ยุคันตวาต (ลมสิ้นยุค)

9.4

เขียนโดย PingJa

วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.49 น.

  152 ตอน
  11 วิจารณ์
  127.92K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557 20.02 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

44) ...ตอนที่ ๑๑ ...หน่วยคเณศร์เสียงา...(๓)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

 

================================================

 

 

 

 

       ...ณ...กระท่อมตีศาสตรา...หมู่บ้านยุคันตวาต...

 

        " หืม?... "  อนาสตาเซีย...หรืออีกนัยหนึ่ง คืออรัญญิกาเทวีที่สิงอยู่ในร่างของอนาสตาเซียครางออกมาเบาๆอย่างสนอกสนใจกับดาบ นาคราช ที่เวลานี้เหลือเพียงแต่ด้ามและเศษดาบกุดๆติดกับประกับดาบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ก่อนจะหันไปมองค้อนเล็กๆในมือของยูกิโอะสลับกันไปมา ก่อนจะพูดเบาๆอีกครั้ง...

 

        " เห...แค่เธอสร้างดาบที่รวมเอา เหล็กญี่ปุ่น ที่มีคาร์บอนอยู่ในเนื้อเหล็กสูงรวมกับ เหล็กไหล ซึ่งเป็นโลหะศักดิ์สิทธิ์ได้ก็ถือวาน่าทึ่งพออยู่แล้ว...แต่ดาบที่ว่าดันมาหักด้วยการตีด้วยค้อนเล็กๆเพียง ๒ ครั้งนี่สิที่น่าทึ่งกว่า...ทั้งๆที่ดาบเล่มนี้ไม่ควรจะถูกทำลายได้เว้นแต่จะหลอมด้วยความร้อนสูงที่สุดแท้ๆ...ไอ้ค้อนในมือของเธอนี่มันน่าสนใจดีจริงๆนะ "

 

        " คา-บ้อน? ...เจ้าพูดถึงเรื่องอะไรกัน?...ไม่สิ...ข้าต้องถามว่าเจ้าเป็นใครกันต่างหาก! "  ยูกิโอะรีบซ่อนค้อนกลับเข้าไปในกระเป๋าลับด้านหลัง ก่อนจะกลับมาใช้สองมือกำด้ามดาบคาตะนะอาถรรพ์แน่น โดยตั้งท่าป้องกันเตรียมพร้อมที่สุด...ทั้งๆที่เธอไม่คยตั้งท่าเช่นนี้กับผู้ใดที่เธอเคยสู้ด้วยมาก่อนแท้ๆ ...แต่อีกฝ่ายกลับไม่มีท่าทีรีบร้อนแต่อย่างใด...เทพีสาวในร่างของอนาสตาเซียค่อยๆลุกขึ้นยืนพร้อมกับทิ้งเศษดาบที่อยู่มือ ก่อนที่เธอจะนิ่วหน้าและครางอู้ออกมาเบาๆทันที เพราะอาการบาดเจ็บอันค่อนข้างจะสาหัสที่สีข้างที่ถูกค้อนเล็กๆนั่นฟาดเข้าเต็มรัก ก่อนจะส่งสายตาปะหลับปะเหลือกไปที่ผู้สร้างบาดแผลนี้

 

        " อูย...ลืมไปว่าเราอยู่ในร่างของยัยนี่ที่ยังเป็นกายหยาบ...เจ็บแบบนี้คงจะซี่โครงหักแน่ๆ...ลงมือได้หนักเกี้น... "  หญิงสาวพูดเบาๆราวกับรำพึงกับตัวเอง ก่อนที่เธอจะใช้มือกุมสีข้างด้านที่บาดเจ็บอยู่ ก่อนจะเกิดแสงสว่างวาบที่ฝ่ามือด้านนั้น...พริบตาเดียวรอยช้ำที่เริ่มขึ้นเขียวเป็นจ้ำๆเพราะกระดูกหักและเลือดตกในก็ค่อยๆจางหายไปราวกับไม่มีอะไรราวกับบริเวณนั้นไม่เคยมีบาดแผลอันสาหัสนั้นเกิดขึ้นมาก่อนเลย...ซึ่งต่อให้เป็นวิทยาการหรือเวทย์มนต์คาถาบทใดก็ไม่อาจจะทำได้แท้ๆ  นั่นทำให้ยูกิโอะถึงกับต้องเบิกตากว้างอย่างตกตะลึงทันที

 

       ...นี่ไม่ใช่พลังของมนุษย์แน่นอน!...

 

        " จ...เจ้า! "

 

        " เฮ้อ...ดูเหมือนเธอจะ เอ็นดู ยัยนี่หนักมือเกินเลยไปหน่อย จนพี่สาวคนนี้ชักไม่ปลื้มแล้วนะ...ท่านหญิงสีแดงชาด...ยูกิโอะ... "

 

        " จ...เจ้า...รู้นามนั่น...นาม ท่านหญิงสีแดงชาด จากที่ใด...ไม่สิ! รู้ได้อย่างไรกัน?! "

 

        " หืม?...หรือเธอจะชอบอีกฉายาหนึ่งของเธอมากกว่า...คุณ ตัวกาลกิณีสีเลือด !! "

 

        " หุบปาก!! "

 

          ราวกับอสรพิษที่ถูกตีเข้าที่ขนดหาง...จากท่าทีระวังระไวเปลี่ยนเป็นความบ้าคลั่งอีกครั้งในพริบตา ดวงตาที่ดำสนิทดั่งดวงเนตรอสูรเปล่งประกายวูบพร้อมกับตวาดก้อง ดาบจูชิโยซามุเปล่งประกายออร่าอาถรรพ์ออกมาและถูกฟาดฟันด้วยความเร็วแทบมองไม่ทัน ชนิดกะจะเอาให้หญิงสาวปริศนาในร่างอนาสตาเซียตรงหน้าขาดเป็น ๒ ท่อนไปเลยในทีเดียว!

 

          แต่หญิงสาวปริศนาในร่างของอนาสตาเซียที่มีนามว่าอรัญญิกาเทวีกลับแสยะยิ้ม ก่อนจะยืนมือออกมากลางอากาศวูบ พริบตาเดียวดาบเล่มงามที่ยูกิโอะประดับติดข้างฝาไว้ก็พุ่งเข้าสู่มือของเธอทันทีราวกับถูกดูดด้วยแม่เหล็กแรงสูง ก่อนที่เธอจะยกดาบเล่มนั้นขึ้นกันดาบคาตานนะอาถรรพ์ในมือของยูกิโอะอย่างฉิวเฉียด...เสียงโลหะระดับสูงระทบกันกังวานก้องไปทั่ว!

 

        " อ...อะไรกัน?! "

 

        " เฮ้อ...ดันมาจะเป็นจะตายช่วงทำงานล่วงเวลาแบบนี้...หมดกัน ค่าโอทีฉัน...แถมกลับไปก็มีหวังโดนหัวหน้าด่าต่ออีก...ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอสนุกกับเธอซักพักก็แล้วกันนะ... "  อรัญญิกาบ่นเบาๆ แถมครึ่งนึงของประโยคก็เป็นคำที่ยูกิโอะพึ่งจะเคยได้ยินเป็นครั้งแรกอีกต่างหาก แต่เธอไม่มีเวลาพอจะถามอะไร...เมื่อเห็นว่าการโจมตีครั้งแรกพลาดเป้า ดาบคาตานะในมือก็พลิกวูบก่อนจะสวนแทงหมายจุดตายของอีกฝ่ายอีกครั้ง ในขณะที่อรัญญิกาเหมือนจะรู้ทันการโจมตีดอกนี้อยู่แล้ว  เพราะเธอเบี่ยงตัวหลบก่อนจะแทงสวนดาบเข้ามาทันที

 

          แคว่ก! 

 

          คมดาบที่คมราวกับมีดโกนพุ่งพรวดเฉียดเอวบางๆของยูกิโอะไปเพียงนิดเดียว ทีแรกยูกิโอะที่ลำพองว่าตนเป็นอมตะไม่มีวันตายอยู่แล้ว เธอจึงคิดจะรำดาบโจมต่อทันที แต่อยู่ๆ สีข้างด้านที่ถูกคมดาบบาดเฉี่ยวไปก็เจ็บแปล๊บจนเธอต้องทิ้งการโจมตีและกระโดดถอยออกมาคุมเชิง...เมื่อเอามือแตะตรงรอยที่เจ็บนั้น ดวงตาที่เหมือนดวงตาอสูรนั้นก็เบิกกว้างแทบถลนอย่างตกตะลึงอีกครั้ง

 

       ...รอยแผลที่ถูกคมดาบบาดเป็นแนวเล็กๆและมีเลือดซึมออกมาเป็นยางบอนนั้นกลับไม่มีวี่แววว่าจะมีเกล็ดสีเงินที่เหมือนกับเกล็ดปลาอาถรรพ์ขึ้นปกคลุมและหายไปอย่างที่มันควรจะเป็น!...

 

        " อ้าวๆ ระวังหน่อยนะท่านหญิง...ถึงพวกฉันจะมีกฎไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับผู้ที่แหกกฎแห่งวัฏสงสารอย่างเธอก็จริง...แต่ใช่ว่าฉันจะไมมีอำนาจเพียงพอจะหักล้างมันนะ "

 

        ' หมายความว่า...สตรีที่อยู่ตรงหน้านี่...มีพลังที่จะยกเลิกความเป็นอมตะของเราได้ ...ไม่สิ! พูดอีกแง่นึง...สตรีนางนี้สามารถฆ่าเราได้อย่างนั้นรึ?!! '  ยูกิโอะกุมรอยแผลนั้นพร้อมกับถอยกลับไปถึง ๓-๔ ก้าวอย่างกลัวเกรง...ใบหน้าซีดเผือดราวกับโดนผีหลอกทันที

 

       ...เพราะนี่เป็นครั้งแรก...นับตั้งแต่ครอบครองพลังแห่งความเป็นอมตะมา...ที่เธอได้รับรู้ถึงสิ่งที่เธอหวาดกลัวที่สุด...

 

       ...ความตาย!...

 

        " อ้าว...เธอมันเป็นจำพวกที่ ๑ หรอกเหรอเนี่ย? "

 

        " จ...จำพวกที่ ๑? "

 

        " เห็นฉันอย่างนี้ แต่ฉันก็อยู่มานานพอจะเจอคนผู้ที่แหกกฎแห่งวัฏสงสาร...ไม่ยอมเกิด แก่ เจ็บ ตาย...มาก็หลายต่อหลายคนแล้ว...ซึ่งคนอย่างพวกเธอ พอรู้ว่าฉันมีความสามารถที่จะลบล้างความเป็นอมตะได้ ก็มีปฏิกริยาแค่ ๒ แบบเท่านั้น...แบบแรก...แบบที่เธอกำลังทำอยู่...เกรงกลัวที่จะต้องเสียพลังอันน่ารังเกียจนี้ไป...คงเป็นเพราะเธอยังคงเต็มไปด้วยกิเลสตัณหาที่ยังถูกเติมไม่เต็ม หรือไม่ก็ยังมีภาระหน้าที่อันไม่อาจจะละทิ้งได้อยู่...ซึ่งฉันก็ไม่ได้โทษว่ามันไม่ดีอะไรหรอกนะ...เห้อ...ไอ้เรารึก็คิดว่าเธอที่อยู่มานานหลายร้อยปีเป็นแบบจำพวกที่ ๒ แท้ๆ "

 

        " จำพวกที่ ๒? "

 

          อรัญญิกาเทวีโคลงหัวพร้อมกับถอนหายใจเฮือกอีกครั้ง ก่อนจะตอบไปอย่างไม่ปิดบังว่า

 

        " ผู้ที่อยู่มานานจนไร้ซึ่งกิเลสตัณหา...หรือไม่ก็ไร้ผู้ซึ่งห่วงหาอาทรแล้วอย่างไรล่ะ...ผู้ที่ไม่เหลือห่วงใดๆกับโลกใบนี้แล้ว...ผู้ที่พร้อมจะทิ้งโลกใบนี้ไว้เบื้องหลังแล้ว แต่ก็ไม่อาจทำได้...ผู้ที่เดินเข้ามา และเรียกร้องหาความตายจากฉันยังไงล่ะ...แหม...เดาผิดแบบนี้ น่าเสียดายจริงๆ "

 

          ดวงตาที่ยังคงเป็นสีดำสนิทของยูกิโอะรื้นลงกับคำพูดที่ราวกับดูถูกเหยียดหยามนี้ เหมือนกับว่ามันไปสะกิดโดนเข้ากับก้อนตะกอนที่จมลึกอยู่ภายในจิตใจเธอให้ฟุ้งขึ้นมา...ก่อนที่เธอจะกัดฟันกรอดและพุ่งเข้าใส่อีกฝ่ายอย่างรวดเร็วเพื่อปิดบังความรู้สึกของตัวเองทันที!

 

        " อย่างเจ้าน่ะ...จะมาเข้าใจอะไร!! "

 

          เคร้ง! เคร้ง!

 

        " คิกๆ แหม...เร่าร้อนดีจริงๆเลยนะ...เอ้าๆ ทำให้พี่สาวคนนี้สนุกสมกับที่กำลังจะโดนหัวหน้าแผนกด่าเปิงทีเถอะ "  อรัญญิกาหัวเราะอย่างถูกอกถูกใจพร้อมกับรับดาบที่โถมแทงเข้ามาชนิดกะเอาให้ถึงชีวิตราวกับเห็นเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องเล่นๆเพื่อฆ่าเวลาเท่านั้น

 

          เทพีสาวยืนรับดาบของอีกฝ่ายอยู่อีก ๒-๓ กระบวนท่า ก่อนที่เธอจะขมวดคิ้วและสิ่งเียงจิ๊กจั๊กอย่างขัดอกขัดใจ จนในที่สุดเทพีสาวในร่างอนาสตาเซียก็ต้องเป็นฝ่ายปัดดาบของยูกิโอะออกและกระโดดถอยหลังไปคุมเชิงแทน...ท่ามกลางความประหลาดใจของยูกิโอะ หญิงสาวก็ทิ้งดาบลงปักพื้นก่อนจะยกมือเรียวงามขึ้นขยำหน้าอกตัวเองอย่างแรงทันที

 

        " ปัดโธ่เอ๊ย! ไอ้หนองโพนมโคแท้ๆนี่! มันเกะกะจริงๆเล้ย! ให้ตายสิ! ยัยนาสตี้พุ่งแว้บไปแว้บมาอย่างรวดเร็วไปได้ยังไงกันนะ ทั้งๆที่มีก้อนไขมันหนักๆเป็นถุงลมนิรภัยคู่หน้าติดอยู่แบบนี้...เนอะ ท่านหญิงยูกิโอะ "

 

        " ถามข้าแล้วข้าจะไปถามใครกันเล่า!! "

 

        " เอ้า! ก็เธอเองก็ซ่อนรูปไม่แพ้ยัยนี่...ก็น่าจะเข้าใจหลักการทำงานของมันมากกว่าพวกจอแบนอย่างฉันสิ "  อรัญญิกาส่งเสียงจิ๊กจั๊กพร้อมกับเถียงกลับไปอีกครั้ง ซึ่งเป็นคำเถียงกลับที่ทำเอายูกิโอะอ้าปากค้าง...แทบจะหายจากอารมณ์บ้าคลั่งทันที

 

        " ล...หลักการทำงาน...จ...จอแบน?! "

 

        " อ๊ะๆ แต่อย่าลำพองใจไปเชียวนะ! ในยุคสมัยของฉันน่ะ พวกจอแบนขนาดกะทัดรัดอย่างฉันนี่แหละที่เป็นเทรนด์ที่นิยม...ไม่ใช่พวกโคนมอย่างเธอ...ใช่ๆ อย่างที่เขาว่าไว้ไงล่ะ ...จอแบนล้ำสมัย  ใหญ่ใหญ่สิโบราณ  แก่ไปก็หย่อนยาน  แบนแบนนั้นสิยั่งยืน...กลอนประจำใจฉันเลยล่ะเออ "

 

        " ล...แล้วข้าจำเป็นต้องรู้ไหมเนี่ย?! ...ให้นรกสาปสิ! เรากำลังต่อสู้กันแบบเอาเป็นเอาตายอยู่นะ!!...ไฉนถึงได้ออกทะเลไปถึงขนาดนี้ได้ล่ะเนี่ย?! " 

 

 

        " พี่ยุกกี้...พวกข้าเข้าไปน้าาาา! "

 

        " โคลบี้? ออลลี่?? "

 

 

          หลังสิ้นเสียงตวาดแว๊ดอย่างจิตแตกของยูกิโอะ...อยู่ๆ เสียงของเด็กหนุ่มที่มีโทนเสียงเหมือนกัน ๒ คนก็ตะโกนขึ้นพร้อมกันตรงด้านหน้าประตูทางเข้ากระท่อม ทำให้ทั้งอรัญญิกาและยูกิโอะต่างพร้อมใจกันหยุดการห้ำหั่นชนิดถึงเลือดถึงเนื้อ(?)ลงอย่างกะทันหันทันที  พร้อมกับที่อรัญญิกาหันขวับไปมองที่ประตูไม้อันเป็นทางเข้าและต้นเสียง ก่อนจะสะบัดคอหันกลับมาหายูกิโอะพร้อมกับเอียงคออย่างสงสัยจนคอแทบหักทันที

 

        " ย...ยุกกี้?...อ...ไอ้ชื่อน่าอายนี่ อย่าบอกนะว่า... "  เทพีสาวในร่างของอนาสตาเซียครางออกมาเบาๆ  ในขณะที่ยูกิโอะเวลานี้มีท่าทีลนลานอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เธอรีบซ่อนดาบอาถรรพ์ จูชิโยซามุ ไว้บนขื่อเหนือหัวก่อนจะก้มลงใช้เท้าเปล่าเขี่ยเศษดาบ นาคราช ที่หักไปแล้วแอบซ่อนไว้ใต้เงาตู้ไม้ใหญ่ และหันกลับมาจัดผมเผ้าและเครื่องทรงของตัวเองให้เข้าที่อย่ารีบร้อน ปากก็ตะโกนตอบกลับไปว่า

 

        " ป...ประเดี๋ยว...โคลบี้ ออลลี่...ย...อย่าพึ่งเข้ามา "

 

          แอ๊ด!

 

        " แฮะๆ ไม่ทันแล้วล่ะ พี่ยุกกี้...พวกข้าเข้าไปนะ "

 

          ผู้ที่เข้ามาคือสองเด็กหนุ่มผู้ที่เรียกตัวเองว่า นักประดิษฐ์ สติเฟื่องอย่างโคลัมบัสและออลเรลาน่าอย่างที่อรัญญิกาเดาไว้ไม่มีผิด...เด็กหนุ่มคู่แฝดชาวตะวันตกทั้งสองคนยิ้มร่าวิ่งจู๊ดเข้ามาในกระท่อมตีศาสตราของยูกิโอะ ก่อนจะพุ่งเข้ามากอดเจ้าของกระท่อมสาวทันที

 

        " พี่ยุ้กกี้! พวกข้าจัดการกับดาบของไกรเสร็จตามที่พี่ขอร้องแล้วนะ เห็นไหมๆๆ? "  โคลัมบัสคุยโวเสียงดังลั่นพร้อมกับโบกห่อผ้าไหมสีแดงที่ยาวประมาณดาบเล่มเขื่องๆไปมากลางอากาศพร้อมกับยิ้มแฉ่ง ในขณะที่ออลเรลาน่าเองก็กอดเอวยูกิโอะไว้พร้อมกับทำหน้าบานไม่แพ้กัน...ในขณะที่ยูกิโอะทำหน้าเลิกลั่ก แทบไม่เหลือคราบของอสูรอมตะผู้บ้าคลั่งที่ควงดาบไปมาเมื่อครู่เลยแม้แต่น้อย...เธอเหลือบกลับมามองอรัญญิกาที่ยืนเอ๋อรับประทานอยู่อย่างเขินอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี ก่อนจะหันกลับไปหาคู่แฝดทั้งสองที่บัดนี้พากันกอดเอวเธออยู่ก่อนจะค่อยๆยกมือลูบหัวของเด็กหนุ่มทั้งสองเบาๆ พร้อมกับยิ้มและตะกุกตะกักตอบเด็กหนุ่มทั้งสองไปว่า

 

        " อ...อืม...เก่งมากเลย...โคลบี้ ออลลี่...ขอบใจมากนะ...ต...แต่พี่บอกแล้วอย่างไรว่าอย่าพูดจาเช่นนี้เวลาที่พี่มิได้อยู่ตามลำพัง "

 

        " แฮะๆ ก็พวกข้าคิดถึงพี่นี่นา...ชมพวกข้าอีกๆ "

 

        ' อ...อะไรเนี่ย?!...ถึงจะเป็นแค่การดูจากความทรงจำของนาสตี้ก็เหอะ...แต่ยัยนาสตี้เองก็เชื่อฝังหัวว่ายัยยูกิโอะนี่เป็นพวกอารมณ์แปรปรวน แถมยังเข้าหาด้วยยากแท้ๆ...ต...แต่นี่มัน...เฮ้ย! ที่นี่มีเรื่องที่ทำให้เทพอย่างเราอึ้งได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย? '  อรัญญิกาที่ยังคงอึ้งกิมกี่อยู่คิดในใจอย่างงงๆ เพราะท่าทีของยูกิโอะในตอนนี้ต่างจากภาพลักษณ์ปกติของเธอโดยสิ้นเชิง...หรือว่า...เด็กสองคนนี้

 

        " พ...พี่ยุกกี้...พี่เลือดไหลนี่? โดนอะไรบาดเข้าจนเป็นแผลเหวอะขนาดนี้เนี่ย?! "  อยู่ๆ ออลเรลาน่าก็สังเกตเห็นรอยแผลที่โดนของมีคมบาดจนเลือดไหลออกมาซิบๆที่บริเวณเอวบางๆของยูกิโอะ...เด็กหนุ่มถึงกับร้องลั่นพร้อมกับทำตาโตเท่าไข่ห่านทันที ...ก่อนที่ยูกิโอะจะได้ทันว่าอะไร ทั้งโคลัมบัสและออลเรลาน่าก็หันขวับมาหาอนาสตาเซีย หรืออีกนัยหนึ่งคืออรัญญิกาเทวีในร่างอนาสตาเซียพร้อมกับสังเกตเห็นดาบในมือของอนาสตาเซีย เพียงเท่านั้นทั้งคู่ก็ถึงกับตาลุกวาวอย่างเอาเรื่องทันที

 

        " พี่นาสตี้...อย่าบอกนะว่าฝีมือพี่!! "

 

        " ด...เดี๋ยว โคลบี้ ออลลี่...แผลนี่น่ะ "

 

        ' ส...เสียงเข้มแบบนี้มันเอาเรื่องจริงๆเลยไมใช่เหรอ...เฮ้ย...ยัยอนาสตาเซียเป็นมือสังหารอันดับ ๑ ของหมู่บ้านนะ...แล้วไอ้ท่าทีเป็นห่วงแบบเป็นจริงเป็นจังแบบนี้...มันเกินคำว่าพี่น้องหรือญาติสนิทไปแล้วไม่ใช่รึไง? '  อรัญญิกาถึงกับต้องเลิกคิ้วพร้อมกับคิดในใจอีกครั้ง ...เธอหันไปสบสายตาที่ฉายแววลำบากใจอย่างที่สุดของยูกิโอะอีกครั้งก่อนจะถอนหายใจเฮือก...เห็นแบบนี้เธอก็แทบหมดอารมณ์จะสู้ต่อไปแล้ว..เทพีสาวเกาหัวแกรกๆ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกอีกครั้งและพูดกับช่างตีดาบสาวเบาๆว่า

 

        " ...ท่านหญิงยูกิโอะ...เอาเป็นว่าเรื่องของเราค่อยเอาไว้ว่ากันทีหลังก็แล้วกัน...อ้อ...ขอแก้ตัวให้นาสตี้หน่อยนะว่าเรื่อง ความลับ ของเธอน่ะฉันเป็นคนบอกยัยนี่เอง  เพราะงั้นอย่าพึ่งไปแง่งๆใส่เธอซะล่ะ ...นาสตี้เองก็มีเรื่องสำคัญชนิดคอขาดบาดตายที่จะคุยกับเธอและเหล่ามือสังหารทุกคนเหมือนกัน...แล้วไว้ว่างๆพี่สาวคนนี้จะมาเล่นกับเธอใหม่ก็แล้วกันนะ "  

 

          โดยไม่รอให้ยูกิโอะตอบกลับมา อริญญิกาก็หลับตาลงช้าๆ ก่อนที่ร่างกายของอนาสตาเซียจะเรืองแสงประหลาดวูบ...เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง...อนาสตาเซียก็กลับมาควบคุมร่างที่เดิมเป็นของเธออยู่แล้วอีกครั้ง...

 

        " อนาสตาเซีย? "

 

        " อืม...ข้าเอง...ยูกิโอะซัง "  

 

          อนาสตาเซียรับคำเบาๆ ...ถึงแม้ว่าเธอจะยังคงเคืองๆที่ยูกิโอะทำดาบคุ่บุญของเธอหักสะบั้นจนแทบไม่เหลือชิ้นดีและเกือบจะฆ่าเธอไปแล้วก็ตามที แต่ภาพที่เธอเห็นในหัวระหว่างที่อรัญญิกาเทวีกระโดดเข้ามาควบคุมร่างและช่วยชีวิตเธอไว้นั้นก็สร้างความสงสัยให้เธอจะแทบจะทำให้ลืมความโกรธเคืองที่มีไปหมดสิ้น...และเห็นแก่โคลัมบัสและออลเรลาน่าที่เป็นหมือนกับผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง เธอจึงตัดสินใจยอมตามน้ำไปก่อน...ถึงแม้ว่าเธอสาบานกับตัวเองว่าจะไม่ลืมเอาเรื่องอีกฝ่ายก็ตามที

 

        " นั่นมัน...ศาสตราประจำกายของไกร...อย่างนั้นรึ? "  เมื่อตัดสินใจตามน้ำไป เธอจึงเสมองไปที่ถุงผ้าไหมยาวสีแดงชาดที่บรรจุสิ่งที่มีรูปลักษ์คล้ายกับดาบไว้พร้อมกับถามเบาๆ  แต่ยูกิโอะยังไม่ทันได้อ้าปาก โคลัมบัสก็พูดสวนขึ้นแทนทันทีอย่างโอ้อวดว่า

 

        " ถูกต้องแล้ว! ทั้งนี่ยังเป็นศาสตราชั้นเลิศที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างวิชาตีดาบอันลึกลับของพี่ยุ้กกี้ กับวิทยาการที่ล้ำสมัยที่สุดของพวกข้าซึ่งมารวมร่างกันเป็นครั้งแรกระหว่างพวกข้ากับพี่ยุ้กกี้เลยทีเดียวนะเออ "

 

          ระหว่างที่อนาสตาเซียยังคงขมวดคิ้ว ยูกิโอะก็ถึงกับหน้าร้อนวูบวาบเพราะคำว่า รวมร่าง ของเด็กหนุ่มทำให้เธอคิดเลยเถิดเตลิดไปไกล ก่อนจะล๊อคคอโคลัมบัสไว้พร้อมกับส่งเสียงดุแก้เขินทันทีว่า

 

        " ป...ประเดี๋ยวสิ โคลบี้...พี่บอกแล้วอย่างไรว่าถ้าหากไม่ได้อยู่ตามลำพัง ห้ามเรียกพี่ว่า ย...ยุกกี้ ...แต่ให้เรียกว่ายูกิโอะซังน่ะ! เด็กคนนี้! "

 

        ' ดาบที่ถูกตีขึ้นจากฝีมือของยูกิโอะซัง...รวมกับวิทยาการของพวกแฝดอย่างนั้นรึ?! ดาบแบบไหนกัน?! '  

 

          ระหว่างที่อนาสตาเซียยังคงเลือกที่จะมองข้ามท่าทีนัวเนียๆของทั้งสามคนไปด้วยความสนใจใคร่รู้ในดาบที่อยู่ในถุงผ้าไหมตรงหน้าอย่างผู้ที่คลั่งไคล้ศาสตราวุธ  อยู่ๆ เสียงของอรัญญิกาก็ดังก้องขึ้นในหัวของเธออย่างกะทันหันทันทีทันใดจนเธอถึงกับสะดุ้งโหยงว่า

 

        ' อ๊า! กะแล้ว!! ไอ้ท่าทีที่เกินคำว่าพี่น้องที่ใช้เรียกกันแบบนี้...บ...แบบนี้มันพี่น้องท้องชนกันชัดๆ!...ไม่สิ! ถ้ารวมกับความจริงที่ว่ายัยยูกิโอะนี่เป็นอมตะและอยู่มาหลายร้อยปีแล้ว...บ...แบบนี้มันหญ้าแก่ระดับดึกดำบรรพ์จ้องจะงาบโคอ่อนชัดๆ...แถมเป็นโคฝรั่งคู่แฝดอีกต่างหาก...ว้ายยย!  น่าอิจฉา---เอ๊ย! น่าอายสิ้นดีเลยไม่ใช่รึไงเนี่ย !! '  เสียงวี๊ดว้ายที่ดังก้องจนหัวแทบระเบิดของอรัญญิกา แถมด้วยศัพท์ประหลาดๆ ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนทำให้อนาสตาเซียถึงกับต้องขมวดคิ้วทันที

 

        ' น่าอิจฉา? ประเดี๋ยวนะ...มันน่าอิจฉาหรือน่าอายอย่างไรกัน? '

 

        ' ฮี่ๆๆๆ อยากรู้จริงๆหรือจ๊ะ '

 

         ' พอ...ไม่ต้องอธิบายต่อเลยนะ! '

 

          เสียงหัวเราะอย่างน่าขนลุกของอรัญญิกาเทวีที่ดังอยู่ในหัวของเธอ ทำเอาความอยากรู้อยากเห็นของหญิงสาวลดลงเป็นศูนย์ทันที  เพราะเธออยู่กับอีกฝ่ายมานานพอจะรู้ว่าเสียงหัวเราะอย่างนี้คงจะไม่พ้นมีแต่เรื่องสัปดี้สีปดน ที่ไม่เพิ่มพูนความรู้อะไรแก่เธอแน่ๆ

 

        " อนาสตาเซีย...ข้าขออภัยเจ้าเรื่องศาสตราประจำกายเจ้าจริงๆนะ...ไว้ข้าจะชดใช้ให้ก็แล้วกัน... "  ยูกิโอะค่อยๆพูดขึ้นอย่างอ่อยๆพร้อมกับแววตาที่รู้สึกผิดอย่างแท้จริง นั่นทำให้มือสังหารสาวใจอ่อนลง ก่อนจะถอนหายใจเฮือกและพยักหน้ารับเบาๆ...ประกอบกับที่ด้านนอกเริ่มมีเสียงของมือสังหารคนอื่นๆที่เริ่มมารวมตัวกันที่หน้ากระท่อมตีสาสตราตามคำสั่งของเธอแล้ว ทำให้หญิงสาวถอนหายใจเฮือกอย่างเหนื่อยๆ ก่อนจะพูดขึ้นเรียบๆอีกครั้ง

 

        " เรื่องนี้เอาไว้เราค่อยคิดบัญชีทบต้นทบดอกกันทีหลัง...ยูกิโอะซัง...เวลานี้ขอเชิญท่านออกไปด้านนอกกับข้าหน่อยเถอะ "

 

        " ด้านนอก? "

 

          แทนคำตอบ อนาสตาเซียล้วงเข้าไปในช่องกระเป๋าลับที่ด้านหลัง และหยิบตราโลหะเจ้าปัญหาที่ท่านพ่อบุญธรรมมอบหมายเป็นภารกิจให้เธอขึ้นมาและโยนไปให้กับช่างตีศาสตราสาว(ตลอดกาล)ช้าๆ...ในขณะที่เมื่อยูกิโอะรับเอาไปเพ่งมองดูกับแสงไฟตะเกียงชัดๆ ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างขึ้นอย่างตกตะลึง

 

        " น...นี่มัน? "

 

        " ท่านพ่อ---ท่านผู้เฒ่าและไกรเก็บตราชิ้นนี้ได้จากมือสังหารเถื่อนที่หมายจะลอบปลงพระชนม์พระเจ้าเอกทัศน์แห่งกรุงศรีอยธยา...ตรานี่ไม่ใช่ของคนที่พวกเรารู้จักแน่ เรื่องนี้ข้ายืนยันได้... "

 

        " เป็นไปไม่ได้! "

 

        " ...เฮ้อ...ทุกคนจะอุทานคำนี้เหมือนกันหมดทันทีที่ได้เห็นตราอันนี้รึเปล่านะ? ...เอาเป็นว่า ครานี้พวกข้าคงจะต้องพึ่งความสามารถในด้านงานโลหะ...และ ความอาวุโส ของท่านแล้วล่ะ...ท่านหญิงยูกิโอะ... "

 

       

 

 

 

...................................................

 

 

 

 

 

 

           ระหว่างที่ไกรกำลังตกตะลึงจนไม่อาจจะพูดจาหรือขยับไปไหนได้ เจ้าพระยาจักรีศรีองครักษ์(ครุฑ) ก็ลุกขึ้นจากที่ของตน ก่อนจะคลานเข่าเข้ามาหน้าเบื้องพระยุคลบาทและหยุดลงตรงๆข้างๆกับสิน...บุตรบุญธรรมของตน ก่อนจะถวายบังคมและทูลขึ้นอย่างช้าๆว่า

 

        " ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม...ขอเดชะ...พระอาญามิพ้นเกล้า... "  

 

        " หืม?...มีอะไรอย่างนั้นรึ ท่านออกญา?...ดูท่าทีจริงจังเชียว " 

 

          เจ้าพระยาผู้เป็นอัครมหาเสนาบดีฝ่ายพลเรือนนิ่งไปเล็กน้อยอย่างตัดสินใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะหลับตาลงอย่างตัดสินใจเด็ดขาดและทูลตอบกลับไปเสียงดังฟังชัดว่า

 

        " ก่อนอื่น...ข้าพุทธเจ้าซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีราชโองการแต่งตั้งบุตรชายของข้าพุทธเจ้าอย่างยิ่งจนหาที่สุดมิได้...แต่ด้วยเหตุที่เรากำลังจะมีศึกสงครามติดพันกับเหล่าพม่ารามัญ ทำให้สิน...ไม่สิ...หลวงยกกระบัตรเมืองตากไม่อาจกลับไปรับราชการ ณ แขวงเมืองตากได้... "

 

        " อืม...ก็จริงของท่าน "  พระเจ้าอุทุมพรผู้เป็นแม่ทัพใหญ่เออออตามคำกราบบังคมทูลของอัครมหาเสนาบดีตรงหน้า แม้ว่าพระองค์จะยังไม่ทราบถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงที่อีกฝ่ายพยายามร่ายยาวมาก็ตามที

 

        " แล้วอีกเรื่อง...สินน่ะ ถึงแม้ว่าจะเก่งกาจในเชิงยุทธศิลป์ แต่ในทางยุทธศาสตร์แล้ว ก็ยังคงด้อยอยู่...ยิ่งเมื่อเทียบกับท่านเจ้าพระยาพิทักษ์ฯด้วยแล้ว...ยิ่งไม่อาจเทียบกันติด... "

 

        ' ท...เทียบเรากับสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี... น...นรกกินกบาลไม่เหลือแล้วมั้งเนี่ย ตูเอ๋ย! '  ไกรที่ยังคงหมอบอยู่เบื้องหน้าพระพักตร์ถึงกับครางออกมาในใจอย่างเหงื่อตก...ในขณะที่สินเองก็ถึงกับขมวดคิ้ววูบ แต่ก็ยังเกรงใจบิดาบุญธรรมของตนอย่างเจ้าพระยาจักรี(ครุฑ) และเกรงพระราชอาญาจนไม่สามารถจะเอ่ยเถียงอะไรออกไปได้ และปล่อยให้บิดาของตนพูดกราบทูลต่อพระเจ้าแผ่นดินทั้งสองต่อไปว่า

 

        " ...ตัวข้าเอง...ก็ด้อยซึ่งความสามารถจนไม่อาจจะสั่งสอนอะไรกับเขาได้อีกต่อไป...แต่ถ้าหากปล่อยไปเช่นนี้ สินก็จะไม่อาจพัฒนาต่อไปได้...เปรียบดั่งเพชรที่ขาดการเจียระไน จนไม่อาจเปล่งประกายออกมาได้ "

 

        " หึๆ เปรียบดั่งเพชรเชียวรึ?...แต่เอาเถอะ...หลวงยกกระบัตรเองก็มีค่าพอจะเปรียบดั่งเพชรได้จริงๆ เช่นเจ้าว่า...ว่าต่อไปเถอะ "  

 

        " ...ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม...ขอเดชะ...หากมิเป็นการบังอาจจนเกินไปนัก...ข้าพุทธเจ้าอยากจะขอฝากฝังสิน...หลวงยกกระบัตรเมืองตากไว้ในความดูแลของท่านเจ้าพระยาพิทักษ์ฯ เพื่อเรียนรู้งานราชการสืบไปด้วยเถิดพระพุทธเจ้าข้า! "

 

        " ฮ...เฮ้ย!...เดี๋ยว/ประเดี๋ยวก่อน! "  หลังสิ้นเสียงของเจ้าพระยาจักรี ทั้งเจ้าพระยาพิทักษ์ราชภักดี(ไกร) และหลวงยกกระบัตรเมืองตาก(สิน) ถึงกับเบิกตากว้างพร้อมกับอุทานออกมาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมายทันที  แต่ก็ยังไม่เร็วเท่ากับพระเจ้าเอกทัศน์ที่ถึงกับสรวลร่าพร้อมกับมีราชโองการออกไปด้วยพระสุรเสียงอันทรงอำนาจดังลั่นทันที!

 

 

        " ฮ่าๆๆ ...วาจาเจ้าต้องใจข้านัก ท่านครุฑ! ...ดีล่ะ! ในเมื่อเจ้าเองก็พูดถึงขนาดนี้แล้ว ข้าก็คงจะไม่ขัดศรัทธาอีกต่อไป...หลวงยกกระบัตรเมืองตาก...นับแต่นี้ ตราบเท่าที่เจ้ายังคงอยู่รับศึกทัพพระเจ้าอลองพญาในกรุงศรีอยุธยา เจ้าคือหนึ่งในราชองครักษ์พิเศษแห่งหน่วยคเณศร์เสียงา ภายใต้การนำของเจ้าพระยาพิทักษ์ราชภักดี...เป็นต้นไป!! "

 

        

 

 

 

 

 .......................................................

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.1 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา