ยุคันตวาต (ลมสิ้นยุค)

9.4

เขียนโดย PingJa

วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.49 น.

  152 ตอน
  11 วิจารณ์
  127.81K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557 20.02 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

43)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

================================================

 

 

 

 

      ...สำหรับดาบที่ด้ามถูกสร้างขึ้นด้วยทองคำและประดับทับทิมเม็ดโตตรงหน้า ไม่ใช่ไกรไม่รู้ว่าเป็นดาบอะไรหรือของผู้ใด...ไม่สิ...ต้องบอกว่าเขาเองรู้ด้วยซ้ำว่าผู้ใดเป็นผู้โยนดาบส่งมาให้ และรู้ค่าอันสูงส่งของมันดี...แต่ในเวลาเช่นนี้มันไม่ใช่เวลาที่เขาจะมาคิดมากอีกต่อไป...

 

       " เวรเอ๊ย...ไม่อยากจะเชื่อว่าเราจะใช้พระแสงดาบอาญาสิทธิ์มาต่อสู้จริง...แบบนี้หลังจากการประลอง มีหวังได้หัวขาดจริงๆแหงๆ...ตู "

 

         ไกรถอนพระแสงดาบอาญาสิทธิ์ออกจากพื้นและเหวี่ยงคะเนน้ำหนักของมันอย่างรวดเร็ว...เพราะด้ามถูกสร้างจากทองและประดับอัญมณีทำให้ที่ด้ามค่อนข้างจะหนักไปซักนิด แต่ตัวของใบดาบนั้นคมและสมดุลกำลังดีเลยทีเดียว...เมื่อคะเนรู้น้ำหนักเป็นที่แน่นอนแล้ว ไกรจึงเปลี่ยนสลับเอาดาบที่หนักกว่ามาไว้ที่มือซ้ายซึ่งเป็นด้านที่ถนัดที่สุด และเปลี่ยนดาบเล่มที่เบากว่าไปอยู่ในมือซ้ายแทน พร้อมกับแสยะยิ้มให้กับชายหนุ่มตรงหน้าและเอ่ยขึ้นเรียบๆ

 

       " เอาล่ะ...มาเริ่มยกสองกันเถอะ! "

 

       " ข้าไม่รู้หรอกนะว่าท่านพูดถึงเรื่องอะไร...แต่แค่ดาบเล่มเดียว--- "

 

 

         เคร้ง ! เคร้ง !!

 

 

       " ---มันเปลี่ยนอะไรไม่ได้หรอกขอรับ!! "

       

       

         ถึงเด็กหนุ่มจะพูดออกไปอย่างนั้น แต่ทันทีที่ไกรได้ดาบเล่มที่สองมาไว้ในมือ ดาบเล่มนี้ก็ทำให้สถานการณ์ที่เสียเปรียบอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด...เพลงดาบอาทมาฏที่รวดเร็วและรุนแรงของเด็กหนุม เมื่อเจอกับการตั้งรับของกระบวนดาบสองมือที่ถูกพัฒนาต่อยอดจากกระบวนดาบของหมู่บ้านยุคันตวาตของไกร ที่เป็นเหมือนกับสายลมหวนที่พัดปัดเป่าทุกศาสตราที่พยายามเข้ามาทำร้ายได้อย่างกับร่ายมนต์ ...การปะทะกันของทั้งคู่ที่ฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายโหมโจมตี ในขณะที่อีกฝ่ายเอาแต่ป้องกัน โดยที่ต่างไม่มีใครยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว  มันทำให้เหล่าขุนนางที่ล้อมรอบเวทีประลองอยู่เกือบทุกคนถึงกับต้องลุกขึ้นยืนอย่างลืมตัว...ไม่เว้นแม้กระทั่งเจ้าพระยามหาเสนาผู้เป็นสมุหกลาโหมที่ตอนแรกเพียงนั่งนิ่งๆ แต่บัดนี้เขาถึงกับต้องแยกเขี้ยวแสยะยิ้มพร้อมกับเบิกตากว้างอย่างถูกอกถูกใจที่สุด ราวกับกำลังมองของเล่นชิ้นใหม่อยู่อย่างนั้น!...

 

      ...การประลองครั้งนี้ สาปได้แม้แต่สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ ที่ต้องพระเนตรลุกวาว พร้อมทั้งลุกขึ้นประทับยืนอย่างไม่รู้สึกพระองค์...และสมเด็จพระพี่นางพินทวดี ที่ถึงกับใช้หัตถ์ทั้งสองกุมพัดจีนประจำพระองค์ไว้จนแน่น เนตรหรี่ลงพร้อมกับโอษฐ์ที่เม้มบางราวกับลุ้นไปกับการประลองครั้งนี้ไปด้วย...

 

      ...ในขณะที่ท่านผู้เฒ่าที่ยืนมองอยู่ตรงอีกส่วนหนึ่งของมุกพระที่นั่งถึงกับต้องคอแข็งพร้อมกับกำหมัดแน่นด้วยความรู้สึกปนเปกันไป...ทั้งรู้สึกทึ่ง รู้สึกชื่นชม เป็นห่วง...และที่แน่ที่สุดที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่อยากจะยอมรับเลย แต่ก็ต้องยอมจำนนต่อความรู้สึกที่ชัดแจ้งนี้...

 

 

      ...มันเป็นความรู้สึกอิจฉาริษยาแน่นอน !...

 

 

       " หึๆ...อิจฉาอย่างนั้นรึ?...เหมือนกลับไปเป็นเมื่อสมัยเรายังหนุ่มยังแน่นอยู่ไม่มีผิดเลยแฮะ...เฮ้อ...สมกับคำว่าวีรชนเกิดในวัยหนุ่มแท้ๆ...รู้สึกว่าตัวเองแก่ไปจมเลย... "  

 

         ท่านผู้เฒ่าหัวเราะออกมาเบาๆอย่างสมเพชตัวเอง ก่อนจะถอนหายใจเฮือกและไล่อารมณ์ต่างๆที่ปนเปออกไปจากหัว และเบืนสายตากลับมาดูการประลองต่อช้าๆ ...เมื่อหันกลับไปมองอย่างตั้งใจอีกครั้ง เขาก็ต้องประหลาดใจกับความสามารถของเด็กหนุ่มผู้ยืนประลองกับไกรได้อย่างสูสี...ถึงแม้ว่าตั้งแต่เปลี่ยนเป็นดาบสองมือ ไกรจะเอาแต่ตั้งรับก็เถอะ แตเด็กหนุ่มคู่ประลองก็สามารถใช้วิชาดาบอาทมาฏที่ถือเป็นวิชาดาบชั้นสูงได้อย่างเจนจบ และสามารถประยุกต์กระบวนท่าได้อย่างลื่นไหลไม่มีสะดุด ขนาดที่ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นครูดาบหลายๆคนยังไม่อาจทำได้เลยด้วยซ้ำ...ทำให้ถ้าหากจะเทียบกันแล้ว เด็กคนนี้อาจจะมีความสามารถในเชิงดาบเป็นรองเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นก็เป็นได้!

 

       " ...วีรชนที่เกิดในวัยหนุ่มอีกคนอย่างนั้นรึ?...ว่าแต่ เด็กคนนี้...ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลยแฮะ...ทั้งๆที่ออกจะเก่งกาจขนาดนี้แท้ๆ...แล้วถ้าข่าวของเราไม่ผิด...ซึ่งก็ไม่เคยผิดซักที...เจ้าพระยาจักรีผู้นี้มีแต่บุตรีนี่นา...อย่างนั้นเด็กนี่มันเป็นใคร...เป็นลูกเต้าเหล่าใครกันแน่นะ? "

 

 

         ย้อนกลับมาที่ไกรที่บัดนี้ยังคงเอาแต่ยื่นตั้งมันเป็นขุนเขา โดยเอาแต่ใช้ดาบในมือทั้งสองเล่ม ปัดป้องการจู่โจมแบบสุดลิ่มทิ้มประตูของอีกฝ่ายอย่างใจเย็นที่สุดพร้อมกับเผยอยิ้มออกมาบางๆ...ที่เขาเอาแต่ตั้งรับแบบนี้...ไมใช่เพราะเขารู้สึกกลัว หรือเพราะสู้อีกฝ่ายไม่ได้...แต่เพราะเขากำลังซึมซับมันต่างหาก...

 

      ...ซึมซับบรรยากาศแห่งการประลองที่ใช้ดาบจริงต่อดาบจริง...การประลองที่ใช้เลือดเนื้อและชีวิตเป็นเดิมพันนี้ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นอันตราย แต่มันก็ทำให้เลือดในกายของไกรร้อนฉ่าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้...เพราะในโลกปัจจุบัน การฟันดาบนั้นเป็นวิชาที่มีไว้สำหรับโชว์ หรือเป็นกีฬาที่กำลังจะล้าสมัยไปแล้วเท่านั้น...ต่อให้เป็นการประลองระหว่างสำนักดาบ(ที่ยังหลงเหลืออยู่) ด้วยกัน ก็เป็นเหมือนกับปาหี่เท่านั้น...ต่างจากเวลานี้โดยสิ้นเชิง!...

 

       ' ไอ้หมอนี่...เก่งแฮะ!... '  ไกรคิดในใจอย่างชมเชย...เพราะทั้งๆที่เด็กหนุ่มผู้นี้พยายามจู่โจมเข้ามาแบบนับไม่ทัน ซึ่งผิดกับหลักการของกระบวนดาบอาทมาฎที่ถึงแม้ว่าจะเน้นความรวดเร็วก็จริง แต่ก็ไม่ได้จู่โจมแบบมั่วซั่วแบบนี้

 

       ' ไม่สิ...จะพูดว่ามั่วซั่วก็ไม่ได้... '  ไกรลอบยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับแกล้งเปิดช่องที่บริเวณสีข้างอีกครั้งเหมือนกับที่เขาเคยใช้เพื่อล่อให้หลวงศักดิ์นายเวรชาวมุสลิมผู้นั้นมาติดกับ ...ซึ่งทั้งๆที่เขาก็ออกจะมั่นใจว่าเขาวางบ่วงพรานล่อได้อย่างแนบเนียนชนิดนักแสดงยังอายแล้วแท้ๆ  แต่อีกฝ่ายกลับดันไม่ยอมหลงกล แถมยังแสยะยิ้มอย่างน่าโมโหตอบกลับมาเหมือนกับจะบอกว่าเขารู้ทันเสียด้วยซะอย่างงั้น

 

       " ...อย่ามาล่อเสียให้ยากเลยน่า ท่านเจ้าพระยา...บ่วงแร้วโง่ๆพรรค์นี้มีแต่เด็กอมมือเท่านั้นแหละที่ติดกับน่ะ "

 

         ที่กลางแถวของกลุ่มทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์  หลวงศักดิ์นายเวรชาวมุสลิมนามว่า มะฮฺมูด  ถึงกับต้องเกาหัวแกรกๆ เพราะถึงจะไม่ตั้งใจก็ตาม แต่เด็กหนุ่มคนนั้นเหมือนกับด่าเขากลายๆเลยทีเดียว

 

       " อ้าว...หมาจนได้สิว้า...กู "

 

       " ฮ่าๆๆ เข้าใจพูดนี่หว่า ไอ้นี่! "

 

 

     ...ในห้วงความคิดของไกร...ไกรเคยคิดอยู่เสมอ ว่าเขาเป็นผู้ที่เกิดมาผิดยุคผิดสมัย...เริ่มจากการที่เขาไม่สนใจที่จะอัพเดตเรื่องแฟชั่นต่างๆ จนบางครั้งก็โดนเพื่อนๆล้อว่าเป็นลุงอยู่บ่อยๆ ...ไม่สนใจอินเตอร์เน็ต เว้นแต่จะต้องหาข้อมูลจริงๆจังๆ หรือเรื่องที่เขาสนใจเท่านั้น...ไม่มีบัญชีเฟซบุ๊ค...ที่จริงแค่มีโทรศัพท์มือถือใช้กับเขาก็ถือว่าปาฏิหาริย์แล้วด้วยซ้ำ...และที่สำคัญที่สุด...เป็นผู้ใช้ดาบ...ผู้ใช้ดาบที่กำลังจะสูญหายไปแล้วในโลกโลกาภิวัตน์โดยสิ้นเชิง...ต่างจากยุคสมัยนี้...ที่การดำรงอยู่ของเขาในฐานะผู้ใช้ดาบ ได้รับการยกย่องอย่างสูง...สูงจนแม้แต่เขายังต้องประหลาดใจ...มันออกจะแปลกไปหน่อย แต่สามารถพูดได้เลยว่า เวลาอยู่ที่นี่...เขารู้สึกว่าตัวเองแปลกแยกน้อยกว่าอยู่ในโลคยุคปัจจุบันเสียอีก...

 

      ...ถ้า...เป็นแบบนี้...อยู่ที่นี่ไปตลอด...ก็ไม่เลวเลยไม่ใช่รึไง...

 

       ' พี่ไกร... '  

 

         ระหว่างที่ไกรกำลังคิดอย่างลิงโลด...อยู่ๆ เสียงของเพียงออ...น้องสาวเพียงคนเดียวของเขาก็ดังก้องขึ้นในหัวอย่างกะทันหัน...เป็นเสียงที่ตอกย้ำสิ่งที่เขาเกือบจะลืมเลือนไปแล้วด้วยความหลงระเริงว่า...เขาไม่ได้ถูกส่งมาที่นี่เพื่ออยู่ในอดีต...โลกปัจจุบันเป็นโลกของเขา...ไม่ใช่ที่นี่...

 

         ฉัวะ!

 

         บทลงโทษของการหลงระเริงครั้งนี้...ไม่ใช่บทลงโทษราคาถูกๆเลย...เพราะชั่วพริบตาที่ไกรชะงักไปเพราะได้ยินเสียงเรียกของเพียงออในหัว ปลายดาบของเด็กหนุ่มตรงหน้าก็เห็นช่องโหว่ของการป้องกันและพุ่งเสียบเข้ามาโดยไม่รีรอจนไกรถึงกับใจหายวาบ รีบกระชากตัวหลบไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว...แต่ก็ยังไม่เร็วพอจะหลบดาบนี้พ้นอยู่ดี...

 

       " อ้าวๆ โปรดระวังหน่อยนะขอรับ...อย่างที่ท่านหลวงศักดิ์ว่าไว้...ดาบมันไม่มีตานะ...พลาดพลั้งขึ้นมาจะโทษข้าไม่ได้นะขอรับ...คุณ...ลุง... "

 

       " ไอ้เด็ก...เวร ! "  รอยแผลที่ถูกบาดเข้าตรงหัวไหล่จนเลือดพุ่งกระฉูด ทำเอาไกรถึงกับแยกเขี้ยววับพร้อมกับตาลุกวาวขึ้นทันที ในขณะที่อีกฝ่ายก็แยกเขี้ยวพร้อมกับทำตาลุกวาวตอบกลับมาอย่างไม่ยอมกัน...รอยแผลจากดาบในมือของเด็กหนุ่มคนนี้ทำให้กระแสของการประลองเปลี่ยนไปอีกครั้งทันที เพราะไกรเลือกที่จะเลิกตั้งรับ และหันมาเปลี่ยนเป็นการโจมตีแทนแล้ว!

 

       " ริยำเอ้ย! "  เด็กหนุ่มผู้เป็นบุตรเจ้าพระยาจักรีถึงกับต้องสบถออกมาทันที พร้อมทั้งรีบเปลี่ยนรูปแบบจากการจู่โจมเป็นการป้องกันเกือบไม่ทัน ซึ่งเป็นโชคดีของเขาอย่างที่สุด ที่สัญชาตญาณของเขาห้ามไม่ให้เขาโจมตีสวนการโจมตีของอีกฝ่าย เพราะถ้าหากขืนสวนการโจมตีเข้าไป...การประลองครั้งนี้มีหวังได้จบลงไปแล้ว...

 

       ' ร...เร็ว! เร็วกว่าเราอีก '  เด็กหนุ่มรีบกระโดดฉากถอยกลับมาพร้อมกับต้านทานดาบที่พุ่งหมายจุดสำคัญของเขาอย่างตกใจในท่าทีที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงของอีกฝ่าย...โชคดีแค่ไหนแล้วที่บาดแผลที่บริเวณหัวไหล่ของไกรทำให้ไกรช้าลงไปถึง ๑ จังหวะ ทำให้เขาสามารถฝืนตั้งรับอยู่ได้...ไม่อย่างนั้น...

 

       " อ้าว? เฮ้ยๆ...ไอ้ท่าทีจองหองเมื่อครู่นี้มันหายไปไหนเสียแล้วล่ะ ไอ้หนู! "  ไกรร้องขึ้นยิ้มๆ...ถึงเจตนาที่แท้จริงของเขาจะเป็นการพยายามกดทับความรู้สึกบางอย่างที่กำลังดิ้นรนเพื่อจะหลุดออกมาจากส่วนที่ดำมืดภายในจิตใจของเขา...แต่คำพูดของเขามันดันไปกวนประสาทคู่ประลองเข้าเต็มๆโดยไม่ตั้งใจนี่สิ

 

       " อ...ไอ้แก่เฮงซวยเอ้ย! " 

 

 

      ...ที่มุกหน้าพระที่นั่ง...     

 

       " นี่...ไอ้สองตัวนี้มันยังรู้ตัวรึเปล่า...ว่ามันทำการประลองอยู่หน้าพระที่นั่งและหน้าพระพักตร์พ่ออยู่หัวอยู่น่ะ...เล่นพ่นคำสบถออกมาเป็นชุดเช่นนี้... "  ท่านผู้เฒ่าที่ตอนแรกก็กะว่าจะยืนดูอยู่อย่างเงียบๆ ยังถึงกับต้องถอนหายใจเฮือกพร้อมกับบ่นออกมาเบาๆ จนกระทั่งพระเจ้าเอกทัศน์ยังถึงกับต้องหลุดสรวลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่

 

       " เฮ้อ...พวกผู้ชายพายเรือ... "  แม้แต่สมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้าพินทวดีที่เป็นผู้ที่แย้มพระสรวลยากยิ่งกว่าอะไรดี ยังถึงกับต้องยกพัดจีนขึ้นปิดเสียงสรวลของตนเอง พระเนตรวาววับของพระองค์ยังคงจับจ้องไปที่การประลองอย่างสนพระทัย...อันที่จริง ต้องพูดว่าพระพี่นางสนพระทัยเชิงการประลองครั้งนี้มากกว่าพ่ออยู่หัวทั้งสองพระองค์เสียอีก   " แต่ให้ตายสิ...แม้แต่ในสายตาของข้า...ยังเดาผลการประลองนี้ไม่ออกเลยด้วยซ้ำ... "

 

       " ไม่หรอกเพคะ... "

 

       " หืม? "  

 

         ดูเหมือนพระพี่นางจะเป็นผู้เดียวที่ได้ยินเสียงค้านเล็กๆของเจ้าหญิงสิริจันทร เพราะพ่ออยู่หัวทั้งสองมัวแต่จับจ้องอยู่กับการประลองจนไม่ได้สนพระทัยอะไร...พระพี่นางผู้เป็นพระปิจตุฉา(ป้า) ของเจ้าหญิงองค์น้อยมุ่นขนงพร้อมกับตรัสถามกลับไปเบาๆ

 

       " เจ้าฟ้าสิริจันทร...เมื่อครู่นี้พระองค์? "

 

       " ผลการประลองน่ะ...รู้อยู่แล้วนี่เพคะ...อย่างไรเสีย ท่านไกรก็ต้องเป็นผู้ชนะแน่แท้อยู่แล้ว...มิใช่รึอย่างไรล่ะเพคะ "  ดวงเนตรสีอ่อนอันเปล่งประกายของเจ้าหญิงผู้เป็นนัดดา เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นที่ไม่สั่นคลอน ที่แม้ว่าจะอยู่ในสถานการณฺใด ความเชื่อมั่นนี้ก็ยังคงไปไม่เปลี่ยนแปลงไปอย่างแน่นอน...มันทำให้ดวงเนตรของพระพี่นางหม่นแสงลงอย่างประหลาด...ก่อนที่พระองค์จะแย้มพระสรวลเล็กน้อย และกวักพระหัตถ์เรียกองค์หญิงผู้เป็นนัดดาผู้นี้เข้ามาใกล้ จนเจ้าหญิงเลิกขนงอย่างประหลาดพระทัย แต่ก็เข้ามาหาพระปิจตุฉาของเธอโดยดี

 

       " พระปิจตุฉา? "

 

         อยู่ๆ สมเด็จพระพี่นางก็คว้าองค์หญิงสิริจันทรเข้าไปสวมกอดช้าๆ จนขนงบางขององค์หญิงที่เลิกอยู่แล้วยิ่งเลิกค้างขึ้นไปใหญ่อย่างประหลาดพระทัย แต่ก่อนที่เธอจะทันว่าอะไร พระพี่นางพินทวดีก็ตรัสขึ้นเสียก่อนว่า

 

       " พยายามเข้าล่ะ... "

 

       " เพคะ? "

 

       " พยายาม...เผื่อส่วนของข้าด้วยเถอะนะ...สิริจันทร " 

 

 

 

 

 

 

...................................................

 

 

 

 

 

 

      ...ย้อนกลับมาที่ลานประลองอีกครั้ง...

 

         ถึงการเปลี่ยนรูปแบบจากการเอาแต่ป้องกัน กลายมาเป็นการจู่โจมจะทำให้ไกรมีสถานะและเครดิตที่ดีขึ้นในสายตาของเหล่าขุนนางทั้งหลาย ที่มองไกรอยู่ในฐานะเจ้าพระยาพิทักษ์ราชภักดี หัวหน้าทหารราชองครักษ์...แต่ภายในตัวไกรไม่ได้รู้สึกว่าสถานการณ์ดีขึ้นเลย...คราวนี้เป็นครั้งแรกที่ไกรรู้สึกได้ถึงความบ้าคลั่งที่อยู่ภายในจิตใจ...ที่ทุกครั้งที่เขาปล่อยกระบวนท่าออกไป เขารู้สึกได้เลยว่าไอ้ความบ้าคลั่งที่ว่านี่ มันกำลังพยายามจะขึ้นมาแทนที่สติสัมปชัญญะของเขา...ที่ยังประคองสติอยู่ได้ก็คงต้องบอกว่าเป็นเพราะกำลังใจล้วนๆเลยก็ว่าได้...

 

         เคร้ง! 

 

         ไกรปัดดาบของอีกฝ่ายอีกครั้งก่อนจะกัดฟันกรอด...เพราะทั้งๆที่ก่อนจะถูกพลังบางอย่างส่งกลับมาอยู่ในโลกอดีต...ตอนใช้ดาบสองมือในยุคปัจจุบันเขาไม่เคยรู้สึกถึงความบ้าคลั่งอะไรพรรค์นี้เลยแท้ๆ  

 

      ...อันที่จริงถ้าเป็นการต่อสู้ที่ตัดสินเป็นตายจริงๆ เขาคงจะปล่อยให้ไอ้ความบ้าคลั่ง เวร นี่เข้าครอบงำและจัดการปัญหาตรงหน้าแทนให้มันจบๆไปแล้วแท้ๆ...แต่นี่มันดันเป็นแค่การประลอง แถมยังเป็นการประลองต่อหน้าพระพักตร์ของพระเจ้าอยู่หัวอีก ถ้าขืนบ้าคลั่งเอาตอนนี้...มีหวัง...

 

       ' ม...ไม่ได้นะเฟ้ย! ถึงจะเริ่มเหม็นหน้าไอ้หมอนี่ตะหงิดๆก็เถอะ แต่จะให้ฆ่าทิ้งแบบนี้...เราไม่ใช่คนบ้านป่าเมืองเถื่อนซะหน่อย '  ไกรกระโดดถอยห่างจากรัศมีดาบของอีกฝ่ายออกมาอีกครั้ง ก่อนที่ในที่สุด เขาก็ตัดสินใจที่จะเลิกใช้กระบวนดาบที่ทำให้การประลองนี้ยืดเยื้อออกไป...ชายหนุ่มหลับตาลงและถอนหายใจเฮือก ก่อนจะค่อยๆลดการ์ดดาบลงช้าๆ...เป็นการตั้งท่าที่ทำเอาเจ้าพระยาจักรีและเจ้าพระยามหาเสนาที่นั่งอยู่คนละฟากของเวทีประลองถึงกับต้องลุกพรวดขึ้นพร้อมกันโดยมิได้นัดหมายทันที

 

       " อ...ไอ้เด็กนี่...ตัดสินใจท้าดวลซึ่งๆหน้าเลยอย่างนั้นรึ?!...ถึงจะดูเหมือนบ้าบิ่นไร้หัวคิด...แต่...ถ้ามองในทางกลับกัน เจ้านี่ เดินหมากได้อย่างชาญฉลาดที่สุดเลยไม่ใช่รึอย่างไรกันเนี่ย?! "  เจ้าพระยามหาเสนาถึงกับกัดฟันกระซิบออกมาเรียบๆ พร้อมดวงตาที่ลุกวาว ในขณะที่เจ้าพระยาจักรีที่อยู่ฝั่งตรงข้ามสนามก็ยังต้องเห็นพ้องต้องกันด้วยโดยมิได้นัดหมายถึง จนกับต้องครางออกมาเบาๆว่า

 

       " ว่าแล้ว...เจ้าพระยาพิทักษ์ราชภักดี...ไม่ใช่แค่เจนจบในยุทธศิลป์ แต่ว่าด้านยุทธศาสตร์ก็ยังเป็นเลิศจนไม่อาจจะหาคำใดมาเปรียบได้...แค่เปลี่ยนรูปแบบจากป้องกันเป็นจู่โจมอย่างกะทันหันจนสร้างความปั่นป่วนให้กับกระบวนดาบและจิตใจของลูกชายเรายังพอว่า...แต่เปลี่ยนรูปแบบอีกครั้งด้วยการเลิกการเลิกตั้งท่าป้องกันและท้าดวลซึ่งๆหน้า ในเวลาที่คนของเรากำลังสับสนพอดีนี่สิ...เจ้านี่...ควบคุมกระแสและทิศทางของการประลองไว้ทั้งหมดแล้ว! "

 

         ถึงจะไม่มีผู้ใดสามารถล่วงรู้ได้ว่า ภายในจิตใจของเจ้าพระยาภิทักษ์ราชภักดีผู้นี้คิดอะไรอยู่...แต่สถานการณ์ของการประลอง กำลังตกอยู่ในกำมือของเขาตามที่ทั้งสองอัครมหาเสนาบดีว่าไว้ทุกประการ!...เพราะการเปลี่ยนท่าทีและการแสดงท่าทีลดการป้องกันที่เป็นเหมือนกับการท้าประลองซึ่งๆหน้าอย่างกะทันหัน สร้างความสับสนและพลังกดดันอันไร้ที่มาให้แก่เด็กหนุ่มผู้นี้จริงๆ

 

       " ท...ท่าน!...ทำท่าอะไรของท่านกัน?! "

 

       " หืม? ก็ เห็นๆอยู่แล้วไม่ใช่รึอย่างไร?...เข้ามาสิ...เจ้าเองก็มั่นใจในกระบวนดาบของเจ้าอยู่แล้วไม่ใช่หรือ...ข้าเองก็เหนื่อยแล้วเหมือนกัน...จะให้ต่อสู้ยืดเยื้อไปมากกว่านี้ก็เกรงจะคุมสติสตังตัวเองไม่อยู่ แล้วเหตุการณ์มันจะแย่เข้าไปใหญ่...เพราะงั้น---เพราะฉะนั้น...มาทำให้มันจบๆไปเถอะ "  ไกรเองก็ไม่ได้คิดจะโกหกหรือปิดบังอะไรอยู่แล้ว เลยบอกไปตามความจริง...ซึ่งถ้าหากเป็นพวกที่เพดานบินสูงพออย่างท่านผู้เฒ่าหรือออกพระเพชรพิไชย ก็คงจะเลือกที่จะเต้นไปรอบๆเพื่อคุมเชิงรอเวลาไปแล้ว...แต่เด็กหนุ่มตรงหน้ายังคงเป็นคนหนุ่ม...คนหนุ่มที่ยังเต็มไปด้วยทิฐิมานะ และศักดิ์ศรีที่ไม่อาจจะถูกดูหมิ่นได้...

 

       " แล้วท่านจะเสียใจที่มาหมิ่นข้าเช่นนี้!...ท่านเจ้าพระยาพิทักษ์ฯ!! "  เด็กหนุ่มกัดฟันฝืนพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ซึ่งก็ตรงตามความประสงค์ของไกรพอดิบพอดี!

 

       " เสร็จข้าล่ะ! "  ไกรเลือกที่จะไม่ยอมเป็นฝ่ายตั้งรับการจู่โจมที่เฉัยบขาดและรวดเร็วของเด็กหนุ่มตรงหน้าและพุ่งสวนเข้าไป ซึ่งดูยังไงก็เป็นเหมือนกับการฆ่าตัวตาบชัดๆ ทำเอาเด็กหนุ่มคู่ประลองถึงกับใจหายวาบ เพราะถึงจะพูดจาปีนเกลียว แต่เขาก็ไม่คิดจะทำให้การประลองรุนแรงถึงขั้นถึงชีวิตเช่นกัน...แต่ในช่วงเวลาที่กะทันหันเชนนี้ มันทำให้เขาไม่อาจจะฝืนเปลี่ยนวิถีดาบที่โถมแทงเข้ามาได้แล้ว!

 

          แต่ชั่วพริบตาก่อนที่คมดาบของเด็กหนุ่มจะเสียบทะลุกลางตัวของไกร...อยู่ๆไกรก็กระทืบเท้าอย่างแรงพร้อมกับสปริงตัววูบ กระโดดข้ามหัวที่ของเด็กหนุ่ม ที่กำลังพุ่งก้มลงต่ำอยู่ไปราวกับนักกายกรรม หลบคมดาบที่หมายกลางลำตัวเขาไปได้อย่างฉิวเฉียด และข้ามไปอยู่ที่ด้านหลังของชายหนุ่มคู่ประลอง อันเป็นจุดบอดที่สุดของนักดาบทุกคนทันที

 

       ' ว...เวรแล้ว! โดนหลอก!! '  เด็กหนุ่มลูกชายเจ้าพระยาจักรีถึงกับใจหายวูบ ก่อนที่ทิฐิมานะของเขาจะตัดสินใจแทนความสติสัมปชัญญะอีกครั้ง...เขาขบฟันอย่างแรงจนกรามแทบแตกก่อนจะกระทืบเท้าเพื่อหยุดการพุ่งของตนลงอย่างกะทันหัน ซึ่งเป็นการฝืนร่างกายจนเกินขีดจำกัดจนเขาได้ยินเสียงกล้ามเนื้อของตัวเองร้องประท้วงดังลั่น แต่เสี้ยววินาทีนี้เขาไม่อาจจะสนใจว่าร่างกายของตนจะเป็นอย่าง ชายหนุ่มกัดฟันกรอดพร้อมกับม้วนตัวเป็นลูกข่างและฟาดฟันดาบในมือทั้งสองไปที่ด้านหลังอย่างแรงทันที  แต่เจ้าพระยาพิทักษ์ราชภักดีหนุ่มก็ทำให้เขาตกตะลึงจนต้องทำตาโตเป็นไข่ห่านอีกครั้ง!

 

         เพราะเจ้าพระยาหนุ่มกลับหน่วงเวลาด้วยการยืนนิ่งโดยไม่ยอมเข้ามาจู่โจมซะอย่างนั้น ทั้งๆที่เป็นโอกาสที่งดงามที่สุดแล้วแท้ๆ...แต่นั่นทำให้ดาบทั้งสองของเด็กหนุ่มทำได้เพียงฟันอากาศธาตุ และแรงส่งของดาบที่พลาดเป้าก็ทำให้เขาเสียหลักอีกครั้ง

 

       " หลอกสองขั้นอย่างนั้นเหรอ?! ...อ...ไอ้เด็กนี่! รู้ล่วงหน้าอยู่แล้วอย่างนั้นรึว่าอีกฝ่ายจะฝืนโจมตีกลับมาได้! "  ท่านผู้เฒ่าที่สามารถควบคุมปฏิกริยาของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยมมาตลอดยังต้องถึงกับเก๊กหลุด และพุ่งชะโงกออกไปมองลานประลองจนแทบจะหล่นจากมุกศาลาลงมา...ในขณะที่ทั้งพ่ออยู่หัวทั้งสอง และเหล่าขุนนางทั้งหมดถึงกับพร้อมใจกันเงียบลง เพราะทั้งหมดรู้อยู่แก่ใจแล้วว่า วินาทีต่อไปนี้...จะเป็นวินาทีที่จะตัดสินการประลองครั้งนี้แล้ว!

 

       " จบแค่นี้แหละเฟ้ย!! "  ไกรตาลุกวาวราวกับสัตว์ร้ายที่เขม็งมองเหยื่อ เขากระชับดาบในมือทั้งสองข้างแน่นก่อนจะฟาดลงมาอย่างแรง กะให้อีกฝ่ายหลับยาวไปถึงเช้าวันพรุ่งนี้เลย 

 

         แต่เด็กหนุ่มผู้นี้ก็ไม่ใช่หมูในอวยที่จะรอให้ไกรเชือดเอาง่ายๆ...ขนาดที่เขาโดนไกรหลอกจนหัวหมุนไปถึง ๒ ครั้ง และกำลังเสียหลักจนไกรคิดว่าไม่อาจจะโต้ตอบอะไรเขาได้แล้วแท้ๆ แต่เด็กหนุ่มผู้นี้ก็สร้างความประลาดใจให้กับเขาและทุกคนอีกครั้ง เพราะเขาปักดาบซ้ายลงกับพื้นและใช้แขนซ้ายข้างเดียวหยุดร่างทั้งร่างที่กำลังเสียหลักไว้ชั่วเสี้ยววินาที ก่อนจะใช้ดาบในมือขวาฝืนแทงสวนดาบคู่ของไกรเข้ามาทันที!!

 

       " ไม่ยอมหรอกน่า!! "

 

         ชั่วเศษเสี้ยววินาทีก่อนที่คมดาบของทั้งคู่จะได้ดื่มเลือดและสร้างบาดแผลฉกรรจ์ให้ชายหนุ่มทั้งคู่...พระสุรเสียงอันเต็มไปด้วย สิทธิอำนาจ  และ ราชศักดิ์  ของพ่ออยู่หัวเอกทัศน์ก็ตวาดดังกังวานกึกก้องไปทั่วทั้งลานประลอง สาปขุนนางทุกคนให้ชะงักกึกและตัวแข็งเป็นหินทันที!

 

 

       " พอแค่นี้แหละ !! "

 

 

         ดาบทั้งสองเล่มในมือของไกรและดาบในมือขวาของชายหนุ่มผู้เป็นลูกชายของเจ้าพระยาจักรีที่ต่างก็กำลังจะพุ่งเข้าสู่จุดสำคัญของอีกฝ่ายหยุดชะงักลงราวกับถูกหยุดเวลาไว้ ก่อนที่ทั้งคู่จะยอมถอนดาบออกจากท่าอันหวาดเสียวพร้อมๆกัน แต่ก็ยังคงจ้องตาของกันและกันอย่างที่ไม่มีใครยอมใคร...โดยที่ไกรระบายลมหายใจออกจากจมูกยาวอย่างโล่งอกและมองไปที่คู่ประลองผู้อ่อนเยาว์กว่ายิ้มๆเหมือนเป็นเชิงหยอกล้อ...ในขณะที่เด็กหนุ่มคู่ประลองจ้องกลับมาเขม็งราวกับจะกินเลือดกินเนื้อของไกร เพราะถึงแม้ว่าจะดูว่าการประลองครั้งนี้จะเสมอกัน แต่เขาก็รู้อยู่แก่ใจตัวเองว่าถ้าหากพ่ออยู่หัวไม่หยุดการประลองนี้ไว้เสียก่อน...

 

      ...ผู้ที่บาดเจ็บสาหัสกว่าและตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้...ก็คงจะเป็นเขานี่แหละ!... 

 

       " เอ้าๆ พวกเจ้าทั้งสอง เลิกแล้วต่อกันแต่เพียงเท่านี้เถอะนะ "  คราวนี้เป็นพระเจ้าอุทุมพรผู้เป็นแม่ทัพสูงสุดเป็นฝ่ายแย้มพระสรวลตรัสขึ้นด้วยกระแสสุรเสียงนุ่มนวลและการุณ พร้อมกับดำเนินมาประทับยืนเคียงข้างพรพเจ้าเอกทัศน์ู้เป็นพระเชษฐา ก่อนจะตรัสต่อดังๆว่า

 

       " เจ้าทั้งสองต่างก็เป็นผู้มีฝีมือ...มีโอกาสเติบใหญ่ในราชการได้อีกไกล...และคงจะสร้างคุณให้แก่อโยธยาเราได้อย่างมหาศาล...ทั้งข้าและพ่ออยู่หัวเอกทัศน์ผู้เป็นพระเชษฐา ต่างก็เห็นพ้องกันว่าพวกเจ้าไม่สมควรจะพิฆาตฆ่าฟันกันจนถึงแตกหัก เพียงเพราะการประลองเช่นนี้...เพราะอย่างนั้น การประลองครานี้ ข้าและพ่ออยู่หัวขอให้เป็นโมฆะ...เลิกแล้วต่อกัน...จะได้หรือไม่? "

 

      ...รักษาน้ำใจเจ้าพระยาจักรีศรีองครักษ์แบบเห็นๆเลยนี่...

 

         เหล่าขุนนางทุกคนต่างก็คิดในใจในทำนองเดียวกันทันที เพราะถึงจะบอกว่าผลของการประลองยังไม่ถึงที่สุด แต่ทุกสายตาต่างก็ยกให้การหลอก ๒ ชั้นของเจ้าพระยาพิทักษ์ราชภักดี ที่หลอกบุตรชายของเจ้าพระยาจักรีให้หัวหมุนได้ทั้ง ๒ คราเป็นผู้ชนะไปแล้ว...การที่พ่ออยู่หัวทั้งสองประกาศว่าารประลองครั้งนี้เสมอกัน และขอให้เลิกแล้วต่อกันนั้น ไม่ว่าจะมองอย่างไรทุกคนก็เห็นตรงกันว่าเป็นการให้เกียรติแก่เจ้าพระยาจักรีชัดๆ...

 

       " หากพ่ออยู่หัวทั้งสอง...ตัดสินเช่นนั้น...ข้าและเหล่าขุนนางทั้งหมดก็พร้อมจะน้อมรับคำตัดสิน พระพุทธเจ้าข้า... "  เจ้าพระยาจักรีคุกเข่าลงถวายบังคมทูลตอบกลับไป และนั่นเหมือนกับเตือนให้ทุกคนรับรู้ว่าพวกเขากำลังยืนกันอยู่ จึงรีบกลับลงไปคุกเขาลงและถวายบังคมตามเจ้าพระยาจักรีทันที

 

         พ่ออยู่หัวเอกทัศน์ใช้พระเนตรที่วาววับอันทรงอำนาจภายใต้หน้ากากสีขาว กวาดทอดพระเนตรไปรอบๆราวกับต้องการให้แน่พระทัยว่าทุกคนยอมรับในคำตัดสินของพระองค์และพระเจ้าอุทุมพรผู้เป็นอนุชา...ก่อนที่ในที่สุด พระองค์จะหลับเนตรลงพร้อมกับปัสสาสะเฮือก และผินพระพักตร์กลับมาที่เจ้าพระยาพิทักษ์ราชภักดีผู้กำลังจะกลายเป็นราชองครักษ์ที่รับใช้ใกล้ชิดพระองค์อย่างที่สุด ก่อนจะตรัสขึ้นเบาๆว่า

 

       " ...เจ้าพระยาพิทักษ์ฯ...ท่านทราบอยู่แล้วหรือไม่ว่าดาบในมือท่าน...ไม่ใช่ศาสตราธรรมดาๆ...แต่เป็นพระแสงดาบอาญาสิทธิ์ พระแสงดาบที่เป็นเหมือนตัวแทนของข้า...สามารถตัดสินเป็นตายทุกคนในที่แห่งนี้ได้ และที่แน่นอนที่สุด...พระแสงดาบไม่ได้มีไว้ใช้เพื่อฟาดฟันกับใครต่อใครจริงๆด้วย "

 

       " ข้าพุทธเจ้าทราบดีพุทธเจ้าข้า...และไม่ขอแก้ตัวใดๆทั้งสิ้น...หากพ่ออยู่หัวปรารถนาจะลงโทษทัณฑ์ ก็ขอให้พระองค์บัญชามาได้เลย... "  ไกรยกพระแสงดาบฝักทองขึ้นเหนือหัวด้วยมือทั้งสองข้างพร้อมกับก้มหน้าลงต่ำและยอมรับผิดแต่โดยดี เพราะหลักฐานของความผิดขั้นอุกฉกรรจ์นี้มันเห็นทนโท่อยู่คามือ...ยิ่งเขาแก้ตัวก็ยิ่งทำให้เรื่องยุ่งเสียเปล่าๆ...ในขณะที่พระเจ้าอุทุมพรเห็นท่าทีของไกรก็ถึงกับหลุดแย้มพระสรวลออกมาอย่างถูกพระทัย

 

       ' ไอ้หนุ่มนี่...มันอยู่เป็น... '

 

       " ฮ่าๆๆ...ดี!...กล้าทำกล้ารับ...สมเป็นชายชาติอาชาไนย... "  พระเจ้าเอกทัศน์สรวลออกมาอย่างถูกพระทัย ทั้งยังไม่คิดจะลงโทษทัณฑ์อะไรเจ้าพระยาหนุ่มตรงหน้าด้วย...เพราะแรกเริ่มเดิมที คนที่ขว้างพระแสงดาบลงไปขัดกลางการประลองก็ดันเป็นราชธิดาของพระองค์เอง เลยว่าอะไรได้ไม่ถนัดนัก ก่อนที่พระองค์จะพยักพระพักตร์ช้าๆและตรัสต่อเบาๆอีกครั้ง

 

       " เอาเถอะ เรื่องที่แล้วก็ให้มันแล้วกันไป ที่จริงแล้วดาบเล่มนี้ข้าก็อยากจะประทานให้เจ้าเป็นรางวัลที่ทำให้ข้าสนุกได้ถึงขนาดนี้อยู่หรอก...แต่พระแสงดาบอาญาสิทธิ์มีสิทธิอำนาจมากเกินกว่าจะเป็นรางวัลได้...ข้าคงต้องขอให้เจ้าคืนดาบแก่พระเจ้าอุทุมพรเองก็แล้วกัน "

 

       " พ...พระพุทธเจ้าข้า "

 

       "...ส่วนนี่...เป็นรางวัลของเจ้า... "

 

        พระเจ้าเอกทัศน์ตรัสพลางยกพระหัตถ์ที่ผูกด้วยแถบผ้าขาวไว้เป็นแน่นหนาขึ้น ก่อนที่ท่ามกลางสายตาของเหล่าขุนนางระดับสูงทุกคน...พระองค์จะค่อยๆถอดธำมรงค์ทองคำประดับทับทิมน้ำหนึ่งออกจากพระดรรชนี(นิ้วชี้) และยื่นให้กับไกรช้าๆ

 

       " ธำมรงค์วงนี้ถือเป็นคำประกาศจากข้า...นับแต่นี้สืบไป ข้าขอมอบราชอำนาจให้กับผู้ที่ถือครองธำมรงค์วงนี้...มีสิทธิ์เข้านอกออกในพระบรมมหาราชวังได้ทุกที่โดยไม่มีข้อยกเว้น...ขอให้โองการนี้เป็นที่ทราบกันไปทั่ว...สืบไป! "

 

         ไกรที่รับเอาธำมรงค์วงนั้นมาไว้ในฝ่ามือ และทุกๆคนที่อยู่ในบริเวณนี้ถึงกับขนลุกซู่! เพราะราชโองการนี้ เป็นเหมือนกับการยืนยันอำนาจของไกร...ที่ดีไม่ดีอาจจะสูงพอๆกับเจ้าพระยาจักรี สมุหนายก...และเจ้าพระยามหาเสนา สมุหกลาโหม ผู้เป็นอัครมหาเสนาบดีที่มีอำนาจสูงสุดในหมู่ขุนนางทั้งมวลด้วยซ้ำ!

 

       " จะเอาอย่างไรต่อไปล่ะทีนี้...ท่านออกญาเจ้าแผนการ "  สมเด็จพระพี่นางที่ยังคงประทับอยู่บนมุกศาลาหน้าพระที่นั่งฯ เบือนสายพระเนตรคมกริบกลับไปหาท่านผู้เฒ่าที่บัดนี้ถึงกับหน้าซีดเผือด เพราะแม้แต่เขาเองก็ยังนึกไม่ถึงเลย ว่าพ่ออยู่หัวพระเจ้าเอกทัศน์จะถูกพระทัยไกรถึงเพียงนี้...ถึงขนาดมอบราชอำนาจที่สำคัญที่สุดให้เช่นนี้...งานนี้มีหวังต้องแก้กันยาวแน่ๆ

 

 

        หลังจากนั้น พระเจ้าเอกทัศน์ก็หันพระพักตร์ไปหาเด็กหนุ่มผู้เป็นคู่ประลองของไกรอย่างช้าๆ ก่อนจะตรัสถามขึ้นเบาๆว่า

 

       " เอ้า...ว่าแต่เจ้าเถอะ...ทั้งๆที่ออกจะเก่งกล้าสามารถถึงขนาดนี้...แต่เหตุใดข้าถึงไม่คุ้นหน้าเจ้าเลย...จะบอกว่าเป็นบุตรออกญาจักรี ...ถ้าข้าไม่เลอะเลือนจนเกินไปนัก ข้าก็จำได้ว่าออกญาจักรีมีแต่บุตรี...มิได้มีบุตรเป็นชายแต่อย่างใดนี่? "

 

       " พ...พุทธเจ้าข้า...ค...ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด ข้าพุทธเจ้าหาได้เป็นบุตรโดยสายเลือดของท่านเจ้าพระยาจักรแต่อย่างใด...เป็นเพียงบุตรบุญธรรมเท่านั้น "

 

       " อ้อ...อย่างนั้นหรอกรึ...แล้ว? "

 

 

       " ปัจจุบันข้าพุทธเจ้ารับราชการอยู่แขวงเมืองตาก...ชื่อของข้า คือ สิน พระพุทธเจ้าข้า... "

 

 

       " !!! "  คำแนะนำตัวของเด็กหนุ่มข้างๆทำให้ไกรถึงกับต้องอ้าปากค้าง หันควับไปมองหน้าเด็กหนุ่มคนนั้นจนคอแทบหลุดทันที...ชื่อๆนี้ ต่อให้เป็นผู้ที่ไม่รู้จักประวัติศาสตร์ไทยอย่างที่สุดก็ยังต้องเคยได้ยินผ่านหูแน่นอน

 

       " หืม?...แขวงเมืองตาก...หลวงยกกระบัตรเมืองตากก็พึ่งจะถึงแก่กรรมไปใช่หรือไม่? ท่านอุทุมพร? "

 

       " เป็นเช่นที่ท่านว่าพุทธเจ้าข้า... "

 

       " ดีล่ะ...สิน...ถือว่านี่เป็นรางวัลที่เจ้าทำการประลองกับเจ้าพระยาคนเก่งของข้าได้อย่างสูสี...ด้วยการร่ายรำเพลงดาบที่ต้องใจข้าอย่างที่สุด...นี่เป็นราชโองการของข้า...ขอแต่งตั้งให้เจ้าเป็นหลวงยกกระบัตรเมืองตาก...ว่าที่พระยาตาก...นับแต่บัดนี้...สืบไป! "

 

 

      ...ชัดเจนที่สุดแล้ว...ชายหนุ่มคนข้างๆ ที่เขาพึ่งจะประลองกันไปอย่างดุเดือด ชนิดแทบจะตายกันไปข้างนึง...แถมยังสบถใส่กันอีกไม่นับ...เป็นใครอื่นอีกไม่ได้แล้ว...

 

 

       ...สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี...หรือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช...ผู้กอบกู้เอกราช...และผู้สถาปนากรุงธนบุรี ศรีมหาสมุทรนั่นเอง!...

 

    

 

 

 

 

 ...............................................

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.1 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา