ยุคันตวาต (ลมสิ้นยุค)
เขียนโดย PingJa
วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.49 น.
แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557 20.02 น. โดย เจ้าของนิยาย
12) ...ตอนที่ ๒ ...กลับบ้าน...(๒)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
=====================================================
" อะไรของเจ้าวะ ไกร...เป็นอะไรรึ? ตั้งแต่ออกเดินทางมาก็เห็นเจ้าเงียบไปแบบแปลกๆ ทั้งๆที่เจ้าเป็นคนตลกโปกฮาแท้ๆ " หลังจากนั่งเหม่อมองแนวชายป่าที่เคลื่อนผ่านไปอยู่นาน ในที่สุดสิงห์ที่นอนแบ่บอยู่บนเกวียนแบบมีประทุนก็อดเอ่ยถามขึ้นเบาๆไม่ได้ เพราะหลังจากที่ผละจากกลุ่มชาวบ้านกลุ่มนั้น ไกรก็เงียบสนิทจนแทบจะกล่าวได้ว่าเซื่องซึมมาโดยตลอดจนน่าผิดสังเกต จนไกรต้องถอนหายใจเฮือก
" นี่แกเห็นฉันเป็นตัวตลกตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย?...เอาเหอะ...ฉันแค่คิดอะไรนิดหน่อย "
" หืม? อย่าบอกนะว่าเกี่ยวกับชายที่นามว่า จันหนวดเขี้ยว อะไรนั่น? เป็นอย่างไร? เจ้ารู้จักมักจี่กับเจ้านั่นงั้นรึ? "
" หึๆๆ คงงั้นมั้ง? ถ้าถามแค่ว่ารู้จักไหม ฉันคงต้องบอกว่าฉันรู้จักชายคนนั้นดีเลยล่ะ "
...สำหรับเขาที่มีบิดาซึ่งก็คือครูมืดเป็นคนพื้นเพจังหวัดสิงห์บุรี ตลอดวัยเด็กเรื่องราวของ ชาวบ้านบางระจัน แห่งอำเภอค่ายบางระจันจังหวัดสิงห์บุรีเป็นนิทานที่เขาและเพียงออได้ฟังจากพ่ออยู่แทบทุกเมื่อเชื่อวันจนเขาแทบจะจำชื่อชาวบ้านบางระจันทั้ง 11 คนได้ครบ...ไม่รู้ว่านี่เป็นโชคดีชนิดสุดๆ หรือเป็นดวงซวยชนิดสุดๆ ที่เขาได้มีวาสนามาเจอกับ 1 ในหัวหน้าหมู่บ้านบางระจันแบบตัวจริงเสียงจริงแบบนี้...แต่ให้พูดกันตามตรง ถึงบัดนี้เขาก็ยังขนลุกไม่หายเลยทีเดียว!...
" หือ? อะไรของเจ้า?...ยิ่งฟังยิ่งน่าสงสัย " คำบ่นงึมงำของสิงห์ทำให้ไกรต้องถอนหายใจเฮือกอีกครั้ง
" เรื่องของฉันน่ะช่างมันเถอะ ...ว่าแต่แกเหอะ...พูดเป็นต่อยหอยแบบนี้ใครจะเชื่อว่าบาดเจ็บจริง...นี่ตกลงซี่โครงแกหักจริงรึเปล่าเนี่ย? ไม่ใช่ว่าแกล้งพันผ้าหลอกฉันหรอกนะ "
" ก็เจ็บจริงสิวะ! คิดอะไรอกุศลเช่นนั้น? จากที่ให้ยัยนาสตี้ตรวจดูคร่าวๆ ซี่โครงด้านขวาของข้าทั้งหมดแทบจะแหลกไม่เหลือชิ้นดีจากฆ้อนศึกของไอ้มังจากะเล...ที่ข้ายังคงเจรจาเล่นหัวกับเจ้าได้แบบนี้เป็นเพราะความอึดเช่นสัตว์ป่าที่เป็นลักษณะเฉพาะของผู้ใช้สัตว์สมิงเช่นข้าเป็นทุน ประสมกับยาสุดขมที่ยัยนาสตี้บังคับให้ข้าดื่มตั้งเกือบเป๊ก...ไม่อย่างนั้นป่านนี้ข้าคงได้นอนสลบเหมือด ไม่ก็ได้ขุดหลุมฝังกันไปแล้ว "
ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจนักเกี่ยวกับพลังพิเศษแปลกของสิงห์ แต่ไกรก็ยังคงเงียบไว้ เพราะเขามีเรื่องหนักๆให้ต้องคิดมากเกินกว่าจะเอาเรื่องอะไรมาเพิ่มได้อีกแล้ว...ส่วนสิงห์เองถึงแม้จะพยายามฝืนทำตัวให้ดูเหมือนเป็นปรกติ แต่เอาเข้าจริงเขาก็แทบจะต้องใช้พลังและกำลังใจทั้งหมดในการประคองตัวเองไว้แบบนี้...เมื่อไม่มีเรื่องอะไรสำคัญพอจะคุยกันอีก เขาทั้งคู่ก็เลือกที่จะเงียบเสีย...พวกเขานั่งมองทิวทัศน์แนวป่าที่ค่อยๆผ่านไปอย่างช้าๆ ...จนกระทั่งถึงเวลาเย็นย่ำโพล้เพล้เต็มที่ หญิงสาวทั้งสองคนที่ขี่ม้าามมาอย่างเงียบๆ ก็ผละจากม้าลงมาหยุดวัวที่เทียมเกวียนของพวกเขาไว้
" หือ?...นาส--- เอ่อ อนาสตาเซีย ศกุนตลา...ถึงหมู่บ้านของพวกเธอที่เธอว่าแล้วงั้นเหรอ? " ไกรเห็นว่าสิงห์กำลังหลับสนิทจนกรนคร่อกๆอยู่ จึงเป็นฝ่ายถามขึ้นเบาๆ โดยรีบเปลี่ยนคำเรียกชื่ออนาสตาเซียเสียใหม่เพราะเขาคิดว่าเขายังไม่สนิทกับอีกฝ่ายพอจะเรียกชื่อเล่นๆแบบนั้น แต่อนาสตาเซียโบกมือเป็นเชิงว่าเธอไม่ได้คิดมากอะไรเรื่องนี้นัก
" เรียกข้าว่า นาสตี้ฯ นั่นแหละ...ข้าไม่ถือหรอก...นาม อนาสตาเซีย นั่นปล่อยให้ท่านผู้เฒ่าบิดาข้ากับยัยศกุนตลานี่เรียกก็พอ ...พูดกันตามจริงมันฟังดูน่าขนลุกชอบกลที่ยังมีคนเรียกชื่อข้าเต็มๆแบบนั้น "
" ...ท่านอนาสตาเซีย " ศกุนตลาปรายตามามองเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยเตือนขึ้นเบาๆ
" อ๊ะ! ขอโทษที...นี่ข้าคิดดังไปงั้นรึนี่? "
ศกุนตลาหลับตาส่ายหน้าช้าๆอย่างเอือมระอาที่จะบ่น ก่อนที่เธอจะหันมามองไกรพร้อมกับตอบคำถามของเขาเรียบๆ
" ยัง...แต่เส้นทางหลังจากนี้จะใช้เกวียนหรือม้าไปไม่ได้...พวกเราต้องเดินเท้ากันไป "
เป็นอีกครั้งที่ไกรต้องประเมินลักษณะนิสัยของหญิงสาวผู้นี้เสียใหม่...ถ้าไม่นับกลิ่นอายอันน่าขนลุกที่โชยออกมาจากเธออยู่ตลอดเวลาแล้ว หญิงสาวผู้นี้ก็แทบไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงเงียบๆคนนึงเลย...เธอไม่ได้มีท่าทีรังเกียจหรือระแวงอะไรเขาเลย หรือถ้าจะพูดให้ถูก เธอแทบจะ ไม่เห็นหัว เขาเลยด้วยซ้ำ...หรือถ้าจะระแวง เธอก็ปิดบังอากัปกริยาของตัวเองได้อย่างมิดชิด...
...ถ้าสิ่งที่สิงห์พูดเกี่ยวกับอาชีพมือสังหารของพวกเขาเป็นจริง...ไกรก็สามารถบอกได้เลยว่าศกุนตลานี่แหละที่เหมาะกับอาชีพมือสังหารของจริง...
" ...แต่ว่าสิงห์ " ไกรเหลือบไปมองสิงห์ที่ยังกรนคร่อกๆสนั่นหวั่นไหวอยู่ แต่ศกุนตลาก็ถอนหายใจเฮือกอีกครั้ง
" สิงห์...ถ้าเจ้าตื่นอยู่ก็เลิกเสแสร้งแกล้งทำเป็นหลับได้แล้ว...เจ้ากำลังทำให้พวกเราเสียเวลานะ "
" ชิ! หลอกเจ้าไม่เคยได้ซักที " ทันทีที่ศกุนตลาพูดจบสิงห์ที่เห็นอยู่คาตาว่าหลับสนิทก็คำรามเบาๆอย่างขัดใจพร้อมกับลืมตาและยันกายลุกขึ้นนั่ง ในขณะที่ไกรถึงกับต้องขมวดคิ้วและจุ๊ปากลั่น
" ไอ้บ้าเอ้ย! ตื่นอยู่ก็บอกกันมั่งสิวะ!!...แล้วจะกรนหาพระแสงด้ามติ้วอะไร กรนเอาเชิงรึไงฟะ?! "
" ฮ่าๆๆๆ ด่าได้แปลกประหลาดทั้งยังแสบสันต์ดีแท้ วัดโธ่เอ้ย! ลืมเลือนไปแล้วรึไงว่าข้าเป็นผู้ใช้สัตว์สมิงที่มีประสาททั้ง 5 เฉียบคมเท่ากับสัตว์เดรัจฉานนะ...กะอีกแค่เสียงสัตว์หายใจข้ายังรู้เลย นี่เล่นมาเจรจาข้ามหัวกันไปมาแบบนี้ ผู้ใดมันจะทนหลับลงวะ "
" พอกันได้รึยัง เจ้าสองคนนี่เหลือเกิน...ทั้งที่พึ่งรู้จักกันได้ไม่ถึง 3 ราตรีแท้ๆเหตุใดถึงได้สนิทกันนักนะ! " อนาสตาเซียบ่นดังๆอย่างหงุดหงิด เพราะการสนทนาเริ่มทำให้เสียเวลาโดยใช่เหตุ ถึงเธอจะงงงวยกับท่าทีสนิทชิดเชื้อกันกันแบบแปลกๆของอีกฝ่ายจริงๆก็ตามที
สิงห์ขยับตัวเพื่อเตรียมจะลุก แต่จะเพราะเขาขยับตัวเร็วเกินไปหรือเพราะยาที่อนาสตาเซียให้ไว้เริ่มหมดฤทธิ์ก็แล้วแต่ กระดูกซี่โครงที่กำลังพยายามประสานตัวกันใหม่ก็ลั่นเปรี๊ยะจนเขาถึงกับต้องครางอู้ ในขณะที่ไกรแยกเขี้ยวอย่างเจ็บแทน
" ก็ไม่ได้อยากจะขัดอะไรหรอกนะ เพราะผมรู้ฐานะของผมดี แต่เราจะเดินเท้ากันไปอีท่าไหนกัน...แค่ลุกขึ้นยืนสิงห์ก็แทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว ถ้าจะให้เดินกันจริงๆมีหวังได้ฝังกันกลางป่าแน่ " เขาเอ่ยเตือนขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่คำเตือนของเขากลับทำให้หญิงสาวทั้งสองคนหันไปมองหน้ากันพร้อมกับหัวเราะเบาๆ ในขณะที่สิงห์ทำหน้าเหยเก ก่อนจะใช้เท้าสะกิดไกรเข้าที่บั้นเอวจนแทบตกเกวียนพร้อมกับด่าเข้าให้
" จะช่วยรึจะแช่งก็เลือกเอาซักอย่างสิวะ! แล้วข้าพูดซักคำรึยังว่าข้าไม่ไหว พูดเช่นนี้มันดูแคลนกันชัดๆ ...บอกไว้ซะก่อนว่าคนอย่างข้ามันตายไม่เป็นหรอกเฟ้ย! ขนาดวิ่งฝ่าฝูงควายตื่นจนถูกเหยียบกระดูกแตกยับทั้งร่างข้ายังรอดมาได้ แค่นี้สบายมาก! "
" ไอ้เรื่องน่าขายหน้าพรรค์นั้นมันน่าโอ้อวดตรงไหนเหรอ? " อนาสตาเซียหันไปกระซิบถามศกุนตลา ในขณะที่อีกฝ่ายหลับตาพร้อมกับถอนหายใจเฮือก
" ได้โปรด...อย่าถามข้าเลย "
สิงห์หัวเราะอย่างถอนฉิวก่อนจะสบถพึมพำเบาๆอย่างขัดใจกับร่างกายที่ไม่เป็นดั่งใจของตน เขายกมือขึ้นพนมพร้อมกับหลับตาและกลั้นใจพึมพำคาถาบางอย่างออกมาเบาๆ
" อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ " เมื่อจบเขาก็เป่าพรวดก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นอย่างช้าๆโดยคราวนี้ไม่มีอาการเจ็บปวดจนเกินทนได้อีกต่อไป จนทำให้ไกรถึงกับต้องเลิกคิ้วแทบจะอ้าปากค้างอย่างประหลาดใจสุดๆ ในขณะที่ศกุนตลาถอนหายใจเฮือกอีกครั้งส่วนอนาสตาเซียก็ขมวดคิ้วพร้อมกับจุ๊ปากเบาๆ
" ก็ข้าบอกแล้วไม่ใช่รึไงว่าอย่าใช้มนต์คาถาอะไรระหว่างที่ข้าให้ยารักษาอยู่ สิ่งลี้ลับที่ช่วยเจ้าอยู่มันจะตีกับยาฝรั่งอันทันสมัยที่ข้าให้ไว้ก่อนหน้า ดีร้ายมันอาจจะส่งผลร้ายอย่างไม่อาจคาดคะเนก็เป็นได้ " เธอบ่นด้วยน้ำเสียงจริงจังจนสิงห์ต้องยกมือยอมแพ้พร้อมกับยิ้มแห้งๆ
" 'โหสิน่าๆ...ถ้าขืนรอให้ไอ้ยาฝรั่งอังหม้อของเจ้าออกฤทธิ์ ข้าได้มีหวังนอนแซ่วไปอีกหลายชั่วยามพอดี...เถอะน่า ข้าเองก็อยากจะกลับถึงหมู่บ้านโดยเร็วไม่แพ้พวกเจ้าเช่นกัน " เขาแก้ต่างให้กับตัวเองพร้อมกับทดลองขยับตัวอย่างเมื่อยล้าเพราะได้แต่นอนมาตลอดทั้งวัน
" เรื่องต่อว่าต่อขานกัน ไว้ค่อยคิดบัญชีกันทีหลังจนกว่าพวกเราจะถึงหมู่บ้านดีกว่านะคะ ท่านอนาสตาเซีย...ตอนนี้เรารีบออกเดินทางกันดีกว่า...ก่อนที่จะมีผู้ใดมาพบเห็นพวกเราเสียก่อน " ศกุนตลาเอ่ยห้ามทัพอย่างเสียไม่ได้ เพราะนอกจากเธอ คงจะไม่เหลือใครกล้ารับหน้าที่นี้อีกแล้ว จนอนาสตาเซียส่งเสียงจิ๊กจั๊กอย่างขัดใจ
" แล้วพวกวัวเทียมเกวียนกับม้าของพวกเธอล่ะ จะเอายังไง? สัตว์พวกนี้เป็นสัตว์เลี้ยง จะปล่อยซะกลางด่านกันดารแบบนี้มีหวังได้กลายเป็นเหยื่อเสือเหยื่อหมีแน่... " ไกรอดไม่ได้ที่จะพูดเตือนแกมถามเบาๆ พร้อมกับลูบหัววัว 1 ใน 2 ตัวที่เทียมเกวียนอยู่ จนทั้ง 3 คนหันมามองอย่างประหลาดใจ
" หือ? ทั้งๆที่ศึกพม่าประชิดเมืองขนาดนี้ เจ้ายังมีแก่ใจมาห่วงม้าห่วงโคพวกนี้อีกหรือ? "
" แกบอกเองไม่ใช่เหรอว่าแกกับหมู่บ้านแกไม่เกี่ยวข้องกับการชิงแผ่นดิน แล้วจะยกเรื่องพม่าประชิดเมืองมาพูดทำซากกล้วยซากอ้อยอะไรไมทราบวะ? "
" อุวะ! ประเดี๋ยวนี้มันมีย้อน! "
ศกุนตลาที่เล็งเห็นแล้วว่าถ้าปล่อยให้เถียงกันแบบนี้มีหวังไม่จบแน่ เธอจึงได้แต่เอามือนวดขมับอย่างปวดหัวก่อนจะเป็นคนเข้ามาห้ามทัพอีกครั้งโดยพยักหน้ามาที่ไกรเบาๆ
" เจ้า...ไกร--ใช่ไหม? เจ้าไปขนข้าวของลงจากเกวียนแล้วช่วยท่านอนาสตาเซียเผาเกวียนทิ้งเสียก็แล้วกัน เรื่องม้ากับโคเหล่านี้ประเดี๋ยวข้าจัดการเอง "
" จัดการ?...คงไม่ใช่ว่า... " ไกรทวนคำอย่างลังเล ในขณะที่สิงห์ที่เหมือนจะรู้ความคิดของเขาหัวเราะก๊ากดังลั่น
" อะไร?...เจ้าเกรงว่าศกุนตลาจะสังหารม้ากับโคนี่งั้นเหรอ? "
ศกุนตลาขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะหันมาและเลิกคิ้วเหมือนจะคาดคั้นจากถามคำตอบเอาจากเขา ซึ่งเขาก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ เพราะไม่รู้จะแก้ตัวว่าอะไรดี นั่นขณะที่สิงห์ที่เห็นท่าทีของเขาถึงกับต้องหัวเราะลั่นอีกครั้ง
" เฮ้อ...เจ้าเห็นข้าเป็นคนเช่นไรกัน... " หญิงสาวอดบ่นเบาๆไม่ได้ ในขณะที่สิงห์ปราดเข้ามากอดคอเขาไว้พร้อมกับลากเขาออกมา
" มาเถอะน่า ไกร...เจ้าเชื่อมือศกุนตลาเถอะ "
" แต่ว่า... "
" เอาเถอะ เพื่อความสบายใจของเจ้า ข้าจะบอกให้เจ้ารู้ไว้... "
" ??? "
" ...ศกุนตลาน่ะ เป็น ผู้ใช้สัตว์สมิง เช่นเดียวกับข้า...ต่างกันตรงที่นางนั้นเก่งกาจกว่าข้า...นับหลายเท่าทวีทีเดียวเชียวล่ะ! "
คำพูดของสิงห์ทำให้ไกรต้องหันขวับมามองอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
" นี่แกล้งอำตูเล่นอีกแล้วสิ? "
" เห็นข้าเป็นคนยังไงวะ? เออ...จริงอยู่ที่ข้าจะสามารถใช้อวิชา ดวงใจราชันย์เดรัจฉาน ได้แบบที่ไม่มีผู้ใช้สัตว์สมิงอื่นกระทำได้ แต่ถ้าเทียบกันจริงๆ ระดับข้าน่ะเป็นแค่เด็กน้อยไม่ประสาไปเลย...ดีนั่นเองก็แล้วกัน " สิงห์พยักเพยิดไปที่ศกุนตลาที่บัดนี้กำลังโน้มตัวไปกระซิบอะไรบางอย่างข้างหูม้าของเธออยู่ แถมม้าตัวนั้นก็ยังทำท่าทางเหมือนจะเข้าใจคำพูดของอีกฝ่ายเป็นอย่างดีเสียอีก
" นางน่ะ สามารถสื่อสารและควบคุมสัตว์ได้แทบจะทุกชนิดที่ข้ารู้จัก นี่ก็คงจะบอกให้มันวิ่งกลับไปที่หมู่บ้านเล็กๆที่พวกเราผ่านมากระมัง...อย่าได้ห่วงไปเลยน่า...ถึงแม้จะเห็นๆอยู่ว่านางโหดและเลือดเย็นจนน่าขนลุก แต่เอาเข้าจริงโดยเนื้อแท้แล้วนางก็รักสัตว์ไม่แพ้ดรุณีน้อยน่ารักๆนางนึงเลย...ใช่ไหมเล่า? "
" ...ข้าได้ยินที่เจ้าพูดนะ สิงห์! " เสียงที่เริ้มกร้าวขึ้นขึ้นของศกุนตลาทำให้สิงห์ต้องรีบก้มหน้างุด ขณะที่ไกรถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ...ใครจะไปเชื่อว่าชายหนุ่มที่เก่งกล้าสามารถขนาดคิดจะฝ่าทั้งกองทัพพม่าแถมน่าจะทำได้เสียด้วย ต้องมาก้มหน้ากลัวหญิงสาวรูปร่างบอบบางน่ารักเช่นนี้
" ดูสีหน้าเจ้าแล้วมันน่าหงุดหงิดเสียจริง...ข้าเดาความคิดเจ้าออกนะเฟ้ย! ข้ามิได้กลัว แค่เกรงใจกันเท่านั้น! "
" นี่! พวกเจ้าจะคุยเล่นกันอยู่อีกนานไหม?! เร่งมาช่วยข้าขยสัมภาระลงเสียที! พวกเราจะได้เผาเกวียนแล้วเร่งออกเดินทางกัน! " อนาสตาเซียตวาดแว๊ดเข้าให้จนเขาสองคนถึงกับต้องสะดุ้งโหยง
" แกนั่งอยู่ตรงนี้แหละสิงห์ ของแค่นี้ฉันขนลงเองได้...เดี๋ยวพลาดพลั้งอะไรไปมีหวังได้หามกันไปกลางป่าแน่ " ไกรหันไปบอกกับสิงห์เบาๆ ซึ่งสิงห์เองก็พยักหน้าอย่างว่าง่าย เพราะเขาเองก็รู้ขีดจำกัดร่างกายของตัวเองดี ถึงแม้จะพยายามทำเก่งบอกว่าตัวเองไม่เป็นอะไอยู่ก็ตาม
ส่วนอนาสตาเซีย เมื่อเห็นไกรเข้ามาช่วยขนข้าวของลงก็ปรายสายตาหันมามองเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มต้นพูดเบาๆ
" จนถึงบัดนี้ ข้าก็ยังไม่อยากจะเชื่ออยู่ดีว่าเจ้าจะเป็นคนสังหารมังจากะเลได้ "
" ก็ผมบอกแล้วไงว่าผมเปล่า...ผมจำเรื่องราวเกี่ยวกับคืนนั้นแทบไม่ได้เลยด้วยซ้ำ มีสิงห์คนเดียวที่ยืนยันเรื่องนี้ ไม่รู้ว่าไอ้บ้าสิงห์นั่นหลอกพวกคุณหรือผมรึเปล่า นี่พูดจริงนะเนี่ย "
" เฮ้ยๆ ข้าได้ยินนะโว้ย! ข้าจะโกหกไปทำไมกัน ที่จริงข้าต้องโทษเจ้าด้วยซ้ำ นาสตี้ฯ ค่าที่เจ้าให้ข้อมูลเป้าหมายมาแบบผิดพลาดชนิดไม่น่าให้อภัยเลยแบบนี้...นี่ถ้าไม่ได้ไกรที่เกิดอะไรเข้าสิงไม่รู้ช่วยไว้ ข้ามีหวังได้ดับอนาถไปแล้ว... " คำแก้ต่างของสิงห์ที่ตะโกนสวนมาทำให้อนาสตาเซียส่งเสียงจิ๊กจั๊กอย่างไม่พอใจ
" ถามจริงๆเหอะ สิงห์ นี่ฉันเป็นคนฆ่ามังจากะเลจริงๆงั้นเหรอ? " ไกรที่เห็นจังหวะเหมาะหันกลับไปถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงจริงจังอีกครั้ง ในขณะที่สิงห์ก็ได้แต่ยักไหล่เบาๆ
" จะถามกี่ครั้งคำตอบก็เหมือนเดิมนั่นแหละน่าเพราะมันเป็นความสัตย์จริง เจ้าเป็นคนฆ่ามันเองกับมือด้วยการใช้เศษกริชที่หักไปแล้วของฉันปักเข้าซ้ำรอยแผลที่เปิดอยู่ของมังจากะเล แถมยังช่วยชีวิตข้าเอาไว้แบบฉิวเฉียด...และต้องพูดอีกครั้ง ข้าเป็นหนี้เจ้า...แต่ขอบอกไว้เลยว่าเจ้าในชั่วขณะนั้นมันไม่น่าพิศมัยซักนิด จิตสังหารของเจ้าแข็งแกร่งเกินกว่าทุกคนที่ข้ารู้จักและที่ข้าต้องพาเจ้ามานี่เพราะข้าอยากจะรู้ว่าเจ้าทำได้อย่างไร "
" ก็ยังยาก...ที่จะปลงใจเชื่อลง " หญิงสาวเบะปากจนทำให้ไกรหัวเราะออกมาเบาๆ จนแล้วจนรอดเขาก็ยังไม่อยากจะเชื่ออยู่ดีว่าหญิงสาวคนนี้จะประกอบสัมมาอาชีพเป็นมือสังหารแบบเดียวกับสิงห์
เมื่อขนสัมภาระต่างๆที่พวกเขาแวะซื้อมาจากหมู่บ้านเล็กๆลงมาเสร็จสิ้น เขาและอนาสตาเซียก็ช่วยกันดันเกวียนสุดหรูนี่ลงไปที่พงข้างทาง ก่อนจะช่วยกันราดน้ำมันอะไรบางอย่างจนทั่วและจุดไฟเผา...น้ำมันที่ราดไว้ช่วยโหมไฟจนเพียงแค่พริบตาเดียวเกวียนมีประทุนแสนแพงนี่ก็วอดไม่เหลือซาก
" เห้อ...พึ่งใช้ได้ไม่ถึงวันเลยแท้ๆ เกวียนนี่ราคาค่างวดตั้งเกือบ 3 บาทเชียวนะนั่น " อนาสตาเซียครางออกมาเบาๆอย่างเสียดาย ในขณะที่สิงห์เลิกคิ้วหันไปมองสัมภาระที่วางกองอยู่ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นอย่างเสียไม่ได้
" แล้วสัมภาระพวกนี้ล่ะ?...ยังไงเสียสิงห์ก็ต้องเดินตัวเปล่าเพราะเขาแบกอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ของพวกนี้มันเกินกว่าฉันและพวกเธออีก 2 คนจะแบกหมดนะ "
" สิงห์ "
" เอ้อ! ขอโทษที ข้ามัวแต่คิดอะไรเพลินไปหน่อย...ชีวา มายา ราตรี...ออกมาได้แล้ว " สิ้นเสียงของสิงห์ เสือสมิง 3 ตัวใต้อาณัติของเขาก็โผล่ออกมาจากแนวชายป่าเหมือนเงาผี แต่คงเป็นเพราะเขาเห็นมาจนชินแล้วเลยไม่ค่อยจะตกใจเท่าไหร่ ก่อนที่สิงห์จะออกคำสั่งให้เขาเอาสัมภาระขึ้นผูกไว้บนหลังของเสือสมิงทั้ง 3 ตัวนี้
โฮก!!
ระหว่างที่เขากำลังผูกสัมภาระเข้ากับตัวเสือโคร่งที่ตัวเท่าลูกม้าอยู่ อยู่ๆเสือตัวนั้นก็คำรามใส่เขาจนเขาสะดุ้งโหยง ก่อนที่เสือตัวนั้นจะหันไปครางต่ำๆกับสิงห์เหมือนจะบอกอะไรบางอย่าง
" เฮ้ยๆ ระวังหน่อยไกร เจ้ามัดเชือกแน่นเกินไปแล้ว ประเดี๋ยวเชือกก็บาดลายสวยๆนั่นหมดพอดี แถมยัยมายายังฟ้องฉันอีกว่าแกไปจับโดนหน้าอกเธอ "
" น...หน้าอก?! " ไกรอ้าปากค้าง ในขณะที่อนาสตาเซียเองก็ปั้นหน้าไม่ถูกเหมือนกัน
" พ...พูดห่าเหวอะไรพรรค์นั้นฟะ! ใครมันจะไปบ้ามีอารมณ์กับนมของเสือโคร่งตัวเท่าลูกม้านี่กันวะ! แล้วตั้งแต่เกิดมาตูก็ยังไม่เคยเห็นนมเสือโคร่งเลยด้วยซ้ำ!! "
กรร!!
" ข...เข้าใจแล้วๆ ฉันขอโทษๆ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะจับ...น...หน้าอกเธอ ฉันขอโทษจริงๆ " ไกรรีบตาลีตาเหลือกขอโทษทันทีที่เสือตัวนั้นแยกเขี้ยวเงาวับขู่จนแทบจะชิดหน้าของเขา ในขณะที่สิงห์หัวเราะก๊ากลั่นจนต้องก้มลงกุมสีข้างตัวเองไว้เพราะกระเทือนแผลเข้าให้
" นี่...พวกเจ้าจะเล่นตลกจำอวดกันอีกนานไหม? เสียเวลาสิ้นดี! " ศกุนตลาที่บัดนี้ส่งม้ากับวัวเหล่านั้นกลับไปที่หมู่บ้านเสร็จสิ้นหันกลับมาปรามพวกเขาเรียบๆ ก่อนที่เธอจะหันมาที่ไกรอีกครั้ง
" ...เอาล่ะ ไกร ถึงเวลาของเจ้าแล้ว " เธอพูดพร้อมกับโยนแถบผ้าไหมสีดำสนิทมาให้ ในขณะที่ไกรรับไว้พร้อมกับเลิกคิ้วอย่างงงๆ
" ผูกผ้าปิดตาตัวเองซะ เส้นทางจากนี้ต่อไปพวกเราไม่อาจให้เจ้าซึ่งไม่ใช่คนยุคันตวาตล่วงรู้ได้ " คำสั่งของเธอยิ่งทำให้คิ้วของไกรเลิกสูงขึ้นไปอีก
" นี่ฉันต้องทำอย่างนี้จริงๆดิ? พูดจากใจจริงเลยนะฉันไม่ใช่คนที่จำทางเก่งนักหรอก หยวนๆหน่อยก็ได้น่า "
" จะให้ข้าควักลูกตาทั้งสองข้างของเจ้าออกมาตอนนี้เลยไหม? " ศกุนตลาเอียงคอพร้อมกับขู่ถามด้วยน้ำเสียงที่ยังคงไม่อาจเดาได้ว่าล้อเล่นหรือจริงจังอีกครั้ง นั่นทำให้ไกรต้องกลืนน้ำลายฝืดๆอีกครั้ง ในขณะที่สิงห์เองก็ยักไหล่เป็นเชิงว่าเขาเองก็ช่วยอะไรเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ
ไกรเกาหัวแกรกๆ ก่อนจะเริ่มผูกผ้าปิดตา ก่อนที่อนาสตาเซียจะเดินมาตรวจดูว่าเงื่อนนั้นผูกแน่นพอรึยัง ก่อนที่เธอจะหันไปพยักหน้ากับคนอื่นเบาๆ
" เอาล่ะ อย่างนั้นเราก็ออกเดินทางกันได้แล้ว "
" ก็ไม่อยากจะถามอะไรไม่เป็นเรื่องในเวลาแบบนี้หรอกนะ แต่เมื่ออยู่ในสภาพแบบนี้แล้วผมจะเดินไปกับพวกเธอยังไง ถามจริง? "
" หืม? แล้วใครบอกล่ะว่าเจ้าจะต้องเดินไป "
ผัวะ !!!
........................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ