Zenteria อาณาจักรมนตรา มายาแห่งหมอก
-
เขียนโดย Dark_Shinigami
วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 20.53 น.
11 มายา
1 วิจารณ์
13.60K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 27 กันยายน พ.ศ. 2558 17.29 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) จุดเริ่มต้น
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ*หมายเหตุ กรุณาอ่านบทนำด้วยนะครับ ^ ^
มายาที่ 1 จุดเริ่มต้น
“ซาครอส นั่นใช่ป่ะ โรงเรียนมหาเวทอาเวริอัส?”เด็กหนุ่มที่มีเส้นผมสีน้ำตาลเปลือกไม้ทรงรากไทรเอ่ยถามขึ้นมา ดวงตามีเขียวมรกตจับจ้องไปยังเงาอาคารที่เห็นอยู่ไม่ไกล อาคารสีงาช้างทรงกรีกหลังใหญ่เบื้องหลังรั้วเหล็กสีทองสะท้อนแสงอาทิตย์เป็นประกาย
“ใช่ แต่ที่เห็นนั่นน่าจะเป็นหอประชุมนะ เมฟิส”เจ้าของเรือนผมสีส้มอ่อนยาวระบ่ารวบเป็นหางม้าเล็กๆบอก แต่สายตายังคงจดจ้องที่หนังสือเล่มหนาในมือ ส่วนสมาชิกคนสุดท้ายที่เหลือนั้น กำลังนั่งหลับตาพิงผนังเกวียนไม้ขนส่ง โดยไม่ได้สนใจถึงสิ่งที่เพื่อนสนิทตนพูดสักนิด เขาเป็นเด็กหนุ่มผมสีนิลกาฬยาวระต้นคอตัดกับสีผิวที่ขาวกว่าทุกคนในที่นั้น
“พวกเจ้า ลุงคงมาส่งได้แค่นี้นะ”ชายวัยค่อนไปทางชรากล่าวขณะที่จับบังเหียนให้ม้าทั้งสองตัวหยุดเดิน เมื่อเกวียนหยุดสนิทเขาก็พูดต่อ
“ช่วงนี้เป็นช่วงค้าขาย ด้านหน้าเลยมีตลาดอยู่ ลุงขับเกวียนเข้าไปไม่ได้”
“ไม่เป็นไรครับ ลุงมาส่งพวกข้าจากตั้งไกล แค่นี้พวกข้าก็ไม่รู้จะขอบคุณยังไงแล้ว”เมฟิสตอบพร้อมรอยยิ้ม ซาครอสเดินเข้าไปจ่ายเงินค่าเดินทาง เด็กหนุ่มคนสุดท้ายเพียงพยักหน้าขอบคุณชายชรา ก่อนจะก้าวลงจากเกวียน
“เฟเรส เอกสารนั่นเจ้าเป็นคนถือไว้ป่ะ?”เมฟิสที่เดินตามหลังมาไม่ไกลถาม
“ใช่”เฟเรสตอบสั้นๆ เมฟิสพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ ก่อนซาครอสที่ไล่หลังมาจะตัดบทก่อนเจ้าตัวจะได้ชวนคุยสัพเพเหระ
“รีบหน่อยก็ดีนะ เพราะนี่ก็เปิดเรียนมากว่าสองวันแล้ว เสียเวลา’ทำงาน’”ซาครอสย้ำคำว่า’ทำงาน’ทำให้เฟเรสและเมฟิสมีสีหน้าที่ตึงเครียดขึ้น
พวกเขาทั้งสามคนเดินไปยังทางเข้า เมื่อเดินไปถึงประตู ทหารยามด้านหน้าก็ขอดูใบอนุญาตเข้าของพวกเขา เพราะวันนี้ไม่ใช่วันรับสมัครหรือวันที่อนุญาตให้คนนอกเข้า และถ้าเป็นนักศึกษาของที่นี่ก็ต้องสวมเครื่องแบบถึงจะเข้าออกได้
เฟเรสหยิบม้วนกระดาษพร้อมบัตรทะเบียนประชากรของพวกเขายื่นให้นายทหารดู นายทหารทำท่าตะเบ๊ะเคารพ ก่อนจะเปิดประตูให้พวกเขาเดินเข้าไป
ภายในเป็นอาคารทรงกรีกโบราณที่เมฟิสเห็นเมื่อครู่ เสาเบื้องหน้าทั้งสี่ต้นประดับด้วยรูปปั้นนางฟ้าสี่นาง และด้านบนส่วนหน้าจั่วของอาคารมีสัญลักษณ์รูปโล่ที่มีดวงไฟอยู่ตรงกลางสีทองอร่ามอยู่ ด้านใต้นั้นเป็นคำสลักสีเดียวกันว่า’Averius S.’ รอบๆเป็นสวนกึ่งป่า ต้นไม้สูงขึ้นค่อนข้างครึ้มสร้างความร่มรื่น พุ่มดอกไม้นานาพันธุ์ที่ได้รับการตัดตกแต่งอย่างดีและหญ้าที่เล็มเป็นระเบียบเรียบร้อย
เมื่อมองเลยตัวอาคารหอประชุมไปก็เป็น อาคารทรงสี่เหลี่ยมธรรมดาสามหลังต่างสีสันและหอคอยที่ทิศใต้หรือด้านหน้าของพวกเขา ตะวันออกและตกวันตกที่ละหนึ่งหอคอยซึ่งมีการตกแต่งที่แตกต่างกันไป
“เห็นทางโรงเรียนบอกว่าจะมีคนมารับที่ด้านหน้าหอประชุม”ซาครอสพูดขึ้นมา แต่แล้วสายตาเขาก็สะดุดเข้ากับเด็กสาวในชุดเครื่องแบบนักเรียน
“ท่านเฟเรส ท่านซาครอส ท่านเมฟิส ทางนี้ค่ะ”เด็กสาวผมทวินเทลสีทองเงางามเรียกพลางโบกไม้โบกมือ
“เซียร์เองหรอกหรอคนที่จะมารับ”เมฟิสกล่าว เด็กสาวนามเซียร์หรือซาซิเรียพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มหวาน
“ใช่ค่ะ โชคดีที่ข้าได้เป็นรองชั้นปี เลยพอกล้อมแกล้มขอเป็นตัวแทนพาชมโรงเรียนสำหรับ’นักเรียนพิเศษ’ได้ ข้าจะได้พาไปที่ที่คนอื่นจะไม่พาไปด้วย”คำพูดของเธอทำให้เฟเรสเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“เบาะแส?”
“ประมาณนั้นค่ะ แต่ข้าก็ไม่แน่ใจนัก”ซาซิเรียบอก ใบหน้านั้นยิ้มเจื่อนลง ก่อนจะกลับมาสดใสดังเดิม
“ให้ข้าพาทัวร์ที่นี่เลยดีกว่าค่ะ พวกท่านจะได้ไปพักที่หอไวขึ้น”
เด็กสาวพาพวกเขาเข้าไปดูในหอประชุม แล้วพาเดินผ่านอาคารทั้งสามหลังพลางแนะนำ
“นี่คืออาคารเรียนค่ะ แบ่งออกเป็นสามอาคารหลัก ก็คือ อาคารหลังสีขาวสำหรับเรียนศาสตร์เกี่ยวกับเวทมนต์ต่างๆ อาคารหลังสีครีมสำหรับเรียนศาสตร์การต่อสู้ สัตว์วิเศษและพฤกษศาสตร์ และอาคารสุดท้าย อาคารสีฟ้าอ่อนสำหรับเรียนการปกครอง ประวัติศาสตร์ค่ะ แต่ข้าคงพาเข้าไปตอนนี้ไม่ได้ เพราะทุกคนกำลังเรียนอยู่น่ะค่ะ”
ว่าแล้วสาวเจ้าก็พาทั้งสามเดินผ่านไปชมทั้งสามหอคอย หอคิมหันต์ที่สร้างจากหินแกร่งสีเทาหม่นดูสูงตระหง่านเหมือนป้อมปราการรบเมื่อตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติภายในเขตโรงเรียน ธงหอสีแดงขลิบทองบนยอดเพิ่มความหน้าเกรงขาม หอที่สอง ปราสาทวสันต์ หอคอยที่สร้างออกมาคล้ายปราสาทขนาดย่อม ด้วยวัสดุอย่างไวท์สโตน หินสีขาวที่ไม่มีวันเปื้อนทำให้ดูเหมือนหลุดมาในปราสาทเทพนิยาย ธงหอสีน้ำเงินขลิบทองพลิ้วไสวตามแรงลม
“ก่อนที่ข้าจะพาไปหอสุดท้ายซึ่งเป็นที่พักของพวกท่าน’นักเรียนพิเศษ’ ข้าอยากจะพาพวกท่านไปที่น้ำพุนิทราซะก่อน”ซาซิเรียเอ่ยขึ้น ก่อนหน้านี้ระหว่างทางมักจะเป็นความเงียบท่ามกลางเสียงบรรยายสถานที่ของซาซิเรียที่มีเสียงของเมฟิสแทรกขึ้นมาเป็นระยะๆ แต่เมื่อเด็กสาวกำลังจะพาพวกเขาไปยังน้ำพุที่เจ้าตัวว่ากลับมีคำถามมาจากปากของเด็กหนุ่มแทนความเงียบพร้อมรับฟัง
“น้ำพุนิทรา?”เฟเรสถามสั้นๆตามปกติของเจ้าตัว
“ค่ะ ความจริงเป็นเขตหวงห้ามสำหรับโรงเรียนค่ะ ห้ามนักเรียนและบุคลากรที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้า มีนิมฟ์*คอยดูแล”
“น้ำพุนิทราเป็นน้ำพุที่น้ำมีฤทธิ์ตามชื่อ แต่ผู้ที่หลับใหลเพราะฤทธิ์ของมันจะได้พบกับความฝัน ฝันที่สามารถบอกได้ถึงสิ่งที่เขาต้องการ แต่ก็เพียงเสี้ยวหนึ่งเท่านั้นค่ะ แถมการที่น้ำพุจะออกฤทธิ์จะต้องอยู่ภายในอาณาเขตของสวนน้ำพุนิทราและคืนนั้นต้องอยู่ในช่วงคืนทานาธอส**ด้วยค่ะ”ซาซิเรียอธิบาย
“เซียร์เคยลองรึยัง?”ซาครอสถามขึ้นมา ซาซิเรียพยักหน้าลงเล็กน้อย
“ค่ะ แต่เหมือนของสิ่งหนึ่งจะถูกเผยให้รู้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นค่ะ ข้าเคยลองมาสามครั้ง ได้เบาะแสของ’ความลับ’มาแค่อย่างเดียว และที่ข้าเห็นคงช่วยอะไรได้ไม่มาก เพราะข้าเห็นแค่ประตูบานใหญ่และรูปปั้นหินของตัวอะไรบางอย่างที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน”
“รู้มาจากไหน?”เฟเรสเปรยนิ่งๆ ใบหน้าของเขาเคร่งเครียดต่างจากเรียบเฉยยามปกติ เขารู้สึกว่ามันง่ายเกินไป สำหรับข้อมูลที่ได้รับมาจากซาซิเรีย ราวกับว่ามีบางคนต้องการจะบอกพวกเขา
“ข้าไปได้ยินโดยบังเอิญค่ะ จากบทสนทนาของท่านอาจารย์ใหญ่กับใครสักคน แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ข้ายืนยันมาแล้วว่าที่ได้ยินนั้นเป็นเรื่องจริง”
“...”เฟเรสเงียบไป ในใจก็ครุ่นคิด จากที่เขาเคยเจอ ชายชรานั้นไม่ใช่คนไร้ฝีมือ ดีไม่ดีเก่งกว่าพวกเขาเสียอีก การที่จะปล่อยให้มีคนแอบฟังเรื่องสำคัญนั้นไม่น่าจะเป็นไปได้ ยกเว้นเสียแต่ว่า...ต้องการให้พวกเขาได้รับข่าวสารเหล่านั้นมา
เมฟิสทำท่าเหมือนจะถามอะไรต่อ แต่ซาซิเรียก็ยกมือทำสัญญาณให้เงียบ เพราะเบื้องหน้าของพวกเขาไม่ไกลเป็นพุ่มไม้สูงใหญ่เหมือนกำแพงเป็นทางยาว หญิงสาวเดินนำไปโดยไร้สุ่มเสียงเลียบกำแพงพุ่มไม้ไปทางขวามือของพวกเขาเรื่อยๆ
เมื่ออยู่ท่ามกลางความเงียบพวกเขาได้ยินเสียงพูดคุยแหลมเล็กของเหล่านิมฟ์ ทำให้พวกเขาต้องย่องกันยิ่งกว่าเดิม ซาซิเรียยื่นแขนเพรียวไล้กำแพงไปตามทาง จนมือคลำเจอสิ่งที่เธอกำลังตามหา
ร่องเล็กๆพอให้นิ้วลอดเข้าไปได้ ซึ่งถ้าไม่ทำแบบที่ซาซิเรียทำมาก่อนหน้าล่ะก็คงจะหาไม่เจอ
‘ช่องนี้จะไว้สำหรับเปิดทางเข้านะคะ ตอนนี้เข้าไปพวกเราคงเสร็จเหล่านิมฟ์แน่นอนค่ะ’เสียงของซาซิเรียดังขึ้นภายในหัวของพวกเขาด้วยเวทย์นอกสารระบบ***อย่างเทเลพาธี ซึ่งเป็นเวทย์ที่มีเพียงเผ่าเอลฟ์เท่านั้นที่ใช้ได้
เฟเรส เมฟิสและซาครอสพยักหน้าลงเป็นเชิงเข้าใจ ก่อนซาซิเรียจะทำมือเป็นเชิงให้พวกเขาเดินกลับไปทางที่ผ่านมา
เมื่อพวกเขาเดินห่างมาได้พอสมควร ซาซิเรียก็พูดทำลายความเงียบอีกครั้ง
“วันนี้ให้ออกมาตอนเที่ยงคืนนะคะ ให้เข้าไปที่น้ำพุเลย เพราะคืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่ทานาธอสขึ้นในเดือนนี้ ไม่งั้นพวกเราจะต้องรอจนถึงกลางโพรเทีย**** ส่วนระหว่างนั้นก็สามารถพักผ่อนได้ตามอัธยาศัยเลยนะคะ”
เมื่อเดินมาได้สักพักพวกเขาก็พบกับหอที่สร้างมาจากไอซ์คริสตัลสีฟ้าๆเงินๆ ดั่งน้ำแข็งที่ไร้ซึ่งวันละลาย สถาปัตยกรรมที่เหมือนเอาหอคิมหันต์และปราสาทวสันต์มารวมกัน คือด้านหน้าที่คล้ายปราสาทแต่ก็มีหอคอยที่เป็นทรงคล้ายหอคอยสังเกตการณ์ของพลธนู
“ที่นี่ล่ะค่ะ ปราการเหมันต์ ส่วนพวกท่านพักอยู่ส่วนไหนนี่ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ ต้องลองถามคนในปราการดู”
“อื้ม ขอบใจมากนะ เซียร์ ที่ช่วยนำทางให้ ไว้เจอกันคืนนี้นะ”เมฟิสยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดีไม่เปลี่ยนแปลง ซาซิเรียยิ้มรับก่อนจะขอตัวกลับไป
เฟเรสเดินไปหมายจะเปิดประตู แต่เมื่อเขาเข้าไปใกล้ ประตูบานคู่ก็ค่อยๆเปิดออกเองราวกับเป็นการต้อนรับผู้มาเยือน พร้อมกับร่างสูงที่ยืนรอพวกเขาอยู่เบื้องหลังบานประตูนั้น
“ยินดีต้อนรับสู่ปราการเหมันต์นะ”เจ้าของผมสีเทายุ่งๆยาวระบ่า ดวงตาสีนิลลึกลับดุจราตรีกาลกล่าว ใบหน้าคมคายประดับด้วยรอยยิ้มเป็นกันเอง
“พี่ชื่อราเซียส คานาเรน เป็นเสธฯของที่นี่ มีเรื่องสงสัยอะไรก็ถามพี่ได้ตลอดนะ”ชายหนุ่มพูดต่อ แต่เมื่อพวกเฟเรสจะแนะนำตัวราเซียสก็ขัดขึ้นมา
“มาๆ พี่จะพาไปห้องพัก เดินทางมาไกลคงเหนื่อยล่ะสิ เรื่องแนะนำตัวไว้พรุ่งนี้ก็ได้”
ภายในทำจากไอซ์คริสตัลแบบเดียวกับด้านนอก พื้นทางเดินปูด้วยพรมสีฟ้าอ่อนขลิบด้วยไหมสีเงินเทาอย่างลงตัว ตามกำแพงมีคบไฟสีเงินประดับอยู่เป็นระยะรวมถึงรูปต่างที่อยู่ภายใต้กรอบรูปสีเงิน นอกเหนือจากนั้นก็ไม่ได้มีประดับอะไรอย่างอื่นไว้เลยแต่ก็สร้างความอลังการแบบเรียบหรูในตัวของมันเอง
พวกเฟเรสเดินตามราเซียสไปตามทางเดินตรงที่มีรูปแบบการตกแต่งแบบเดิมไปเรื่อยๆจนกระทั่งเจอสวนน้ำพุซึ่งอยู่ใจกลางของปราการ น้ำพุสีเงินทำมาจากแร่เงินแท้ซึ่งเป็นแร่หายากของอาณาจักรแห่งนี้มีรูปปั้นเทวดาและปีศาจยืนประดับหันหน้าใส่กัน พุ่มไม้และต้นไม้ที่มีใบและลำต้นสีเงินถูกจัดตกแต่งไว้อย่างลงตัวทางเดินจากลานน้ำพุแห่งนี้ปูเป็นทางเดินหินสีขาวตัดกับหญ้าสีเขียวเข้าสู่ตัวปราการ4ทางซึ่งหนึ่งในนั้นคือทางที่พวกเขาเดินออกมาเมื่อครู่
“แอร์เมเนย์..”เฟเรสหลุดออกมาเมื่อเห็นเหล่าพฤกษาสีเงินยวง พันธุ์ไม้หายากที่เขาไม่คิดว่าจะได้เจอของจริง
“มันคืออะไรอ่ะ?”เมฟิสถามต่อทันทีเมื่อได้ยินชื่อที่ไม่รู้จัก
“แอร์เมเนย์ คือ พันธุ์ไม้ใกล้สูญพันธุ์ที่มีอยู่ในอาณาจักรเอราเรสเท่านั้น มีใบและลำต้นสีเงิน เป็นสมุนไพรที่จัดได้ว่าหายากอันดับต้นๆของมิติ เติบโตในบริเวณส่วนลึกของป่านารูนซึ่งมีอากาศเย็นแต่ไม่ถึงกับหนาว”ซาครอสอธิบาย
“รอบรู้ดีไม่เบา แต่ลืมไปอย่างรึเปล่าว่านอกจากเป็นสมุนไพรแล้วยางของมันที่ลำต้นยังมีพิษอยู่น่ะ”ราเซียสขัดขึ้นมายิ้มๆ
“เอาล่ะ พวกเราถึงแล้ว”ราเซียสพูดขณะที่ยังอยู่ตรงลานน้ำพุ
“เอ๋ ที่นี่ไม่ใช่น้ำพุทั่วไปหรอครับ?”เมฟิสถาม
“ฮ่าๆ ตอนพี่มาที่นี่ครั้งแรกก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ดูนี่นะ”ราเซียสบอก แล้วเดินไปข้างน้ำพุ เอื้อมมือไปจับที่มือของรูปปั้นเทวดาและอีกมือเอื้อมไปจับที่มือของรูปปั้นปีศาจ แสงสีฟ้าอ่อนทอประกายบางเบา ก่อนจะปรากฏแสงเป็นบันไดให้เดินขึ้นไปยังเพดานที่เปิดออกเป็นทางเข้า
“เอ้าๆ เดินตามขึ้นมาเลย”ราเซียสบอกพร้อมเดินนำขึ้นไปยังด้านบน
ห้องโถงสีเงินเหมือนส่วนอื่นๆของปราการ เตาผิงสีเงินมีเปลวเพลิงสีแดงสดลุกอยู่คอยให้ความอบอุ่นแก่ทุกคนในห้อง โคมไฟระย้าคริสตัลสีใสขนาดใหญ่แขวนอยู่ที่กลางห้องส่องประกายระยับ โคมไฟที่แขวนตามผนังมีเพลิงสีชาดถูกจุดไว้ พื้นพรมขนอย่างดีสีฟ้าสะอาดไร้รอยด่างดำปูไว้ทั่วห้อง โซฟาผ้าเลนิส*****สีขาวสะอาดชุดใหญ่ถูกจัดวางไว้กลางห้อง ตามมุมห้องมีแจกันสีน้ำเงินเข้มที่ประดับดอกกุหลาบตั้งอยู่ หน้าต่างบานใหญ่ที่มีอยู่เพียงบานเดียวเผยให้เห็นถึงทิวทัศน์ด้านนอกอาคาร โดยเฉพาะท้องฟ้ากว้างใหญ่ กรอบรูปที่อยู่เหนือทางขึ้นที่พวกเขาขึ้นมาเป็นรูปสนามหญ้าสีเขียวขจีที่มีโต๊ะเหล็กดัดสีขาวยาวตั้งอยู่หลายโต๊ะ คล้ายกับห้องอาหารกลางแจ้งแต่ไร้ซึ่งผู้คน
“พี่จะแนะนำการเดินทางภายในหอก่อนล่ะกันนะ น้องเห็นแจกันดอกกุหลาบในแต่ละมุมมั้ย?”ราเซียสชี้ไปยังแจกันทั้งสี่ที่ใส่ดอกกุหลาบต่างสีกัน เหลือง ฟ้า แดง และม่วง พวกเฟเรสพยักหน้าลง
“น้องแค่กดแจกันลงไป ดอกสีเหลืองจะเปิดทางที่น้องเพิ่งเดินขึ้นมา ดอกสีฟ้าจะเปิดทางไปหอพักปี1และปี2 ส่วนดอกสีแดงจะเป็นทางไปหอพักของปี3และปี4 ส่วนดอกสีม่วงนั่นไม่พาไปไหนทั้งนั้น ว่าง่ายๆก็แจกันธรรมดานั่นแหละนะ แล้วก็ห้องอาหาร ให้น้องๆจับที่รูปสนามหญ้านี้แล้วพูดว่า’ทรานสพอร์ต’ พี่จะบอกว่าอาหารที่ห้องอาหารอร่อยมาก ฝีมือเชฟชาวทีมิสที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารที่สุดในดินแดน”ราเซียสอธิบายพลางกดแจกันดอกกุหลาบสีฟ้า บริเวณกึ่งกลางกำแพงด้านซ้ายมือของพวกเขาขยับ เลื่อนเปิดเป็นประตูที่เชื่อมให้เห็นถึงทางเดินที่มีประตูหลายบานอีกฝั่ง
“ส่วนห้องเดินตรงไปแต่ละห้องจะมีป้ายเลขห้องติดไว้อยู่ มันเป็นห้องคู่ เพราะฉะนั้นของพวกน้องคือห้อง106กับคนนึงที่ต้องอยู่ร่วมกับเพื่อนร่วมชั้นอีกคนที่ห้อง105นะ”
“มีอะไรสงสัยมั้ยน้อง?”
“มันมีเวลาเปิดปิดหอมั้ยครับ?”ซาครอสถามขึ้นมา ราเซียสส่ายหัวเบาๆก่อนจะพูดต่อ
“หอเราไม่มีข้อบังคับอะไรทั้งนั้น ยกเว้นฆ่าคนน่ะนะ”
ราเซียสบอกลาทั้งสามคน ก่อนเดินหายกลับไปด้านล่าง เฟเรสเดินเข้าไปดูที่ห้อง สบตากับซาครอสเล็กน้อยก่อนพูดขึ้นมานิ่งๆ
“เมฟิส ข้าอยู่กับซาครอส”ปฏิกิริยาที่ได้รับเป็นใบหน้าเหวอของเมฟิส เรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากซาครอส
“ชิ ก็ได้ จำไว้เลยนะ พวกเจ้า”เมฟิสพูดติดงอน ก่อนจะเปิดประตูห้อง105แล้วเดินเข้าไป เฟเรสส่ายหัวปลงๆก่อนจะเดินเข้าห้องไปกับซาครอสบ้าง
+++++++++
*นิมฟ์ – จิตวิญญาณแห่งธรรมชาติ มีรูปลักษณ์ของหญิงสาว แม้จะจับต้องไม่ได้ แต่นิมฟ์สามารถแตะต้องจิตวิญญาณของเราและดูดกลืนได้ หากถูกดูดกลืนไปมากอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ เป็นผู้พิทักษ์ธรรมชาติบริสุทธิ์ หากรุกล้ำจะถูกเหล่านิมฟ์โจมตี
**มิติเซนทีเรียมีดวงจันทร์สองดวง คือ เกนน่า จันทร์สีทองและทานาธอส จันทร์สีเงิน ซึ่งทั้งสองดวงจะพลัดกันขึ้นคนละครึ่งเดือน ช่วงที่เกนน่าปรากฎบนฟากฟ้าจะเรียกว่าช่วงคืนเกนน่า ในทางตรงข้ามช่วงที่ทานาธอสขึ้นนั้นจะถูกเรียกว่าช่วงคืนทานาธอส และช่วงที่จันทร์ทั้งสองซ้อนทับกันจะมีเพียงเดือนเดียวในปี คือเดือนทริทอส
***เวทย์นอกสารระบบ คือ เวทย์ที่ไม่ได้สังกัดธาตุต่างๆ มักจะเปลืองพลังเวทมากกว่าเวทย์สังกัดธาตุ เช่น เวทย์สื่อสาร(เทเลพาธี) เวทย์เคลื่อนย้าย(วาร์ป/เทเลพอร์ต) เวทย์อาณาเขต(ส่วนมาก) เวทย์ลวงตา เป็นต้น
****เดือนในมิติเซนทีเรียมีเพียงห้าเดือน แต่ละเดือนจะมีระยะเวลา73วัน โดยจะเรียงดังนี้ โพรเทีย เดฟเท ทริทอส เธตาร์ เพมพ์ และเรียงกันห้าฤดูตามเดือนคือ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูฝน ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว
*****ผ้าจากไหมธรรมชาติได้มาจากเส้นใยของต้นราเรซึ่งเป็นไม้เถาสีขาวเจอทั่วไปตามสวนหรือป่า นิยมมาปลูกประดับรั้ว
มายาที่ 1 จุดเริ่มต้น
“ซาครอส นั่นใช่ป่ะ โรงเรียนมหาเวทอาเวริอัส?”เด็กหนุ่มที่มีเส้นผมสีน้ำตาลเปลือกไม้ทรงรากไทรเอ่ยถามขึ้นมา ดวงตามีเขียวมรกตจับจ้องไปยังเงาอาคารที่เห็นอยู่ไม่ไกล อาคารสีงาช้างทรงกรีกหลังใหญ่เบื้องหลังรั้วเหล็กสีทองสะท้อนแสงอาทิตย์เป็นประกาย
“ใช่ แต่ที่เห็นนั่นน่าจะเป็นหอประชุมนะ เมฟิส”เจ้าของเรือนผมสีส้มอ่อนยาวระบ่ารวบเป็นหางม้าเล็กๆบอก แต่สายตายังคงจดจ้องที่หนังสือเล่มหนาในมือ ส่วนสมาชิกคนสุดท้ายที่เหลือนั้น กำลังนั่งหลับตาพิงผนังเกวียนไม้ขนส่ง โดยไม่ได้สนใจถึงสิ่งที่เพื่อนสนิทตนพูดสักนิด เขาเป็นเด็กหนุ่มผมสีนิลกาฬยาวระต้นคอตัดกับสีผิวที่ขาวกว่าทุกคนในที่นั้น
“พวกเจ้า ลุงคงมาส่งได้แค่นี้นะ”ชายวัยค่อนไปทางชรากล่าวขณะที่จับบังเหียนให้ม้าทั้งสองตัวหยุดเดิน เมื่อเกวียนหยุดสนิทเขาก็พูดต่อ
“ช่วงนี้เป็นช่วงค้าขาย ด้านหน้าเลยมีตลาดอยู่ ลุงขับเกวียนเข้าไปไม่ได้”
“ไม่เป็นไรครับ ลุงมาส่งพวกข้าจากตั้งไกล แค่นี้พวกข้าก็ไม่รู้จะขอบคุณยังไงแล้ว”เมฟิสตอบพร้อมรอยยิ้ม ซาครอสเดินเข้าไปจ่ายเงินค่าเดินทาง เด็กหนุ่มคนสุดท้ายเพียงพยักหน้าขอบคุณชายชรา ก่อนจะก้าวลงจากเกวียน
“เฟเรส เอกสารนั่นเจ้าเป็นคนถือไว้ป่ะ?”เมฟิสที่เดินตามหลังมาไม่ไกลถาม
“ใช่”เฟเรสตอบสั้นๆ เมฟิสพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ ก่อนซาครอสที่ไล่หลังมาจะตัดบทก่อนเจ้าตัวจะได้ชวนคุยสัพเพเหระ
“รีบหน่อยก็ดีนะ เพราะนี่ก็เปิดเรียนมากว่าสองวันแล้ว เสียเวลา’ทำงาน’”ซาครอสย้ำคำว่า’ทำงาน’ทำให้เฟเรสและเมฟิสมีสีหน้าที่ตึงเครียดขึ้น
พวกเขาทั้งสามคนเดินไปยังทางเข้า เมื่อเดินไปถึงประตู ทหารยามด้านหน้าก็ขอดูใบอนุญาตเข้าของพวกเขา เพราะวันนี้ไม่ใช่วันรับสมัครหรือวันที่อนุญาตให้คนนอกเข้า และถ้าเป็นนักศึกษาของที่นี่ก็ต้องสวมเครื่องแบบถึงจะเข้าออกได้
เฟเรสหยิบม้วนกระดาษพร้อมบัตรทะเบียนประชากรของพวกเขายื่นให้นายทหารดู นายทหารทำท่าตะเบ๊ะเคารพ ก่อนจะเปิดประตูให้พวกเขาเดินเข้าไป
ภายในเป็นอาคารทรงกรีกโบราณที่เมฟิสเห็นเมื่อครู่ เสาเบื้องหน้าทั้งสี่ต้นประดับด้วยรูปปั้นนางฟ้าสี่นาง และด้านบนส่วนหน้าจั่วของอาคารมีสัญลักษณ์รูปโล่ที่มีดวงไฟอยู่ตรงกลางสีทองอร่ามอยู่ ด้านใต้นั้นเป็นคำสลักสีเดียวกันว่า’Averius S.’ รอบๆเป็นสวนกึ่งป่า ต้นไม้สูงขึ้นค่อนข้างครึ้มสร้างความร่มรื่น พุ่มดอกไม้นานาพันธุ์ที่ได้รับการตัดตกแต่งอย่างดีและหญ้าที่เล็มเป็นระเบียบเรียบร้อย
เมื่อมองเลยตัวอาคารหอประชุมไปก็เป็น อาคารทรงสี่เหลี่ยมธรรมดาสามหลังต่างสีสันและหอคอยที่ทิศใต้หรือด้านหน้าของพวกเขา ตะวันออกและตกวันตกที่ละหนึ่งหอคอยซึ่งมีการตกแต่งที่แตกต่างกันไป
“เห็นทางโรงเรียนบอกว่าจะมีคนมารับที่ด้านหน้าหอประชุม”ซาครอสพูดขึ้นมา แต่แล้วสายตาเขาก็สะดุดเข้ากับเด็กสาวในชุดเครื่องแบบนักเรียน
“ท่านเฟเรส ท่านซาครอส ท่านเมฟิส ทางนี้ค่ะ”เด็กสาวผมทวินเทลสีทองเงางามเรียกพลางโบกไม้โบกมือ
“เซียร์เองหรอกหรอคนที่จะมารับ”เมฟิสกล่าว เด็กสาวนามเซียร์หรือซาซิเรียพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มหวาน
“ใช่ค่ะ โชคดีที่ข้าได้เป็นรองชั้นปี เลยพอกล้อมแกล้มขอเป็นตัวแทนพาชมโรงเรียนสำหรับ’นักเรียนพิเศษ’ได้ ข้าจะได้พาไปที่ที่คนอื่นจะไม่พาไปด้วย”คำพูดของเธอทำให้เฟเรสเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“เบาะแส?”
“ประมาณนั้นค่ะ แต่ข้าก็ไม่แน่ใจนัก”ซาซิเรียบอก ใบหน้านั้นยิ้มเจื่อนลง ก่อนจะกลับมาสดใสดังเดิม
“ให้ข้าพาทัวร์ที่นี่เลยดีกว่าค่ะ พวกท่านจะได้ไปพักที่หอไวขึ้น”
เด็กสาวพาพวกเขาเข้าไปดูในหอประชุม แล้วพาเดินผ่านอาคารทั้งสามหลังพลางแนะนำ
“นี่คืออาคารเรียนค่ะ แบ่งออกเป็นสามอาคารหลัก ก็คือ อาคารหลังสีขาวสำหรับเรียนศาสตร์เกี่ยวกับเวทมนต์ต่างๆ อาคารหลังสีครีมสำหรับเรียนศาสตร์การต่อสู้ สัตว์วิเศษและพฤกษศาสตร์ และอาคารสุดท้าย อาคารสีฟ้าอ่อนสำหรับเรียนการปกครอง ประวัติศาสตร์ค่ะ แต่ข้าคงพาเข้าไปตอนนี้ไม่ได้ เพราะทุกคนกำลังเรียนอยู่น่ะค่ะ”
ว่าแล้วสาวเจ้าก็พาทั้งสามเดินผ่านไปชมทั้งสามหอคอย หอคิมหันต์ที่สร้างจากหินแกร่งสีเทาหม่นดูสูงตระหง่านเหมือนป้อมปราการรบเมื่อตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติภายในเขตโรงเรียน ธงหอสีแดงขลิบทองบนยอดเพิ่มความหน้าเกรงขาม หอที่สอง ปราสาทวสันต์ หอคอยที่สร้างออกมาคล้ายปราสาทขนาดย่อม ด้วยวัสดุอย่างไวท์สโตน หินสีขาวที่ไม่มีวันเปื้อนทำให้ดูเหมือนหลุดมาในปราสาทเทพนิยาย ธงหอสีน้ำเงินขลิบทองพลิ้วไสวตามแรงลม
“ก่อนที่ข้าจะพาไปหอสุดท้ายซึ่งเป็นที่พักของพวกท่าน’นักเรียนพิเศษ’ ข้าอยากจะพาพวกท่านไปที่น้ำพุนิทราซะก่อน”ซาซิเรียเอ่ยขึ้น ก่อนหน้านี้ระหว่างทางมักจะเป็นความเงียบท่ามกลางเสียงบรรยายสถานที่ของซาซิเรียที่มีเสียงของเมฟิสแทรกขึ้นมาเป็นระยะๆ แต่เมื่อเด็กสาวกำลังจะพาพวกเขาไปยังน้ำพุที่เจ้าตัวว่ากลับมีคำถามมาจากปากของเด็กหนุ่มแทนความเงียบพร้อมรับฟัง
“น้ำพุนิทรา?”เฟเรสถามสั้นๆตามปกติของเจ้าตัว
“ค่ะ ความจริงเป็นเขตหวงห้ามสำหรับโรงเรียนค่ะ ห้ามนักเรียนและบุคลากรที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้า มีนิมฟ์*คอยดูแล”
“น้ำพุนิทราเป็นน้ำพุที่น้ำมีฤทธิ์ตามชื่อ แต่ผู้ที่หลับใหลเพราะฤทธิ์ของมันจะได้พบกับความฝัน ฝันที่สามารถบอกได้ถึงสิ่งที่เขาต้องการ แต่ก็เพียงเสี้ยวหนึ่งเท่านั้นค่ะ แถมการที่น้ำพุจะออกฤทธิ์จะต้องอยู่ภายในอาณาเขตของสวนน้ำพุนิทราและคืนนั้นต้องอยู่ในช่วงคืนทานาธอส**ด้วยค่ะ”ซาซิเรียอธิบาย
“เซียร์เคยลองรึยัง?”ซาครอสถามขึ้นมา ซาซิเรียพยักหน้าลงเล็กน้อย
“ค่ะ แต่เหมือนของสิ่งหนึ่งจะถูกเผยให้รู้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นค่ะ ข้าเคยลองมาสามครั้ง ได้เบาะแสของ’ความลับ’มาแค่อย่างเดียว และที่ข้าเห็นคงช่วยอะไรได้ไม่มาก เพราะข้าเห็นแค่ประตูบานใหญ่และรูปปั้นหินของตัวอะไรบางอย่างที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน”
“รู้มาจากไหน?”เฟเรสเปรยนิ่งๆ ใบหน้าของเขาเคร่งเครียดต่างจากเรียบเฉยยามปกติ เขารู้สึกว่ามันง่ายเกินไป สำหรับข้อมูลที่ได้รับมาจากซาซิเรีย ราวกับว่ามีบางคนต้องการจะบอกพวกเขา
“ข้าไปได้ยินโดยบังเอิญค่ะ จากบทสนทนาของท่านอาจารย์ใหญ่กับใครสักคน แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ข้ายืนยันมาแล้วว่าที่ได้ยินนั้นเป็นเรื่องจริง”
“...”เฟเรสเงียบไป ในใจก็ครุ่นคิด จากที่เขาเคยเจอ ชายชรานั้นไม่ใช่คนไร้ฝีมือ ดีไม่ดีเก่งกว่าพวกเขาเสียอีก การที่จะปล่อยให้มีคนแอบฟังเรื่องสำคัญนั้นไม่น่าจะเป็นไปได้ ยกเว้นเสียแต่ว่า...ต้องการให้พวกเขาได้รับข่าวสารเหล่านั้นมา
เมฟิสทำท่าเหมือนจะถามอะไรต่อ แต่ซาซิเรียก็ยกมือทำสัญญาณให้เงียบ เพราะเบื้องหน้าของพวกเขาไม่ไกลเป็นพุ่มไม้สูงใหญ่เหมือนกำแพงเป็นทางยาว หญิงสาวเดินนำไปโดยไร้สุ่มเสียงเลียบกำแพงพุ่มไม้ไปทางขวามือของพวกเขาเรื่อยๆ
เมื่ออยู่ท่ามกลางความเงียบพวกเขาได้ยินเสียงพูดคุยแหลมเล็กของเหล่านิมฟ์ ทำให้พวกเขาต้องย่องกันยิ่งกว่าเดิม ซาซิเรียยื่นแขนเพรียวไล้กำแพงไปตามทาง จนมือคลำเจอสิ่งที่เธอกำลังตามหา
ร่องเล็กๆพอให้นิ้วลอดเข้าไปได้ ซึ่งถ้าไม่ทำแบบที่ซาซิเรียทำมาก่อนหน้าล่ะก็คงจะหาไม่เจอ
‘ช่องนี้จะไว้สำหรับเปิดทางเข้านะคะ ตอนนี้เข้าไปพวกเราคงเสร็จเหล่านิมฟ์แน่นอนค่ะ’เสียงของซาซิเรียดังขึ้นภายในหัวของพวกเขาด้วยเวทย์นอกสารระบบ***อย่างเทเลพาธี ซึ่งเป็นเวทย์ที่มีเพียงเผ่าเอลฟ์เท่านั้นที่ใช้ได้
เฟเรส เมฟิสและซาครอสพยักหน้าลงเป็นเชิงเข้าใจ ก่อนซาซิเรียจะทำมือเป็นเชิงให้พวกเขาเดินกลับไปทางที่ผ่านมา
เมื่อพวกเขาเดินห่างมาได้พอสมควร ซาซิเรียก็พูดทำลายความเงียบอีกครั้ง
“วันนี้ให้ออกมาตอนเที่ยงคืนนะคะ ให้เข้าไปที่น้ำพุเลย เพราะคืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่ทานาธอสขึ้นในเดือนนี้ ไม่งั้นพวกเราจะต้องรอจนถึงกลางโพรเทีย**** ส่วนระหว่างนั้นก็สามารถพักผ่อนได้ตามอัธยาศัยเลยนะคะ”
เมื่อเดินมาได้สักพักพวกเขาก็พบกับหอที่สร้างมาจากไอซ์คริสตัลสีฟ้าๆเงินๆ ดั่งน้ำแข็งที่ไร้ซึ่งวันละลาย สถาปัตยกรรมที่เหมือนเอาหอคิมหันต์และปราสาทวสันต์มารวมกัน คือด้านหน้าที่คล้ายปราสาทแต่ก็มีหอคอยที่เป็นทรงคล้ายหอคอยสังเกตการณ์ของพลธนู
“ที่นี่ล่ะค่ะ ปราการเหมันต์ ส่วนพวกท่านพักอยู่ส่วนไหนนี่ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ ต้องลองถามคนในปราการดู”
“อื้ม ขอบใจมากนะ เซียร์ ที่ช่วยนำทางให้ ไว้เจอกันคืนนี้นะ”เมฟิสยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดีไม่เปลี่ยนแปลง ซาซิเรียยิ้มรับก่อนจะขอตัวกลับไป
เฟเรสเดินไปหมายจะเปิดประตู แต่เมื่อเขาเข้าไปใกล้ ประตูบานคู่ก็ค่อยๆเปิดออกเองราวกับเป็นการต้อนรับผู้มาเยือน พร้อมกับร่างสูงที่ยืนรอพวกเขาอยู่เบื้องหลังบานประตูนั้น
“ยินดีต้อนรับสู่ปราการเหมันต์นะ”เจ้าของผมสีเทายุ่งๆยาวระบ่า ดวงตาสีนิลลึกลับดุจราตรีกาลกล่าว ใบหน้าคมคายประดับด้วยรอยยิ้มเป็นกันเอง
“พี่ชื่อราเซียส คานาเรน เป็นเสธฯของที่นี่ มีเรื่องสงสัยอะไรก็ถามพี่ได้ตลอดนะ”ชายหนุ่มพูดต่อ แต่เมื่อพวกเฟเรสจะแนะนำตัวราเซียสก็ขัดขึ้นมา
“มาๆ พี่จะพาไปห้องพัก เดินทางมาไกลคงเหนื่อยล่ะสิ เรื่องแนะนำตัวไว้พรุ่งนี้ก็ได้”
ภายในทำจากไอซ์คริสตัลแบบเดียวกับด้านนอก พื้นทางเดินปูด้วยพรมสีฟ้าอ่อนขลิบด้วยไหมสีเงินเทาอย่างลงตัว ตามกำแพงมีคบไฟสีเงินประดับอยู่เป็นระยะรวมถึงรูปต่างที่อยู่ภายใต้กรอบรูปสีเงิน นอกเหนือจากนั้นก็ไม่ได้มีประดับอะไรอย่างอื่นไว้เลยแต่ก็สร้างความอลังการแบบเรียบหรูในตัวของมันเอง
พวกเฟเรสเดินตามราเซียสไปตามทางเดินตรงที่มีรูปแบบการตกแต่งแบบเดิมไปเรื่อยๆจนกระทั่งเจอสวนน้ำพุซึ่งอยู่ใจกลางของปราการ น้ำพุสีเงินทำมาจากแร่เงินแท้ซึ่งเป็นแร่หายากของอาณาจักรแห่งนี้มีรูปปั้นเทวดาและปีศาจยืนประดับหันหน้าใส่กัน พุ่มไม้และต้นไม้ที่มีใบและลำต้นสีเงินถูกจัดตกแต่งไว้อย่างลงตัวทางเดินจากลานน้ำพุแห่งนี้ปูเป็นทางเดินหินสีขาวตัดกับหญ้าสีเขียวเข้าสู่ตัวปราการ4ทางซึ่งหนึ่งในนั้นคือทางที่พวกเขาเดินออกมาเมื่อครู่
“แอร์เมเนย์..”เฟเรสหลุดออกมาเมื่อเห็นเหล่าพฤกษาสีเงินยวง พันธุ์ไม้หายากที่เขาไม่คิดว่าจะได้เจอของจริง
“มันคืออะไรอ่ะ?”เมฟิสถามต่อทันทีเมื่อได้ยินชื่อที่ไม่รู้จัก
“แอร์เมเนย์ คือ พันธุ์ไม้ใกล้สูญพันธุ์ที่มีอยู่ในอาณาจักรเอราเรสเท่านั้น มีใบและลำต้นสีเงิน เป็นสมุนไพรที่จัดได้ว่าหายากอันดับต้นๆของมิติ เติบโตในบริเวณส่วนลึกของป่านารูนซึ่งมีอากาศเย็นแต่ไม่ถึงกับหนาว”ซาครอสอธิบาย
“รอบรู้ดีไม่เบา แต่ลืมไปอย่างรึเปล่าว่านอกจากเป็นสมุนไพรแล้วยางของมันที่ลำต้นยังมีพิษอยู่น่ะ”ราเซียสขัดขึ้นมายิ้มๆ
“เอาล่ะ พวกเราถึงแล้ว”ราเซียสพูดขณะที่ยังอยู่ตรงลานน้ำพุ
“เอ๋ ที่นี่ไม่ใช่น้ำพุทั่วไปหรอครับ?”เมฟิสถาม
“ฮ่าๆ ตอนพี่มาที่นี่ครั้งแรกก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ดูนี่นะ”ราเซียสบอก แล้วเดินไปข้างน้ำพุ เอื้อมมือไปจับที่มือของรูปปั้นเทวดาและอีกมือเอื้อมไปจับที่มือของรูปปั้นปีศาจ แสงสีฟ้าอ่อนทอประกายบางเบา ก่อนจะปรากฏแสงเป็นบันไดให้เดินขึ้นไปยังเพดานที่เปิดออกเป็นทางเข้า
“เอ้าๆ เดินตามขึ้นมาเลย”ราเซียสบอกพร้อมเดินนำขึ้นไปยังด้านบน
ห้องโถงสีเงินเหมือนส่วนอื่นๆของปราการ เตาผิงสีเงินมีเปลวเพลิงสีแดงสดลุกอยู่คอยให้ความอบอุ่นแก่ทุกคนในห้อง โคมไฟระย้าคริสตัลสีใสขนาดใหญ่แขวนอยู่ที่กลางห้องส่องประกายระยับ โคมไฟที่แขวนตามผนังมีเพลิงสีชาดถูกจุดไว้ พื้นพรมขนอย่างดีสีฟ้าสะอาดไร้รอยด่างดำปูไว้ทั่วห้อง โซฟาผ้าเลนิส*****สีขาวสะอาดชุดใหญ่ถูกจัดวางไว้กลางห้อง ตามมุมห้องมีแจกันสีน้ำเงินเข้มที่ประดับดอกกุหลาบตั้งอยู่ หน้าต่างบานใหญ่ที่มีอยู่เพียงบานเดียวเผยให้เห็นถึงทิวทัศน์ด้านนอกอาคาร โดยเฉพาะท้องฟ้ากว้างใหญ่ กรอบรูปที่อยู่เหนือทางขึ้นที่พวกเขาขึ้นมาเป็นรูปสนามหญ้าสีเขียวขจีที่มีโต๊ะเหล็กดัดสีขาวยาวตั้งอยู่หลายโต๊ะ คล้ายกับห้องอาหารกลางแจ้งแต่ไร้ซึ่งผู้คน
“พี่จะแนะนำการเดินทางภายในหอก่อนล่ะกันนะ น้องเห็นแจกันดอกกุหลาบในแต่ละมุมมั้ย?”ราเซียสชี้ไปยังแจกันทั้งสี่ที่ใส่ดอกกุหลาบต่างสีกัน เหลือง ฟ้า แดง และม่วง พวกเฟเรสพยักหน้าลง
“น้องแค่กดแจกันลงไป ดอกสีเหลืองจะเปิดทางที่น้องเพิ่งเดินขึ้นมา ดอกสีฟ้าจะเปิดทางไปหอพักปี1และปี2 ส่วนดอกสีแดงจะเป็นทางไปหอพักของปี3และปี4 ส่วนดอกสีม่วงนั่นไม่พาไปไหนทั้งนั้น ว่าง่ายๆก็แจกันธรรมดานั่นแหละนะ แล้วก็ห้องอาหาร ให้น้องๆจับที่รูปสนามหญ้านี้แล้วพูดว่า’ทรานสพอร์ต’ พี่จะบอกว่าอาหารที่ห้องอาหารอร่อยมาก ฝีมือเชฟชาวทีมิสที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารที่สุดในดินแดน”ราเซียสอธิบายพลางกดแจกันดอกกุหลาบสีฟ้า บริเวณกึ่งกลางกำแพงด้านซ้ายมือของพวกเขาขยับ เลื่อนเปิดเป็นประตูที่เชื่อมให้เห็นถึงทางเดินที่มีประตูหลายบานอีกฝั่ง
“ส่วนห้องเดินตรงไปแต่ละห้องจะมีป้ายเลขห้องติดไว้อยู่ มันเป็นห้องคู่ เพราะฉะนั้นของพวกน้องคือห้อง106กับคนนึงที่ต้องอยู่ร่วมกับเพื่อนร่วมชั้นอีกคนที่ห้อง105นะ”
“มีอะไรสงสัยมั้ยน้อง?”
“มันมีเวลาเปิดปิดหอมั้ยครับ?”ซาครอสถามขึ้นมา ราเซียสส่ายหัวเบาๆก่อนจะพูดต่อ
“หอเราไม่มีข้อบังคับอะไรทั้งนั้น ยกเว้นฆ่าคนน่ะนะ”
ราเซียสบอกลาทั้งสามคน ก่อนเดินหายกลับไปด้านล่าง เฟเรสเดินเข้าไปดูที่ห้อง สบตากับซาครอสเล็กน้อยก่อนพูดขึ้นมานิ่งๆ
“เมฟิส ข้าอยู่กับซาครอส”ปฏิกิริยาที่ได้รับเป็นใบหน้าเหวอของเมฟิส เรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากซาครอส
“ชิ ก็ได้ จำไว้เลยนะ พวกเจ้า”เมฟิสพูดติดงอน ก่อนจะเปิดประตูห้อง105แล้วเดินเข้าไป เฟเรสส่ายหัวปลงๆก่อนจะเดินเข้าห้องไปกับซาครอสบ้าง
+++++++++
*นิมฟ์ – จิตวิญญาณแห่งธรรมชาติ มีรูปลักษณ์ของหญิงสาว แม้จะจับต้องไม่ได้ แต่นิมฟ์สามารถแตะต้องจิตวิญญาณของเราและดูดกลืนได้ หากถูกดูดกลืนไปมากอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ เป็นผู้พิทักษ์ธรรมชาติบริสุทธิ์ หากรุกล้ำจะถูกเหล่านิมฟ์โจมตี
**มิติเซนทีเรียมีดวงจันทร์สองดวง คือ เกนน่า จันทร์สีทองและทานาธอส จันทร์สีเงิน ซึ่งทั้งสองดวงจะพลัดกันขึ้นคนละครึ่งเดือน ช่วงที่เกนน่าปรากฎบนฟากฟ้าจะเรียกว่าช่วงคืนเกนน่า ในทางตรงข้ามช่วงที่ทานาธอสขึ้นนั้นจะถูกเรียกว่าช่วงคืนทานาธอส และช่วงที่จันทร์ทั้งสองซ้อนทับกันจะมีเพียงเดือนเดียวในปี คือเดือนทริทอส
***เวทย์นอกสารระบบ คือ เวทย์ที่ไม่ได้สังกัดธาตุต่างๆ มักจะเปลืองพลังเวทมากกว่าเวทย์สังกัดธาตุ เช่น เวทย์สื่อสาร(เทเลพาธี) เวทย์เคลื่อนย้าย(วาร์ป/เทเลพอร์ต) เวทย์อาณาเขต(ส่วนมาก) เวทย์ลวงตา เป็นต้น
****เดือนในมิติเซนทีเรียมีเพียงห้าเดือน แต่ละเดือนจะมีระยะเวลา73วัน โดยจะเรียงดังนี้ โพรเทีย เดฟเท ทริทอส เธตาร์ เพมพ์ และเรียงกันห้าฤดูตามเดือนคือ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูฝน ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว
*****ผ้าจากไหมธรรมชาติได้มาจากเส้นใยของต้นราเรซึ่งเป็นไม้เถาสีขาวเจอทั่วไปตามสวนหรือป่า นิยมมาปลูกประดับรั้ว
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ