The Revenge ความแค้นที่หอมหวาน

9.2

เขียนโดย MeTang

วันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 04.06 น.

  36 ตอน
  10 วิจารณ์
  42.67K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 15.09 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

27) ตอนที่ 27

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

               บรรยากาศภายนอกที่เย็นเฉียบไม่อาจทำให้ความอบอุ่นในรถหรูสองประตูนี้เปลี่ยนแปลงได้ ชายหนุ่มที่มีบาดแผลทั้งคู่ต่างรู้สึกผ่อนคลายเมื่อรู้สึกว่าเรื่องร้ายกำลังจะจบลง และที่วิเศษไปมากกว่านั้นคือ บางคู่เมื่อผ่านเหตุการณ์ที่ย่ำแย่ ความสัมพันธ์ของผู้คนเหล่านั้นจะขยับมาใกล้ชิด และเหนียวแน่นขึ้นกว่าเดิม

                ริวกิขับรถฝ่าความมืดเข้าไปยังตัวเมืองด้วยความรู้สึกแปลกๆ มันเป็นความรู้สึกที่ริวกิไม่คุ้นเคย หรือบางทีเขาอาจจะลืมความรู้สึกแบบนี้ไปนานแล้ว ความรู้สึกที่ผู้คนต่างเรียกมันว่า “ความอบอุ่น”

                “นายไม่หนาวเหรอ” ปอนด์ถามริวกิที่ท่อนบนเปลือยเปล่าเพราะริวกิใช้เสื้อเชิ๊ตของตัวเองพันรอบต้นแขนเพื่อห้ามเลือดเอาไว้

                “นายหนาวเหรอ”

                “เปล่า ฉันดีขึ้นเยอะแล้วล่ะ” ปอนด์เอนตัวลงนอนบนเบาะข้างคนขับ

                “ดีขึ้นมันไม่ได้แปลว่าหายดี” ริวกิหรี่แอร์รถยนต์ลง

                ปอนด์รู้สึกประหลาดใจที่ริวกิทำดีด้วย เขาไม่รู้ว่าเพราะอะไรริวกิถึงเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ถึงเพียงนี้ อาจเพราะริวกิเผลอกินเห็ดพิษจนสมองได้รับความเสียหาย หรือจะด้วยเหตุผลอีกล้านแปดพันเก้าใดๆก็ตาม ปอนด์รู้สึกยินดีกับช่วงเวลาเหล่านี้ที่เกิดขึ้น แม้แผลภายนอกอาจจะยังไม่หายดี แต่แผลภายในของปอนด์กลับค่อยๆสมานตัวจนเกือบหายเป็นปกติ

                “ริวกิ”

                “หืม”

                “ฉันจะไว้ใจนายได้มั้ย”

                “นายควรจะถามตัวเองไม่ใช่ฉัน”

                “อืม…” ปอนด์ขยับตัวเล็กน้อยเพื่อให้ร่างที่บอบช้ำได้ผ่อนคลาย ก่อนจะหลับตาพริ้มปล่อยสมองสู่ความว่างเปล่า “ฉันได้คำตอบแล้ว”

               

 

 

                เมื่อถึงจุดหมายปลายทางแล้วริวกิรีบหอบร่างของปอนด์ขึ้นไปยังที่พักของตัวเอง อาการของปอนด์ตอนนี้ยังคงทรงตัวแต่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องดี ทั้งอาการบาดเจ็บจากการโดนทำร้ายและอาการไข้ที่รุมเร้า ริวกิรู้ได้เลยว่าปอนด์ต้องรีบได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน

“ไหวหรือเปล่า” ปอนด์ค่อยๆพยุงร่างที่อิดโรยของปอนด์ออกจากลิฟท์ “อีกนิดเดียวก็ถึงห้องทำงานของฉันแล้ว อดทนหน่อยก็แล้วกันนะ”

                “ว… ไหว ฉันยังไหวอยู่” ปอนด์พูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

                ร่างกายของปอนด์แม้จะเล็กกว่าริวกิ แต่ส่วนสูงของเขาก็จัดได้ว่ารูปร่างนายแบบ การจะให้ริวกิแบกผู้ชายที่หุ่นดีในสภาพที่ตัวเขาเองก็ย่ำแย่ จึงเป็นเรื่องที่เหนือความเป็นไปได้  เขาจึงทำได้ดีที่สุดคือคล้องแขนของป้อนด์ไว้ที่คอ และพยายามช่วยพยุงกันไป

                เมื่อเดินกันไปจนเกือบจะถึงหน้าห้อง ริวกิกลับเห็นร่างเล็กๆนั่งทำท่ารีบรนอยู่บริเวณเค้าเตอร์ ในเวลาดึกขนาดนี้เขาไม่คิดว่าจะมีคนยังนั่งอยู่

                “ทำไมเธอยังอยู่ที่นี่” ริวกิถามอย่างตกใจเมื่อเห็นรุ่งรัตน์เลขาสาวคนสวยยังนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ

                “ก็คุณริวกิไม่อยู่ งานก็เลยค้างเยอะน่ะสิคะ” รุ่งรัตน์ตัดพ้อ “ทั้งคู่ไปโดนอะไรมาคะเนี้ย”

                รุ่งรัตน์ยืนขึ้นพุ่งถลามายังริวกิที่ประคองปอนด์อยู่ทันทีอย่างรีบร้อน เธอดูมีสีหน้าที่ตกใจนิดหน่อยเมื่อเห็นคราบเลือดไหลนองที่แขนของริวกิ และที่มุมปากของปอนด์

                “ให้ช่วยอะไรมั้ยคะ” รุ่งรัตน์เอื้อมมือจะไปจับปอนด์

                “ไม่ต้อง ฉันจัดการเรื่องของฉันเองได้” ริวกิขู่ “งานเยอะไม่ใช่เหรอ มีอะไรก็ไปทำแต่ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็กลับบ้านไปเสีย”

                “ใจร้ายจังเลยนะคะ” รุ่งรัตน์งอน

                “พรุ่งนี้ฉันอนุญาตให้เธอลาได้หนึ่งวัน งานที่ค้างฉันจะให้เจสันดูแลต่อเอง”

                “Thanks ค่ะ My Boss”

                ริวกิพาปอนด์เข้าห้องทำงานที่ถูกปรับเปลี่ยนเป็นบ้านหลักเล็กสำหรับตัวเอง เขาค่อยๆวางร่างที่ปวกเปียกของปอนด์ลงบนเตียงอย่างทะนุถนอมที่สุด ปอนด์ครางออกมาเล็กน้อยเพราะเขาเริ่มรู้สึกปวดเล็กน้อยตามบริเวณที่รอยมีช้ำ

                “เป็นอะไรมากมั้ย นายเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

                “ไม่เป็นไร” ปอนด์นอนหมดสภาพอยู่บนเตียง “ทำไมนายไม่พอฉันไปโรงพยาบาล”

                “เชื่อฉันเถอะว่าที่นี่ปลอดภัยกว่าเยอะ” ริวกิใช้มือไล้ไปตามเส้นผมของปอนด์ “ทำไม… นายกลัวฉันพานายมาฆ่าเหรอ”

                “ถ้าเมื่อก่อนคงใช่”

                 “ว่าแต่นายยังพอมีแรงเหลืออยู่อีกมั้ย” ริวกินั่งลงบนเตียงใกล้ๆปอนด์

                “ทำไมเหรอ”

                “ถอดเสื้อกับกางเกงออกสิ”

                “ไอ้คนทุเรศ นี่นายพาฉันมาห้องเพื่อจะทำอะไรบ้าๆแบบนั้นน่ะเหรอ” ปอนด์โวยวาย

                “คนที่คิดอะไรบ้าๆแบบนั้นน่าจะเป็นนายมากกว่านะ” ริวกิส่งสายตาขวางใส่ “ฉันแค่จะเช็ดตัวให้นายแล้วก็ให้นายเปลี่ยนชุด สภาพนายตอนนี้ฉันรับไม่ได้จริงๆ”

                “ก็น่าจะบอกดีๆตั้งแต่ทีแรก” ปอนด์เขินอาย

                “แล้วตกลงนายจะถอดเองหรือให้ฉันถอดให้”

                “ฉ… ฉันถอดเองได้” ปอนด์ลุกขึ้นนั่งบนเตียงและถอดเสื้อออกตามคำสั่ง เผยให้เห็นรอยช้ำทั่วทั้งตัวที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วง

                “นายนี่อึดใช่เล่นเลยนะ”

                “แน่นอน ถ้าฉันไม่อึดฉันก็คงทนนายไม่ได้หรอก”

                ชั่ววินาทีที่คำพูดของปอนด์หลุดออกมา มันทำให้ริวกิสำนึกผิดถึงสิ่งที่เขาได้กระทำไป ในวันที่ริวกิคิดแค่ทำอะไรเพื่อความสนุก แต่เขากลับไม่คิดว่ามันจะสร้างบาดแผลในใจของปอนด์ได้ขนาดนี้

                “ฉัน…” ริวกิก้มหน้าต่ำลง “ขอโทษ”

                “อะไรนะ”

                “ไม่ว่าเรื่องอะไรที่ฉันทำให้นายไม่สบายใจ ฉันขอโทษ”

                “ริวกิ” ปอนด์ยิ้มอย่างอ่อนโยน “มันผ่านไปแล้ว”

                “แต่…” ริวกิสบตาปอนด์

                “ช่างมันเถอะ… ไหนล่ะ นายบอกจะเช็ดตัวให้ฉันไม่ใช่เหรอ” ปอนด์ล้มตัวลงนอน “นายก็ต้องรับผิดชอบคำพูดของตัวเองสิ”

                “นายกล้าออกคำสั่งกับฉันเหรอ” ริวกิลุกขึ้นขยับตัวไปใกล้ปอนด์มากขึ้น ก่อนจะใช้สองมือพยายามดึงกางเกงขาสั้นของปอนด์ลงมา

                “จะทำอะไร” ปอนด์จับมือของริวกิไว้

                “ถ้าไม่เช็ดทั้งตัว เขาจะเรียกว่าเช็ดตัวได้ไง” ริวกิจัดการกระชากกางเกงของปอนด์จนหลุดออก “วันนี้ไม่ใช่ลายซุปเปอร์ฮีโร่เหรอ”

                “ฉ… ฉ… ฉันยังไม่ได้ซัก” ปอนด์ตอบอย่างคนซื่อ

                “ไว้ฉันจะซื้อให้สักโหลนะ” ริวกิหัวเราะ “นายรออยู่นี่เดี๋ยวนะ”

                “นายจะไปไหนไปซื้อกางเกงในตอนนี้นี่นะ”

                “เรื่องนั้นเอาไว้คราวหลัง ฉันจะไปเอายาให้นายกิน”

                ริวกิโยนเสื้อผ้าของปอนด์ทิ้งไว้ที่ข้างเตียง เขาห่มผ้าให้ปอนด์เพราะกลัวปอนด์จะหนาว ก่อนจะเดินออกจากห้องนอนไป ปอนด์แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าเขาได้รับการปรนนิบัติดูแลจากริวกิจริงๆ ทั้งๆที่เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนพวกเขายังดูเป็นศัตรูที่ไม่มีทางลงรอยกันอยู่เลย

                ปอนด์คิดอะไรเพลินๆไปครู่หนึ่งก่อนที่ริวกิจะกลับมาพร้อมยาแก้ไขหนึ่งเม็ดในกำมือพร้อมน้ำเปล่าหนึ่งแก้ว แม้จะดูเหมือนโรคจิตก็ตาม แต่ปอนด์กลับคิดว่าริวกิที่เปลือยอกและมีบาดแผลเล็กน้อย มันทำให้ดูเซ็กซี่จนปอนด์เผลอคิดอะไรเกินเลยไปแวบหนึ่ง

                “ยานี้แรงมากนายกินแค่เม็ดเดียวก็พอ” ริวกิยื่นยาหนึ่งเม็ดให้พร้อมน้ำดื่ม “นายกินแล้วอาจจะง่วงหน่อยนะ มันเป็นอาการปกติ”

                ปอนด์รับยามาโดยไม่ได้พูดอะไร เขามองไปที่ยาเม็ดกลมสีขาวในมือ ก่อนจะเงยหน้ามองริวกิที่ยืนอยู่ เขาไม่รู้ว่ายาที่ริวกิยื่นให้เป็นยาอะไร เพราะเขาไม่รู้ยี่ห้อยา ไม่ได้อ่านฉลาก และไม่มีข้อมูลของยาเลยนอกจากสิ่งที่ริวกิบอก

                “ทำไม” ริวกิกอดอก “นายกลัวฉันวางยานายเหรอ”

                “ก็มันน่ากลัวมั้ยล่ะ”

                “ฉันไม่ทำอะไรเกินเลยกับนายตอนนี้หรอก”

                “หมายความว่าอะไร” ปอนด์ถามอย่างประหม่า

                “ขืนฉันทำอะไรนายตอนนี้ฉันก็ติดไข้จากนายสิ” ริวกิส่งสายตาดุใส่ “กินไปเถอะน่า เพราะถึงนายไม่กินเอง ฉันก็หาวิธีเอามันลงท้องนายไปได้อยู่ดี”

                “ฉันเริ่มสงสัยแล้วว่านายสำนึกผิดจริงหรือเปล่า” ปอนด์บ่นแต่ก็ยอมกินยาเข้าไปแต่โดยดี

                “เดี๋ยวฉันจะเช็ดตัวให้นาย ถ้านายง่วงก็หลับไปเลยนะ ที่เหลือฉันจะจัดการให้เอง”

                “อื้อ” ปอนด์วางแก้วน้ำที่ว่างเปล่าลงบนโต๊ะเตี้ยข้างเตียงนอน

                ริวกิเดินหายเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะออกมาพร้อมกับน้ำอุ่นในอ่างพลาสติกใสขนาดเล็ก ที่มีผ้าขนหนูผืนเล็กแช่ไว้อยู่ เขาเดินมานั่งข้างๆปอนด์ก่อนจะเริ่มบิดผ้าขนหนูให้แห้งหมาดๆ

                “ตกลงนายได้ไปญี่ปุ่นมั้ย” ปอนด์ถาม

                “เกือบจะได้ไป” ริวกิเช็ดคราบเลือดที่มุมปากของปอนด์อย่างนิ่มนวล “ฉันกำลังจะไปเช็คอินที่สนามบินแล้ว แต่ฉันได้รับข่าวว่าความเคลื่อนไหวจากแก๊งค์ค้ายาเสียก่อน”

                “นายก็เลยไม่ได้ไป เพื่อจะมาจัดการกับคนพวกนั้นน่ะเหรอ”

                “ใช่… ฉันอยากจะกำจัดมันให้สิ้นซาก”

                “ทำไมนายถึงไม่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ”

                “ฉันว่ามันเป็นหน้าที่ของเราทุกคน และอีกอย่างฉันก็ไม่ชอบที่พวกมันมาใช้ไนต์คลับของฉันเป็นสถานที่ปล่อยของ ฉันไม่อยากให้ที่นี่มีภาพลักษณ์ที่ไม่ดี”

                “แล้วนายจัดการกับพวกนั้นยังไง?”

                “ฉันก็วางแผนกับตำรวจเพื่อล่อซื้อยาจากพวกมัน” ริวกิจุ่มผ้าขนหนูและบิดอีกครั้งเมื่อใบหน้าของปอนด์เริ่มสะอาด “แต่เหมือนฝั่งมันเองก็มีสายข่าวอยู่เหมือนกัน พวกมันก็เลยไหวตัวทัน”

                “แสดงว่านายไม่ได้อยู่ญี่ปุ่นจริงสินะ นายถึงได้โผล่ไปช่วยฉันทัน”

                ริวกิไม่ได้ตอบคำถามแต่ยังคงใช้ผ้าเช็ดไปตามร่างกายของปอนด์ เขาไล้ไปตามซอกคอ เนินอกและหัวไหล่อย่างค่อยเป็นค่อยไป

                “นายเจ็บมั้ย” ริวกิถามขณะที่ถูไปตามหน้าอกและหน้าท้องของปอนด์ที่มีรอยม่วง

                “ตอนนี้ก็ไม่แล้วล่ะ” ปอนด์หลับตาตอบ เขาเริ่มรู้สึกง่วงขึ้นมานิดๆ

                “อีกไม่นานรอยเหล่านั้นจะเริ่มปวดและเจ็บช้ำนิดหน่อย นายไม่ต้องเป็นกังวลหรอก”

                “เรื่องแบบนี้นายนี่รู้ดีจังนะ เป็นนักเลงมาก่อนเหรอ”

                “เปล่าหรอก ตอนเด็กๆฉันต้องฝึกวิชาการต่อสู้อย่างหนัก รอยช้ำกับรอยแผลเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับความทรงจำวัยเด็กของฉันมาโดยตลอด” ริวกิมองไปยังดวงตาที่ปิดสนิทของปอนด์ “นายไม่ต้องห่วง ฉันจะช่วยดูแลนายเอง”

                เมื่อความรู้สึกหวาดกลัวของปอนด์ถูกยกให้ริวกิเป็นผู้ดูแล ปอนด์ก็รู้สึกสบายใจจนเผลอวูบหลับไปโดยที่ไม่รู้ตัว ริวกิเองก็ยังคงทำหน้าที่ให้สมกับที่ปอนด์ไว้ใจ เขารู้สึกเอ็นดูและสงสารปอนด์ขึ้นมา ความรู้สึกดีเมื่อเห็นรอยยิ้มของปอนด์มันทำให้หัวใจของเขาเริ่มรับรู้อาการบางอย่าง

 

 

                เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง เมื่อร่างกายของปอนด์ได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มที่ เขาก็เริ่มรู้สึกตัวขึ้นมา ร่างกายที่หนาวสั่นกลับมาอบอุ่นจนเกือบเป็นปกติ ปอนด์ลืมตาขึ้นมาเพื่อเตรียมพบโลกที่แสนสดใสอีกครั้ง แต่เหมือนการเคลื่อนไหวของเขาจะติดขัดอะไรสักอย่าง

                ปอนด์ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมองไปหาสาเหตุที่ทำให้เขารู้สึกอึดอัด ภายในห้องที่สลัวๆทำให้ปอนด์มองอะไรไม่ค่อยชัดนัก และในระยะสายตาของเขาก็เหมือนมีบางสิ่งบางอย่างขวางกั้นไว้ ปอนด์ค่อยเงยหน้าเพื่อมองดูสิ่งต่างๆรอบตัวเพิ่มขึ้น

                “เฮ้ย” ปอนด์อุทานอย่างตกใจเมื่อพบว่าสิ่งที่กดทับเขาอยู่คือร่างที่สูงใหญ่ของริวกิ และที่ทำให้เขาตกใจมากไปกว่านั้นคือแขนของเขาพาดไปบนเอวของริวกิเช่นกัน

                ต้นแขนที่หนักแน่นของริวกิโอบกอดร่างที่เนียนขาวเอาไว้ ท่อนบนที่เปลือยเปล่าของทั้งคู่แนบชิดกันจนแทบจะเป็นคนๆเดียวกัน ปอนด์รู้สึกหน้าแดงและวูบวาบขึ้นมา ซอกคอของริวกิมีกลิ่นดอกกุหลาบอ่อนๆ ซึ่งปอนด์คิดว่าริวกิน่าจะเพิ่งอาบน้ำมาไม่นาน ความใกล้ชิดมันทำให้ปอนด์เผลอจูบไปที่ซอกคอที่อบอุ่นนั้นโดยไม่ตั้งใจ

                “จะลักหลับฉันเหรอ” ริวกิพูดด้วยเสียงงัวเงีย

                “ป… เปล่า” ปอนด์ดันตัวออกจากริวกิเล็กน้อย แต่ริวกิกลับใช้อ้อมกอดที่แข็งแรงกระชากตัวปอนด์กลับเข้ามา

                “เปล่าอะไร นายเพิ่งไซร้คอฉัน… ทนไม่ไหวที่ได้ใกล้ชิดหนุ่มเนื้อหอมอย่างฉันล่ะสิ”

                “อย่าหลงตัวเองหน่อยเลย ฉันแค่จะขยับตัวแล้วปากฉันก็ไปโดนคอนายเองต่างหาก”

                “นายโกหกไม่เก่งเสมอนะรู้ตัวมั้ย”

                “ทำไม”

                “ก็หัวใจนายเต้นแรง”

                ปอนด์นิ่งเงียบเพื่อฟังความจริงจากจังหวะหัวใจของตัวเอง มันเต้นรัวและแรงจนเขาควบคุมไม่อยู่ ริวกิจับมือของปอนด์ขึ้นมาและทาบไปตรงหน้าอกที่หัวใจที่เย็นชาของเขาซ่อนอยู่ มันเต้นรุนแรงไม่ต่างกันกับปอนด์

                “ที่บ้านฉันเวลาใครเป็นไข้ เขาจะใช้ร่างกายให้ความอบอุ่นกับอีกฝ่ายแบบนี้แหละ”

                “แล้วที่บ้านนายเขาทำแบบนี้กันทุกคนเหรอ”

                “เปล่า… เขาจะทำให้เฉพาะกับคนที่แต่งงานกัน หรือเคยมีความสัมพันธ์ด้วยกันแล้ว”

                ปอนด์ได้แต่นอนหน้าแดงอยู่ในอ้อมกอด เขารู้สึกตื่นเต้นและเขินอายขึ้นมาเมื่อได้ยินคำตอบจากริวกิ ตำพูดเหล่านั้นมันทำให้ปอนด์รู้สึกเป็นคนพิเศษขึ้นมา

                “มันได้ผลนะ” ริวกิบีบมือปอนด์ที่กุมหัวใจเขาอยู่เบาๆ

                “อ๊ะ” ปอนด์อุทานออกมาเมื่อรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นนิดหน่อยเมื่อริวกิบีบมือเขา

                “ขอโทษที ฉันลืมไปว่านายให้น้ำเกลืออยู่”

                “อะไรนะ” ปอนด์ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู เขาตกใจเล็กน้อยเมื่อพบสายน้ำเกลือยาวติดอยู่ที่มือเขา ปอนด์ไม่รู้ว่าตัวเองหลับลึกถึงขนาดที่ใครทำอะไรแล้วเขาไม่รู้สึกตัวเชียวหรือ

                “ฉันให้หมอมาตรวจที่นี่ เขาบอกว่าร่างกายนายอ่อนแอมาก ก็เลยจัดน้ำเกลือให้” ริวกิให้ความเชื่อมั่นกับปอนด์ “แล้วเป็นอย่างไรบ้างล่ะ ดีขึ้นมากแล้วหรือยัง”

                “อื้อ” ปอนด์พยักหน้ารับคำ “ฉันแค่ตกใจนิดหน่อย ช่วงนี้มีเรื่องมากมายเกิดขึ้นในชีวิตฉัน โดยที่ฉันไม่ได้คาดคิด ฉันก็เลยกลัว”

                “ฉันขอโทษที่ทำให้นายต้องเจอกับเรื่องเลวร้ายแบบนี้” ริวกิมอบรอยจูบที่หน้าผากให้ปอนด์ “ต่อไปนี้ถ้ามีอะไรก็บอกฉัน”

                ปอนด์รู้สึกหัวใจเต้นแรงมากขึ้น การอยู่กับริวกิสองคนมันทำให้เขารู้สึกแปลกๆ ปอนด์รู้สึกควบคุมร่างกายและความคิดได้ไม่ดีเท่าที่ควร ราวกับว่าตัวเขากำลังจะไม่ใช่ของเขา

                “ถ้าอย่างนั้นนายช่วยรักษาฉันให้หน่อย” ปอนด์ขึ้นคร่อมริวกิที่นอนหงายอยู่บนเตียง “ฉีดยาที่ทำให้ฉันรู้สึกดีด้วยเข็มของนาย”

                ปอนด์ส่งสายตาที่เว้าวอนที่แฝงความร้อนแรงไปให้ริวกิ เขาไม่รู้ตัวว่าเขาทำอะไรอยู่ ปอนด์รู้แค่ว่าเขาต้องการริวกิมาก และในช่วงเวลาแบบนี้วิธีที่จะดับไปแห่งปรารถนานี้ได้ ก็คือการตอบสนองความต้องการด้วยร่างกาย

                “รู้มั้ยสิ่งที่ฉันอดทนอดกลั้นได้ยากที่สุดในชีวิตคืออะไร” ริวกิใช้สองมือประคองใบหน้าของปอนด์อย่างอ่อนโยน

                “อะไร?”

                “คือการนอนกอดนายทั้งคืนโดยที่ต้องฝืนใจไม่ให้ทำอะไรลงไป”

                ริวกิโน้มร่างของปอนด์ลงมา ก่อนจะบรรจงสร้างศิลปะบนต้นคอของปอนด์ด้วยลิ้น เขาไม่สามารถอดทนอดกลั้นต่อการท้าทายของปอนด์ได้อีกต่อไป ในเมื่อคำเชิญชวนนั้นเป็นสิ่งที่เขาโหยหามาทั้งคืน นี่คือรางวัลจากการช่วยชีวิตปอนด์ และริวกิคิดว่ามันคุ้มที่จะแลกรอยแผลลึกที่ต้นแขน กับสิ่งที่เขากำลังจะได้ต่อจากนี้

                “ฉันจะมอบยาที่ดีที่สุดจากตัวฉันให้นาย” ริวกิกอดรัดที่รอบเอวปอนด์ไว้

                “นายเหนื่อยมามากพอแล้วริวกิ ที่เหลือต่อจากนี้ให้ฉันจัดการเอง ปลดปล่อยสิ่งเหล่านั้นกันเถอะ”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา