ยุคันตวาต (ลมสิ้นยุค)
เขียนโดย PingJa
วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.49 น.
แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557 20.02 น. โดย เจ้าของนิยาย
19) ...ตอนที่ ๔...เลือกข้าง...(๓)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
================================================
เสียงดังออกมาจากปลายปากกระบอกปืนที่ควรจะดังสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มดินทลายจากปริมาณดินดำที่บรรจุอยู่ บัดนี้กลับดังออกมาเพียง ปุ้ง! เบาๆราวกับปืนแก๊ปเด็กเล่นเท่านั้น ทำเอาโคลัมบัสและออลเรลาน่าหันมามองหน้าไกรพร้อมกับฉีกยิ้มจนแก้มแทบปริ ในขณะที่ศกุนตลาและอนาสตาเซียที่ยืนอุดหูเตรียมตัวอยู่ถึงกับต้องหันไปมองหน้ากันอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
" ...ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง " ขนาดอีสาวมาดนิ่งเป็นน้ำแข็งสลักอย่างศกุนตลายังถึงกับต้องครางออกมาเบาๆกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในขณะที่อนาสตาเซียเดินเข้ามาตรวจสอบปืนทันที
" จะวาเจ้าใส่ดินดำน้อยเกินไปก็ไม่น่าจะใช่ ...ดินดำด้านรึเปล่า? "
" เฮ้ยๆ นี่จะบอกว่าไม่เชื่อใจสิ่งประดิษฐ์ของสองคนนี้เลยงั้นเหรอ? " ไกรอดหันไปเลิกคิ้วถามเบาๆไม่ได้
" เจ้ามาใหม่อาจจะยังไม่รู้นะแต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา สิ่งประดิษฐ์ที่สองคนนี้เรียกทำได้เพียงอย่างเดียวคือ ระเบิด นะ...เมื่อแรกข้าก็คิดว่ากระบอกโลหะนี่จะทำได้แค่ช่วยลดเสียงลงมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น...แต่นี่มัน...มันทำได้อย่างไรกัน?! "
' ถ้าให้อธิบายตามหลักวิทยาศาสตร์ของยุคปัจจุบันที่ฉันอยู่ งานนี้ก็มีหวังได้คุยกันข้ามวันข้ามคืนแน่น่ะสิ ...แต่คงเป็นเพราะยังไม่ได้ใส่กระสุน การระเบิดของคลื่น shockwave ของกระสุนที่มีความเร็วเหนือเสียงเลยไม่มี เสียงเลยไม่ดังเท่าที่คิด...ล่ะมั้งนะ? ' ไกรคิดในใจก่อนจะยักไหล่เบาๆ แต่เขาก็ต้องยอมรับว่ากล้องเก็บเสียงฝีมือของเด็กหนุ่มสองคนนี้ถูกสร้างออกมาได้อย่างปราณีตไร้ที่ติจริงๆ ขนาด ต่อให้ในยุคของเขาก็ใช่ว่าจะได้เห็นกล้องเก็บเสียงคุณภาพดีๆแบบนี้ได้บ่อยๆ...เพียงแต่...
ไกรเดินไปหยิบปืนกระบอกนั้นขึ้นมา ก่อนจะค่อยๆหมุนถอดกล้องเก็บเสียงที่ยังคงมีควันกรุ่นๆนั้นออก ทีแรกเขาสะดุ้งและซู้ดปากเบาๆจากความร้อนที่ยังอยู่บนกล้องเก็บเสียง แต่เขาก็ถอดมันออกมาจนได้ ชายหนุ่มยกกล้องขึ้นส่องกับแสงอาทิตย์ที่เริ่มสว่างมากขึ้นก่อนจะถอนหายใจเฮือกเมื่อเห็นสภาพของกระดาษที่มีลักษณะคล้ายกระดาษลังที่บุอยู่ภายใน เพราะตอนนี้กระดาษเหล่านั้นมันไหม้เกรียมจนเกือบจะเหี้ยนเลยทีเดียวจากการระเบิดของดินดำอันเป็นประจุเพลิงนั้น
" ถึงจะบอกว่าไร้ที่ติ แต่งานนี้ต้องบอกว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์แบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งเลยสินะ "
" หา? ว่าอย่างไรนะ?! " โคลัมบัสที่ได้ยินไกรพูดรีบเดินมาคว้า สุดยอดสิ่งประดิษฐ์ ชิ้นโบว์แดงของเขาไปดูทันที ก่อนจะร้องลั่นทันทีที่เห็นความเสียหายภายใน
" ฮ...เฮ้ย! นี่มันบ้าอะไรเนี่ย?! ช่วยกันทำมาทั้งคืนมาพังแค่การยิงครั้งเดียวเนี่ยนะ?!! "
" ไม่หรอก... " ในที่สุดศกุนตลาที่เงียบอึ้งอยู่นานก็พูดขึ้นเบาๆพร้อมกับหยิบกล้องเก็บเสียงที่พังไปเรียบร้อยแล้วนั้นขึ้นมาดูด้วยแววตาที่เกือบจะกลายเป็นแววตาชื่นชมอยู่รอมร่อแล้ว " สำหรับข้า แค่นัดเดียวก็ถือว่าจบงานแล้ว...พวกเจ้าทำได้ดีมาก...ดีมากๆเลย โคลัมบัส ออเรลลาน่า...รวมทั้งเจ้าด้วย ไกร...ข้าติดค้างคำขอโทษและคำขอบคุณแก่พวกเจ้าทั้งสามแล้ว "
" โหย...เจ้าสามคนรีบจดจำคำพูดนี้ให้มั่นเหมาะเลยนะ เพราะนอกจากเจ้าทั้งสามคนแล้ว ผู้เดียวที่เคยได้รับคำพูดแบบนี้ก็คือท่านผู้เฒ่าพ่อของข้าเท่านั้นและเนี่ย "
" ...ท่านอนาสตาเซีย " หญิงสาวปรายตามาปรามเพื่อนสาวผู้มีศักดิ์เหนือกว่าเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจเฮือกและหันไปพูดกับคู่แฝดนักประดิษฐ์ต่อ
" พวกเจ้าสามารถสร้างเจ้าสิ่งนี้...เอ่อ... "
" กล้องเก็บเสียงรุ่น ๒.๐ โดยท่านโคลัมบัสและเพื่อน!! " โคลัมบัสรีบพูดออกมาทันที แถมยังโมเมเคลมผลงานเป็นของตัวเองเสร็จสรรพจนแฝดคนน้องอย่างออเรลลาน่าต้องร้องออกมาทันที
" เฮ้ย! ประเดี๋ยวก่อนเลยๆ! ทำไมชื่อของมันถึงมีแค่ชื่อเจ้าเล่า! "
" ก็เพราะข้าเกิดก่อนเจ้า ๘ นาทีไงล่ะไอ้น้องชาย "
" ตีขลุมเอาเองสิไม่ว่า! เรื่องเจ้ากับข้าใครเกิดก่อนมันยังไม่ได้ข้อสรุปด้วยซ้ำ! ทำแบบนี้มันหยามกันชัดๆ "
' นี่ขนาดยังไม่ดังเลยนะเนี่ย...เตรียมหาเรื่องแยกวงกันซะแล้ว ' ไกรยืนคิดอย่างขำๆ ถึงเขาจะเป็นหนึ่งในผู้เสียประโยชน์ที่ถูกเอาเปรียบก็เถอะ
" นี่! ไว้ทะเลาะกันทีหลัง...ที่ข้าจะถามก็คือพวกเจ้าสองคนสามารถสร้างกล้องเก็บเสียงนี่ในปริมาณที่มาก...เอาเป็นว่าซัก ๘-๙ ชิ้นได้เร็วแค่ไหนกัน? "
โคลัมบัสกับออเรลลาน่าหันไปมองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนจะคำนวณอย่างคร่าวๆออกมาว่า
" ถ้าให้ข้าเริ่มงานทันทีชนิดที่ใจดำไม่ยอมให้ข้าได้นอนเอาแรงเลยล่ะก็ อย่างช้าก็ไม่เกิน ๔ ราตรีหรอกกระมั้ง? "
" อย่างนั้นจัดการเลย เอาให้เสร็จภายในเช้าของวันที่ ๔ นับจากนี้นะ "
" จ...ใจดำจริงๆด้วย... "
" พูดอะไรของเจ้า สิ่งประดิษฐ์ของเจ้าจะช่วยให้ข้าไม่ต้องเสี่ยงอันตรายกับการตามล่าอีกต่อไป...มันเป็นจุดประสงค์แรกที่เจ้าบอกกับข้าไม่ใชเหรอ? เจ้าน่าจะภูมิใจในเรื่องนี้นะ "
" ไอ้ภูมิใจก็ภูมิใจอยู่หรอก แต่เหตุใดพี่ต้องใช้มันในปริมาณที่เยอะและในเวลาที่เร่งปานนั้นด้วยเล่า " คู่แฝดยัังไม่วายบ่นเบาๆ ในขณะที่ศกุนตลายักไหล่ราวกับจะบอกว่าไม่ใช่ธุระของเธอพร้อมกับพูดเรียบๆ
" เผื่อเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดอย่างไร...อีกอย่าง...ข้าไม่ใช่คนชอบรอน่ะ "
" ก็แค่เด็กที่ไม่อยากรอที่จะเล่นของเล่นใหม่ไม่ใช่รึไง? " ไกรแอบหันไปกระซิบเบาๆกับอนาสตาเซีย ในขณะที่อนาสตาเซียยักไหล่พร้อมกับถอนหายใจเฮือก
" ...เจ้าลองพูดให้ดังกว่านี้อีกซํกนิดสิ "
" ข้าก็จะได้พูดประโยคนั้นเป็นประโยคสุดท้ายของชาตินี้น่ะสิ...เออ ยุดีนักนะ "
ก่อนที่พวกเขาจะได้ทันว่าอะไรต่อไป ที่พงหญ้าสูงด้านหลังพวกเขาก็ปรากฎเสียงซ่อกแซ่กที่เบาแสนเบา แต่สำหรับมือสังหารที่มีประสบการณ์โชกโชนอย่างอนาสตาเซียและศกุนตลาแล้ว เสียงที่ว่าก็ดังพอให้สองสาวหันขวับมาพร้อมกับตั้งท่าเตรียมพร้อมได้ในพริบตา...ก่อนที่พวกเธอสองคนจะถอนหายใจเฮือกเมื่อเจ้าของเสียงกู่ตะโกนออกมาเหมือนกับรู้ทัน
" วู้!! พวกเจ้าตรงนั้นน่ะ นี่ข้าเองนะ อุษา! รู้แล้วก็อย่ามีอะไรน่ากลัวๆ ยิงเข้ามาในนี้ล่ะ!! "
เสียงกู่เตือนที่ดังมาแต่ไกลของหญิงสาวผู้เป็นมือสังหารอีกคนนามว่า อุษา ทำให้หญิงสาวทั้งสองคนถอนหายใจเฮือกและลดท่าทางมุ่งร้ายลง...เพียงชั่วครู่เดียวหญิงสาวนามอุษาก็แหวกพงหญ้าสูงนั้นออกมา
" เจ้าทำให้พวกข้าเสียเส้น รู้ตัวรึเปล่าเนี่ย? ...โชคดีแค่ไหนที่ในมือข้าไม่มีอาวุธซัด กับ ศรพลายวาต ไม่ได้อยู่ในสภาพพร้อมยิง ไม่อย่างนั้นเจ้าได้หมดลมไปแล้ว! " อนาสตาเซียบ่นขึ้นทันทีที่เห็นอุษาเดินเข้ามาชัดๆ ในขณะที่อุษายิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างชอบอกชอบใจ
" อย่ามาขู่กันเสียให้ยากเลย ท่านกับศกุนตลาไม่ใช่คนขี้ขลาด...หรือประสาทเสียจนกระทั่งลงมือเพียงแค่ได้ยินเสียงอะไรแปลกๆเสียหน่อย...จริงไหม? "
" อย่าวางใจให้มากนักก็แล้วกัน หลายสิ่งก็ไม่ได้เป็นไปตามที่เจ้าคาดคะเนเสมอไปนักหรอก...เอ้า! มีกิจอันใดก็ว่ามา "
" ก็...ไม่มีอะไรสลักสำคัญหรอก...ข้าพึ่งเสร็จจากภารกิจที่แล้วและยังไม่ได้รับมอบหมายงานใหม่ ช่วงนี้เลยว่างๆไม่มีอะไรทำ...ได้ยินที่หมู่บ้านพูดกันว่าพวกเจ้ากำลังหาเรื่องระเบิดอะไรเล่นที่นี่ก็เลยตามมาดู...อย่างไร? ข้ายังมาทันใช่ไหม? เพราะยังไม่ได้ยินเสียงอะไรระเบิดเลย "
' นี่แปลว่าที่แล้วๆมา อย่างเดียวที่พวกนี้สร้างมาคือระเบิดจริงๆสินะ? ' ไกรอดคิดในใจอย่างขำๆไม่ได้ ในขณะที่คู่แฝดทั้งสองคนทำหน้าบูดบึ้งเพียงชั่วเสี้ยววินาทีก่อนจะยิ้มออกมาอย่างมีชัยพร้อมกับพูดขึ้น
" เสียใจด้วยนะพี่อุษา เพราะคราวนี้พวกเราทำสำเร็จแล้ว! "
" เห?! จริงๆหรือ? " อุษาเลิกคิ้วหันไปถามอนาสตาเซียและศกุนตลาอย่างไม่เชื่อเต็มที่ ในขณะที่ศกุนตลาได้แต่ถอนหายใจพร้อมกับพยักหน้ารับเบาๆ โดยที่อนาสตาเซียก็อดติงเบาๆไม่ได้
" นี่ถ้าไม่ได้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ที่สุดของไกร ก็คงจะยังได้มะงุมมะงาหรากันอีกนาน เผลอๆคงจะทำ ศรพลายวาต ของศกุนตลาแตกไปแล้ว "
" โธ่เอ้ย! ไม่เห็นจะต้องหักหน้ากันอย่างนี้เลย "
เมื่อเอ่ยถึงชื่อไกร อุษาก็เปลี่ยนสีหน้าของเธอทันที...หญิงสาวเผลอหันมาสบตากับไกรที่ยืนกอดอกอยู่ชั่วเสี้ยววินาทีอย่างไม่ได้ตั้งใจ ก่อนจะรีบสะบัดหน้าหนีโดยทำเหมือนว่าเขาไม่มีตัวตนอยู่ตรงนี้ แถมยังรีบยกผ้าคลุมไหล่ขึ้นมาปิดบังสัดส่วนที่เด่นชัดของเธออย่างรวดเร็วอีกด้วย
" แปลว่ายังจำฝังใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนสินะ? " อนาสตาเซียที่เห็นท่าทีของอีกฝ่ายถึงกับต้องเอ่ยแซวอย่างขำๆ ในขณะที่ผู้ถูกแซวหันขวับมาอย่างเอาเรื่อง
" หือ? เมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ? " ออเรลลาน่าหันไปเลิกคิ้วถามศกุนตลาอย่างงงๆ
" อ๋อ!...เรื่องไม่เป็นเรื่องน่ะ ก็แค่อุษา--- " ก่อนที่ศกุนตลาจะได้เริ่มต้นเล่า อุษาก็รีบกระโดดเข้ามาตะครุบปากของอีกฝ่ายไว้พร้อมกับแยกเขี้ยววับทันที
" เฮ้อ...ก็แค่หยอกเล่น ไม่น่าจะโกรธเคืองกันขนาดนี้เลยนี่ " ไกรหลับตาลงพร้อมกับถอนหายใจเฮือก แต่อีกฝ่ายหันขวับมาพร้อมกับท่าทีที่ประกาศชัดว่าตั้งป้อมเป็นศัตรูกับเขาเต็มที่
" จ...เจ้าน่ะเงียบไปเลย ไอ้ศัตรูของเหล่าสตรี!! "
" พรืด! " อนาสตาเซียถึงกับกลั้นเสียงหัวเราะของตัวเองไม่อยู่กับฉายาแปลกๆของไกรที่อีกฝ่ายตั้งให้ ในขณะที่ไกรถึงกับทำหน้าไม่ถูกกับสุดยอดฉายาที่เขาพึ่งได้รับจนเขาต้องโวยลั่น
" เฮ้ย! ประเดี๋ยวเลยๆ ไอ้ฉายาทุเรศๆแบบนั้นมันอะไรกัน?!! มันราวกับข้าไปขืนใจใครมาอย่างนั้นแหละ! "
" โหย!!! สุดยอด! นี่แสดงว่าก่อนมาเจอกับพวกเรา เจ้าไปร้อยพวงไว้ให้รึ่มแล้วสินะเนี่ย?!! ของพวกข้าเรียกเจ้าว่าอาจารย์ได้ไหม ท่านอาจารย์? "
" ไม่ได้เฟ้ย!! จะมานับถือข้าด้วยเรื่องบ้าบอพรรค์นี้เนี่ยนะ! ส่วนเจ้า! อุษา คืนนั้นเจ้าเป็นฝ่ายหยอกข้าก่อนนะ แถมข้าก็แค่จับมือเจ้า ไม่ได้ไปขืนใจเจ้าซะหน่อย!! "
" ถ้าคราวนั้นข้าสะบัดมือออกไม่ทันก็คงได้ถูกขืนใจจริงๆไปแล้วเหมือนกันแหละ! เจ้ากับท่านนาสตี้ฯก็ระวังตัวไว้ให้ดีเถอะ ชายคนนี้น่ากลัวกว่าที่เจ้าคะเน...เขาทำเจ้าน้ำตาตกได้ง่ายๆแน่ "
อนาสตาเซียหัวเราะเบาๆกับสีหน้าของไกร โชคดีสำหรับไกรอยู่บ้างที่เธอเหมือนจะไม่ค่อยเอานิยมนิยายกับคำพูดของอุษาเท่าไหร่ ในขณะที่ศกุนตลาถอนหายใจเฮือกพลางแกะมือของอุษาที่ปิดปากเธออยู่ออกพร้อมกับพูดเบาๆ
" ก็เข้าใจนะที่เจ้าหวังดี แต่เจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอก อุษา...ถ้าหากเจ้านี่ทำให้ข้าหรือท่านอนาสตาเซียน้ำตาตก ข้าจะทำให้เขาเลือดตกตามน้ำตาพวกข้าเอง! "
" เฮ้ยๆๆๆๆ ข้ารู้นะว่าเจ้าแค่ล้อเล่น แต่คราวหน้าคราวหลังช่วยปรับน้ำเสียงให้ฟังดูแล้วรู้เลยว่าล้อเล่นได้ไหม? "
" ถ้าเจ้าสบายใจจะคิดว่าเป็นการล้อเล่นก็ตามใจเจ้าก็แล้วกัน "
'
" ข...ข้าเข้าใจถูกใช่ไหม? นาสตี้? " น้ำเสียงของศกุนตลาทำเอาไกรต้องอดหันไปถามหญิงสาวข้างๆเบาๆไม่ได้ ในขณะที่อนาสตาเซียได้แต่หลับตาลงพร้อมกับนวดสันจมูกของตัวเองและตอบกลับมาอย่างเหนื่อยหน่าย
" ได้โปรด...อย่าถามข้าเลย... "
.....................................................
...หลังจากหมดเรื่องวุ่นๆเกี่ยวกับ กล้องเก็บเสียง รุ่น ๒.๐ โดยท่านโคลัมบัสและท่านออเรลลาน่า และ ไกร (ชื่อชั่วคราว) เมื่อพวกเขากลับมาถึงป้อมปราการ หรือที่ทุกคนเรียกว่าหมู่บ้าน ก็เป็นเวลาของอาหารเช้าพอดิบพอดี...
ไกรที่แยกกับหญิงสาวทั้งสามแล้วเพื่อมาหาของกินต้องเบิกตากว้างเล็กน้อยกับสำรับอาหารที่แม่ครัวชราที่โรงครัวจัดออกมาให้ เพราะนอกจากข้าวสวยซึ่งมีลักษณะนุ่มคล้ายข้าวหอมมะลิแต่เหนียวหนึบกว่าคล้ายกับข้าวเหนียว พร้อมกับแกงเผ็ดที่หอมเครื่องเทศเหมือนแกงชาววังแล้ว เมนูนี้ยังแถมกาแฟดำหอมกรุ่นกาใหญ่มาด้วยซึ่งมายังไงมันก็ไม่เข้ากันเลยซักนิด
" อ...เอ่อ... " เขาครางออกมาด้วยนำ้เสียงไม่แน่ใจ เรียกความสนใจจากแม่ครัวชราคนนั้นจนอีกฝ่ายที่กำลังจะเดินไปต้องหันกลับมามองอย่างงงๆ
" หืม? มีอะไรงั้นรึเจ้าคะ? ท่านไกร? "
' ท...ท่านไกรเนี่ยนะ? จ...จั๊กจี้หูพิลึก! ' เขาคิดในใจพร้อมกับถอนหายใจเล็กน้อยแล้วพูดต่อ " คือ...แล้ว...ช้อนของข้าล่ะ? "
" หา? ช้อน?? " คำขอของไกรยิ่งทำให้แม่ครัวชราคนนั้นงงเข้าไปใหญ่ แต่ก่อนที่เธอจะได้ทันว่าอะไร เสียงของชายคนหนึ่งก็ดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน
" เผื่อเจ้ายังไม่ทราบนะ ไกร...คนอโยธยาและคนแถบทั่วแผ่นดินสุุวรรณภูมินี่ไม่มีผู้ใดเขาใช้ช้อนเพื่อกินข้าวกันหรอก "
" ท่านผู้เฒ่า?? "
ไกรหันกลับไปพบกับชายหนุ่มผมขาวนามว่าท่านผู้เฒ่าที่ยืนยิ้มอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ ในขณะที่แม่ครัวชรารีบก้มหัวเคารพอีกฝ่ายทันที
" ท...ท่านผู้เฒ่าคะ "
" ไม่ต้องมีพิธีรีตองหรอก ปิ่น...เอาเถอะ ช่วยไปจัดสำรับคาวหวานแบบไกรนี่มาให้ข้าซักชุดเถอะ " ท่านผู้เฒ่าพูดพร้อมกับถือวิสาสะนั่งบนที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับไกร ในขณะที่แม่ครัวคนนั้นรีบห้ามทันที
" ท...ท่านผู้เฒ่าคะ ท่านไม่จำเป็นต้องมาถึงโรงครัวนี่ก็ได้นะคะ อีกประเดี๋ยวข้าก็จะให้เด็กนำไปส่งที่ห้องทำงานของท่านแล้ว "
" เฮ้อ...ก็บอกแล้วว่าไม่ต้องพิธีรีตองอะไร เอาเป็นว่าข้าขอเปลี่ยนบรรยากาศมานั่งเล่นที่นี่ก็แล้วกัน...ช่วยหน่อยนะปิ่น "
แม่เฒ่าคนครัวมองหน้าท่านผู้เฒ่าสลับกับมองหน้าไกรไปมา ๒-๓ ครั้งอย่างไม่แน่ใจ จนกระทั่งท่านผู้เฒ่าเอ่ยสำทับอีกครั้ง เธอจึงจำใจเดินกลับไปจัดสำรับอาหารใหม่อย่างช่วยไมได้
" นี่...แสดงว่าท่านกินข้าวที่ห้องทำงานมาตลอดเลยใช่ไหมเนี่ย? " ไกรอดถามขึ้นอย่างขำๆไม่ได้ ในขณะที่ท่านผู้เฒ่าได้แต่ถอนหายใจเฮือก
" ข้ารู้ ข้ออ้างของข้ามันฟังดูห่วยแตก แต่เอาเถอะ ตกลงว่าอย่างไร...จะไปอโยธยากับข้าหรือไม่? "
" ไปครับ "
" อ้าวเฮ้ย! ไฉนถึงได้ตกปากรับคำเร็วนักล่ะ? "
" อ้าว โธ่...ลองคิดตามดูสิ...จะมีคนในยุคข้าซักกี่คนที่จะมีโอกาสได้เห็นกรุงศรีอยุธยาตอนยังไม่--- " ไกรอ้าปากค้างไปวูบนึง ก่อนจะรีบพูดต่อทันทีเพื่อไม่ให้เป็นพิรุธ " ไม่เก่าขนาดนั้น "
" เก่าขนาดนั้น? ...เฮ้ย สมัยเจ้าอโยธยาเก่าขนาดไหนกันนี่? "
" ก็...เก่าพอดูเลยล่ะ " ไกรพูดเบาๆราวกับรำพึงกับตัวเองพร้อมกับดวงตาที่หม่นแสงลงเล็กน้อย แต่ก็มากพอจะทำให้ชายนามว่าท่านผู้เฒ่าสังเกตเห็นได้ แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ถามอะไร แม่ครัวชรานามว่าปิ่นก็ยกสำรับเข้ามาวางเสียก่อน แต่เมื่อเห็นสำรับของท่านผู้เฒ่า ไกรก็ได้แต่มองหน้าคุณแม่ครัวพร้อมกับถอนหายใจเฮือก
ถึงจะบอกว่าเป็นสำรับที่มีแค่ข้าวและแกง(บวกกับกาแฟ ๑ กา)เหมือนกัน แต่ปริมาณและเครื่องที่ใส่ในแกงนี่มันต่างกันกับของเขาชนิดลิบลับ ถึงจะบอกว่าเพราะอีกฝ่ายเป็นถึงท่านหัวหน้าหมู่บ้านแต่แบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยเหรอฟะเนี่ย?
" ขาดเหลือหรือต้องการสิ่งใดเพิ่มก็เรียกพวกข้าได้เลยนะเจ้าคะ ท่านผู้เฒ่า " แม่ครัวปิ่นหันไปกล่าวกับท่านผู้เฒ่าอย่างนอบน้อม และหันมายิ้มให้ไกรที่มองค้อนมาที่เธอนิดนึง ก่อนจะค้อมหัวเคารพอีกครั้งและถอยออกไป
" ไหนบอกว่าที่หมู่บ้านนี่ไม่มีเส้นสายไง? " ไกรอดเอ่ยแซวเบาๆไม่ได้ ในขณะที่ท่านผู้เฒ่าหัวเราะออกมาเบาๆ
" ข้าช่วยนางจากทัณฑ์ฟันคอน่ะ... "
" ช่วย? ถามจริงเถอะ ตลอดชีวิตนี่เคยได้มีเวลาหลับนอนบ้างไหมเนี่ย? เท่าที่ถามๆมานี่ส่วนใหญ่ก็ได้ท่านช่วยมาหมด "
" ฮ่าๆๆๆ คนสมัยเจ้านี่พูดจาเสียดสีได้แสบๆคันๆเหมือนเจ้าทุกคนรึเปล่าเนี่ย? ...เอาเถอะ ลองชิมดูซักคำสิ เห็นเป็นแค่แกงธรรมดาๆอย่างนี้ แต่ปิ่นก็เป็นถึงอดีตต้นห้องมือหนึ่งในวังเชียวนะ "
ไกรพยักหน้าเบาๆ แต่เมื่อหันกลับมาที่สำรับกับข้าว เขาก็ต้องเงอะงะอีกครั้งเพราะไม่รู้ว่าจะกินยังไง จนท่านผู้เฒ่าที่มองอยู่เริ่มกิน เขาจึงได้รู้ว่าคนสมัยนี้เขาจกข้าวกินด้วยมือเปล่า ส่วนแกงก็เป็นการหยิบชิ้นเนื้อกิน ก่อนจะเอาข้าวจิ้มน้ำแกงใส่ปากตามไปทีหลัง
' อ้อ...มิน่าล่ะ ข้าวสวยถึงได้เหนียวนัก แถมยังมีความร้อนแค่อุ่นๆ เพื่อให้หยิบติดมือกับติดน้ำแกงอย่างง่ายๆนี่เอง ' ไกรคิดในใจอย่างเข้าใจพร้อมกับเริ่มกินตาม...ต้องยอมรับว่าฝีมือแม่ครัวชราคนนี้ไม่เสียราคาที่ท่านผู้เฒ่าคุยจริงๆ...ชนิดที่ร้านอาหารที่ติดป้ายว่าอาหารชาววังในสมัยเขาทำอะไรไม่ได้เลยทีเดียว...แต่ชั่วเสี้ยววินาทีนึงเขาอดเอาอาหารตรงหน้าไปเปรียบเทียบกับกระต่ายย่างฝีมือศกุนตลาไม่ได้ จนเขาต้องหัวเราะออกมาเบาๆ
" หืม? อะไรงั้นรึ? "
" อ้อ...เปล่าๆ แค่ผมนึกถึงอาหารที่ศกุนตลาทำให้กินน่ะ เพราะมันสูสีกับแกงนี่เลย...พูดถึงศกุนตลา ท่านไปเก็บเธอมาจากไหนงั้นรึ? "
ท่านผู้เฒ่าเอียงคอยักไหล่พร้อมกับพุ้ยข้าวใส่ปากต่อ ก่อนจะกลืนลงคอและถอนหายใจเฮือก พร้อมกับตอบคำถามเขาเบาๆ
" ศกุนตลาน่ะจริงๆแล้วพิเศษกว่ามือสังหารหรือชาวหมู่บ้านฯทุกคนเล็กน้อยน่ะ นางค่อนข้างจะจริงจังมากเรื่องที่ข้าไปช่วยนางไว้ที่พุกาม...จะว่าไปนางก็เป็นที่จงรักภักดีต่อข้าที่สุด...ดีไม่ดีอาจจะมากกว่าลูกข้าด้วยซ้ำกระมัง "
" ช่วย?...อีกแล้วเหรอ?! นี่ท่านแบ่งภาคไปช่วยคนไปทั่วเลยรึไงเนี่ย?...แล้วที่ช่วยศกุนตลานี่หมายความว่าไง? ช่วยชีวิตเจ้าหล่อนจากการโดนโทษประหารอีกแล้วงั้นเหรอ? "
" เปล่า... " คราวนี้ท่านผู้เฒ่าครางออกมาเบาๆพร้อมกับฝืนหัวเราะแกนๆ " ข้าช่วยหยุดไม่ให้นางฆ่าคนที่หมู่บ้านนางจนหมดต่างหากล่ะ "
" หา??!!!!! "
ไกรถึงกับอ้าปากค้างกับคำตอบของท่านผู้เฒ่า ที่ดูยังไงก็ไม่ได้โกหกแน่ๆ ในขณะที่ท่านผู้เฒ่ายักไหล่พร้อมกับดื่มกาแฟที่รินออกมาจากกาของเขาเข้าไปอึกใหญ่
" เจ้าถามเองนะ...เอ้า! รีบกินเสีย ประเดี๋ยวไปกับข้า "
" หือ? ไปไหนอีกล่ะ... " ไกรถามพลางรินกาแฟขึ้นดื่มบ้าง แต่พอจิบไปได้อึกเดียวเขาก็ต้องพ่นพรวดออกมาจนผู้เฒ่าแทบหลบไม่ทัน เพราะกาแฟแตะลิ้นเขามันขมยิ่งกว่าบอระเพ็ดเสียอีก
" เหวอ! ส...สกปรกสิ้นดี!! เจ้าทำอะไรของเจ้าเนี่ย! นี่มันเมล็ดกาแฟชั้นหนึ่งที่ข้าสั่งมาจากอีสตันบูลเชียวนะ! "
" ล...แล้วไหงถึงได้ขมขนาดนี้เล่า! ทำไมไม่ใส่น้ำตาลลงไปซักนิด ไม่สิ! ขมระดับนี้ใส่น้ำตาลเป็นถ้วยก็เอาไม่อยู่ด้วยซ้ำ! "
" ว่าอย่างไรนะ? จ...เจ้ากำลังจะบอกว่าในยุคเจ้าดื่มกาแฟใส่น้ำตาลงั้นรึ?! " ท่านผู้เฒ่าร้องถามพร้อมกับทำตาโตเท่าไข่ห่าน ในขณะที่ไกรรีบดื่มน้ำล้างคอพร้อมกับพยักหน้ารับเบาๆ
" ถ้าจะให้ดีแบบครบชุดต้องใส่นม หรือครีมต่อด้วยซ้ำ! "
คำตอบของไกรทำเอาท่านผู้เฒ่าทำหน้าผะอืดผะอมราวกับจะอ้วกทันที
" กินกาแฟใส่น้ำตาลกับนม...ว...แหวะ! กินเข้าไปได้อย่างไร? เสียของสิ้นดี!! "
" เรื่องกาแฟน่ะช่างมันเถอะ ว่าแต่ท่านจะพาข้าไปไหนล่ะ? " ไกรเช็ดปากพร้อมกับถามเบาๆ เพราะฤทธิ์กาแฟขมปี๋นั่นทำให้เขาอิ่มไปโดยปริยายทันที ในขณะที่ท่านผู้เฒ่าหัวเราะหึๆ
" ก็ในเมื่อถึงเวลานี้เจ้ายังไม่มีศาสตราวุธประจำกายเลยไม่ใช่รึไง?...ประเดี๋ยวก็ต้องไปอโยธยากับข้าอีก "
" อ่าฮะ...แล้ว? "
" ...จงดีใจไว้ซะเถอะ...ข้าจะพาเจ้าไปพบกับช่างทำอาวุธที่เก่งที่สุดในหมู่บ้านยุคันตวาตเอง "
.....................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ