ยุคันตวาต (ลมสิ้นยุค)

9.4

เขียนโดย PingJa

วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.49 น.

  152 ตอน
  11 วิจารณ์
  132.25K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557 20.02 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) ...ตอนที่ ๗...ราชวงศ์ที่ต้องคำสาป...(๒)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

 

================================================

 

 

 

 

          คำพูดที่ไร้ซึ่งความยำเกรงของมือสังหารผู้นั้นทำให้พระดอกเดื่อถึงกับเลือดขึ้นหน้า แทบจะลืมว่าตนอยู่ในสมณะศักดฺ์พระภิกษุผู้จำเป็นต้องสำรวมเสียสิ้น... ท่านกำดาบที่อยู่ในมือแน่นจนข้อนิ้วซีดขาวพร้อมกับขบฟันจนกรามแทบแตก ร่ำๆจะพุ่งเข้าไปจัดการกับชายร่างเล็กตรงหน้าอยู่รอมร่อแล้ว แต่ท่านก็ได้สติอีกครั้งเมื่อเด็กหนุ่มนามว่าไกรยกมือขึ้นกั้นช้าๆเป็นเชิงปราม

 

         " โยม...ไกร?... "

 

         " อ้าว?...ก็ยังรู้พระองค์---รู้ตัวนี่ว่าท่านยังดำรงเพศบรรพชิตอยู่...นึกว่าเลือดขึ้นหน้าจนลืมเลือนทุกอย่างไปจนหมดแล้วเสียอีก...ถ้าท่านขืนพรวดพราดเข้าไปก็เข้าทางอีกฝ่ายพอดีนะสิท่าน "  ไกรกล่าวขึ้นเบาๆอย่างทีเล่นทีจริง พร้อมกับค่อยๆเปลือยดาบทั้งสองออกจากฝักอย่างช้าๆ ด้วยท่าทีที่ทำให้พระดอกเดื่อต้องพูดออกมาเสียงดังลั่นทันที

 

         " โยมเป็นบ้าใบ้ไปแล้วรึอย่างไร?! ก็เห็นอยู่คาตากับอาตมาและพ่ออยู่หัวว่ามือสังหารผู้นี้พึ่งจะสังหารออกญาจักรีไปสดๆร้อนๆนะ น้ำใจเจ้าจะ--- "  พระดอกเดื่อกระชากไหล่ของไกรอย่างแรงด้วยอารมณ์ แต่เมื่อได้เห็นแววตาของชายหนุ่มตรงหน้า...แม้เพียงชั่วเสี้ยววินาทีเดียว คำบริภาษที่ท่านเตรียมจะกล่าวใส่อีกฝ่ายก็จุกอยูที่ลำคอโดยไม่อาจเปล่งออกมาได้ทันที...

 

        ...แม้เพียงชั่วเสี้ยววินาทีเดียวที่ได้เห็น แต่แววตานั้นกลับเปลี่ยนไปจากแววตาของเด็กหนุ่มที่ฉลาดลึกและสุภาพอ่อนโยน กลับกลายเป็นแววตาที่เย็นชาจนเกือบจะกลายเป็นเลือดเย็น ราวกับพญามัจจุราชที่จ้องจะปลิดชีพใครซักคนอยู่อย่างนั้น...มันไม่ใช่แววตาของผู้ที่เคียดแค้นเพราะสหายตกตายต่อหน้า...แต่เหมือนเป็นแววตาของสัตว์ร้ายที่รู้จักอยู่อย่างเดียว คือการ ฆ่า เท่านั้น!!...

 

         " จ...เจ้า! "

 

         " ไกร!! "  พระสุรสีหนาถ(เสียงตะโกน) ของพระเจ้าเอกทัศน์ที่ตวาดก้องอยู่เบื้องหลังทำให้ไกรที่มีท่าทีแปลกไปสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนที่แววตาอันน่ากลัวนั่นจะมลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย และกลับคืนสติสัมปชัญญะมา พร้อมกับที่เขาจะพ่นลมหายใจออกมายาวเหยียดและฝืนหัวเราะออกมาเบาๆ

 

         " ขอบพระทัยพระพุทธเจ้าข้า...ส่วนท่าน หลวงพี่ดอกเดื่อ...แค่ผู้ที่อยู่ในผ้ากาสาวภัสตร์อย่างท่านถือศาสตราก็ผิดศีลถึงอาบัติพออยู่แล้ว...อย่าให้มือของท่านต้องเปื้อนโลหิตของ ไอ้ชั่ว นี่เลย...ท่านเพียงแค่อารักขาพ่ออยู่หัวด้านหลังก็เพียงพอแล้ว...แล้วก็ หลวงพี่ขอรับ... "

 

          " หืม? "

 

           " ทันทีที่ข้าเริ่มใช้ดาบคู่...ของให้หลวงพี่พาพ่ออยู่หัวถอยห่างออกไปจากข้าให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้นะ...เพราะข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าข้าจะสามารถควบคุมตัวเองได้เหมือนกัน! "

 

           คำพูดที่ราบเรียบของไกรแม้จะฟังออกอย่างง่ายๆวาผู้พูดกำลังเก็บอารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่ภายในอย่างสุดฤทธิ์ แต่นั่นกลับทำให้พระดอกเดื่อยิ่งงุนงงเข้าไปใหญ่ เพราะถ้าหากเป็นปกติแล้วต่อให้เจนศึกซักแค่ไหน ถ้าเห็นผู้เคยเฝ้าติดตามถูกแทงทะลุอกต่อหน้าต่อตาก็คงจะไม่มีทางเก็บอารมณ์ไว้ได้ขนาดนี้แน่ มันทำให้ท่านอดสงสัยไม่ได้ว่า...เด็กหนุ่มผู้นี้ยังคงมีอารมณ์ของมนุษย์ปุถุชนอยู่รึเปล่า

 

         " อ ...อั่ค !! "  เสียงสำลักอะไรบางอย่างในลำพระศอของพระเจ้าเอกทัศน์ผู้เป็นพระเชษฐาของท่าน ทำให้พระดอกเดื่อหยุดคิดเรื่องของไกร รวมถึงเรื่องอื่นๆไปเสียสิ้น

 

         " มหาบพิตร! "  พระภิกษูหนุ่มรีบพุ่งเข้ามาประคองพระวรกายของพระเจ้าเอกทัศน์ที่กำลังโงนเงนจนแทบจะประทับยืนไม่ติดพื้นไว้ทันที...ยิ่งเห็นพระโลหิตที่กระเด็นเป็นฝอยออกมาจากเบื้องล่างหน้ากากยิ่งใจหาย หน้าซีดเผือดจนแทบไร้สีเลือดบนใบหน้าเลยทีเดียว

 

         " ...ป...ปริมณฑลไสยเวทมนต์ดำนี่?! "  พระดอกเดื่อครางออกมาเบาๆทันที ก่อนจะหันกลับมาตะโกนบอกกับไกรดังลั่น   " โยมไกร! พระวรกายของพ่ออยู่หัวไม่แข็งแรงพอจะทนอยู่ในปริมณฑลนี้ได้อย่างเราเจ้า...และอาตมาก็ไม่มีความสามารถพอจะแก้ให้ตกไปได้ ฉะนั้นได้โปรดเถอะนะ...เร่งจัดการมันเสีย! ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้!! "

 

        ...ไกรที่คงจะได้ยินเรื่องคอขาดบาดตายนี้อยู่ตลอดกลับไม่มีท่าทีตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย...อันที่จริง...ในสายตาที่จ้องมองอยู่ของพระดอกเดื่อ...เด็กหนุ่มคนนี้แทบจะไม่สนใจเขาและพ่ออยู่หัวเอกทัศน์ที่กำลังกระอักพระโลหิตอยู่เลยด้วยซ้ำ!...

 

         " โยมไกร! "

 

         " หยุดพูดก่อนเถอะ...ท่าน "  พระเจ้าเอกทัศน์ตรัสขัดขึ้นพลางหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน แต่ถึงกระนั้น แววพระเนตรของพระองค์ก็ยังคงส่องประกายมาที่เด็กหนุ่มนามว่าไกรด้วยแววประหลาดพระทัยและชื่นชมจนสังเกตเห็นได้ชัด...  " ระดับสมาธิของเขาเข้าสู่ระดับที่ไม่อาจได้ยินท่านหรือเราได้อีกแล้ว... "

 

        ...ตลอดเวลาที่ทั้ง ๓ กำลังเจรจาความกันอยู่นั้น...มือสังหารร่างเล็กในชุดนินจาสีดำสนิทยังคงได้แต่ยืนนิ่ง...แต่ไม่ใช่เพราะเขามัวฟังหรือมัวยืนเท่แต่อย่างใด...แต่เพราะเด็กหนุ่มที่หน้าใสอย่างกับก้นทารกตรงหน้าเขาไม่เปิดโอกาสให้เขาได้เคลื่อนไหวอะไรโดยพลการต่างหากล่ะ!...

 

        ...ทั้งๆที่เมื่อวินาทีแรกที่เขาได้สังหารชายหนุ่มออกญาจักรีฯนอกราชการ เขารู้สึกถึงความโกรธเกรี้ยวและเคียดแค้นอย่างรุนแรงที่ออกมาจากเด็กหนุ่มคนนี้...แต่เมื่อได้รับดาบคู่ที่พระดอกเดื่อเท่านั้น กระแสแห่งความโกรธแค้นทั้งหมดที่เมื่อแรกแทบจะเห็นเป็นสาย กลับสลายหายไปราวกับโกหก...เหลือไว้แต่เพียงความสงบ...แต่มันเป็นความสงบที่ราวกับคลื่นลมก่อนที่จะเกิดพายุใหญ่ไม่มีผิดเพี้ยน! ...แววตาสีสนิมเหล็กที่แปลกตาของเด็กหนุ่มคนนี้ มันท้าทายให้เขาพุ่งเข้าไปสังหารเสีย...แต่สัญชาตญาณบางอย่างที่เคี่ยวกรำมานับสิบปีของเขากลับร้องห้ามเขาไว้ดังลั่นจนเขาชักสับสน ถึงกับก้าวถอยหลังกลับมาอย่างไม่รู้ตัว...

 

         ' การประเมินก่อนการลงมือของเขาไม่มีวันผิดพลาดอยู่แล้ว...คนที่อันตรายที่สุดคือออกญาจักรีฯนอกราชการไม่ผิดแน่...หากเขาลอบสังหารออกญามีชื่อผู้นี้สำเร็จเป็นคนแรก ที่เหลืออยู่ก็เป็นเพียงแค่กษัตริย์ที่โรคร้ายรุมเร้าจนจะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ ๑ พระองค์ ...พระภิกษุที่แม้จะมีปัญญาล้ำเลิศแต่ตลอดทั้งชีวิตแทบจะไม่เคยจับดาบเลย ๑ รูป...กับไอ้หน้าก้นทารกนี่อีก ๑ คนเท่านั้น...แต่นี่มัน--- '

 

         " อ้าวๆ? หลังจากที่ทำเรื่องทั้งหมดนี่ คงไม่คิดจะถอยเอาตอนนี้หรอกนะ "  คำดักทางพลางกลั้วด้วยเสียงหัวเราะของเด็กหนุ่มตรงหน้าไม่ต่างอะไรกับไม้ที่ตีถูกขนดหางของเขา จนลืมความคิดอย่างสุุมไปจนแทบหมดสิ้น เหลือเพียงศักดิ์ศรีที่ไม่อาจถูกเหยียบย่ำได้...มือสังหารหนุ่มใช้มือด้านที่ว่างอยู่ล้วงไปที่กระเป๋าลับด้านหลัง ก่อนจะเศษกระดาษคล้ายกับกระดาษโอริกามิของวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่ถูกพับเป็นรูปคล้ายมนุษย์ขึ้นมา พร้อมกับร่ายอะไรบางอย่างที่ฟังไม่ได้ศัพท์เร็วปรื๋อดังลั่น!

 

         " แย่แล้ว! กระดาษพยนต์!! "

 

         " อะไรนะ? "  ไกรกำลังจะหันกลับไปถามพระดอกเดื่อที่ดูเหมือนจะรู้จักสิ่งที่อยู่ในมือของอีกฝ่ายดีที่สุด แต่ยังไม่ทันได้หันกลับไปดี คำตอบก็ถูกเฉลยออกมาเสียแล้ว

 

           จากเศษกระดาษรูปคนที่เขียนตราไว้ด้วยอักขระญี่ปุ่นบางอย่าง ก็ระเบิดปุ้ง! พร้อมกับควันโขมง เมื่อควันจางลงกระดาษพวกนั้นก็กลับกลายเป็นร่างแนกของมือสังหารผู้นั้น ที่ยกดาบคาตานะสีดำชี้มาที่เขาอย่างประสงค์ร้ายถึง ๕ คนด้วยกัน โดยที่ควันที่โขมงเมื่อครู่ทำให้เขาไม่อาจจะแยกออกแล้วว่าคนไหนเป็นตัวจริงหรือคนไหนเป็นเพียงแค่กระดาษพยนต์(ตามที่พระดอกเดื่อว่า) เสียแล้ว!

 

         " ข...ขี้โกงนี่หว่า?! "  ไกรถึงกับแยกเขี้ยวยิ้มแหยๆ ...น่าเสียดายที่อีกฝ่ายไม่ยอมเสียเวลารับคำประท้วงใดๆทั้งสิ้น  ดาบในมือของมือสังหารนิรนามทัง ๕ คนขยับพร้อมกันในพริบตาเดียว

 

         " ตาย! "

 

        

       ...ร่างทั้ง ๕ ที่พุงเข้ามาด้วยความเร็วสูงด้วยท่าทางน่ากลัวพร้อมกับดาบอันคมกริบในมือกลับไม่ได้ทำให้ไกรที่มีดาบทั้งสองเล่มอยู่ในมือหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย...บรรยากาศทุกอย่างมันเหมือนย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่เขาได้ประลองดาบกับท่านผู้เฒ่าเป็นครั้งแรกบนยอดหอคอยหมู่บ้านยุคันตวาตอีกครั้ง...ห้วงคำนึงความคิดของเขาค่อยๆลืมสิ่งรอบตัวไปอย่างช้าๆ...ลืมไปแล้วว่าท่านผู้เฒ่าถูกแทงนอนจมกองเลือดอยู่...ลืมไปแล้วว่าเขากำลังอยู่ในเขตพุทธาวาส...ลืมไปแล้วว่าเขากำลังอยู่ในปริมณฑลไสยเวทของอีกฝ่าย...ลืมเลือน...แม้กระทั่งพระเจ้าเอกทัศน์และพระเจ้าอุทุมพรที่อยู่เบื้องหลังของเขา...และในที่สุด...เขาก็ลืมไปแล้วว่าเขาต่อสู้กับคนตรงหน้าเพื่ออะไร!...

 

        ...มโนสำนึกของไกรในเวลานี้...เหลือเพียง ดาบ...และ ศัตรู ที่ต้องถูกกำจัดเท่านั้น!!...

 

 

        ...เฮือก!...

 

           ระหว่างที่การต่อสู้ระหว่าง ๑ เด็กหนุ่มผู้ใช้ดาบคู่เป็นอาวุธ ยืนตั้งรับมั่นดังภูผา ดาบทั้งสองในมือกวัดแกว่งฉวัดเฉวียนอย่างรวดเร็วทำหน้าที่เป็นดั่งผนังทองแดงกำแพงเหล็ก...ป้องกันดาบคาตานะอันคมกริบทั้ง ๕ เล่มของมือสังหารและกองทัพกระดาษพยนต์อีก ๔ ตนไว้  ทั้งพระเจ้าเอกทัศน์และพระดอกเดื่อมีโอกาสได้สบตาของไกรเมื่อเขาหันหลังกลับมา...แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวของวินาที แต่แววตาและรอยแสยะยิ้มของไกรที่พวกเขาเห็นนั้นกลับต้องทำให้จอมกษัตริย์ทั้งสองถอยหลังกลับไปอย่างไม่รู้พระองค์...เพราะดวงตาคู่นั้นทำให้จอมกษัตริย์ทั้งสองไม่แน่พระทัยเสียแล้วว่าพระองค์ควรจะเกรงกลัวใครมากกว่ากัน!

 

         " มหาบพิตร!... "

 

         " เฉยไว้ ท่านดอกเดื่อ... "  ถึงจะกำลังถูกปริมณฑลมนต์ดำกัดกินพระวรกายที่อ่อนแออยู่อย่างต่อเนื่อง แต่พระเจ้าเอกทัศน์ก็ยังคงไว้ซึ่งความสุขุมภีรภาพมากพอจะมองสถานการณ์ตรงหน้าอย่างใจเย็นที่สุด...   " ...เวลาเช่นนี้เราคงได้แต่หวังพึ่งเด็กหนุ่มคนนี้เท่านั้น "

 

         " แต่ว่ามหาบพิตรก็ทรงเห็นแล้วนี่...แววตาของเขาเมื่อครู่นี้ไม่ใช่แววตาของ ทหาร  หรือ ผู้อารักขา  แล้ว...แต่เป็นแววตาของ ฆาตกร  ชัดๆ...เขากำลังขาดสติไปโดยสิ้นเชิงเสียแล้ว...ไม่มีอะไรจะรับประกันได้เลยว่าเขาจะไม่หันคมดาบมาใส่พระองค์!! "

 

         " ...ถ้าเป็นเช่นนั้น...เราและท่านจะทำอะไรได้ล่ะ? "  พระราชดำรัสที่ตอบกลับมาอย่างเหนื่อยอ่อนทว่าหนักแน่นและไร้ซึ่งความหวาดกลัวแม้ว่ากำลังเผชิญหน้ากับความตายของพระเจ้าเอกทัศน์ทำให้พระดอกเดื่อนิ่งอึ้งไปอีกครั้ง...มันเหมือนกับย้ำเตือนให้ท่านตระหนักได้อีกครั้ง ว่าเหตุใด...ท่านจึงยอมขัดพระราชโองการเด็ดขาดของพ่ออยู่หัวในพระบรมโกศ และถวายราชสมบัติให้แก่พระเชษฐาของพระองค์...

 

 

          เคร้ง !! ฉัวะ !!  ...อ๊ากกกก !!!

 

 

          เสียงร้องราวกับหมูถูกเชือดของหนึ่งในร่างกระดาษพยนต์ของมือสังหารร่างหนึ่งทำให้พระดอกเดื่อตื่นจากภวังค์และหันกลับไปมองการต่อสู้ระหว่างไกรและนินจาผู้นั้นอีกครั้ง และทันได้เห็นดาบในมือของไกร ตัดสะพายแล่งร่างกระดาษพยนต์ร่างนั้นเป็นสองท่อน ก่อนจะระเบิดกลายเป็นเศษกระดาษที่ยับยู่ยี่พอดี!

 

         " เป็นไปไม่ได้! "  เมื่อเห็นร่างหนึ่งของวิชาก้นหีบที่เคยใช้ผ่านสมรภูมิมานับไม่ถ้วน ถูกกำจัดไปอย่างง่ายดายในเวลาเพียงไม่ถึงชั่วธูปไหม้หมดดอก โดยที่ยังไม่อาจสร้างรอยแผลให้อีกฝ่ายได้แม้แต่รอยขีดข่วน หนึ่งในสี่นั้นก็ถึงกับต้องตวาดออกมาเสียงดังลั่นอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง...แต่อีกฝ่ายกลับไม่มีท่าทียินดีกับความสำเร็จที่จัดการกับ ๑ ในกระดาษพยนต์อันเก่งกาจของเขาได้เลยด้วยซ้ำ...ดวงตาที่และรอยยิ้มที่เข้าสู่ขอบเขตของความ บ้าคลั่ง ของเด็กหนุ่มตรงหน้าเขาช่างขัดกับกระบวนดาบสองมือที่ร่ายรำได้อย่างสุขุมและไร้ซึ่งความบุ่มบ่ามเลยแม้แต่น้อย ...มันเป็นกระบวนดาบที่เขาไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว...

 

       ...กระบวนดาบสองมือที่ยามป้องกันก็เป็นราวกับภูษาฟ้าไร้ตะเข็บ ที่ไม่มีศาสตราใดๆเล็ดรอดผ่านเข้าไปได้...แต่ในยามที่ต้องโจมตี ก็กลายเป็นดั่งสายอัสนีบาตที่ฟาดลงมาโดยไม่อาจรู้ตัวและป้องกันได้เลยแม้แต่น้อย!...

 

       ...ถึงแม้ว่ากำลังจะเริ่มเป็นฝ่ายที่ถูกกดดัน แต่มือสังหารผู้นี้ก็ยังคงเจนศึกมากพอจะยอมตกเป็นเบี้ยล่างโดยไม่ยอมทำอะไรเลย...ดวงตาสีดำสนิทที่บัดนี้พึ่งแสดงความรู้สึกเป็นครั้งแรกกวาดวูบเพื่อหาทางหนีทีไล่อย่างรวดเร็ว ก่อนดวงตาที่โผล่ออกมาจากหน้ากากนินจานั้นจะเบิกกว้างขึ้นอย่างเห็นทาง ก่อนที่มือสังหารผู้นั้นจะเริ่มลงมืออย่างรวดเร็ว...เพียงชั่วพริบตาเดียว ในมือของเขาก็ถือไว้ด้วยลูกระเบิดกลมๆบางอย่างแล้ว!

 

         ' แผนที่ ๒ '

 

          ปุ้ง!

 

       ...ระเบิดที่ถูกปาลงบนพื้นสร้างม่านควันสีขาวที่หนาแน่นจนไม่อาจมองทะลุได้ขึ้นในพริบตา ในขณะที่ทุกคนยังตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มือสังหารร่างเล็กผู้นี้ก็กลับไปโผล่อยู่ที่ด้านหลังพระเจ้าเอกทัศน์และพระดอกเดื่อโดยที่ไม่มีใครทราบได้ว่าทำได้อย่างไร แถมอาวุธในมือยังเปลี่ยนจากดาบคาตานะกลายเป็นมีดสั้นคู่อีกต่างหาก ก่อนที่จอมกษัตริย์ทั้งสองจะรู้สึกพระองค์ว่าตากเป็นเป้าหมาย มีดสั้นในมือของมือสังหารผู้นั้นก็วาดพรึ่บพร้อมจะปลงพระชนม์ชีพแล้ว!

 

          ฉึก!

 

         " อ๊ากกก !! "

 

         " พระราชบิดา!! "  เจ้าฟ้าหญิงสิริจันทรเทวีกรีดร้องออกมาด้วยความตกพระทัยจ้นแทบสิ้นพระสติ ทำท่าจะพุ่งพระองค์ฝ่าปริมณฑลอวิชชาที่มองไม่เห็นเข้าไปหาพระเจ้าเอกทัศน์ให้ได้ ติดแต่หัวหน้าจ่าโขลนชนารีบพุ่งตัวมาหยุดพระองค์ไว้ทันเสียก่อน

 

         " อย่าเพคะ! "

 

         " ปล่อยข้า! ท้าวศรีสัจจา! ข้าจะเข้าไปล้างแค้นแทนพ่อของข้า!! "

 

         " ท่านจะเข้าไปไม่ได้ ไม่ได้เป็นแม่นมั่นเพคะ!! "

 

           หญิงสาวผู้สูงศักดิ์กรีดร้องออกมาพร้อมกับน้ำพระเนตร(น้ำตา) ที่เอ่อล้นออกมาเป็นสายอยางเจ็บพระทัยที่ตนไม่สามารถทำอะไรได้เลยในสถานการณ์เช่นนี้...แต่เมื่อม่านควันจากระเบิดค่อยๆจางลง และภาพเหตุการณ์ตรงหน้าค่อยๆชัดขึ้น พระเนตรทั้งสองที่รื้นไปด้วยม่านอัสสุชล(น้ำตาเช่นกัน) ก็ต้องเบิกกว้างขึ้นอย่างตกตะลึง!

 

         " ...เฮ้อ...ข้าไม่ได้อยากจะตำหนิติเตียนอะไรเจ้าหรอกนะไกร...แต่เจ้าเป็นอารักขาภาษาอะไรกัน ถึงได้ปล่อยให้พ่ออยู่หัวที่เจ้ากำลังปกป้องอยู่ ตกอยู่ในอันตรายเช่นนี้ได้หา? "

 

        ...ท่านผู้เฒ่าออกญาจักรีฯนอกราชการที่เห็นๆอยู่คาตาแล้วว่าถูกดาบของอีกฝ่ายแทงเข้าจุดสำคัญจนทะลุตลอดด้ามและควรจะอาการร่อแร่ หรือไม่ก็สิ้นลมไปตั้งนานแล้ว บัดนี้กลับกำลังยืนจังกา ใช้ดาบเก่าๆประจำกายของท่านที่มาอยู่ในมือตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่อาจทราบได้ แทงทะลุหน้าอกมือสังหารอีกฝ่ายจนทะลุ ในขณะที่อีกฝ่ายทำได้เพียงเหลือกตาค้างจ้องเขม็งใส่เขาอย่างไม่มีวันเชื่อสายตาตัวเอง!...

 

         " ก...แก...เป็นตัวอะไร?! " 

 

           ท่านผู้เฒ่าเช็ดคราบโลหิตที่บัดนี้แห้งกรังติดอยู่ที่มุมปากของตัวเองออก ก่อนจะใช้มือข้างที่ไม่ได้ถือดาบนั้น ลูบบริเวณที่ควรจะเป็นที่ตั้งของรอยแผลดาบที่ทะลุหน้าอกของเขา ซึ่งบัดนี้สลายหายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว ก่อนจะออกมายิ้มบางๆ

 

         " ข้าเป็นสิ่งที่เจ้า...ไม่มีวันเข้าใจได้อย่างไรล่ะ... "  

 

           ดวงตาของมือสังหารผู้นั้นเหลือกค้างอยู่เพียงชั่วเสี้ยววินาทีเดียว ก่อนที่ร่างนั้นจะระเบิด ปุ้ง! กลายเป็นเพียงกระดาษพยนต์ที่ยับยู่ยี่อีกแผ่น จนกระทั่งท่านผู้เฒ่าถึงกับเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ

 

         " โอริกามิ? วิชาของพวกองเมียวญี่ปุ่นมิใช่หรือ? ...แต่ว่าชาวญี่ปุ่นมิได้ติดต่อกับอโยธยาตั้งแต่หลังสิ้นรัชสมัยพระเจ้าทรงธรรมแล้วนี่(๑)  ...แต่ว่า ช่างรอบคอบดีแท้เลยนะ "  ท่านผู้เฒ่าถึงกับอดชื่นชมอีกฝ่ายไม่ได้ เพราะถึงขนาดนี่เป็นจังหวะที่ดีที่สุดที่จะปลงพระชนม์พระเจ้าเอกทัศน์และพระดอกเดื่อแล้วแท้ๆ ...มือสังหารผู้นี้ยังไม่ยอมใช้ตัวจริงเพื่อลงมือเลย

 

         " ท่านผู้เฒ่า?! ...เฮ้ย! เอาจริงดิ?  ก็เห็นกันชัดว่าโดนเสียบทะลุไปแล้ว ...นี่ตัวจริงรึเปล่าเนี่ย? "  ไกรร้องออกมาอย่างตกใจปนตื่นเต้น ...กระแสของความ บ้าคลั่ง ที่ออกมาจากตัวของเขาบัดนี้หายไปราวกับเรื่องโกหก แต่ก็ไม่อาจจะตบตาท่านผู้เฒ่าไปได้...ท่านผู้เฒ่าหันกลับมามองเขาด้วยสายตาคาดโทษก่อนจะพูดเรียบๆทันที

 

         " ไอ้ท่าทีกับจิตคุกคามประหลาดที่เกิดขึ้นเวลาที่เจ้าถือดาบสองมือนี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน?! "

 

         " ...เฮ้อ...พึ่งรอดจากความตายมาเพียงแปปเดียวก็เริ่มบ่นเป็นหมีกินผึ้งซะแล้ว...เป็นท่านผู้เฒ่าตัวจริงไม่ผิดแน่ "

 

           พรืด!

 

           ถึงจะทราบแน่แก่ใจว่าไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม แถมพระวรกายก็ยังไม่เอื้ออำนวยแท้ๆ แต่ทั้งพระเจ้าเอกทัศน์และพระดอกเดื่อถึงกับต้องอดหลุดพระสรวลออกมาเบาๆไม่ได้ ก่อนจะรีบยกมือขออโหสิท่านออกญาจักรีที่หันขวับมามองตาเขียวใส่ทันที

 

         " อ...อภัยให้ข้าด้วย แต่มันทำให้พวกข้าอดนึกถึงสมัยที่พวกข้ายังคงเป็นกุมารน้อยไม่ได้ "

 

         " เอาไว้ว่ากันทีหลัง... "  ท่านผู้เฒ่าตัดบทเรียบๆ ก่อนจะหันไปมองรอบๆ พร้อมกับขมวดคิ้วบางๆ

 

         ' ...ปริมณฑลไสยเวทยังคงถูกกางอยู่...ก็แปลว่ามันยังคงพรางกายอยู่ในบริเวณนี้สินะ? '  เขาถ่มเศษเลือดที่ยังคงติดอยู่ในปากลงพื้นพร้อมกับคิดอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันไปสั่งไกรเรียบๆทันที

 

         " ไกร...อารักขาพ่ออยู่ห้วและพระดอกเดื่อไว้...มันยังคงอยู่ที่นี่...อ้อ...แต่อย่าได้เข้าสู่ขอบเขต บ้าคลั่ง นั้นอีกเชียวนะ แล้วเรื่องนี้ค่อยชำระความกันทีหลัง "

 

         ' ชักไม่แน่ใจแล้วว่าเราควรจะดีใจที่ท่านผู้เฒ่ารอดดีรึเปล่าแฮะ ...ทำดีไม่ได้ดีแท้ๆ '  ไกรถอนหายใจเฮือกพร้อมกับทิ้งดาบในมือลงข้างนึง และถอยกลับมายืนคุ้มครองพระเจ้าเอกทัศน์และพระดอกเดื่อไว้ตามคำสั่งของอีกฝ่ายทันที ถึงจะยังไม่ค่อยเข้าใจว่าอีกฝ่ายรอดมาได้อย่างไรก็ตามทีเถอะ...

 

         " ระวังตัวนะท่านผู้เฒ่า...ไม่ใช่แค่พรางกายจนมองไม่เห็นตัว แต่มันยังลบจิตสำนึกจนไม่อาจสัมผัสได้ถึงตัวตนของมันอีกต่างหาก...มันจะอยู่ตรงไหนก็ได้! "  ไกรเอ่ยคำเตือนออกไปด้วยความหวังดี แต่อีกฝ่ายกลับแทบไม่ได้สนใจคำเตือนของเขาเลย...อันที่จริง อีกฝ่ายแทบจะไม่สนใจอะไรเลยนอกจากดาบในมือเท่านั้นด้วยซ้ำ

 

         " เออๆ ข้ารู้ๆ ... "  ท่านผู้เฒ่าเอ่ยงึมงำๆเบาๆใส่ดาบของตัวเองราวกับว่ากำลังพูดคุยกับมันไม่มีผิด  " เออ...ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยากทำอะไรในเขตพุทธาวาส แต่เวลานี้มันเป็นเรื่องคอขาดบาดตายนะ...เห็นแก่ข้าและพ่ออยู่หัวก็แล้วกัน "

 

         " อะไรของเขาวะนั่น? "  ไกรที่เห็นท่าทีของอีกฝ่ายอดครางออกมาเบาๆไม่ได้ แต่เขาและทุกคนก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เพราะอยู่ๆก็เกิดเสียงฟ้าคำรามลั่นทั้งๆที่ท้องฟ้าเบื้องนอกก็ไม่มีแม้แต่เมฆใดๆซักนิดแท้ๆ

 

         " ฟ้าร้องโดยไร้ซึ่งเมฆฝน...รึว่า...ดาบเล่มนั้น?! "  พระเจ้าเอกทัศน์ดูเหมือนจะเป็นพระองค์เดียวที่รู้เรื่องราวทั้งหมดดีที่สุด พระเนตรของพระองค์ถึงกับเบิกกว้างอย่างตกพระทัยถึงขีดสุด

 

         " จงสำแดงเดชของเจ้า ฟ้าฟื้น !! "  

 

 

 

 

 

 

 

 ....................................................

 

 

 

 

 

 

 

          (๑) ความสัมพันธ์ระหว่างกรุงศรีอยุธยากับญี่ปุ่นนั้น   เจริญรุ่งเรืองที่สุดในรัชสมัยพระเจ้าทรงธรรม(พระราชโอรสในสมเด็จพระเอกาทศรถ) เห็นได้จากในรัชสมัย นี้ทางการกรุงศรีอยุธยาได้ส่งคณะฑูตไปเจริญสัมพันธไมตรีกับญี่ปุ่นถึง ๔ ครั้ง  แต่ความสัมพันธ์อันดีนี้ก็สิ้นสุดลงหลังสิ้นรัชสมัยพระเจ้าทรงธรรม เพราะญี่ปุ่นเริ่มใช้นโยบายอยู่อย่างโดดเดี่ยวและปิดประเทศตัวเอง  ...ในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททองส่งคณะฑูตไปญี่ปุ่น ๕ ครั้ง แต่ไม่ได้รับการต้อนรับจากญี่ปุ่นเลย ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับญี่ปุ่นสิ้นสุดลง ...และไม่(ควร)มีชาวญี่ปุ่นคนใดเดินทางมาติดต่อค้าขายกับกรุงศรีอยุธยาอีกเลย...

 

 

 

          เกร็ดความรู้เพิ่มเติมเล็กๆน้อยๆ

 

      ...วัดประดู่ที่พระเจ้าอุทุมพรจำพรรษาในฐานะพระดอกเดื่อนั้น เคยถูกกล่าวไว้ในพระราชพงศาวดารก่อนหน้านี้แล้วครั้งหนึ่ง ในรัชสมัยพระเจ้าทรงธรรม(พระราชโอรสในสมเด็จพระเอกาทศรถ) ได้เกิดการก่อกบฏของพวกญี่ปุ่นที่หมายปลงพระชนม์ชีพของพระเจ้าทรงธรรม  ...ในคราวนั้น พระภิกษุสงฆ์ของวัดประดู่ ๘ รูป ได้ให้การช่วยเหลือพระเจ้าทรงธรรมกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา ให้หลบหนีรอดพ้นจากการก่อกบฏหวังปลงพระชนม์ชีพนี้ได้ ...วัดแห่งนี้จึงได้ใช้ชื่อว่า วัดประดู่ทรงธรรม หรือ วัดประดู่ในทรงธรรม   ในเวลาต่อมา ...วัดประดู่ทรงธรรมเป็นพระอารามหลวงที่ยังปรากฎให้ผู้คนที่มีจิตศรัทธาเข้าไปกราบไหว้อยู่ตราบเท่าปัจจุบันนี้...

 

 

                                LanzaDeLuz          

 

 

 

 

 

                

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.1 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา