ยุคันตวาต (ลมสิ้นยุค)
เขียนโดย PingJa
วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.49 น.
แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557 20.02 น. โดย เจ้าของนิยาย
96)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
================================================
" ดารา...แห่ง...บรรลัยกัลป์? "
ภายใต้ท่าทางที่ยังคงอยู่ในสภาพที่หญิงสาวปริศนาผู้นี้ยังคงอยู่ภายใต้การคร่ากุมของไกร และดาบสดายุของไกรก็อยู่ภายใต้การคร่ากุมของเธอ ชายหนุ่มครางทวนคำของอีกฝ่ายออกมาเบาๆก่อนจะขมวดคิ้ววูบทันที ก่อนที่เขาจะหลับตาลงและถอนหายใจเฮือก พร้อมกับที่เขาค่อยๆปล่อยเธออย่างช้าๆและสุภาพที่สุด จนดาราถึงกับต้องเป็นฝ่ายขมวดคิ้ววูบแทนทันที
' ผิดคาดไปเลย...เมื่อแรกที่เราบอกว่าเราคือกลุ่มบรรลัยกัลป์ จิตสังหารของเขาพุ่งพรวดวูบจนน่ากลัว แต่เสี้ยววินาทีเดียวจิตสังหารนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย...เจ้านี่...ยังทำใจเย็นอยู่ได้ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าเราเป็นศัตรูอย่างนั้นรึ?! ' หญิงสาวคิดในใจเล็กน้อยพร้อมกับเดินหน้าเข้ามาและพูดเรียบๆว่า
" คิดว่าข้า...โกหกอย่างนั้นหรือ? "
" เปล่า " ไกรส่ายหน้าช้าๆพร้อมกับทำมือเพื่อเป็นสัญญาณให้เหล่าทหารมหาดเล็กหนุ่มคนอื่นๆที่เตรียมกระชากดาบของตนออกมาให้อยู่ในความสงบไว้ ก่อนจะหันมาพูดกับดาราเบาๆต่อว่า
" ...ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้โกหก...อาจจะบ้าบิ่นแต่ไม่ได้โกหกแน่นอน "
" ท่านเจ้าพระยาพิทักษ์ "
" พวกเจ้า...ออกไปก่อน ข้าต้องการจะสนทนากับนางตามลำพัง "
" แต่ว่า... "
" ถือว่าช่วยๆกันเถอะน่า ข้าขอล่ะ "
" แต่เรื่องนี้มันผิดกฎนะขอรับ "
วูบ!
' จ...จิตคุกคามบ้าอะไรกัน?! '
" ข้า...บอกให้ออกไป! " เสียงอันห้วนสั้นและราบเรียบของไกรที่เหลือบกลับไปมองเหล่าทหารมหาดเล็กพร้อมกับปลดปล่อยจิตคุกคามอันแข็งกร้าวออกมาเพื่อขู่จนเหล่าทหารมหาดเล็กทั้งหลายต่างพากันต้องถอยกลับไปอย่างขวัญหนีดีฝ่อทันที...จิตคุกคามของเขาในเวลานี้มันแข็งกร้าวเกินกว่าที่พวกเขาจะทานทนได้แน่นอน นั่นทำให้พวกเขาได้แต่หันไปมองหน้ากัน ก่อนจะก้มหัวให้กับไกรเล็กน้อยและค่อยๆถอยกลับออกไปช้าๆตามคำบัญชาแปลกๆของไกร...ชายหนุ่มรอจนกระทั่งเขาแน่ใจว่าภายในป้อมนี้มีแต่พวกเขา จึงหันกลับมาหาดาราพร้อมกับยิ้มบางๆอีกครั้ง
" ขอโทษที่ทำให้รอนะ...เอาล่ะ เราพูดถึงไหนแล้ว? "
" ...เจ้ามันโง่เขลากว่าที่ข้าประเมินไว้ ไกร ...ถ้าเจ้าเชื่อว่าข้าเป็นมือสังหารแห่งบรรลัยกัลป์จริง และเจ้าก็น่าจะรู้ดีว่าเวลานี้เจ้าคือศัตรูอันดับต้นๆของพวกเราไปแล้ว...เจ้าไม่เกรงกลัวว่าข้าจะมาเพื่อสังหารเจ้าเลยอย่างนั้นหรือ? "
" เจ้ามีจิตคุกคาม แต่ไม่ใช่จิตสังหาร เจ้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อประสงค์ชีวิตข้า ไม่เช่นนั้นก็คงจะลงมือโดยไม่ต้องแนะนำตัวให้เปลืองเวลาและข้าก็คงจะตายไปแล้ว...และทั้งหมดทั้งมวลนั้น ต่อให้ข้าคาดเดาผิด...ข้าก็ไม่มีสิทธิ์จะใช้กำลังของพวกเขา พวกทหารมหาดเล็ก...นี่ไม่ใช่ศึกที่พวกเขาจะต้องมาเสี่ยงด้วย "
" ก็ถึงได้ว่าอยู่นี่อย่างไร ว่าเจ้าน่ะเป็นคนโง่ที่ฉลาดที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมาเลย "
" เจ้าจะค่อนขอดข้าเช่นนี้ไปเรื่อยๆ หรือว่าจะมาพูดคุยเรื่องสำคัญที่พาเจ้ามาที่นี่กัน ดารา " ชายหนุ่มพูดเบาๆพลางทรุดลงนั่งตรงหน้าดารา ทำให้ดาราขมวดคิ้วอีกครั้งพร้อมกับจับดาบสดายุอันเป็นดาบของอีกฝ่ายแน่นขึ้นไปอีกอย่างไม่ไว้ใจ...เพราะถึงเธอจะค่อนขอดชายหนุ่มไปสารพัดแต่เธอก็ต้องยอมรับว่าชายหนุ่มตรงหน้าคือผู้ที่จัดการกับคนที่เก่งกาจราวกับปิศาจอย่างเจ้าจอมเพ็งและเจ้าจอมแมนไปได้...ระดับของชายหนุ่มตรงหน้าไม่ใช่ระดับที่เธอ หรือใครก็ตามจะดูแคลนได้แน่นอน
" ...เรามาเพื่อสงบศึก ไกร "
" เรา? "
" หมายถึง ข้า ซึ่งเป็นตัวแทนแห่งกลุ่มบรรลัยกัลป์น่ะ "
" ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็มาหาผิดคนแล้ว...เพราะถ้าข้าเดาไม่ผิด เจ้าและกลุ่มบรรลัยกัลป์ของเจ้าน่าจะรู้จักท่านผู้เฒ่าของหมู่บ้านยุคันตวาต...เจ้าควรจะไปหาเขามากกว่ามาหาข้าเช่นนี้นะ "
" ไม่ได้หรอก... " หญิงสาวนามว่าดาราที่ยังคงยืนทิ้งระยะห่างอยู่ครางออกมาเบาๆ " ...ถ้าหากข้าทะเล่อทะล่าเข้าไป ข้าคงถูกมือสังหารใต้อาณัติของท่านผู้เฒ่าของเจ้าสังหารทิ้งตั้งแต่ยังไม่ทันได้เอ่ยประโยคแรกจบแน่ "
" หึ...ก็รู้ตัวนี่ หลังจากสิ่งที่คนของเจ้าได้ทำลงไป...และเผื่อเจ้าไม่รู้นะ...คราวนั้นเจ้าจอมเพ็งและเจ้าจอมแมนเกือบจะสังหารข้าไปแล้วด้วยซ้ำ "
" เจ้าก็สังหารพวกนางเพื่อแก้แค้นไปแล้วนี่ " หญิงสาวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูกนิดๆราวกับกำลังไม่พอใจคำพูดของไกร แต่ประโยคของอีกฝ่ายทำให้ไกรขมวดคิ้วเล็กน้อยทันที
" สังหาร? แก้แค้น?...ประเดี๋ยวนะ--- " ชายหนุ่มทวนคำเล็กน้อย แต่ก่อนที่เขาจะได้ทันพูดอะไรต่อ จิตสังหารที่พุ่งพรวดขึ้นที่ด้านหลังของไกรทำให้เขาทะลึ่งพรวดขึ้นพร้อมกับหันขวับกลับไปมองโดยยืนขึ้นบังดาราไว้โดยสัญชาตญาณมากกว่าสมองจะสั่งการโดยทันที
...เพราะจิตสังหารอันแข็งกร้าวนั้น...ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายมาที่เขา...แต่เป็นดาราต่างหาก...
" หลบไปเสีย...ไกร! " เสียงของชายหนุ่มที่ไกรคุ้นหูเป็นอย่างดีทำให้เขาลอบถอนหายใจออกมาเล็กน้อยอย่างผ่อนคลายมากขึ้น ถึงแม้ว่าชายตรงห้าของเขาจะชักกริชออกมาพร้อมกับปลดปล่อยจิตสังหารที่ไม่ได้บ่งบอกว่าเขาควรจะผ่อนคลายเลยก็ตามที
" ใจเย็น สิงห์ เราไม่จำเป็นต้องใช้ศาสตราในกรณีนี้หรอก " ไกรพยายามทำเสียงให้นุ่มและใช้ความสงบเพื่อต้านทานจิตคุกคามอันแข็งกร้าวราวกับสัตว์เดรัจฉานของสิงห์ไว้ แต่สิงห์กลับไม่อยู่ในอารมณ์เล่นด้วยเลย เพราะนอกจากกริชเล่มวาววับคมกริบอันเป็นผลงานของช่างศาสตราระดับสุดยอดอย่างยูกิโอะแล้ว ที่มืออีกข้างนึงของเขาเวลานี้ก็เอื้อมไปคว้าสร้อยประคำที่ร้อยเขี้ยวสัตว์ทั้งหลายอันเป็นเขี้ยวเล็บสำคัญของเขา...นั่นทำให้ไกรรู้ได้ทันทีถึงความตึงเครียดของสถานการณ์...
...สิงห์ไม่ลังเลที่จะใช้ไม้ตายของเขา...หัวใจราชันย์เดรัจฉาน...เลยแม้แต่น้อย...
" ไกร...ถ้านังนั่นเป็นคนจากบรรลัยกัลป์จริง ข้าก็มีหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากท่านผู้เฒ่าให้จับกุมนางไว้ ไม่ว่าจะเป็นหรือตายก็ตามที! เอ็งถอยไปซะ "
" ใจเย็นๆสิวะ ลดจิตสังหารลงก่อนเซ่ "
" ตูจะบอกอีกครั้งเดียว...ถอยห่างจากนังนั่นเสีย ไม่อย่างนั้น "
" ไม่งั้นจะทำอะไร? ...เธอไม่ได้มาร้าย และก็ไม่ได้พยายามหลบหนีด้วย ทั้งๆที่เอ็งมีท่าทีคุกคามหนักขนาดนี้ โธ่เว้ย! สิงห์ ช่วยคิดตาม ลดจิตสังหารลงแล้วมาคุยกันอย่างคนปรกติหน่อยได้ไหมฟะ! "
คำตวาดของไกรทำให้สิงห์ที่เวลานี้อยู่ในชุดของหน่วยคเณศร์เสียงาชะงักไปเล็กน้อยพร้อมกับเขม้นถลึงตามองมาที่ไกรอย่างข่มขู่อีกครั้ง แต่ไกรก็ยังใช้ความสงบเพื่อต้านทานจิตคุกคามนั้นไว้...จนกระทั่งในที่สุด สิงห์จะเป็นฝ่ายถอนหายใจเฮือกและลดจิตคุกคามลงเองอย่างช้าๆ...
" เอ็งมันบ้า ไกร "
" เออ...ข้ารู้ "
...โชคดีที่คนที่มาอยู่ตรงนี้เป็นสิงห์...เพราะถ้าเป็นศกุนตลาหรืออเทตยา ที่เป็นพวกที่ยอมหักไม่ยอมงอ...ป่านนี้ในป้อมแห่งนี้คงได้เกิดอีเว้นท์แบบได้เลือดนองท้องช้างไปเรียบร้อยแล้ว...
ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกเมื่อเห็นว่าเหตุการณ์เริ่มกลับสู่ความสงบอีกครั้ง ก่อนจะหันกลับมาหาหญิงสาวที่แนะนำตัวเองว่าคือคนแห่งกลุ่มบรรลัยกัลป์อีกครั้ง ก่อนจะเริ่มพูดเบาๆว่า
" เรื่องการขอสงบศีกของเจ้า ข้ายังไม่อยากฟังรายละเอียดอะไร เพราะข้าเองก็ไม่ได้เป็นผู้มีอำนาจในการตัดสินใจในเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นเจ้าพักไว้ก่อน แล้วไปพบข้าอีกทีที่จวนของข้า ซัก...เอ่อ... "
" ๒ ทุ่ม...ท่านผู้เฒ่าว่าท่านจะกลับจวนประมาณ ๒ ทุ่ม เจ้า---หมายถึงท่านให้เขามาที่จวนท่านได้ ท่านเจ้าพระยาพิทักษ์ฯ " สิงห์ที่กอดอกและเดินมาอยู่ด้านหลังของไกรพูดเรียบๆซึ่งไกรก็หันไปยิ้มขอบคุณเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาหาดาราอีกครั้ง
" ๒ ทุ่ม...ไม่มีขาด ไม่มีเกิน...แล้วข้าจะรับเป็นนายประกันให้กับเจ้า อย่างน้อยๆก็รับประกันความปลอดภัยให้เจ้าในฐานะผู้มาเจรจาได้...แบบนี้น่าจะพอใจเจ้านะ "
คำพูดอันเป็นหลักประกันของไกรทำให้หญิงสาวผู้มากด้วยปริศนาตรงหน้ายิ้มออกมาบางๆพร้อมกับพยักหน้าเป็นเชิงว่าเธอพอใจกับข้อเสนอนี้ ก่อนที่เธอจะก้มลงโค้งคำนับอย่างงดงามและเต็มไปด้วยจริตจะก้านพร้อมกับบอกลาเบาๆว่า
" ถ้าเช่นนั้น...ข้าขอลานะ ไกร...แล้วพบกันในเวลานัดหมายที่หน้าจวนประจำตำแหน่งของเจ้า... "
" อย่ามาสายเด็ดขาดนะ ดารา...เพราะข้อเสนอนี้มีเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น "
" คิกๆ เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ข้าจะตั้งตารอเวลานัดของเราเลย " หญิงสาวพูดพร้อมกับหันหลังกลับและเตรียมจะถอยออกไป แต่ไกรกลับกระแอมออกมาเบาๆเพื่อหยุดอีกฝ่ายไว้ทันที
" ดารา...ข้าไม่เชื่อหรอกนะว่าเจ้าจะลืมว่าเจ้ากำลังยึดถือดาบของของข้าอยู่น่ะ ช่วยส่งมันกลับมาด้วย " เสียงดักคออย่างเท่าทันของไกรที่ไม่ได้ตำหนิเธออย่างจริงจังอะไรนักทำให้หญิงสาวลอบยิ้มบางๆพร้อมกับรีบปั้นหน้าตกใจอย่างแนบเนียนที่สุดทันที
" อ๊ะ...คุณพระ...นี้ข้ายังไม่ได้คืนเจ้าหรอกหรือ? "
" ... "
" โธ่เอ้ย...แค่หยอกเล่นหรอกน่า ไม่เห็นต้องทำหน้าเช่นนั้นเลยนี่ ข้าก็กะจะคืนอยู่แล้ว อย่างไรเสียดาบเล่มนี้ก็ไม่มีใครอยากใช้นอกจากเจ้าอยู่แล้วนี่ " หญิงสาวพูดพร้อมกับโยนดาบสดายุที่ยังอยู่ในฝักและในมือของเธอขึ้นสูง จนแทบจะติดเพดานป้อม ก่อนจะร่วงลงมาอยู่ในมือของไกรที่ยื่นรอรับไว้อย่างแม่นยำ ...แต่เมื่อไกรคลาดสายตาจากเธอเพื่อรับดาบของตนได้ หญิงสาวผู้มากด้วยปริศนาผู้นี้ก็หายไปแล้วอย่างไร้ร่องรอย เหลือเพียงกลิ่นอันหอมหวานประจำกายของเธอ ที่ทิ้งไว้เพื่อยืนยันว่าพวกเขาไม่ได้ฝันไปเท่านั้น...
" ...ใครจะเป็นฝ่ายพลาดงับเบ็ดของอีกฝ่าย...ตัดสินในการเดินหมากตาต่อไปนี่แหละ " ไกรก้มหน้างพร้อมกับรำพึงออกมาเบาๆราวกับพูดกับตนเองพร้อมกับใช้สมองของเขาในการครุ่นคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นและกำลังจะเกิดต่อไปทันที...ก่อนที่เขาจะหันกลับมามองสิงห์ที่ยังคงยืนนิ่งและใช้สายตาอันเคลือบแคลงสงสัยจับจ้องมาที่เขาอยู่อย่างไม่วางตาและพูดเบาๆทันที
" ขอบใจนะ ที่ไว้ใจข้า... "
" เอ็งมันบ้า ไกร "
" รู้แล้วน่า...แกพูดซ้ำไป ๒ หนแล้วนะเนี่ย " ชายหนุ่มครางออกมาอย่างยอมรับผิด พร้อมกับที่เขาจะชักดาบสดายุอันเป็นดาบประจำกายออกมาเพื่อตรวจดูเล็กน้อย ในขณะที่สิงห์ยังคงเหลือบมองเขาก่อนที่จะถอนหายใจเฮือกออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายทันที
" ...เจ้ารู้ใช่ไหมว่าถ้าหากสิ่งที่นังนั่นพูด เรื่องที่นางเป็นกลุ่มบรรลัยกัลป์เป็นเรื่องจริง เจ้าก็พึ่งจะปล่อยให้คนที่เราต้องการตัวที่สุดหลุดรอดไปได้ "
" มันจำเป็น...บางครั้งเราก็ต้องยอมปล่อยปลาเล็กไป เพื่อที่จะสามารถตกได้ปลาที่ตัวใหญ่กว่า "
" ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าเข้าใจรึเปล่าว่านี่ไม่ใช่หมากบนกระดาน...จริงอยู่ว่าเวลานี้ข้าจะช่วยเจ้าปิดบังได้ แต่ข้าขอพูดไว้ให้ชัดเจนเลยนะ ว่าถ้าหากนังนั่นไม่ได้มาตามที่เจ้าได้นัดหมายกันไว้...ข้าจะแจ้งเรื่องนี้แก่ท่านผู้เฒ่าอย่างหมดทุกถ้วนกระบวนความแน่ๆ " เสียงที่เข้มขึ้นของชายหนุ่มผู้อยู่ใต้อาณัติของหน่วยคเณศร์เสียงาอย่างสิงห์ทำให้ไกรหันมายิ้มเล็กน้อย พน้อมกับพยักหน้าบางๆ
" ข้ารู้...ข้าจะรับผิดชอบเรื่องนี้แบบเต็มตัวเอง เพราะฉะนั้น เจ้าวางใจได้เลย "
" เอาตบักตะบวยอะไรมามั่นอกมั่นใจนักหนาวะ? หรือว่าเจ้าเคยพบกับนางมาก่อนแล้ว? "
" เปล่าๆ ...ข้าพึ่งเคยพบกับนางครั้งแรก...แต่... " ชายหนุ่มหรุบตาลงต่ำเล็กน้อยพร้อมกับน้ำเสียงที่เบาลง " ...แค่...มีบางอย่างในคำพูดของนางที่ข้าเชื่อว่านางมาด้วยความจริงใจเท่านั้น... "
" ไอ้โง่ "
" เออ ก็กะแล้วว่าเอ็งต้องด่าน่ะ "
" ก็มันสมควรแล้วนี่หว่า! มีอย่างรึ ไปไว้ใจคนเช่นนั้น เจ้าก็รู้ดีว่านางเป็นจารชน แล้วมีจารชนที่ไหนมันพูดความจริงกันบ้าง "
" ก็พวกนายไง "
" อ...ไอ้-- " สิงห์ชะงักไปเล็กน้อยกับคำพูดของไกร ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายหลับตาลงและถอนหายใจเฮือกอย่างยอมแพ้และไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงอะไรอีกต่อไป
" ข้าชักเข้าใจแล้วว่ะ ที่นาสตี้พูดว่าเจ้าชอบหาเรื่องตายน่ะ เจ้ามันบ้าแบบเกินขอบเขตจริงๆ "
" ฮ่าๆๆๆ ด่าได้แสบดีแท้ๆเลยว่ะ เล่นเอาเถียงไม่ออกเลย "
" เอาเถอะ ไม่ว่าคืนนี้นางจะมาตามที่นัดหมายไว้หรือไม่ เจ้าก็ไม่พ้นโดนท่านผู้เฒ่าด่าเปิงอยู่ดีแน่ๆ เจ้าเองก็เตรียมใจไว้เสียหน่อยล่ะ แล้วจะบอกว่าข้าไม่เตือนไม่ได้นะ "
คำเตือนด้วยนำ้เสียงราบเรียบของผู้ใช้สัตว์สมิงหนุ่มทำให้ไกรยิ้มบางๆออกมาเล็กน้อย ก่อนจะค้อมหัวเพื่อขอบคุณอีกฝ่ายจากใจจริงอีกครั้ง
" ขอบใจอีกครั้งนะ ที่ยังอุตส่าห์ไว้ใจข้า "
สิงห์เหลือบมามองไกรที่ก้มหัวให้เล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจเฮือกออกมาอีกครั้งโดยไม่พูดอะไรออกมาต่อ เขาเพียงแค่ก้มหัวให้กับไกรเล็กน้อย ก่อนจะถอยออกไปจากป้อมแห่งนี้อย่างเงียบๆทันที
' ไกรอาจจะเป็นผู้ที่เก่งกาจ และฉลาดล้ำก็จริง แต่เขาไม่ได้เป็นจารชน...เขาเป็นนักรบ...เป็นนักดาบ...ต่อให้ฉลาดแค่ไหนเขาก็ไล่เหลี่ยมของจารสตรีอย่างยัยดารานั่นไม่ไหวหรอก... ' สิงห์ที่เดินหน้าเคร่งออกมาคิดในใจเล็กน้อยทันทีที่ลับสายตาของไกร พร้อมกับดวงตาของผู้ใช้สัตว์สมิงชั้นสูงที่ลุกวาววูบ
' นี่ไม่ใช่หน้าที่ของไกร ที่จะจับตาดูนาง ไล่เบี้ยนาง...แต่เป็นหน้าที่ของผู้ที่เท่าทันกันอย่างเขานี่แหละ! '
" ว่าอย่างไรบ้าง? ราตรี " เมื่อเขาเดินออกมาเล็กน้อย สิงห์ก็พูดเป็นเชิงเปรยขึ้นด้วยน้ำเสียงบางเบาราวกับคุยกับอากาศธาตุ แต่อยู่ๆเสียงอันหวานใสของหนึ่งในเสือสมิงสาวผู้อยู่ในรูปกายของมนุษย์อย่างราตรีก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังของเขาอย่างกะทันหัน
" นายท่านสิงห์ "
เมื่อชายหนุ่มหันไป เขาก็พบกับสตรีผิวสีหม้อใหม่ที่คุกเข่าก้มหน้าอยู่ ด้วยท่าทางของเสือสมิงสาวที่ดูท่าทางสลดลงแถมยังมีท่าทีเกรงกลัวเขาอย่างผิดสังเกตทำให้สิงห์เลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจเฮือกออกมาอย่างเข้าใจสถานการณ์ทันที
" พลาดสินะ "
" เจ้าค่ะ " สมิงสาวนามว่าราตรียิ่งก้มหน้าต่ำลงไปอีกอย่างละอายแก่ใจ พร้อมกับรายงานต่อเบาๆว่า " ...ข้าและชีวาสาวรอยจากกลิ่นกายของนางไปได้ถึงตลาดหน้าคุก ย่านตะแลงแกง ...ก่อนที่กลิ่นของนางจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย ราวกับนางสลายหายไปราวกับธาตุอากาศ ...พวกข้าพยายามใช้สายตาในการค้นหาอย่างเต็มที่แล้ว แต่ว่า... "
" ...ไม่เจอ...อืม...ถ้าหากถึงขั้นระดับปลอมแปลงกลิ่นสาปกายจนกระทั่งถ่วงให้พวกเจ้าหัวหมุนได้ ระดับนางก็น่าจะปลอมแปลงใบหน้าจนเจ้าจับไม่ได้แน่...ข้าประมาท...ประเมินนางต่ำไป "
" นายท่าน... "
" ไม่จำเป็นต้องโทษตัวเอง ราตรี ...ข้าไม่ถือโทษโกรธเจ้ากับชีวาหรอก ไอ้การสะกดรอยนั่นก็แค่หลักประกันเล็กๆเท่านั้น อย่างไรเสียนางก็น่าจะมาตามที่ไกรได้นัดไว้อยู่แล้ว "
" ท่าน...แน่แท้แก่ใจหรือเจ้าคะ? " ราตรีเงยหน้าขึ้นมามองพร้อมกับถามขึ้นอย่างสงสัย ในขณะที่เมื่อได้ยินคำถามชัดๆ ชายหนุ่มผู้เป็นนายของเธอก็หัวเราะออกมาเบาๆทันที
" ไม่แน่หรอก...แต่งานนี้มันออกได้สองทางเท่านั้น คือนางมาตามนัด และทุกคนก็ต้องงงเป็นไก่ตาแตก หรือไม่ นางก็เบี้ยว แล้วท่านผู้เฒ่าก็จะสั่งให้ข้ากระทีบไกร...ซึ่งไม่ว่าทางไหน ข้าก็คงไม่พ้นฮาแตกอยู่ดี... "
" ฮ...ฮาแตก?! "
" หึๆ ข้าคิดไม่ผิดจริงๆที่เก็บไอ้ไกรไว้ในคราวนั้น...อยู่กับมันนี่มีแต่เรื่องน่าสนุกดีแท้ๆ ฮ่าๆๆ "
...นอกกำแพงพระบรมมหาราชวัง...ไม่ไกลจากตลาดหน้าคุกในย่านตะแลงแกงมากนัก...
" พวกที่สะกดรอยตามท่านละการติดตามสะกดรอยท่านไปแล้ว ท่านหญิงดารา " เสียงของชายชราผู้หนึ่งที่แฝงตัวอยู่ในเงามืดกล่าวเป็นเชิงรายงานเรียบๆพร้อมกับก้มหัวให้กับหญิงสาวผู้มีนามว่าดารา ที่บัดนี้เปลี่ยนไปทั้งรูปร่างหน้าตาที่กลายเป็นหญิงสาวหน้าตาบ้านๆที่พบเห็นได้อย่างดาษดื่น และชุดแต่งกายที่กลายเป็นชุดสาวใช้ธรรมดาๆ จนไม่อาจจะจับสังเกตได้เลยแม้แต่น้อย...หญิงสาวขยับผู้คลุมไหล่สีเข้มให้กระชับขึ้นเล็กน้อยเพื่อป้องกันตนจากอากาศในช่วงฤดูหนาว ก่อนที่ริมฝีปากของเธอจะขยับเป็นรอยยิ้มบางๆ
" ดี...ส่งข่าวไป ยุคันตวาตยอมเล่นด้วยแล้ว "
" แน่แท้แก่ใจหรือ ท่านหญิง? "
" แน่สิ พ่อเฒ่า ไกรดิ้นตามเราแน่...เขางับเหยื่ออย่างข้าแน่นอน "
" ท่านหญิง...เรื่องนี้เราใช้มือสังหารคนใดก็ได้เพื่อทำภารกิจแทน ท่านไม่น่าจะต้องมาเสี่ยงชีวิตกระทำเรื่องอันตรายๆเช่นนี้เลย " ชายชราในเงามืดผู้นั้นเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ปิดบังความเป็นห่วงเอาไว้ไม่มิด...มันราวกับว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้านี้มีความสำคัญมาก...มาก เกินกว่าเจ้านายกับลูกน้องขึ้นไปอีกแน่ๆ ...และคำเตือนด้วยความหวังดีของชายชราผู้นั้นทำให้ดวงตาของหญิงสาวหรุบต่ำลง พร้อมกับที่เธอจะฝืนยิ้มบางๆ
" ข้ารู้ถึงความสำคัญของตัวตนของข้าดี พ่อเฒ่า...แต่เหตุการณ์มันเข้าสู่ความจำเป็นเร่งด่วนแล้ว...แม้ว่าท่านผู้เฒ่าของพวกเราจะไม่เห็นชอบเรื่องนี้ แต่ข้าก็จำเป็นต้องขัดคำสั่งของท่านและทำอยู่ดี...เพื่ออนาคตของราชอาณาจักรอโยธยาที่เราปรารถนาเอง...เวลาที่เรากำลังเผชิญศึกภายนอกเช่นนี้ไม่ใช่เวลาที่เราจะประหัตประหารกันเองอีกต่อไปแล้ว...แล้วอีกอย่าง... "
" อีกอย่าง? "
" ถ้าไม่ใช้เหยื่อตัวใหญ่ที่สุด...คนโง่ที่ฉลาดที่สุดอย่างเขาไม่มีวันกินเบ็ดแน่ๆ! "
" ท...ท่านหญิง? " ชายชราในเงามืดพยายามจะเอ่ยเพื่อโน้มน้าวใจให้หญิงสาวตรงหน้าเปลี่ยนใจอีกครั้ง แต่เมื่อเขาเห็นสีหน้าและแววตาของหญิงสาว คำพูดของเขาก็ถูกลืนหายเข้าไปในลำคอทั้งหมดทันที...
...สีหน้า และแววตา...ที่แต้มไปด้วยรอยยิ้มอันสนุกสนานอย่างบริสุทธิ์ราวกับเด็กเล็กๆที่พึ่งจะพบของเล่นที่ถูกใจเธออย่างที่สุด...รอยยิ้ม...ที่แม้แต่หน้ากากหนังอย่างดีที่ปกปิดใบหน้าของเธอก็ยังไม่อาจจะปิดบังได้เลยแม้แต่น้อย...
" เอาล่ะ มาแข่งกันเลย ไกร...มาดูกันว่าครานี้ ผู้ใดจะเป็นฝ่ายพลาดงับเหยื่อของอีกฝ่ายก่อนกัน! มาเลย! "
.................................................
...ย้อนกลับมาที่เจ้าพระยาพิทักษ์ราชภักดี หรือไกรอีกครั้ง...
' เฮ้อ...วันนี้มันวันอะไรกันว้า...แรกเริ่มก็เอาหัวไปประกันให้ท่านเรือง ต่อมาก็เรื่องที่สมเด็จพระพี่นางทรงร้องขอ ตบท้ายด้วยยัยดาราแห่งบรรลัยกัลป์...นึกว่าเรื่องวุ่นๆจะหมดไปแล้วซะอีกนะเนี่ย ' ไกรที่เวลานี้ห้อยดาบสดายุผูกไว้ข้างลำตัว พร้อมกับจัดปกคอเสื้อหัวหน้าทหารมหาดเล็กสีดำให้เข้าที่ ก่อนที่เขาจะถอนหายใจเฮือกอย่างเตรียมใจพร้อมกับที่เขามาหยุดยืนอยู่หน้าประตูพระบรมมหาราชวังอีก ๑ ชั้น ซึ่งเป็นชั้นสุดท้าย
...ประตูที่แบ่งระหว่างเขตราชฐานชั้นกลางและเขตราชฐานชั้นใน...
" ท่านเจ้าพระยาพิทักษ์ฯเจ้าคะ "
" คุณท้าว " ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับก้มหัวเคารพให้กับหญิงสาวผมสั้นวัยกลางคนที่อยู่ในชุดและยศศักดิ์ของจ่าโขลนระดับคุณท้าวที่เป็นรองคุณท้าวศรีสัจจาและหัวหน้าจ่าโขลนพิเศษอย่างอนาสตาเซียที่ขึ้นตรงต่อไกรเล็กน้อย ...ในขณะที่คุณท้าวผู้คอนไม้กระบองสีดำสนิทโค้งหัวให้กับเขาเช่นกันพร้อมกับยิ้มให้เล็กน้อยทันที
" ไม่จำเป็นต้องค้อมหัวให้อิฉันหรอกเจ้าคะ ด้วยศักดิ์ฐานะและสิ่งที่ท่านและคุณท้าวจ่าโขลนพิเศษของท่านได้ทำให้กับเหล่าจ่าโขลนอย่างพวกอิฉันแล้ว พวกอิฉันต่างหากที่ต้องค้อมหัวคำนับให้กับท่าน "
" แต่กระผมก็ยึดถือในสิ่งที่เรียกว่า ความอาวุโส อยู่ และกระผมก็เคารพทุกคนที่อาวุโสกว่ากระผมเสมอ "
" หืม? " คำพูดของไกรทำให้คุณท้าวตรงหน้าเลิกคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆทันที ก่อนที่คุณท้าวผู้ทำหน้าที่เป็นหน่วยอารักขาในเขตราชฐานชั้นในจะเหลือบมองทั่วทั้งตัวไกรอีกครั้งพร้อมกับพูดเรียบๆว่า
" ...ท่านเจ้าพระยามีธุระอะไรในเขตราชฐานชั้นในรึเปล่าเจ้าคะ? "
" ขอรับ...กระผมมี...เอ่อ กิจสำคัญบางอย่างที่ต้องทำน่ะ "
" ถ้าอย่างนั้น... "
" นี่ขอรับ...พระธำมรงค์พระราชทาน...สิทธิ์ที่จะทำให้กระผมมีอำนาจในการเข้านอกออกในทุกๆที่ " ไกรถอดสายสร้อยที่คล้องไว้ด้วยพระธำมรงค์อันมีอำนาจสงสุดที่พระเจ้าเอกทัศน์ประทานให้แก่เขา ซึ่งคุณท้าวก็พยักหน้าเล็กน้อยอย่างรู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายมีอำนาจมากพอ ก่อนที่เธอจะเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะชะโงกหน้ามากระซิบเขาเบาๆว่า
" เอ่อ...ครั้งสุดท้ายที่ท่านเข้ามาในเขตราชฐานชั้นใน...เรายังต้องเก็บเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคืนนั้นเป็นความลับ และยังขนหัวลุกกันอยู่เลย..หวังว่า ครั้งนี้--- "
" อ้อ เปล่าๆ งานนี้ไม่มีเรื่องอะไรขนหัวลุกหรอกขอรับ กระผมเพียงแค่มีกิจธุระอะไรเล็กน้อยในฝ่ายใน อย่างไปดูที่พระตำหนักปลายทองอันเป็นตำหนักของเจ้าจอมเพ็ง-เจ้าจอมแมนอีกครั้ง อะไรเทือกนี้แหละ " ไกรรีบพูดออกมาเบาๆเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจมากขึ้น นั่นทำให้คุณท้าวถอนหายใจเฮือกอย่างโล่งอกทันที
" ถ้าอย่างนั้น...ดาบของท่าน " คุณท้าวพูดเบาๆพร้อมกับเหลือบมองดาบสีเงินวาวที่ห้อยอยู่ข้างตัวไกรเล็กน้อย ในขณะที่ไกรเสหัวเราะออกมาเบาๆพร้อมกับเบี่ยงตัวโดยไม่ยอมให้อีกฝ่ายเข้ามายึดอาวุธของเขาไปตามคำสั่งของท่านผู้เฒ่า ก่อนจะพูดเพื่อแก้ต่างให้กับการกระทำของตัวเองเบาๆว่า
" กระผมคงต้องขอเก็บดาบของกระผมไว้ จริงอยู่ที่กระผมบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องไม่สำคัญอะไร แต่ท่านคงไม่อยากจะให้กระผมไร้อาวุธประจำกายหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นกระมังขอรับ...เพื่อความปลอดภัยของพระบรมวงศานุวงศ์ทั้งหมดทั้งมวลที่กระผมและคุณท้าวต้องปกป้อง "
คำกล่าวอ้างของชายหนุ่มทำให้คุณท้าวชะงักกึก พร้อมกับหันมาสบตาไกรอย่างไม่แน่ใจ แต่เธอก็ไม่พบอะไรนอกจากความใสซื่อจนเธอไม่แน่ใจแล้วว่านี่เป็นสีหน้าจริงๆ หรือเป็นอีกหนึ่งหน้ากากของเด็กหนุ่มตรงหน้ากันแน่แล้ว
" ถ...ถ้าอย่างนั้น...เชิญท่านเจ้าพระยาเจ้าค่ะ ประตูเปิดต้อนรับท่านแล้ว "
" ขอบคุณ คุณท้าว "
ไกรซ่อนยิ้มพร้อมกับขยับดาบในฝักและก้มหัวให้อีกฝ่ายเล็กน้อยเป็นเชิงขอบคุณและรีบก้าวเข้าสู่เขตราชฐานชั้นในโดยทันที
' หวังว่า...งานนี้ สิ่งที่สมเด็จพระพี่นางขอร้องเชิงบังคับให้เขาถ่อมาถึงเขตราชฐานชั้นในแห่งนี้ คงจะไม่ย้อนกลับมาฆ่าเขาทีหลังหรอกนะ สาธุล่ะ! '
....................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ