ยุคันตวาต (ลมสิ้นยุค)

9.4

เขียนโดย PingJa

วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.49 น.

  152 ตอน
  11 วิจารณ์
  129.75K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557 20.02 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

122)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

===============================================

 

 

 

     ...กลางดึกในวันเดียวกันนั้นเอง...เขตพระราชฐานชั้นใน...

 

     ...สำหรับหน้าที่ของจ่าโขลนพิเศษแห่งหน่วยคเณศร์เสียงา ต้องยอมรับว่าหน้าที่ของอนาสตาเซียนั้นดูเหมือนจะหนักหนาและมีความสำคัญมากกว่าหัวหน้าหน่วยคเณศร์เสียงาที่เป็นหน่วยลอยลมอย่าไกรเองเสียอีก เพราะในทุกๆคืน เธอมีเวรที่ได้รับมอบหมายมาจากทั้งทานผู้เฒ่าและสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้าพินทวดีโดยตรง ให้มากำกับดูแลเหล่าจ่าโขลนทั้งที่สาวและที่ไม่ค่อยจะสาวเท่าไหร่แล้วในการอารักขากำแพงพระราชฐานชั้นในทั้งหมด ถึงแม้ว่าตามลำดับชั้นแล้วอนาสตาเซียจะมีลำดับชั้นในกองจ่าโขลนต่ำกว่าคุณท้าวศรีสัจจาผู้เป็นหัวหน้ากองจ่าโขลนและคุณท้าวผู้เฝ้าประตูเขตราชฐานทั้งสี่ แต่ด้วยวีรกรรมที่ผ่านมาทำให้นอกจากคุณท้าวศรีสัจจาแล้ว คุณท้าวคนอื่นๆต่างก็ให้ความเกรงใจเธอโดยไม่สนความจริงที่ว่าการไต่เต้าของหญิงสาวขึ้นพรวดพราดแบบแปลกๆ กับวัยวุฒิและสายเลือดฝรั่งมังค่าของเธออีกต่อไป 

 

        เป็นหน้าที่ที่เริ่มคุ้นชินเสียแล้วที่หลังจากที่เข้ามาในเขตพระราชฐาน เธอก็ต้องเปลี่ยนเครื่องแต่งกายกลายเป็นชุดของคุณท้าวระดับสูง แต่ก็ยังพกดาบเซเบอร์สีเงินวาวประจำกายอยู่ตลอดซึ่งเป็นสิทธิพิเศษอย่างหนึ่งของเธอ ก่อนจะทำหน้าที่ประจำด้วยการเดินตรวจตามเวรยามที่ยืนอยู่ที่ประตูกำแพงทั้งสี่...ถึงจะบอกว่าเป็นเขตพระราชฐานชั้นในแต่อาณาเขตก็ไม่ใช่น้อยๆ ดังนั้นกว่าจะเดินตรวจครบทั้งสี่ประตูก็ใช้เวลาปาเข้าไปไม่ใช่น้อยๆทีเดียว

 

        หลังจากการเดินตรวจตราอันเป็นหน้าที่เสร็จสิ้นลง อนาสตาเซียก็มีหน้าที่ประจำคือต้องไปทำการอารักขาเขตตำหนักของเจ้าหญิงองค์สำคัญที่เป็นผู้ที่ครอบครองพลังของ บุตรีแห่งสุรีย์แสง อย่างเจ้าหญิงสิริจันทรต่อตามคำสั่งของทุกๆคน เพราะถึงแม้จะบอกว่าบรรลัยกัลป์ยอมรามือและสงบศึกแล้วแต่นั่นก็เป็นคำพูดลอยลมยัยจารสตรีที่ตู่เอาเองเพียงคนเดียวที่อาจจะถูกตลบหลังเมื่อไหร่ก็ได้ ความรอบคอบที่เกือบจะเข้าขั้นหวาดระแวงที่ถูกพร่ำสอนมาตั้งแต่เด็กทำให้เธอเข้าใจความจริงข้อนี้เป็นอย่างดี...นั่นทำให้เธอเลือกที่จะพักค้างอ้างแรมที่นี่ยันออกเวรเลย 

 

      ...ผิดแต่ว่าคืนนี้มีเรื่องที่ต่างออกไปจากปรกติเล็กน้อย...

 

      " ปรกติแล้วเจ้าเป็นคนที่หูดีจนแม้แต่ไอ้สิงห์ต้องเอ่ยปากชม...การเข้าใกล้เจ้าในระยะขนาดนี้โดยที่เจ้าไม่รู้ตัวนั้นเรียกว่าเป็นไปไม่ได้เลย...แปลกนะ "

 

        กึก!

 

      " แต่ว่า...เจ้านี่หลบหน้าเก่งจนข้าอดทึ่งไม่ได้จริงๆนะ อนาสตาเซีย "  

 

        เสียงทุ้มลึกของชายหนุ่มผู้จับพลัดจับผลูไปเสียทุกเรื่องอย่างไกรที่อยู่ๆก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทำให้จ่าโขลนสาวชาวตะวันตกที่เดินทอดน่องอย่างเหม่อลอยชะงักกึก สัญชาตญาณระวังภัยทำให้เธอเอื้อมมือไปแตะด้ามดาบ แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเสียงนั่นเป็นเสียงของไกร ดาบนาคราชจึงไม่ได้ถูกชักออกมา

 

      " ข้าไม่ได้หลบหน้าเจ้า "  อนาสตาเซียตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ก็ยังไม่หันหลังกลับมามองไกร จนไกรที่ยืนกอดอกอยู่ทางด้านหลังถึงกับต้องโคลงหัว ก่อนจะพูดเบาๆว่า

 

      " ความจริงแล้วข้าก็ไม่ได้โกรธเจ้าหรอกนะ ไอ้เรื่องที่เจ้าเล่นเอาดาบแทงข้าจนหน้าอกเกือบเป็นรู เพราะไอ้เรื่องเจ็บตัวน่ะข้าเริ่มชินแล้ว แต่ว่า...ข้าเพียงแค่สงสัยเฉยๆน่ะ "

 

      " ... "

 

      " ข้าอดสงสัยไม่ได้นะ ข้าไปทำอะไรให้เจ้าโกรธถึงขนาดนั้นเชียวอย่างนั้นเหรอ? "

 

        อนาสตาเซียยังคงนิ่งไปอีกสักพัก ก่อนที่ในที่สุดเธอจะถอนหายใจออกมาและหันร่างบางกลับมาเผชิญหน้ากับไกรอย่างช้าๆ แต่ก็ทำเอาไกรชะงักกึกไปอีกครั้ง

 

        ดวงหน้าของอนาสตาเซียในเวลานี้มันต่างจากปรกติที่ไกรเคยเห็นอย่างชินตาเล็กน้อย อาจจะเป็นเพราะแสงจากไต้ที่จุดอยู่โดยรอบหรือบรรยากาศที่ค่อนข้างเย็นตามฤดูกาล ทำให้หญิงสาวสวยคมและดูเป็นผู้ใหญ่ที่มีเสน่ห์ขึ้นกว่าเดิม...ดวงตาสีฟ้าจรัสที่หรุบต่ำส่องประกายแววเศร้าสร้อยอยู่ ๒ ส่วน ในขณะที่ๆเหลืออีก ๘ ส่วนช่วยขับดวงหน้าของเธอให้สวยซึ้งขึ้นจนไกรต้องมองตาค้าง

 

      " ไกร...ขอโทษนะที่ข้าให้เจ้ากังวล แต่ว่า ข้าไม่ได้โกรธเจ้าหรอก...ข้าเพียง...กลัวว่าเจ้าจะโกรธข้าต่างหากล่ะ "

 

      " โกรธ? "  ไกรเลิกคิ้วอย่างงงๆ  " คือ ก็อาจจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่ข้าก็บอกแล้วว่าข้าไม่ได้โกรธเจ้าหรอกที่เจ้าเล่นเอาดาบแทงข้าน่ะ "

 

      " ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก "

 

      " เอ๋? "

 

        อนาสตาเซียขยับเข้ามาใกล้โดยไม่พูดอะไรจนไกรต้องขยับถอยห่างออกไปเล็กน้อยอย่างระวังตัวเพราะถึงจะบอกว่าไม่โกรธแต่ไอ้ความระแวงมันอีกเรื่องนึง ยิ่งกับอีกฝ่ายที่ผีเข้าผีออกอยู่ยิ่งต้องน่าระแวงเป็นพิเศษ แต่หญิงสาวกลับยกนิ้วโป้งเรียวงามของเธอที่สวมไว้ด้วยแหวนทองคำขาวประดับมรกตของไกรขึ้นมาให้ไกรเห็นอย่างช้าๆ

 

      " นั่นมัน? "  ไกรขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างสงสัย ก่อนที่เขาจะลืมตาโพลงขึ้นเมื่อสังเกตเห็นความผิดปรกติที่หญิงสาวต้องการจะสื่อ

 

        ที่หัวแหวนซึ่งเป็นมรกตน้ำงามไร้รอยตำหนิที่สลักเป็นรูปตราประจำหมู่บ้านยุคันตวาต เวลานี้กลับมีรอยแตกร้าวอย่างน่ากลัวที่แทบจะแบ่งมรกตออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย นั่นทำให้ไกรถึงกับต้องร้องออกมาอย่างตกใจทันที

 

      " นาสตี้! นี่เจ้า!! "  ไกรร้องออกมาด้วยน้ำเสียงที่เกือบจะเข้าขั้นตวาดอยู่รอมร่อ ซึ่งก็โทษเขาไม่ได้...เขาไม่ได้โกรธเพราะอีกฝ่ายทำให้แหวนราคาแพงนี้มีตำหนิ เพราะสำหรับเขาแล้วราคาไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่แหวนวงนี้เป็นสิ่งเดียวที่คอยระลึกเตือนเขาว่าเขาไม่ใช่คนในโลกยุคนี้ แต่เป็นโลกที่อยู่ในอนาคตอีกหลายร้อยปีข้างหน้า เป็นมรดกเกียวที่เขาเป็นผู้รับจากมือผู้เป็นบิดาของเขา...ทั้งยังเป็นสถานที่สถิตของเทพีสาวผู้เคยช่วยให้เขารอดชีวิตมาได้อย่างปาฎิหาริย์อย่างอรัญญิกาเทวี การเห็นแหวนอยู่ในสภาพเกือบจะพังอยู่รอมร่อทำให้ไกรใจหายวูบจนแทบจะหยุดเต้นเลยทีเดียว

 

      " ในคืนที่ข้าทำร้ายเจ้าข้าไม่ได้ทำด้วยเจตจำนงค์ของข้าเอง แต่เป็นเพราะการร้องขอของท่านอรัญญิกาเทวี "  แต่คำพูดด้วยน้ำเสียงที่เริ่มสั่นเครือของอนาสตาเซียทำให้เขาชะงักกึก ลืมความโกรธไปชั่วขณะ พร้อมกับที่เขาถามกลับมาห้วนๆว่า

 

      " ท่านอรัญญิกาเหรอ? หมายความว่าไงกัน? "

 

      " ท...ท่านอรัญญิกา เชื่อว่าเจ้า...มีบางอย่างที่สิงห์สถิตแอบซ่อนอยู่ภายในกายของเจ้า...อะไรบางอย่างที่ทรงพลังเกินกว่าที่จะถูกตรวจจับได้ด้วยการสังเกตอย่างธรรมดาสามัญ "

 

      " เลยเล่นแทงข้าพรวดเข้ามาโดยไม่บอกไม่กล่าวเลยเนี่ยนะ "  

 

      " น...ไหนบอกว่าไม่โกรธอย่างไรล่ะ "

 

      " อ...เออๆ "  ไกรเกาหัวแกรกๆ เพราะเห็นหยาดน้ำตาที่เริ่มรื้นๆขึ้นมาในดวงตากลมโตของอีกฝ่าย ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาแพ้ทางที่สุดจึงได้แต่ยอมๆไป  " ถ้างั้นช่วยเรียกยัยท่านเทพจอมจุ้นนั่นมาหน่อยสิ เอาเป็นว่าข้าจะขอถามท่านเอง "

 

      " ไม่ได้... "

 

      " หา? "

 

      " หลังจาก...หลังจากที่ข้าแทงศาสตราเข้าไปในกายของเจ้า ท่านอรัญญิกาก็อาศัยจังหวะนั้นแทรกเข้าไปในกายของเจ้าเพื่อที่จะสำรวจว่าตกลงแล้วเจ้าถูกอะไรสิงสู่กันแน่ "

 

      ' เฮ้ย! นี่มันละเมิดสิทธิส่วนบุคคลขั้นรุนแรงแล้วนะเฟ้ย! '  ไกรเกือบจะเผลอตบมุกออกมา แต่ก็ยังห้ามปากทัน เพราะบรรยากาศตอนนี้เองก็ไม่เอื้อให้ตบมุกอะไรด้วย ซึ่งอนาสตาเซียก็พูดต่อว่า

 

      " ...แต่ว่า...แต่ว่าระหว่างที่ข้ากำลังทำแผลให้เจ้า ย...อยู่ๆ หัวแหวนก็แตกออก และ...และ และข้าก็ไม่ได้ยินหรือพบเห็นท่านอรัญญิกาเทวีอีกเลย จนถึงบัดนี้ "

 

      " ม...ไม่จริงน่า "  ไกรครางออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพราะถึงจะมีอะไรแปลกๆแต่อีกฝ่ายก็คือเทพ เป็นเทพีที่อยู่ในระดับที่สูงกว่ารุกขเทพแต่อยู่ในระดับเดียวกับอากาศเทพ เธอมีฤทธิ์สูงกว่าจะถูกทำลายได้แน่นอน แต่นี่...

 

      " ข...ข้ากลัว ไกร...ข้ากลัวว่าเจ้าจะโกรธและโทษข้าที่เป็นปฐมเหตุ...ข้าน่ะ ข้าน่ะ "  อนาสตาเซียโผเข้ามากอดไกรไว้จนแน่นอย่างที่เธอไม่เคยทำมาก่อน ทำให้ไกรร้อง อ๊ะ! อย่างตกใจ แต่ร่างบางที่สั่นสะท้านและเสียงสะอื้นทำให้ไกรไม่สามารถจะลักเธอให้ออกห่างไปได้ และลึกๆแล้วสัมผัสในหลายๆส่วนที่แนบชิดกับกายของเขาก็ทำให้เขาไม่ค่อยอยากจะขัดขืนอะไรด้วย...แต่เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงน้ำตาอุ่นๆที่ซึมชื้นผ่านเสื้อแพรบางๆของเขาเข้ามา นั่นทำให้ชายหนุ่มลืมเรื่องอื่นไปเสียหมดสิ้นทันที

 

      " จ...ใจเย็นๆนะ นาสตี้ ข ข้าไม่ได้โทษเจ้า ข้าไม่โทษเจ้าเลย เพราะงั้นใจเย็นๆก่อนนะ "  ไกรละล่ำละลักบอกอย่างไปไม่เป็นเมื่อเจอเข้ากับน้ำตาของผู้หญิงเช่นนี้ ในขณะที่เมื่อได้ยิน อนาสตาเซียก็เงยหน้าที่เวลานี้ดวงตายังคงเป็นประกายและคลอหน่วงไปด้วยหยาดน้ำตาใสราวกับหยาดอัญมณีอันประเมินค่าไม่ได้ทำให้หัวใจของไกรเต้นไม่เป็นส่ำอีกครั้ง ในขณะที่หญิงสาวในอ้อมกอดของเขาพูดพลางยังคงสะอื้นเบาๆว่า

 

      " จ...จริงนะ ฮึก เจ้าไม่โกรธข้าจริงๆนะ "

 

      " อ...อืม ข้าไม่โกรธเจ้าหรอก ข้าไม่มีวันโกรธเจ้าแน่นอน ข้าสัญญาเลย! "  ไกรรีบรับคำอย่างขึงขังพลางใช้มือลูบหลังของอีกฝ่ายเพื่อปลอบประโลมเธอให้ใจเย็นลง ในขณะที่เมื่อได้ยิน เธอก็ยิ้มหวานพร้อมกับซุกหน้าลงกับแผงอกหนาของไกรอีกครั้ง

 

      " ดีจริง เจ้าช่างเป็นบุรุษที่น่านับถือจริงๆ "  

 

        ลมหายใจอุ่นๆและกลิ่นหอมประจำกายของหญิงสาวทำให้เลือดในกายของไกรร้อนฉ่าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในขณะที่อากาศที่หนาวเย็นตามฤดูกาลทำให้ร่างบางของอนาสตาเซียและไกรอุ่นขึ้น...อุ่น จนกระทั่งแทบจะหลอมละลายไปด้วยกัน

 

      " ไกร...สำหรับข้าแล้ว...เจ้าน่ะนะ ...ความรู้สึกของข้า กับเจ้านั้น...ข้า... "

 

         ไกรหลับตาลงอย่างช้าๆ เพื่อเตรียมรับความรู้สึกที่มากับลมหายใจอุ่นๆของหญิงสาวที่กำลังเข้าใกล้ใบหน้าของเขา อากาศเย็นๆในฤดูหนาวและบรรยากาศที่อยู่ท่ามกลางแสงไต้และดวงดาวมันช่างเป็นใจเกินกว่าที่เขาจะหลีกหนีได้อีกต่อไปแล้ว

 

     " ไม่น้าาาาา! "

 

        ผัวะ! 

 

        เพียงเสี้ยววินาทีเดียวจากสัมผัสของลมหายใจอุ่นๆก็ถูกสัมผัสของหมัดอุ่นๆที่พุ่งตรงลอดซี่โครงเข้ามาทิ่มปอดของเขาเต็มๆกลบไปเสียสิ้น พร้อมๆกับที่อนาสตาเซียจะกรีดร้องออกมาสุดเสียงพร้อมกับจับไกรทุ่มหวือข้ามหัวไปด้วยแรงผิดมนุษย์จนไกรพุ่งลงไปกองอยู่กับพื้นทางเดิน จุกเสียดเพราะซี่โครงและปอดถูกกระแทกจนไม่อาจจะตอบโต้อะไรได้ทันที

 

      " ท...ท่านอรัญญิกา! ถ้าหาก...ถ้าหากท่านยังอยู่ก็ช่วยบอกกันล่วงหน้า ล...แล้วเลิกเข้าควบคุมร่างของข้าตามใจชอบเสียทีสิเจ้าคะ!! "  อนาสตาเซียที่เวลานี้ดูเหมือนกับเสียงสูงขึ้นเล็กน้อยกรีดร้องออกมาอย่างโมโหสุดขีด แต่แล้วเธอก็สะบัดหน้าและกลายเป็นอีกเสียงหนึ่งที่ตอบกลับกับตัวเองเบาๆว่า

 

      " โธ่เอ้ย ยัยหนูเอ้ย เกือบจะได้เรื่องอยู่แล้วเชียว แบบนี้ความสัมพันธ์ก็ไม่คืบหน้าซะทีน่ะสิ "

 

      " ม...ไม่มีความสัมพันธ์อะไรระหว่างเขากับข้าให้คืบหน้าทั้งนั้นแหละ! "

 

      " เห? จริงเหรอจ๊ะ "

 

      " น...หนวกหูน่า ออกไปจากหัวของข้าซะที!! "

 

      " น...นาสตี้? "  ในที่สุด ไกรก็อ้าปากพร้อมกับเอ่ยออกมาได้อย่างยากลำบาก เพราะยังไม่หายจากอาการจุกดี ในขณะที่อนาสตาเซีย หรืออย่างน้อยก็ร่างกายของเธอหันขวับมาพร้อมยิ้มให้อย่างเจ้าเล่ห์ทันที

 

      " บู่ๆ ผิดแล้ว แต่เป็นเทพีสาวผู้ทรงเสน่ห์ต่างหากละจ๊ะ "

 

      " ท...ท่านอรัญญิกา? "

 

      " อ...ออกไปจากร่างข้าเสียทีสิ!! "  ในที่สุดอนาสตาเซียก็กรีดร้องอีกครั้งพร้อมกับผลักดันวิญญาณเทพที่ทำตัวเหมือนวิญญาณเถื่อนออกไปจากร่างได้ ก่อนจะก้มลงหอบหายใจอย่างเหนื่อยๆราวกับพึ่งออกกำลังอย่างหนักมาไม่ผิด ในขณะที่แหวนทองคำขาวหัวมรกตที่แทบจะแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยของไกรที่อยู่บนนิ้วโป้งของอนาสตาเซียจะสองสว่างวาบพร้อมกับที่ร่างที่เป็นเหมือนหมอกควันของเทพีสาวนามว่าอรัญญิกาเทวีจะค่อยๆปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ

 

     " โธ่เอ้ย! ถ้ายังอยู่ก็น่าจะบอกกันบ้าง แล้วอย่าหยอกข้าเล่นเช่นนี้สิ ท่านอรัญ--- "

 

        โดยไม่สนใจไกรที่ยังไม่อาจจะพูดอะไรได้ อนาสตาเซียก็บ่นออกมาอย่างหงุดหงิดพร้อมกับส่ายหน้าและคิดจะบ่นต่อ แต่พอเห็นร่างที่เริ่มรวมเป็นรูปเป็นร่างของเทพีสาวเท่านั้น ทั้งไกรและอนาสตาเซียก็ถึงกับต้องเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง อนาสตาเซียตะลึงจนลืมอารมณ์โมโห ในขณะที่ไกรถึงกับตะลึงจนแทบจะลืมอาการจุกเสียดที่ยังคงหลอกหลอนเขาอยู่ไปจนหมดสิ้น

 

        ร่างของเทพีสาวที่มีระดับความบริสุทธิ์ของวิญญาณที่อยู่ในระดับเทพชั้นสูงระดับอากาศเทพที่ตลอดเวลาสามารถปรากฏกายออกมาได้อย่างแนบเนียนราวกับสามารถจับต้องได้จริงๆ เวลานี้กลับสามารถปรากฏได้เพียงเลือนลางไม่ต่างอะไรกับวิญญาณที่อ่อนแรง แถมทั้งร่างกายก็ยังเว้าแหว่งไปหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นส่วนแขนข้างนึงที่หายไปถึงไหล่ เอวและต้นขาที่สั่นบางๆราวกับจะสามารถหายไปได้ทุกเมื่อ และที่แย่ที่สุดคือส่วนหน้าสวยๆของเธอที่เวลานี้ ๑ ใน ๔ รวมถึงตาซ้ายหายไปอย่างสิ้นเชิงจนราวกับเป็นวิญญาณร้ายในหนังสยองขวัญไม่มีผิด แม้ว่าดวงตาที่เหลืออยู่อีกข้างกับริมฝีปากอวบอิ่มก็ยังคงยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดีเช่นเดิมก็ตามที

 

      " ท่านอรัญญิกา?! เกิดอะไรขึ้นกับร่างของท่านกันครับเนี่ย?! "  ไกรร้องออกมาทันทีที่เทพีสาวหลิ่วตามาให้ ในขณะที่อรัญญิกาเทวียิ้มอย่างซุกซนพร้อมกับยกมือข้างที่ยังไม่แหว่งหายไปขึ้นมาทำเป็นสัญลักษณ์ V-sign พร้อมกับตอบกลับมาเบาๆว่า

 

      " คุๆ ผลของความภาคภูมิใจในสกิลการสอดรู้สอดเห็นไงล่ะ "

 

      " ... "

 

      " คุๆๆๆ ทำหน้าอย่างนี้แปลว่าไม่เชื่อสินะ "

 

      " เอ่อ ไม่ครับ ผมแค่อึ้งกับการแอ๊บเด็กหัวเราะ คุๆๆ นี่แหละครับ คือมันไม่เข้ากับคาแรคเตอร์ป้าแก่เจ้าเล่ห์อย่างท่านเท่าไหร่นัก --แอ๊ก! "  ไกรพูดยังไม่ทันจบอนาสตาเซียก็ชกพรวดเข้าที่ชายโครงอีกด้านนึงของไกรจนไกรทรุดลงไปกองกับพื้นอีกรอบ

 

      " อ๊ะ! ข้าเปล่านะ มือมัน--- "  อนาสตาเซียที่ยังคงกำหมัดแน่นเลิกคิ้วพร้อมกับแก้ตัวอย่างตกใจ และก็ไม่ต้องเดาว่าใครเป็นคนทำเพราะคนเดียวที่ควบคุมร่างกายเธอได้ราวกับตุ๊กตาชักรอกก็คืออรัญญิกาเทวีนั่นเอง

 

      " หนอย ไอ้เด็กนี่! ผีเจาะปากมาพูดจริงๆ แล้วคิดว่าข้าในสภาพนี้มีเวลาเล่นมากนักรึไง? "  อรัญญิกาเทวีต่อว่าต่อขานอย่างจริงจังสุดๆจนไกรอยากจะเถียงกลับไปใจจะขาดว่า

 

      ' ถ้าไม่มีเวลาก็อย่าเล่นก่อนสิฟะครับ! '  ...แต่ก็ได้แต่เถียงในใจ เพราะต่อให้พยายามพูดแค่ไหนก็มีเพียงลมแผ่วๆออกจากปากเท่านั้น

 

      " ท่านอรัญญิกา เกิดอะไรขึ้นกับกาย...หมายถึงวิญญาณของท่านกัน! "  ดูเหมือนกับว่าอนาสตาเซียจะเป็นห่วงเทพีสาวมากกว่าไกรที่เป็นเจ้าของแหวนเองเสียอีก แต่ก็ว่าไม่ได้เพราะหญิงสาวผูกพันธ์กับอรัญญิกาเทวีมากกว่า ถึงแม้ว่าไอ้ความผูกพันธ์นั้นจะทำให้อนาสตาเซียแทบจะคลั่งไปหลายรอบแล้วก็ตามที

 

      " ก็บอกไปแล้วไง ความภาคภูมิใจแห่งความอยากรู้อยากเห็นไงล่ะ "

 

      " ... "

 

      " ชิๆ ถ้าไม่อธิบายอย่างละเอียดก็คงจะไม่เชื่อสินะ "  อรัญญิกาทำเสียงจิ๊กจั๊กในลำคออย่างขัดใจในขณะที่ไกรที่ลุกขึ้นมาได้อีกครั้งก็โวยลั่น

 

      " อธิบายก็อาจจะไม่เชื่อด้วยเฟ้ย! "  อย่างน้อยไกรก็เบาใจลงบ้างเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงสามารถพูดจาล้อเล่นได้ขนาดนี้ ก่อนที่อนาสตาเซียจะโคลงหัวพร้อมกับมายืนข้างไกรและพูดเบาๆว่า

 

      " ท่านเล่ามาเถอะ ท่านอรัญญิกา "

 

      " แหม...สมเป็นน้องสาวพี่จริงๆ พูดจาดีกว่าไอ้เด็กนี่เยอะ เอาล่ะ อันที่จริงที่ข้าพูดว่าข้ามีเวลาไม่มากนั้นข้าพูดจริง และก็ตั้งใจฟังให้ดีล่ะ เพราะนี่เกี่ยวพันกับนาย ไกร...ข้าจะเล่าอย่างรวบรัดเพียงครั้งเดียวเท่านั้น... "

 

 

     ...ย้อนกลับไปในราตรี...ช่วงเวลาที่อนาสตาเซียได้ใช้ดาบนาคราชของเธอจู่โจมไกรจนไกรได้แผล ซึ่งเป็นการนัดแนะกันไว้แล้วระหว่างอรัญญิกาเทวีกับอนาสตาเซีย หรือถือเป็นคำสั่งของอรัญญิกาเทวีเลยก็ได้ เพราะเมื่อเสี้ยววินาทีที่ดาบนาคราชกินลึกเข้าไปในร่างของไกร วิญญาณอันบริสุทธิ์ระดับเทพของอรัญญิกาก็เข้าไปในโลกแห่งจิตใจของไกร...ที่เธอทำให้เรื่องยุ่งยากถึงเพียงนี้ก็เพื่อจดประสงค์เดียวเท่านั้น...

 

     ...พลังอันมหาศาลของใครกัน ที่เป็นผู้ส่งไกรกลับมายังโลกที่เรียกว่า อดีต เช่นนี้...และยังเป็นผู้คอยปกป้องไกรในหลายๆครั้งที่ไกรควรจะตายไปแล้วกันแน่...

 

     ...ภายในโลกที่ไม่รู้ว่าด้านไหนเป็นด้านบน ด้านไหนเป็นด้านหลัง หรือทิศไหนเป็นทิศไหน...อรัญญิกาเทวีที่เวลานี้อยู่ในชุดสไบสีเข้มอย่างชนชั้นสูงของอโยธยาเดินไปอย่างแน่วแน่และไม่ลังเลราวกับเธอคุ้นชินกับสถานที่แห่งนี้ดีอยู่แล้ว แต่แต่ละก้าวของเธอก็ก้าวไปอย่างระวังตัวตลอด...

 

     ...ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเธอ ต่อให้อยู่ในระดับเดียวกับอากาศเทพก็ตามที...

 

     ...เพียงชั่วขณะเดียวเท่านั้นเธอก็มาถึงสถานที่ๆหนึ่งที่ต่างออกไป...สถานที่ๆคล้ายกับบ้านสวนที่เธอเคยใช้สำหรับพบกับไกรในฝันมาก่อน...ส่วนลึกของจิตใจของไกร...

 

      " อยู่นี่เอง "  อรัญญิกาครางออกมาเบาๆเมื่อเห็นร่างของไกรที่นอนหลับอยู่บนเปลญวณเก่าๆที่แกว่งอยู่อย่างเชื่องช้า...เธอเดินเข้าใกล้ร่างซึ่งเธอรู้ดีว่านี่คือส่วนที่สำคัญที่สุด...ส่วนของวิญญาณของไกร...

 

      " อืม...วิญญาณของไกร ยังถูกปกป้องไว้อย่างดีในฐานะของเจ้าของร่างสินะ "  เทพีสาวเหลือบมองไปรอบๆ ก่อนที่เธอจะเข้าใกล้ร่างที่หลับไหลนิ่งของไกรเข้าไปอีกเล็กน้อย

 

      " แม้ว่าจะยังคงไม่มีความทรงจำในอดีตชาติ แต่ท่านยังคงมีใบหน้าที่ทำให้ข้าหวนนึกถึงอดีตที่เราเคยอยู่ในฐานะสหายกันเลยนะ...ถึงจะกวนโมโหได้ตลอดแต่ว่าท่านมีหน้าตาตอนนิทราที่ติดตาตรึงใจจริงๆ... "

 

        อาจจะเป็นเพราะเธออยู่ที่นี่ตามลำพัง ทำให้เธอค่อนข้างจะปล่อยอารมณ์ไปตามความคิดของตัวเอง ซึ่งต่อให้เป็นเทพแต่เธอก็ยังไม่ถึงระดับ พรหม ที่ไร้ซึ่งความรัก โลภ โกรธ หลง นั่นทำให้เมื่ออยู่ในสถานที่เช่นนี้ เธอจึงค่อนข้างปล่อยให้อารมณ์ควบคุมจิตใจ...แต่เมื่อเธอขยับเข้าใกล้ร่างที่หลับไหลอยู่ของไกรไปอีกก้าว เรื่องก็เกิดทันที

 

        วูบ!!

 

        จิตสังหารที่แข็งกร้าวจนกระทั่งแม้แต่วิญญาณที่แข็งแกร่งระดับเทพของเธอยังถึงกับต้องสั่นสะท้าน พุ่งตรงมาที่เธอราวกับเข็มอันแหลมคมนับพันเล่ม บีบให้อรัญญิกาต้องถอยออกมาจากร่างของไกรที่นอนอยู่ในเปลญาณอย่างรวดเร็ว พร้อมกับหันขวับมาที่ต้นเหตุของจิตสังหารนี้ืทันที

 

      " กะแล้วว่าต้องมีอะไรแปลกๆจริงๆ "  เทพีสาวครางออกมาเบาๆพร้อมกับขมวดคิ้วและมองไปที่ร่างทีปรากฏขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยด้านหลังของเธอ...

 

     ...ร่างอันสูงใหญ่ของบุรุษไร้หน้าที่อยู่ในชุดเกราะรบสีทองอร่ามราวกับถูกสร้างมาจากทองคำทั้งชุด ทั้งยังเป็นชุดเกราะที่สลักเสลาลวดลายอย่างวิจิตรงดงามที่สุด พร้อมกับที่บุรุษไร้หน้าผู้ไม่ควรจะอยู่ในโลกที่เป็นที่สถิตของจิตวิญญาณของไกรแต่เพียงผู้เดียวจะเชิดหน้าพร้อมกับเอ่ยขึ้นอย่างเชื่องช้า

 

      " ผูบุกรุก...จงกลับไปเสีย...ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ของเจ้า "

 

        ถึงจะบอกว่าเป็นการเอ่ยออกมา แต่บุรุษผู้ไร้รูปลักษณ์นั่นก็ไม่ได้เอ่ยออกมาจากทางปาก แต่เหมือนกับการเปิดออกลำโพงที่ดังสะท้อนไปรอบๆต่างหาก แถมยังเป็นการเตือนที่สามารถสร้างแรงกดดันให้กับเทพีสาวได้อีกต่างหาก จนเทพีสาวต้องถอยหลังออกห่างจากวิญญาณของไกรอีกหนึ่งก้าวพร้อมกับแสยะยิ้มออกมาช้าๆ

 

      " แหม...ถ้าพูดถึงการบุกรุก เรามันก็บุกรุกด้วยกันทั้งคู่นั่นแหละน้าาา "

 

      " เตือนครั้งที่สอง...ผู้บุกรุกจงกลับไปเสีย...อย่าบังคับให้ข้าต้องลงมือ "

 

        คำพูดด้วยน้ำเสียงโมโนโทนราวกับออกมาจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์ แถมยังพูดด้วยรูปแบบประโยคที่ซ้ำกับประโยคแรกทำให้อรัญญิกาขมวดคิ้วอย่างช้าๆ...ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเธอสงสัยในสถานะของบุรุษไร้หน้าผู้นี้ และอีกส่วนหนึ่งคือตั้งแต่ยุคสมัยที่เธอยังคงเป็นมนุษย์เดินดิน เธอไม่เคยถูกใครพูดด้วยคำพูดดูถูกซึ่งๆหน้าเช่นนี้มาก่อน อย่าว่าแต่ตอนที่เธอกลายเป็นเทพีเช่นเวลานี้เลย นั่นทำให้เทพีสาวกระตุกยิ้มพร้อมกับปลดปล่อยจิตคุกคามตอบโต้ทันที

 

      " แล้วเจ้าล่ะ...ที่นี่เป็นโลกของไกร...เจ้าไม่ได้อยู่ในฐานะผู้บุกรุกงั้นหรือ? "

 

      " ข้าคือผู้ปกป้องชีวิตของไกร นี่คือคำสั่งของข้า ...ภายใต้การอารักขาของข้า ผู้ใดก็จะละเมิดมิได้! "  ถึงจะถูกจิตคุกคามที่แข็งกร้าวของอรัญญิกาตอบโต้กลับไป แต่วิญญาณแปลกปลอมของบุรุษไร้หน้าผู้นี้ก็ยังพูดด้วยน้ำเสียงโมโนโทนเช่นเดิม ราวกับมันไม่มีตัวตนและความนึกคิดของตัวเอง แต่เป็นเพียงสิ่งสังเคราะห์ที่ถูกโปรแกรมมาให้รับคำสั่งง่ายๆอย่าง ปกป้องไกรไว้ เท่านั้น นั่นทำให้เทพีสาวขมวดคิ้ววูบ

 

      " แม้จะหาเรื่องใส่ตัวตลอด แต่ไกรปกป้องตัวมันเองได้ มันไม่จำเป็นต้องให้เจ้าช่วยหรอก "  เธอพยายามจะทดลองเจรจาด้วยคำพูดดู แต่ดูเหมือนจะไร้ผลโดยสิ้นเชิง เพราะวิญญาณบุรุษไร้หน้าผู้นี้ยังคงยืนยันคำเดิมพร้อมกับปล่อยจิตคุกคามที่เข้มข้นขึ้นไปอีก

 

      " เตือนตรั้งสุดท้าย...ข้าจะไม่เตือนเจ้าอีกแล้ว...ผู้บุกรุก "

 

      ' เฮ้อ...ก็ไม่ได้หวังว่าจะได้ผลหรอกนะ แต่ก็ไม่นึกว่าจะเป็นวิญญาณที่ไร้ซึ่งความนึกคิดถึงขนาดนี้ งานนี้อาจจะง่ายกว่าที่คิดแฮะ '  อรัญญิกาโคลงหัวคิดในใจช้าๆ แต่แล้วเธอก็เปลี่ยนใจอย่างกะทันหันทันทีที่บุรุษไร้หน้าในชุดเกราะทองคำนั้นชักดาบสีทองอร่ามออกมาวูบ

 

     ...ดาบที่มาพร้อมกับจิตคุกคามที่แปรเปลี่ยนกลายเป็นจิตสังหาร ที่เพียงแค่จิตสังหารอย่างเดียวก็แทบจะทำให้ร่างวิญญาณระดับสูงของเทพีสาวแทบจะรักษาสภาพไว้ไม่อยู่แล้ว!

 

      ' บ้าแล้ว! วิญญาณสังเคราะห์ที่ถูกสร้างขึ้นหรือวิญญาณเถื่อนที่มีรูปแบบการโต้ตอบอย่างง่ายๆไม่มีวันสร้างแรงกดดันให้กับเทพได้...นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย?! '  อรัญญิกาเทวีคิดในใจอย่างไม่อยากจะเชื่อสภาพที่เธอกำลังเผชิญอยู่ ก่อนที่สัญชาตญาณในอดีตจะบังคับให้เธอเรียกดาบสีเงินอันเคยเป็นและยังคงเป็นดาบประจำกายคู่ใจของเธอออกมาทันที

 

      " อยู่หรือตาย เจ้าก็ต้องไสหัวไป! "

 

      " แหม...เล่นมุก โรโบคอป ซะด้วย หนังเก่าขนาดนั้นยังกล้าเล่นอีกนะ...แล้วก็แย่หน่อยนะ แต่ไกรเองก็เป็นคนสำคัญของพี่สาวเช่นกัน เพราะงั้นพี่สาวเองก็คงจะปล่อยให้เจ้ามาสถิตอยู่ในจิตใจของไกรตามใจชอบไม่ได้หรอก! "

 

      " ถ้าเช่นนั้นก็...ตาย! "

 

        วูบบบบ!

 

        เปรี๊ยะ!!

 

     ...ทุกสิ่งเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีในโลกภายนอก...เพียงเสี้ยววินาทีเดียว ที่แหวนมรกตแตกและร้าวอย่างน่าหวาดเสียวที่สุด!...

 

     ...ความพ่ายแพ้ของอรัญญิกาเทวี...

 

 

      " ว...วิญญาณเถื่อน...งั้นเหรอครับ? "  ไกรที่ตลอดเวลานั่งฟังอยู่อย่างสงบถึงกับต้องกลืนน้ำลายฝืดๆพร้อมกับทวนคำเบาๆเมื่ออรัญญิกาเทวีที่เวลานี้ ร่างของวิญญาณสั่นสะท้านและบางลงจนแทบจะมองทะลุผ่านได้กลับยิ้มแฉ่งออกมาพร้อมกับพยักหน้าหงึกๆ

 

      " ใช่...จากลักษณะแล้วมันก็วิญญาณเถื่อนเราดีๆนี่แหละ "

 

      " แต่ว่า สภาพท่านตอนนี้ "

 

      " อื้มๆ แต่จะบอกว่าเป็นวิญญาณเถื่อนก็ลำบากที่จะพูดอยู่นะ เพราะไม่มีวิญญาณเถื่อนที่ไหนจะสามารถเล่นงานข้าจนยับเยินแทบจะคงสภาพการเป็นเทพไว้ไม่ได้เช่นนี้หรอก แล้วข้าก็เอาจริงแล้วด้วย ไม่ได้ประมาทแต่อย่างใด...ไม่สิ อยากจะชมตัวเองเลยด้วยซ้ำว่ายังอุตส่าห์รอดมาได้ โฮะๆๆๆ เรานี่มันเก่งเกินไปแล้วจริงๆ "

 

      ' ถ้าเก่งจริงไหงต้องอยู่ในสภาพทุเรศทุรังอย่างนี้ล่ะเนี่ย '

 

      " ถ้างั้น...ได้ไง?! "  ไกรถามอีกครั้งโดยไม่สนใจท่าทีภูมิอกภูมิใจของอีกฝ่าย ในขณะที่อนาสตาเซียขมวดคิ้วเอามือลูบคาง ก่อนที่ในที่สุดเธอจะครางออกมาเบาๆอย่างครุ่นคิด

 

      " เป็นไสยเวทย์มนต์ดำรึเปล่าเจ้าคะ? "

 

      " ไม่ใช่หรอก...ไกรในเวลานี้น่ะมีพระเวทย์คาถาระดับสูงสุดในสายพุทธคุณครอบอยู่ ต่อให้เป็น คนที่คุณก็รู้ว่าใคร มาเองก็ไม่มีทางใช้ไสยเวทย์ใดๆในทางปองร้ายไกรได้หรอก "  อรัญญิกาเทวีตอบกลับมาอย่างสบายๆ แต่อนาสตาเซียต้องหันกลับมามองไกรเพื่อขอคำตอบทันที

 

      " คนที่คุณก็รู้ว่าใคร นี่ใครเหรอ? "

 

      " เฮ้อ...อย่าถามข้าเลย "  ไกรใช้นิ้วนวดสันจมูกพร้อมกับครางออกมาเบาๆ ก่อนจะหันกลับมาหาเทพีสาวผู้ที่เวลานี้ถูกเล่นงานมาจนแทบจะรักษาสภาพไว้ไม่ได้พร้อมกับถามต่อ

 

      " แล้วตกลงไอ้คนไร้หน้านี่มันเป็นใครกันแน่ครับ? "

 

      " ม่ายรู้...รู้แต่ว่าคราวหน้าข้าจะเล่นมันให้เละแน่! "  อรัญญิกาพูดพลางยกหมัดขึ้นกำอย่างหมายมั่นปั้นมือจนไกรถึงกับเกาหัวแกรกๆ ไม่รู้ว่าจะเป็นห่วงหรือจะยุส่งไปเลยดี

 

      " เอ๋? ประเดี๋ยวก่อนนะเจ้าคะ ท่านอรัญญิกา "  อนาสตาเซียที่ยังคงครุ่นคิดผลได้ผลเสียต่างๆราวกัว่านี่เป็นเรื่องของตัวเองเอ่ยขัดขึ้นเบาๆ เรียกความสนใจทั้งไกรและอรัญญิกาเทวีให้หันมามองทันที

 

      " ? "

 

      " คือ ต่อให้ไม่นับที่ว่าท่านอ่อนแอจนแพ้กระทั่งวิญญาณเถื่อนอะไร...แต่วิญญาณไร้หน้านั่นก็ไม่ได้มีท่าทีที่จะทำร้ายไกร ทั้งๆที่วิญญาณของไกรอยู่ในสภาพที่โต้ตอบไม่ได้ไม่ใช่หรือเจ้าคะ? "  อนาสตาเซียพยายามพูดอย่างเป็นการเป็นงาน แต่ไอ้ต้นประโยคนี่ทำเอาเทพีสาวถึงกับคิ้วกระตุก

 

      " ก็ใช่...ข้าคิดว่ามันถูกโปรแกรมมาอย่างง่ายๆให้ปกป้องไกรไว้ และมันก็ทำหน้าที่ของมันโดยไม่สนว่าคนอื่นๆจะฉิบหายวายป่วงเพียงใดก็ตาม...มันไม่มีความนึกคิดใดๆก็จริง แต่ก็ไม่มีทางทำอันตรายวิญญาณของไกรอย่างแน่นอน ทั้งยังคอยช่วยป้องกันไกรในเวลาที่คับขันหรืออาจจะถึงแก่ชีวิต...ทั้งตอนเข้าควบคุมร่างตอนที่สังหารมังจากะเล หรือการเข้าครอบงำตอนที่ไกรใช้ดาบคู่ในระดับเอาจริงเพื่อที่จะพิชิตศัตรูตรงหน้าให้เร็วที่สุดอีก พูดง่ายๆคือเป็นแบบเดียวกับที่ข้าเคยปกป้องเธอจากยัยบ้าเลือดยูกิโอะนั่นแหละ...แม้ว่าจะปกป้องอย่างไม่มีความยืดหยุ่นผ่อนหนักผ่อนเบาเลย เพราะไม่รู้เหมือนกันว่าในหัวมันมีอะไรรึเปล่าน่ะ "  อรัญญิกาเทวีเลือกที่จะตอบกลับมาในคำถามที่เธอตอบได้ ซึ่งอนาสตาเซียก็พูดต่อทันที

 

      " ก็นั่นแหละเจ้าค่ะ ประเด็นที่ข้าจะพูด...คือ ก็ในเมื่อวิญญาณเถื่อนไร้หน้านั่นก็ไมได้ทำร้ายไกรแต่ยังมีคุณกับไกรเสียด้วยซ้ำ แล้วทำไมท่านไม่ปล่อยเลยตามเลยให้มันปกป้องไกรเช่นนี้ต่อไปเลยล่ะเจ้าคะ? "

 

        ไกรกลืนน้ำลายฝืดๆเพราะหญิงสาวพูดราวกับนี่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองเลยจริงๆ ในขณะที่เมื่อได้ฟัง อรัญญิกาเทวีก็ส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะหันมาที่ไกรเหมือนกับจะจงใจอธิบายกับไกรแทนว่า

 

      " ถ้านายคิดอย่างนั้นด้วยข้าก็ขอแนะนำให้ล้มเลิกความตั้งใจซะเถอะ เพราะต่อให้มันไม่เป็นอันตรายกับวิญญาณนายโดยตรง แต่พูดง่ายๆมันก็ไม่ต่างอะไรจากไวรัสนั่นแหละ...เมื่อมีไวรัสแปลกปลอมเข้ามาอยู่ในร่างกาย ต่อให้มันบอกว่าไม่ทำอะไรๆ แต่อยู่ๆไปร่างกายก็จะเกิดปฏิกริยาต่อต้านจนร่างกายทรุดโทรมลงและอวัยวะภายในทำงานล้มเหลวในที่สุด "  ก่อนที่เธอจะหันกลับมาอนาสตาเซียพร้อมกับอธิบายต่อว่า   " ...นี่ก็เป็นเหตุผลที่ข้าเลือกที่จะสถิตอยู่ในแหวนแล้วค่อยเข้าครอบงำร่างกายเจ้าเป็นคราวๆไป แทนที่จะอยู่ในร่างหนองโพอันเป็นความใฝ่ฝันสูงสุดนี่ตลอดเวลาอย่างไรล่ะ...เห็นไหม? ข้าเป็นเทพีผู้มีเมตตาจะตายไป โอ้! ตัวเรานี่มันคนดีจนน้ำตาแทบไหลเลยนะเอ้อ! "

 

      ' คนดีๆที่ไหนเขาพูดจาแบบนี้กันล่ะเนี่ย? '  ทั้งอนาสตาเซียและไกรคิดในใจอย่างเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมายอย่างเอือมระอาที่จะพูดออกมาตรงๆแล้ว เพราะพูดยังไงเทวีหน้าหนานี่ก็คงไม่สะเทือนอยูดี 

 

      " แล้วตกลง เรื่องพลังของมัน? "  ไกรได้แต่เปลี่ยนหัวข้อสนทนาพร้อมกับลูบหน้าอกตัวเองอย่างหวาดระแวง ในขณะที่อรัญญิกาเทวีที่เหมือนจะเข้าใจความหมายของไกรก็พยักหน้าหงึกๆทันที

 

      " ถูกต้องนะค้าาา ปัญหาโลกแตกได้รับการเฉลยแล้ว...หากวัดกันที่พลังแล้ว ไอ้ตัวนี้ หรือไม่ก็คนที่โปรแกรมมันมาอยู่ในตัวนายนั่นแหละ คือคนที่แหกกฎทั้งหมดทั้งมวลและส่งนายกลับมาสู่โลกอดีตอย่างนี้แน่นอน "

 

      " ค...คนตั้งเยอะตั้งแยะ ไหงหวยมาออกที่ตูทุกทีเลยฟะเนี่ย! "  ไกรทรุดลงไปคลานสี่ขากับพื้นอย่างสิ้นหวังและหดหู่สุดๆจนอนาสตาเซียต้องลงไปปลอบ ในขณะที่อรัญญิกาเทวีโคลงหัวพร้อมกับกอดอกพูดอย่างเป็นการเป็นงานว่า

 

      " ข้าในเวลานี้ไม่มีพลังมากพอจะขับไล่มันออกไปจากร่างเจ้าได้ แต่มองในแง่ดีก็คือมันจะคอยปกป้องนายอย่างสุดฤทธิ์จนกว่านายจะตายไปเองเพราะร่างกายทรุดโทรมจากการสิงสู่ของมันนั่นแหละ น่ายินดีๆ "

 

      " ไม่ได้ช่วยเลย! "  คราวนี้ทั้งไกรทั้งอนาสตาเซียโวยลั่นออกมาพร้อมกันอย่างเหลืออด ทำให้เทพีสาวยิ้มกว้างขึ้นราวกับรอให้อีกฝ่ายตกมุกอยู่แล้ว ก่อนจะพูดอย่างเป็นการเป็นงานขึ้นว่า

 

      " เอาล่ะ คำแนะนำอย่างจริงจังของข้าก็คือ อย่าพยายามหาเรื่องเสี่ยงตายอีกและหลีกเลี่ยงการต่อสู้ที่จริงจัง...ไอ้วิญญาณเถื่อนไร้หน้าที่ซ่อนเร้นอยู่ในกายของเจ้าน่าจะถูกกำหนดหรือโปรแกรมมาให้อยู่เฉยๆจนกว่านายจะตกอยู่ในอันตรายจึงจะออกมาเป็นคราวๆ เพราะงั้น อย่างน้อยๆก็ช่วยอยู่เฉยๆจนกว่าญาณบริสุทธิ์และความแข็งแกร่งของข้าจะฟื้นคืนกลับมา...เพราะเมื่อถึงเวลานั้นข้าอาจจะมีวิธีไล่มันออกไปได้อย่างสมบูรณ์...มั้งนะ?  "

 

      " เดี๋ยวสิ! ตะกี๊พูดว่า มั้งนะ งั้นเหรอ?! "  ไกรโวยลั่นอีกครั้ง ในขณะที่เทพีสาวแยกเขี้ยววูบ

 

      " น่าๆ เป้นผู้ชายอกสามศอกอย่าคิดเล็กคิดน้อยสิ "

 

      " คิดสิเฟ้ย! "

 

      " ท่านอรัญญิกา ถ้าอย่างนั้นร่างกายของท่านในเวลานี้ก็? "  อนาสตาเซียถามขึ้นอย่างเป็นห่วง ซึ่งอรัญญิกาเทวีก็พยักหน้ารับหงึกๆ

 

      " อืม...ถึงจะบอกว่าบาดเจ็บสาหัส แต่ข้าที่เป็นเทพก็มีอาการบาดเจ็บต่างจากมนุษย์บาปหนาอย่างพวกเจ้า จะบอกว่าไม่เจ็บก็ไม่ได้ แต่ขอเวลาพักเพื่อบำเพ็ญตบะญาณบารมีซักพักก็หายดีดังเดิมเองนั่นแหละ "

 

      " แปลว่าแต่นี้ต่อไปท่านคงจะไม่สามารถปรากฏกาย หรือเข้าครอบงำร่างกายของข้า หรือคอยกระซิบกระซาบอะไรกวนประสาทข้างหูข้าตลอดๆไปอีกนานแน่ๆอย่างนั้นหรือเจ้าคะ? "

 

      " อ่า...โดยหลักแล้วก็ใช่ ข้าจำเป็นต้องเข้าสู่ญาณสมาธิระดับสูงสุด คงจะออกมาคุยเล่นด้วยเช่นเดิมไม่ได้อีกแล้ว...โอ๋ๆ คงจะเหงาล่ะสินะเด็กน้อย "

 

        ไกรคิดว่าอรัญญิกาเทวีคงจะไม่ทันสังเกต เพราะอนาสตาเซียเวลานี้ทำสีหน้าราวกับถูกฉุดขึ้นจากนรกไปวางไว้บนสวรรค์ก็ไม่ปาน แต่เขามีเรื่องให้กังวลมากมายเกินกว่าจะมาตัดมุกอะไรอีก...ชายหนุ่มหันกลับไปหาอรัญญิกาเทวีที่เวลานี้ร่างชักเริ่มเลือนลางเข้าไปทุกทีซึ่งบ่งบอกเวลาที่น้อยลงเรื่อยๆพร้อมกับพูดเบาๆว่า

 

      " ถามเพื่อให้แน่ใจอีกครั้ง...ท่านจะไม่เป็นอะไรแน่นะครับ "

 

      " ป...เป็นห่วงพี่สาวด้วย! โอ้ย พี่สาวดีใจจนเลือดกำเดาแทบไหลเลยนะเนี่ย! "

 

      " ปรกติต้องเป็นน้ำตาแทบไหลเลยไม่ใช่เหรอเจ้าคะ! "  อนาสตาเซียเผลอตบมุกอย่างลืมตัวจนไกรหันกลับไปมองอย่างพูดไม่ออกในขณะที่อรัญญิกาเทวีหัวเราะลั่น

 

      ' เอาเถอะ...ถ้ายังร่าเริงได้ขนาดนี้ก็คงจะไม่หายไปง่ายๆหรอกมั้ง '  ไกรคิดในใจพลางโคลงหัวอย่างหาคำตอบได้แล้ว ทำให้เขาเบาใจลงเล็กน้อยจนอรัญญิกาสังเกตเห็นได้ เธอจึงเดิน หรือไม่ก็ลอยเอ่ยๆเข้ามาใกล้พร้อมกับยิ้มพรายอย่างเจ้าเล่ห์

 

      " น่ารักดีนะ ไกร...ยัยผู้หญิงที่ชื่อว่าดาราน่ะ "

 

      " เอ๋? "  ไกรทวนคำอย่างตามไม่ทัน แต่เทพีสาวโน้มตัวเข้ามาหาช้าๆจนไกรเห็นใบหน้าที่ประดับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั้นอย่างชัดเจนแม้จะพร่าเลือนก็ตาม

 

      " นายอาจจะยังไม่เห็น หรือไม่มีวันมองเห็น ว่าตัวของนายนั้นมีพลังลึกลับบางอย่างที่ทำให้ผู้คนที่ใกล้ชิดสนิทสนมคล้อยตามได้อย่างเสมอ...แต่ยัยผู้หญิงที่ชื่อดาราน่ะ ก็มีพลังลึกลับที่ไม่ต่างอะไรกับนายเลยแม้แต่น้อย...พลังของแรงดึงดูด...ทั้งยังเจ้าเล่ห์แสนกลกว่ามากนัก...ตามกฏของแรงโน้มถ่วง ถ้าวัตถุที่มีพลังมากสองชิ้นเข้ากระทบกัน...ทุกๆอย่างที่แวดล้อมโดยรอบจะหนีไม่พ้นถูกทำลาย...ก่อนที่ในที่สุดไม่ใครก็ใครจะต้องเป็นฝ่ายแตกสลายไป นั่นเป็นสัจจธรรม... "

 

     " ท...ท่านอรัญญิกา? "  

 

     " ในขณะเดียวกันนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านางก็ยังคงเป็นอิสตรี แม้จะเจ้าเล่ห์แสนกลแค่ไหนก็ยังไม่พ้นเป็นแค่สตรีตัวน้อยๆ...และการทำตัวเป็นสุภาพบุรุษอย่างที่นายเคยทำในโลกยุคปัจจุบันมันทำให้สตรีทั้งหลายในยุคนี้เข้าใจผิดได้ง่ายๆ...ซึ่งต่อให้เป็นยัยนั่นเองก็อาจจะไม่ได้รับการยกเว้นในข้อนี้...ข้าคิดว่าเวลานี้นายก็มีปัญหา (เรื่องผู้หญิง) หนักหัวพออยู่แล้ว...เพราะงั้นอย่าพยายามหาเรื่องปักธงเพิ่มเลยนะ "

 

      " ... "  ในระหว่างที่ไกรเงียบไปอย่างไม่อาจจะหาช่องเถียงออกมาได้ อรัญญิกาเทวีก็โน้มตัวมาจนใบหน้าและริมฝีปากที่เลือนลางของเธอมาถึงข้างหูของไกร ก่อนที่เธอจะพูดด้วยน้ำเสียงเบาปานกระซิบเพื่อให้ไกรได้ยินเพียงคนเดียวว่า

 

      " รึพูดง่ายๆ...ช่วยทำตัวเป็น คนเลว ให้เป็นซักทีเถอะนะเจ้าคะ ท่านไกร! "

 

      " ท...ท่านอรัญญิกา "  ไกรได้แต่ครางออกมาเบาๆ ในขณะที่อรัญญิกาเทวีหัวเราะอย่างซุกซนพร้อมกับถอยห่างออกไปช้าๆ ก่อนจะพูดอย่างเป็นการเป็นงานด้วยน้ำเสียงจริงจังเพื่อเป็นการสั่งลาอีกครั้งว่า

 

      " จากนี้ไปข้าอาจจะต้องหายหน้าหายตาไปซักพัก อย่างน้อยก็ทำให้ข้าหายห่วงด้วยการเก็บตัวเงียบไปก่อน อาจจะไม่กี่อาทิตย์หรืออาจจะเดือนกว่าๆ หรืออาจจะหลายดือนข้าก็ไม่แน่ใจนัก...สิ่งสำคัญที่ข้าไม่อยากให้นายลืมคือพระคาถาชินบัญชร...จงตั้งมั่นจิตเพื่อสักการะและบริกรรมอย่างบูชาจากใจจริงทุกๆวัน มันจะทำให้นายมีสภาพ Immune Magic กลายๆแบบในเกมที่ส่งผลให้นายไม่มีวันติด curse ได้อย่างแน่นอน ...ส่วนที่เหลือข้าว่านายไม่น่าจะโง่พอจะหาเรื่องเจ็บตัวในเรื่องซ้ำๆกันอีก...ใช่ไหม? "

 

      " อ...เอ่อ "  อันที่จริงไกรก็อยากจะรับคำ แต่ประสบการณ์ที่ผ่านมามันทำให้ไกรชักไม่แน่ใจเสียแล้ว เพราะดูเหมือนว่าไอ้เรื่องเจ็บตัวนี่มันเป็นคู่สร้างคู่สมกับเขาจริงๆ

 

      " คิกๆ เอาเถอะๆ ถึงอย่างไรแม้ข้าไม่อยู่ก็ยังมีหลายคนที่คอยดูแลเจ้า เพราะฉะนั้น ทำตัวดีๆระหว่างข้าไม่อยู่นะ...ข้าไปล่ะ "  อรัญญิกาเทวีพูดอย่างง่ายๆพร้อมกับสลายร่างไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยจนทั้งไกรและอนาสตาเซียถึงกับพูดไม่ออก เพราะบทจะลาก็ลากันดื้อๆแถมไปเลยด้วย จนกระทั่งในที่สุดอนาสตาเซียจะถอนหายใจเฮือก

 

      " เฮ้อ...อย่างน้อยก็หายคาใจล่ะนะ "  หญิงสาวชาวตะวันตกพูดพลางเหลือบมองแหวนทองคำขาวประดับมรกตที่อยู่ในสภาพเกือบจะพังจนเอาไปจำนำไม่ได้แน่นอนเล็กน้อยอย่างโล่งใจ ในขณะที่ไกรหัวเราะออกมาเบาๆ

 

      " อืม...อย่างน้อยก็หายคาใจแล้วว่าเจ้าไม่ได้โกรธอะไรข้า...ดีจริงๆเลยนะ "

 

      " หึ...เก็บไอ้วาจาชวนเข้าใจผิดอันน่าหลงใหลได้ปลื้มนี้ไปใช้กับสตรีนางอื่นๆเถอะ มันไม่ได้ผลกับข้าหรอก "

 

      " ก็ไม่แน่ "  ไกรยิ้มมุมปากก่อนจะถอนหายใจเฮือก...ถึงจะมีเรื่องหนักใจเรื่องใหม่แต่อย่างน้อยเขาก็ยังสามารถดื่มด่ำกับบรรยากาศตรงหน้าได้ ในขณะที่อนาสตาเซียขมวดคิ้วพร้อมกับเอ่ยปากไล่ทันที

 

      " ต่อให้เป็นเจ้าก็ไม่สมควรจะมาเพ่นพ่านในเขตพระราชฐานชั้นในเช่นนี้ เกิดคนอื่นมาเห็นจะเป็นที่ครหาได้ เจ้ากลับไปเสียก่อนเถอะ แล้ววันรุ่งพรุ่งนี้ข้าจะไปหาที่เรือน "

 

      " อืม นี่สินาสตี้ตัวจริง...คนที่ยิ้มสวยอย่างเจ้าน่ะไม่เหมาะกับสีหน้าอมทุกข์หรอก "  ไกรครางออกมาเบาๆ แต่ทำให้อนาสตาเซียหน้าร้อนวูบวาบ ก่อนจะผลักไกรไปเต็มแรง

 

      " ล...แล้วอีกเรื่องนึง...ไอ้ตอนต้นที่ ข ข้าไปกอดเจ้า...เจ้าอย่าได้ไปโพนทะนาบอกใครเด็ดขาดนะ! "

 

      " เห? ซึนแตกซะแล้วเหรอ? "

 

      " ม...ไม่อย่างนั้นข้าฆ่าเจ้าแน่! "  อนาสตาเซียกัดฟันตวาดด้วยสีหน้าแดงแป๊ดราวกับลูกตำลึงสุกจนไกรนึกขำ แต่เขาก็เห็นด้วยในเรื่องที่เขาไม่ควรจะอยู่ที่นี่ในยามวิกาลเช่นนี้ จึงยิ้มพร้อมกับก้มหัวให้เชิงหยอกล้อ ก่อนจะเดินลับหายไปกับความมืดทันที

 

      " ก...กวนประสาทนัก! "  อนาสตาเซียบ่นไล่หลังไปพร้อมกับพยายามปรับสีหน้าให้กลับเป็นปรกติอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะหันซ้ายหันขวาพร้อมกับค่อยๆขยับแขนขาตัวเองอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก หญิงสาวเพ่งมองที่แหวนมรกตที่นิ้วโป้งของเธออีกครั้งเพื่อให้แน่ใจ...ก่อนที่ชั่วครู่นึงเธอจะยกมือขึ้นฟ้าพร้อมกับร้องออกมาด้วยสีหน้ายินดีปรีดาสุดขีด

 

      " น...นี่หรือ อิสรภาพพพพ! "

 

      ' แหม ข้าดีใจนิดๆนะที่เจ้ารับมือกับการหายไปของข้าได้ดีขนาดนี้ นาสตี้ '

 

      " กรี๊ดดดดด! "

 

      ' นี่! ยัยบ้า ข้าไม่ใช่ผีนะ! '  เสียงของอรัญญิกาเทวีที่บ่นออกมาอย่างน้อยใจดังก้องในหัวของเธอไม่ได้ทำให้อนาสตาเซียรู้สึกผิดเลยซักนิด...เธอรีบอุดปากตัวเองก่อนจะคิดในใจตอบกลับไปทันทีว่า

 

      ' ท...ท่านอรัญญิกา! ก็ไหนบอกว่าจะไปที่ชอบๆแล้วอย่างไรล่ะ '

 

      ' ที่ชอบๆเหงกน่ะสิ! ก็บอกไปหลายรอบแล้วว่าข้าไม่ใช่สัมภเวสี ยัยนี่! ' 

 

      ' ร...เรื่องนั้นช่างเถอะ แล้วทำไมท่านยังอยู่ล่ะ? '  อนาสตาเซียถามกลับไปเบาๆอย่างสงสัย ในขณะที่อรัญิกาเทวีหัวเราะด้วยน้ำเสียงประหลาดๆอีกครั้งๆ

 

      ' คุๆๆ ก็แหม มันอดห่วงไม่ได้นี่นา '

 

      ' เอ๋? '

 

      ' ก็...ถ้าหมดข้าไปซักคน คนที่น่าเกรงอกเกรงใจพอจะปรามไกรได้ก็แทบไม่มีแล้วนี่ มันก็เลยน่าห่วงจริงๆ ข้าเลยต้องตัดสินใจทิ้งของขวัญอะไรนิดๆหน่อยๆให้กับเธอ...คนที่น่าจะทำให้มันเกรงใจได้มากที่สุด '

 

      ' เอ่อ...ท่านอรัญญิกา ข้าชักตามไม่ทันแล้วนะเจ้าคะ '

 

      ' คุๆๆๆ ถึงจะมีเวลาอีกไม่มากแต่ก็เหลือเฟือสำหรับข้าคนนี้...จงดีใจเสียเถอะ เพราะพี่สาวคนนี้จะเป็นอาจารย์ผู้สั่งสอนวิชาดาบขั้นสูงสุุดที่ไว้ใช้กำราบท่านสามีตัวดีให้กับเจ้าเอง! '

 

      " สุดยอดดด! ...เอ๋? ท่านสามี? ...เดี๋ยวสิ! ท่านอรัญญิกาเทวี! เดี๋ยวเถอะ! "

 

 

 

 

 

 .....................................................

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.1 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา