น้ำตาเเห่งสงคราม
เขียนโดย อ๋อง
วันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.18 น.
แก้ไขเมื่อ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2557 23.23 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) สัมพันธมิตรรุกคืบ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ความเยือกเย็นแผ่เข้าปกคลุมร่างกายของผม…มันเป็นความหนาวเย็นที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะนอกกายที่พายุหิมะเข้าจู่โจมจนมองไม่เห็นอะไรนอกจากจุดสีแดงใช่…จุดสีแดงจุดเล็งปืนสไนเปอร์! หรือกระทั่งในหัวใจที่เสียงของพวกพ้องดังขึ้นด้วยความเจ็บปวด เลือดสีแดงชโลมไปทั่วหิมะสีขาว เสียงปืนกลดั่งขึ้นถี่ยิบสลับกับเสียงร้องโหยหวน ผมใส่ชุดทหารลายพรางใส่เสื้อกันหนาวแบบพิเศษจากกองทัพแต่มันไม่อาจกันอุณหภูมิ ขั้นติดลบได้เลย
“อัลเบริต…เราจะได้กลับไปไหม”
ชายหนุ่มที่อยู่ข้างกายผมครางขึ้นช้าๆเขาใส่ชุดกองทัพไม่ต่างจากผมต่างกันแค่…เลือดที่ไหลออกมาไม่หยุด ไม่ว่าจากขา แขน หรือหน้าอกซี่ขวา
“เอ็ดเวิรต เพื่อนรัก…คิดถึงลูกเมียของนายไว้นายห้ามหลับเด็ดขาด!”
ผมตบหน้าเขา1ทีก่อนจะหันกลับมาเล็งปืนอีกครั้ง
“นายน่าจะเข้าใจนะอัล…แค็ก! สภาพการรบของเราคราวนี้การบุกขึ้นรัซเซีย เราแพ้!รถถังถูกน้ำแข็งเกาะตัวไปหมด!ซ้ำร้ายยังโดนพวกมันดักโจมตีอีก”
ผมไม่พูดอะไรตอบกลับตายังคงเล็งอยู่ที่กล้องสไนเปอร์ อันที่จริงสิ่งที่เขากล่าวมาก็ไม่ผิดอะไรนักเราอยู่กลางวงล้อมศัตรูหลายพันคน ด้วยกำลังเพียงไม่กี่ร้อยนาย ถ้าไม่ได้พายุหิมะช่วยบังตาไว้พวกเราคงโดนเป่าเละไปแล้ว
“ปัง!....อ๊อก!”
ผมเหนี่ยวกระสุนลั่นไกออกไปทางตำแหน่งที่ได้ยินเสียงเดินกระสุนนั้นพุ่งเข้าเจาะกระโหลกของทหารรัซเซียนายหนึ่งเสียชีวิตคาที่!
“การรบครั้งนี้…พวกเราแพ้!”
1เดือนก่อนหน้า
ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ.1941
เกิดการนองเลือดครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ภายหลังถูกขนานนามว่า สงครามโลกครั้งที่2!ฝ่ายนาซี <เยอรมันนี> มีแผนที่จะบุกเข้าโจมตีโซเวียตแผ่นดินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
ผมนั่งง่วนอยู่กับเพื่อนทหารในค่ายทหารเล็กๆ กีฬาที่ทหารชอบมากคืออะไรรู้ไหมมันคือการจับหมัดให้กันนั่นเอง อาจเป็นเพราะตัวหมัดที่สร้างความรำคาญในค่ายหรือเพราะความเบื่อผมก็ไม่อาจรู้ได้
“เฮ้ อัลเบริต จับดีๆสิวะเห็นไหมเนี่ยหมัดหลุดมือนายหนีไปหมดแล้ว”
ชายหนุ่มหน้าตาดูโทรมๆ ผมสีทองดวงตาสีน้ำเงิน กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ก่อนจะมีน้ำเสียงนุ่มนวลออกมาห้ามปราม
“ไม่เอาน่า เอ็ดเวริต…อัลเบริตเขาก็พยายามเต็มที่แล้ว”
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งหล่อเหลาท่าทางเป็นผู้นำพยายามกล่อม เอ็ดเวริต
“โธ่!หัวหน้า จูเลียน ก็เห็นๆกันอยู่ว่ามันจับพลาด!”
ต้นเสียงห้าวๆดังขึ้น คนคนนั้นมีรูปร่างมอมแมมเพราะน้ำมันเครื่อง แต่ก็จัดได้ว่าหน้าตาดีพอสมควร เขาจับหมัดที่หยิบขึ้นมาจากเสื้อคลุมโยนลงแก้วน้ำมันเครื่องทันทีการทำเช่นนี้จะทำให้หมัดขึ้นมาไม่ได้และจมน้ำมันตายชื่อของเขาคือ “เอ้ดดี้”
ผมไม่พูดอะไรแต่กลับเดินออกไปจากกลุ่มใจหนึ่งก็ว้าเหว่เพราะคิดถึงครอบครัว อีกใจหนึ่งรู้สึก…กลัว…กลัวที่จะไม่ได้กลับไปอีกแล้ว….ไม่อยากให้ภาพที่กอดลูกชายทั้งน้ำตาเป็นเพียง ความทรงจำ
“ปัง!”
เอ็ดเวริตสะดุ้งทันทีเมื่อได้ยินเสียงปืน…ไม่ใช่แค่นัดเดียว…นี่มัน….ห่ากระสุนเลยนี่หว่า!
“หัวหน้า!”
ไม่ทันขาดคำของเอ้ดดี้ จูเลียนหยิบปืนกลสีน้ำตาลเก่าแก่คู่ใจและวิ่งออกไปทันที
“ทุกนายโปรดทราบเรากำลังถูกโจมตี!ย้ำอีกครั้ง!เรากำลังถูกโจมตี!”
เสียงประกาศดังขึ้นตามมาด้วยเสียงโกลาหลของทหารในค่าย ฝนกระสุนตกลงมาอย่างรวดเร็ว เลือดสดๆเจิ่งนองราวกับหนองบึง ผมหยิบปืนสไนเปอร์ขึ้นแท่นยิงกับเอ็ดเวริตทันที
“อัลเบริตทิศ3นาฬิกามีจำนวนมากกว่า300นาย”
ผมทำหน้าเครียดทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนั้นเพราะทางด้านทิศ10นาฬิกาของผม…
“เอ่อ…ทิศ10นาฬิกา 400….500…ไม่สิ600กว่านาย!”
เสียงของผมเปล่งออกมาอย่างยากลำบากเอ็ดเวริตหน้าถอดสีขึ้นมาทันที
“แต่กำลังของค่ายนี้มีไม่ถึง500นายเลยนะโว้ย!!”
“เราแค่เก็บให้ได้คนละมากกว่า5คนก็พอแล้ว…”
เสียงนุ่มนวลดังขึ้นมาข้างหลังจูเลียนนั่นเอง
“หัวหน้า! “
สีหน้าของผมและเอ็ดเวริตดีขึ้นมาทันที ผมไม่รีรอที่จะส่องกล้องเล็งไปที่ศรีษะของ ทหารนายหนึ่ง
“ชะตาขาดแล้วพวก…”
“ปัง!” กระสุนมัจจุราชพุ่งเสียดสีกับสายลมจนเกิดเสียง สูงขึ้น
“ฉึก!” กระสุนนัดนั้นพุ่งเจาะทะลุกระโหลกของทหารผู้โชคร้ายอย่างแม่นยำ…
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ