ยุคันตวาต (ลมสิ้นยุค)

9.4

เขียนโดย PingJa

วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.49 น.

  152 ตอน
  11 วิจารณ์
  132.19K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557 20.02 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

39)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

 

================================================

 

 

 

 

         ท่านผู้เฒ่าและไกร รวมถึงทหารทุกๆนายที่อยู่ในบริเวณนั้นรีบลงจากหลังม้า และละภารกิจที่ติดพันอยู่ทุกอย่าง ก่อนจะก้มลงคุกเข่าถวายบังคมให้กับสมเด็จเจ้าฟ้าผู้บัดนี้ได้รับราชโองการอวยยศให้อยู่ในศักดิ์แม่ทัพใหญ่ ที่อยู่ในชุดเกราะรบชั้นสูงสุดที่ประดับด้วยเพชรพลอยต่างๆจนเป็นเหมือนกับชุดเกราะประดับบารมี มากกว่าจะเป็นชุดเกราะที่ใช้ในการสู้รบจริงโดยที่ห้อยพระแสงดาบฝักทองประดับทับทิมไว้ข้างตัว...แต่ถึงจะเป็นชุดเกราะที่เต็มยศขนาดนี้ แต่ในความคิดของไกร สมเด็จเจ้าฟ้าผู้กำลังดำรงอิสริยยศแม่ทัพใหญ่ผู้นี้ กลับไม่ส่องประกายถึงความน่าเกรงขามที่ควรจะมีเลยแม้แต่กระผีกริ้น...

 

      ...ถ้าจะให้พูดให้เห็นภาพชัดๆ...สมเด็จเจ้าฟ้าอุทุมพรในตอนนี้ ไม่ต่างจากนักปราชญ์ ที่ถูกบังคับกะเกณฑ์ ให้เข้ามารับราชการทหารเลยแม้แต่น้อย...

 

        " ่พระเจ้าอุทุมพร "

 

        " พระเจ้าอุทุมพร...งั้นเหรอ? "  ไกรที่เวลานี้คุกเข่าอยู่ข้างๆท่านผู้เฒ่าหันไปเลิกคิ้วพร้อมกับทวนคำเบาๆอย่างประหลาดใจ ในขณะที่อีกสมเด็จเจ้าฟ้าตรงหน้าแยกพระทนต์ขึ้นทันที

 

        " พระเจ้า...อุทุมพรอย่างนั้นหรือ?! "

 

          คำเปรยอย่างงงๆของท่านผู้เฒ่ากลับทำให้อีกฝ่ายแยกเขี้ยววับพร้อมกับลงจากหลังม้า และยาตราอาดๆเข้ามาตรงหน้าท่านผู้เฒ่า แล้วกัดพระทนต์ตรัสออกมาเบาๆต่ออีกว่า

 

        " แทนที่จะเรียกข้าว่าสมเด็จเจ้าฟ้าอย่างที่ควร...แต่เจ้ากลับเรียกข้าได้อย่างถูกต้องว่าพระเจ้าอุทุมพร...ยศที่ยังไม่มีราชโองการประกาศอย่างเป็นทางการแท้ๆ...แปลว่าข้าเดาถูกสินะ...ว่าไอ้เรื่องที่พ่ออยู่หัวมีราชโองการให้ข้าขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่นี่ เป็นคำชี้แนะของท่านจริงๆสินะ! "

 

        " เวรกรรม! "  ระหว่างที่ไกรยังคงไม่เข้าใจถึงความหมายของบทสนทนาของสมเด็จเจ้าฟ้าตรงหน้า ท่านผู้เฒ่าที่เหมือนจะรู้เรื่องทั้งหมดอยู่แล้วถึงกับหน้าซีดเผือด พร้อมกับครางออกมาเบาๆ ราวกับว่ารู้ตัวว่าตัวเองก้าวพลาดไปแล้วด้วยคำๆเดียว ก่อนจะรีบทูลกลบเกลื่อนทันที

 

        " ขอเดชะ...สมเด็จท่าน...โปรดฟังข้าพุทธเจ้าก่อนนะพุทธเจ้าข้า--- "

 

        " ฟังเหรอ?! เจ้าลองเงยหน้าขึ้นมามองสภาพทุเรศทุรังของข้า ที่มีเจ้าเป็นปฐมเหตุอยู่นี่สิ! "  คำทูลที่พยายามจะทูลให้เจ้าฟ้าผู้สูงศักดิ์ตรงหน้าพระทัยเย็นของท่านผู้เฒ่าดูไม่ต่างอะไรกับการเอาน้ำมันไปราดลงบนกองเพลิงเลยแม้แต่น้อย ในขณะที่ไกรได้โอกาสเหลือบมองเจ้าฟ้าอุทุมพรในชุดเกราะแบบชัดๆอีกครั้ง ก่อนจะต้องพยักหน้ายอมรับอย่างปลอดอคติว่า การเอาคนที่ดูท่าทางแก่เรียนที่สุด แถมยังพึ่งสึกจากการเป็นพระภิกษุมาหมาดๆอย่างเจ้าฟ้าอุทุมพร...ไม่เหมาะกับชุดเกราะรบแบบเต็มยศแบบนี้เลยแม้แต่นิดเดียวจริงๆ...

 

        " ข...ข้าพุทธเจ้าก็ว่า...ก...ก็ดูเข้ากับพระองคด์ดีนี่พุทธเจ้าข้า "

 

        " เห็นข้าเป็นเด็กน้อยไม่ประสาที่ท่านคิดหมายจะหลอกล่อก็หลอกล่อได้ตามใจชอบรึอย่างไร?! ท่านออกญา "

 

        " อึ๋ย...คือว่านะ... "  ท่านผู้เฒ่าเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับพยายามจะแก้ตัวอีกครั้ง แต่ไกรที่หันไปมองรอบๆ และสังเกตเห็นว่าพวกเขาเริ่มเป็นจุดสนใจของเหล่าทหารและขุนนางอื่นๆมากขึ้นแล้ว ชายหนุ่มจึงยีบพูดขัดขึ้นเสียก่อนว่า

 

       " ด้วยความเคารพนะพุทธเจ้าข้า...แต่ว่า...เราเอาไว้คุยเรื่องนี้ทีหลัง...รึอย่างน้อยก็เอาไว้พูดกันในที่ๆปลอดคนมากกว่านี้ดีกว่านะพุทธเจ้าข้า "

 

         คำพูดที่ขัดกลางปล้องขึ้นมาของไกรดูเหมือนจะทำให้ทั้งเจ้าฟ้าอุทุมพรและท่านผู้เฒ่าได้สติ และลดอารมณ์โทสะของสมเด็จเจ้าฟ้าตรงหน้าได้เล็กน้อย ทั้งคู่มองไปรอบๆพร้อมกับปัสสาสะถอนหายใจเฮือกแทบจะพร้อมกัน 

 

        " ถูกของเจ้า...ไกร...ข้าผิดเองที่ปล่อยให้โทสะมาครอบงำ...ทั้งๆที่พึ่งสึกออกมาจากเพศบรรพชิตแท้ๆ ...ถึงแม้ท่านออกญาจะกวนต่อโทสะจริงๆก็ตามทีเถอะ "  ดำรัสของเจ้าฟ้าอุทุมพรทำให้ไกรต้องกลับไปมองท่านผู้เฒ่าอีกครั้ง พลางนึกสงสัยว่าชายหนุ่มตรงหน้าไปก่อวีรเวร วีรกรรมอะไรกับสมเด็จเจ้าฟ้าเอาไว้กันแน่

 

         สมเด็จเจ้าฟ้าอุทุมพรปัสสาสะเฮือกอีกครั้ง ก่อนที่พระองค์จะขึ้นเสลี่ยงทองที่ถูกตระเตรียมไว้ที่มีอยู่เพียงคันเดียว ซึ่งบ่งบอกได้อย่างกลายๆว่าเรื่องที่จะให้เอาเสลี่ยงมารับเป็นแค่เรื่องล้อเล่นหวังเอาคืนเล็กๆน้อยๆเท่านั้น ...พร้อมๆกับที่พระองค์ผินพระพักตร์มามองและตรัสขึ้นช้าๆ

 

        " เอ้า...ถ้าในเมื่อเจ้าไม่ยอมรับเสลี่ยงที่ข้าอุตส่าห์เตรียมให้ด้วยความ หวังดี  ก็ขึ้นม้าแล้วก็ตามข้ามาเถอะ...พ่ออยู่หัวรอท่าท่านอยู่นานแล้วนะ "  

 

          ท่านผู้เฒ่าลอบถอนหายใจเฮือก ก่อนจะหันมาฝืนยิ้มให้ไกร และกระโดดขึ้นหลังม้าโดยไม่สนสีหน้าปั้นยากของไกรที่รู้ว่าต้องขึ้นไปนั่งอยู่บนหลังม้าอีกครั้ง แต่ชายหนุ่มก็โตและรู้จักกาลเทศะมากพอจะไม่งอแงในช่วงเวลาเช่นนี้ ไกรจึงได้แต่ปีนขึ้นหลังม้าตามและส่งเชือกบังเหียนให้ท่านผู้เฒ่าลากดึงบังคับแทนให้อีกครั้ง

 

        " อยากอธิบายไหมขอรับ? ท่านผู้เฒ่า " 

 

          ท่านผู้เฒ่าเหลือบมาสบตาชายหนุ่มพร้อมกับถอนหายใจเฮือก และกระตุกสายบังเหียนม้าของทั้งตัวเองและของไกรเพื่อเร่งม้าตามเสลี่ยงของสมเด็จเจ้าฟ้าไปโดยทิ้งระยะพอสมควร ก่อนที่จะพูดเป็นเชิงเปรยขึ้นเบาๆว่า

 

        " ...ข้าเคยเชื่อว่าข้าจะสามารถฝึกฝนเจ้าชายดอกมะเดื่อ(พระนามของพระเจ้าอุทุมพรเมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์) ให้เป็นทั้งนักปราชญ์เมธี และนักรบผู้แข็งแกร่งได้...แต่พอมาเห็นเช่นนี้ก็คงจะต้องตัดใจแล้วล่ะ...พระองค์ไม่ได้เข้ากับเครื่องทรงจอมทัพเลยแม้แต่น้อยจริงๆ "

 

        " ขอรับ? "

 

        " จำที่ข้ากราบทูลสมเด็จเจ้าฟ้าว่าพ่ออยู่หัวจะมีราชโองการแต่งตั้งพระองค์ขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่ เพื่อป้องกันไม่ให้เหล่าขุนนางที่สนับสนุนพระองค์คิดก่อการขึ้นมาอีกได้หรือไม่? "

 

        " ขอรับ? ...แต่ท่านบอกไปอย่างชัดแจ้งแล้วนี่ว่าเป็นโองการของพ่ออยู่หัว...สมเด็จเจ้าฟ้าก็ไม่น่าจะมาเอาเรื่องกับท่านนี่ "

 

        " เฮ้อ...นั่นแหละที่เป็นปัญหา...เพราะข้าว่าเวลานี้สมเด็จเจ้าฟ้าคงจะดำริทึกทักว่าข้าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง คอยบงการกราบทูลให้พ่ออยู่หัวมีราชโองการโปรดเกล้าฯ นั้นน่ะสิ "

 

        " อ้าว? ก็ไม่ถูกเหรอขอรับ "

 

          คำถามของไกรทำให้ท่านผู้เฒ่าหันสายตาคมปลาบมาให้เหมือนกับด่ากลายๆ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกอีกครั้งเพราะจับไม่พบกระแสของความกวนโทสะในน้ำเสียงของอีกฝ่าย และได้แต่ตอบกลับมาเบาๆ

 

        " เฮ้อ...จะว่าเป็นความผิดของข้าก็ไม่ถูกนักหรอก...จริงอยู่ว่าข้าเป็นผู้กราบทูลให้พ่ออยู่หัวมีราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้งให้เจ้าฟ้าอุทุมพรเป็นจอมทัพ แต่มันก็ไม่ใช่ความคิดของข้าทั้งหมดอยู่ดี...ไม่สิ...ต้องบอกว่านี่มันไม่ใช่ความคิดของข้าแต่แรกเลยด้วยซ้ำก็ว่าได้ " 

 

        " หืม?...เอาจริงดิ "  ไกรครางออกมาพร้อมส่งสายตาอยากรู้อยากเห็นไปให้จนท่านผู้เฒ่าต้องหัวเราะออกมาอย่างถอนฉิวและพยักหน้ารับเบาๆ

 

        " เออ "

 

        " ถ้าอย่างนั้นแล้ว ใครเป็นคนต้นคิด...ไม่สิ...ใครเป็นผู้บงการในเรื่องนี้กันล่ะขอรับ? "

 

          ท่านผู้เฒ่าโคลงหัวพร้อมกับอ้าปากจะตอบข้อสงสัยของไกร แต่เขาก็หุบปากลงพร้อมกับฝืนยิ้มออกมาบางๆ

 

       " โน่นอย่างไรล่ะ...คนบงการน่ะ "

 

         คำพูดพร้อมกับท่าทีพยักเพยิดของท่านผู้เฒ่าทำให้ไกรขมวดคิ้ว ก่อนจะหันไปมองตามสายตาของอีกฝ่ายช้าๆ ...ไกรก็เข้าใจเรื่องทุกอย่างทันที

 

        " ส...สมเด็จเจ้าฟ้า...พระพี่นางพินทวดี?! "

 

         " หึๆ เข้าใจแล้วใช่หรือไม่...ว่าเหตุใดข้าถึงต้องตกอยู่ในสภาพน้ำท่วมปากเช่นนี้ "

 

       ...ไกลออกไป...ที่ปราสาททรงไทยแท้ๆสีขาวสะอาดที่ตั้งเด่นอยู่ ที่อยู่ติดกับกำแพงพระบรมมหาราชวัง ด้านที่ติดกับฝั่งแม่น้ำด้านหนึ่ง ...สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้าพินทวดีในฉลองพระองค์เจ้านายชั้นสูงเต็มยศ พึ่งเสด็จแหวกม่านลงมาจากสิวิกากาญจน์ และยาตราไปประทับอยู่ ณ ศาลาเล็กๆที่อยู่ด้านข้างของปราสาทหรือพระที่นั่งหลังนี้  

 

           ก่อนที่ชั่วขณะหนึ่ง พระนางจะมุ่นพระขนงเล็กน้อยเมื่อผินพระพักตร์มาพบกับท่านผู้เฒ่าและไกรที่ตามหลังเสลี่ยงของเจ้าฟ้าอุทุมพรมาติดๆ...พระองค์หันกลับไปพยักพระพักตร์ให้กับเหล่านางกำนัลที่ติดตามอยู่ด้านหลังเป็นเชิงไล่กลายๆ ซึ่งเหล่านางกำนัลผู้ติดตามก็ดูเหมือนจะรู้หน้าที่ดีอย่แล้ว เพราะพวกนางกำนัลเหล่านี้ถอยหลังหายไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เจ้าฟ้าพินทวดีประทับยืนคอยกระบวนเสด็จของพระอนุชาของพระองค์...เจ้าฟ้าอุทุมพร (และผู้ติดตามอย่างท่านผู้เฒ่าที่มีอดีตต่อกัน) อย่างพระทัยเย็น...

 

        " ท...ที่นี่? "  ถึงจะแปลกใจเล็กน้อยกับการปรากฎตัวของพระพี่นางพินทวดี แต่สิ่งที่ดึงความสนใจของไกรไปทั้งหมด กลับเป็นปราสาทยกสูงสีขาวที่เป็นเหมือนฉากอยู่ทางด้านหลัง เพราะปราสาทหลังนี้เป็นปราสาทสีขาวแบบจัตุรมุขที่ฐานถูกยกให้สูงขึ้น เกินกว่าปราสาทหลังอื่นๆที่เห็นอยู่ไกลๆ จนที่มุขด้านหนึ่งน่าจะสามารถมองข้ามกำแพงวังไปเห็นวิวทิวทัศน์ของฝั่งแม่น้ำที่ติดอยู่ได้ หลังคายอดทรงปราสาทที่ประดับด้วยช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์อันวิจิตรบรรจง...ถึงเขาจะพึ่งได้เห็นปราสาทหรือพระที่นั่งหลังนี้เป็นครั้งแรก แต่รูปแบบ และสถาปัตยกรรมของปราสาทหลังนี้กลับเป็นสถาปัตยกรรมที่ชายหนุ่มเคยเห็นผ่านสายตามาแล้วในยุคปัจจุบัน...

 

      ...รูปแบบของสถาปัตยกรรมแบบนี้...ต่อให้แตกต่างในด้านรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ...แต่สายตาและความเข้าใจของเขาไม่มีทางผิดแน่...

 

       ...พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท...พระที่นั่งองค์ประธาน ของหมู่มหาปราสาททั้งหมดในพระบรมมหาราชวัง...ปราสาทพระที่นั่งที่ไกรได้มีโอกาสเห็นผ่านทางโทรทัศน์และหนังสือภาพเท่านั้น!...

 

        " ...งดงามราวกับปราสาทบนสวรรค์ชั้นฟ้าเลยใช่หรือไม่...ไกร "  ท่านผู้เฒ่าที่สังเกตเห็นอากัปกริยาตกตะลึงงันของไกร ก็อดเปรยพร้อมกับกลั้วหัวเราะออกมาเบาๆไม่ได้  

 

        " ...ท่านผู้เฒ่า...อย่าบอกนะว่าปราสาทหลังนี้คือ "

 

        " อืม...ใช่เช่นที่เจ้าคิดนั่นแหละ...เรามาถึง พระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ แล้ว... "

 

 

 

 

 

................................................

 

 

 

 

 

       ...ย้อนกลับมาที่หน้าปราสาทหินทรงตะวันตกที่ตั้งอยู่กลางหุบเขาลึก...ปราสาทอันเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านยุคันตวาต...หมู่บ้านลับของเหล่ามือสังหารทั้งมวล...

 

          เสียงเป่าปากที่มีลักษณะคล้ายกับเสียงนกชนิดหนึ่งร้องมาจากไกลๆ ทำให้เหล่าเวรยามที่อ้าปากหาวหวอดๆอยู่บนเชิงเทินเพราะกำลังจะหมดกะของตนถึงกับต้องตาสว่างพร้อมกับหันไปมองหน้ากันเองเล็กน้อยอย่างประหลาดใจ เพราะเสียงของนกที่โหยหวนมาจากที่ไกลๆ ชนิดนี้เป็นเสียงชนิดพิเศษของคนๆเดียวเท่านั้น

 

       ...เสียงอันโหยหวนของนกแสก...เสียงประจำตัวของสุดยอดมือสังหารสาวนามว่าศกุนตลา...

 

        " ท่านศกุนตลาออกไปจากหมู่บ้านตั้งแต่เมื่อไหร่วะ? "  ชายที่ท่าทางจะเป็นหัวหน้าเวรยามที่ประจำเชิงเทินนี้อยู่ หันกลับไปถามเพื่อนที่อยู่ยามด้วยกันอย่างงงๆ ถึงเขาจะรู้คำตอบล่วงหน้าแล้วก็ตามที

 

        " ใครจะไปรู้ล่ะ ท่านศกุนตลาก็เป็นพวกที่ลึกลับ ไม่ชอบสุงสิงกับผู้อื่นมาตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว...พอจะพูดคุยเล่นหัวกับนางได้ก็คงจะมีแต่ท่านอนาสตาเซียเท่านั้นแหละกระมั้ง "   

 

          ชายหนุ่มผู้เป็นหัวหน้าทหารยามขมวดคิ้วพร้อมทั้งเกาหัวแกรกๆ กับคำตอบที่เดาได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ...ประกอบกับที่เสียงผิวปากเลียนแบบเสียงของนกผีนั่นลอยมาตามสายลมอีกครั้ง ทำให้เขาได้แต่ยักไหล่ ก่อนจะพยักหน้าเป็นสัญญาณเวรยามอีกคนกว้านรอกเพื่อเปิดประตูให้กับมือสังหารสาวคนนี้ แต่พอประตูถูกชักขึ้นและมือสังหารผู้เป็นเจ้าของเสียงร้องเลียนแบบนกแสกนั้นเดินออกมาจากชายป่า พวกเวรยามทั้งหมดก็ต้องหันไปมองหน้ากันเองอย่างประหลาดใจอีกครั้ง

 

        " ไม่ใช่แค่ท่านศกุนตลา  แต่ท่านสิงห์...ไม่สิ!...แม้แต่ท่านอนาสตาเซียก็อยู่ในกลุ่มนี้ด้วย...เฮ้ยๆๆๆ!   ๓ สุดยอดมือสังหารประจำหมู่บ้านหายไปทั้งคน ไฉนไม่มีใครระแคะระคายหรือพูดถึงเรื่องนี้กันเลยวะเนี่ย? "

 

        " ไม่แปลกหรอก ปกติถ้าไม่มีคำสั่งของท่านผู้เฒ่า พวกเขาก็สามารถไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระอยู่แล้ว...ที่สำคัญกว่านั้น ดูสภาพของแต่ละคนสิ...อย่างกับเร่งเดินทางมาตลอดทั้งวันทั้งคืนเพื่อกลับมาอย่างนั้นแหละ...อย่างนี้พวกเราควรจะไปแจ้งท่านเมืองไหมเนี่ย? "  

 

          คำถามของเพื่อนผู้ใต้บังคับบัญชาทำให้ชายผู้อยู่ในตำแหน่งหัวหน้าเวรยามนั้นเม้มริมฝีปากพร้อมกับลูบคางอย่างครุ่นคิด ก่อนที่ในที่สุดเขาจะพยักหน้าอย่างตัดสินใจพร้อมกับออกคำสั่งเบาๆ

 

        " อืม...ไปแจ้งท่านเมืองเลย " 

 

          ชายหนุ่มอีกคนพยักหน้ารับคำสั่งเบาๆ พร้อมกับขยับตัวเพื่อเตรียมจะลงไปแจ้งสถานการณ์นี้กับท่านเมืองซึ่งเป็นมือสังหารที่อาวุโสที่สุดในหมู่มือสังหารที่รั้งอยู่ในหมู่บ้านนี้ทั้งหมด แต่เขา...รวมถึงเหล่าเวรยามที่ประจำเชิงเทินนี้ทั้งหมดก็ต้องชะงักกึก พร้อมกับขนลุกซู่ทันที เพราะสิ่งที่ตรงหน้าของพวกเขาคือเสือดำสมิงที่มีขนาดตัวเท่ากับเสือโคร่งตัวเขื่องๆ ที่กระโดดพรวดไต่กำแพงป้อมปราการที่แทบไม่มีที่ยึดเกาะ แถมยังสูงขนาดนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่อาจทราบได้...ดวงตาสีเหลืองอ่อนเหลือประกายเขียวเรื่อๆนั่นดูเหมือนจะสะกดสาปทุกคนที่ยืนอยู่บนนี้ให้ตัวแข็งทื่อกลายเป็นหินไปทั้งหมด...ทั้งๆที่ทุกคนก็รู้กันดีกันอยู่แล้วว่าเสือดำสมิงตรงหน้าเป็นเสือสมิงใต้อาณัติของท่านสิงห์ แต่สัญชาตญาณความกลัวก็ยังอยู่เหนือความนึกคิดของพวกเขาทั้งหมดอยูดี

 

          เสือดำสมิงนามว่าราตรีทิ้งช่วงด้วยการกวาดสายตามองทุกคนเหมือนกับเป็นการแกล้งหยอกอีกฝ่ายเล่นอีกเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะหลับตาลง พร้อมๆกับที่ร่างของเสือสมิงทั้งร่างจะเปล่งแสงเรื่อๆออกมา...พริบตาเดียวร่างของเสือดำตัวมหึมา ก็กลับกลายเป็นหญิงสาวผิวสีแทนรูปงาม ที่อย่างเดียวที่บ่งบอกว่าเธอเป็นตัวเดียวกับเสือดำตัวก่อนหน้านั้นคือดวงตากลมโตสีเหลืองเหลือบประกายเขียว และอักขระอุณาโลมสีเลือดบนหน้าผากเท่านั้น

 

          ราตรีกระพริบตาถี่ๆ ลุกขึ้นยืนสองขาเต็มสัดส่วนจากที่ยืนหมอบสี่ขาอยู่  ก่อนที่เสือสมิงสาวในร่างมนุษย์จัดผ้าตะเบงมานสีเข้มที่ปกปิดสิ่งที่ควรจะปิดอยู่ของเธอให้เข้าที่เข้าทาง...เธอขยับบิดตัวเล็กน้อยอย่างเมื่อยขบจนกระดูกลั่นเกรียวและครางออกมาเบาๆ ก่อนจะเหลือบกลับมามองเหลาเวรยามที่ยังยืนตัวแข็งทื่ออยู่พร้อมกับพูดขึ้นเบาๆ

 

        " เลิกทำหน้าเช่นนั้นได้แล้วน่า...พวกเจ้าก็รู้แน่แก่ใจแล้วนี่ว่าข้าคือใคร  และข้าก็เบื่อเอียนไอ้ท่าทีเช่นนี้เต็มทีแล้ว "

 

        " ข...ขอรับ! ท่านราตรี "  เหล่าเวรยามทุกคนกระทิบเท้ายืนตัวตรงพร้อมกับตอบกลับมาด้วยเสียงที่ดังฟังชัดจนราตรีต้องเกาหัวแกรกๆ ก่อนจะแยกเขี้ยววับ

 

        " แล้วข้าก็ไม่ใช่มือสังหารที่พวกเจ้าต้องขึ้นต้นชื่อข้าด้วยคำว่า ท่าน ด้วย...แต่เอาเถอะ เรื่องนั้นช่างมันก่อน...พวกเจ้าคนใดคนนึงจะลงไปแจ้งท่านเมืองใช่หรือไม่? "

 

          เหล่าเวรยามหนุ่มหันไปมองหน้ากันเองเลิ่กลั่ก ก่อนที่หัวหน้าเวรยามอันเป็นเหมือนตัวแทนของทุกคนจะเอ่ยปากรับอย่างกล้าๆกลัวๆว่า

 

        " ช...ใช่ขอรั--- หมายถึง ใช่แล้ว...ต...แต่ถ้าเธอไม่ชอบใจล่ะก็ ข้าจะยกเลิคำสั่งก็ได้ "  

 

          ราตรีเลิกคิ้วเล็กน้อยกับคำพูดของอีกฝ่าย ก่อนที่เธอจะโบกมือเบาๆเป็นเชิงว่าเธอไม่ได้หมายความอย่างนั้น...เสือสมิงสาวกระพริบตาถี่ๆอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะถอนหายใจเฮือก และในที่สุดก็ตัดสินใจพูดขึ้นเรียบๆว่า

 

        " อันที่จริงข้าเองก็ยังงงๆอยู่ล่ะนะ...แต่เอาเถอะ...อย่างไรเสียนี่ก็เป็นคำสั่งของนายท่านสิงห์ที่รับมาจากท่านอนาสตาเซียอีกที ข้าไม่มีสิทธิปฏิเสธคำสั่งอยู่แล้ว... "

 

        " คำสั่ง...อย่างนั้นหรือ? "

 

        " ใช่...คำสั่ง... "  เสือสมิงสาวถอนหายใจอีกครั้ง...เธอยื่นตราโลหะประจำตัวมือสังหารของมือสังหารอันดับหนึ่งอย่างอนาสตาเซีย ให้กับหัวหน้าเวรยามหนุ่มตรงหน้า พร้อมกับออกคำสั่งด้วยเสียงอันดังว่า

 

 

        " ...ให้ท่านเมือง รวมถึงมือสังหารที่รั้งอยู่ในหมู่บ้านทั้งหมดทุกผู้ทุกคน ไปพบกันที่กระท่อมตีศาสตราของท่านหญิงยูกิโอะ...นี่เป็นคำสั่งเด็ดขาดของท่านอนาสตาเซีย "

 

        " ม...มือสังหารทุกคน?! ...นี่มันเรื่องอะไรอย่างนั้นหรือ ท่า---ราตรี?! "

 

          เสือสมิงสาวเหลือบดวงตาสีเหลืองเหลือบเขียวของเธอมามองอีกฝ่ายด้วยสายตาปลาตาย พร้อมกับครางออกมาเบาๆ ราวกับพูดกับตัวเองด้วยเหมือนกันว่า

 

 

        " เจ้าจะเชื่อไหม ถ้าข้าพูดว่าข้าก็ถามคำถามนี้กับตัวเองมาตลอดเส้นทางหฤโหดที่เดินทางกันทั้งวันทั้งคืนเพื่อกลับมาที่หมู่บ้านเช่นกัน...ให้นรกสาปสิเอ้า! "

 

 

 

 

 

..................................................

 

 

 

 

 

 

      ...กลับมาที่หน้ามุกด้านที่เป็นทางเข้า ของพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์...ปราสาทที่เป็นต้นแบบของดุสิตมหาปราสาท...พระที่นั่งโปรดของพ่ออยู่หัวเอกทัศน์ตามพระราชพงศาวดารที่ไกรเคยได้อ่านมาอีกครั้ง...

 

        " ...น้อมคารวะสมเด็จพระเจ้าอุทุมพร...จอมทัพแห่งราชอาณาจักรอยุธยาเพคะ "  คำกราบบังคมทูลทักทายของพระพี่นางพินทวดี ที่ฟังแล้วแปลกหูที่สุดในความคิดของไกร  ที่ยอบกายทักทายพระอนุชาในชุดเกราะรบเต็มยศ ทำเอาสมเด็จเจ้าฟ้าอุทุมพรถึงกับพระขนงกระตุก ก่อนจะกัดพระทนต์กรอดและหันพระพักตร์กลับมาเขม้นมองท่านผู้เฒ่าอดีตออกญาจักรี ที่เดินตามมาติดๆอย่างอาฆาตมาดร้ายทันที

 

        " แม้แต่สมเด็จพระพี่นางก็ยังทรงทราบเรื่องแล้ว...ท่านเตรียมการทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้วอย่างที่ท่านเคยทำทุกทีสินะ...ท่านเจ้าพระยาจักรีศรีองครักษ์นอกราชการ! "  พระดำรัสกระแทกเสียงที่มาพร้อมกับกระแสคุกคามเล็กๆ ทำให้ท่านผู้เฒ่าได้แต่ก้มหน้าลงโดยไม่อาจสบสายพระเนตรของอีกฝ่ายโดยตรงได้ ในขณะที่ตัวการที่แท้จริงของเรื่องยกเมฆทั้งหมดนี่อย่างสมเด็จเจ้าฟ้าพินทวดี บัดนี้ยังคงอยู่ภายใต้หน้ากากที่แทบจะไม่อาจจับเค้าอารมณ์ใดๆได้อย่างน่าทึ่ง  ...ถึงแม้ว่าชั่วแวบหนึ่ง ไกรสาบานว่าเขาเห็นรอยแย้มพระสรวลเล็กๆที่เป็นเหมือนกับแค่การขยับมุมพระโอษฐ์วูบเดียวของสมเด็จพระพี่นางพระองค์นี้ก็ตามที

 

        " ข้ากลับคิดว่าฉลองพระองค์ชุดเกราะนี่ก็ดูเหมาะกับท่านดีออก...คิกๆๆๆ พ่ออยู่หัว...อุทุมพร "  

 

        " ได้โปรด...ขอร้องล่ะ...พระพี่นาง "  เจ้าฟ้าอุทุมพรในชุดเกราะศึกยกพระหัตถ์ขึ้นห้ามทันที   "...ข้ามีโทสะแค่กับออกญามีชื่อผู้นี้ก็มากเกินปรกติธรรมดาของข้าแล้ว...อย่าบังคับ...ให้ข้าต้องมีโทสะกับพระองค์อีกคนเลย "

 

        ' ต่อให้ต้องเป็นศัตรูกับคนทั้งโลก...ก็ยังดีกว่าเป็นศัตรูกับสมเด็จเจ้าฟ้าพระองค์นี้แน่ๆ! '  ไกรคิดในใจพร้อมกับเหงื่อตกเมื่อเห็นสภาพน้ำท่วมปากของท่านผู้เฒ่าที่เวลานี้เหมือนกับกำลังเต้นอยู่บนฝ่าพระหัตถ์ของพระพี่นางพระองค์นี้ไม่มีผิด  ในขณะที่สมเด็จพระพี่นางผินพระพักตร์และพระเนตรวาววับมาที่ไกรชั่วเสี้ยววืนาทีเหมือนกับเป็นการบอกให้ชายหนุ่มเงียบไว้อย่างกลายๆ ก่อนจะหันไปดำรัสขึ้นอย่างเป็นการเป็นงานว่า

 

        " พ่ออยู่หัวคอยท่าพระองค์กับท่านออกญามานานเกินสมควรแล้ว และจะไม่เป็นการบังควรยิ่งขึ้นไปอีกถ้าท่านยังรอคอยท่ากล่าววาจาไร้สาระกันอยู่เช่นนี้...ทูลเชิญพระองค์และท่านออกญาเข้าไปด้านในเถิด "

 

          เจ้าฟ้าอุทุมพรที่อย่างไม่เป็นทางการแล้ว ในเวลานี้คือสมเด็จพระเจ้าอุทุมพร จอมทัพผู้เป็นเสมือนพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ที่สอง โดยราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้งของสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์เอง ปัสสาสะเฮือก ถึงจะไม่ค่อยชอบพระทัยนักแต่พระองค์ก็ไม่อาจจะปฏิเสธพระดำรัสของพระพี่นางได้...เหมือนกับทุกๆครั้ง...จึงทำได้แต่ยักพระอังสะเบาๆ ก่อนจะหันกลับไปพยักพระพักตร์ให้กับท่านผู้เฒ่าอดีตเจ้าพระยาจักรีเล็กน้อยเหมือนกับให้อีกฝ่ายเข้าไปภายในพระที่นั่งด้วยกัน  แต่พอไกรลุกขึ้นและทำท่าจะเดินตามเข้าไป ท่านผู้เฒ่าที่ยืนล้ำอยู่ก็หยุดและยกมือเป็นเชิงห้ามไว้เสียก่อน

 

        " เจ้าไม่ต้องตามมา ไกร "

 

        " ว่าไง---ว่าอย่างไรนะขอรับ? "

 

        " เจ้าฟังไม่ผิดหรอก ไกร เจ้าไม่ต้องตามเข้ามา...ข้าและสมเด็จเจ้าฟ้าทั้งสองจะเข้าไปสนทนากับพ่ออยู่หัวตามลำพัง...เจ้าอยู่ในฐานะผู้ติดตามของข้า หากเจ้าเข้ามาด้วยมันจะเป็นที่สังเกตและเป็นที่ครหาเอาซะเปล่าๆน่ะ "

 

        " ก็แค่คลื่นลูกเก่า ที่ไม่อยากให้คลื่นลูกใหม่ไล่ตามมาไม่ใช่รึอย่างไร...ท่านออกญา "  คำเปรยเบาๆที่เหมือนจะปราศจากความหมายของพระพี่นางพินทวดีทำให้ผู้ที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของอดีตออกญามีชื่อตรงหน้าอย่างเจ้าฟ้าอุทุมพรเลิกพระขนงอย่างงงวย ในขณะที่ผู้ที่รู้ความหมายของอีกฝ่ายดีที่สุดอย่างท่านผู้เฒ่าเองก็ไม่ได้คิดจะเสียมารยาทไปต่อล้อต่อเถียงอะไร...ท่านผู้เฒ่าเพียงแค่ถอนหายใจเฮือก ก่อนจะเอ่ยเหมือนเป็นคำสั่งเด็ดขาดกับเด็กหนุ่มตรงหน้าเรียบๆ

 

        " รอท่าข้าอยู่ ณ มุก (ชานที่เป็นเหมือนกับศาลา) นี่แหละ ...อย่างไรเสียข้าเองก็ไม่คิดจะปิดบังอะไรเจ้าอยู่แล้ว แล้วข้าจะมาเล่าให้ฟังทีหลังก็แล้วกันนะ "

 

          ไกรยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับพยักหน้ารับเบาๆ เพราะเขาเองก็ยอมรับเหตุผลของอีกฝ่าย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเห็นกระแสสายตาเป็นห่วงบางๆของท่านผู้เฒ่าไม่ได้อยู่ดี   ซึ่งถ้านับจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมด เขาก็ไม่โทษอีกฝ่ายเลยที่ทำสายตาอย่างนี้

 

        " เอาน่าๆๆๆ ท่านผู้เฒ่า...หัดเชื่อใจข้าซักครั้งก็ไม่เสียหายนี่...อีกอย่าง ข้าเองก็ยังไม่เห็นว่าตรงนี้จะมีอะไรที่สามารถจะทำให้ข้าสามารถก่อเรื่อง ก่อปัญหาให้กับตัวเองได้อีก จริงไหม? "

 

          คำรับรองของเด็กหนุ่มตรงหน้าสร้างความน่าเชื่อถือจนทำให้ท่านผู้เฒ่ายิ้มบางๆ แต่ในขณะนั้นเอง สมเด็จพระพี่นางพินทวดีที่ยืนอยู่ด้านหลังก็เบิกพระเนตรกว้างขึ้น ก่อนจะขยับกางพัดจีนประจำพระองค์ขึ้นปิดโอษฐ์และสรวลออกมาเบาๆทันที

 

        " หนุ่มน้อยเอ๋ย...เจ้าทำให้ข้านึกถึงท่านออกญาเมื่อครั้งที่ข้ายังเยาว์อยู่อย่างปัจจุบันทันด่วนเลยทีเดียวนะ... "

 

        " พุทธเจ้าข้า? "  ไกรเลิกคิ้วอย่างงงๆ กับดำรัสที่เป็นเหมือนคำพูดเปรยๆ และเสียงสรวลอย่างชอบอกชอบใจของสมเด็จเจ้าฟ้าหญิงตรงหน้า แต่วินาทีต่อมา เขาก็ได้รู้คำตอบทันที ว่าสมเด็จพระพี่นางเจ้าแผนการผู้นี้ทรงสรวลในเรื่องอะไร

 

        " ท่านไกร? "  

 

           เสียงหวานใสของหญิงสาวผู้หนึ่งที่เอ่ยทักด้วยชื่อของชายหนุ่ม ดังขึ้นที่เบื้องหลังของไกรอย่างกะทันหันโดยที่เขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าหญิงสาวเจ้าของเสียงนี้มาอยู่ที่ด้านหลังของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่...หญิงสาว...ที่แม้ว่าจะพึ่งได้รู้จักกันในช่วงเวลาสั้นๆ แต่เขาก็สามารถจดจำเสียงของเธอได้อย่างขึ้นใจ

 

        " องค์หญิง---สมเด็จเจ้าฟ้าสิริจันทร?! "  ไกรเบิกตากว้างพร้อมกับรีบทรุดลงไปคำนับเจ้าฟ้าหญิงราชธิดาของพ่ออยู่หัวเอกทัศน์ทันที...ในขณะที่องค์หญิงสิริจันทรในฉลองพระองค์ชั้นสูงสุดของราชนิกูลฝ่ายสตรีแย้มพระสรวลกว้างอย่างงดงามด้วยพระทัยยินดี

 

        " ข้าไม่คิดเลยว่าจะได้พบท่านอีกเร็วเช่นนี้ ท่านไกร "

 

        " พ...พูดตามตรงนะพุทธเจ้าข้า...ข้าเองก็ไม่คิดว่าจะได้พบพระองค์เร็วขนาดนี้เช่นกันเลย "

 

         

          สมเด็จพระพี่นางพินทวดีที่ยังคงสรวลไม่หยุดยิ่งสรวลหนักเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มนามว่าไกรและอดีตออกญาจักรี ที่บัดนี้มีสีหน้าแบบเดียวกันเลย คือซีดเผือดราวกับกระดาษไม่มีผิดเพี้ยน ก่อนที่ในที่สุดพระองค์จะตรัสปนสรวลออกมาว่า

 

        " ท่านไม่คิดเช่นข้าอย่างนั้นหรือ? ...ไอ้ความสามารถในการดึงดูดปัญหาเข้ามา โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลยแม้แต่น้อย...นี่มันความสามารถและพรสวรรค์ของท่านชัดๆเลยไม่ใช่หรืออย่างไร ....ท่านออกญา "

 

 

 

 

 

 

 .........................................................

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.1 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา