ยุคันตวาต (ลมสิ้นยุค)
เขียนโดย PingJa
วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.49 น.
แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557 20.02 น. โดย เจ้าของนิยาย
45) ...ตอนที่ ๑๑ ...หน่วยคเณศร์เสียงา...(๔)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
================================================
...รุ่งเช้าวันต่อมา...
" อ...อืม "
" ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ...ท่านไกร? "
" อืม...กาแฟ "
" กรุณาล้างหน้าล้างตาก่อนเถอะเจ้าค่ะ...ข้าจะเตรียมกาแฟไว้ให้ "
ไกรค่อยๆสะลึมสะลือลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย ก่อนที่กลิ่นหอมของกาแฟสดจะค่อยๆปัดเป่าความมึนงงของสภาพคนพึ่งตื่นนอนไปช้าๆ และรู้สึกได้ถึงความผิดปกติแบบเต็มๆอีกครั้ง
" ฮ...เฮ้ย! "
" อ้ะ ท่านไกร อย่าลุกพรวดพราดสิเจ้าคะ...ประเดี๋ยว--- " หญิงสาวคนรับใช้ในจวนของพระเพชรพิไชยคนเดิมรีบร้องออกมา ในขณะที่ไกรเองเพราะผลจากการลุกพรวดพราดขึ้นยืนจากในท่านอนในทันทีจึงทำให้เกิดอาการหน้ามืดวูบอย่างที่หญิงสาวกำลังจะเตือนไม่ผิดคำเลย
ตุ้บ!
" โธ่ ท่านไกร ลุกขึ้นมาแบบนี้ก็น่ามืดแย่สิเจ้าคะ " หญิงรับใช้คนเดิมของเมื่อเช้าวานนี้เข้ามาหาไกรที่กำลังเซแท่ดๆ เพราะหัวหมุนติ้ว ก่อนจะค่อยๆประคองชายหนุ่มให้นั่งลงอย่างช้าๆ ในขณะที่ไกรที่เรียกสติกลับคืนมาได้พึมพำขอบคุณอย่างงงๆ
' บ...แบบนี้ คงจะไม่มีทางชินง่ายๆแน่ๆ ' ไกรคิดในใจอย่างปลอดอคติ ก่อนจะก้มลงมองเครื่องทรงของตัวเองที่มีเพียงกางเกงผ้าแพรขายาวคล้ายกับกางเกงขาก๊วยสีเข้มเพียงตัวเดียว โดยปล่อยให้ร่างกายท่อนบนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเปลือยเปล่าไว้เพราะอากาศที่ค่อนข้างร้อนกว่าที่หมู่บ้านยุคันตวาต ...ซึ่งถ้าพูดกันตามความจริง ไกรเองก็รู้ดีว่านี่เป็นชุดนอนปกติของยุคนี้ แต่พอมีหญิงสาวอยู่ในห้องตามลำพังด้วยแบบนี้ มันก็ทำให้เขาอดรู้สึกกระดากอายไม่ได้...ถึงแม้ว่าจะรู้อยู่แก่ใจว่าอีกฝ่ายจะเป็นแค่หญิงรับใช้ที่คอยอำนวยความสะดวกแก่เขาก็ตามที
ไกรถอนหายใจเฮือกให้กับวัฒนธรรมที่เขาไม่คุ้นชินจนต้องเกิดอาการ Culture shockนี้เล็กน้อย ก่อนจะเอื้อมหยิบเสื้อที่เขาถอดวางไว้บนหัวเตียงขึ้นมาใส่และอดขำกับตัวเองไม่ได้
" ความจริง...เธอไม่จำเป็นต้องมาคอยรับใช้ข้าเช่นนี้ก็ได้นะ...ลำบากเธอเปล่าๆ " เขาพูดออกไปตามมารยาทและความเกรงใจ แต่อีกฝ่ายกลับดูเหมือนจะไม่เข้าใจความเกรงใจของเขา เพราะเมื่อได้ยินเธอก็ถึงกับหน้าเสียทันที ก่อนจะรีบคุกเข่าค้อมหัวคำนับเขาจนหน้าผากแทบจะติดพื้นและเอ่ยออกมาอย่างตะกุกตะกักว่า
" ข...ข้าขออภัยอย่างยิ่งเจ้าค่ะที่...ที่รับใช้ท่านได้ไม่ดีพอ ด...ได้โปรด อย่าลงโทษข้าเลยนะเจ้าคะ! "
" ฮ...เฮ้ย! เดี๋ยวๆ ไหง---ไฉนเธอถึงได้แปลคำที่ข้าพูดไปด้วยความเกรงใจไปไกลสุดกู่ได้แบบนั้นล่ะเนี่ย? "
" ก็เจ้ามันพูดไม่ชัดเจน แถมยังผิดที่ผิดเวลาเองนี่หว่า...ไกร " ระหว่างที่ไกรยังคงทำหน้าเงิกลั่กอยู่นั้น ท่านผู้เฒ่าที่เดินเข้าห้องมาก็ครางออกมาเบาๆ ก่อนจะเกาหัวแกรกๆทันที
" ท่านผู้เฒ่า? "
ท่านผู้เฒ่าถอนหายใจเฮือก ก่อนจะหันไปพยักหน้ากับหญิงรับใช้ที่หมอบกราบกรานอยู่เหมือนเป็นเชิงสั่งให้หญิงสาวผู้นี้ออกไปก่อน ก่อนที่เขาจะหันกลับมาหาชายหนุ่มตรงหน้าอีกครั้ง
" จะไหวแน่รึเปล่าเนี่ย...เป็นถึงพระยาพานทองแล้วแท้ๆ ทั้งเมื่อวานก็ยังทำการประลองได้ชัยอย่างงดงามอีกต่างหาก แต่ยังเกรงกลัวหญิงรับใช้น้อยนางเดียวไม่เลิก แบบนี้รู้ถึงไหน...มีหวังได้อายไปถึงนั่นแน่ๆ "
" อ...อึ๋ย! " ไกรสะดุ้งเฮือก ก่อนจะเหลือบไปมองพานทองคำพระราชทานที่ฉลุลายไทยไว้อย่างดงามและฝืนยิ้มออกมาทันที
...หลังจากการประลองเมื่อวานนี้ ไกรก็ได้รับพระราชทานเครื่องยศพานทอง อันเป็นเครื่องยศเฉพาะพระยาระดับสูงที่มีศักดินาเกิน ๕,๐๐๐ ไร่เท่านั้น...แต่ถ้าเทียบกันจริงๆแล้ว ถึงพระเจ้าเอกทัศน์จะไม่ได้ตรัสออกมาตรงๆ แต่ระดับยศของเจ้าพระยาพิทักษ์ราชภักดี หัวหน้าเหล่าทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ทั้งหมดทั้งปวงของไกร...ดีไม่ดีก็อาจจะเทียบได้ถึงศักดินาระดับนาหมื่น(๑๐,๐๐๐ ไร่) เลยทีเดียว...
...เทียบเท่าเจ้าพระยาระดับสูงสุดอย่างอัครมหาเสนาบดีและเหล่าพระยาจตุสดมภ์ทั้ง ๔ เลยก็ว่าได้...
" พระยาพานทองเนี่ยนะ... "
" เออ...พระยาพานทอง...ถึงจะยังต้องอาศัยจวนของพระเพชรพิไชยซุกหัวนอนอยู่ก็ตามทีเถอะ...อันที่จริงถึงจะบอกว่าเป็นเจ้าพระยา แต่ข้าก็คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเจ้าพระยาที่มีระดับศักดินาระดับสูงถึงเพียงเท่านี้...ผลก็เป็นเพราะการประลองที่ติดตราตรึงใจของทุกคนของเจ้านั่นแหละ...เฮ้อ...ทั้งๆที่ข้าบอกให้ออมฝีมือแล้วแท้ๆ "
" ...แต่ท่านก็เห็นนี่ว่าเด็กนั่น...ม...หมายถึง สินคนนั้นเก่งขนาดไหน...ถ้าหากข้าไม่เอาจริงแล้วถ้าเกิดแพ้ขึ้นมา มีหวังคงงานกร่อยพิลึกเลยไม่ใช่รึไง "
ท่านผู้เฒ่ามองหน้าเขาก่อนจะถอนหายใจเฮือกอย่างจำนนต่อความจริงตามที่ไกรว่า แต่เขาก็ยังอดที่จะเอ่ยสอนขึ้นเบาๆไม่ได้
" อย่าได้ลำพองใจไปนัก...ไกร...จริงอยู่ที่ว่าเจ้าอาจจะเป็นเอตทัคคะในเชิงดาบที่ไร้เทียมทานในการประลอง...แต่ก็เป็นการประลองที่ยังคงอยู่ในกรอบ ในกฎเท่านั้น...แต่หมู่บ้านของเราไม่ได้มีไว้เพื่อประลองกับใครนะไกร...พวกเราเป็นมือสังหาร... "
" คุณหมายถึง... "
" ในเชิงดาบเจ้าอาจจะเก่งกาจที่สุดก็จริง...แต่ถ้าหากเจ้าตกเป็นเป้าหมายของมือสังหารอย่างพวกอนาสตาเซีย หรือศกุนตลา...แล้วเจ้าที่ยังคงยึดติดอยู่กับกรอบแห่งการประลองนี้อยู่ล่ะก็...เจ้าคงจะตายไปตั้งแต่ก่อนจะทันได้เห็นตัวยัยพวกนั้นถนัดด้วยซ้ำเป็นแน่! "
" ... "
" เอ้าๆ! ไม่ต้องทำหน้าสลดเช่นนั้นก็ได้ ข้าก็แค่พูดเตือนสติเจ้าเอาไว้เท่านั้น...ว่าโลกนี้มันไม่ได้ง่ายเช่นการประลองนี้ ...เอาเถอะ เลิกเล่นได้แล้ว...ประเดี๋ยวเราต้องออกไปนอกกำแพงราชวังกัน ไปเตรียมเนื้อเตรียมตัวได้แล้ว "
" นอกกำแพงราชวัง? ...เดี๋ยวนะ แล้วผมมีธุระอะไรจะต้องออกไปนอกวังกัน? "
ไกรขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างสงสัย ในขณะที่ท่านผู้เฒ่าถือวิสาสะเดินเข้ามาหยิบแก้วกาแฟอันควรจะเป็นของไกรขึ้นดื่มหน้าตาเฉย ก่อนที่เขาจะตอบข้อสงสัยของเจ้าพระยาหนุ่มเรียบๆว่า
" ก็...ไม่เชิงธุระสำคัญอะไรนักหรอก...ข้าว่าจะออกไปพบกับมือสังหารของหมู่บ้านเราที่แฝงตัวอยู่อย่างสงบที่นี่เพื่อรวบรวมข้อมูลข่าวสารทั้งหมดซะหน่อยน่ะ "
" หา?...นี่จะบอกว่ายังมีมือสังหารของหมู่บ้านยุคันตวาตที่แฝงตัวเข้ามาอยู่ในเมืองหลวงนี่อีกเหรอครับ? "
" จะว่าอย่างนั้นก็ได้... " ท่านผู้เฒ่ามีสีหน้าซีเรียสลงเล็กน้อย ก่อนจะกระดกกาแฟขึ้นดื่มอีกครั้งก่อนจะพูดต่อเบาๆ
" เขาเป็นมือสังหารรุ่นก่อนน่ะ...เป็นรุ่นที่ทำงานให้กับหมู่บ้านก่อนหน้ามือสังหารรุ่นนี้ที่เจ้ารู้จักอยู่เกือบ ๑๐ ขวบปี...และเขาเป็นหนึ่งในมือสังหารรุ่นก่อนไม่กี่คน ที่ยังรอดอยู่ถึงบัดนี้อย่างไรล่ะ "
คำตอบของท่านผู้เฒ่าทำให้ไกรถึงกับขมวดคิ้ววูบ ก่อนจะเลิกคิ้วและส่งเสียงอืออออย่างเข้าใจอะไรง่ายๆ เพราะอีกฝ่ายเป็นผู้เป็นอมตะ...แถมหมู่บ้านยุคันตวาตเองก็เป็นป้อมปราการที่ถูกสร้างมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์ฯ ...จะมีมือสังหารที่ฝึกมาหลายรุ่นก่อนหน้ารุ่นปัจจุบันก็ไม่น่าแปลกนัก...
" พวกมือสังหารคนอื่นๆรู้รึเปล่าเหรอครับ ว่าพวกเขามีรุ่นพี่ด้วยน่ะ? " ไกรอดถามเบาๆ ไม่ได้ ซึ่งก็เป็นคำถามที่ทำเอาท่านผู้เฒ่าถึงกับต้องมุ่นคิ้วเล็กน้อย แต่เขาก็พูดคุยกับไกรมานานพอจะเดาคำศัพท์แปลกๆของอีกฝ่ายได้แล้ว จึงตอบกลับไปว่า
" ถ้าถามว่าพวกมือสังหารรุ่นอนาสตาเซียรู้รึเปล่าว่ามีมือสังหารก่อนหน้ารุ่นพวกนาง ข้าก็ต้องตอบว่าก็รู้อยู่...แต่รู้แค่หยิบมือเท่านั้น อย่างอนาสตาเซียหรือเมืองนั่นแหละ...ส่วนผู้อื่น แม้แต่พวกสิงห์เองก็ไม่รู้หรอก ทั้งข้าก็ไม่คิดว่าพวกเขาจะสนใจด้วย "
" ก็จริงแฮะ... " เมื่อคิดถึงนิสัยของสิงห์หรือศกุนตลา ไกรก็อดหัวเราะออกมาเบาๆพร้อมกับพยักหน้าอย่างเห็นด้วยไม่ได้ และถามต่อออกมาเบาๆว่า
" แล้วมือสังหารที่ท่านว่านี่อายุเท่าไหร่แล้วเหรอครับ? "
" อืม... " ท่านผู้เฒ่าลูบคางและครางออกมาอย่างครุ่นคิด " ...ข้าก็ไม่ได้จำได้แบบแม่นยำนักหรอกนะ...แต่ถ้าจะให้กะประมาณ...ก็ประมาณพระเพชรพิไชยนี่แหละกระมัง "
" รุ่นปู่เลยนี่หว่า... "
..............................................
...เนื่องจากตำแหน่งของเจ้าพระยาพิทักษ์ราชภักดีเป็นตำแหน่งใหม่ที่ไม่เคยมีในรัชกาลก่อนๆ...ไม่สิ...อันที่จริงต้องพูดว่านี่เป็นตำแหน่งที่พระเจ้าเอกทัศน์และพระบรมวงศานุวงศ์ผู้เป็นเชษฐภคินี...สมเด็จพระพี่นางพินทวดี และอนุชา...พระเจ้าอุทุมพรดำริด้นกันสดๆ เพื่อเป็นตัวเบนความสนใจสำหรับเหตุการณ์ไม่คาดฝันอื่นๆ ทำให้ตำแหน่งหน้าที่และความชัดเจนของไกรยังคงคลุมเคลืออยู่ และก็น่าจะยังคงคลุมเคลือเช่นนี้ต่อไปจนกว่าที่จะมีราชโองการเป็นอย่างอื่น...แต่อย่างน้อยๆเวลานี้เขาก็ได้รับพระราชทานไพร่ที่เข้าสังกัดเป็นไพร่สมของเขามาจำนวนหนึ่งแล้ว ซึ่งเวลานี้ก็ถูกสั่งให้ไปสร้างจวนประจำตำแหน่งของไกรเองที่ข้างกำแพงราชวังแล้ว...ทำให้จนกว่าจะมีราชโองการ...เวลานี้หน้าที่ของไกรก็คือ...ลอยชายไปมา...บวกกับคำสั่งพิเศษของท่านผู้เฒ่า...คำสั่งที่ว่า...
' ขอร้องล่ะไกร...ข้ารู้ว่ายากเกินไปสำหรับเจ้า แต่ถ้าเป็นไปได้ ช่วยอย่าก่อเรื่องไปมากกว่านี้อีกเลย... '
' ทำยังกะเขาอยากจะก่อเรื่องอย่างนั้นแหละเฮ้ย!...ก็เห็นๆอยู่รึไงว่าเรื่องต่างๆมันพุ่งเข้ามาหาเขาเองชัดๆ '
ไกรที่อยู่ในชุดไปรเวทเหมือนกับชุดชาวบ้านธรรมดาๆเพื่อเตรียมจะออกไปข้างนอกกำแพงพระราชวัง โคลงหัวพร้อมกับเถัยงกลับในใจก่อนจะเดินลงบันไดเพื่อมาสมทบกับท่านผู้เฒ่าที่รออยู่แล้ว แต่พอลงมาถึงชั้นล่าง...ไอ้เรื่องยุ่งๆที่ว่าไว้มันก็พุ่งเข้ามาหาทันทีโดยไม่ให้เขาพักหายใจเลย
" อ้าว? ท่านไกร...ตื่นสายเสียจริงนะขอรับ "
" ท...ท่านครุฑ?! "
ไกรครางออกมาเบาๆ แทบจะอ้าปากค้างทันที เพราะไอ้คนที่รอเขาอยู่ข้างล่างที่ควรจะมีแค่ท่านผู้เฒ่าที่รอเตรียมจะไปข้างนอกเท่านั้นแท้ๆ ...แต่เวลานี้ที่รออยู่กลับมีทั้งท่านผู้เฒ่าที่กำลังทำสีหน้าลำบากใจ พระเพชรพิไชยหัวหน้ากรมทหารล้อมวังเฒ่า ท่านเจ้าพระยาจักรีศรีองครักษ์...และที่แน่นอนที่สุด...บุตรบุญธรรมของเจ้าพระยาจักรี...หลวงยกกระบัตรเมืองตาก...สิน...
" ม...มาทำอะไรกันตั้งแต่เช้าเช่นนี้ละขอรับเนี่ย...ใต้เท้า "
" หืม?...เหตุผลง่ายๆเลยขอรับ ก็มาส่งลูกชายของกระผมให้มาอยู่ภายใต้การดูแลของใต้เท้าน่ะสิขอรับ "
' ส่งลูกชาย? เฮ้ย! นี่มันไม่ใช่มาส่งลูกไปเข้าโรงเรียนประถมนะเฮ้ย!! ' ไกรเถียงในใจดังๆ ก่อนจะหันไปสบสายตาของสินโดยไม่ได้ตั้งใจ...แต่สายตาที่ตอบกลับมาของสินดันเป็นสายตาที่จ้องมองอยู่แล้วเหมือนกับจะกินเลือดกินเนื้อจนเขาถึงกับต้องเสียวสันหลังวูบซะอย่างงั้น
' ยังผูกใจเจ็บแค้นอยู่สินะ ...ไม่ๆ สิน...ไม่สิ พระเจ้าตากสินผู้นี้เป็นผู้ที่เราไม่ควรจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวข้องแวะอะไรด้วยมากที่สุด...เพราะการกระทำของคนในอนาคตอย่างเราอาจจะไปเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ของบูรพกษัตริย์อันถูกขนานนามต่อท้ายว่า มหาราช ผู้นี้อย่างที่เราเองก็คาดไม่ถึงก็ได้ ! ' ไกรเหลือบมองหลวงยกกระบัตรหนุ่มผู้ที่ในอนาคตจะกลายเป็นถึงมหาราชผู้กู้เอกราชให้กับชาติไทย ก่อนจะครางออกมาเบาๆพร้อมกับถอนหายใจเฮือก ในขณะที่ท่านเจ้าพระยาจักรีเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อสังเกตเห็นชุดของไกร จนเขาต้องทักออกมาไม่ได้
" จะไปไหนหรือขอรับ ใต้เท้า? "
" ค...คือ " ไกรหันไปลอบสบสายตากับท่านผู้เฒ่าเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจเฮือกอีกครั้งและรีบปั้นหน้ากาก เจ้าพระยาพิทักษ์ราชภักดี ตอบกลับไปเบาๆว่า " กระผมกำลังจะออกไปด้านนอกพระราชวังน่ะขอรับ...แล้วใต้เท้า? "
" กระผมน่ะ ประเดี๋ยวคงจะต้องเข้าเฝ้าพ่ออยู่หัวทั้งสองเกี่ยวกับราชการศึกน่ะขอรับ พ่ออยู่หัวเรียก ๒ อัครมหาเสนาบดีอย่างข้ากับท่านสมุหากลาโหม บุนนาค เท่านั้นน่ะ...ถ้าอย่างนั้น ฝากสินด้วยนะขอรับ ทั้งกับท่านไกรเอง...และกับท่านด้วยนะขอรับ...ท่านผู้เฒ่า "
' ท่านผู้เฒ่า?...อย่าบอกนะว่า ' ไกรขมวดคิ้ววูบก่อนจะหันขวับไปมองท่านผู้เฒ่าทันที แต่ท่านผู้เฒ่าก็ยังคงสวมหน้ากากไว้ได้อย่างยอดเยี่ยมจนไกรยังอดแปลกใจไม่ได้
" เฮ้ย! ไม่สิ ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องแบบนี้...ต้องถามว่าแล้วทำไมกระผมต้องมารับหน้าที่ดูแลหลวงยกกระบัตรเมืองตากด้วยล่ะขอรับ ญาติโยมรึก็ไม่ใช่! "
" ก็...นี่เป็นราชโองการของพ่ออยู่หัวนี่ขอรับ ทั้งกระผมเองก็มีบุตรี...ต่อให้สินเป็นบุตรบุญธรรมของข้าแต่ก็ยังเป็นชายพายเรือที่ไม่เกี่ยวข้องทางสายโลหิต...จะให้มาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันก็จะดูไม่งาม...จึงอยากจะฝากท่านดูแลในทุกๆเรื่องเลยจะดีกว่าน่ะขอรับ "
" แบบนี้มันผลักภาระให้กับกระผมกันง่ายๆเลยไม่ใช่รึอย่างไรล่ะขอรับ! "
" ว่าอย่างไรนะ! ข้าไม่ใช่ภาระซะหน่อยนะเฮ้ย! " หลวงยกกระบัตรเมืองตากเถียงกลับมาดังลั่นอย่างเอาเรื่อง แต่เสียงดังลั่นนั้นก็ถูกกลบด้วยเสียงมะเหงกที่เข้ากลางหัวของสินดังสนั่นจนเด็กหนุ่มทรุดลงไปกุมศีรษะป้อยพร้อมกับน้ำตาเล็ดทันที
" อย่าเสียมารยาทต่อผู้ที่เป็นนายของเจ้าสิ! ไอ้เด็กคนนี้!! "
" ท่านพ่อ! ท่านก็ทราบดีว่าข้าเห็นไอ้หมอนี่เป็นเป้าหมายที่อย่างไรข้าก็ต้องพิชิตให้ได้ แล้วเหตุใดท่านถึงได้แกล้งให้ข้าต้องมาอยู่ใต้อาณัติของเขาอีกล่ะขอรับ!! "
" เฮ้อ...สิน...เจ้าน่ะลำพองใจในความเก่งกาจของตัวเองจนเกินไป...หากเจ้าไม่รู้จักคำว่าพ่ายแพ้ซะบ้าง เจ้าคงจะก้าวต่อไปข้างหน้าไม่ได้...และท่านเจ้าพระยาพิทักษ์ฯนี่แหละที่มีความสามารถพอจะสั่งสอนเจ้าได้น่ะ...แล้วก็เรียกท่านไกรว่า ท่าน หรือ ใต้เท้า และแทนตัวเองว่า กระผม สิ "
" แต่เขาเอาชนะข้าได้ด้วยเล่ห์กลอันสกปรกนะขอรับ! "
" เฮ้ยๆ จะด่ากันก็ไม่ว่าหรอกนะ...แต่ก็ไม่ควรลืมว่าข้าก็ยืนอยู่ตรงนี้ด้วยสิ " ไกรที่เหมือนกับยืนเป็นหัวหลักหัวตออยู่อดขัดขึ้นเบาๆไม่ได้ แต่สิน...หรือในอีกมุมหนึ่งคือสมเด็จพระเจ้าตากสินในวัยหนุ่มหันกลับมาแยกเขี้ยววับใส่เขาอย่างตั้งป้อมเป็นปฏิปักษ์ด้วยทันที
" เจ้า!...ม...หมายถึง ท...ท่านน่ะเงียบไปเลย! ก็การประลองเมื่อครานั้นท่านเล่นสกปรกจริงๆนี่นา...จากทีแรกที่ใช้ดาบมือเดียวกระผมก็เกือบจะเอาชนะท่านได้อยู่แล้วแท้ๆ...อีกทั้งถึงจะมีดาบสองมือ แต่กระผมก็ยังเกือบจะเอาชนะท่านได้แล้วเช่นกัน...ถ...ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้เชิงดาบที่ขุดหลุมพรางไว้นั่นล่ะก็... "
" แต่ชนะก็คือชนะไม่ใช่รึอย่างไรล่ะขอรับ " พระเพชรพิไชยเฒ่าที่ดื่มกาแฟอยู่อย่างเงียบๆก็ยังอดขัดขึ้นมาเบาๆไม่ได้ ทำเอาสินถึงกับอ้าปากพะงาบๆอย่างเถียงไม่ออก ในขณะที่ท่านผู้เฒ่าก็อดเสริมขึ้นมาเบาๆไม่ได้
" ...ท่านสิน...คำว่าชนะน่ะ...ใช่ว่าแค่มีพลังอย่างเดียวก็ใช่ว่าจะเอาชนะได้เสมอไปนะขอรับ...บางครั้ง คนแก่ก็มีอาวุธของคนแก่นะ "
' คนแก่...นี่ตูถูกเหมารวมว่ากลายเป็นคนแก่ไปแล้วเหรอฟะเนี่ย?...แต่เอาเถอะ ' ไกรส่ายหน้าเพื่อไล่เรื่องไม่เป็นเรื่องออกไปจากหัว ก่อนจะหันไปถามสมุหนายกผู้เป็นบิดาบุญธรรมของสินเบาๆว่า
" นี่ตกลงท่านพูดจริงจังหรือขอรับ...เรื่องที่ว่าจะให้กระผมดูแลและเป็นหัวหน้าของบุตรชายท่านผู้นี้น่ะ "
" อ้าว...กระผมก็บอกท่านไปแล้วนี่ขอรับ ว่ากระผมอยากให้ท่านช่วยกำราบเด็กนี่น่ะ ซึ่งท่านก็ทำได้ดีจนกระผมถึงกับตะลึงงันเลยทีเดียว...ไอ้เรื่องที่ว่าจะฝากสินให้มาอยู่เรียนรู้ราชการจากท่านน่ะ กระผมพูดไปด้วยความสัตย์จริงทุกประการขอรับ " เจ้าพระยาจักรีศรีองครักษ์ตอบกลับมาพร้อมกับยิ้มบางๆ ...เป็นรอยยิ้มที่ทำเอาไกรถึงกับต้องมุ่นคิ้วทันที
...ชายคนนี้...อ่านไม่ออกจริงๆ...
...ต่อให้พึ่งจะเจอกันแค่ ๒ ครั้ง แถมแต่ละครั้งก็เป็นเวลาเพียงไม่กี่นาทีก็ตาม แต่เขาก็ยังอ่านท่าทางของเจ้าพระยาผู้เป็นอัครมหาเสนาบดีฝ่ายพลเรือนผู้นี้ไม่ได้จริงๆ...ถึงบัดนี้เขาก็ยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าชายผู้นี้เป็นเพียงแค่คนที่จริงใจที่สุด หรือคนที่เจ้าเล่ห์แสนกลและแสดงละครได้แนบเนียนที่สุดกันแน่...
...เขาอาจจะเป็นพวกที่หวาดระแวงไปบ้าง...แต่คนแบบนี้แหละ...ที่เขาเกรงกลัวและเข็ดขยาดด้วยที่สุด...
" อย่างนั้นกระผมฝากด้วยนะขอรับ ท่านไกร...กระผมลาล่ะ "
ระหว่างที่ไกรกำลังคิดในใจอย่างเงียบๆอยู่นั้น ท่านเจ้าพระยาจักรีแยกเขี้ยวยิ้มก่อนจะตัดบทโบกมือลาทันที โดยปล่อยให้ลูกชายบุญธรรมของตัวเองเป็นภาระหน้าที่ของเขาและพรรคพวก แถมยังพุ่งขึ้นม้าแล้วควบหายไปอย่างรวดเร็วโดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมามองเลยแม้แต่น้อยอีกต่างหาก จนไกรถึงกับต้องโวยไล่หลังไปลั่นทันที
" เฮ้ย! ประเดี๋ยว!! แบบนี้มันโยนขี้ให้กันชัดๆเลยไม่ใช่รึยังกันล่ะเฮ้ยขอรับ! "
" กระผมไม่ใช่ขี้นะขอรับ! "
" คำอุปมาอุปมัย หมายถึงทิ้งความลำบากไว้ให้เฟ้ย!! "
" ข...เข้าใจแล้ว! ที่ท่านพ่อให้กระผมมาอยู่กับท่าน ก็เพื่อจะให้กระผมติดตามท่านทุกฝีก้าว และหาโกาสเชือดท่านได้ง่ายๆนี่เอง...ผ...แผนการล้ำเลิศจนข้าเกือบจะตามไม่ทันเลยนะเนี่ย! "
" ใช่ซะที่ไหนล่ะเฟ้ย! แล้วคนที่คิดจะเชือดคนอื่นโลกไหนกันที่เอาแผนมาพูดกับคนที่เป็นเป้าหมายแบบนี้กันฟะ?! "
" ถึงรวมท่านด้วยก็จะยังมีแค่ ๓ คนแท้ๆ...แต่หน่วยคเณศร์เสียงานี่...เป็นหน่วยที่น่าสนุกจริงๆนะขอรับ...ท่านออกญา " พระเพชรพิไชยที่นั่งซดกาแฟอยู่ห่างๆถึงกับต้องพูดออกมาเบาๆ ในขณะที่ท่านผู้เฒ่าถึงกับเอามือกุมขมับทันที
" ...แบบนี้...อยู่รอดกันไปได้ซัก ๑ อาทิตย์โดยไม่ฆ่ากันตาย...ก็ถือเป็นกุศลแล้ว!!... "
................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ