เมย่า เจ้าสาวจำเป็นกับนายจอมโหด
เขียนโดย ealfamoon
วันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.07 น.
แก้ไขเมื่อ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2557 00.32 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ปัญหาใหม่
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
“ไปสนุก...” ฉันพูดทั้งๆ ที่ไม่ลืมตาพร้อมปล่อยจิตสังหารออกไปอย่างไม่คิดที่จะปกปิดเอาไว้อีก ซึ่งดู
เหมือนพวกอันธพาลหน้าโง่เหล่านั้นก็เริ่มที่จะรู้ตัวแล้วเหมือนกัน พวกมันหยุดหัวเราะแล้วมองไปรอบๆ ตัว ราวกับระแวงหรือกำลังกลัวอะไรบางอย่าง
“ต่อในนรกเถอะ!!!”
เมื่อเด็กสาวลืมตาขึ้นมา เหล่าอันธพาลก็คิดทันทีว่าพวกตนนั้นได้ไปหาเรื่องกับบุคคลที่ไปควรไปหาเรื่องด้วยซะแล้ว
และดูเหมือนว่าต่อให้ขอโทษสักพันครั้งหรือก้มหัวกราบกรานเด็กสาวเจ้าของใบหน้างดงามตรงหน้าตอนนี้ ก็คงจะไม่ทันแล้วเหมือนกัน
เพราะเพียงแค่ได้สบดวงตาสีฟ้าสดที่เย็นชาว่างเปล่าที่สะท้อนกับแสงอาทิตย์แรงกล้า กับแรงกดดันมหาศาลที่ถูกปล่อยออกมาจากเด็กสาวตรงหน้านี้ก็ทำให้พวกเขาไม่สามารถควบคุมการสั่นของร่างกายตนได้ซึ่งนั่นก็รวมขาที่แข็งราวกับมีมือที่มองไม่เห็นกดไว้ไม่ให้หนีไหนด้วยเช่นกัน
“ยะ อย่าเข้ามานะ!!” ชายที่เรียกตัวเองว่าเฮียดำตะโกนร้องอย่างเสียสติเมื่อเห็นร่างเล็กๆ ของเด็กสาวตรงหน้าเดินเข้ามาใกล้ตนอย่างช้าๆ ในใจก็คิดอยากจะหนีแต่ตอนนี้ร่างกายกลับไม่ตอบสนองเลยสักนิด แรงกดดันนี่มันอะไรกัน!! กลัว... น่ากลัว
เด็กสาวไม่สนใจเสียงร้องต่างๆนาๆ ที่ดังอยู่ตรงหน้า เธอเดินเข้าไปช้าๆ อย่างใจเย็น มือที่เคยกำแน่นตอนนี้ก็คลายออก ก่อนจะสะบัดไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
“ออกไป อย่าเข้ามา ออกไปนะ วะ ว๊ากกกกก” ชายร่างโตร้องตะโกนดังลั่นเมื่อเห็นแขนทั้งสองของตนถูกอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็นตัดขาดออกไป เลือดสีแดงสดไหลออกมาราวกับเขื่อนแตก เหล่าลูกน้องอันธพาลเห็นภาพนั้นก็ตกใจส่งเสียงร้องกันจ้าละหวั่นอย่างขลาดกลัว
“ปีศาจ นี่มันปีศาจชัดๆ ออกไปนะว้อย ยัยปีศาจ อ๊ากก”
ฉันตัดขาและแขนของพวกที่เหลือทิ้งอย่างไม่ไยดี พร้อมกับส่งร้อยยิ้มเหี้ยมไปให้
“ฉันนะหรอปีศาจ หึ อย่ามาพูดให้ขำดีกว่า ปีศาจจริงๆหนะมันคือพวกแกต่างหาก เจ้าพวกเดรัจฉาน!! ลงนรกไปซะ!!” ฉันทรมานพวกมันให้ตายอย่างช้าๆ อย่างเลือดเย็นทีละคน
เสียงโหยหวนอย่างทรมานของพวกมันนั้น ใช่ว่าฉันจะไม่ได้ยิน ฉันได้ยินชัดเต็มสองรูหูเลยล่ะ
อา...ช่างเป็นเสียงที่น่าอภิรมย์จริงๆ (นางเอกเริ่มโรคจิตละ 55+)
ฉันมองเศษก้อนเนื้อมากมายที่ชุ่มไปด้วยเลือดข้นตรงหน้าด้วยสายตาเฉยชา
ถ้ามีคนมาเห็นก็คงไม่เชื่อหรอกว่าเนื้อเหล่านั้นเคยเป็นร่างของมนุษย์มาก่อน เหอะ ก็เละซะขนาดนั้น
หวอออออออออ!!!
‘เห้ยเสียงไรวะ’ อยู่ๆก็ดังขึ้นมาตกใจหมดฉันคิดพลางหันซ้ายหันขวามองหาต้นกำเนิดเสียง
‘ตะ ตำรวจ O,o’ ฉันหันไปก็พบรถตำรวจหลายสิบคันที่กำลังซิ่งพุ่งตรงมายังจุดที่ฉันกำลังยืนอยู่แต่ระยะห่างระหว่างฉันกับตัวรถก็ยังอยู่ไกลกันพอสมควร
“ซวยละถ้ามาเห็นเราอยู่กับเศษก้อนเนื้อชุ่มเลือดพวกนี้ละก็...” ดูเหมือนสิ่งที่ฉันคิดไว้จะช้าไปซะแล้ว เพราะจากสายตาที่ดีกว่ามนุษย์ทั่วไปหลายสิบเท่าของฉันที่มองเข้าไปในตัวรถของพวกตำรวจ
สิ่งที่ฉันเห็นข้างในนั้นก็คือ ตำรวจสองนายที่คนหนึ่งเป็นคนขับ...รายนี้ไม่ใช้ปัญหา
แต่ไอ้คนที่นั่งข้างๆนี่ซิ ปัญหาใหญ่เลยละ
เพราะในมือของตำรวจนายนั้นมันมี กล้องส่องทางไกลอยู่ด้วยนะซิเฟ้ยยย ว๊ากกก งานเข้าๆๆๆๆๆ >o<
ตำรวจนายนั้นกำลังพูดลงไปในวิทยุแล้วด้วย ดูเหมือนจะเป็นเรื่องกองเลือดที่อยู่ข้างตัวฉันด้วยซิ เอาแล้วเว้ยทีนี้
อย่างนี้ก็ต้อง…
โกยซิค๊า......
จะอยู่ให้พวกมันมาจับทำไมละครับพี่น้อง
หวออออออออออออ!!!
เสียงไซเรนของรถตำรวจยังดังอยู่ไม่ไกลออกไปและดูเหมือนกำลังจะใกล้เข้ามาเรื่อยๆแล้วด้วย
ฉันวิ่งหนีสุดชีวิต พลังอะไรที่มีในตัวตอนนี้ก็ต้องดึงออกมาใช้ให้หมดละงานนี้!!!
ไม่งั้นพรุ้งนี้มีหวังได้เห็นข่าวหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์ที่เขียนว่า ‘สาวสวยโรคจิตฆาตกรรมหมู่โหดอย่างเลือดเย็น’เป็นแน่แท้
ไม่เอาเฟ้ย ฉันยังไม่อยากถูกตราหน้าว่าเป็นสาวสวยโรคจิตนะ ม๊ายยยย....
โอ้ย ทำไงดีๆๆๆๆๆๆๆ
ฉันคิดอย่างเคร่งเครียด พร้อมกับดึงพลังธรรมชาติที่มีอย่างน้อยนิดของโลกแห่งนี้มาใช้เสริมแรงวิ่ง ทำให้ฉันวิ่งไวพอๆ กับเสือชีต้าเลยทีเดียวละตอนนี้ ว๊าก ฮาๆๆ พวกแกตามฉันไม่ทันหรอกเฟ้ย ^o^
และเมื่อฉันหันกลับไปมองด้านหลัง…
สิ่งที่ตามฉันมามันไม่ใช่คนแต่เป็นรถยนต์เว้ยเห้ยยยย!!!
‘เสือชีต้ากับรถยนต์ของตำรวจอะไรมันจะเร็วกว่ากันละ?’
‘ก็ต้องรถยนต์สิเฟ้ยยยยย’
‘อ๊ากกก....บ้าจริงฉัน ลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปซะได้’
‘อ่อ งั้นเราก็ใช้เวทย์ล่องหนสิ’ ฉันกำมือข้างหนึ่งของตัวเองแล้วตีไปทีมือที่แบอยู่อีกข้างอย่างกู๊ดไอเดีย
“ธรรมชาติ หากเจ้าได้ยินเสียงของเรา จงรับฟังคำของเราเดี๋ยวนี้ ขอให้เราได้ยืมพลังของท่านหน่อยเถิด กายล่องหน!”
ประโยคที่เป็นทั้งคำสั่งและขอร้องของเด็กสาวถูกลั่นออกมาจากริมฝีปากงาม
เส้นผมสีดำยาวเป็นลอนก็พลิ้วไหวไปตามแรงลมที่พัดผ่านร่างบางราวกับตอบรับเสียงนั้น ดวงตาสีฟ้าสดทอประกายงดงามนั้นฉายแววมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว และยินดีเมื่อมีมีสายลมบางพัดผ่านร่างกายไป
ละอองแสงสีเขียวอ่อนเริ่มปรากฏขึ้นรอบๆกายเด็กสาวและเริ่มรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนพลังอย่างช้าๆ
ร่างของเด็กสาวเริ่มกลืนหายไปกับอากาศทีละน้อยๆ ซึ่งมันก็เป็นไปทั้งๆที่ร่างบางยังวิ่งอยู่
แต่แล้วเด็กสาวก็ต้องตกใจเมื่อแสงที่อยู่รอบตัวเริ่มอ่อนตัวลงก่อนจะแตกสลายไป ทำให้ร่างของเธอต้องปรากฏออกมาอีกครั้ง!!!
“เห้ย พลังธรรมชาติไม่พอ...” ฉันว่าโลกนี้มีปัญหาใหญ่แล้วนะ ถ้าขนาดเวทย์มนต์ล่องหนที่ใช้พลังน้อยที่สุดในบรรดาเวทย์มนต์ทั้งหมดยังใช้ไม่ได้ละก็...แสดงว่าต้นไม้ของโลกใบนี้ต้องเหลือน้อยมากแน่ๆ
ถ้าจะให้คาดการณ์ละก็ไม่เกินร้อยปี โลกใบนี้ก็จะไม่มีต้นไม้สักต้นที่จะอยู่บนพื้นแผ่นดินและเหล่ามนุษยชาติก็จะตายเพราะไม่มีออกซิเจนไว้หายใจ และบราๆ ปัญหาอีกมากมาย
‘อ๊ากก นี่มันใช้เวลามาคิดเรื่องอื่นหรือไงฟระ ตัวเองยังเอาตัวไม่รอดเลยเนี่ย ทำไงดีๆๆๆ’ ฉันคิดพลางหันไปมองรถยนต์ของพวกตำรวจที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนมองเห็นตัวรถได้อย่างชัดเจนแล้ว
“เมย่า...”
หืม เสียงใครอะ (-. -* ) ( *- .-)ฉันหันซ้ายขวามองรอบตัวแต่ก็ไม่เจอใคร
“เมย่า...”
เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง เอ เสียงนี้มันคุ้นๆแหะ แต่พยายามนึกเท่าไรก็นึกไม่ออก
“เมย่า ไอ้ลูกดื้อ กลับมาบ้านเดี๋ยวนี้เลยนะ เรามีเรื่องต้องคุยกัน!!!” เสียงหวานดังขึ้นครั้งพร้อมกับมีแสงสีทองหุ้มรอบตัวเด็กสาวไว้ และแสงนั้นเริ่มขีดเขียนเป็นมนตราอักขระโบราณมากมายมหาศาลรอบตัวเด็กสาว
“อะ...ทะท่านแม่ โอ้ ท่านแม่ข้าคิดถึงท่านเหลือเกินนน” Y^Y โอ้วว มีพระเจ้ามาช่วยฉันแล้ว เย่ รอดตายๆ โอ้เย่
ฉันมองไปรอบๆ ตัวที่ตอนนี้มีอักขระมนตราโบราณมากมายกำลังขีดเขียนอยู่และดูเหมือนตัวสุดท้ายจะเขียนเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย
“สมกับเป็นท่านแม่จริงๆ ใช้เวทย์มนต์เคลื่อนย้ายข้ามมิติได้ทั้งๆที่โลกแห่งนี้มีพลังธรรมชาติน้อยนิด” ฉันคิดอย่างภาคภูมิใจในแม่ของตัวเอง
วูบบบบบบบบ!!!
นั้นเป็นประโยคสุดท้ายที่เด็กสาวพูดขึ้นมา ก่อนที่ทุกสิ่งภายใต้แสงสีทองนั้นจะหายไป!!!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ