Zenteria อาณาจักรมนตรา มายาแห่งหมอก
เขียนโดย Dark_Shinigami
วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 20.53 น.
แก้ไขเมื่อ 27 กันยายน พ.ศ. 2558 17.29 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) คำทำนาย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความมายาที่ 6 คำทำนาย
“เป็นไปไม่ได้!”น้ำเสียงตกใจของชายหนุ่มผู้มีศักดิ์เป็นอาจารย์ประจำวิชาเวทย์มนต์ทำให้อาจารย์ท่านอื่นๆที่อยู่ใกล้ๆถามขึ้นมาจากนอกเขตวงเวทย์ที่เรืองแสงจางๆอยู่รอบตัวเขา
“เกิดอะไรขึ้น อาจารย์อังเดร?”
“ตุ๊กตาชักใย...ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่?”แต่เหมือนชายหนุ่มผมบลอนด์จะตกอยู่ในภวังค์ เขาพึมพำกับตัวเองราวกับไม่เชื่อสายตา ไม่เชื่อในสิ่งที่เขาเห็นและรับรู้ผ่านบทเวทย์ มือที่จับคทาเหล็กด้ามสูงเบื้องหน้ากำแน่น
“แอนเดรีย ช่วยไปตามอาจารย์ใหญ่ให้ผมที”เขาหันไปกล่าวกับฝาแฝดของตนที่ยืนอยู่ไม่ไกล หญิงสาวพยักหน้าก่อนจะรีบเดินออกไป ในขณะที่สายตาคนอื่นยังมีความงุนงงอยู่
“มันเรื่องใหญ่ถึงขนาดต้องตามท่านรูเนลัสเลยหรอครับ? แล้วตกลงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ?”อาจารย์ที่ดูอ่อนวัยกว่าถามขึ้นมา
“ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ ผมอยากให้อาจารย์ทุกท่านช่วยรอจนกว่าอาจารย์ใหญ่จะมา แล้วก็อาจารย์ประจำหอทุกท่าน ผมรบกวนกลับไปดูแลนักเรียนประจำหอของตนด้วยนะครับ ถึงผมจะยังไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก แต่สิ่งที่อยู่ภายนอกเกราะนั่น อันตรายมากครับ”คำกล่าวนั้นทำให้หลายคนตื่นตระหนก บางคนก็ดูไม่มั่นใจ แต่เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของอาจารย์หนุ่มที่อารมณ์ดีอยู่เนืองนิตย์ก็ทำให้พวกเขาทำตามได้ไม่ยาก
อาจารย์หลายท่านแยกย้ายกันไป เหลือเพียงเกือบสิบคนที่ยังคงอยู่ภายในหอประชุม หนึ่งในนั้นคือนิโคไล คลอส อาจารย์ประจำวิชาประวัติศาสตร์
“ที่เจ้าพูดถึงตุ๊กตาชักใยเมื่อครู่ ช่วยบอกรายละเอียดที”เขาพูดกึ่งขอกึ่งบังคับ ทำให้อาจารย์ที่เหลืออยู่หันมามองพวกเขาด้วย สิ่งที่เขาต้องการทำให้อังเดรสงสัยว่าอีกฝ่ายรู้จักตุ๊กตาชักใยได้อย่างไร รู้จักแน่รึเปล่า หรือแค่ถามเพราะได้ยินสิ่งที่เขาหลุดพูดออกไปเมื่อครู่ เพราะกว่าเขาจะรู้จักก็คือเขาได้อาจารย์ใหญ่แต่งตั้งขึ้นเป็นผู้ดูแลโรงเรียนและบอกให้เขารู้ และเรื่องที่เขาได้รับรู้มานั้น คนทั่วไปไม่น่าจะรู้จักมัน
อังเดรชั่งใจขณะที่สบสายตากับคนตรงหน้าเขา ถึงเขาจะรู้จักนิโคไลในฐานะรุ่นน้องมากว่าห้าปี แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่าควรจะบอกมากแค่ไหน
“ขอฟังแค่สิ่งที่เจ้าเห็น เกินกว่านั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องบอก”หนุ่มรุ่นพี่กล่าวขึ้นมาราวกับล่วงรู้ความในใจประกอบกับสายตาสงสัยของอาจารย์ท่านอื่นที่มองมา อังเดรจึงตัดสินใจบอกออกไปตามคำขอ
“ผมเห็นเด็กสาวผมยาวสีชมพูมัดแกละสองข้างในชุดกระโปรงลูกไม้ เธอสวมหน้ากากสีขาว และเตะเกราะเวทย์เข้าตรงๆ เลยถูกสายฟ้าฟาดใส่”อังเดรพูดถึงตรงนี้ก็ชะงักไปเล็กน้อย เพราะยังไงเขาก็ยังไม่คอยเชื่อสายตาตัวเองอยู่ดี “ร่างทั้งร่างไหม้เกรียม แต่ก็ยังลุกขึ้นมาได้ เธอพูดออกมาว่า ‘ตุ๊กตาที่ไร้คอร์น่ะ ฆ่าไม่ตายหรอกนะ’ จนถึงตอนนี้เธอก็ยังพยายามจะฝ่าเกราะเวทย์เข้ามาอยู่ครับ”
คำกล่าวนั้นเรียกเสียงฮือฮาได้ไม่ยากกับสิ่งที่พวกเขาไม่รู้จัก แต่นิโคไลก็ยังคงมาดนิ่งสงบของตนไว้ได้ ชายหนุ่มดันแว่นขึ้นทำให้แว่นนั้นสะท้อนแสงบดบังดวงตาเบื้องหลัง
“ตุ๊กตาไร้คอร์สินะ ขอบคุณมาก”นิโคไลบอกก่อนเขาจะเดินออกไปจากหอประชุม ทิ้งอังเดรไว้กับความสงสัยว่าเขารู้จักตุ๊กตาชักใยได้อย่างไร
“น..นั่นมันอะไรน่ะ?!”เมฟิสถามขึ้นมาอย่างไม่เชื่อสายตากับภาพตรงหน้า ร่างที่แหลกเหลวเพราะสายฟ้าฟาดหลายต่อหลายครั้งนั้นยังคงลุกขึ้นมา ค่อยๆก่อร่างเป็นร่างมนุษย์และยังคงไม่หวั่นที่จะทำลายเกราะเวทย์
“อะไรไม่รู้ แต่ที่แน่ๆคืออยู่ตรงนี้ต่อไปไม่ดีแน่ กลับไปที่หอกันก่อนเถอะ”ซาครอสเอ่ย หากมีอาจารย์สักคนวิ่งออกมาดูแล้วพบพวกเขาตรงนี้คงจบไม่สวยแน่
แต่ทันทีที่พวกเขาถอยหลังก็เห็นร่างของรุ่นพี่ที่พวกเขาเจอในวันแรกวิ่งตรงเข้ามาหาพอดี ใบหน้านั้นดูเหนื่อยหอบเหมือนวิ่งมาเป็นเวลานาน
“พวกเจ้า...อยู่นี่กันนี่เอง”ราเซียสพูดไปหอบไป “ให้วิ่งตามหาซะทั่วโรงเรียนเลย”
“แฮะๆ พวกผมนั่งอยู่ตรงนี้ แล้วเขาเพิ่งประกาศก็เลยยังงงๆ ตกใจกันอยู่น่ะครับ”เมฟิสพูดแก้ตัว แต่เหมือนรุ่นพี่ของเขาจะไม่ค่อยสนใจคำแก้ตัวเท่าไหร่
“รีบกลับไปที่หอเถอะน้อง อาจารย์เขากังวลจะแย่แล้ว เห็นว่ามีอันตรายอยู่หน้าโรงเรียน”ราเซียสพูดไปก็ชำเลืองมองไปยังประตูโรงเรียน ก่อนจะอึ้งไปสักพักเหมือนพวกเฟเรสก่อนหน้า
“พวกน้องตรงกลับไปที่หอกันก่อนเลยนะ”จู่ๆราเซียสก็พูดขึ้นมา ทำให้เมฟิสถามกลับไป “แล้วพี่ล่ะครับ?”
“พี่ยังต้องไปแจ้งเรื่องให้อาจารย์ที่หอประชุมน่ะ”เมฟิสพยักหน้าลงอย่างไม่สงสัยอะไรเพิ่มเติม เพราะยังไงคนตรงหน้าก็เป็นถึงเสนาธิการหอ ต้องมีความสามารถและได้รับความไว้วางใจพอสมควร ดังนั้นจะถูกไหว้วานเรื่องแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แม้จะเป็นยามคับขันก็ตาม
เมื่อแน่ใจแล้วว่าพวกเฟเรสหายลับสายตาไปแล้ว เจ้าตัวก็หันกลับไปมองที่หน้าประตูอีกครั้งหนึ่งก่อนจะกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปทางหอประชุมที่นิโคไลเดินออกมาพอดี
“คาดไม่ถึงจริงๆว่าจะบ้าเปิดเผยตัวขนาดนี้ อย่างนี้จะเข้าไปที่ห้องนั้นได้หรอเนี่ย การคุ้มกันคงแน่นหนาขึ้นแน่”
เมื่อพวกเขากลับไปถึงหอ ก็พบเพียงชั้นปีที่1ของปราการเหมันต์นั่งอยู่ภายในห้องนั่งเล่น ไร้วี่แววของพวกรุ่นพี่ปีอื่นๆ
“มีแค่พวกเราเองหรอ?”ซาครอสถามขึ้นมา
“ปีอื่นเขานัดรวมที่ส่วนอื่นของหอน่ะ แยกย้ายกันไปเป็นชั้นปี เห็นว่ารวมกันมันจะอึดอัดไป”คาริน่า สาวนักทำนายตอบ ขณะที่เธอกำลังนั่งพลิกไพ่ในมือเล่น
“แล้วพวกเราคือให้รอที่นี่เฉยๆเลยหรอ?”เมฟิสถามต่อ ข้างนอกวุ่นวาย แต่ภายนอกหอนั้นช่างสงบสุขราวกับข้างนอกไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
“ใช่ค่ะ รุ่นพี่บอกว่าถ้ามีอะไรเพิ่มเติมจะมาแจ้งให้ทราบน่ะค่ะ”โอเรียบอกด้วยน้ำเสียงน่ารักสมนิสัย”แล้วก็กำชับว่าไม่ให้ออกไปไหนด้วยค่ะ”
“อื้ม ขอบใจนะ”
“จะว่าไปคาริน่า เวลาเจ้าทำนายน่ะ ใช้ไพ่อย่างเดียวเลยหรอ?”เมย์เดียที่นั่งอยู่ข้างๆกันถามขึ้นมาด้วยความสนใจ เธอเห็นเพื่อนเธอทำนายทีไรก็ใช้แต่ไพ่เดสทีน*ไม่ก็ไพ่ทาโรต์ตลอด
“ก็ไม่ตลอดนะ ส่วนมากแล้วถ้าเป็นคำทำนายระยะสั้นหรือเรื่องเล็กๆใช้ไพ่จะสะดวกกว่า แต่ก็มีบ้างเหมือนกันที่ต้องประกอบพิธีกรรมมนตรา แต่จะวุ่นวายกว่าตรงที่ต้องมีอุปกรณ์เยอะแยะ ทั้งอ่างดินเผา เทียนขาว กำยานหอม ดอกไม้สารพัดชนิด อะไรพวกนั้นน่ะ”คาริน่าอธิบาย ขณะที่โบกไพ่เปล่าในมือไปมา
“ถ้าอย่างนั้นช่วยทำนายให้ข้าทีสิ”ซาครอสเอ่ย ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มด้วยความสนใจ
“เอาสิ หยิบไพ่ไปใบหนึ่งได้เลย”เธอตอบ มือบางกรีดไพ่ก่อนจะคว่ำไพ่ลงแล้วยื่นให้เด็กหนุ่มเลือก
“ด้านหลังมันก็ว่างเปล่าเหมือนกันไม่ใช่หรอ?”เมฟิสถามแทรก แต่คาริน่าก็เพียงตอบปัดๆ “มันไม่เหมือนกันหรอก เอ้า เลือกเลย ซาครอส จงเลือกใบที่เจ้า’อยาก’จะจับมากที่สุด”
เด็กหนุ่มมองไพ่สีดำเบื้องหน้า หลังจากจ้องมองสักพักเขาก็เห็นไพ่ที่โดดเด่นขึ้นมา ดวงตาสีอำพันเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ไพ่ใบที่สิบกว่าๆจากด้านซ้ายมือเหมือนมีไอสีขาวเรื่อๆอยู่รอบๆเหมือนเชิญชวนให้เขาหยิบขึ้นมา
“เพราะแบบนี้สินะถึงแตกต่าง”ซาครอสเอ่ยขณะที่ยื่นมือหยิบไพ่ใบนั้นออกมา คาริน่ายิ้มอย่างเข้าใจชายหนุ่มในขณะที่คนอื่นยังงงๆอยู่ เขาหงายไพ่ในมือออกมา อีกด้านที่เคยเป็นสีขาวค่อยๆปรากฎลายน้ำหมึกสีดำเป็นรูปร่างและตัวอักษรอย่างน่าอัศจรรย์
บนไพ่นั้นมีหลายรูปซ้อนทับกันจนยากจะดูออก ซึ่งคาริน่าที่เหมือนจะรู้งานเขยิบเข้ามาใกล้เด็กหนุ่มมากขึ้นเพื่อแจกแจงรายละเอียดบนไพ่ นัยน์ตากลมสีบลอนด์น้ำตาลกลายเป็นสีขาวใสแปลกตาหรือที่รู้จักกันว่าเนตรทำนาย ดวงตาที่สืบทอดมาในตระกูลของนักทำนายที่ใช้ในการตีความและอ่านอนาคต
“รูปแรกเป็นรูปของคนสองหน้า หน้าหนึ่งยิ้มแย้มหน้าหนึ่งชั่วร้าย บ่งบอกถึงคนที่เจ้ารู้จักในระยะนี้จะมีคนที่เป็นทั้งมิตรและศัตรูของเจ้า เขาจะคอยช่วยเหลือเจ้าในบางอย่าง แต่ก็จะหักหลังเจ้าหรือมีจุดประสงค์แอบแฝงที่ไม่ตรงกับเจ้าในท้ายที่สุด ต้องระวังไว้ให้ดี”เธอว่าพลางลากนิ้วตามรอยเส้นให้ซาครอสเห็นเป็นรูปร่างที่เธอกำลังพูดถึง ก่อนจะเริ่มที่รูปถัดไป
“รูปมือทั้งสองกำลังเปิดประตู หมายความว่าเจ้ากำลังจะเจอสิ่งที่เจ้าตามหา ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม ถัดมาคือรูปดวงตาที่หยาดน้ำตาหลั่งรินเป็นสายเลือด”คาริน่าชี้ถึงเส้นถมดำเป็นแนวยาว สีหน้าเด็กสาวเหยเกเล็กน้อย เหมือนไม่อยากจะพูดต่อ
“เจ้าจะพบกับเรื่องเศร้าโศกในอนาคตข้างหน้า อาจจะเป็นการสูญเสียที่ทำให้เจ้าเสียใจมากจนแทบไม่อยากจะอยู่บนโลกใบนี้”ถึงตรงนี้ซาครอสก็รู้สึกเหมือนใจเสียเล็กน้อย ชักหวั่นกับสิ่งต่อไปที่เด็กสาวจะพูดถึง เพราะสีหน้าดูเหมือนไม่อยากพูดกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก
“รูปสุดท้าย ฝูงคนโรมรันเข้าหากัน และคมดาบที่ปักคาร่าง ในภาคหน้าเจ้าจะผัวพันกับการต่อสู้ครั้งใหญ่ เจ้าจะบาดเจ็บ...”คาริน่าชะงักไปอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงที่แผ่วลง “เจ้าอาจจะอาการสาหัสจนถึงตาย”
บรรยากาศในห้องอึมครึมขึ้นมาทันที แม้แต่เรออสที่อ่านหนังสืออย่างไม่ใส่ใจยังลดหนังสือลงและจ้องตรงมาทางพวกเขา ความเงียบเข้าปกคลุมสักพักหนึ่งก่อนจะถูกทำลายลงด้วยฝีมือของซาครอส
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงช่วยไม่ได้ล่ะนะ”เด็กหนุ่มยักไหล่เล็กน้อย”สิ่งที่ต้องเจอก็ต้องเจอ สิ่งที่ต้องทำก็ต้องทำอยู่ดีนั่นแหละ”
“ซาครอส...”คาริน่าทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก เธอไม่ชอบเวลาที่ผลทำนายออกมาไม่ดีแบบนี้ เพราะเธอเองก็ลำบากใจ ยิ่งอีกฝ่ายเป็นคนรู้จักก็ยิ่งลำบากใจเข้าไปอีก เพราะคำทำนายนั้นแม้จะหลีกเลี่ยงได้ แต่อนาคตนั้นยากจะเปลี่ยนแปลง แม้สองมือสองเท้าหนึ่งสมองของคนจะเป็นสิ่งลิขิตชีวิตคนคนนั้นก็ตามที
เจ้าของชื่อเพียงยิ้มให้เธอเล็กน้อยพลางตบบ่าเบาๆเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร ก่อนเขาจะเปิดประเด็นเรื่องอื่นขึ้นมาคุยกับเมฟิสและเฟเรสต่อ ทำให้บรรยากาศภายในห้องผ่อนคลายลง
“เอาน่า คาริน่า อย่างที่ซาครอสพูดนั่นแหละ ทุกอย่างมีสิ่งที่ถูกกำหนดไว้อยู่แล้ว เจ้าเพียงแค่ทำนาย ไม่ใช่ทำให้มันเกิดขึ้นนี่นา”เมย์เดียพูดปลอบ
“ช..ใช่แล้วล่ะ คาริน”เอลิน่าตะกุกตะกักเสริมขึ้นมา เมื่อได้ยินเพื่อนทั้งสองคนพูดอย่างนั้นเจ้าตัวก็โล่งใจมาอีกเปลาะหนึ่ง เธอยิ้มออกมาอย่างปกติ แม้ในใจลึกๆจะยังรู้สึกแย่ เหมือนมีบางอย่างในใจบอกเธอว่าคำทำนายนั้นน่าจะพัวพันกับใครหลายคนในที่นี้มากกว่าที่เธอคิด และนั่นทำให้เธอตัดสินใจ
“ทุกคน ถ้าไม่รบกวน ข้าอยากทำนายให้พวกเจ้าทุกคนเลยจะได้มั้ย?”คำถามนั้นทำให้ทุกสายตาจับจ้องมาที่คาริน่า ปกตินักทำนายจะไม่เป็นฝ่ายขอทำนาย เพียงแต่ทำนายตามคำขอเท่านั้น และถ้าทักแบบนี้ขึ้นมาเมื่อไหร่แสดงว่าจะต้องมีเรื่องสำคัญบางอย่าง ไม่ว่าจะดีหรือร้ายก็ตาม
“ข้ารู้สึกเหมือนมันมีบางอย่างที่เกี่ยวพันพวกเราไว้ด้วยกัน มันอธิบายไม่ถูก ข้าเพียงแค่รู้สึกเท่านั้น”คาริน่าเอ่ย พยายามจะอธิบาย แต่ทุกสิ่งมันก็เป็นนามธรรมเกินกว่าเธอจะอธิบายออกมาได้
“ลางสังหรณ์ของนักทำนายสินะ”เมย์เดียกล่าว”เอาสิ น่าสนใจดีออก อีกอย่างก็ไม่เสียหายอะไรด้วย”
คาริน่าหยิบไพ่ขึ้นมาอีกครั้ง แล้วทำเหมือนเดิม เธอคว่ำไพ่และยื่นให้ทุกคนจับ จนถึงตอนนี้ทุกคนถึงได้เข้าใจถึงความแตกต่างของไพ่แต่ละใบที่ถูกเลือกสรรโดยแต่ละคน คาริน่ามองไพ่ค่อยๆถูกหยิบไปทีละใบ ทีละใบจนเหลือเพียงสองคนสุดท้ายคือคิลรัสและโซลีเรีย แต่แล้วสิ่งเหลือเชื่อก็เกิดขึ้นเมื่อทั้งสองคนเอื้อมมาจับใบเดียวกัน!
“เอ๋?”แม้แต่คาริน่าก็ยังเก็บความสงสัยไว้ไม่มิด ตั้งแต่เมื่อสามปีก่อนที่เธอเริ่มทำนายมา เธอยังไม่เคยเจอใครที่เลือกไพ่ตรงกันมาก่อน
“เอ...แล้วแบบนี้ทำยังไงหรอครับ?”คิลรัสถามพลางยิ้มแห้งๆ คาริน่ากระพริบตา ก่อนจะทำหน้าครุ่นคิด พอมานึกดูดีๆเหมือนเธอจะเคยได้ยินกรณีนี้อยู่อย่างยายของเธอ“อืม..แสดงว่าพวกเจ้าดวงสัมพันธ์กันถึงขนาดที่คำทำนายผลออกมาเหมือนกันน่ะนะ”
“เอาล่ะ หงายไพ่ขึ้นมาเลย”คาริน่าบอกกับทุกคนที่นั่งล้อมกัน เธอใช้ดวงตาสีขาวจ้องไปยังไพ่ทั้งหมด11ใบ “ข้าจะขอพูดถึงความหมายไพ่ที่เหมือนกันอย่างเดียวนะ ถ้าอยากรู้ที่เหลือไว้วันหลังนะ”
“เหมือนกันมากกว่าที่ข้าคิดไว้ซะอีก...”คาริน่าพึมพำ แต่ด้วยความเงียบของคนอื่นที่รอฟังทำให้ทุกคนได้ยินกันอย่างทั่วถึง
“พวกเจ้า ยกเว้นโซลีเรียกับคิล มีรูปของคนสองหน้า ความหมายพวกเจ้าก็เคยได้ยินไปแล้วว่าจะเจอคนที่เป็นทั้งมิตรและศัตรู และทุกคนมีอีกรูปเหมือนกันคือรูปของคนที่โรมรันเข้าหากัน การต่อสู้ครั้งใหญ่...ถ้าเกี่ยวพันกันขนาดนี้ เป็นไปได้ว่าจะเป็นสงคราม แค่นี้แหละ ที่เหลือก็แตกต่างกันไป แล้วก็...”คาริน่าหรี่ตาลง“มีคำทำนายถึงความตาย...แต่ข้าบอกไม่ได้ว่าเป็นใครในที่นี้ มันผิดบัญญัตินักทำนายที่ห้ามบอกว่าใครอยู่ใครตายในอนาคต แม้จะรู้ก็ต้องเก็บเงียบ ขอโทษด้วย”
“อ้าว ทีซาครอสเจ้ายังบอกเลยเรื่องสาหัสถึงตายอะไรนั่นน่ะ?”เมฟิสแย้ง
“ของหมอนั่นน่ะ มันทำนายออกมาว่าบาดเจ็บหนัก อาจจะตายได้ แต่ที่ข้าอ่านเมื่อครู่...คือตายแน่นอน”เด็กสาวตอบ ดวงตาของเธอกวาดมองไปรอบๆ สีหน้าแต่ละคนดูไม่สู้ดีนัก เพราะฟังจากคำทำนายก็มีแต่เค้าลางการสูญเสียเห็นๆ
“ที่ว่าจะเสียชีวิตนี่...ในเวลาอันใกล้นี้หรอคะ?”โอเรียถามขึ้นมาเสียงเครือเล็กน้อย เหมือนกำลังหวั่นกลัวอยู่ในใจ
“ข้าตอบไม่ได้ ความเป็นความตายนักทำนายไม่ใช่ผู้ลิขิต เป็นเพียงสิ่งเดียวที่เราไม่สามารถบอกได้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่เรื่องการต่อสู้นั้น ข้าสามารถบอกได้เลยว่าภายในปีนี้ อีกราวสองสามเดือนข้างหน้า”คาริน่าตอบ สีหน้าบ่งบอกเลยว่าเธอลำบากใจแค่ไหน
“อย่างงั้นหรอคะ ไม่เป็นไรค่ะ”โอเรียเอ่ย เธอยิ้มให้คาริน่า ในใจก็หวังว่ารอยยิ้มของเธอจะช่วยปลอบเด็กสาวตรงหน้าได้บ้าง คาริน่าส่งยิ้มเกร็งๆกลับ ก่อนเธอจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้แล้วเดินเข้าไปหาซาร่าที่กำลังบ่นๆอะไรบางอย่างกับโนเอลอยู่
“ซาร่า คำทำนายของเจ้าน่ะมีบอกว่าความรู้สึกที่ซ่อนไว้ เขาจะรับรู้และตอบรับมัน อย่ากลัวที่จะบอกออกไปล่ะ”เธอกล่าวเชิงเย้าแหย่ ซาร่าที่ถูกกระซิบหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย
“อย่ามาพูดอะไรบ้าๆน่ะ”ซาร่าขึ้นเสียงเล็กน้อยกลบอาการเขินอาย ก่อนจะพึมพำกับตัวเอง “มันจะเป็นไปได้ยังไง เขาเคยบอกว่าไม่ชอบคนอายุน้อยกว่านี่นา”
คาริน่าที่ได้ยินคำนั้นเต็มๆเพราะอยู่ใกล้เลยอดอมยิ้มไม่ได้ แต่ไม่ทันจะพูดอะไรคนที่เหมือนจะหลับดันชิงพูดขึ้นมาซะก่อน
“ฮ้าว..คำทำนายไม่เคยโกหกหรอกน่า เจ้าบอกออกไปเถอะ”
“นี่เจ้ารู้ตลอดอย่างงั้นหรอ โนเอล!”ซาร่าหน้าแดงหนักกว่าเก่า โนเอลเพียงยักไหล่ “คนไม่รู้ก็มีแค่เจ้านั่นเท่านั้นแหละ บอกๆออกไปเถอะ อย่าปล่อยให้หมอนั่นไม่รู้เรื่องอยู่คนเดียวเลยน่า น่าสงสาร”
ทางด้านเมย์รินที่เห็นโอเรียทักคาริน่าแบบนั้นรู้สึกกังวลใจขึ้นมา เธอเลยอดที่จะเข้าไปคุยกับโอเรียไม่ได้
“องค์หญิงไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ ข้าจะไม่ยอมให้องค์หญิงเป็นอะไรแม้แต่ปลายก้อย”เมย์รินบอกเสียงหนักแน่น แม้เธอจะกังวลอยู่ภายในว่าใครจะเป็นคนที่จะดับสิ้น แต่เธอจะไม่ยอมให้คนสำคัญของเธอเป็นอะไรไปตราบใดที่เธอยังมีชีวิตอยู่“ข้าให้สาบานไว้แล้ว และอัศวินจะไม่ผิดคำสัตย์ค่ะ”
“ขอบใจนะจ๊ะ เมย์ริน ข้าไม่ได้กังวลว่าตัวเองจะเป็นอะไรหรอกจ้ะ”โอเรียหันไปกล่าวกับคนที่เป็นทั้งเพื่อนสนิทและองครักษ์ นัยน์ตาสีฟ้าเข้มแอบชำเลืองไปทางเด็กหนุ่มจากแดนเทพเหมือนกับเธอ เมย์รินที่เห็นดังนั้นก็จับบ่าเด็กสาวพลางพูดเสียงแผ่วเบา
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ องค์ชายเรออสน่ะ เรย์ไม่ปล่อยให้เป็นอันตรายหรอกค่ะ”คำพูดนั้นทำให้โอเรียกลับมายิ้มบางๆพร้อมพยักหน้าให้เมย์ริน
“เอาน่า เรื่องนั้นมันก็อนาคต สนใจปัจจุบันกันดีกว่าน่า ทำตอนนี้ให้เต็มที่ ถึงตอนนั้นจะตายก็คงเสียดายอะไรน้อยลงล่ะ”เมฟิสขัดขึ้นมาท่ามกลางความอึมครึมที่ยังคงเหลืออยู่เล็กน้อย
“พูดได้ดีนี่ สงสัยข้าต้องมองเจ้าใหม่ซะแล้ว”เมย์เดียยิ้มพลางหัวเราะ เสียงหัวเราะอันสดใสของเธอเหมือนจะช่วยไล่บรรยากาศหดหู่ออกไปได้ไม่น้อยทีเดียว
“เจ้าหมายความว่าไงน่ะ แล้วก่อนหน้านี่เจ้ามองข้ายังไงกัน?!”เมฟิสชักเสียงไม่พอใจ ฟังเมื่อครู่ดูยังไงก็ไม่มีทางที่เขาจะถูกมองดีๆแม้แต่น้อย
“จะอะไรซะอีก ก็พวกเหลาะแหละไง”เมย์เดียตอบกลับด้วยน้ำเสียงกวนๆ ทั้งสองคนจึงเริ่มกัดกัน..อีกครั้ง พร้อมกับบรรยากาศในห้องที่กลับมาเฮฮาเหมือนก่อนหน้านี้
++++++++++++
*ไพ่เดสทีน เป็นไพ่ที่เรียกได้ว่าไพ่เปล่า ด้านหลังจะเป็นสีดำขอบขาว ส่วนอีกด้านเป็นหน้าว่าง มักจะใช้ในการทำนายอนาคตของนักทำนายทั้งหลาย จะปรากฏคำพร้อมรูปตามแต่บุคคลที่จับ และความปรารถนาที่จะรู้ในขณะนั้น ส่วนไพ่ทาโรต์(สำหรับมิติเซนทีเรีย)เป็นเพียงการทำนายโชคลางโดยรวมแบบไม่ละเอียด
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ