ยุคันตวาต (ลมสิ้นยุค)

9.4

เขียนโดย PingJa

วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.49 น.

  152 ตอน
  11 วิจารณ์
  127.86K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557 20.02 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

38) ...ตอนที่ ๑๐...ราชโองการแต่งตั้ง...(๑)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

 

================================================

 

 

 

 

     ...เช้าวันต่อมา...

 

     ...ไกรถูกปลุกให้ตื่นจากการหลับไหลด้วยกลิ่นอันหอมหวลของกาแฟที่ลอยเข้ามาเตะจมูก...ก่อนที่ดวงตาที่สลึมสะลือของเขาจะเบิกกว้างขึ้นจนแทบถลนทันที เมื่อได้เห็นหญิงสาวที่แต่งตัวคล้ายกับสาวชาววังในภาพยนต์อิงประวัติศาสตร์หลายๆเรื่อง กำลังนั่งพับเพียบเพื่อจัดเตรียมกาแฟและสำรับเคียงกาแฟอื่นๆอยู่ที่ข้างๆเตียงที่เขานอนอยู่ ในขณะที่เมื่อหญิงสาวคนนั้นสังเกตเห็นว่าไกรตื่นแล้ว เธอจึงยิ้มให้กับเขาน้อยๆ ก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นอย่างเรียบร้อย และทำท่าเหมือนกับจะเข้ามาประคองเขา ทำเอาไกรถึงกับต้องหดหนีราวกับโดนไฟจี้ พร้อมกับร้องถามขึ้นทันที...

 

       " ป...ประเดี๋ยวก่อนๆๆๆๆ ...เธอเป็นใครกันเนี่ย? อยู่ๆก็--- "

 

         หญิงสาวผู้นี้เลิกคิ้วเล็กน้อยอย่างประหลาดใจในท่าทีของชายหนุ่ม ก่อนที่เธอจะเดาเอาว่าอีกฝ่ายคงไม่คุ้นชินกับการต้อนรับแบบนี้...เธอจึงหัวเราะและตอบกลับมาเบาๆ

 

       " ข้าเป็นหญิงรับใช้ในจวนของพระเพชรพิไชยน่ะเจ้าค่ะ...ท่านพระเพชรพิไชยสั่งให้ข้ามาดูแลท่าน ข้าจะเตรียมน้ำสำหรับล้างหน้าล้างตาให้นะเจ้าคะ "

 

       " ด...ดูแล?...เดี๋ยวนะ "  ไกรรีบยกมือทำปางห้ามญาติใส่ทันทีเมื่อหญิงสาวตรงหน้าขยับเข้าใกล้อีกครั้ง ก่อนจะขมวดคิ้วและเอานิ้วขยี้สันจมูกตัวเองเพื่อระลึกความทรงจำของตัวเองทันที แต่ก่อนจะได้ทันเข้าใจอะไรๆ สมาธิของเขาก็ถูกรบกวนด้วยเสียงหัวเราะเชิงเยอะเย้ยของชายที่เขาคุ้นเคยทันที

 

       " ฮ่าๆๆๆๆ...ดูที่เจ้าทำเข้าสิ...เก่งมาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ แต่มาสิ้นลายถอยหนีนางรับใช้ของจวนพระเพชรพิไชยจนไม่เป็นกระบวน...เรื่องรู้ถึงไหนเป็นอายถึงนั่นแน่ๆ "

 

       " ท่านผู้เฒ่า? "

 

         ไกรหันขวับกลับไปมองชายหนุ่มผู้เป็นหัวหน้าชุมนุมมือสังหารทั้งหมด ที่บัดนี้นุ่งเพียงกางเกงผ้าแพรยาวสีน้ำตาลเข้ม โดยเปลือยร่างท่อนบนที่เต็มไปด้วยมัดล้ามไว้  มือข้างหนึ่งถือแก้วโลหะบรรจุกาแฟที่ส่งควันกรุ่นๆไว้ พร้อมกับส่งรอยยิ้มกวนโทสะมาให้เขาทันทีที่สบตากัน แต่ไกรก็มีเรื่องให้คิดมากเกินกว่าจะสนใจความหมายของรอยยิ้มนั้น...เขาเอามือนวดขมับพร้อมกับพูดขึ้นเบาๆทันที

 

       " เชื่อเลย...หลับไม่รู้เรื่องเลยนะเรา-- "  ก่อนที่ที่เขาจะชะงักและยกมือทำปางห้ามญาติอีกครั้งเมื่อหญิงรับใช้ที่รออยู่ยกอ่างน้ำสีเงินและผ้าสีขาวขยับมาเข้าใกล้เขาอีกครั้ง แต่ท่านผู้เฒ่าที่ยืนมองอยู่ยกกาแฟขึ้นดื่มพร้อมกับพูดขึ้นยิ้มๆว่า

 

       " เจ้ากำลังจะทำให้เธอถูกตำหนิ ค่าที่ดูแลแขกของนายเธออย่างขาดตกบกพร่องนะ "

 

       " ขาดตก---บกพร่อง? "  ไกรทวนคำเบาๆ แต่พอเขาสบสายตากึ่งๆขอร้องของหญิงสาวตรงหน้าเขาก็เริ่มเข้าใจอะไรๆมากขึ้น จนในที่สุดชายหนุ่มก็ถอนหายใจเฮือกและยอมให้อีกฝ่ายเข้ามา ช่วยเหลือ โดยดี

 

       ' ถึงจะบอกว่าเป็นเรื่องปกติของยุคนี้ก็เถอะ...แต่การมีคนมาบริการอำนวยความสะดวกให้ทุกอย่างแบบนี้มัน...น่าอายชะมัดเลยวุ้ย! '  ถึงจะพยายามทำตัวให้กลมกลืนกับยุคนี้ให้มากที่สุด แต่สีหน้าของเขาก็ยังอดเปลี่ยนไปไม่ได้อยู่ดี จนท่านผู้เฒ่าที่ยืนพิงขอบประตูอยู่ส่งเสียงครางในลำคอ และอดเอ่ยแซวเบาๆไม่ได้

 

       " ดูจากเหตุการณ์ที่ผ่านๆมาทั้งหมด ข้านึกว่าเจ้าจะเป็นพวกที่เชี่ยวชาญเรื่องอิสตรีเป็นอย่างดีซะอีก "

 

       " ช...เชี่ยวชาญ---เป็นอย่างดี? นี่ตกลงท่านเห็นข้าเป็นคนอย่างไรกันเนี่ย?! "  ไกรที่วักน้ำขึ้นล้างหน้าล้างตาและรับผ้าสีขาวสะอาดนั้นขึ้นมาเช็ดมือและหน้าหันไปแยกเขี้ยวับใส่อีกฝ่าย ก่อนจะถอนหายใจเฮือก เขาพยักหน้าให้กับหญิงรับใช้ตรงหน้าและพูดขึ้นเบาๆ

 

        " ...ขอบคุณ "  แต่คำขอบคุณตามมารยาทของเขากลับทำให้อีกฝ่ายก็เบิกตากว้างเล็กน้อยเหมือนกับงงงวยในท่าทีของชายหนุ่มตรงหน้า แต่เธอก็ยังเก็บอาการไว้ได้อย่างมิดชิด...หญิงสาวผู้นี้ยิ้มให้กับไกรเล็กน้อย ก่อนจะก้มลงและคลานเข่าถอยหลังออกไปอย่างสุภาพ  ก่อนที่เมื่อถึงระยะห่างหนึ่ง เธอก็ลุกขึ้นยืนและหันมาที่ไกรพร้อมกับค้อมหัวให้อีกครั้งและพูดเบาๆ

 

       " ข้าจะไปช่วยครัวจัดสำรับอาหารนะเจ้าคะ...หากท่านต้องการสิ่งใด ได้โปรดเรีกใช้ได้เลย "  ก่อนที่เธอจะค้อมหัวคำนับท่านผู้เฒ่าและเดินออกจากห้องไป

 

 

     ...หลังจากที่หญิงรับใช้คนนั้นออกไปได้พักนึง ท่านผู้เฒ่าก็ถอนหายใจเฮือก ก่อนจะซดกาแฟเข้าไปอึกใหญ่ และพูดขึ้นยิ้มๆว่า

 

       " เจ้ารู้ไหม? ปรกติแล้วไม่มีเจ้านาย หรือแขกเหรื่อของเจ้านายคนใดเขาเอ่ยขอบอกขอบใคนรับใช้เช่นนั้นหรอกนะ "

 

         ไกรเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะหยิบกาแฟที่ถูกจัดเตรียมไว้แล้วเป็นอย่างดีขึ้นดื่ม...ถึงมันจะไม่ใช่กาแฟดำชั้นเยี่ยมที่เขาเคยได้ดื่มที่หมู่บ้านยุคันตวาต แต่กาแฟก็หอมและเข้มพอจะทำให้เขาตาสว่างขึ้นได้...ก่อนที่เขาจะพ่นลมหายใจออกมาเล็กน้อยและ มองไปรอบๆเพื่อให้แน่ใจว่าปลอดคนก่อนจะเอ่ยกับอีกฝ่ายเบาๆ

 

       " ในยุคสมัยของผม ป๊า--พ่อผมสอนให้ผมอ่อนน้อมและสุภาพ...๓ คำที่พ่อสอนให้ผมจำขึ้นใจก็คือ สวัสดี ขอบคุณ และ ขอโทษ นะครับ "

 

       " ใช่ว่าข้าไม่ชอบความอ่อนน้อมของเจ้านะ ไกร...แต่ยุคสมัยนี้แต่ละผู้แต่ละคนจะมีชั้นวรรณะบางๆกั้นอยู่ ถึงจะไม่ชัดเจนเท่ากับที่อินเดียก็เถอะ แต่มันก็ไม่งามนักที่เจ้าทำเช่นนั้น "

 

       " แปลว่าไม่เป็นการดีเลยที่ผมเอ่ยขอบคุณเธอ? "

 

       " แค่ไม่ควร...ไม่ใช่ไม่ดีนักหรอก...ไม่สิ คำขอบน้ำใจนั่นมันจะดีมากๆเลยล่ะถ้าหากเจ้าคิดจะเก็บเธอไว้เอามาเป็นนางเล็กๆของเจ้า "

 

 

         พรวด ! 

 

 

         กาแฟอุ่นๆที่อยู่ในแก้วโลหะในมือดูเหมือนจะร้อนขึ้นอย่างกะทันหันกับคำพูดของอีกฝ่ายจนเขาต้องพ่นกาแฟนั้นออกมา เขาสำลักแค่กๆก่อนจะหันตาเขียวๆมาใส่ท่านผู้เฒ่าที่เคารพที่จิบกาแฟอยู่ใกล้ๆทันที

 

       " นี่เห็นผมเป็นคนยังไงกันฟะครับ ท่านผู้เฒ่า?! "  

 

       " ก็หลังจากที่เจ้าทำลูกสาวข้า...และสมเด็จเจ้าฟ้าหญิงสิริจันทรหลงจนหัวปักหัวปำเช่นนี้...จะให้ข้าคิดว่าเจ้าเป็นคนอย่างไรอีกล่ะ? ...ว่าก็ว่าเถอะนะ หญิงรับใช้นางนั้นป่านนี้คงจะเอาแต่หลงใหลได้ปลื้มกับคำหวานลมๆแล้งๆของเจ้าอยู่แน่ๆ "  คำพูดที่เสียดแทงของอีกฝ่ายทำให้ไกรถึงกับต้องกุมขมับ ก่อนจะได้แต่เถียงกลับไปอย่างอ้อมๆแอ้มๆว่า

 

       " ผมบอกคุณไปแล้ว...และบอกซ้ำไปแล้วไม่ใช่รึไงว่ามันเป็นอุบัติเหตุน่ะ "

 

       " เออ...และเป็นอุบัติเหตุที่น่าอิจฉาที่สุดเลยล่ะ "

 

         ไกรก้มหน้างุด ก่อนจะแยกเขี้ยวและพูดขึ้นห้วนๆทันที

 

       " เปลี่ยนเรื่อง! " 

 

       " หือ ข้าว่าเรื่องนี้ก็คุยสนุกดีออก "  ท่านผู้เฒ่ายิ้มมุมปากอย่างนึกสนุก ในขณะที่เด็กหนุ่มแยกเขี้ยววับ ก่อนริมฝีปากนั้นจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มแสยะทันที

 

       " มีเรื่องที่น่าสนุกกว่านี้อีกนะ...อย่างเช่นเรื่องของพระพี่นาง...สมเด็จเจ้าฟ้าพินทวดีเป็นไง "

 

       " เออ! ตกลง...เราเริ่มเห็นตรงกันแล้ว...เปลี่ยนเรื่อง! "  ท่านผู้เฒ่าแยกเขี้ยวพร้อมกับกุมขมับทันที...ชักเริ่มไม่แน่ใจในความสัมพันธ์แบบ ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่  ของเขากับเด็กหนุ่มตรงหน้านี่เสียแล้วสิ

 

         เมื่อได้จังหวะและความเห็นตรงกันที่จะเปลี่ยนเรื่อง ไกรยกกาแฟขึ้นดื่มอีกครั้ง ก่อนจะวางแก้วกาแฟลงและลูบมือไปมาเล็กน้อยอย่างครุ่นคิด ก่อนที่ในที่สุดจะถามขึ้นเบาๆว่า

 

       " เชื่อไหมว่าตอนนี้ผมยังคิดว่าผมกำลังฝันอยู่เลยนะเนี่ย...ตกลงเราอยู่ในราชวังหลวงจริงๆสิเนี่ย? "

 

       " อันที่จริงแล้ว...ข้าต้องบอกว่าเราอยู่แค่ขอบกำแพงเขตพระราชฐานชั้นนอก ที่เป็นที่ตั้งของส่วนราชการต่างๆ อย่างศาลาลูกขุน ศาลหลวง ที่จวนของออกพระเพชรพิไชยที่เป็นเจ้ากรมทหารล้อมวังเท่านั้น...ไม่ได้ใกล้เคียงคำว่าวังหลวงเลย...แต่เอาเถอะ ถ้าเจ้าหมายถึงอยู่ในกำแพงพระราชฐานล่ะก็ ใช่เช่นเจ้าว่าถึงจะอยู่ตรงขอบกำแพงเลยก็เถอะ ...ขอโทษด้วยนะที่ต้องทำให้เจ้าตกอยู่สภาพตกกระไดพลอยโจนร่วมกับข้าเช่นนี้ "

 

       " เฮ้อ...ตั้งแต่ผมมาอยู่ในยุคนี้ผมก็ตกอยู่ในสภาพตกกระใดพลอยโจนมาแบบนับไม่ถ้วนแล้ว ตกอีกซักเรื่องจะเป็นอะไรไป...แต่ว่าก็ว่าเถอะ...เรื่องมือสังหารนั่น "

 

       " มือสังหาร?...ทำไมรึ? "  

 

       " คุณแน่ใจจริงๆเหรอ เรื่องที่ว่าพวกกลุ่มมือสังหารนั่นจะลงมืออีก...ถึงจะบอกว่าพระเจ้าเอกทัศน์และพระเจ้า---ผมหมายถึงเจ้าฟ้าอุทุมพรยังไม่ทรงสวรรคต แต่เราอยู่ในราชฐานนะครับ...ต่อให้ไม่นับเรื่องความเหมาะสม  สถานที่ที่พูดง่ายๆก็คือปลอดภัยที่สุดในราชอาณาจักรนี้เลยนะ "

 

         ท่านผู้เฒ่าถอนหายใจเฮือกกับคำถามของอีกฝ่าย ก่อนจะอธิบายช้าๆ

 

       " เรื่องแรกเลยนะ เรื่องความเหมาะสมน่ะตัดทิ้งไปได้เลย...ขนาดในวัดประดู่ทรงธรรมที่เป็นเขตพุทธาวาสพวกมันยังกล้าลงมือ...นับประสาอะไรกับเขตราชฐาน และอีกอย่างนะ ข้าว่าในเขตพระราชฐานอาจจะเป็นสถานที่ที่ลงมือได้ง่ายที่สุดเลยด้วยซ้ำ "

 

       " หืม?...จะบอกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นที่วัดประดู่ เป็นฝีมือของคนในอย่างงั้นเหรอ? "  ไกรขมวดคิ้ว ในขณะที่ท่านผู้เฒ่าเลิกคิ้ว ก่อนจะยิ้มบางๆ

 

       " การเสด็จไปกราบนมัสการพระดอกเดื่อที่วัดประดู่เป็นพระราชประสงค์โดยปัจจุบันของพ่ออยู่หัวเอกทัศน์ หาได้มีกำหนดการล่วงหน้าที่พึงประกาศให้ใครรับรู้ไม่...แต่มือสังหารผู้นั้กลับเตรียมการลงมือมาเป็นอย่างดี เตรียมพร้อมแม้กระทั่งกลุ่มช่วยเหลือถอนตัวที่ถูกสิงห์กับนางสมิงใต้อาณัติสังหารทิ้งอีก...ซึ่งนั่นไม่ใช่การลงมือแบบฉาบฉวยแน่ๆ "

 

       " แปลว่างานนี้มือสังหารคงไม่ได้มาเป็นนินจา แต่อาจจะมาในรูปของนางกำนัล นางสนองพระโอษฐ์ หรือแม้กระทั่งนางสนมองค์ใดก็ได้งั้นสินะ "

 

         ก่อนที่ไกรและท่านผู้เฒ่าจะได้ทันพูดอะไรต่อไป ที่หน้าประตูก็เกิดเสียงไม้ลั่นเบาๆ ...ราวกับมีใครบางคนกำลังเดินเข้ามา ทำให้ทั้งคู่หยุดบทสนทนาที่ค้างไว้ทันที พร้อมกับจ้องมองไปที่หน้าประตูพร้อมกัน ในขณะที่ท่านผู้เฒ่าที่พอจะเดาได้อยู่แล้วว่าผู้ที่เดินมาหยุดรออยู่ตรงหน้าประตูเป็นผู้ใด เขาจึงส่งเสียงออกไปเบาๆว่า

 

       " ที่นี่เป็นจวนของเจ้า...พวกข้าเป็นเพียงแค่แขกที่มาขออาศัยหลับนอนหลบแดดฝนเท่านั้น...เชิญ เข้ามาเถิด ไม่ต้องรั้งรออยู่ที่หน้าประตูนั่นหรอก พระเพชรพิไชย "

 

         สิ้นเสียงของท่านผู้เฒ่าอดีตออกญา จอมทหารเฒ่าผู้เป็นเจ้ากรมทหารล้อมวังก็ค่อยๆผลักประตูที่ปิดไว้อยู่เข้ามา พร้อมกับทำหน้ากะเรี่ยกะราดทันทีที่สบสายตารู้ทันของอีกฝ่าย เพราะมันเหมือนกับเขาถูกอีกฝ่ายจับได้ยังไงยังงั้น

 

       " ข้าไม่ได้หมายใจจะแอบฟังเลย ให้ตกนรกสิเอ้า! เพียงแต่เห็นพวกท่านกำลังสนทนากันเลยไม่อยากจะเข้ามาขัด...เพียงแต่--- "

 

       " เพียงแต่? "

 

         พระเพชรพิไชยทำหน้าลำบากใจ ก่อนที่ในที่สุดเขาจะตัดสินใจพูดออกมาเบาๆว่า

 

       " เห็นทีพวกท่านทั้งสองคงจะต้องไปกินข้าวเช้ากันในเขตพระราชฐานชั้นกลางแล้วล่ะ...ท่านออกญา ท่านไกร...พ่ออยู่หัวเอกทัศน์และพระเจ้าอุทุมพร แม่ทัพใหญ่มีราชโองการ รับสั่งให้ท่านทั้งสองเข้าเฝ้าโดยทันที ณ พระที่นั่งสุริยาสน์อัมรินทร์ขอรับ! "

 

 

 

 

 

 

..................................................

 

 

 

 

 

 

 

      ...หลังจากที่พวกเขาแต่องค์ทรงเครื่งอย่างลวกๆ ท่านผู้เฒ่าและไกรก็คว้าดาบและลงจากเรือนไม้ใหญ่อันเป็นจวนประจำตำแหน่งของพระเพชรพิไชยทันที โดยที่พระเพชรพิไชยก็ให้คนรับใช้เตรียมม้าอันพ่วงพีไว้ให้รอท่าอยู่และ ซึ่งเมื่อแรกเห็น ไกรก็ถึงกับหน้าซีดวูบทันที  เพราะม้าที่อีกฝ่ายเตรียมให้มันตัวใหญ่ชนิดที่ม้าตัวแรกที่เขาเคยขี่เทียบไม่ติดเลยทีเดียว...

 

       " จะว่าอะไรไหมขอรับ ท่านผู้เฒ่า...ถ้าหากผมจะเดินไป "

 

         ไกรหันไปพูดกับท่านผู้เฒ่าด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนอย่างมีความหวัง แต่คราวนี้ท่านผู้เฒ่าแยกเขี้ยววับใสทันที

 

       " ว่าสิวะ! ถ้าเป็นที่อื่นคงพอจะผ่อนปรนได้ แต่เรากำลังเข้าเขตพระราชฐานชั้นกลางนะ...ถ้าขืเดินเทิ่งๆเข้าไปโดยไม่ได้ใช้ม้าที่ประดับตรายศตำแหน่งของพระเพชรพิไชย เจ้าไม่มีวันผ่านพวกโขลนกับกองทัพทหารที่ล้อมวังอยู่แน่ๆ "

 

       " แบบนั้นก็แปลว่าเลือกทางไหนก็นรกทั้งคู่น่ะสิ! "

 

       " เจ้านี่น้าาาา...ทำราวกับเด็กที่โดนมีดบาดแล้วจำฝังจิตฝังใจไม่มีผิด เอาเถอะ...เพท่อความสบายใจของเจ้า ข้าบอกได้ว่าคราวนี้เราไม่ได้ต้องควบม้าให้เร็วเพื่อดินทาง แต่เป็นการเดินธรรมดาที่ความเร็วไม่ต่างจากเราเดินเท้าปรกติ เพียงแค่ต้องมีม้าเพื่อประดับยศและใหง่ายต่อการตรวจสอบว่าเรามาจากสังกัดผู้ใดเท่านั้น เอาเป็นว่าข้ารั้งบังเหียนให้เจ้าเอง เจ้าแค่นังบนหลังม้าเฉยๆก็พอ "  ท่านผู้เฒ่าเสนอทางออกที่ดีที่สุดออกมาเบาๆ เพื่อไม่ให้เป็นที่จับพิรุธได้ ซึ่งถึงแม้ว่าจะยังไม่ดีพอสำหรับไกรแต่เขาก็รู้ดีว่าเวลาเช่นนี้ไม่มีทางเลือกมากนัก จึงได้แต่พยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะปีนขึ้นไปนั่งบนหลังม้าอย่างไม่มีทางเลือก ในขณะที่ท่านผู้เฒ่าก็ขึ้นม้าอีกตัว และดึงสายหนังบังเหียนม้าของไกรไว้ และเมื่อพร้อมแล้วเขาก็หันไปพยักหน้าให้กับพระเพชรพิไชย ในขณะที่พระเพชรพิไชยที่รอท่าอยู่แล้วก็พยักหน้ารับ พร้อมกับชักบังเหียน้าประจำตัวและขยับให้ม้าเดินนำไปทันที

 

      

      ...เขตพระราชฐานชั้นนอกที่เป็นชั้นแรกเป็นเหมือนศูนย์ราชการต่างๆ ที่ถึงจะเป็นเวลาเช้าตรู่แต่ก็เริ่มจะมีเหล่าข้าราชการเริ่มทยอยกันเข้ามาจากทางประตูกำแพงพระราชวังกันแล้ว ซึ่งแต่ละคนที่พวกเขาขี่ม้าผ่านไปก็หันมาและเอ่ยทักทายขุนนางอาวุโสอย่างพระเพชรพิไชยอย่างเคารพนับถือ พร้อมๆกับเหล่สายตามามองชายหนุ่มที่ไม่คุ้นหน้าสองคนที่ตามมาติดๆ แต่พวกเขาก็ยังมีมารยาทและเกรงใจทหารเฒ่าผู้เป็นคนนำหน้ามามากพอจะไม่กล้าถามอะไร ในขณะที่ท่านผู้เฒ่าเมื่อเห็นดังนั้นก็อดหัวเราะออกมาเบาๆไม่ได้

 

       " ฮ่าๆๆ ใครจะนึก...ว่าขุนนางตำแหน่งมหาดเล็กหนุ่มน้อยที่ไม่ประสีประสาที่ข้ารู้จักคนนึง จะมีศักดิ์มีอำนาจเป็นถึงเจ้ากรมจางวางทหารล้อมวัง ขุนนางอาวุโสผู้เป็นที่เคารพนับถือของเหล่าขุนนางอื่นเช่นนี้ "

 

       " อย่าแซวกันอย่างนี้สิขอรับ...โธ่... "  พระเพชรพิไชยหันมาครางเบาๆและพูดต่อ  " ถ้าหากพวกเขารู้ถึงยศศักดิ์ที่แท้จริงของท่าน คงจะขี้คร้านมาพินอบพิเทายิ่งกว่าอะไรดีเสียอีกล่ะท่านเอ้ย "

 

       " อย่างนั้นก็ถือว่าข้าโชคดีสินะ...ที่ชิงถอนตัวรอดจากปากเหยี่ยวปากกามาได้พอดี "

 

       " เฮ้อ...นี่ถ้าไม่ติดว่าท่านเป็นผู้ฝากฝังงานราชการี้ไว้ด้วยตนเอง ข้าก็อยากจะตัดช่องน้อยลาออกจากราชการไปกินบุญเก่าอยู่ที่บ้านเกิดเช่นกันแหละ...แต่ทำอย่างไรได้ คนเราโชคดีไม่เหมือนกัน...ว่าแต่ท่านเถอะ ท่านออกญา  ท่านพอจะทราบไหมว่าเหตุใดพ่ออยู่หัวทั้งสองพระองค์ถึงได้มีพระประสงค์จะพบท่านในช่วงเวลาเช้าเช่นนี้ "

 

         คำถามของอีกฝ่ายทำให้ท่านผู้เฒ่าขมวดคิ้วอย่างตรึกตรองไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่จะในที่สุดเขาจะหลับตาและส่ายหน้าช้าๆ

 

       " ไม่มีใครสามารถล่วงรู้พระทัยของพ่ออยู่หัวได้หรอก และข้าก็ไม่คิดจะเดาด้วย เพราะถึงอย่างไรเสียข้าสองคนก็จะได้รู้ในเวลาอีกไม่นานนี่แล้ว...ใช่ไหมล่ะ "  เขาพูดเบาๆ ก่อนจะพยักพเยิดไปที่กำแพงยาวสีขาวสะอาดที่กั้นระหว่างเขตพระราชฐานชั้นนอกและเขตพระราชฐานชั้นกลางที่ถูกรายล้อมเฝ้าระวังด้วยทหารล้อมวังระดับยศที่สูงกว่าชั้นนอกและตรวจตราอย่าแข็งขันกว่าเกือบเท่าตัวนึงเลยทีเดียว

 

       " เชิญเลยขอรับ ท่านออกญา ท่านไกร... "  เมื่อถึงหน้าประตูใหญ่สีแดงที่เป็นเส้นทางเชื่อมระหว่างเขตพระราชฐานชั้นนอกและชั้นกลาง พระเพชรพิไชยก็หยุดม้าลงและผายมือพร้อมกับเอ่ยยิ้ม ในขณะที่ไกรก็เลิกคิ้วให้กับท่าทีนั้นจนอดร้องถามขึ้นไม่ได้ทันที

 

       " จะไม่ตามเข้าไปด้วยกันหรือขอรับ ออกพระเพชรพิไชย? "

 

       " ข้าไม่ได้มีหน้าที่ หรือคำสั่งใดให้จำเป็นต้องเข้าไปน่ะ...เขตพระราชฐานน่ะ ใช่ว่าจะมียศมีศักดิ์นิดหน่อยก็จะเข้าไปได้นะ ท่านไกร...ต่อให้เป็นข้าที่รั้งตำแหน่งพระเพชรพิไชย เจ้ากรมทหารล้อมวัง ถ้าขืนทะเล่อทะล่าเข้าไปก็มีหวังได้ถูกฟันคอริบเรือนพอดีน่ะสิขอรับ "  ทหารเฒ่าหันมาอธิบายยิ้มๆ แต่ในขณะนั้นเอง พอท่านผู้เฒ่าทำท่าจะขยับม้าจะก้าวผ่านประตูเข้าไป เหล่าทหารที่ถือทวนและดั้ง(เกราะหนังสวมแขน) ในชุดสีน้ำเงินเข้ม ซึ่งต่างจากชุดทหารล้อมวังทั่วไปที่เป็นสีแดงก็พุ่งเข้ามาขวางม้าของเข้าไว้ จนอดีตออกญามีชื่อต้องเลิกคิ้วอย่างงงๆ

 

        " ข้าได้รับราชโองการโปรดเกล้าให้เข้าเฝ้าพ่ออยู่หัวโดยทันที...ช่วยเปิดทางด้วย "  ท่านผู้เฒ่าพูดขึ้นเรียบๆด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอำนาจ แต่ทหารเหล่านั้นก็ยังคงยืนนิ่งเป็นกำแพงเหล็กอยู่ พร้อมๆกับที่ชายหนุ่มที่แต่งตัวเหมือนกับเป็นหัวหน้าของทหารเหล่านี้จะก้าวออกมาพร้อมกับค้อมหัวและพูดขึ้นว่า

 

        " กระผมทราบดีขอรับ ท่านคือท่านเจ้าพระยาจักรีนอกราชการ และท่านที่อยู่ด้านหลังก็เป็นท่านไกร...พวกเราทราบถึงกำหนดการแล้วขอรับ "

 

        " ถ้าอย่างนั้น... "

 

        " ขออภัยอย่างยิ่งที่ต้องเสียมารยาทเช่นนี้ แต่พวกกระผมได้รับคำสั่งให้นำเสลี่ยงมารับท่านทั้งสอง...เพราะฉะนั้นได้โปรดทิ้งม้าไว้ที่นี่แล้วมากับเราด้วยเถอะขอรับ "  

 

          คำพูดของอีกฝ่ายทำให้ไกรถึงกับกระพริบตาปริบๆอย่างเริ่มตามไม่ทัน ในขณะที่ท่านผู้เฒ่าที่เจนสนามเกี่ยวกับเรื่องในรั้วในวังมากกว่าถึงกับต้องขมวดคิ้วทันที

 

         ไกรที่เมื่อสังเกตเห็นท่าทีของทหารเหล่านั้นและท่านผู้เฒ่าก็หันไปสบตากับพระเพชรพิไชยเป็นเชิงถาม ในขณะที่จอมทหารล้อมวังเฒ่าก็ส่ายหน้าช้าๆ

 

       " พวกนั้นไม่ใช่ทหารล้อมวังที่อยู่ในรับผิดชอบของข้า แต่เป็นเหล่าทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์น่ะ...แต่ว่านะ...เป็นคำสั่งที่แปลกผิดธรรมดาจริงๆนั่นแหละนะขอรับ "

 

       " แปลก...อย่างนั้นเหรอขอรับ? " 

 

         ชายหนุ่มทวนคำอย่างงงๆ แต่ก็ยังรีบลงจากหลังม้าทันทีอย่างรอโอกาสนี้มาตั้งนานแล้ว ถึงจะพึ่งอยู่บนหลังม้าตัวนี้ได้ไปถึง ๕ นาทีด้วยซ้ำก็ตามที ในขณะที่ท่านู้เฒ่าไม่ใช่คนที่ยอมทำตามคำสั่งแปลกๆนี้อย่างง่ายๆ เขาหันมาอธิบายเล็กน้อย ก่อนจะถามขึ้นห้วนๆอีกครั้งทันที

 

       " ...ปรกติแล้วเสลี่ยงคานหามในเขตราชฐานชั้นกลางจะเป็นสิทธิของพระบรมวงศานุวงศ์ที่ขึ้นสังกัดกรม ขุนนางระดับสูงขนาดจตุสดมภ์ขึ้นไป หรือไม่ก็เป็นระดับพระมหาราชครูเท่านั้น...หาใช่ของสำหรับอดีตขุนนางอย่างข้า หรือสามัญชนธรรมดาๆอย่างเจ้าน่ะไกร ...ส่วนพวกเจ้า...ใครเป็นผู้ออกคำสั่งนี้กัน? "

 

       " กระผมไม่สามารถบอกได้ขอรับ "  

 

       " ว่าอย่างไรนะ? "

 

       " ต้องขออภัยอย่างยิ่ง แต่กระผมไม่สามารถขอกได้จริงๆขอรับ " 

 

       " ดี...ตามใจเจ้า อย่างนั้นก็ไปกราบทูลกับพ่ออยู่หัวเอาเองล่ะกันนะ ว่าข้าถูกบังคับจนไม่อาจไปเข้าเฝ้าพระองค์ได้ "  ท่านผู้เฒ่าพูดเรียบๆพร้อมกับชักม้าและหันหลังกลับ จนหัวหน้าทหารมหาดเล็กคนนั้นถึงกับร้องเสียงหลงทันที

 

       " ข...เข้าใจแล้วขอรับ! ผู้ออกคำสั่งนี้คือพระเจ้าอุทุมพรขอรับ!! "

 

         ไกรขมวดคิ้วอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจนัก แต่ท่านผู้เฒ่าที่เหมือนจะรู้อะไรบางอย่างที่ไกรไม่รู้อยู่แล้วถึงกับทำหน้าเหยเก ก่อนจะเอามือตบหน้าผากตัวเองทันที

 

       " ให้นรกสาปสิ...เด็กนั่น...ทั้งๆที่ช่วยคิดหาวิธีให้นิวัติกลับราชสำนักได้โดยไม่เกิดเหตุนองเลือดแล้วแท้ๆ กลับมาแกล้งกันเช่นนี้...คิดจะให้ขุนนางอื่นๆเกลียดขี้หน้าข้าตั้งแต่แรกพบเลยรึอย่างไรกัน?! "

 

       " ถ้าอย่างนั้นท่านหันมาดูสภาพข้าในตอนนี้ให้ดีสิท่านออกญา! แล้วลองบอกข้าอีกทีซิว่าข้าสมควรจะเอาคืนท่านหรือไม่?! "

 

       " สมเด็จเจ้าฟ้าอุทุมพร?! "

 

     

 

 

 

..................................................

 

 

 

 

 

 

 

 

 

      

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.1 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา