ยุคันตวาต (ลมสิ้นยุค)

9.4

เขียนโดย PingJa

วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.49 น.

  152 ตอน
  11 วิจารณ์
  127.94K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557 20.02 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

95)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
 
 
================================================
 
 
 
     ...ย้อนกลับมาที่ไกรอีกครั้ง...ณ มุกศาลาหน้าพระที่นั่งสุริยาศอมรินทร์...
 
      " เฮ้อ...เหนื่อยเหมือนกันแฮะ วันนี้ "  ไกรที่เวลานี้นั่งพักอยู่ตรงด้านหน้ามุกศาลาถอนหายใจเฮือกพร้อมกับครางออกมาเบาๆ และขยับเสื้อองครักษ์มหาดเล็กสีดำที่เป็นชุดประจำตำแหน่งของห่วยคเณศร์เสียงาเล็กน้อยอย่างไม่สบายตัว หรือจะให้พูดให้ถูกคือเขาคงจะชินกับมันไม่ได้ง่ายๆแน่ๆ...
 
      " จะว่าไป...ที่นี่มัน... "  ชายหนุ่มเหลือบตามองบรรยากาศโดยรอบของเขาพร้อมกับนึกย้อนกลับไปในอดีต ก่อนที่ในที่สุดเขาจะยิ้มบางๆออกมาทันที
 
     ...สถานที่ที่เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าพระยาพิทักษ์ราชภักดี...จางวางหัวหน้ามหาดเล็กราชองครักษ์รักษาพระองค์ทั้งปวง...
 
      " ไม่อยากจะเชื่อเลย...นี่ก็ผ่านมาเกือบ ๒ เดือนแล้วนะเนี่ย... "
 
      " เจ้าก็ยังประหลาดเช่นเดิมนะ ไกร...อยู่ๆก็มองไปรอบๆ แล้วก็หัวเราะอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย...ตกลงเจ้าไม่ได้เป็นบ้าใบ้แน่นะ "  เสียงของท่านผู้เฒ่าแห่งหมู่บ้านยุคันตวาต ที่เวลานี้ยืนอยู่ด้านหลังของเขาเมื่อไหร่ไม่ทราบพูดขึ้นเบาๆ ทำลายความคิดของไกรในขณะทนี้พังเสียไม่มีชิ้นดี จนกระทั่งเขาถอนหายใจเฮือกและหันกลับมามองอย่างเคืองๆทันที
 
      " เฮ้อ...ท่านนี่น้า "
 
      " ม้าเร็วที่นำเอาพระแสงดาบอาญาสิทธิ์ในฐานะของผู้น้ำทัพเมืองเพชรบุรีออกไปแล้ว...เพื่อนำไปมอบให้แก่ออกญาเพชรบุรี...ลูกน้องของเจ้าแล้ว "
 
      " อดีตลูกน้อง ขอรับ...และข้าเองก็ไม่สามารถอ้างความชอบนั่นได้อย่างถนัดปากนักด้วย "
 
      " เอาเถอะ...ข้าเองก็ไม่ได้อยากจะบ่นอะไรหรอกนะ เพราะข้าก็เป็นคนเปิดทางให้เจ้าพูดเอง และข้อเสนอแนะของเจ้าก็ยังต้องใจข้านักที่ให้เรืองนั่นเป็นแม่ทัพ เพราะอย่างน้อยเขาก็คงจะพาไพร่ทหารไปรอดมากกว่าศึกที่แล้วๆมาแน่...แต่ทว่า... "
 
      " แต่...ทว่า...อย่างนั้นหรือขอรับ? "
 
      " ...ใช่ แต่ทว่า...แต่ทว่าเจ้าไม่น่าใช้ตัวเองเป็นนายประกัน ในการพระราชทานตำแหน่งแม่ทัพให้แก่ออกญาเพชรบุรีเรืองเลย "
 
      " ข้ารู้ว่ามันเสี่ยง แต่มันก็เป็นการเสี่ยงที่จำเป็นขอรับ เพราะข้าต้องโน้มน้าวพระทัยพ่ออยู่หัวและต้องหาเหตุที่เพียงพอที่ทำให้ออกญาพิษณุโลกผู้นั้นไม่สามารถคัดง้างได้...ส่วนเรื่องที่ท่านเรืองจะทำให้ข้าเสียหัวนั่นก็สบายใจได้เลย เพราะมีเหตุผลที่ข้าเชื่อได้แน่ว่าเขาจะไม่ทรยศความเชื่อใจของข้าแน่ขอรับ "
 
      " ไม่หรอก เรื่องนั้นข้าเองก็รู้...แต่ว่านะ ไกร "
 
      " ขอรับ? "
 
      " เจ้ารู้รึเปล่าว่าเจ้ากำลังสร้างแรงกดดัน สร้างความกดดันโดยไม่จำเป็นให้แก่ออกญาเพชรบุรีอยู่นะ "
 
      " ??? "
 
      " เฮ้อ...ถึงจะบอกว่าเป็นพระแสงดาบอาญาสิทธิ์ที่พระราชทานมา แต่ก็เพราะเจ้าเอาหัวไปเป็นประกันไว้ ซึ่งไม่ช้าก็เร็วออกญาเพชรบุรีก็คงจะรู้เรื่องนี้แน่...เจ้าอาจจะบอกว่าเจ้าเป็นเหมือนสหาย แต่ออกญาเพชรบุรีนั่นก็เห็นเจ้าเป็นผู้มีพระคุณในหลายๆเรื่องไปแล้ว เจ้าคิดว่าเจ้าทำอย่างนี้ไม่เป็นการสร้างแรงกดดันให้แก่เขาเลยอย่างนั้นหรือ? "
 
        คำพูดที่ลึกซึ้งและครุ่นคิดของท่านผู้เฒ่าทำให้ไกรชะงักกึกไปเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะถอนหายใจออกมาเบาๆพร้อมกับพูดขึ้นต่อว่า
 
      " ท่านเรืองมีวัยวุฒิมากพอจะแยกแยะได้ อย่างน้อยเขาก็คงจะไม่ทำอะไรฝืนตัวเองแน่ "
 
        ท่านผู้เฒ่าเหลือบมองชายหนุ่มผู้เวลานี้ผูกพันจนเป็นเสมือนลูกชายแท้ๆของเขาเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจเฮือกพร้อมกับยิ้มออกมาบางๆ
 
      " เจ้ามีความไว้เนื้อเชื่อใจต่อสหายที่ข้าอิจฉาริษยาเลยนะ...เฮ้อ...เอาเถอะ ข้าเองก็พูดไปเพราะเป็นกังวลตามประสาคนแก่เท่านั้นแหละ...ว่าแต่ หลังจากนี้ต่อไปเจ้าจะไปทำอะไรต่อเนี่ย? "
 
      " อืม... "  ไกรลูบคางอย่างครุ่นคิด ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ  " ...ข้ามีงานตรวจเวรยามเหล่าทหารมหาดเล็กที่กำแพงพระราชวังอีกครั้งก็ตอนหัวค่ำโน่น...ส่วนวันนี้ก็ไม่ได้เป็นวันที่พวกลูกหลานขุนนางนั่นจะพากันมาเรียนวิชาดาบที่จวน ก็น่าจะว่างไปถึงตอนนั้นแหละขอรับ "
 
      " หืม...ช่างเป็นเจ้าพระยาที่ว่างงานเสียจริงนะ...เอาเถอะ อย่าลืมว่าเจ้าเป็นหนึ่งในหมู่บ้านยุคันตวาต เป็นพวกพ้องของเราแล้ว เวลานี้เจ้าอาจจะถูกหมายหัวจากจากพวกบรรลัยกัลป์เวรนั่นไปแล้วก็ได้ เพราะฉะนั้นต่อแต่นี้จะไปไหนมาไหนก็ให้พกดาบไว้ตลอด และ... "
 
      " และ? "
 
        ท่านผู้เฒ่ามองหน้าเขาเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจเฮือกและพูดต่อเบาๆว่า
 
      " ...สิ่งที่พวกเราทำ อาจจะไม่สวยงาม แต่มันถูกต้อง...และความถูกต้องบางครั้งก็ไม่ได้สวยงามเช่นนี้แหละ...ข้าอยากจะขอให้เจ้าจำไว้ ไกร "
 
      " ท่านผู้เฒ่า? "
 
      " ท่านออกญาขอรับ... "  ก่อนที่ไกรจะได้ทันพูดอะไร ออกญาจักรีก็เดินออกมาจากพระที่นั่งพร้อมกับร้องเรียกท่านผู้เฒ่าเบาๆ ทำให้ท่านผู้เฒ่าถอนหายใจเฮือกอีกครั้งพร้อมกับหันกลับไปตอบกลับเบาๆว่า
 
      " กระผมจะไปประเดี๋ยวนี้แหละขอรับ "
 
      " ป...ประเดี๋ยวสิ ท่านผู้เฒ่า...ที่ท่านพูดเมื่อครู่...มัน--- "
 
      " ข้าก็หมายความตามอย่างที่พูดนั่นแหละ...เอาเถอะ ข้าขอตัวก่อนก็แล้วกัน "  ท่านผู้เฒ่าพูดพร้อมกับลุกขึ้นและเดินกลับเข้าไปในพระที่นั่งอีกครั้ง ปล่อยให้ไกรนั่งอึ้งอยู่ที่เดิมโดยไม่สนใจอะไรอีก...ในขณะที่ไกรได้แต่รำพึงเบาๆทันที
 
      " ความถูกต้อง...ไม่จำเป็นต้องสวยงามเสมอไป... "  ก่อนที่เขาจะนิ่งไปเล็กน้อยพร้อมกับเงยหน้ามองดูดวงตะวันที่กำลังฉายกล้าขึ้นอย่างเริ่มเข้าสู่ช่วงเพล ยิ่งเมื่อเวลานี้เป็นฤดูหนาวด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ท้องฟ้าไร้ซึ่งเมฆและแสงแดดยิ่งกล้าขึ้นไปใหญ่
 
      ' เวลานี้เราอยู่กลางเดือนยี่...เดือนมกราคม...ถ้าหากเราจำไม่ผิด ทัพพม่าของพระเจ้าอลองพญาจะเหยียบชานเมืองอยุธยาก่อนสงกรานต์ นั่นคือประมาณเกือบๆกลางเดือนเมษายน...ถ้าหากทัพรับศึกอยู่ภายใต้การนำของท่านเรืองล่ะก็...เวลาน่าจะประจวบเหมาะตามประวัติศาสตร์ที่เรารู้จักพอดี... '  ชายหนุ่มขมวดคิ้วพลางคิดคำนวณระยะเวลาในใจเล็กน้อย ก่อนที่ในที่สุดเขาจะถอนหายใจเฮือกออกมาทันที
 
      " เฮ้อ...ที่เราทำอยู่อย่างนี้...มันถูกต้องจริงๆรึเปล่านะ "
 
      " แหมๆ ยังหนุ่มยังแน่นแท้ๆ แต่ก็นั่งทอดถอนหายใจเสียแล้ว รู้สึกประเดี๋ยวนี้ท่านจะมืดมนจนใจเสียจริงนะ ท่านเจ้าพระยาพิทักษ์ฯ "
 
      " หืม? อ๊ะ!  ถวายบังคมสมเด็จเจ้าฟ้า...สมเด็จพระพี่นางพินทวดี! " 
 
        ผู้ที่เข้ามาขัดจังหวะความคิดของไกรที่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยยู่ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้าพินทวดีที่อยู่ในชุดทรงเจ้าฟ้าเต็มยศพร้อมกับพัดจีนประจำหัตถ์ที่เวลานี้ถูกกางขึ้นปืดโอษฐ์บางของพระองค์ ขับให้ดวงเนตรอันหยั่งรู้ของพระองค์ให้เด่นชัดยิ่งขึ้นไปอีก...ในขณะที่ผู้ที่ติดตามเสด็จเพื่ออารักขาพระองค์มีเพียงจ่าโขลนนางเดียวเท่านั้น...จ่าโขลนสาวหน้าใหม่ที่ไกรรู้จักอยู่ก่อนแล้วเป็นอย่างดีอย่างศกุนตลานั่นเอง...
 
     ...ศกุนตลาในเวลานี้เปลี่ยนลุค...เปลี่ยนลักษณะการแต่งกายออกไปจากเดิมอย่างมหาศาล จากที่เดิมทีเธอจะปล่อยผมตรงสีดำยาวประหลังและใช่ชุดสีดำสนิทราวกับคนตาย เวลานี้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงโดยที่เส้นผมตรงยาวสลวยของเธอถูกมัดรวบเกล้าเป็นมวยสูงไว้อย่างทะมัดทแมง พร้อมกับที่เครื่องแต่งกลายถูกเปลี่ยนเป็นเครื่องแบบของจ่าโขลนระดับกลาง นั่นคือตะเบงมานอันรัดกุมพร้อมกับโจงกระเบนที่หยักรั้งสูง เผยให้เห็นผิวกายขาวซีดและหน้าท้องที่แบนราบอย่างผู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี...ถึงอย่างนั้น สิ่งเดียวที่เธอไม่ยอมเปลี่ยนเลยก็คือหน้ากากครึ่งหน้ารูปยักษ์แสยะยิ้มที่ปิดบังครึ่งใบหน้าของเธอไว้เช่นเดิม ชนิดที่ดูยังไงๆก็ขัดตาจนกระทั่งเขาต้องกลั้นไม่ให้ตัวเองหัวเราะออกมาเลยทีเดียว
 
      " ... "
 
      " พ...พรืดดด! "
 
      " ถ้าหากเจ้าหัวเราะออกมา ข้าจะตัดลิ้นเจ้า...ไกร "  เสียงข่มขู่อันราบเรียบของศกุนตลาพร้อมกับจิตคุกคามที่เริ่มก่อตัวขึ้นจากหญิงสาวทำเอาไกรรีบเบือนหน้าหนีพร้อมกับพูดออกมาอย่างยากลำบากทันที
 
      " ก็...ข้าก็...พยายามไม่หัว--เราะอยู่นี่อย่างไรล่ะ "
 
      " พวกเจ้านี่ทักทายกันอย่างน่าประหลาดสิ้นดีเลยนะ...ไกร ศกุนตลา "
 
      " ข...ขออภัยพุทธเจ้าข้า / เพคะ "
 
      " เฮ้อ...เอาเถอะ...คุณท้าว...ศกุนตลา...เจ้าถอยไปก่อนเถอะ ข้ามีกิจธุระจะสนทนากับเจ้าพระยาคนเก่งผู้นี้ตามลำพัง "
 
      " แต่ว่า...ท่านผู้เฒ่า...และ ท่านไกร มอบหมายให้หม่อมฉันถวายการอารักขาแก่พระองค์ตลอดเวลา "
 
      " เวลานี้ข้าอยู่กับเจ้าพระยาพิทักษ์ฯ ข้าเชื่อว่าข้าคงจะปลอดภัยพอสมควรแล้วล่ะ ใช่หรือไม่? ท่านเจ้าพระยา "
 
      " พ...พุทธเจ้าข้า "
 
      " ถ้าอย่างนั้น คุณท้าว...ศกุนตลา "
 
      " เข้าใจแล้วเพคะ "  ศกุนตลาก้มหน้าพร้อมรับคำเบาๆ ก่อนจะค่อยๆคลานเข่าถอยกลับไป จนกระทั่งเธอหายไปจากคลองสายตาของไกร ก่อนที่สมเด็จพระพี่นางพินทวดีจะตรัสขึ้นอย่างแช่มช้าว่า
 
       " อย่างไรเสียข้าก็คงต้องขอชมเชยเจ้านะ ไกร ...ที่เจ้าออกปากเป็นนายประกันจนทำให้ ไอ้ ออกญาเพชรบุรีได้รับพระราชทานแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพจนได้...ถึงจะไม่ฉลาดเลยที่ใช้แผนเดิมๆอย่างเอาหัวตัวเองเป็นประกันอีกแล้วก็เถอะ...แต่ก็อย่างว่านั่นแหละนะ...เมื่อถึงเวลาเจ้าก็คงคิดหาแผนการอันชาญฉลาดในการเอาตัว และหัวรอดได้อย่างปาฏิหาริย์เช่นเดิมนั่นแหละ "
 
      " ร...รู้ได้ไง---หมายถึงทรงทราบได้อย่างไรเนี่ยพุทธเจ้าข้า? ...ร...รึว่า อ...แอบฟังอยู่ตลอดเลย "
 
      " เสียมารยาทจริงนะ ถึงมันจะจริงเช่นที่เจ้าว่าก็เถอะ "
 
      " ... "  ไกรไม่ได้มีท่าทีตกใจเท่าไหร่นัก...อันที่จริง ต้องบอกว่าหน้าตาของเขาในตอนนี้มันแทบจะบอกอยู่โต้งๆเลยว่า กะไว้แล้วเชียว ด้วยซ้ำ ก่อนที่เขาจะยกมือถวายบังคมและทูลเบาๆอย่างสงสัยว่า
 
      " ถ้าหากเป็นเช่นนั้น เหตุใดพระองค์ถึงไม่เข้าไปร่วมประชุมด้วยเสียเลยล่ะพุทธเจ้าข้า "
 
      " เพราะใช่ว่าทุกคนจะเคารพในสตรีอย่างเจ้ากับ ท่านผู้เฒ่า ของเจ้า...ทำให้บางครั้ง สตรีก็ไม่สมควรยุ่งเกี่ยวกับกิจของบุรุษอย่างไรล่ะ "
 
      " ... "  ...ไกรเงียบไปเล็กน้อย ก่อนจะระลึกได้ว่าเขายังอยู่ในยุคที่คุณค่าของความเป็น คน และ เพศ ยังไม่เท่าเทียมกันอย่างในยุคสมัยของเขา...ในขณะที่เจ้าพ้าพินทวดีเลิกขนงค์บางเล็กน้อย
 
      " อ้อ...พูดถึงสตรี...เจ้าพอจะมีเวลาบ้างสักชั่วครู่ชั่วยามหรือไม่? ท่านเจ้าพระยา "
 
      " ตัวข้าพุทธเจ้านั้นว่างไปจนถึงตกค่ำ พระองค์ทรงมีพระบัญชาอันใดจะให้ข้าพุทธเจ้ากระทำอย่างนั้นหรือพุทธเจ้าข้า? " 
 
      " อืม...จะว่าไปก็ไม่เชิงเป็นคำบัญชาหรอก...แต่เป็นคำแนะนำน่ะ "
 
      " พุทธเข้าข้า? "
 
      " จะว่าไป หลังจากเหตุการณ์คืนนั้น เจ้าก็ไม่ได้เข้าไปในเขตพระราชฐานชั้นในอีกเลยสินะ ท่านเจ้าพระยา "
 
      " ป...เป็นเช่นที่พระองค์ว่าพุทธเจ้าข้า "
 
      " ท่านเป็นหัวหน้าราชองครักษ์พิเศษ...หน่วยคเณศร์เสียงา...ถึงภายในเขตราชฐานชั้นในจะมีจ่าโขลนพิเศษแห่งหน่วยคเณศร์เสียงาประจำอยู่แล้วก็ตาม แต่เจ้าก็ยังถือเป็นหัวหน้า ซ้ำยังครอบครองพระธำมรงค์พระราชทานอยู่...เพื่อมิให้เสียหน้าที่การงาน ข้าแนะว่าเจ้าน่าจะเข้าไปตรวจตราความเป็นระเบียบเรียบร้อยภายในเขตราชฐานชั้นในบ้างเป็นบางครั้งบางคราว...เจ้าว่าหรือไม่? "
 
      " เอ่อ...ข้าพุทธเจ้าว่ามันคงไม่เหมาะกระมัง...นอกจากที่ข้าพุทธเจ้าเป็นบุรุษแล้ว เหล่าจ่าโขลนพิเศษทั้งอนาสตาเซีย อเทตยา และศกุนตลาเองก็มีความสามารถมากเกินพอ ...ข้าพุทธเจ้าเชื่อว่าพวกนางทั้ง ๓--- "
 
      " เจ้าเป็นคนฉลาดนะ ไกร...ข้าว่าเจ้าน่าจะฉลาดพอจะทราบถึงความนัยของคำแนะนำของข้านะ "  พระสุรเสียงรู้ทันของสมเด็จเจ้าฟ้าพินทวดีพร้อมกับเนตรคมวาววับของพระองค์เหมือนจะกดให้ชายหนุ่มก้มหน้าลงไปพร้อมกับทูลตอบกลับเบาๆอย่างยอมรับว่า
 
      " พุทธเจ้าข้า... "
 
      " แล้วน้ำใจเจ้าก็ยังพยายามทำไขสือ แกล้งโง่ต่อหน้าข้าอีกหรือ? "
 
      " เพราะข้าพุทธเจ้าเชื่อว่า มันไม่เป็นการเหมาะ หรือสมควรเลยที่ข้าพุทธเจ้าจะทำเช่นนั้น ต่อให้เป็นเจ้าพระยา แต่ข้าพุทธเจ้าก็ยังอยู่ภายใต้กฎราชมณเฑียรบาล...และ ข้าพุทธเจ้าก็ไม่อยากจะเสี่ยงหัวขาดกับเรื่องเดิมๆอีกต่อไปแล้ว "
 
      " เลยหาเรื่องเสี่ยงหัวขาดเรื่องใหม่ๆแทนสินะ? "
 
      " เรื่องที่ข้าพุทธเจ้าออกหน้าเอาหัวเป็นประกันให้กับออกญาเพชรบุรีนั้นเป็นเรื่องที่จำเป็นและข้าพุทธเจ้าพร้อมที่จะเสี่ยง...ในขณะที่เรื่องนี้ข้าพุทธเจ้าขอทูลตามตรงว่าข้าพุทธเจ้าไม่พร้อม--- "
 
       ไกรก้มหน้าลงต่ำพร้อมกับพยายามทูลให้เหตุผลที่หนักแน่น แต่พอเขาเงยหน้าขึ้นมา พัดจีนที่อยู่ในหัตถ์ของสมเด็จพระพี่นางก็พับฉับพร้อมกับที่พระองค์จะสับพัดนั้นเข้าที่กลางหัวของไกรชนิดที่ไม่เบาหัตถ์เลยแม้แต่น้อยจนทำให้ไกรต้องร้งออกมาพร้อมกับกุมหัวป้อยทันที
 
     " ข้าเห็นอะไรหลายๆอย่างในตัวเจ้าที่เจ้าสืบทอดมาจากญาติจอมปลอมของเจ้าอย่างท่านผู้เฒ่าของเจ้านะ ไกร...เจ้ามีฝีมือสูงล้ำ มีความเป็นชายชาติอาชาไนยผู้กล้าหาญ มีความเจ้าเล่ห์แสนกลจนไม่อาจจะจับได้ไล่ทัน...แต่ข้าคิดไม่ถึงเลยว่า...เจ้าจะสืบทอดความขี้ขลาดตาขาวมาจากเขาด้วย "
 
     " ข...ขี้ขลาด? "  ไกรทวนคำด้วยน้ำเสียงที่เริ่มจะกระด้างขึ้นเพราะรู้สึกว่าตนกำลังถูกดูดถูก แต่สมเด็จพระพี่นางชี้พัดจีนมาที่หว่างคิ้วของเขาพร้อมกับตรัสด้วยน้ำเสียงราบเรียบที่สุดว่า
 
     " เฮ้อ...เขาถึงได้ว่านั่นแหละนะ ว่าเป็นเกิดเป็นสตรีนั้นลำบาก...ยิ่งเกิดเป็นสตรีผู้สูงศักดิ์เท่าไหร่ยิ่งมีคนเห็นใจน้อยลงเท่านั้น ...ตลอดเวลา เจ้าเอาแต่พูดว่า ไม่เหมาะสม ไม่บังควร โดยที่เจ้าไม่ถามพระทัยของสมเด็จเจ้าฟ้าองค์น้อยของข้าเลยแม้แต่น้อย ว่าพระนางจะทรงรู้สึกอย่างไร มันทำให้ข้าอดสงสัยไม่ได้ว่าเจ้าคิดอะไรที่นอกเหนือจากชีวิตของเจ้าเองบ้างไหม...ไอ้พวกผู้ชายพายเรือทั้งหลาย! "  สมเด็จเจ้าฟ้าพิทวดีตรัสอย่างแช่มช้าด้วยเนตรวาววับราวกับพระองค์ไม่ได้ทรงตรัสบริภาษชายหนุ่มตรงหน้าคนเดียว แต่เหมือนจะด่า ชายหนุ่ม อีกคนที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้ด้วย นั่นทำให้ไกรถึงกับนิ่งไปอย่างจำนนต่อถอยคำโดยไม่อาจจะเถียงอะไรออกมาได้ทันที
 
     " พระองค์จะให้ข้าพุทธเจ้าทำเช่นใด...สิ่งที่ข้าพุทธเจ้ากระทำมันไม่ได้สร้างความเดือดร้อนแค่ข้าพุทธเจ้า แต่จะลามไปถึงพระสวัสดิภาพของสมเด็จเจ้าฟ้าด้วย...ตัวข้าพุทธเจ้านั้นไม่เป็นอะไรนักหรอก แต่ข้าพุทธเจ้าจะยอมให้สมเด็จเจ้าฟ้ามาพลอยฟ้าพลอยฝนไปด้วยไม่ได้ "
 
       ดวงเนตรของสมเด็จเจ้าฟ้าพินทวดีวาววับอย่างผู้ใหญ่ที่กำลังดุเด็กไม่ประสาตรงหน้า ก่อนที่พระองค์จะปัสสาสะเฮือกพร้อมกับกางพัดจีนขึ้นและตรัสเรียบๆว่า
 
     " ถ้าอย่างนั้นก็พิสูจน์แล้ว...ว่าเจ้ามันก็ไม่ต่างอะไรจากท่านผู้เฒ่าของเจ้าเลย! "
 
       วูบ!
 
       กระแสจิตสังหารอันเบาบางที่ลอยแผ่วๆมากับสายลมที่พุ่งเข้าปะทะหน้าของชายหนุ่มทำให้เขาหันขวับพร้อมกับกำหมัดแน่น แตาเสี้ยววินาทีต่อมาเขาก็จำได้วส่าจิตสังหารนี้ไม่ใช่ของใครอื่น แต่เป็นของศกุนตลาเองที่เวล่านี้เริ่มจะหมดความอดทนกับคำบริภาษของสมเด็จเจ้าฟ้าพินทวดี ที่กำลังกล่าวบริภาษท่านผู้เฒ่าที่เธอเคารพสูงสุดแล้ว นั่นทำให้ชายหนุ่มต้องขมวดคิ้ววูบพร้อมกับคิดหาทางออกทันที
 
     ' แย่ล่ะสิ...ถึงจะบอกว่าเป็นหน่วยคเณศร์เสียงาของเราแต่ศกุนตลาก็ยังเป็นศกุนตลา ถ้าเรื่องของท่านผู้เฒ่าแล้วเธอไม่เคยสนหน้าอินทร์หน้าพรหมเลยซะด้วยสิ...ขืนยื้อเวลามากกว่านี้ยัยนั่นมีหวังทำเรื่องไม่สมควรกับสมเด็จเจ้าฟ้าพินทวดี และหน่วยคเณศร์เสียงาคงจะหัวขาดทั้งก๊กแหงๆ '  ไกรคิดในใจอย่างรวดเร็วพร้อมกับหันมาสบสายพระเนตรของสตรีผู้สูงศักดิ์อีกครั้งและขยับหวังจะให้พระองค์เลี่ยงจากสถานที่แห่งนี้ไปเสียก่อน แต่เมื่อสบสายเนตรอันเต็มไปด้วยสิทธิอำนาจของพระองค์ เขากลับได้เห็นสิ่งที่แฝงอยู่ภายในประกายแห่งสิทธิอำนาจนั้น...ประกายแห่งคำขอร้อง...
 
     " ไกร...ความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับท่านผู้เฒ่าของเจ้าในเวลานี้ไม่มีสิ่งอื่นใดนอกจากเศษซากของชความเสียใจจากความผิดพลาดในอดีต...สิ่งเดียวที่สตรีผู้ผิดพลาดผู้นี้ต้องการ คือได้แต่หวังว่าสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเจ้ากับเจ้าฟ้าสิริจันทร...จะไม่ผิดพลาดซ้ำรอยที่ข้ากับท่านผู้เฒ่าได้เดินผ่านมา...ต่อให้เจ้าอยู่ภายใต้อืทธิพลของท่านผู้เฒ่า แต่เจ้าคือตัวเจ้า...สิ่งที่เจ้าต้องทำ...ข้าอยากให้เจ้าถามใจตัวเจ้าเองเถอะนะ... "
 
       ดำรัสอันแผ่วเบาและสั่นเครือของสมเด็จเจ้าฟ้าเต็มไปด้วยสำนึกเสียพระทัยและความจริงที่แม้แต่ไกรที่ไม่ใช่ผู้ที่เกี่ยวข้องยังถึงกับจุกอกจนพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ ก่อนที่ในที่สุด เขาจะทำได้แต่เพียงพยักหน้ารับพร้อมกับทูลกลับเบาๆว่า
 
     " เข้าใจแล้วขอรับ ข้าพุทธเจ้าจะหาเวลาเข้่าไปในเขตราชฐานชั้นใน เพื่อกิจสำคัญเอง "
 
      " เจ้า...รับปากแล้วนะ...ไกร "
 
      " พุทธเจ้าข้า ถือเป็นคำสัตย์ของข้าพุทธเจ้าเลย... "
 
      " คิกๆ เท่านี้ก็เรียบร้อย ขอบน้ำใจเจ้าที่ช่วยนะ ไกร... "
 
      " พุทธเจ้าข้า---อ...เอ๋?! "  ไกรร้องออกมาเบาๆอย่างงงงวยทันทีเมื่อเขารับรู้ถึงพระสุรเสียงที่เปลี่ยนไปชนืดกับคาลปัตรของสมเด็จเจ้าฟ้าพินทวดี ยิ่งพอเขาเงยหน้าขึ้นมาสบเนตรวาววับของอีกฝ่ายยิ่งทำให้เขารู้ตัวว่าเขาพลาดท่าเสียแล้ว เพราะสมเด็จเจ้าฟ้าพินทวดีเวลานี้กลับไม่เหลือซึ่งความอ่อนแอ ความรู้สึกเสียพระทัยที่มีให้เห็นอยู่เมื่อครู่นี้เลยโดยสิ้นเชิง ดวงเนตรเวลานี้กลับฉายแววเพียงความขบขันจนกระทั่งต้องยกพัดขึ้นกางเพื่อปิดบังรอยแย้มพระสรวลสยายนั้นไว้ จนไกรถึงกับต้องถอนหายใจเฮือกออกมาโดยทันที
 
      " สมเด็จท่าน...พระองค์ทรงเล่นงานข้าพุทธเจ้าเสียแล้ว! "
 
      " คิกๆ ไม่อยากจะพูดหรอกนะ แต่เรื่องมารยาหญิงน่ะ ข้าเชี่ยวชาญกว่าพวกมือสังหารของพวกเจ้าที่แฝงตัวอยู่เสียอีกนะ...ไกร...ในฐานะชายชาติอาชาไนยผู้น่านับถือคนหนึ่ง...หวังว่าเจ้าคงจะไม่ผิดคำสัตย์ที่ได้ให้ไว้กับข้าหรอกนะ "
 
      " เฮ้อ...ข้าพุทธเจ้าได้ให้สัตย์ไปแล้ว พระองค์โปรดวางพระทัยเถอะ... "
 
      " คิกๆ เพราะฉะนั้นช่วยหน่อยเถอะนะ  ...อ้อ...แต่ทว่าข้าต้องขอเตือนเจ้าไว้เสียก่อนเลยนะ "
 
      " พุทธเจ้าข้า? "
 
      " ต่อให้เจ้าเป็นที่เคารพนับถือไปทั่วทั้งฝ่ายขุนนางและราชสำนัก...แต่ใช่ว่าเจ้าจะมีอภิสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ...ถ้าหากเจ้าไปทำเรื่องอะไรไร้ยางอายในเขตราชฐานชั้นใน ทั้งต่อสมเด็จเจ้าฟ้า...หรือต่อนางกำนัลคนใด...ต่อให้ท่านผู้เฒ่าของเจ้าออกหน้า ข้าก็จะสั่งให้คุณท้าวศรีสัจจาใช้กระบองประจำมือฟาดเจ้าให้ไอ้ความไร้ยางอายนั้นกระอักออกมาทางปากให้หมดสิ้นเลย...เจ้าเข้าใจแล้วสินะ! "  สมเด็จเจ้าฟ้า พระพี่นางพินทวดีตรัสออกมาด้วยสุรเสียงราบเรียบและแฝงไว้ด้วยสิทธิอำนาจที่สุดจนไกรแน่ใจแบบเต็มสิบส่วนเลยว่าพระองค์ไม่ได้ทรงหยอกเล่นแน่ๆ นั่นทำให้เขารีบประนมมือพร้อมกับกราบทูลรับคำอย่างรวดเร็วทันที
 
      " พ...พุทธเจ้าข้า...ข้าพุทธเจ้าจะจำไว้ใส่เกล้าใส่กระหม่อมไว้เลยล่ะ! "
 
        คำรับรองของเด็กหนุ่มตรงหน้าทำให้พระองค์ต้องซ่อนรอยแย้มพระสรวลบางๆไว้ใต้พัดจีนที่กางสยายออก ก่อนจะพยักพระพักตร์บางๆ
 
      " ถ้าอย่างนั้นข้าฝากด้วยล่ะ...ไกร "
 
      
 
 
..............................................
 
 
 
 
     
     ...ในเวลาต่อมา...ภายในป้อมอันเป็นที่พักผ่อนของเหล่าทหารมหาดเล็กราชองครักษ์ที่อยู่ใกล้ๆกับประตูใหญ่ของกำแพงเขคพระราชฐานชั้นกลาง...
 
      " อ้าว? มาแล้วหรือขอรับ ใต้เท้า "  
 
      " อืม...อ้าว? จมื่นไวยวรนารถไม่อยู่อย่างนั้นหรือ? "
 
      " ข...ขอรับ...ท่านจมื่นไปออกเดินตรวจเทื่อสักคร฿่นี่เองน่ะขอรับ ใต้เท้า "
 
       " หืม? ขยันแฮะ อ้อ...ข้าจะมารับดาบของข้าคืนน่ะ "
 
       " ข...ขอรับใต้เท้า "
 
      " เฮ้อ...ข้าบอกแล้วอย่างไรล่ะ ว่าเลิกเรียกข้าว่า ใต้เท้า เสียที...อย่างมากก็เรียกแค่ ท่านไกร อย่างคนอื่นๆก็ได้ "  ไกรพูดขึ้นอย่างเหนื่อยหน่ายพลางทรุดตัวนั่งลงใกล้ๆกับกลุ่มทหารมหาดเล็กที่นั่งล้อมวงพักกันอยู่เพื่อพักเหนื่อยบ้าง แต่พอเขาหย่อนก้นลงนั่นเท่านั้น พวกทหารมหาดเล็กทั้งหลายก็รีบลุกขึ้นอย่างเกรงใจเขาทันทีจนชายหนุ่มต้องจุ๊ปากลั่น
 
      " ปัดโธ่เอ้ย! พวกเจ้านี่มัน "
 
      " โธ่...ใต้เท้า...ขืนกระผมทำเช่นนั้นผู้คนจะได้ครหาว่าพวกกระผมไร้ซึ่งความเคารพต่อท่าน อีกทั้งท่านก็เป็นถึงผู้มีพระคุณของพวกกระผม ที่ไม่เอาผิดในเรื่องอื้อฉาวนั้น...ทางเดียวที่พวกกระผมจะตอบแทนได้ก็มีเพียงการให้ความเคารพสูงสุดดั่งเช่นนี้เท่านั้นแหละขอรับ "
 
        คำพูดของเหล่าทหารมหาดเล็กที่นั่งอยูู่ทั้งหมดทำให้ไกรได้แต่ถอนหายใจเฮือกอย่างไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงอะไรด้วย ก่อนที่เขาจะหันซ้ายหันขวาพร้อมกับพูดเบาๆว่า
 
      " อืม...เอาเถอะ...ข้ามีธุระสำคัญต้องไปทำต่อ ถ้าอย่างนั้นขอดาบตืนเลยก็แล้วกันนะ "
 
      " ขอรับ "
 
      " หืม? นี่ดาบของท่านเองอย่างนั้นหรือ ไกร ...มิน่าเล่า ถึงได้ทั้งมีรูปลักษณ์งดงามและเต็มไปด้วยฤทธานุภาพเช่นนี้ "  อยู่ๆ เสียงของหญิงสาวผู้หนึ่งที่เขาไม่รู้จักและไม่อาจจะจับสัมผัสใดๆได้เลยก็ดังขึ้นจากมุมมืดด้านหนึ่งของป้อม อันเป็นสถานที่เก็บศาสตราที่ฝากไว้ ทำให้ทั้งไกรและมหารมหาดเล็กหนุ่มๆคนอื่นๆหันขวับไปมองโดยทันที ก่อนที่สิ่งที่ผ่านคลองสายตาเข้ามาจะเป็นภาพของหญิงสาวในชุดจ่าโขลนระดับกลางคนนึง ที่กำลังถือดาบสดายุอันเป็นดาบประจำกายของไกรพร้อมกับพลิกไปพลิกมาเพื่อเพ่งดูอย่างสนอกสนใจ นั่นทำให้ทหารมหาดเล็กหนุ่มคนหนึ่งที่เขาจำได้ว่าอยู่ในตำแหน่งของนายจ่าเรศจะขมวดคิ้วพร้อมกับพูดเบาๆทันที
 
      " พวกจ่าโขลน...มาทำอะไรที่นี่? "
 
      " หืม? อ้อ...ข้าแค่อยากจะมาพบปะและสนทนากับท่านไกรของพวกเจ้าเท่านั้น เพราะฉะนั้น พวกเจ้าช่วยออกไปก่อนได้ไหม? "
 
      " ว่าอย่างไรนะ?! แล้วอีกอย่าง ศาสตรานั่นเป็นศาสตราของท่านเจ้าพระยาพิทักษ์ฯ ไม่ใช่ศาสตราที่เจ้าควรจะหยิบมาเล่น! "  คำพูดอันไม่รู้จักกาลเทศะของจ่าโขลนสาวผู้นั้นทำให้นายจ่าเรศคำรามออกมาเบาๆพร้อมกับย่างสามขุมเข้าไปอย่างคุกคาม แต่พอเข้าไปถึงระยะเท่านั้น เท้าเรียบบางของจ่าโขลนสาวตรงหน้าก็ยกขึ้นพร้อมกับสะบัดวูบราวกับแส้หนังอันว่องไว ปาดวูบเข้าเต็มๆปลายคางวของนายจ่าเรศ ส่งผลให้สติของนายจ่าเรศหนุ่มผู้นั้นหลุดลอยไปในทันที ก่อนที่ร่างจะร่วงลงกระทบถึงพื้นด้วยซ้ำ!
 
      " อ...อีนี่!! "
 
      " หยุด! "  
 
      " ต...ใต้เท้า ท่านไกร? "
 
        เหล่าทหารมหาดเล็กคนอื่นๆที่ลุกพรวดขึ้นหมายเข้าไปรุมใส่จ่าโขลนสาวตรงหน้าด้วยความโกรธต้องชะงักกึกและหันมามองไกรที่ตวาดสั่งให้พวกเขาหยุดอย่างงงงวย ในขณะที่ไกรเวลานี้ขมวดติ้ววูบพร้อมกับปลดปล่อยพลังกดดันบางอย่างกระจายออกมา นั่นทำให้พวกเขาไม่มีความกล้าพอจะถามอะไรต่อทันที
 
      " หืม? เป็นจิตคุกคามที่ดีใช้ได้เลยนี่เจ้าคะ ท่านไกร "
 
      " ก่อนอื่น...ขอดาบของข้าตืนด้วยเถอะนะ "
 
      " คิกๆ ก็อยากจะคืนหรอกนะ แต่เพื่อความปลอดภัยของตัวข้าเอง ข้าขอปฏิเสธนะเจ้าคะ "
 
        วูบ! 
 
        หญิงสาวยังไม่ทันได้พูดจบดี ร่างของไกรก็พุ่งวูบอย่างรวดเร็ว เร่งความเร็วชนิดเพียงชั่วเสี้ยววินาทีเดียวเขาก็มายืนตรงหน้าของหญิงสาว ทำเอาเธอใจหายวูบพร้อมกับขยับเท้าที่เร็วราวกับแส้วูบเพื่อตอบโต้ตามสัญชาตญาณในชั่วเสี้ยววินาที
 
        วูบ! กึก!! 
 
        แต่ชายหนุ่มเหมือนจะเดาได้ล่วงหน้าอยู่ก่อนแล้ว เพราะเขายกท่อนแขนขึ้นกันหน้าแข้งของอีกฝ่ายด้วยความเร็วไม่แพ้กัน ในขณะที่มืออีกด้านพุ่งวูบกุมด้ามดาบสดายุพร้เอมกับกระชากอย่างแรงหมายจะเรียกดาบประจำกายของเขาออกจากฝักที่อยู่ในมือของหญิงสาวผู้นี้ทันที
 
        กึก! 
 
        แต่เหตุการณ์ไม่ได้ง่ายดายอย่างที่ไกรนึกภาพไว้ล่วงหน้า เพราะหลังจากขาเรียวบางของเธอจู่โจมพลาด จ่าโขลนสาวปริศนาผู้นี้กลับไม่ยอมให้ดาบอันทรงอานุภาพออกจากฝักง่ายๆ เพราะเธอเปลี่ยนมืออย่างรวดเร็ว ปล่อยฝักหนังพร้อมกับย้ายไปจับที่โกร่งดาบของไกรไว้และยื้อด้วยแรงทั้่งหมดเพื่อหยขุดยั้งไม่ให้ดาบเผยคมออกมา แต่ถึงจะเป็นสตรีที่ถูกฝึกมใาอย่างดี แต่ว่าแรงชายก็ยังเหนือกว่าแรงผูหญิงอยู่ดี โดยเฉพาะกับชายอย่างไกร ส่งผลให้หญิงสาวถูกแรงจากแขนของไกรกระชากไปพร้อมกับดาบเล่มนั้น...ส่งผลให้ถึงแม้ว่าเธอจะหยุดดาบสดายุไม่ให้หลุดออกจากฝักได้ แต่ร่างบางของเธอในเวลานี้ก็ตกอยู่ในการคร่ากุมของอ้อมแขนที่ใหญ่และแข็งปานคีมเหล็กของชายหนุ่มตรงหน้าเสียแล้ว
 
      " อ...อ้ะ! ท่าน! "
 
      " ...ถึงข้าจะอยู่ในราชการมาไม่นาน แต่ข้าก็ยังสามารถบอกได้ว่า เมื่อครู่...ไม่ใช่ระดับความเร็วของจ่าโขลนธรรมดา...ไม่ใช่...แม้แต่ในระดับของจ่าโขลนชั้นสูงด้วย...สตรีที่มีความเร็วระดับนี้เท่าที่ข้ารู้จักมีเพียงไม่กี่นาง...และเจ้าก็ไม่ใช่พรรคพวกเดียวกับพวกนางแน่ๆ...ใช่หรือไม่? "  ไกรไม่สนใจดาบที่ยังคาอยู่ในฝักดาบ และสภาพของเขาและสตรีตรงหน้าที่ยังอยู่ในสภาพคาราคาซังอยู่เลยแม้แต่น้อย...ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบช้าๆ ...นั่นทำให้หญิงสาวเบิกตากว้างวูบอย่างฉงนสนเท่ห์ใจ ก่อนที่เสี้ยววินาทีต่อมาเธอจะหัวเราะออกมาเบาๆทันที
 
      " สำหรับคนโง่เขลาแล้ว เจ้าเป็นคนโง่เขลาที่ฉลาดที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบมาเลยนะ ไกร... "
 
      " หืม? "
 
      " ข้ามาในฐานะตัวแทนแห่งพวกพ้องข้า เพื่อมาแสดงความจริงใจ และขอสงบศึกกับเจ้าน่ะ "
 
      " สงบศึก? เจ้ากำลังพูดอะไรของเจ้ากัน...แล้วเจ้าเป็นใครกันแน่? "
 
      " คิกๆ ...นามของข้าคือดารา...ดารา แห่งกลุ่มมือสังหารบรรลัยกัลป์เจ้าค่ะ! "
 
 
 
 
 .........................................
 
 
  
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.1 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา