ยุคันตวาต (ลมสิ้นยุค)

9.4

เขียนโดย PingJa

วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.49 น.

  152 ตอน
  11 วิจารณ์
  132.17K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557 20.02 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

90)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

================================================

 

 

 

     ...ในเวลาเดียวกันนั้นเอง...ณ ถ้ำขนาดใหญ่แห่งหนึ่งกลางป่าลึก...

 

     ...ถ้ำขนาดใหญ่ที่ถูกเจาะ และถูกสลักเสลาอย่างปราณีตที่สุดราวกับเป็นฝีมือของช่างหินแห่งยุค จนกระทั่งถ้ำขนาดใหญ่ที่ธรรมชาติสรรสร้างขึ้นแห่งนี้ถูกปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นคูหา ห้อง และเขาวงกตอันวกวนที่สุด...ถ้าที่กลายเป็นแหล่งกบดานของกลุ่มมือสังหารลับ...ผู้เปรียบเทียบตนเองเป็นดั่งไฟล้างโลก...กลุ่มมือสังหารบรรลัยกัลป์...

 

      " ท่านผู้เฒ่าเจ้าคะ "  เสียงของหญิงสาวที่โผล่มาอย่างเงียบๆราวกับเงาผีที่อยู่ๆก็โผล่ขึ้นมาจากด้านหลังของชายหนุ่มที่เวลานี้กำลังนั่งจ้องมองแสงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบขุนเขาตรงหน้าไป ผ่านช่องหินที่ถูกเจาะเป็นหน้าต่างตรงหน้า...เสียงอันกะทันหันของหญิงสาวด้านหลังทำให้เขาขยับน้อยๆ พร้อมกับหัวเราะอย่างแหบพร่าในลำคอเบาๆเป็นเชิงทักทายตอบกลับไปทันที

 

      " หึ...ในที่สุดข้าก็สอนให้เจ้าเรียนรู้ ว่าให้เรียกข้าว่าท่านผู้เฒ่า แทนสิ่งที่เจ้าเรียกอยู่ประจำน่ะ "

 

      " เฮ้อ...อย่างน้อยเวลานี้เราก็อยู่ด้วยกันตามลำพัง...ท่านก็น่าจะอนุโลมให้บ้าง "

 

      " ...เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ...ว่าแต่เราสองไม่มีประเพณีที่จะพูดคุยกันก่อนอาหารเย็นนี่...มีกิจธุระเร่งด่วนอะไรก็ว่ามา...ท่านรองหัวหน้า "  นำ้เสียงอย่างเป็นทางการของร่างอันงองุ้มที่ตัดกับแสงสีแดงก่ำของดวงตะวันในช่วงเวลาที่กำลังจะลับขอบฟ้าทำให้หญิงสาวในชุดผ้าไหมสีเข้มที่ยืนอยู่หน้าประตูถอนหายใจเฮือกพร้อมกับโคลงหัวเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะหยิบม้วนสารเล็กๆที่น่าจะถูกยัดลงมาในกระบอกผูกขานกพิราบสื่อสารออกมาและคลี่กางออกพร้อมทั้งรายงานด้วยน้ำเสียงราบเรียบเป็นโทนเดียวเหมือนเป็นเชิงประชดประชันเล็กน้อยช้าๆว่า

 

      " ท่านหญิง ทั้งสอง...ท่านเจ้าจอมเพ็งและเจ้าจอมแมนเสียท่าแล้ว...รวมไปถึงพี่ชายของนางทั้งสองคน และแผนการอันชาญฉลาดและรัดกุมที่สุดที่หมายจะทำการล้มล้างราชบัลลังก์ของพระเจ้าเอกทัศน์มาถวายให้แทบเท้าของท่านพังไม่เป็นท่าเรียบร้อย... "

 

      " ว่าอย่างไรนะ? "

 

      " ท่านฟังไม่ผิดหรอกน่า และข้าก็ไม่อยากจะพูดเรื่องแย่ๆนี่ซ้ำด้วย "

 

      " ข่าวนี่...เป็นข่าวกรองที่จริงแท้แน่นอนรึเปล่า? "

 

      " ข่าวทุกข่าวที่ข้านำมาแจ้งแก่ท่านเป็นข่าวกรองเสมอ...ข้าเป็นรองหัวหน้ากลุ่มมือสังหารบรรลัยกัลป์ ไม่ใช่ดรุณีน้อยที่ท่านเลี้ยงมาอีกแล้วนะเจ้าคะ...ข้าทำงานเป็นน่า "

 

        คำต่อล้อต่อเถียงของหญิงสาวทำให้ท่านผู้เฒ่าหันกลับมาเหลือบมองเล็กน้อยอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนที่เขาจะถอนหายใจเฮือกพร้อมกับเลือกที่จะถามในเรื่องสำคัญต่อช้าๆ

 

      " พวกเขาพ่ายแพ้ต่อดาบฟ้าฟื้นของท่านผู้เฒ่าแห่งหมู่บ้านยุคันตวาตสินะ...ข้าไม่แปลกใจเลย "

 

      " เอ่อ...ที่จริงแล้ว...เปล่าเจ้าค่ะ "

 

      " ว่าอย่างไรนะ? "

 

      " แหม เหมือนหมู่นี้ท่านจะชื่นชอบที่จะพูดว่า ว่าอย่างไรนะ? เป็นพิเศษเลยนะเจ้าคะ "

 

      " เจ้านี่มัน--- "

 

      " ถ้าข่าวที่ส่งมาไม่เข้าใจผิด ซึ่งก็ไม่ค่อยจะเข้าใจผิดเท่าไหร่...พวกท่านหญิงถูกจัดการอย่างราบคาบด้วยแผนการของ เด็กไกรของท่าน และหน่วยคเณศร์เสียงาของเขา...ท่านผู้เฒ่าและดาบฟ้าฟื้นนั่นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของแผนเล็กๆของเขาด้วยซ้ำ... "

 

      " หืม? "

 

      " เอาล่ะ...ก่อนที่ท่านจะเริ่มต้นพูดว่า ...เห็นไหม ดารา ข้าบอกเจ้าแล้วเรื่องของเด็กหนุ่มไกรนั่น ...ข้ายอมรับแล้วว่าเขาเป็นนักรบผู้เก่งกาจของจริง...ไม่ใช่แค่ไอ้โง่ที่ชอบกร่างเพราะพอจะใช้ดาบเป็น...เฮ้อ...ข้าผิดเองที่ดูถูกเขา"

 

      " เจ้า...ดูหัวเสียนะ...ดารา "

 

      " เฮ้อ...เอาเป็นว่าเวลานี้ข้าอยากจะขอร้องให้ท่านข้ามเรื่องของไอ้คนที่มีชื่อน่าโมโหอย่างไกรนั่นไป...และกลับมาเข้าเรื่องที่ข้าต้องมาหาท่านก่อน...เรื่องของสองเจ้าจอม...สองท่านหญิงนั่น "

 

      " ก็ทำตามวิธีปกติของพวกเรา...รวมกลุ่มเฉพาะกิจและแฝงตัวหรือบุกเข้าไป...ช่วยเหลือและนำกลับมาเป็นๆถ้าทำได้...แต่ถ้าทำไม่ได้...ก็สังหารและนำหัวกลับมา... "

 

      " อาจจะเป็นไปได้ยากหน่อย เพราะจากข่าวที่ได้มาอย่างยากลำบากนี้ ทั้งสองท่านหญิงถูกคุมขังอยู่ในพระตำหนักที่อยู่ในเขตพระราชฐานชั้นใน...ถ้าหากไม่แฝงตัวเป็นคนในมาตั้งแต่แรก ต่อให้เป็นพระกาฬไปเองก็ใช่ว่าจะฝ่าเข้าไปได้...แต่...ข้าก็ได้จัดเตรียมกลุ่มช่วยเหลือเฉพาะกิจที่ฝีมือดีที่สุดไว้แล้ว "

 

      " ถ้าอย่างนั้นก็ส่งไป...สำเร็จไม่สำเร็จค่อยว่ากันอีกที...อย่างน้อยก็คงต้องสังหารปืดปากเสีย "

 

      " เจ้าค่ะ... "

 

        น้ำเสียงรับคำสั่งอันราบเรียบไร้ความรู้สึกของหญิงสาวทำให้ผู้เป็นท่านผู้เฒ่าแห่งกลุ่มบรรลัยกัลป์ชะงักไปเล็กน้อย พร้อมกับเหลือบไปมองหญิงสาว...ชั่วครู่หนึ่งก่อนที่ใบหน้าใต้ผ้าคลุมของเขาจะหลับตาลงและถอนหายใจอย่างไม่อาจจะทนใจแข็งต่อไปได้อีก...เขาค่อยๆเดินร่างงองุ้มเข้ามาใกล้หญิงสาวที่ยืนนิ่งเป็นรูปปั้นอยู่ ก่อนจะใช้มือที่งองุ้มราวกับกรงเล็บเหยี่ยวแตะที่ไหล่ของหญิงสาวตรงหน้าช้าๆ

 

      " มันอาจจะฟังดูโหดร้าย...แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้าทำ...ข้าไม่ได้ทำเพื่อตนเอง . . . เจ้าเป็นคนเดียวที่รู้ถึงสังขารของข้าดีที่สุด...ข้าคงจะอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว...ทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้าทำไป เป็นเสมือนการแผ้วถางเส้นทางไปสู่สิ่งที่เป็นของเจ้าโดยชอบธรรม... "

 

      " ...เส้นทางที่เต็มไปด้วยเลือดและซากศพ "

 

      " ...เจ้าอาจจะเห็นว่าแนวทางของเราโหดร้าย และเด็ดขาด...ไม่ได้ดีเด่อย่างหมู่บ้านยุคันตวาต...แต่เนื้อแท้แล้วเราไม่ได้เป็นปฏิปักษ์กับยุคันตวาต...ข้าเพียงแค่นำแนวทางอันสูงส่งของยุคันตวาตมาปรับปรุงให้ดีขึ้นเท่านั้น...เราอาจจะไม่ขาวสว่าง แต่เราก็ไม่ได้ดำสนิท...เรา...ก็คือเรา ไม่มากไม่น้อยไปกว่านี้ " 

 

      " ท่านผู้เฒ่า "

 

        คำพูดของท่านผู้เฒ่าแห่งกลุ่มบรรลัยกัลป์ทำให้รองหัวหน้าสาวผู้มีนามอันไพเราะว่า ดารา นิ่งอึ้งไปเล็กน้อย แต่ก่อนที่เธอจะได้ทันพูดอะไรต่อ ชายรูปร่างกำยำในชุดปิดบังหน้าตาสีดำสนิทคนหนึ่งก็พุ่งเข้ามาที่บริเวณประตูด้านหน้าและขัดจังหวะพวกเขาอย่างกะทันหัน ทำให้ท่านผู้เฒ่าหดมืององุ้มนั้นกลับเข้าผ้าคลุม และรองหัวหน้าสาวยืดตัวตรงกลับคืนแววแห่งสิทธิอำนาจอีกครั้งพร้อมกับขมวดคิ้วและหันไปจ้องเขม็งใส่ผู้ที่เข้ามาขัดจังหวะนี้อย่างไม่สบอารมณ์ทันที

 

      " ท...ท่านผู้เฒ่า! ท่านรองหัวหน้า!! "

 

      " เจ้า...หวังว่าเจ้า คงจะมีเหตุผลดีๆมากพอจะเข้ามาขัดจังหวะการสนทนาระหว่างข้ากับท่านผู้เฒ่า...ไม่เช่นนั้นเจ้าเจอดีแน่! "

 

      " ย...เหยี่ยว...สื่อสารขอรับ จากมือสังหารอีกท่านที่ยังคงแฝงตัวอยู่ในพระบรมมหาราชวัง...ข่าวของ...ของทั้งสอง ท่านหญิง ...ท...ท่านหญิงทั้งสองท่านถูกลอบสังหาร สิ้นชีวิตลงแล้วขอรับ! "

 

      " ว่าอย่างไรนะ?! "  หญิงสาวตวาดออกมาเสียงดังลั่นอย่างตื่นตะลึง ก่อนที่เธอจะหันขวับไปมองท่านผู้เฒ่าที่ยืนอยู่ด้านหลังอย่างจับผิดทันที แต่ท่านผู้เฒ่าของเธอก็เอ่ยปฏิเสธเรียบๆทันทีเช่นกัน

 

      " ไม่ใช่คำสั่งของข้า...ข้าก็พึ่งทราบข่าวนี้เช่นกัน "

 

      " และไม่ใช่คำสั่งของข้าเช่นกัน...ข้าพึ่งตั้งกลุ่มช่วยเหลือเสร็จ...แปลว่า...พวกยุคันตวาต? "

 

      " ไม่ใช่หรอก...ยุคันตวาตต้องการสืบหาความจริงเกี่ยวกับพวกเรา...ทั้งพวกมันยังถือว่าตนเต็มไปด้วยศีลธรรมอันจอมปลอม...พวกมันไม่ลงมือสังหารท่านหญิงทั้งสองแน่ "

 

      " แต่ทั้งสองท่านหญิงถูกคุมขังอยู่ภายในเขตพระราชฐานชั้นใน...ถ้าหากไม่ใชพวกเรา ไม่ใช่พวกมัน... "

 

      " ...แล้วเป็นใครกัน? "

 

 

 

 

............................................

 

 

 

 

     ...ย้อนกลับไปเมื่อ ๓ ราตรีก่อน หลังจากเหตุการณ์ราตรีเลือดนั้น...

 

     ...พระตำหนักปลายทอง...พระตำหนักขนาดใหญ่ ที่โอ่อ่างดงามที่สุดท่ามกลางพระตำหนักหลังน้อยๆหลังอื่นโดยรอบ...พระตำหนัก...ที่เวลานี้เป็นดั่งกรงทอง ทำหน้าที่กักขังสองเจ้าจอมผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มกบฏไว้...ล้อมรอบด้วยเหล่าจ่าโขลนระดับสูงที่วางกำลังล้อมรอบพระตำหนักอย่างหนาแน่น ชนดคนในไม่ให้ออก คนนอกไม่ให้เข้า...แม้แต่หนูสักตัวก็คงจะลักลอบเข้าออกโดยที่ไม่ถูกจับได้ไม่ได้แน่นอน...

 

      " ชิ! "

 

        หลังจากใช้เวลาไปถึง ๓ ราตรีในการสำรวจอย่างถี่ถ้วนแล้ว และพบแล้วว่าคงไม่มีทางที่จะเล็ดรอดหลบหนีออกไปได้โดยปราศจากการรู้เห็นของสายตาของเหล่านางกำนัล นางรับใช้ และเหล่าจ่าโขลนที่แม้ว่าจะยังคงรับใช้เธอ แต่ก็ทำหน้าที่เป็นดั่งผู้คุมคอยจับตาดูเธอไปด้วยได้แน่ๆ...ในที่สุด ท่านเจ้าจอมแมนผู้น้องก็ต้องสบถสาบานออกมาอย่างหงุดหงิด...ยิ่งเมื่อหันกลับไปมองท่านเจ้าจอมเพ็ง ผู้เป็นพี่สาวของเธอที่เวลานี้เหมือนกับถูกพลังอะไรบางอย่างที่แฝงมากับคาถาของไกรทำให้แปรเปลี่ยน และนิ่งเงียบ สงบไปราวกับกลายเป็นคนละคน...ยิ่งทำให้เธอต้องหงุดหงิดเข้าไปใหญ่...หงุดหงิดจนแทบจะคลั่งเลยทีเดียว!

 

      " เฮ้อ! "

 

        เมื่อเธอรู้ดีว่าเปล่าประโยชน์ที่จะไปสนใจอะไรพี่สาวของเธอ ที่เวลานี้เอาแต่นั่งนิ่งและใช้ดวงตาที่สงบเย็นเหม่อจ้องไปที่เปลวเทียนที่เต้นสั่นระริกไปมาราวกับกำลังเข้าภวังค์ฌาณ...เจ้าจอมสาวผู้น้องก็ได้แต่เดินกระทืบสันเท้าอย่างหงุดหงิดไปนั่งที่เตียงกว้างอันหนานุ่มและขาวสะอาดของตนเอง ก่อนจะขึ้นไปนั่งขัดสมาธิ ก่อนจะผ่อนลมหายใจลงพร้อมกับตั้งสมาธิอย่างแรงกล้าเต็มที่...ทำให้ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ...นาน...ชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่เธอจะพูดราวกับรำพึงอย่างช้าๆว่า...

 

      " เหล่าทาสของข้า...ออกมา "

 

      " ... "  ถึงแม้ว่าเสียงของเธอเต็มไปด้วยความขลังอันทรงพลัง แต่สิ่งที่ตอบกลับมากลับเป็นเพียงความเงียบเท่านั้น จนกระทั่งเจ้าจอมแมนถึงกับต้องขมวดคิ้วทันที

 

      " จง...ออก...มา! "

 

      " ... "

 

      " ออกมาสิยะ! จะตัวอะไรก็ได้...โหงพราย! ผีตายซาก! ออกมาเซ่!! "

 

      " เขาไม่มาหรอก...แมน...พวกเขาไปแล้ว...ไปสู่ภพภูมิที่ดีกว่า ตามสัจธรรมแห่งวัฏสงสารแล้ว "  ในที่สุด เจ้าจอมมารดาเพ็งที่นิ่งอยู่นานก็หลับตาลงพร้อมกับพูดขึ้นอย่างช้าๆ ราวกับจะให้เจ้าจอมแมนตัดใจ แต่กลับได้ผลตรงกันข้าม เพราะผู้เป็นน้องสาวหันขวับมามองเธออย่างเอาเรื่องทันที

 

      " พี่เพ็ง...พี่ก็รู้ดีว่าพันธะที่เราสองใช้ร่วมกันเพื่อผูกกับสัมภเวสีเหล่านั้นมันแน่นหนาเกินกว่าที่คาถาใดๆทั้งหมดที่พวกเรารู้จักจะสามารถคลายได้...ทางเดียวที่จะปลดปล่อยพวกมันจากการควบคุมของเราได้คือความตายของเราสองเท่านั้น! ...ไม่มีทางที่ มัน และบทสวดบ้าๆของมันจะทำได้ "

 

      " ...ท่านไกร...ไม่ใช่ มัน ...บทสวดของท่านไกรไม่ใช่บทสวดที่เราหรือใครน่าจะเคยรู้จัก...พุทธานุภาพของเขาในวินาทีนั้นมีมากกว่าพระ หรือนักบวชผู้แก่พรรษาจะสามารถครอบครองได้ด้วยซ้ำไป...ไม่แปลกหรอกที่บทสวดนั้นจะสามารถทำลายพันธะอุบาทว์ที่เราใช้เพื่อผูกวิญญาณเหล่านั้นได้... "

 

      " มันทำลายพลังอำนาจของเรา ทำลายแผนของเรา ทำลายแม้กระทั่ง ของ ที่พวกเราสะสมและร่ำเรียนมาทั้งชีวิต จนเวลานี้เราไม่ต่างอะไรจากอิสตรีธรรมดานางหนึ่งแล้ว...สำหรับข้า มัน ก็ตือ มัน !! "

 

      " ท่านไกรทำลายบาปที่เราสร้างขึ้น และช่วยเบิกดวงตาที่เมามัวไปด้วยความหลงใหลในอำนาจ และมืดบอดเพราะไสยเวทย์มนต์ดำของข้าให้สว่างขึ้น...ทำให้ข้ามองเห็นและสำนึกในบาปที่ข้ากระทำและเคยได้กระทำ...ข้าประหลาดใจนักทีบทสวดอันศักดิ์สิทธิ์และเต็มไปด้วยพุทธานุภาพของเขาไม่ส่งผลกับเจ้า... "

 

      " เวลานั้นท่านผลักข้าด้วยแรงของวิชาต้องห้ามของท่าน ทำให้หัวข้าปลิวไปกระแทกกับอะไรไม่รู้จนข้าสิ้นสติสมประดีไป พึ่งมาฟื้นเอาก็ช่วงที่คาถานั่นส่งผลไปแล้ว ข้าเลยไม่รู้ว่าคาถาเวรนั่นมันทำอะไรกับท่าน! "

 

      " เจ้าจอมแมน! "

 

      " ห...เหอะ! ...ที่ข้ารู้แน่ก็คือคาถานั่นของมันเปลี่ยนท่านไปจริงๆ! นี่ท่านจะโกนหัวบวชเป็นชีตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ของท่านไหมเนี่ย? "

 

        คำพูดเสียดสีประชดประชันของผู้เป็นน้องสาวไม่ได้ทำให้เจ้าจอมผู้พี่ที่สงบนิ่งราวกับน้ำในบ่อสะดุ้งสะเทือนหรือโมโหโกรธาใดๆ ทั้งๆที่เป็นเมื่อก่อนคงไม่ใช่แบบนี้แน่ๆ...เจ้าจอมเพ็งเพียงดวงตาหรุบต่ำลงและก้มลงมองมือเล็กบางที่สั่นเทาน้อยๆของตนพร้อมกับตอบกลับมาอย่าางเบาแสนเบาว่า

 

      " ...สิ่งที่เรา...สิ่งที่ข้าได้กระทำลงไป...การกักขัง การฉีกดวงวิญญาณอันบริสุทธิ์เพื่อมาเสริมพลังให้กับตัวข้าไม่ใช่สิ่งที่สามารถแก้ไขได้ด้วยการบวช หรืออะไรก็ตาม...ต่อให้ข้าแผ่เมตตา ประกอบกรรมดี และขออโหสิกรรมจากนี้ต่อไปทั้งชีวิตก็ไม่อาจจะลบบาปมหันตโทษนั้นไปได้...แต่หากการใช้ร่มกาสาวพัสตร์เป็นร่มใบบุญ จะสามารถสร้างกุศลให้แก่วิญญาณที่แตกสลายไปแล้วเหล่านั้นได้...ข้าก็ยินดีจะบวชตลอดไป "

 

      " พูด...บ้าอะไรของพี่เนี่ย? ข้าว่าพี่ต้องรักษาแล้วนะ...ท่านผู้เฒ่าต้องรักษาพี่ และนำพลังของเรากลับคืนมาได้แน่ๆ เชื่อข้าสิ "

 

        เฟี้ยวววว ฉึก! 

 

        เสียงของลูกธนูที่แหวกผ่านอากาศ พุ่งเข้าใส่จ่าโขลนโชคร้ายนางหนึ่งจากหลายๆนางที่ยืนเวรอยู่ด้านนอกพระตำหนักทำให้เจ้าจอมแมนผู้น้องหูกระดิกเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะผล่ะจากผู้เป็นพี่สาวและเดินไปชิดกับผนังพระตำหนัก ก่อนจะค่อยๆเหลือบมองผ่านช่องหน้าต่างของพระตำหนักที่แง้มออกไปน้อยๆ...และเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกรั้วพระตำหนัก ดวงตาสีอ่อนของเธอก็ลุกวาวเป็นประกายพร้อมกับที่มุมปากที่เป็นมุมกระจับได้รูปนั้นจะขยับเป็นรอยสแยะยิ้มทันที

 

      " หึ...ปล่อยให้รอตั้งนาน...ในที่สุดก็มากันได้เสียที "

 

        ภาพที่ลอดผ่านช่องหน้าต่างที่แง้มออกไปและเข้าสู่คลองจักษุของเธอคือภาพของจ่าโขลนสาวรูปร่างกำยำ ที่ถูกลูกธนูปริศนาที่ไม่อาจจะระบุที่มาได้ปักเข้าเต็มๆหน้าผากอย่างแม่นยำที่สุด ปลิดชีวิตของจ่าโขลนสาวผู้นั้นไปในทันทีอย่างกะทันหันที่สุด จนกระทั่งเธอไม่อาจจะร้องอะไรออกมาได้เลยด้วยซ้ำ!

 

        ก่อนที่จ่าโขลนสาวผู้อื่นจะได้ทันรู้ตัว หรือได้ทันตะโกนสั่งการอะไร...ลูกธนูปริศนาอีกชุดละ ๔-๕ ดอกก็ถูกส่งพุ่งพรวดอย่างรวดเร็วที่สุด พุ่งเข้าใส่จุดตายของจ่าโขลนสาวเหล่านั้นจนกระทั่งวิญญาณหลุดลอย ล้มพับไปทีละ ๔-๕ นาง โดยที่พวกนางไม่สามารถจะป้องกันตัวอะไรได้โดยสิ้นเชิง ทั้งๆที่พวกเธอเป็นจ่าโขลนระดับสูงที่ถูกฝึกฝนเคี่ยวกรำและคัดเลือกมาอย่างดีเลิศด้วยตัวของคุณท้าวศรีสัจจาเองเลยแท้ๆ...การล้มตายราวกับเป็นใบไม้ร่วงและไร้ซึ่งเสียงเตือนใดๆทั้งสิ้นนี่ดำเนินไปราวๆ ๓ นาทีเท่านั้น...เหล่าจ่าโขลนระดับสูงหลายสิบนางที่ยืนยามล้อมรอบพระตำหนักแห่งนี้อยู่ก็ไม่เหลือผู้ใดที่รอดชีวิตอยู่อีกต่อไป!

 

      " โหย...ลงมือได้อย่างเฉียบขาดที่สุดจริงๆ...นี่ท่านผู้เฒ่าส่งมือดีทั้งหมดมาช่วยเราสองเลยกระมั้งเนี่ย พี่ "

 

      " ... "

 

      " เฮ้อ...เอาเถอะ...ข้าหน่ายจะโกรธเคืองพี่แล้ว...เอาเป็นว่าพี่รอท่าอยู่ในห้องนี้ก่อนก็แล้วกัน...ประเดี๋ยวถ้าหากด้านนอกสงบลงแล้วข้าจะมาเชิญพี่ออกไปนะ "  เจ้าจอมแมนพูดเบาๆพร้อมกับทำท่าจะเดินออกไป แต่ข้อมือเล็กบางของเธอกลับถูกมือของเจ้าจอมผู้เป็นพี่สาวยุดเอาไว้...เมื่อเธอหันกลับมาก็พบกับดวงตาที่เต็มไปด้วยกระแสร้องขอของพี่สาวของเธอจ้องมาอยู่ก่อนแล้ว พร้อมกับที่เจ้าจอมเพ็งจะพูดขึ้นช้าๆว่า

 

      " ...แมน...หยุดเถอะ เราทำผิดมามากพอแล้ว "

 

        คำร้องขอของผู้เป็นพี่สาวทำให้เจ้าจอมแมนชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะฝืนยิ้มพร้อมกับนั่งลงข้างๆและใช้มือทั้งสองกุมมือด้านนั้นของพี่สาวของเธอไว้ ก่อนจะพูดเบาๆทันที

 

      " พี่...ข้ารู้ว่าเวลานี้พี่เหมือนกับถูกพลังประหลาดนั่นปั่นป่วนจิตใจจนกระทั่งไม่เป็นตัวของตัวเอง...เราจะรักษามัน พี่...เรารักษามันได้แน่ พี่จะต้องกลับเป็นเหมือนเดิม ข้าสัญญาเลย "

 

      " แมน... "

 

      " ข้าไปก่อนล่ะ ประเดี๋ยวข้ามานะ "

 

        เจ้าจอมสาวผล่ะจากผู้เป็นพี่อีกครั้ง ก่อนที่เธอจะหันไปหยิบปิ่นปักผมทองคำอันแหลมคมที่วางอยู่บนโต๊ะที่ใช้วางเครื่องประทินผิวขึ้นมากำมั่นไว้ในมือเพื่อใช้เป็นอาวุธจำเป็นในการป้องกันตัว ก่อนจะค่อยๆย่องราวกับแมวเดินไปที่ประตูห้องนอนและเปิดออกไปทันที

 

      " ท่านเจ้าจอมเจ้าคะ ท่านหลบเข้าห้องนอนไปก่อนเถอะเจ้าค่ะ เวลานี้มีผู้บุกรุก มันสังหารนังพวกจ่าโขลนที่ล้อมอยู่ด้านนอกหมดไปแล้ว! "

 

      " หืม? คิกๆ "  เมื่อเห็นชัดๆว่าผู้ที่พูดเตือนกับเธอคือนางกำนัลชราผู้เป็นข้าเก่าเต่าเลี้ยงและจงรักภักดีต่อเธอและพี่สาว เจ้าจอมสาวก็หัวเราะออกมาเบาๆอย่างผ่อนคลายขึ้น ก่อนจะพูดต่อเป็นเชิงปลอบขวัญนางกำนัลผู้นั่นอย่างช้าๆว่า

 

      " ไม่ต้องกังวลไปหรอก นม (แม่นม) ...นั่นคือพวกพ้องของข้าเอง...พวกเขามาช่วยข้ากับพี่น่ะ ...นี่ นมช่วยไปบอกนางกำนัลที่เป็นพวกเรามารวมไว้ก่อนเถอะนะ จะได้ไม่ถูกลูกหลงเจ็บตายไปเสีย "

 

      " น...แน่ใจนะเจ้าคะ? "

 

      " นมเชื่อข้าเถอะ...เอ้า ไปเรียกคนของเรามาได้แล้ว "  

 

        เมื่อไม่มีเหตุผลที่จะเถียง แม่นมเฒ่าก็ได้แต่กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปเรียกเหล่านางกำนัลที่เป็นข้าเก่าเต่าเลี้ยงของเจ้าจอมผู้เป็นเจ้านายทั้งสองซึ่งมีปะปนอยู่กับเหล่านางกำนัลทั่วไปในพระตำหนักแห่งนี้ประมาณ ๖-๗ นางที่กำลังอยู่ในสภาพอกสั่นขวัญแขวนให้มารวมกันไว้ตรงประตูหน้าห้องนอนหลักแห่งนี้ ในขณะที่เจ้าจอมแมนเดาะปิ่นปักผมอันแหลมคมในมือไปมา พร้อมกับเพ่งมองไปยังไม้ฉากกั้นประตูใหญ่ที่ทะลุเชื่อมไปยังด้านนอก ที่เวลานี้มีแต่เสียง ความวุ่นวาย เสียงกรีดร้องของเหล่านางกำนัลอื่นๆ ที่ไม่ใช่พรรคพวกของเธอ สอดแทรกด้วยเสียงของโลหะมีคมบางอย่างที่พุ่งชำแรกผ่านเนื้ออ่อนๆ เพื่อหยุดเหล่าเสียงอันน่ารำคาญข้างต้นไปเรื่อยๆ ...จนกระทั่งในที่สุด...เมื่อเวลาผ่านไปประเพียงประมาณชั่วอึดใจเดียว...เสียงหวีดร้องแหลมและเสียงครวญครางอันน่าขนลุกก็ค่อยๆสงบลง...ค่อยๆเงียบลง...จนกระทั่งบรรยากาศตกอยู่ภายใต้ความเงียบสงัดในที่สุด...เหลือไว้เพียงไอของการเข่นฆ่า และศพคนตายที่ลอยคละคลุ้ง...และจิตสังหารที่แหลมคมที่สุดราวกับไม่ใช่ของมนุษย์จะค่อยๆเคลื่อนเข้ามาใกล้ทางด้านประตูทางเข้าตรงหน้าอย่างแช่มช้า...

 

      " จบ...แล้ว "  ในที่สุด เจ้าจอมแมนก็กลั้นใจพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่พยายามบังคับไม่ให้สั่น...เธอพยยายามพูดปลุกปลอบ แม้ว่าจะไม่แน่ใจว่าปลุกปลอบใคร ระหว่างเหล่านางกำนัลใต้อาณัติของเธอ หรือตัวเธอเองก็ตามที

 

        แกร๊ก!

 

        สิ้นคำพูดของเธอ ร่างระหงส์ของหญิงสาวผู้อยู่ในชุดรัดกุมปิดบังรูปพรรณสัญฐานสีดำสนิท ที่เวลานี้สีดำสนิทนั้นเปื้อนเต็มไปด้วยเศษเนื้อและเลือด จนแทบจะย้อมชุดสีดำนั้นให้แดงเถือกไปเกือบทั้งชุด พร้อมกับที่ในมือทั้งสองข้างของเธอถือไว้ด้วยดาบคมเดียวเล่มเรียวเล็ก ที่เวลานี้ส่วนใบดาบสีเงินเล่นเรียวเล็กนั้นจะเปื้อนไปด้วยเลือดสีคล้ำจนเต็มไปหมด จะเดินนวยนาดเข้ามาอย่างช้าๆ พร้อมกับกลิ่นอายแห่งความตายไล่หลังมาจนน่าขนลุกเป็นที่สุด...แม้แต่กับตัวของ อดีต จอมขมังเวทย์อย่างเจ้าจอมแมนเองก็ตามที

 

     ...ถ้าให้พูด...ก็ต้องบอกว่าโชคดีเหลือเกิน...ที่ยัยโหดตรงหน้านี่เป็นพรรคพวกที่มาช่วยเธอ...

 

      " ข้างนอกเรียบร้อยแล้วหรือ? "

 

      " ... "  

 

        ถึงจะไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่หญิงสาวในชุดดำนางนั้นก็พยักหน้ารับคำช้าๆ นั่นทำให้เจ้าจอมแมนลอบผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก...ก่อนที่เธอจะสังเกตเห็นว่า มือสังหารสาวผู้มาช่วยเหลือเธอตรงหน้ากำลังเหลือบสายตาไปมองเหล่านางกำนัลที่กำลังนั่งรวมกลุ่มกันอยู่อย่างสงสัยใคร่รู้...นั่นทำให้เธอเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆทันที

 

      " อ้อ..สำหรับพวกนางน่ะไม่ต้องห่วงหรอก...พวกนางเป็นคนของข้าเอง ไม่มีอันตรายใดๆกับเราทั้งสิ้น...เออ ว่าแต่ข้าไม่เคยรู้จักเจ้าเลย เด็กใหม่อย่างนั้นหรือ? "  เจ้าจอมแมนพูดเบาๆเพื่อให้อีกฝ่ายคลายความกังวล พร้อมกับเดินเข้าไปและยื่นมือหมายจะแตะไหล่อีกฝ่ายเบาๆอย่างถือสนิท...

 

     ...แต่แล้วสิ่งที่เธอ...และเหล่านางกำนัลทุกคนไม่อาจจะคาดคิดไว้ก็เกิดขึ้น!...

 

        ฉัวะ!! 

 

        ตุ้บ!

 

        พริบตาเดียวก่อนที่มือเรียวงามนั้นจะแตะถึงไหล่ มือสังหารสาวในชุดดำนั้นก็พลิกตัววูบก่อนที่จะตวัดดาบอันคมกริบ ตัดมือที่ยื่นออกมาของหญิงสาวจนขาดกระเด็น โลหิตสีแดงสดพุ่งกระฉูดออกมาจากบาดแผลที่เรียบสนิทราวกับถูกตัดด้สยมีดโกนทันที!

 

      " ก...กรี๊ด! "  

 

        ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าเหมือนจะสาปนางกำนัลในสังกัดของเจ้าจอมแมนทุกคนต่างให้นิ่งเป็นหินไปทั้งหมด...ก่อนที่เสียงกรีดร้องของอย่างเจ็บปวดของเจ้าจอมมารดาแมนจะปลุกทุกนางให้ตื่นขึ้น พร้อมกับที่นางกำนัลเฒ่าด้านหน้า ๒-๓ นางจะร้องลั่นพร้อมกับพุ่งเข้าใส่มือสังหารสาวโชกเลือดตรงหน้าโดยหมายจะเข้ามาปกป้องผู้เป็นนายไว้...แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าดาบเล่มเรียวงามอันแหลมคม ที่อยู่ในมือของมือสังหารระดับสูงสุดแล้ว...เหล่านางกำนัลเฒ่าที่ทั้งชีวิตไม่เคยจับของมีคมใดๆที่ใหญ่กว่ามีดทำครัวเลย เป็นเสมือนฝูงเนื้อที่พุ่งเข้าใส่พญาเสือโคร่งไม่มีผิด!

 

      " ย...อย่า--- "  เจ้าจอมแมนที่ล้มลงไปและกำลังใช้แขนอีกด้านกดเส้นเลือดใหญ่ที่บริเวณรักแร้เพื่อห้ามเลือดจากบาดแผลฉกรรจ์ไว้รีบร้องห้ามเหล่านางกำนัลของเธอเพื่อไม่ให้ทำอะไรโง่ๆ ...แต่เพียงคำพูดไม่มีอำนาจมากพอจะหยุดยั้งคมดาบได้ เพราะเธอยังร้องห้ามไม่ทันจบดี ดาบในมือของมือสังหารปริศนานั้นก็พุ่งผ่านตัว...ฉีกร่างอันเหี่ยวย่น และกวักวิญญาณออกไปจากร่างของนางกำนัลเฒาผู้หาญกล้าบวกโง่เขลานั้นไปในทันที...ด้วยฝีมือการลงดาบที่เฉียบคมและเลือดเย็นที่สุด!

 

      " แม่นม! "  

 

        เจ้าจอมสาวร้องลั่นออกมาอย่างตกใจและเจ็บแค้นที่สุดที่ต้องมาเห็นนางกำนัลผู้รับใช้ใกล้ชิดเธอและพี่สาวมากว่า ๒๐ ปีต้องตายตกไปต่อหน้าต่อตา...แต่ฝันร้ายยังไม่จบลงแค่นั้น เพราะนางกำนัลที่เหลืออีก ๒-๓ นางที่กำลังพยายามจะหันหลังและเตรียมจะวิ่งหนีก็ถูกมีดซัดสีเงินวาวที่สะบัดวูบมาจากมือของมือสังหารสาว พุ่งปักเข้าที่ท้ายทอยของแต่ละนางอย่างแม่นยำราวกับจับวาง...กวักวิญญาณของนางกำนัลกลุ่มสุดท้ายที่เหลือรอดอยู่ออกไปก่อนที่ร่างของพวกเธอจะล้มลงถึงพื้นด้วยซ้ำ! 

 

      " จ...เจ้า! ...เจ้าทำอะไรลงไปเนี่ย?! จ...เจ้าเป็นใคร!! "

 

      " หืม? แย่เสียจริงนะ...ไม่เจอกันแค่พักเดียว ก็ลืมกันเสียแล้วหรือ?...ท่านหญิง... "

 

      " จ...เจ้า! "

 

        มือสังหารสาวผู้นั้นปล่อยดาบที่ยังคงชุ่มโชคเลือดในมือทิ้งอย่างไม่ใยดี ก่อนที่เธอจะใช้มือที่เลอะเลือดสีคล้ำค่อยๆปลดผ้าที่ปิดบังรูปพรรณสัญฐานใบหน้าของเธอออกอย่างช้าๆ...เผยให้เห็นเส้นผมสีเข้มยาวสลวย ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนสุกใสกลมโต และรอยยิ้มที่บริสุทธ์ราวกับหยาดน้ำค้างยามเช้าตรู่...ใบหน้าที่ทำให้เจ้าจอมแมนผู้กำลังทรุดลงและกดเส้นเลือดใหญ่เพื่อห้ามเลือดจากแผลฉกรรจ์ที่ข้อมือถึงกับตะลึงพรึงเพริด เบิกตากล้างแทบถลน...แทบจะลืมเลือนความเจ็บปวดจากบาดแผลฉกรรจ์ที่มือถูกตัดขาดนั้นไปชั่วขณะหนึ่งเลยทีเดียว

 

      " ท...ท่านหญิงตองชะเว? "

 

        ฉัวะ! 

 

      " ก...กรี๊ด! "

 

        มีดซัดเล่มเล็กๆที่ถูกซ่อนอยู่ในผ้าคลุมของมือสังหารสาวถูกตวัดและซัดเข้าเต็มๆบ่าบางๆของเจ้าจอมแมน ทำให้เจ้าจอมสาวกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดอีกครั้งทันที ในขณะที่มือสังหารสาวยังคงยิ้มหวานพร้อมกับโน้มตัวลงเข้าใกล้พร้อมกับที่รอยยิ้มหวานนั้นจะแสยะยกสูงขึ้นจนกลายเป็นรอยยิ้มแสยะที่น่าหวาดสยองที่สุด

 

      " ถ้าเป็นไปได้...ชื่อของข้าคือ อเทตยา นะเจ้าคะ...ท่านหญิง "

 

      " จ...เจ้า! ...อ...อ้ากกก! "  เจ้าจอมแมนร้องลั่นอีกครั้งเมื่ออเทตยา หรือที่เธอเรียกว่าท่านหญิงตองชะเวยกเท้าเรียวบางของเธอขึ้นและกดลงไปที่มีดซัดที่ฝังอยู่บนบ่า ซึ่งสงผลให้มีดซัดเล่มเล็กๆนั่นบาดกินลึกเข้าไปในเนื้อและสร้างความเจ็บปวดจนเธอแทบดิ้นพราด...ในขณะที่อเทตยาจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงบางเบาราวกับเสียงดนตรีอีกครั้งว่า

 

      " อย่าขยับตัวมากดีกว่านะเจ้าคะ...แผลของท่านมันฉกรรจ์อยู่...ประเดี๋ยวจะถึงชีวิตเอาได้ "

 

      " ท...ท่านหญิงตองชะเว ฟ...ฟังข้าก่อน...ข้าขอโทษจริงๆ ข...ข้าไม่ได้ตั้งใจจะสังหารเจ้าในวันนั้น ม...มันเป็นเรื่องผิดพลาด...ต...แต่เรายังสามารถตกลงกันได้นะ...อ...อ๊ากกก! "  เจ้าจอมสาวร้องลั่นอีกครั้ง เพราะฝ่าเท้าของหญิงสาวตรงหน้ากดพรวดอย่างแรงจนมีดเล่มนั้นฝังลึกเข้าในบ่านั้นทันที

 

      " ...ร...เรายังตกลงกันได้! ข้าและกลุ่มบรรลัยกัลป์ของข้ายังคงยึดข้อตกลงเก่า...หลังจากยึดอโยธยาได้แล้ว เราจะร่วมมือกันฟื้นฟูราชอาณาจักรหงสาวดีที่เป็นเถ้าถ่านให้กลับคืนความงดงามอีกครั้ง  สังหารและขับไล่พม่าให้พ้นไปจากแผ่นดินสุวรรณภูมิ...อาณาจักรแห่งชาวมอญจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง!...น...นั่นคือความตั้งใจอันสูงสุดของท่าน ผู้เป็นบุตรีคนเดียวของ จอมแม่ทัพคนสำคัญแห่งราชอาณาจักรหงสาวดีไม่ใช่หรือ?! ท่านหญิงตองชะเว...ด้วยสายเลือดราชวงศ์มอญที่สืบสายมาแต่พระเจ้าฟ้ารั่ว ปฐมกษัตริย์องค์แรกของชนชาติมอญ...เจ้าจะสามารถเป็นดั่ง พระนางเชงสอบู ได้...เจ้าจะ---อ...อ๊ากกก! "

 

      " จริง...ของท่านนะ ท่านหญิง...ข้อเสนอนี้คงจะยั่วใจข้าไม่น้อยหากว่าข้าคือตองชะเว...แต่น่าเสียดาย...ยัยเด็กโง่ตองชะเวนั้นได้ตายไปแล้วเมื่อวันที่พวกท่านหักหลังนาง...ตัวข้า...เกิดใหม่จากร่างอันไร้ค่าของตองชะเว...นามของข้า...คือ อเทตยา...สตรี...ผู้สุกสว่างดังเช่นดวงอาทิตย์อย่างไรล่ะ... "

 

      " จ...เจ้า "

 

      " อันที่จริงข้าก็ไม่ได้แค้นเคืองท่านหรอกนะ ท่านหญิง ...ออกจะขอบคุณท่านด้วยซ้ำที่เหตุการณ์นั้นทำให้ข้าได้รู้จัก และได้ใกล้ชิดกับท่านไกร... "

 

      " ถ...ถ้าอย่างนั้น--- "

 

      " แต่ว่า...มันน่าเสียดายตรงที่ท่านพยายามจะสังหารท่านไกร และเป็นผู้รู้ความจริงเรื่องของตัวตน เก่า ของข้า...และมันคงจะแย่น่าดูถ้าหากตัวตนของตองชะเวถูกเปิดเผย...ดีร้ายท่านไกรอาจจะหมางเมินกับข้าไปเลย ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนั้น ข้าคงจะทนไม่ได้เป็นแน่...ท่านก็ว่าใช่ไหม?...เพราะฉะนั้น... "

 

      " ย...อย่า! "

 

        ดาบเล่มเรียวยาวที่วางอยู่ถูกคว้าและแทงพรวดเข้าใส่ทรวงอก ทะลุและตัดขั้วหัวใจของเจ้าจอมแมนในทันทีโดยที่เจ้าของดาบไม่ยอมรับฟังข้อต่อรองใดๆจากปากของเธออีกทั้งสิ้น!

 

        ในช่วงเสี้ยววินาทีที่วิญญาณกำลังหลุดลอยออกไปจากร่างด้วยพิษบาดแผล...สิ่งสุดท้ายที่ดวงตาอันพร่าเลือนที่เบิกกว้างจนแทบถลนของเจ้าจอมแมนได้เห็นก็คือ...รอยยิ้ม...รอยยิ้มอันงดงามและบริสุทธิ์ราวกับหยาดน้ำค้าง...ที่ประดับอยู่บนใบหน้างดงามและดวงตากลมโต ที่เวลานี้เปื้อนเต็มไปด้วยโลหิตสีคล้ำของตัวเจ้าจอมแมนเอง จนย้อมให้ใบหน้าและรอยยิ้มอันงดงามนั้นแปรเปลี่ยนเป็นดั่งฆาตกรโรคจิตที่ไม่เหลือจิตสำนึกผิดชอบชั่วดีใดๆอีกต่อไปแล้ว!

 

      " ...ข้าไม่ยอมให้ท่านมาทำลายข้าหรอก...อโหสิกรรมให้ข้าด้วยเถอะนะ ท่านเจ้าจอมแมน "  อเทตยาก้มลงกระซิบข้างหูของร่างอันไร้วิญญาณของเจ้าจอมสาวผู้เป็นหนึ่งในชั้นบัญชาการแห่งกลุ่มบรรลัยกัลป์ และเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ล่วงรู้ถึงความลับอันดำมืดของเธอ ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นพร้อมทั้งกระชากดาบที่ปักอยู่ออกจากร่างของอีกฝ่าย...ซึ่งประจวบเหมาะพอดีกับที่เสียงประตูห้องนอนตรงหน้าค่อยๆเปิดออกอย่างช้าๆ ซึ่งเธอก็หันกลับไปมองพร้อมทั้งหยิบดาบอีกเล่มมาถือไว้ในมืออย่างเตรียมพร้อมทันที

 

      " ...ข้า...คิดไว้แล้วว่าสักวันเรื่องนี้จะต้องเกิดขึ้น...แต่ไม่นึกเลยว่ามันจะเกิดขึ้นเร็วเช่นนี้ ...ท่านหญิงตองชะเว "

 

      " ท่านเจ้าจอมเพ็ง... "

 

        เจ้าจอมมารดาเพ็งดูไม่ได้ตกตะลึงกับการตายตกไปต่อหน้าต่อตาของผู้เป็นน้องสาวร่วมสายเลือดเลยแม้แต่น้อย...เธอค่อยๆก้าวเดินออกมาอย่างช้าๆ ก่อนจะมาหยุดลงที่ร่างอันไร้วิญญาณของน้องสาวตนเอง...เธอค่อยๆทรุดลงนั่งพับเพียบและยกเอาหัวของเจ้าจอมแมนขึ้นมาบนตักของตนเอง ก่อนจะใช้มือเล็กบางที่เริมจะสั่นเทา ลูบเส้นผมตรงยาวของผู้เป็นน้องสาวช้าๆ...ดวงตาหรุบต่ำเริ่มสั่นไหวพร้อมกับที่เธอจะพูดขึ้นอย่างช้าๆว่า

 

      " ...ไม่มีผู้ใดหนีบ่วงกรรมพ้น...ข้ารู้ดีว่าผลกรรมจะไล่ตามมาถึงข้าและน้องสาวในไม่ช้า...เสียใจอยู่อย่างเดียวที่แมนตายจากโลกนี้ไปโดยที่หัวใจยังไม่สำนึกต่อบาป...เธอตายจากไปโดยที่ดวงตายังคงมืดบอด มัวเมาไปด้วยกิเลศและความหลงผิด...น่าเสียดายจริงๆ "

 

        ท่าทีของเจ้าจอมผู้พี่ทำให้อเทตยาชะงักไปเล็กน้อยอย่างงงงวย ก่อนที่ริมฝีปากสีกลีบกุหลาบของเธอจะคลี่เป็นรอยยิ้มหวานอีกครั้งพร้อมกับที่เธอจะเป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อนเบาๆว่า

 

      " ท่านจะต่อสู้ขัดขืน หรือพยายามล้างแค้นแทนน้องสาวของท่านก็ได้นะ ท่านหญิง...ถึงมันจะเปล่าประโยชน์ก็เถอะ "

 

      " ...อเวเรน จ สมฺมนฺติ  ...เวร...ย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร...และอีกอย่าง...ข้าจะขัดขืนไปเพื่ออะไรล่ะ...ตัวข้านั้นไม่อาลัยอาวรณ์ต่อภพภูมินี้อีกต่อไปแล้ว...ข้าสมควรจะผ่านภพ ไปชดใช้กรรมที่ข้าได้ก่อไว้แล้ว... "  เจ้าจอมเพ็งพูดอย่างแช่มช้าพร้อมกับค่อยๆใช้มือเลื่อนเปลือกตาของผู้เป็นน้องสาวที่ยังคงเหลือกโพลงอยู่ให้ปิดลง...ในขณะที่อเทตยายกดาบในมือขึ้นตั้งอย่างช้าๆ เพื่อเตรียมลงมือทันที

 

         วูบ...

 

      " ถ้าอย่างนั้นก็อย่าโกรธอย่าเคืองกันเลยนะ... "

 

      " ข้าอยากจะถามท่านสักข้อ...ท่านหญิงตองชะเว...สิ่งที่ทำให้ท่านเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้...ทำให้ท่านยอมละทิ้งความแค้นของชาติพันธุ์ในอดีต ละทิ้งอุดมการณ์อันสูงส่ง...ละทิ้งทุกอย่าง...เพราะ...ความรักสินะ "

 

      " ... "

 

        คำพูดที่พูดอย่างกะทันหันทำให้มือสังหารสาวชะงักกึก และเงียบไปอย่างอับจนถ้อยคำ นั่นทำให้เจ้าจอมผู้พี่ยิ้มเล็กน้อยทันที

 

      " ถ้าอย่างนั้นขอข้าบังอาจแนะนำ...ในฐานะผู้ที่เคยรัก เคยถูกรัก และเคยสิ้นรักมาแล้ว...ความรักไม่ใช่สิ่งที่งดงามเสมอไปหรอกนะ...ยิ่งถ้าหากรักด้วยจิตอันบิดเบี้ยว ไม่สมประกอบ และหลงผิดด้วยแล้ว...บางครั้ง ท่านจะแยกไม่ออก ระหว่าง รัก...หลง...หรือแม้กระทั่ง ใคร่ "

 

      " เรื่องของข้า...ไม่เกี่ยวกับท่าน! "

 

      " รักนั้นเป็นทุกข์...ท่านจะอยู่ในสถานะเช่นนี้ จะพูดว่ารักได้อย่างเต็มปากเช่นนี้ไปอีกถึงเมื่อไหร่...ก่อนที่รักที่ไม่มีวันสมหวังของท่านจะแปรเปลี่ยนไปเป็นความแค้น...ก่อนที่ท่านจะหันคมเขี้ยวใส่ผู้ที่เจ้ายึดมั่นถือมั่นในรักอันบิดเบี้ยวของเจ้า...ท่านหญิงตองช---- "

 

        ฉัวะ!!

 

        ในที่สุด ความอดทนที่ถูกทดสอบของเธอก็สิ้นสุดลง...ก่อนที่เจ้าจอมเพ็งจะได้ทันเอ่ยนามตองชะเวจนครบถ้วน ดาบเรียวยาวอันคมกริบในมือของอเทตยาก็ตวัดฟันฉับด้วยความเร็วจนแทบมองไม่ทัน...ตัดผ่านคอเรียวบางของเจ้าจอมผู้พี่วูบ ก่อนที่เธอจะใช้เท้าเรียวบางถีบร่างของเจ้าจอมผู้นั้นให้ล้มลงด้วยแรงโมโห จนกระทั่งหัวอันงดงามของเจ้าจอมหลุดกลิ้งไป...โลหิตสีสดจากปากแผลที่ลำคอพุ่งกระฉูดจนย้อมพื้นให้แดงฉานไปทั่วจนที่แห่งนี้กลายเป็นดั่งขุมนรกไปในทันที!

 

      " ชื่อ...ของ...ข้า...คือ...อเทตยา! "

 

      " ย...อย่า!! "

 

        เสียงตะโกนลั่นของหญิงสาวคนหนึ่งที่ดังขึ้นจากด้านหลังอย่างกะทันหันทำให้อเทตยาหันขวับกลับไปพร้อมกับจิตสังหารที่พุ่งพรวดจนทะลุขีด...ดาบที่ใช้ปลิดชีวิตทั้งสองเจ้าจอมในมือถูกเหวี่ยงด้วยความเร็วแทบมองไม่ทัน จนกลายเป็นดาบซัดที่พุ่งราวกับลูกธนูเข้าใส่ต้นตอของเสียงนั้นในทันที! 

 

        เคร้ง! 

 

        เสียงของโลหะกระทบโลหะทำให้เธอรู้ได้ทันทีว่าการจู่โจมของเธอพลาดเป้า แต่อเทตยากลับไม่มีช่องว่างของการตกตะลึงเลยแม้แต่น้อย เพราะพริบตาเดียว หญิงสาวก็พุ่งก้มลงไปแทบติดพื้นพร้อมกับที่มือของเธอคว้าดาบเล่มเรียวบางที่วางอยู่อีกเล่มเข้ามากระชับแน่น ก่อนที่พริบตาต่อมาเธอก็พุ่งเข้าใส่นางกำนัลสาวผู้นั้นราวกับกระสุนปืน ก่อนจะพุ่งรวบอีกฝ่ายจนล้มกลิ้งลง และตวัดดาบจ่อไปที่ปลายคางมนของผู้เหลือรอดนางนี้ เพื่อเตรียมจะเผด็จศึกทันที! 

 

      " ย...อย่า "

 

        แน่นอนว่าคำร้องขอของอีกฝ่ายแทบไม่มีผลอะไรต่อการตัดสินใจของเธอเลยแม้แต่น้อย แต่เพียงชั่วเสี้ยววินาทีก่อนที่ปลายดาบจะแทงทะลุคอของอีกฝ่ายเท่านั้น ดวงตาอันเบิกกว้างราวกับสัตว์ร้ายของเธอจะเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายชัดๆ ปลายดาบของเธอก็หยุดลงอย่างกะทันหันทันที

 

      " ท่านอุษา? "

 

      " อ...อเทตยา? "  อุษาที่ได้รับคำสั่งของท่านผู้เฒ่าให้แฝงตัวเข้ามาเพื่อคอยเฝ้าและคุ้มครองสองเจ้าจอมที่พระตำหนักปลายทองแห่งนี้ โดยการแฝงเข้ามาเป็นหนึ่งในนางรับใช้บนพระตำหนัก และเวลานี้ก็ได้รับบาดเจ็บจากคมดาบของอเทตยาอยู่ไม่ใช่น้อยๆ พูดออกมาอย่างตะกุกตะกักและตกตะลึง เพราะเธอเองก็พึ่งจะรู้เช่นกันว่าผู้ที่ลงมือสังหารล้างตำหนักด้วยตัวคนเดียวนี้คือมือฉมังธนูสาวที่ไกรช่วยชีวิตไว้นั่นเอง

 

      " คิกๆ โธ่เอ้ย...ข้าก็คิดอยู่ว่านางกำนัลคนไหนจะมีความสามารถมากพอจะรอดชีวิตจากคมดาบของข้าได้...ที่แท้ก็เป็นท่านนี่เอง... "  อเทตยาพูดเบาๆพร้อมกับลดจิตสังหารที่สูงลิบลงจนไม่เหลือหรอ แต่กลับยังคงไม่ยอมลดดาบที่ปลายยังคงจ่ออยู่ที่ปลายคางของหญิงสาวและไม่ยอมลุกจากการคร่อมตัวหญิงสาวตรงหน้าแต่อย่างใด ในขณะที่ดวงตาที่สับสนของอุษาไหวระริกพร้อมกับที่เธอพูดด้วยเสียงที่สั่นเครือช้าๆว่า

 

      " จ...เจ้า...ไม่ได้มีฝีมือแค่ยิงธนู...เจ้าสังหารคนหมดทั้งตำหนัก...และเจ้า...ย...ยังไม่ได้ชื่ออเทตยาด้วย...จ...เจ้าชื่อ--- "

 

      " อ่ะๆ ...อย่าเอ่ยนามนั้นออกมาจะดีกว่านะเจ้าคะ ท่านอุษา...เพราะข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าถ้านามนั้นหลุดออกมา ข้าจะยังคงควบคุมดาบในมือ ไม่ให้แทงทะลุคอสวยๆของท่านไว้ได้รึเปล่า...และข้าก็ไม่อยากทำคอสวยๆของท่านมีรอยแผลในเวลานี้ด้วย "  อเทตยารีบเอ่ยเตือนมือสังหารสาวที่อยู่เบิ้องล่างด้วยรอยยิ้มที่เป็นรอยยิ้มปรกติของเธอ แต่สำหรับอุษาแล้ว รอยยิ้มนั้นช่างน่าหวาดกลัวจนแม้แต่มือสังหารเจนสนามอย่างเธอยังถึงกับต้องตัวสั่นเทาเป็นลูกนกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยทีเดียว

 

      " อ...อเทตยา "

 

      " คิกๆ ดีมาก...เด็กดีๆ "  อเทตยาใช้มืออีกข้างที่ยังว่างอยู่ลูบไล้ที่แก้มเนียนอันสั่นเทาของอุษาอย่างทะนุถนอม ก่อนที่เธอจะค่อยๆก้มลงอย่างช้าๆจนริมฝีปากของเธอไปเล็มเลียที่ไรผมสลวยข้างๆหูของมือสังหารสาวแห่งหมู่บ้านยุคันตวาต จนทำให้อุษาถึงกับขลุกเกรียวอย่างเลี่ยงไม่ได้ในทันที

 

      " ท่านอุษา...อเทตยาคนนี้มีเรื่องที่อยากจะขอร้องท่านสักเรื่องนะเจ้าคะ...เรื่องราวทั้งหมดในค่ำคืนนี้ ข้าอยากจะให้ท่านลืมเลือนไปเสียสิ้น ไม่แพร่งพรายให้ผู้ใดก็ตาม...โดยเฉพาะท่านไกร รับรู้ ได้...หรือไม่...เจ้าคะ? "

 

      " ท...ทำไมกัน?! "  อุษาพยายามถามอีกฝ่ายว่าเธอทำเรื่องเช่นนี้ไปทำไมกัน แต่อเทตยาเข้าใจผิดและไพล่ไปคิดว่าเธอถามว่าเธอจะปิดเรื่องนี้เป็นความลับไปทำไมกัน...เธอจึงยิ้มหวานพร้อมกับใช้มือที่เคยลูบแก้มของอุษา ลูบไล้เข้าที่ส่วนเว้าส่วนโค้งอื่นๆของมือสังหารผู้ที่ตกเป็นเชลยกลายๆ ก่อนจะก้มลงกระซิบเบาๆ ข้างหูของอีกฝ่ายอีกครั้งว่า

 

      " เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเองน่ะเจ้าค่ะ...ที่ท่านยังคงรอดชีวิตอยู่ได้ เป็นเพราะถ้าหากท่านสิ้นชีพ มันจะดูแปลกประหลาดเกินไป...และท่านไกรก็อาจจะสงสัยมาถึงข้าได้...แต่ถ้าหากท่านเปิดเผยเรื่องนี้ จนทำให้ข้าต้องตกที่นั่งลำบาก...จนต้องถูกแยกให้ห่างจากท่านไกร...มันจะทำให้เหตุผลเดียวที่ช่วยให้ท่านมีชีวิตรอดอยู่หมดลงไปในทันที...ท่านพอจะเข้าใจอเทตยาคนนี้แล้วสินะเจ้าคะ? "

 

      " ข...ข...ข้าเข้าใจแล้ว...ข้าจะไม่พูดเรื่องนี้กับใครเป็นอันขาด...ข...ข้าสาบานเลย! "

 

      " คิกๆ ข้าเชื่อใจท่านนะเจ้าคะ... "  อเทตยากระซิบเบาๆ ทั้งยังคงไม่หยุดใช้มือลวนลามจุดสงวนต่างๆราวกับกำลังขู่ให้อุษาหวาดกลัว พร้อมกับพูดต่ออย่างแช่มช้าด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเบาๆว่า

 

      " จงอย่าได้ลืมเลือนคำสาบานนี้แม้ในยามหลับใหลนะเจ้าคะ...เพราะถ้าหากเรื่องนี้รู้ถึงหูท่านไกร...ท่านพอจะรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น?... "

 

     " ข...ข้าจะถูกสังหาร...บ...แบบเดียวกับทุกคนในพระตำหนักนี้ " 

 

     " คิกๆ ผิดแล้ว "  อเทตยากระซิบข้างหูมือสังหารสาวอีกครั้ง แต่คราวนี้เธอปลดปล่อยจิตสังหารให้พุ่งวูบจนอุษาหวาดกลัวแทบจะสิ้นสติเลยทีเดียว

 

     " ...ข้าสาบานเลย ว่าข้าจะลงมือกระทำในทุกสิ่งที่ท่านหวาดกลัว ทำให้ทุกๆฝันร้ายที่ท่านเคยพบกลายเป็นเพียงเศษเสี้ยว...จนกระทั่งในท้ายที่สุด ท่านจะต้องร้องขอความตายจากข้าเลยทีเดียวล่ะเจ้าค่ะ! "

 

        อเทตยาค้างนิ่งอยู่ท่าคร่อมตัวอุษาต่ออีกเล็กน้อย ก่อนที่ในที่สุดเธอจะลุกขึ้นและบิดตัวอย่างเมื่อยขบจนกระดูกลั่นเกรียวพร้อมกับครางเบาๆราวกับลูกแมว ...จากนั้นเธอก็เดินไปเก็บดาบและหลักฐานทุกอย่างที่ชี้มายังเธอได้ และกลบเกลื่อนร่องรอยทุกอย่างอย่างละเอียดถี่ถ้วน โดยไม่หันกลับมาสนใจอุษา...หรือร่างอันไร้วิญญาณของสองเจ้าจอมที่เธอพึ่งสังหารไปเลยแม้แต่นิดเดียว...ในขณะที่อุษาในเวลานี้แม้ใจอยากจะวิ่งหนีจากหหญิงสาวโรคจิตนี้ไปให้ไกลที่สุด แต่ร่างกายเธอก็ยังคงไร้ซึ่งเรี่ยวแรง จนกระทั่งเธอทำได้แต่นอนนิ่งอยู่อย่างนั้น...และเมื่อดวงตากลมโตของเธอไปสบกับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนและใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มบริสุทธิ์ของอเทตยา อุษาก็ได้แต่หลบเลี่ยงสายตา พร้อมกับพูดตะกุกตะกักออกมาเบาๆทันที

 

      " จ...เจ้า...เจ้าทำได้อย่างไร?...อเทตยา "

 

      " หืม? เจ้าคะ? "

 

      " ทั้งๆที่เจ้าพึ่งจะสังหารเจ้าจอมเพ็ง เจ้าจอมแมน รวมไปถึงนางกำนัลและเหล่าจ่าโขลนไปกว่าครึ่งร้อยด้วยตัวคนเดียวแท้ๆ...เจ้ายังคงยิ้มอย่างบริสุทธิ์ราวกับเด็กสาวไม่ประสานั้นได้อย่างไร? "

 

      " อ้อ...โธ่ ไม่เห็นแปลกเลยนี่... "

 

      " ??? "

 

      " ก็เพราะท่านไกร...ท่าทางชื่นชอบ..และมีความสุข ที่ได้เห็นรอยยิ้มของข้านี้อย่างไรล่ะเจ้าคะ... "

 

 

 

 

..................................................

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.1 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา