น้ำตาเเห่งสงคราม
-
เขียนโดย อ๋อง
วันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.18 น.
2 บท
0 วิจารณ์
4,523 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2557 23.23 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) สงครามกลางหิมะ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเสียงร้องทรมานของเหยื่อสไนเปอร์ของผม มันเป็นเสียงแหลมที่เจ็บปวดวูบหนึ่งและไร้ซึ่งการโต้ตอบใดๆ
“ปังๆๆ “ กระสุนปืนนับ10นัดพุ่งตรงมาที่จุดซุ่มยิงของเอ็ดเวิรตเขารีบก้มหมอบลงอย่างชำนาญก่อนจะสวนกระสุนกลับไปสังหารฝ่ายตรงข้ามอย่างแม่นยำ
“พั่บๆๆ” เสียงเครื่องบินของฝ่ายสัมพันธมิตร บินต่ำลงมาเรื่อยๆก่อนจะทิ้งก้อนสีดำๆลงมาหลาย10ลูก
“อัลเบิรต เอ็ดเวิรต วิ่ง!!!”
จูเลียนกล่าวเสียงดังก่อนจะจับมือลากผมกับเพื่อนลงไปจากแท่นยิง ระเบิดนับร้อยถล่มชีวิตผู้คนราวกับฝูงมดที่ถูกจุดประทัดใส่ ค่ายเล็กๆกลายเป็นทะเลเพลิงสีเลือดทันที
ผมพยายามมองหาเอ็ดดี้และโชคดีที่เขาเป็น1ในกลุ่มคนไม่กี่10คนที่วิ่งทะลุกองเพลิงออกมา พวกเราทุกคนวิ่งหนีกันอย่างหัวซุกหัวซุน ไม่ว่าจะเสียงคนกรีดร้อง เสียงกระสุนปืน เสียงระเบิด ผมไม่อยากได้ยินอีกแล้วต่อไปนี้ผมคิดอยู่คำเดียวเท่านั้นคือ วิ่ง…
“ม้า…เอาม้ามาเร็ว!!!”
ทหารนายหนึ่งตะโกนขึ้น ผมเบิกตาโพลงก่อนจะรีบวิ่งไปทางคอกม้าพร้อมๆกับทหารหลายนาย แต่น่าสมเพศ…
“ปัง!...อึก!”
ดูเหมือนสไนเปอร์ฝั่งศัตรูจะทราบดีว่าสัตรูต้องมาทางนี้ทหารอีก3นายถูกสังหารลงอย่างเยือกเย็น ผมรู้สึกเข่าอ่อนลงกระทันหันจนทรุดตัวลงทันที ตัวแข็งและสั่นไปหมดเมื่อเห็นแสงสะท้อนจากลำกล้องปืน…และมันกำลังเล็งมาทางผม…
“อัลเบริต!”
จูเลียนถือปืนกล วิ่งออกไปดักหน้าผมและสาดปืนเหล่านั้นใส่คอกม้าจนเหล่าสไนเปอร์ต้องหลบกันอย่างหัวซุกหัวซุน
“หัวหน้า…”
เขาพยุงผมขึ้นมา อีกแล้ว…เป็นแบบนี้อีกแล้วไม่ว่าจะลงสนามรบซักกี่ครั้งคนที่จะพยุงผมขึ้นมาก็มีแต่เขาเท่านั้น…
“พั่บๆๆ”
แสงแห่งความหวังของพวกเราสว่างขึ้นเมื่อเห็นเครื่องบินหลายลำบินมารับมือข้าศึก เครื่องบินฝ่ายนาซีและมีลำหนึ่งตรงมารับพวกเรา ชีวิตของทหาร500นายเหลือเพียงแค่7-8นายเท่านั้นพวกเขาบางส่วนตัวสั่นขณะอยู่บนเครื่องบินผมเองก็สั่นอย่างน่าขายหน้า…
19มิย.1941
“สโมเลนส์”
ผมครางเบาๆก่อนที่จะถอนหายใจ…นี่คือเมืองในรัสเซียเป้าหมายของพวกเรา โดยเมืองๆนี้ห่างจากกรุงมอสโกเพียง322 กม. ดังนั้นหากเราสามารถยึดเมืองนี้ได้ก็จะสามารถเป็นลู่ทางให้เราเข้ายึดรัสเซียต่อไป
“อ้าว…อัลเบริตมานั่งทำอะไรที่นี่” เอ้ดดี้นั่นเอง
ผมมองไปยังหิมะที่ขาวโพลนสุดลูกหูลูกตา ก่อนจะถอนหายใจ…
“นายก็น่าจะรู้ ท่านฮิตเลอต์ทำการแบ่งกองทัพใหญ่ออกมาเป็น3ทัพ ทัพเหนือกลางและใต้ โดยที่มีเป้าหมายคือบ่อน้ำมันมหาศาลในทางทิศใต้แต่…มันทำให้ทัพกลางของเราอ่อนแอลงมาก..”
“ผัวะ” เอ็ดดี้ตบหลังผมก่อนจะกล่าวว่า
“อัลเบิรตแกจะคิดมากไปทำไม พวกเราเคยตายไหมทั้งๆที่ผ่านสนามรบฝนระเบิดมาได้”
“ไม่..” ผมตอบเบาๆ
“ใช่เราไม่เคยตาย แล้วครั้งนี้ทำไมเราจะต้องตาย”
“นายมั่นใจจริงๆหรือเอ็ดดี้”
“ไม่ว่ายังไง…หน่วยของเราก็จะไม่ทิ้งกันอยู่แล้วแม้นายจะขาขาดกลางดงระเบิดฉันเชื่อว่าไม่ หัวหน้าจูเลียน ก็ฉันหรือ เอ็ดเวิรต…ทุกคนต้องไม่ทิ้งกันจริงไหม…”
เอ็ดดี้พูดออกมาอย่างเต็มปากและมั่นใจผมมองหิมะอีกครั้งก่อนจะเริ่มสบายใจขึ้น…เรามีเพื่อน และเรา ต้องไม่ตาย…
1สัปดาห์ต่อมา
“อัลเบริตรีบยิงพวกนั้นเร็วเข้าก่อนที่มันจะข้ามแม่น้ำมา?!” เอ็ดเวิรตตะโกนขึ้นมาเขาอยู่ในท่าเดียวกับผมคือตาเล็งอยู่ที่กล้องสไนเปอร์ ในขณะที่เอ็ดดี้ และ จูเลียนพุ่งตรงไปยังกลางแม่น้ำที่เป็นน้ำแข็งและสาดปืนกล ใส่ข้าศึกทุกคน…
ฤดูหนาวใกล้เข้ามาแล้วฤดูหนาวในรัสเซียผมไม่อยากจะคิดถึงมันเราต้องยึดกรุงมอสโก!ให้ได้โดยเร็วที่สุด! แต่กำลังที่ถูกแบ่งออกไปทำให้รุกฝ่ายตรงข้ามไปไม่ถึงไหน…
“เอ็ดดี้ ระวังนะน้ำแข็งแผ่นนั้นบางมาก”
จูเลียนกระซิบใกล้ๆหูของชายหนุ่ม ก่อนจะค่อยๆเดินไปบนแผ่นน้ำแข็งอย่างระมัดระวัง
“เปรี๊ยะ…”
แผ่นน้ำแข็งที่เอ็ดดี้เหยียบอยู่ค่อยๆร้าวทีละน้อย…จูเลียนหันมาทันทีและเบิกตาโพลงส่วน เอ็ดดี้ยังคงยืนอยู่นิ่งๆ เขารู้ดีว่าหากขยับอีกซักนิดน้ำแข็งเหล่านี้คงรับน้ำหนักเขาไม่ไหว
“โอ้!พระเจ้า เอ็ดดี้แกอย่าขยับเด็ดขาดนะ…”
จูเลียนค่อยๆขยับไปหาเขาทีล่ะนิดและยื่นมือให้ เอ็ดดี้พยายามเอื้อมมือไปจับแต่ทันใดนั้น!
“ปัง..!”
กระสุนปืนพุ่งเจาะที่หน้าอกทางขวาของเขา เอ็ดดี้ร้องอย่างเจ็บปวดเขาก้มตัวลงเอามือกุมท้อง..
“เพล้ง!”
เป็นไปตามคาด เขาตกลงไปในแม่น้ำทันที…
“ไม่!”
จูเลียนร้องอย่างตกใจเขาค่อยๆเดินไปทางรูที่ชายหนุ่มตกลงไป และยื่นมือลงไปทันที…น้ำในแม่น้ำเย็นจัดจนมือของเขาชา จูเลียนหวังเพียงแต่ว่าจะมีใครมาจับมือของเขาไว้และเขาจะดึงขึ้นมา.. แต่ในชีวิตจริงมันคงจะไม่มีทาง…เกิน3นาทีแล้วที่เอ็ดดี้หายลงไป จูเลียนส่ายหน้าทั้งน้ำตาและหดมือกลับเข้ามา…..
“ปังๆๆ “ กระสุนปืนนับ10นัดพุ่งตรงมาที่จุดซุ่มยิงของเอ็ดเวิรตเขารีบก้มหมอบลงอย่างชำนาญก่อนจะสวนกระสุนกลับไปสังหารฝ่ายตรงข้ามอย่างแม่นยำ
“พั่บๆๆ” เสียงเครื่องบินของฝ่ายสัมพันธมิตร บินต่ำลงมาเรื่อยๆก่อนจะทิ้งก้อนสีดำๆลงมาหลาย10ลูก
“อัลเบิรต เอ็ดเวิรต วิ่ง!!!”
จูเลียนกล่าวเสียงดังก่อนจะจับมือลากผมกับเพื่อนลงไปจากแท่นยิง ระเบิดนับร้อยถล่มชีวิตผู้คนราวกับฝูงมดที่ถูกจุดประทัดใส่ ค่ายเล็กๆกลายเป็นทะเลเพลิงสีเลือดทันที
ผมพยายามมองหาเอ็ดดี้และโชคดีที่เขาเป็น1ในกลุ่มคนไม่กี่10คนที่วิ่งทะลุกองเพลิงออกมา พวกเราทุกคนวิ่งหนีกันอย่างหัวซุกหัวซุน ไม่ว่าจะเสียงคนกรีดร้อง เสียงกระสุนปืน เสียงระเบิด ผมไม่อยากได้ยินอีกแล้วต่อไปนี้ผมคิดอยู่คำเดียวเท่านั้นคือ วิ่ง…
“ม้า…เอาม้ามาเร็ว!!!”
ทหารนายหนึ่งตะโกนขึ้น ผมเบิกตาโพลงก่อนจะรีบวิ่งไปทางคอกม้าพร้อมๆกับทหารหลายนาย แต่น่าสมเพศ…
“ปัง!...อึก!”
ดูเหมือนสไนเปอร์ฝั่งศัตรูจะทราบดีว่าสัตรูต้องมาทางนี้ทหารอีก3นายถูกสังหารลงอย่างเยือกเย็น ผมรู้สึกเข่าอ่อนลงกระทันหันจนทรุดตัวลงทันที ตัวแข็งและสั่นไปหมดเมื่อเห็นแสงสะท้อนจากลำกล้องปืน…และมันกำลังเล็งมาทางผม…
“อัลเบริต!”
จูเลียนถือปืนกล วิ่งออกไปดักหน้าผมและสาดปืนเหล่านั้นใส่คอกม้าจนเหล่าสไนเปอร์ต้องหลบกันอย่างหัวซุกหัวซุน
“หัวหน้า…”
เขาพยุงผมขึ้นมา อีกแล้ว…เป็นแบบนี้อีกแล้วไม่ว่าจะลงสนามรบซักกี่ครั้งคนที่จะพยุงผมขึ้นมาก็มีแต่เขาเท่านั้น…
“พั่บๆๆ”
แสงแห่งความหวังของพวกเราสว่างขึ้นเมื่อเห็นเครื่องบินหลายลำบินมารับมือข้าศึก เครื่องบินฝ่ายนาซีและมีลำหนึ่งตรงมารับพวกเรา ชีวิตของทหาร500นายเหลือเพียงแค่7-8นายเท่านั้นพวกเขาบางส่วนตัวสั่นขณะอยู่บนเครื่องบินผมเองก็สั่นอย่างน่าขายหน้า…
19มิย.1941
“สโมเลนส์”
ผมครางเบาๆก่อนที่จะถอนหายใจ…นี่คือเมืองในรัสเซียเป้าหมายของพวกเรา โดยเมืองๆนี้ห่างจากกรุงมอสโกเพียง322 กม. ดังนั้นหากเราสามารถยึดเมืองนี้ได้ก็จะสามารถเป็นลู่ทางให้เราเข้ายึดรัสเซียต่อไป
“อ้าว…อัลเบริตมานั่งทำอะไรที่นี่” เอ้ดดี้นั่นเอง
ผมมองไปยังหิมะที่ขาวโพลนสุดลูกหูลูกตา ก่อนจะถอนหายใจ…
“นายก็น่าจะรู้ ท่านฮิตเลอต์ทำการแบ่งกองทัพใหญ่ออกมาเป็น3ทัพ ทัพเหนือกลางและใต้ โดยที่มีเป้าหมายคือบ่อน้ำมันมหาศาลในทางทิศใต้แต่…มันทำให้ทัพกลางของเราอ่อนแอลงมาก..”
“ผัวะ” เอ็ดดี้ตบหลังผมก่อนจะกล่าวว่า
“อัลเบิรตแกจะคิดมากไปทำไม พวกเราเคยตายไหมทั้งๆที่ผ่านสนามรบฝนระเบิดมาได้”
“ไม่..” ผมตอบเบาๆ
“ใช่เราไม่เคยตาย แล้วครั้งนี้ทำไมเราจะต้องตาย”
“นายมั่นใจจริงๆหรือเอ็ดดี้”
“ไม่ว่ายังไง…หน่วยของเราก็จะไม่ทิ้งกันอยู่แล้วแม้นายจะขาขาดกลางดงระเบิดฉันเชื่อว่าไม่ หัวหน้าจูเลียน ก็ฉันหรือ เอ็ดเวิรต…ทุกคนต้องไม่ทิ้งกันจริงไหม…”
เอ็ดดี้พูดออกมาอย่างเต็มปากและมั่นใจผมมองหิมะอีกครั้งก่อนจะเริ่มสบายใจขึ้น…เรามีเพื่อน และเรา ต้องไม่ตาย…
1สัปดาห์ต่อมา
“อัลเบริตรีบยิงพวกนั้นเร็วเข้าก่อนที่มันจะข้ามแม่น้ำมา?!” เอ็ดเวิรตตะโกนขึ้นมาเขาอยู่ในท่าเดียวกับผมคือตาเล็งอยู่ที่กล้องสไนเปอร์ ในขณะที่เอ็ดดี้ และ จูเลียนพุ่งตรงไปยังกลางแม่น้ำที่เป็นน้ำแข็งและสาดปืนกล ใส่ข้าศึกทุกคน…
ฤดูหนาวใกล้เข้ามาแล้วฤดูหนาวในรัสเซียผมไม่อยากจะคิดถึงมันเราต้องยึดกรุงมอสโก!ให้ได้โดยเร็วที่สุด! แต่กำลังที่ถูกแบ่งออกไปทำให้รุกฝ่ายตรงข้ามไปไม่ถึงไหน…
“เอ็ดดี้ ระวังนะน้ำแข็งแผ่นนั้นบางมาก”
จูเลียนกระซิบใกล้ๆหูของชายหนุ่ม ก่อนจะค่อยๆเดินไปบนแผ่นน้ำแข็งอย่างระมัดระวัง
“เปรี๊ยะ…”
แผ่นน้ำแข็งที่เอ็ดดี้เหยียบอยู่ค่อยๆร้าวทีละน้อย…จูเลียนหันมาทันทีและเบิกตาโพลงส่วน เอ็ดดี้ยังคงยืนอยู่นิ่งๆ เขารู้ดีว่าหากขยับอีกซักนิดน้ำแข็งเหล่านี้คงรับน้ำหนักเขาไม่ไหว
“โอ้!พระเจ้า เอ็ดดี้แกอย่าขยับเด็ดขาดนะ…”
จูเลียนค่อยๆขยับไปหาเขาทีล่ะนิดและยื่นมือให้ เอ็ดดี้พยายามเอื้อมมือไปจับแต่ทันใดนั้น!
“ปัง..!”
กระสุนปืนพุ่งเจาะที่หน้าอกทางขวาของเขา เอ็ดดี้ร้องอย่างเจ็บปวดเขาก้มตัวลงเอามือกุมท้อง..
“เพล้ง!”
เป็นไปตามคาด เขาตกลงไปในแม่น้ำทันที…
“ไม่!”
จูเลียนร้องอย่างตกใจเขาค่อยๆเดินไปทางรูที่ชายหนุ่มตกลงไป และยื่นมือลงไปทันที…น้ำในแม่น้ำเย็นจัดจนมือของเขาชา จูเลียนหวังเพียงแต่ว่าจะมีใครมาจับมือของเขาไว้และเขาจะดึงขึ้นมา.. แต่ในชีวิตจริงมันคงจะไม่มีทาง…เกิน3นาทีแล้วที่เอ็ดดี้หายลงไป จูเลียนส่ายหน้าทั้งน้ำตาและหดมือกลับเข้ามา…..
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ