ยุคันตวาต (ลมสิ้นยุค)
เขียนโดย PingJa
วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.49 น.
แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557 20.02 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) ...บทนำ...ไกร...
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
===============================================
...หนึ่งชั่วโมงต่อมา...โต๊ะอาหารกลางบ้าน...
" นี่...พี่ไกร...หนูบอกพี่กี่ครั้งกี่หนแล้วว่าอย่าไปมีเรื่องกับป๋าน่ะ ทำไมพี่ไม่ฟังหนูบ้างเลยนะ " เด็กสาวตัวเล็กผมยาวสลวยราวกะบตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ คะเนอายุประมาณ 17-18 ปี บ่นเบาๆ กับพี่ชายในขณะที่ตัวเองกำลังจัดสำรับอาหาร ส่วนตัวพี่ชายก็กำลังใช้กระดาษทิชชู่ซับคราบเลือดที่มุมปากเบาๆ
" นี่ๆ เพียงออ...เผื่อเธอจะไม่รู้นะ...ตาแก่กะโหลกกะลานั่นเตะพี่ตกเตียงก่อน แถมยังไม่นับเรื่องที่เข้ามาในห้องพี่โดยพละการอีก " ชายหนุ่มพยายามแก้ต่าง ในขณะที่ผู้เป็นพ่อตะโกนข้ามโต๊ะเถียงดังลั่น
" ฉันเป็นพ่อแกนะเฟ้ย! คนเป็นพ่อจะเข้าห้องลูกชายมันผิดตรงไหนฟะ?! " ถ้าสังเกตดีๆ ที่มุมปากของครูมืดก็มีแผลแตกรอยใหญ่ไม่แพ้ลูกชายเหมือนกัน
" ตรรกะห่วยแตกอะไรยังงั้นฟะป๋า! ผมบรรลุนิติภาวะมาเกือบ 2 ปีแล้วนะเฟ้ย!! "
" ชะช้า! ปีนเกลียวเรอะ?! ป๋าเลี้ยงเลี้ยงเอ็งมาตั้งแต่หอยเท่าฝาตีนนะเฟ้ย! "
" ขอเป็นลูกทรพีซักวันทีเถอะ!! "
" หยุดซะทีได้ไม๊! ทั้งคู่นั่นแหละ!! " คราวนี้เป็นฝ่ายเด็กสาวนามว่าเพียงออที่ขึ้นเสียงบ้าง...แม้จะไม่ดังเท่า แต่กลับทำให้ทั้งพ่อและพี่ชายรูดซิปปากกันสนิททันที
" ข...ขอโทษ / 'โทษที " ไกรและครูมืดยอมหันมาขอโทษกันอย่างหงอยๆ เพราะทั้งคู่เคยได้รับบทเรียนราคาแพงมาแล้วว่า การทำให้แม่ครัวคนเดียวของบ้านโกรธมีบทลงโทษอย่างไร
" ดีมากๆ ...เอ้า...ไปช่วยยกกับข้าวมาทานกันได้แล้วค่ะ เดี๋ยวกับจะชืดหมด "
" โอ้...เยี่ยมเลย...ได้กลิ่นหอมฉุยมาตั้งแต่ตอนตื่นแล้ว ว่าแต่วันนี้ทำอะไรกินล่ะเนี่ย? "
เพียงออหันกลับมายิ้มอย่างเลือดเย็น
" คั่วกลิ้ง กับแกงไตปลาเผ็ดไม่อั้นแบบที่พี่กับป๋าชอบไงล่ะ "
" หา?!! " ทั้งคู่อุทานพร้อมกัน ต่างฝ่ายต่างแตะรอยแผลปากแตกของตนโดยไม่ได้นัดหมาย
" ย...ยัยเพียงออ เล่นพวกเราแล้วไหมล่ะ "
..................................................
...หลังจากเกษียณอายุราชการจากการเป็นครูพละ ควบตำแหน่งฝ่ายปกครองจอมโหด...ครูมืดก็ได้กลับมาเปิดบ้านทรงไทยริมคลองของเขา เพื่อถ่ายทอดมรดกความรู้ของเขาด้วยการเปิดเป็นโรงฝึกมวยไทยและศิลปะป้องกันตัวโบราณอย่างกระบี่กระบอง ซึ่งด้วยชื่อเสียงที่สั่งสมมาตั้งแต่สมัยเป็นครู ทำให้กิจการของเขารุ่งเรืองไม่น้อย (แม้ว่าจะมีส่วนหนึ่งสมัครเข้ามาเพียงหวังก้อร่อก้อติกเพียงออลูกสาวของเขาก็ตาม)...
...สำหรับครูมืด นอกจากผมสีดอกเลาที่ขึ้นเต็มหัวแล้ว ไม่มีสิ่งใดที่บ่งบอกถึงวัยเกษียณอีกเลย...ด้วยร่างกายเต็มไปด้วยมัดกล้ามที่แม้แต่ชายฉกรรจ์ยังอาย ผิวสีหม้อใหม่อันแสดงถึงการใช้ชีวิตอย่างสุดโต่งเป็นมันเลื่อม ใบหน้าและดวงตาสีเหล็กต่อให้คะเนอายุให้แก่สักเพียงใดก็เดาได้ไม่เกิน 50 ปีอยู่ดี...
...ครูมืดมีลูกชายและลูกสาวอย่างละคน...ไกร ลูกชายคนโตอายุได้ 22 ปี...เขาเป็นเด็กหนุ่มที่ถูกเลี้ยงให้เติบโตมาอย่างแข็งแกร่ง ดวงตาสีสนิมเหล็กแข็งกร้าวไม่ยอมคนรับกับจมูกโด่งเป็นสันและปากบางอย่างคนช่างคิด เมื่อรวมกับผมหยักศกยาวที่ถูกรวบหางม้าไว้อย่างลวกๆ ทำให้เขาเป็นเด็กหนุ่มที่หน้าตาดีไม่น้อย...ทุกๆ วัน ไกรมักจะทะเลาะกับผู้เป็นพ่อด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องเป็นประจำจนลำบากน้องสาวคนเล็กเป็นคนดุอยู่ตลอดๆ...
...เพียงออ ลูกสาวคนเล็กอายุ 18 ปี...เธอแตกต่างจากพ่อและพี่ชายโดยสิ้นเชิง...เธอเป็นเด็กสาวที่ราวกับไม่เคยผ่านโลกอันโหดร้ายมาเลยแม้แต่น้อย...ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนรับกับรอยยิ้มที่บริสุทธิ์ราวกับหยาดน้ำค้างยามเช้าตรู่และเส้นผมสีเข้มที่ยาวสลวยราวกับเส้นไหม ทำให้ไม่ว่ามองจากมุมไหนก็ไม่ต่างจากตุ๊กตากระเบื้องเคลือบเลย...จึงไม่น่าแปลกใจที่เธอถูกยกให้อยู่ในฐานะไข่ในหินประจำบ้านที่ถูกปกป้องด้วยสัตว์ประหลาดสองตัวเลยทีเดียว...(ครูมืดมักจะเอาดาบมาลับคมจนเกิดเสียงบาดหูอย่างเปิดเผยเป็นประจำพร้อมทำหน้ายักษ์ใส่ ทุกครั้งที่มีผู้ชายแปลกหน้าเข้ามาในบ้าน)...เพราะผู้เป็นมารดาเสียชีวิตไปก่อนวัยอันควรและต้องดูและเด็กไม่รู้จักโตสองคนในบ้าน ทำให้เพียงออมีสัญชาติญาณความเป็นแม่สูงมาตั้งแต่เด็กทีเดียว...
...บ่ายแก่ๆ ของวันเดียวกัน...
" ไกร...ไกรโว้ย! อยู่ป่าววะเนี่ย? "เสียงตะโกนเรียกชื่อเขาโหวกแหวกที่หน้ารั้วบ้านทำให้ไกรต้องต้องหยุดวางดาบไม่สำหรับฝึกซ้อมลงก่อนจะเช็ดเหงื่อที่ซึมชื้นเต็มใบหน้า พร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อยและเดินไปเปิดประตูรั้วออก
" อ้าว...เฮ้ย? ...กล้า หมิง เต๋า...เข้ามาก่อนๆ ไปไงมาไงถึงมานี่ได้เนี่ย ฉันนึกว่าวันนี้มีชมรมซะอีก "
" ไอ้ฉันกับกล้าน่ะวันนี้ชมรมหยุด ก็เลยกะจะเอาชีทบทเรียนของอาทิตย์นี้มาให้...แต่พอเต๋ารู้ว่าเราจะมาหาแกก็ตะแง้วๆ จะตามมาเด้วย ถึงขนาดไปหลอกชมรมว่าอาม่ามันป่วย ขอลามาดูแลเลยนะ " หมิง เด็กสาวในชุดนักศึกษากระโปรงยาวกรอมข้อเท้าบอกอย่างเหนื่อยหน่ายเมือนึกถึงสภาพเพื่อนที่ไปตีหน้าเศร้าเข้าไปแหลกับอาจารย์ชมรมหน้าด้านๆ เพื่อจะมากับเธอด้วย ทำเอาไกรหัวเราะเบาๆ
" ความจริงเธอฝากชีทมากับพี่วิน (วินมอเตอร์ไซค์) แล้วมาเก็บตังค์กับฉันก็ได้...ไม่เห็นต้องลำบากมาด้วยตัวเองเลย " ไกรเจตนาพูดกับหมิงคนเดียว แต่ชายที่ชื่อเต๋าโพล่งออกมาดังลั่น
" โอ้ว! ไม่ได้หรอกไกรเอ๋ย...ถ้าฝากเฮียวินมาเค้าจะได้มาเจอกับ น้องเพียงออขา ของเค้าเหรอ? จริงไหมจ๊ะน้องเพียงออขา? " เต๋าได้โอกาสแทะโลมเพียงออทันทีที่เพียงออยกน้ำเย็นมาให้ จนทำให้เพียงอออดหัวเราะเบาๆ ไม่ได้
" เดี๋ยวตูว่าได้โดน ขาของพี่น้องเพียงออ เข้าซักวันแน่ๆ แกนี่ ...โอ๋ๆๆๆ น้องเพียงอออย่ากลัวไปเลยนะจ๊ะ พี่จะปกป้องน้องจากไอ้หื่นนี่เอง " กล้าที่หาโอกาสอยู่แล้วก็แทะเพียงออบ้างจนหมิงทนไม่ไหว ใช้สันมือฟาดกบาลเพื่อนรักเข้าไปคนละที
" พอเลยๆ ไอ้เจ้าราชาหน้ามอสองหน่อนี่...นี่พวกแกไม่เบื่อบ้างรึไงนะ แทะน้องเพียงออมาจะพอปีแล้ว ทีอยู่ที่ ม. ไม่เห็นออกลายขนาดนี้เลยแท้ๆ "
" เฮ้ยๆๆๆ ยัยหมิงๆ พูดดีๆ นะเฟ้ย! อย่างนี้พวกฉันเสียหายนะ......อ๊ะ! คุณพ่อ...อ เอ๊ยยยย คุณลุงๆๆ สวัสดีครับ แหะๆๆ " ทั้งคู่รีบเปลี่ยนสรรพนามเรียกครูมืดใหม่ทันทีเมื่อได้เห็นดาบใบเขื่องเงาวับที่ติดมือครูมืดมาด้วย
" โอ้ววว...นึกว่าใคร ที่แท้ก็เป็นพวกเพื่อนๆ ของเจ้าบ้าไกรเองหรอกเหรอ?...ไหว้พระเถอะลูกๆ ...ถ้าเบื่อนั่งไหว้พระอยากจะนอนไหว้พระเมื่อไหร่ก็บอกป๋าเลยนะ ป๋าจัดให้ได้นะลูกเอ๋ย " ครูมืดหันมายิ้มให้ แม้ว่าจะดูยังไงก็เหมือนเป็นการแยกเขี้ยวขู่ก็ตาม
" ไม่เอาน่า...ป๋า พี่เต๋าพี่กล้าเขาแค่แหย่หนูเล่นเฉยๆ ...โน่นแน่ะ...พวกเด็กๆ มารอกันแล้ว ป๋าไปสอนมวยต่อเถอะ " เพียงออปรามเบาๆ ในขณะที่ครูมืดทำเสียงจิ๊กจั๊กเบาๆ ก่อนจะกระแทกดาบเข้าฝักเสียงดังลั่นอย่างเสียไม่ได้
" ฟ...ฟู่...นี่ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าเป็นครู ฉันคงคิดว่าป๋าแกเป็นเสือเก่าแหงๆ ...เอ้า! เอาไปเลย นี่ชีทงานของอาทิตย์นี้ " เต๋าแอบบ่นเบาๆ เมื่อเห็นว่าครูมืดเดินไปไกลแล้ว ก่อนเขาจะโยนชีทปึกหนาให้ ในขณะที่หมิงได้แต่ส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างเป็นการเป็นงานว่า
" นี่ ไกร...ความจริงฉันนายน่าจะไปเรียนที่ ม.ได้แล้วนะ ถึงคณะพวกเราจะเป้นคณะที่ไม่เช็คชื่อเข้าเรียนก็เถอะ แต่เล่นขาดเรียนไป 2 อาทิตย์แบบนี้แม้แต่นายก็จะเรียนไม่ทันเอานะ " คำเตือนอย่างเป็นห่วงของหญิงสาวทำเอาไกรถอนหายใจเฮือก
" รอให้ข่าวซาๆ อีกซัก 2-3 วันน่า...รับรองฉันไปเรียนแน่ "
" นี่แหละน้าาา...อยู่ดีไม่ว่าดี ไปทะเลาะกับประธานชมรมฟันดาบสากลเข้า แล้วดันไปแข่งฟันดาบชนะเขาอีก ทั้งๆ ที่ไอ้ประธานนั่นเป็นถึงนักกีฬาฟันดาบทีมชาติแท้ๆ ...อ้อ...จะเรียกว่าชนะก็พูดได้ไม่เต็มปากเนอะ เพราะท่าสะพายแล่งที่น๊อคตาประธานนั่นมันผิดกติกานี่หว่า "
" ถึงจะบอกว่าชนะแบบผิดกติกาก็เหอะ แต่ทีนี้พวกชมรมฟันดาบก็ตามจะเอานายเข้าชมรมกันให้ควั่กเลย...แกนี่ก็น้าาา...แทนที่จะเข้าชมรมเขาไปให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปเลยก็ไม่เอา จะได้ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ ทำตัวยังกะหนีคดีแบบนี้ "
" พูดอะไรไม่คิด...แค่ไปเรียนกับกลับมาดูแลพ่อง๊องแง๊งไม่ให้เอาดาบไปเที่ยวไล่ฟันคนที่มาจีบเพียงออฉันก็ไม่มีเวลาว่างพอไปทำอย่างอื่นแล้ว ไอ้เรื่องจะเข้าชมรมๆ อะไรนี่เลิกคิดไปได้เลย " ไกรบ่นเบื่อๆ ก่อนจะเสหยิบชีทขึ้นมาเปิดดูคร่าวๆ
ทั้งสี่คนนั่งคุยเรื่องสัพเพเหระกันอย่างออกรสอยู่ครู่นึง ก่อนที่กล้าจะเหลือบไปมองนาฬิกาแขวน เมื่อเห็นเวลาชัดๆ เขาถึงกับร้องจ๊าก
" โอ๊ย! ตายห่านแล้วสิตู!! นี่มันจะ 5 โมงเย็นแล้วนี่หว่า...พวกฉันต้องกลับก่อนล่ะ " ด้วยความที่เป็นลูกชายคนโตของครอบครัวคนจีนหัวเก่า การที่เขากลับบ้านหลังตะวันตกดินก็ไม่ต่างจากการเซ็นใบยอมรับโทษประหารเลยทีเดียว...ทุกคนหยิบกระเป๋าของตัวเองขึ้น ก่อนจะยกมือไหว้ลาครูมืด
" เอ้อ...เกือบลืมแน่ะ " หมิงร้องอย่างนึกอะไรขึ้นได้ ก่อนจะเดินตรงมาหาไกร พร้อมกับโน้มตัวและยื่นกล่องของขวัญเล็กๆ ให้
" ...สุขสันต์วันเกิดนะ ไกร... "
...........................................
...เวลาอาหารเย็น...
" แหมๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พี่ไกรๆๆๆๆๆๆ ตกลงใจคอจะไม่บอกน้องสาวคนนี้ซักคำเลยเหรอ ว่าตอนนี้พี่กับพี่หมิงไปถึงระดับไหนกันแล้ว? " เพียงออกระแซะถามผู้เป็นพี่ชายด้วยความอยากรู้อยากเห็นมาเป็นเวลาเกือบสองชั่วโมงแล้วนับตั้งแต่ที่เพื่อนๆ ของไกรกลับไป
" หึๆๆ นี่ๆ พอเลยๆ ก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าพี่กับยัยหมิงน่ะเป็นแค่เพื่อนสนิทกัน "
" อย่ามาหลอกสัญชาตญาณหญิงสาวของซะให้ยากเลย ตอนที่พี่หมิงมองพี่อ่ะ สายตาของพี่หมิงเขาหวานเชื่อมจนมดแทบเป้นเบาหวานเลยนะ...ดูยังไงๆ พี่หมิงเขาก็คิดกับพี่เกินคำว่าเพื่อนแน่ๆ ...จะว่าไปก็ดีเหมือนกันน้าาาา...พี่หมิงทั้งสวยทั้งน่ารัก แถมยังเรียนเก่งแล้วก็ยังไม่เรื่องมากอีก...เหมาะกับพวกบื้อๆ ที่เอาใจผู้หญิงไม่เป็นแบบใครบางคนแถวนี้เลยเนอะๆๆๆ "
" นี่ๆ จะหลอกด่าพี่หรือจะโฆษณายัยหมิงก็เอาซักอย่างสิ...ถามจริงๆ เหอะ...นี่ยัยหมิงจ้างแกมาเท่าไหร่เนี่ย? แล้วก็อย่างที่พี่เคยบอกนั่นแหละ ตอนนี้พี่ไม่ค่อยสนใจเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เท่าไหร่ " ไกรยักไหล่ก่อนจะตักข้าวใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆ ทำเอาน้องสาวตัวดีที่นั่งอยู่ข้างๆ ร้องโห่อย่างขัดใจ
" นี่...ไกร...ปีนี้แกอายุเท่าไหร่แล้วนะ? " อยู่ๆ ครูมืดที่กินข้าวอยู่เงียบๆ มาตลอดก็เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบจริงจัง จนลูกๆ ของเขาหันมามองด้วยความประหลาดใจ
" อะไรกัน...เป็นป๋าภาษาอะไรจำอายุลูกตัวเองไม่ได้...ปีนี้ผมอายุ 22 แล้วครับ " ไกรพูดพลางกลั้วหัวเราะ แต่ครูมืดผู้เป็นพ่อกลับแค่หัวเราะในลำคอตามมารยาทเบาๆ เท่านั้น
" ก็แค่ถามดูเพื่อให้แน่ใจเท่านั้น...เอาเถอะ...ไกร ซักตอน 3 ทุ่มลูกมาหาป๋าที่ห้องพระหน่อยล่ะกัน...ป๋ามีเรื่องจะคุยด้วย " ครูมืดพูดกึ่งสังก่อนจะรวบช้อนและลุกออกไปจากโต๊ะอาหารอย่างเงียบๆ ทำเอาสองพี่น้องหันมามองหน้ากันอย่างงงๆ
" ถามจริงๆ ยัยเพียงออ นี่เธอใส่ยาอะไรลงไปในจานข้าวป๋ารึเปล่าเนี่ย? " ไกรหันมาถามอย่างหวาดระแวง...จากนั้นเพียงไม่ถึงนาที กับข้าวอย่างเดียวที่เหลืออยู่ของเขาก็เหลือเพียงน้ำปลาพริกถ้วยเดียว
" ย...ยัยเพียงออ...พ...พี่ผิดไปแล้วววว "
..............................................
...ห้องพระที่ครูมืดว่า เป็น 1 ในไม่กี่ห้องที่ในสมัยเด็ก ทั้งไกรและเพียงออไม่กล้าเข้ามาตามลำพัง...โต๊ะหมู่บูชาไม้ขนาดใหญ่ถูกจัดวางไว้ด้วยเครื่องรางของขลังหลากชนิด ไม่ว่าจะเป็นกริชลงอักขระโบราณ ช้องหมูป่า งาช้างกำจัด บรรดาว่านยาต่างๆ ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นของเก่าแก่ที่เป็นมรดกตกทอดมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ......ณ จุดสูงสุดของโต๊ะหมู่บูชาประดิษฐานไว้ด้วยพระพุทธรูปทองเหลืองสมัยอยุธยาที่สวยงามจนหาตำหนิแทบไม่ได้เลย...
...เมื่อไกรเปิดประตูเข้ามา เขาก็เห็นครูมืดกำลังจุดธูปเทียนบูชาสิ่งศักดิสิทธิ์ต่างๆ ที่เขายึดถือเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ...เมื่อเห็นครูมืดกำลังใช้สมาธิ ไกรก็รู้หน้าที่พอจะนั่งขัดสมาธิมองดูอย่างเงียบๆ จนกระทั่งครูมืดไหว้สิ่งศักดิสิทธิ์ต่างๆ ของเขาเสร็จสิ้น...
" ไง...ป๋า...นึกยังไงถึงได้เรียกผมเข้ามาในห้องพระตอนกลางคืนแบบนี้เนี่ย? อย่าบอกนะว่านึกคึกอยากจะหาเครื่องรางของขลังอะไรมาให้ผมอีก? " ไกรพยายามพูดอยางติดตลก แต่สีหน้าและแววตาของครูมืดทำเอาชายหนุ่มขำค้างได้อีกเพียง 2-3 ครั้ง ก่อนเขาจะกระแอมเบาๆ พร้อมพูดอย่างเป็นการเป็นงานว่า
" เอาล่ะ...ป๋า...ตกลงป๋ามีเรื่องคอขาดบาดตายอะไรกันแน่? "
ครูมืดจ้องหน้าเขานิ่งชั่วครู่ ก่อนที่เขาจะถอนหายใจเฮือก พร้อมกับครางเบาๆ
" หวังว่าฉันคงจะคิดไม่ผิดนะ ที่ทำแบบนี้ "
ก่อนที่ไกรจะพูดตอบโต้อะไร ชายวัยเกษียณก็หันหลังกลับไปเปิดหีบไม้เก่าแก่ที่วางอยู่บนหิ้งบูชา พร้อมกับหยิบกลักหรือตลับโลหะเงินที่น่าจะเก่าแก่กว่าหีบไม้เสียอีกออกมา...ครูมืดจ้องมองตลับโลหะเล็กๆ ในมืออย่างเหม่อลอยอยู่ครู่นึง ก่อนจะยื่นของที่อยู่ในมือให้กับผู้เป็นลูกชายอย่างช้าๆ
ไกรอดขมวดคิ้วกับพฤติกรรมของผู้เป็นพ่อไม่ได้ เพราะแต่ไหนแต่ไร พ่อของเขาเลี้ยงเขามาแบบลูกผู้ชายพลัง K เต็มขั้น...เขาจะได้ของขวัญก็ต่อเมื่อเขาสร้างความสำเร็จอะไรบางอย่างได้เท่านั้น...เพราะงั้นไอ้เรื่องของขวัญวันเกิดนี่ลืมไปได้เลย...สำหรับเขาแล้ว วันครบรอบวันเกิดก็ไม่ต่างอะไรจากวันธรรมดาๆ วันนึง
" นี่พ่อคงไม่ได้นึกอยากจะให้ของขวัญวันเกิดผมในปีนี้ ทั้งๆ ที่ผมไม่เคยได้เลยมาตลอด 21 ปีหรอกนะ? ใช่มะ? "
" ถ้าเกิดฉันนึกหลอนให้ของขวัญวันเกิดแกขึ้นมาจริงๆ ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าแกจะปลาบปลื้มจนบ่อน้ำตาแตกให้เห็นรึเปล่า...เอาเถอะ...ฉันคงต้องบอกว่าเสียใจด้วยนะจุ้ย...ถึงนี่จะเป็นของขวัญวันเกิดก็จริง...แต่มันไม่ใช่ของขวัญอย่างที่แกคิดแน่ "
" ส...เสียใจด้วยนะจุ้ย ...ไอ้ศัพท์นี้มันเลิกใช้มาตั้งแต่แดง ไบเล่ห์ยังไม่ได้บวชเลยนะ...จะว่าไปยิ่งพูดยิ่งอยากรู้แฮะ...หวังว่านี่คงไม่ใช่มุกห่วยๆ อีกมุกของป๋าหรอกนะ " ชายหนุ่มบ่นเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ เปิดกลักโลหะในมือ...เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในกลักนั้นชัดๆ ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างอย่างประหลาดใจ
ภายในกลักโลหะที่ถูกบุไว้ด้วยผ้ากำมะหยี่สีเลือดนกเก่าๆ ถูกวางไว้ด้วยแหวนสีเงินวาวที่คล้ายกับทำจากแพลทตินัม แต่สลักลวดลายไทยไว้อย่างวิจิตรบรรจง หัวแหวนประดับด้วยมรกตน้ำงามสลักสัญลักษณ์ที่แปลกตาบางอย่าง ที่ส่องประกายระยิบระยับทันทีที่กระทบกับแสงไฟ
" ...ตระกูลของเราเป็นตระกูลชาตินักรบที่สืบเชื้อสายมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย...เราเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังเงามืดของหน้าประวัติศาสตร์ที่ได้สร้างวีรกรรมที่ไม่เคยถูกจารึกไว้อย่างมากมาย...แหวนมรกตวงนี้จะถูกมอบให้แก่ทายาทลำดับ 1 ของแต่ละรุ่นเท่านั้น...และเป็นหน้าที่ของผู้ครอบครองแหวนที่จะส่งมอบให้แก่ทายาทรุ่นถัดไปเมื่อถึงเวลาอันสมควร... "
" ป๋า... "
" อย่าพึ่งขัดสิฟะ! ไอ้คำพูดพวกนี้เตี่ยของป๋าก็บอกป๋าแบบนี้ตอนที่ให้แหวนกับป๋าเหมือนกัน เพราะงั้นรอให้ป๋าท่องให้จบก่อนเด้! "
" ... "
" ...พวกเราทำงานในความมืดมิด เพื่อรับใช้แสงสว่างอันเรืองรอง ......ในที่ๆ คนอื่นวิ่งตามความจริงอย่างมืดบอด จงจำไว้ ...ความไม่จีรังคือความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธ ...ในที่ๆ คนอื่นถูกจำกัดด้วยกรอบแห่งศีลธรรมและกฎหมาย จงจำไว้ ...ทุกๆ สิ่งล้วนขึ้นอยู่กับแค่การยอมรับ ...
...ความไม่จีรังคือความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธ ...ทุกๆ สิ่งล้วนขึ้นอยู่กับแค่การยอมรับ ...(Nothing is true, Everything is permitted) "
..............................................
...ตกดึก...ณ ห้องนอนของไกร...
" ...ความไม่จีรังคือความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธ ...ทุกๆ สิ่งล้วนขึ้นอยู่กับแค่การยอมรับ ...(Nothing is true, Everything is permitted) " ไกรพูดทวนประโยคเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมาขณะคลึงแหวนมรกตที่สวมพอดีกับข้อนิ้วนางข้างขวาพอดิบพอดีอย่างเหม่อลอย ราวกับติดใจในอะไรบางอย่างในประโยคที่ฟังดูโบร่ำโบราณนี้ พลางนึกถึงคำสั่งสุดท้ายของผู้เป็นบิดา
" จำไว้...แหวนวงนี้ระหว่างผู้สืบทอดลำดับที่ 1 รุ่นต่อรุ่นเท่านั้น...เพราะฉะนั้นฉันคงจะไม่ต้องเตือนใช่ไหมว่าแกห้ามบอกใครเกี่ยวกับแหวนวงนี้...แม้ว่าคนๆ นั้นจะเป็นเพียงออ น้องสาวของแกก็ตามที! "
" หึๆๆ มันจะอะไรกันนักกันหนาฮะ...ป๋า? คงไม่ใช่ว่าแหวนวงนี้เป็นของร้อนที่ต้นตระกูลของเราไปแฮ้บของใครเขามาตั้งแต่สมัยพระเจ้าเหาหรอกนะ " เขาพึมพำพลางกลั้วหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเหลือบไปมองนาฬิกาแขวนและพบว่ามันเลยเวลานอนปกติของเขามาไม่น้อยแล้ว
" เฮ้อ...เอาเถอะ...แค่เก็บแหวนวงนี้ไว้ให้พ้นจากสายตาคนทั่วไป แล้วมอบเป็นมรดกให้กับลูกคนโตของเรา(ถ้าหากมี) มันจะไปยากอะไรกันนักเชียว...คิดอะไรมากไปก็เปล่าประโยชน์...พรุ่งนี้แกล้งไป ม.ให้พวกยัยหมิงตกใจเล่นดีกว่าแฮะ " ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองเบาๆ อีกครั้ง ก่อนจะอ้าปากหาวหวอดๆ พร้อมกับดับไฟหัวเตียงและหลับตานอน
...ในความมืดมิด อยู่ๆ แหวนที่สวมอยู่ติดนิ้วนางขวาของเขาก็เรืองแสงขึ้นอย่างช้าๆ ...ไกรหลับไปโดยที่ไม่เคยสังหรณ์ใจเลยว่า...เมื่อเขาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง...ทุกสิ่งทุกอย่างจะเปลี่ยนไปตลอดกาล!...
...................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ