกล่าวลาก่อนจะเดินออกไป แต่เจ้าของห้องก็กล่าวไล่หลังไป
“โครว์ จงอย่าลืม ในเซนทีเรียยามนี้ ถึงชีวิตนั้นจะสำคัญนัก หากความทรงจำนั้นมีค่าไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน“คำกล่าวทื่ทำให้โครว์ชะงักกึก ก่อนจะก้าวเดินต่อไป
“ข้ามิอาจแก้ไขสิ่งใดได้ แต่ถึงกระนั้น ข้าจะภาวนา ให้ทุกสิ่งกลับคืนสู่ครรลอง รวมถึงสิ่งมีค่าที่พวกเจ้าสูญเสียไป ด้วยเหตุของความเขลาของผู้คนทุกเผ่าพันธุ์”นัยน์ตาสองสีฉายแววเศร้าหมองพลางพึมพำ
ท้องฟ้าสีครามเปิดกว้าง ก้อนเมฆลอยเอื่อยตามแรงลมอ่อน แสงแดดเปรี้ยงๆยามเที่ยงวันถูกบดบังด้วยร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ท่ามกลางสวนหย่อมอันร่มรื่น
“อ๊ะ เฟเรส ชิ้นนั้นของข้านะ!”เสียงโวยวายของเมฟิสดังขึ้นมาเมื่อพาร์เม*ทอดชิ้นใหญ่ถูกเฟเรสจิ้มไปกินซะก่อน
“ไหนป้าย?”เฟเรสถามสั้นๆ พร้อมส่งสายตาประมาณว่า‘ใครเร็วใครได้’ไปให้ ก่อนจะกินต่อโดยไม่สนใจคำโวยวายของเมฟิส
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ท่านเมฟิส ยังเหลืออีกตั้งเยอะนะคะ”ซาซิเรียบอกยิ้มๆพลางขยับกล่องที่มีพาร์เมทอดไปทางเมฟิส เจ้าตัวเลยหยุดบ่นแล้วนั่งกินต่อไป
“จะว่าไป เมื่อไหร่ข้าจะได้กินอาหารฝีมือเจ้าซะทีล่ะ เซียร์?”ซาครอสถามขึ้น ทำให้สาวเจ้าก้มหน้างุดด้วยความอาย
“ข..ข้ากำลังฝึกอยู่นะคะ แต่ท่านซาครอสก็รู้นี่ ว่าข้าไม่เก่งงานบ้านน่ะ”ซาซิเรียบ่นงอนๆ ใบหน้าหวานแดงระเรื่อเมื่อถูกจี้ตรงจุดพอดี
“หมอนั่นน่ะ ชอบคนทำอาหารเก่งน้า”เมฟิสเข้ามากระซิบพร้อมชำเลืองตามองไปที่‘หมอนั่น’ที่เขาพูดถึง ทำให้ซาซิเรียหน้าแดงกว่าเก่า
“พ..พูดอะไรน่ะคะ ท่านเมฟิส?!”
“เลิกแกล้งซาซิเรียได้แล้ว เมฟิส เวลาพักมันไม่มาก”เฟเรสบอกขึ้นมา
“คร้าบ~”เมฟิสกลับมานั่งดีๆตามเดิม มือก็จิ้มพาร์เมทอดมาเคี้ยวตุ้ยๆ ก่อนที่เฟเรสจะหันไปทางซาซิเรียเป็นเชิงให้เริ่มพูดได้เลย
“ค่ะ ที่ข้าค้นเจอในห้องสมุดเมื่อคืน สัตว์วิเศษที่ข้าเห็น เป็นสัตว์วิเศษที่มีชื่อว่าเลโอนาร์ดค่ะ”หญิงสาวกล่าวพลางคลี่ม้วนกระดาษเก่าๆออกอย่างระมัดระวัง
ใจกลางกระดาษเป็นลายเส้นน้ำหมึกสีน้ำตาลเข้มตวัดงดงามเป็นรูปร่างของเลโอนาร์ด เนื้อหาเขียนเป็นระเบียบเรียบร้อยขนาบสองข้างฝั่งรูป
“มันเป็นตัวตนคู่ตรงข้ามกับไลโอเนลค่ะ มีร่างกายสีเทาเงิน ขนสีเงิน มีปีกค้างคางขนาดใหญ่ เขาและเขี้ยวยาวสีดำสนิท และมีนิสัยที่ดุร้ายเช่นเดียวกันกับไลโอเนล แล้วก็ในนี้ยังเขียนไว้ด้วยค่ะ ว่าเป็นสัตว์วิเศษที่จัดอยู่ในประเภทสัตว์อสูร** ผู้สร้างคือจ้าวปิศาจฮาเดลิส”ซาซิเรียไล่นิ้วไปตามตัวอักษร ความแตกต่างบางส่วนกับสิ่งที่เธอเห็นในฝันทำให้เธอรู้สึกติดใจ แต่เธอก็ปล่อยให้มันผ่านไป
“จ้าวปิศาจฮาเดลิสอย่างงั้นหรอ”ซาครอสพึมพำขัด เจ้าตัวเอามือลูบคางเป็นเชิงครุ่นคิด
“จะว่าไป เจ้าบอกว่าตอนนั้นเจ้าเห็นหน้าของผู้กล้าด้วยนี่”เมฟิสบอก
“ใช่ ถ้าเรื่องนี้โยงไปถึงเรื่องนั้น อะไรหลายอย่างก็คลี่คลาย สาเหตุเบื้องหลังสงคราม อำนาจยิ่งใหญ่ ถึงจะพอเดาได้อยู่รางๆ แต่ถ้ามันต้องข้องเกี่ยวกันล่ะก็...”
“ยุ่งยากแน่นอน”เฟเรสตัดขึ้นมา ดวงตาสีไพลินหรี่ลง น้ำเสียงกดต่ำอย่างพยายามระงับอารมณ์
“แม้ไม่อยากจะสงสัย แต่เรื่องนี้คงมีเบื้องลึกเบื้องหลังที่ท่านอาบอกไม่หมด”
“ใจเย็นๆก่อนเถอะค่ะ ข้าเชื่อว่าท่านคาลันคงมีเหตุผลที่ไม่บอกแน่ค่ะ”เจ้าของเส้นผมสีทองพูด พลางยิ้มให้ชายหนุ่ม เฟเรสถอนหายใจเฮือกใหญ่กับท่าทางของเธอ
“ข้าแค่หงุดหงิดที่มันวุ่นวาย เรื่องทุกอย่างมันรุกคืบเข้ามาจนน่าปวดหัว”เฟเรสพูดด้วยน้ำเสียงเอือมระอาปนหน่ายใจ
“เอาน่า ข้าว่าอีกไม่นานทุกอย่างคงดีขึ้น ตราบใดที่ไม่มีใครเข้ามาขัดน่ะนะ”ซาครอสบอก ก่อนดวงตาสีอำพันจะสะดุดกับอะไรบางอย่าง
“เซียร์ หู...”เสียงเรียกทำให้หญิงสาวยกมือขึ้นจับหูของตัวเอง จากหูปกติของมนุษย์เรียวยาวขึ้น ปลายแหลมชี้อันเป็นสัญลักษณ์ของเผ่าเอลฟ์
“เอ๊ะ...”ดวงตาสีน้ำเงินอมฟ้าเบิกกว้าง “ทำไมล่ะ?!”
“ซาครอส พวกเราด้วย!”เมฟิสบอกด้วยความตกใจไม่แพ้กัน รูปหูปกติแต่ปลายที่ควรมนกลับแหลมมนๆ สัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าพวกเขาไม่ใช่ปิศาจก็เทพ
“เวทย์อาณาเขต คืนกายา!”เฟเรสกัดฟันกรอด โดยปกตินั้นเผ่าพันธุ์อื่นๆนอกจากมนุษย์และคนแคระนั้นจะสามารถแปลงกายอยู่ในรูปกายมนุษย์ได้ แม้โดยปกติจะไม่แตกต่างกันมากอยู่แล้วก็ตาม
“ข้าไม่เห็นจะรู้สึกถึงไอเวทเลย”ซาครอสขมวดคิ้ว เวทย์อาณาเขตคืนกายาเป็นเวทย์ที่แผ่ไอมนตรา***และประกายเวทย์****มหาศาล หากมีคนใช้ไม่มีทางที่จะไม่มีใครรู้สึกถึงมัน
– ขณะนี้มีเหตุการณ์อันตรายเกิดขึ้นภายในเขตเมือง และเพื่อเป็นการป้องกันลูกหลงจากเหตุการณ์ดังกล่าว ขอให้นักเรียนทุกคนกลับไปยังหอพักของตนโดยด่วนค่ะ คณะอาจารย์ขอให้มารวมตัวกันหน้าอาคารประชุมด้วยนะคะ – เสียงประกาศของอาจารย์สาวประจำวิชาการปกครองดังก้องไปทั่วเขตโรงเรียนด้วยผลึกเครโฟสีเทาหม่น วิทยาการเวทมนต์ที่ช่วยให้ผู้พูดสามารถขยายเสียงของตนให้ดังในขอบเขตขนาดหนึ่งได้
ทั้งสี่คนมองหน้ากันก่อนจะพยักหน้าลงเป็นเชิงเข้าใจ พวกเขาจะต้องไปดูให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในเมืองกันแน่!
‘แอ๊ด’ประตูคู่บานใหญ่ค่อยๆเปิดออก พร้อมร่างๆหนึ่งที่เดินเข้าไปภายในห้อง ชายผ้าคลุมสีดำโบกสะบัดตามจังหวะก้าวเดิน บุคคลที่ทำให้เจ้าของห้องทั้งสองตั้งตัวกับการมาเยือนแทบไม่ทัน
“ท่านจ้าว”ชายหนุ่มทั้งสองคนโค้งหัวลงเป็นเชิงเคารพ ผู้มาใหม่เอ่ยในสิ่งที่ตนเองต้องการทันที
“ข้าอยากให้รอเวลาเสียก่อน ข้าอยากจะรอดูเหตุการณ์ต่อไป ในกลุ่มคนเหล่านั้น จะมีผู้ที่ประหยัดแรงให้พวกเราได้”
“รับทราบขอรับ ท่านอยากให้ข้าลงมือเมื่อไหร่สามารถบอกข้าได้เลย”เจ้าของดวงตาสีนิลรับคำ
“ไม่นานเกินรอ จนเมื่อห้องนั้นเปิดออก เจ้าสามารถลงมือได้ทันที ส่วนเพชฌฆาตโลหิตที่เข้าปะทะนั้น ย้ำเตือนด้วยว่า’กำจัดให้มากที่สุด’ แล้วก็ฝากบอกด้วยว่า ข้ารับแขก”‘ท่านจ้าว’ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเฉยชา
“รับบัญชา”
“อะไรกัน พวกเจ้าทำได้แค่นี้เองหรอ ข้านึกว่าเพชฌฆาตโลหิตจะทำได้ดีกว่านี้ซะอีก”ร่างเล็กเอ่ยด้วยน้ำเสียงขบขัน เธออยู่ในชุดกระโปรงโลลิต้าสีชมพูหวานประดับลูกไม้สีขาวและริบบิ้นสีเดียวกัน ดวงตาสีเลือดหมูมองผ่านช่องตาของหน้ากากสีขาวโพลนไปยังกลุ่มคนตรงหน้า ทั้งเธอและพวกเขาอยู่บนหลังคาสีอิฐของอาคารหลังหนึ่งใจกลางเมือง บนถนนด้านล่างผู้คนพากันวิ่งหนีให้ไกลจากจุดเกิดเหตุมากที่สุด
กลุ่มบุคคลราวๆห้าคนตรงหน้าเธอนั้นสวมชุดเข้ารูปสีดำล้วน เส้นผมของทุกคนตัดสั้นระต้นคอจนถึงสกินเฮด ใบหน้าปกปิดด้วยหน้ากากสีดำที่มีหมึกสีแดงเป็นรูปปากแสยะยิ้มกว้างและหยดน้ำสีเดียวกันใต้ช่องตาทั้งสอง ทำให้ยากจะระบุเพศ ในมือของพวกเขากำอาวุธแน่น ก่อนจะโถมเข้าหมายจะโจมตีเด็กสาวอีกครั้ง
ร่างสองร่างพุ่งเข้ามาขวางระหว่างเด็กสาวและผู้ปองร้าย ทั้งสองเป็นเด็กผู้หญิงแต่งกายในชุดที่คลับคล้ายกับเด็กสาวคนแรก เพียงแต่เป็นชุดสีฟ้าขาว และหน้ากากของทั้งสองที่มีหมายเลขโรมัน II และ III อยู่บริเวณหน้าผาก ดวงตาสีนิลที่อยู่เบื้องหลังหน้ากากไร้แวว
“II(ทู) III(ทรี) ฝากจัดการตรงนี้ด้วยนะ ข้าอยากจะไปเจอ‘พวกนั้น’อย่างเป็นทางการซะหน่อย ถ้าไม่ไหวจะเรียกคนอื่นๆมาด้วยก็ได้นะ”เด็กสาวกล่าว ก่อนในมือจะกางร่มสีชมพูอ่อน แล้วกระโดดลงจากหลังคาไป เหล่าเพชฌฆาตโลหิตไม่มีทีท่าว่าจะตาม หันมาสนใจ II และ III แทน ซึ่งนั้นก็ทำให้เด็กสาวรู้สึกสงสัยไม่น้อย แต่เธอก็ปล่อยไปและมุ่งไปยังที่ที่เธอต้องการอย่างโรงเรียนมหาเวทอาเวริอัส
พวกเฟเรสที่กำลังรุดออกมาจากเขตโรงเรียนอย่างเงียบเชียบนั้น เพียงแค่เข้าใกล้กำแพงโรงเรียนก็รู้สึกได้ถึงไอมนตราที่แผ่ออกมาจากบริเวณหอประชุมและประกายเวทย์สีขาวเรืองรองที่ทอประกายที่ค่อยๆขยายวงกว้างขึ้นจนถึงขอบรั้วโรงเรียนกลายเป็นเกราะสีขาวขุ่นจางๆตั้งเป็นกำแพงทรงโดมครอบอาณาเขตของโรงเรียนไว้ ทั้งสี่ทิศของเกราะเวทย์มีสัญลักษณ์รูปปีกสีขาวกางกางแผ่ออก
“ชิ”เฟเรสส่งเสียงอย่างไม่พอใจ ในขณะที่ซาครอสได้แต่เกาหัวด้วยความหน่ายใจแทน
“เฮ้อ นึกว่าจะออกไปทันก่อนจะมีอาจารย์ใช้เวทย์อาณาเขต เทพพิทักษ์ซะอีก”เมฟิสบ่นด้วยท่าทางทีเล่นทีจริง เวทย์นี้ทำให้พวกเขาต้องยกเลิกความคิดที่จะออกไปข้างนอก เพราะถ้ามีใครเข้าออกผ่านเกราะเวทย์นี้ ได้มีสิทธิ์ตายศพไม่สวยแน่นอน ไม่ว่าจะแข็งตาย ถูกสายฟ้าตายและอื่นๆอีกมากมาย ขึ้นกับธาตุประจำกายผู้ร่ายเวทย์ แต่ก็ยกเว้นว่าผู้ร่ายจะอนุญาตให้คนคนนั้นเข้าออกได้
“ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ตอนนี้ก็กลับไปที่หอก่อนก็แล้วกัน ทางที่ดี เอาผมมาปรกหูด้วยก็ดีนะ ถ้าไม่อยากความลับแตก”ซาครอสบอกซาซิเรีย ในขณะที่เจ้าตัวปล่อยผมประบ่าที่เคยรวบไว้ออกเพื่อปกปิดรูปหูที่แปลกไป แต่สาวเจ้าก็ส่ายหน้า
“ที่นี่ต้อนรับทุกเผ่าพันธุ์ยกเว้นผู้คนแดนปิศาจค่ะ เพราะฉะนั้นเรื่องที่เป็นเอลฟ์เลยไม่ต้องเป็นห่วงอะไร”
“งั้น ไว้เจอกันก็แล้ว...”เมฟิสค้างไปเมื่อเห็นเด็กชุดโลลิต้าสวมหน้ากากลอยอยู่เหนือหน้าประตูรั้ว ในมือถือร่มที่กางออกเหนือศีรษะ ส่วนมือข้างที่ว่างก็จับคางเหมือนกำลังคิดว่าทำยังไงกับเกราะเวทย์ตรงหน้าเธอดี
ท่าทางของเมฟิสทำให้คนอื่นหันไปมองตาม โดยเฉพาะซาซิเรียที่ทำหน้าตกใจออกมา เพราะไม่คิดว่าจะได้เด็กสาวตรงหน้าจะปรากฏตัวกลางวันแสกๆ
พวกเขายืนมองเด็กสาวเงียบๆ ในขณะที่เธอเริ่มเคลื่อนไหว เท้าเล็กหุ้มด้วยรองเท้าหุ้มส้นสีขาวสะอาดตวัดเตะเข้าใส่เกราะเวทย์อย่างจัง ทำให้คนที่เห็นเหตุการณ์อดหวาดเสียวกับผลกระทบไม่ได้
และดังคาด สายฟ้าสีทองสุกสว่างฟาดเปรี้ยงลงมาอย่างไม่เกรงฟ้าดินใส่ผู้หมายจะบุกรุก ร่างทั้งร่างไหม้เกรียมก่อนจะตกถึงพื้นดิน กลิ่นเหม็นไหม้ปนกับกลิ่นเลือดคลุ้งกระจายไปทั่วบริเวณชวนคลื่นเหียน จนพวกเฟเรสต้องยกมือขึ้นปิดจมูกอย่างเลี่ยงไม่ได้
แต่แล้วสิ่งที่น่าตกใจก็เกิดขึ้น เมื่อร่างที่ดำเกรียมนั้นขยับลุกขึ้นมายืน และค่อยๆเดินเซเข้ามาจับซี่เหล็กของรั้วสีทองคำพร้อมด้วยเสียงหัวเราะคลอเบาๆเหมือนกำลังสะใจอะไรบางอย่างท่ามกลางสายตาตกใจทั้งสี่คู่ และอาจจะรวมถึงของผู้ร่ายมนตราอาณาเขตด้วย
“ตุ๊กตาที่ไม่มี’คอร์’น่ะ ฆ่ายังไงก็ไม่มีวันตายหรอกนะ ฮะๆๆ ฮ่าๆๆ”
+++++++++++++
*พาร์เม – สัตว์ป่ามีดวงตากลมโต รูปร่างกลมคล้ายลูกบอล สูงประมาณ1เมตร น่าตาน่ารักขัดกับขนาด ผิวปกคลุมด้วยขนสีส้มเข้ม เคลื่อนที่ด้วยการเด้งไปมา จับยากเพราะเคลื่อนไหวได้เร็ว มักถูกล่าเป็นวัตถุดิบ (อาหาร) พื้นเมืองของชาวเอลฟ์
**สัตว์อสูร – เป็นสัตว์วิเศษที่ไม่มีตัวตนจริง แต่เป็นเผ่าพันธุ์ที่ถูกผู้ใดผู้หนึ่งสร้างขึ้นด้วยพิธีกรรมมนตรา
***ไอมนตรา – สัมผัสของพลังเวท มักจะปรากฏขึ้นเวลาใช้เวทมนต์ที่ต้องการวงเวทย์(ส่วนมากจะเป็นเวทย์ขั้นสูง) เป็นความรู้สึกคล้ายวงคลื่นที่แผ่ออกมาจากผู้ร่ายเวทย์
****ประกายเวทย์ – ละอองเวทมนต์ยามใช้เวทย์ที่ต้องการวงเวทย์ ประกายแสงมากหรือน้อยขึ้นกับระดับมนตรา
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ