ยุคันตวาต (ลมสิ้นยุค)

9.4

เขียนโดย PingJa

วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.49 น.

  152 ตอน
  11 วิจารณ์
  132.18K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557 20.02 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) ...ตอนที่ ๑ ...มือสังหาร...(๑)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

 

===============================================

 

 

 

           ...จิ๊บๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ...

 

               เสียงร้องเซ็งแซ่ของเหล่านกชนิดต่างๆ และแสงแดดที่เริ่มส่องแยงตา ทำให้ไกรครางเบาๆ ราวกับแมวขี้เกียจๆ พร้อมกับพลิกตัวเพื่อหันหน้าหนี  ก่อนที่สติสัมปชัญญะที่เริ่มกลับคืนมาของเขาจะบอกเขาถึงสิ่งที่ไม่ชอบมาพากล...วินาทีต่อมา ดวงตาที่เบิกกว้่างขึ้นของเขาก็พบกับความไม่ชอบมาพากลที่เขารู้สึกแบบเต็มๆ

 

               พริบตาแรกที่เขาลืมตาตื่นขึ้นมา ชายหนุ่มพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนพื้นทางลูกรังแดงๆ ข้างๆ กับแนวไม้ทึบที่เขาไม่คุ้นตาเอาเสียเลย

 

             " อ...อะไรฟะเนี่ย?! "  ไกรหันซ้ายหันขวาพร้อมกับอุทานเบาๆ...จะว่านอนดิ้นเขาก็นึกไม่ออกจริงๆว่านอนดิ้นอีท่าไหนถึงได้โผล่มาถึงที่นี่ได้

 

             " ร...รึว่าป๋าตูเล่นตูเข้าซะแล้วหว่า? "

 

               ก่อนที่ชายหนุ่มจะได้คิด วิเคราะห์ แยกแยะอะไรต่อไป โสตประสาทของเขาก็รับรู้ถึงสิ่งผิดปรกติอีกอย่างหนึ่งที่พุ่งแทรกเข้ามา...ถ้าเขาเดาไม่ผิดมันเป็นเสียงฝีเท้าม้าหลาย 10 ฝีเท้ากำลังควบตะบึงเข้ามาใกล้...เพียงไม่กี่อึดใจระหว่างที่ไกรยังคนยืนงงเป็นไก่ตาแตกอยู่ เขาก็ถูกล้อมด้วยเหล่าชายฉกรรจ์แต่งตัวแบบชุดทหารพม่าโบราณๆ บนหลังม้าศึกหลาย 10 ชีวิต ควบล้อมหน้าล้อมหลังจนฝุ่นแดงคลุ้งตลบไปทั่ว

 

             " !#@%^*^%$$&*%$!@ ! "  ชายตรงหน้าเขาที่สวมชุดเกราะหนังที่ดูภูมิฐานสุดชักม้าไปมาพร้อมกับตะคอกเป็นภาษาอะไรก็ไม่รู้ใส่เขาดังลั่น

 

             " อ...เอ่อ...ขออีกทีดิ๊ครับ... "

 

             "@%*@$^#($!%#%&@$ "  

 

             " ... "

 

             " @%*@$^#($!%#%&@$ !#@%^*^%$$&*%$!@ !!! "

 

             " ข...เข้าใจล่ะ! พวกพี่เป็นพวกหน้าม้าของรายการแกล้งคนที่ออกทางทีวีบ่อยๆ ใช่ไหมครับพี่? ...โหย งานนี้พี่โคตรลงทุนเลยนะเนี่ย  ค่าโลเกชั่นเอย ค่าเช่าม้าเอย ค่าเช่าชุดกับอุปกรณ์ประกอบฉากเอย...ถ้าพี่จะจัดหนักขนาดนี้ทำไมพี่ไม่ไปอำซุป'ตาร์ หรือท่านนายกฯ ซะเลยวะพี่?! "  ไกรหัวเราะก๊ากลั่นพร้อมกับทำหน้าราวกับเข้าใจเหตุการณ์ทุกอย่าง ก่อนจะพยายามแหวกวงล้อมออกไป  แต่ชายที่แต่งชุดเป็นหัวหน้ากลุ่มทหารม้านี้กลับใช้ด้ามหอกกระทุ้งเขากลับเข้ามากลางวงล้อมอีกครั้ง

 

             " !#&@*$^$@%!(@$&(!#$_$ !!! "

 

               ไกรมองหน้าชายคนนั้นนิ่งด้วยสายที่เริ่มไม่มีอารมณ์เล่นด้วย

 

             " ผมว่าพวกพี่ๆ ไปหลอกไอ้หน้าโง่คนอื่นดีกว่านะ...ผมจะกลับบ้านของผม! "  เขาพูดเรียบๆ พลางเดินฝ่าออกไปอีกครั้ง  แต่อีกฝ่ายกลับใช้ด้ามหอกกระทุ้งกลับมาอีก แถมจะแรงกว่าเดิมด้วยซ้ำ

 

             " รู้อะไรไหม?...ฉันว่าพวกแกเป็นหน้าม้าที่แอ๊คติ้งได้ห่วยที่สุดเท่าที่ฉันเคยดูมาเลยว่ะ...ส่วนเอ็ง...แน่จริงลองใช้ด้ามหอกด้ามห่านของเล่นนั่นตีฉันอีกทีสิวะ!! "

 

 

               ผัวะ !!!! 

 

              

               ชายชุดนายกองพม่าคนนั้นไม่ใช่แค่ตี แต่เล่นฟาดเขาอย่างแรงด้วยด้ามหอกจนกระทั่งเขาถึงกับเซแท่ดๆๆๆ

 

 

             " ...หวังว่ามึงคงได้ค่าจ้างคุ้มค่าเจ็บนะ !!! ... "

 

                 

               ไกรกระโดดพรวดคว้าด้ามหอกเล่มนั้นก่อนจะคำรามลั่น  พริบตาต่อมาร่างของทหารโชคร้ายคนนั้นก็ลอยละลิ่วปลิวจากหลังม้า หล่นตุ้บลงมาที่พื้นเสียงดังลั่น พร้อมกับเสียง เป๊าะ!  คล้ายกับอะไรบางอย่างหักเป็นสองท่อน ทำเอาชายคนนั้นถึงกับร้องลั่นราวกับหมูถูกเชือด

 

             " ฉันเตือนแล้วนะเฟ้ย!!  เอ้า! ไอ้โง่ตัวไหนอยากเจ็บตัวอีกก็เข้ามา!! "  ไกรกระชากเสียงอย่างแข็งกร้าว แต่เพียงพริบตาเดียว ดาบและหอกอันคมกริบจากทุกคนที่เหลืออยู่บนหลังม้าก็ชี้มาที่เขาอย่างประสงค์ร้าย จนชายหนุ่มต้องรีบยกมือยอมแพ้อย่างกะทันหัน

 

             " @$*!&@$@&(@$-&$@$&*)@$&(@$ !!!! "

 

             " ฮะๆ ที่ฮาแตกสุดๆ ไปเลยก็คือ ดาบและหอกพวกนี้...มันเป็นของจริงนี่สิ... "

 

 

               ผัวะ !!!!!!!!! 

 

 

             

 

 

................................................

 

 

 

 

          

             " อ...อืม...อือ... "  ไกรครางเบาๆ พร้อมกับลุกขึ้นนั่งและตบต้นคอตัวเองอย่างแรงเพื่อเรียกสติตัวเองให้กลับเข้าที่เข้าทาง ความรู้สึกชาๆ หน่วงๆ ที่หัวเริ่มถูกแทนที่ด้วยความเจ็บปวดชนิดหัวแทบระเบิด...ดวงตาที่พร่ามัวของเขาเริ่มสอดส่ายเก็บข้อมูลอย่างช้าๆ ก่อนที่เขาจะพบว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่บนกองฟางแห้งๆ ที่ถูกล้อมรอบด้วยกรงที่ถูกสร้างให้มีลักษณะเหมือนคุกโล่งๆ ที่ปลูกอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่...ภายนอกเป็นแถวทหารที่กำลังเดินสวนสนามตรวจตรา ถัดออกไปเป็นกระโจมศึกที่เขาเคยเห็นบ่อยๆ ในหนังอิงประวัติศาสตร์หลายๆ เรื่อง กางอยู่นับสิบกระโจม

 

             " ...ได้ข่าวว่าเจ้าทำซี่โครงของนายกองคนนึงหัก ขณะที่พวกมันพยายามจับเจ้า...ฮ่าๆๆ ใจเด็ดดีนี่หว่า "  เสียงของชายหนุ่มที่อยู่ๆ ก็ดังขึ้นทางด้านหลังของเขาทำเอาไกรสะดุ้งโหยง ก่อนจะหันกลับมามองอย่างหวาดระแวง

 

            ...ผู้พูดเป็นชายหนุ่มคะเนจากหน้าตาน่าจะมีอายุไล่เลี่ยกับเขา ดวงตาสีน้ำตาลเข้มแข็งกร้าวเป็นประกายเข้ากันกับผมสั้นสีเดียวกันที่ดูยุ่งเหยิงอยู่ตลอดเวลา  ที่ข้างๆ ริมฝีปากที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มนั้นคือรอยแผลเป็นที่มีลักษณะคล้ายรอยกรงเล็บสัตว์ขนาดใหญ่พาดผ่านตลอดแก้มขวา...ชายหนุ่มเปลือยท่อนบน เผยให้เห็นร่างกายสีน้ำผึ้งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามราวกับรูปปั้น แต่ก็เต็มไปด้วยบาดแผลอันแสดงถึงการใช้ชีวิตไม่ว่าจะเป็นรอยหอกรอยดาบ ไปจนถึงรอยสัตว์ร้ายต่างๆ...เครื่องประดับเดียวที่ชายหนุ่มคนนี้มีคือสร้อยประคำสีหม่นๆ ที่ถูกร้อยแทรกไว้ด้วยเขี้ยวงาของสัตว์เดรัจฉานร้ายต่างๆ ...ที่ข้อมือของเขาถูกพันธนาการไว้ด้วยตรวนเหล็กอย่างแน่นหนาจนชายคนนี้แทบกระดิกตัวไม่ได้เลยทีเดียว...

 

             " ฮ...เฮ้อ...ในที่สุดก็ได้เจอคนที่พูดภาษาเดียวกันซะที...อ...เอ่อ...สวัสดีครับ...ผมชื่อไกร...คุณชื่อ? "

 

               ชายหนุ่มภายใต้พันธนาการเลิกคิ้วเล็กน้อยอย่างสงสัยใคร่รู้ ก่อนที่ริมฝีปากที่ยิ้มบางๆ จะตอบกลับมาสั้นๆ 

 

             " ...สิงห์ "  ก่อนที่เขาจะพูดต่อ  " สวัสดี  งั้นรึ? ...ช่างเป็นคำทักทายที่แปลกหูเสียเหลือเกิน...ข้าไม่คุ้นกับสำเนียงและเครื่องแต่งกายของเจ้าเลย พื้นเพเจ้าเป็นคนที่ใดกันแน่? "

 

               ไกรก้มลงมองดูเสื้อยืดลายการ์ตูนโง่ๆ เก่าๆ และกางเกงขาสั้นสีแสบสันต์ตัวเก่งที่เขาใส่เป็นชุดนอนก่อนจะหัวเราะแห้งๆ

 

             " 'โทษทีเรื่องเสื้อผ้านะ...พอดีนี่เป็นชุดนอนของผมน่ะ...ส่วนคำถามว่าผมเป็นคนที่ไหน ผมอยู่เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ น่ะครับ...แล้วตกลงนี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกันแน่ แล้วที่นี่มันที่ไหนเนี่ย?! "

 

             " บางกะปิ? กรุงเทพ?? "  ชายหนุ่มที่มีนามว่าสิงห์ทวนคำเบาๆ ราวกับเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน ก่อนที่เขาจะหัวเราะเบาๆ อย่างไม่ติดใจสงสัยอะไรพลางมองไปรอบๆ และพูดต่อ  " สำหรับคำถามว่าที่นี่ที่ไหน...ข้าว่าที่นี่ก็ดูเหมือนคุกจองจำดีนะ...ว่าไหม? "

 

             " ค...คุก ?! ...ไอ้รายการทีวีบ้าบอนี่มันถึงกับสร้างคุกโบราณๆ นี่ขึ้นมาเลยเหรอฟะเนี่ย?! ทุ่มทุนสร้างไปรึเปล่าวะ? "  ไกรอุทานเบาๆ พลางคลึงนิ้วข้างที่สวมแหวน แต่เขาก็ต้องเบิกตากว้างอีกครั้ง  " ฮ...เฮ้ย! แหวน...แหวนตู...ไอ้ริยำพวกนั้นแฮ้บแหวนตูไปด้วยเหรอเนี่ย?! แบบนี้ถ้าป๋ารู้มีหวังได้โดนด่าเปิงแหงๆ "

 

             " ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจก็เถอะ  แต่เจ้านี่ช่างมีอารมณ์ขันดีเหลือเกิน  ข้าไม่ได้หัวเราะเต็มเสียงแบบนี้มาหลายเดือนแล้วนะเนี่ย "

 

             " ผมไม่ตลกด้วยนะเฟ้ย! บอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะว่าผมจะออกจากไอ้โลเกชั่นฉากหนังห่วยๆ นี่ได้ยังไง?! "

 

               สิงห์ยกมือให้ไกรดูโซ่ตรวนที่ผูกข้อมือติดไว้กับทั่งเหล็กนอกกรงชัดๆ พร้อมกับพูดช้าๆ 

 

             " ข้าเดาเอาว่าเจ้าคงคิดจะแหกคุกสินะ...ล้มเลิกความตั้งใจเสียเถอะ...ถึงเจ้าจะแหกกรงนี้ออกไปได้ เจ้าก็ต้องเจอกับทหารพม่ารามัญเป็นกองร้อยอยู่ดี...ถ้ายังรักชีวิตอยู่ล่ะก็ ข้าว่าทางที่ดีเจ้านั่งๆ นอนๆ อยู่เฉยๆ ดีกว่า "

 

             " เลิกบ้าซะทีเถอะน่า! นี่มันก็แค่เรื่องแหกตายกเมฆบ้าๆ บอๆ ที่เอาไว้หลอกคนโง่ไม่ใช่รึไง!...มันจะคอขาดบาดตายอะไรกันนักกันหนา?! "  ไกรทำท่าจะเดินไปที่ประตูกรง แต่สิงห์กลับใช้ขากระตุกไว้จนชายหนุ่มล้มคว่ำลงบนกองฟางดังตุ้บ! 

 

             " อะไรของเอ็งฟะ!! "

 

             " ข้าชอบเจ้านะ ที่เจ้ายังคงมีอารมณ์ขันในสถานการณ์แบบนี้ได้...เพราะงั้นข้าจะขอเตือนเจ้าด้วยความหวังดี...เหล่าทหารข้างนอกนั่นต้องจากบ้าน จากแผ่นดิน จากครอบครัวมาไกล...จึงไม่น่าแปลกใจที่พวกมันจะมีอารมณ์ฉุนเฉียวโมโหร้ายอยู่ตลอดเพลา...ที่พวกมันยังไม่ฆ่าเจ้ากับข้าทิ้ง ก็คงเป็นเพราะพวกมันต้องการให้เราบอกอะไรดีๆ ให้แก่พวกมันเท่านั้น...ลองเจ้าทำอะไรโง่ๆ ดูสิ...พวกมันคงไม่ใช่ฆ่าเจ้าทิ้งเฉยๆ แน่...หรือถ้าเจ้านึกอยากจะโดนพวกมันทรมานจะตายอย่างช้าๆ ก็ลองแหกกรงนี่ดูไปสิ...คราวนี้ข้าจะไม่ห้ามเจ้าอีกเลย "  น้ำเสียงและแววตาของสิงห์หนักแน่นและจริงจังจนกระทั่งไกรชะงักกึก ไม่อาจหาญพอจะลองเสี่ยง...ทั้งๆ ที่เขาก็พึ่งบอกไปเองว่าเรื่องพรรค์นี้มันเป็นเรื่องแหกตาอยู่แท้ๆ 

 

               ไกรถอนหายใจเฮือกพร้อมกับทรุดลงนอนเอกเขนกที่มุมกรงฝั่งตรงข้ามกับสิงห์ เขาหลับตาลงพร้อมกับใช้มือขยี้สันจมูกอย่างขัดใจ

 

             " แล้วนี่ฉันต้องรับบทเป็นเชลยศึกจำเป็นไปอีกนานแค่ไหนกัน? "

 

             " หือ? ...ถึงจะยังไม่ค่อยเข้าใจก็เถอะ...แต่เหตุใดเจ้าถึงได้ถามเช่นนั้นเล่า? "

 

             " ก็เพราะฉันอยากรู้ว่าฉันจะได้กระทืบไอ้คนที่เอาด้ามหอกฟาดหัวฉันเมื่อไหร่น่ะสิ "

 

             " ก๊าก! ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ...ข้าคิดไม่ผิดจริงๆ ...เจ้านี่มันมีอารมณ์ขันสุดๆ ไปเลย "  โดยที่ไกรไม่ได้ทันมองเห็น  ดวงตาของสิงห์ก็วาวโรจน์เป็นประกายขึ้นอย่างน่ากลัวพร้อมกัยที่เขาจะพูดต่อ  

 

             " อีกมินานเกินรอหรอก...ไกร...อีกมินานหรอก! "

 

 

 

 

..............................................

 

 

 

 

 

           ...ตกดึก...

 

             " อ้าว? ตื่นแล้วรึ?...ไกร... "  สิงห์เลิกค้วทักทันทีเมื่อเห็นเพื่อนร่วมห้องขังของเขาหาวหวอดๆ พร้อมกับโงนเงนลุกขึ้นมาอย่างช้าๆ

 

             " อ...อือ...เผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้เรื่องเลยแฮะ...นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วเนี่ย? "

 

               สิงห์แหงนหน้าขึ้นไปมองบนฟ้าในคืนเดือนมืดที่เต็มไปด้วยดวงดาวส่องประกายระยิบระยับ พร้อมกับยักไหล่เล็กน้อย

 

             " น่าจะใกล้สิ้นสุดยามสองเต็มทีแล้วล่ะ "

 

             " แปลว่าใกล้ๆ เที่ยงคืนแล้วสินะ "  ไกรต่อเบาๆ อย่างเริ่มชินกับคำพูดหลงยุคของอีกฝ่ายแล้ว

 

             " ตื่นมาได้จังหวะเหมาะดีแท้...เวลานี้เป็นเวลาที่เวรยามพวกมันหละหลวมที่สุดพอดี "

 

             " หือ?...หมายความว่าไง? "

 

             " เอาเถอะ...เดี๋ยวเจ้าก็รู้เองแหละ...เวลาหนี้ข้าอยากให้เจ้าถอยห่างไปนิดนึง...ไม่สิ...ทางที่ดีช่วยถอยไปให้ชิดติดมุมกรงเลย "

 

               ถึงจะยังสะลึมสะลือบวกกับยังงงๆ อยู่ แต่ไกรก็ยังทำตามแต่โดยดี จากนั้นเขาก็หันกลับมาเลิกคิ้วเหมือนกับถามกลายๆ 

 

             " เฮ้อ...หวังว่ามันคงจะได้ผลนะ...ไม่เช่นนั้น ยาย นาสตี้ มีหวังได้จับเราเผาทั้งเป็นเป็นแน่ "  สิงห์บ่นพึมพำกับตัวเอง ก่อนที่อยู่ๆ เขี้ยวซี่หนึ่งที่ประดับบนประคำของเขาจะสว่างวาบ พร้อมๆ กับที่เขาคำรามเบาๆ 

 

             " หัวใจหมีป่า ! "

 

             *โฮก !!*

 

               เสี้ยววินาทีเดียวกับเสียงคำราม...แขนที่ถูกพันธนาการอยู่ทั้งสองข้างของเขาก็เหมือนจะขยายใหญ่ขึ้นพร้อมกับส่องแสงสีฟ้าระเรื่อ ก่อนที่เขาจะกระชากโซ่ตรวนเหล็กกล้าที่ติดแขนเขาอยู่จนขาดสะบั้นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยราวกับฉีกกระดาษแข็งไม่มีผิด! ก่อนที่สิงห์จะตบหน้าอกตัวเองเบาๆ พร้อมกับกระซิบเรียบๆ 

 

             " ผนึก ! "

 

             " ฮ...เฮ้ย!! "  ไกรที่เห็นเหตุการณ์ชิดติดขอบจอตั้งท่าจะร้องลั่นอย่างตกใจ แต่ก็ถูกสิงห์พุ่งเข้ามาเอามืออุดปากเขาไว้อย่างรวดเร็ว

 

             " ชู่ว...อย่าได้เอ็ดอึงไป...เดี๋ยวพวกทหารยามที่นั่งหลับนกอยู่นั่นก็ได้ตื่นขึ้นมากันพอดี "  สิงห์เขม่นมองให้แน่ใจว่าชายหนุ่มตรงหน้าควบคุมสติได้แน่แล้ว เขาจึงค่อยๆ เอามือออกอย่างช้าๆ 

 

             " น...นาย ทำได้ยังไงกันเนี่ย!? "

 

             " ไว้ข้าค่อยอธิบายให้ฟังทีหลัง...หลังจากที่เราทั้งคู่ออกไปจากที่นี่ได้เสียก่อน "  สิงห์ถอยออกมายืนอยู่ตรงกลางห้องขังพร้อมกับบิดตัวไปมาจนกระดูกลั่นเกรียว ก่อนที่เขาจะเลิกคิ้วอย่างนึกอะไรขึ้นได้ และหันมองที่ไกรพร้อมกับแยกเขี้ยวยิ้ม

 

             " ข้าเตือนด้วยความหวังดีนะ...เจ้าอาจจะไม่อยากเห็นสิ่งที่ข้าจะทำต่อไปนี้ก็ได้ "

 

             " หือ?...ยิ่งพูดยิ่งอยากรู้แฮะ...มีอะไรทำให้ฉันประหลาดใจได้มากกว่านี้อีกเหรอ? "

 

             " หึๆๆ ข้าถือว่าข้าเตือนแล้วนะ "  สิงห์พูดพลางกลั้วหัวเราะเบาๆ พร้อมกับที่เขี้ยวอีกซี่นึงบนประคำของเขาจะสว่างวาบ

 

             " หัวใจอสรพิษ ! "

 

               พริบตาที่สิงห์คำรามเบาๆ นั้น  ไกรก็ได้รับรู้ถึงถึงความหมายในคำเตือนของสิงห์ทันที เพราะหลังจากสิ้นเสียงคำราม ลำคอของสิงห์ก็ปูดโปนขึ้นอย่างน่ากลัว ก่อนที่เขาจะปลดข้อต่อกรามของตัวเองจนเกิดเสียงสยองหูเบาๆ พร้อมๆ กับที่สิงห์อ้าปากกว้างขึ้นๆ จนในที่สุดเขาก็แทบจะสามารถยัดลูกมะพร้าวใส่เข้าปากไปทั้งลูกหรือสองลูกได้อย่างสบายๆ  ก่อนที่เขาจะค่อยๆ ขยอกคายสิ่งที่มีลักษณะคล้ายกับขลุ่ยผสมนกหวีดทรงสั้นๆ ป้อมๆ ออกมาอย่างช้าๆ

 

             " ...อะ -- อึก  (ผนึก) "  สิงห์ที่ยังคงอ้าปากค้างอยู่พยายามพูดเบาๆ พร้อมกับที่เขาขยับกรามให้กลับเข้าที่ดังกร้วม!   ก่อนจะหันมาเลิกคิ้วมองดูไกรที่กำลังเบิกตากว้างแทบถลน ปากกัดท่อนแขนตัวเองจนเลือดซิบอย่างเอาเป็นเอาตาย ชนิดที่หากเขาไม่ได้กัดอะไรซักอย่างเขาคงได้กรี๊ดลั่นไปแล้วแน่ๆ 

 

             " ก็ข้าเตือนแล้ว ว่าเจ้าคงไม่อยากเห็นหรอก "

 

             " ก็แล้วทำไมไม่อธิบายให้มันชัดเจนไปเลยล่ะว่าแกจะขยอกของที่ใหญ่กว่าข้อมือฉันออกมาจากกระเพาะอาหารโดยตรงล่ะเฟ้ย!! ...อ๊ากกก!! ...แบบนี้ภาพได้ติดตาจนกินไม่ได้นอนไม่หลับไปอีกหลายวันแหงๆ ...เนียนขนาดฮอลลีวู้ดยังอายแบบนี้แสดงว่าเป็นของจริงแน่ๆ ...ก แกเป็นภูติผีปิศาจงั้นเรอะ?! "

 

             " อืมมม...จะว่าอย่างนั้นมันก็ไม่ผิดนักหรอกนะ...เอาเถอะ...รีบทำให้มันเสร็จๆ ไปเสียจะดีกว่า "  สิงห์ก้มลงหยิบนกหวีดรูปร่างแปลกๆ ของเขาขึ้นมาสลัดคราบเมือกไม่พึงประสงค์บางอย่างออก พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าเต็มที่จนหน้าอกพองโต แล้วออกแรงเป่านกหวีดในมืออย่างเต็มกำลัง

 

             " ฟี่ ---------------------------- "  แต่เสียงที่ลอดออกมาดันเบาจนแทบไม่เกินเสียงกระซิบ ทำเอาไกรได้แต่ยืนกระพริบตาปริบๆ

 

             " เฮ้อ...ตูมันบ้าเองที่ไปหวังพึ่งเอ็ง "

 

             " ฮ่าๆๆๆๆ เถอะน่าๆ อีกซักประเดี๋ยวข้าจะยืนรอรับคำขอขมาจากเจ้า...นี่...เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหล่าจตุบาทรวมถึงสกุณาต่างๆ มีโสตประสาทที่ไวกว่ามนุษย์เราท่านเป็นอย่างมาก...ส่วนหวีดนี่เป็นหวีดที่ข้าบรรจงประดิษฐ์ขึ้นมาเอง...มันมีความสามารถในการสร้างเสียงที่ได้ยินเฉพาะในสัตว์เดรัจฉานบางเผ่าพันธุ์เท่านั้น "

 

             " แกกำลังพูดถึงคลื่นเสียงอัลตราโซนิคอยู่งั้นสิ? "

 

             " เสียง อันต้า  อะไรนะ? ...ถึงข้าจะไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่เจ้าพูดก็เถอะ แต่ข้าเชื่อว่าเจ้าคงเข้าใจในสิ่งที่ข้าพูด ซึ่งน้อยคนจะเข้าใจใช่ไหม? "

 

             " จะว่าฉันเข้าใจก็ได้นะ...แต่ว่าสิ่งที่นายพึ่งทำลงไปมันจะทำอะไรได้ล่ะ? "  ไกรยังพูดไม่ทันจบดีก็ปรากฏเสียง ตุ้บ !  เบาๆ ราวกับมีอะไรบางอย่างกระทบหลังคากรงขัง...เมื่อเงยหน้าขึ้นไป สิ่งที่ปรากฏในคลองสายตาของเขาก็ทำให้เขาถึงกับอ้าปากค้างตาเบิกโพลง ตกใจสุดขีดจนแทบทรุดลงไปกองกับพื้น

 

            ...มันคือเสือ !! ...เสือดำและเสือดาวที่มีขนาดช่วงตัวใหญ่พอๆ กับเสือโคร่งตัวเขื่องๆ กำลังเดินวาดหางเอื่อยๆ ไปมาอยู่บนหลังคากรง...

 

              โฮก !

 

               เมื่อเขาหันกลับมามองด้านล่าง เขาก็พบกับเสือโคร่งวัยฉกรรจ์ที่มีขนาดเกือบเท่าลูกม้าพึ่งจะขย้ำทหารยามโชคร้ายที่หลับนกอยู่อย่างเงียบเชียบจนแทบไม่ได้ยินเสียงเอะอะอะไรกระโตกกระตากเลย!! 

 

             " ข้าขอแนะนำให้เจ้ารู้จัก...ชีวา ...มายา ...และ ราตรี ... "

 

             " ก ...แกเป็นใครกันแน่เนี่ย ?! "

 

               ในความมืด สิงห์ยิ้มพรายจนเห็นฟันขาวพร้อมกับค้อมหัวลงอย่างช้าๆ

 

             " ขออนุญาตข้าแนะนำตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง...ข้าชื่อสิงห์ ผู้ใช้สัตว์สมิงและหนึ่งในมือสังหาร ( Assassin )  แห่งหมู่บ้าน ยุคันตวาต  ...และนี่คือคำทักทายของหมู่บ้านพวกเรา...        

              ...ความไม่จีรังคือความจริง ...ทุกๆ สิ่งล้วนขึ้นอยู่กับแค่การยอมรับ ...  

 

 

             " !!! "

 

 

 

 

 

.............................................................

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.1 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา