ยุคันตวาต (ลมสิ้นยุค)
เขียนโดย PingJa
วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.49 น.
แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557 20.02 น. โดย เจ้าของนิยาย
106)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
================================================
...สิ้นเสียงตวาดอันกึกก้องของท่านผิงหรือนามเต็มว่า กวนอิ๋นผิง สตรีผู้มีนามและฐานะที่ไม่ธรรมดาที่สุดแม้จะเทียบในยุคสมัยไหนก็ตาม...ง้าวด้ามยักษ์ที่มีความยาวกว่าสามเมตรก็ถูกควงเหนือหัวของหญิงสาวอย่างรวดเร็วราวกับกังหันลม ก่อนที่เธอจะกระโดดขึ้นด้วยกำลังมหาศาลจนลอยสูงเหนือพื้นเกือบ ๒ เมตร ดวงตาที่ไม่ได้ถูกปิดบังด้วยผ้าคลุมหน้าส่องประกายวาววับราวกับแสงไต้ในความมืดมิด จิตสังหารระดับคิดฆ่ากระฉูดวูบ!
" เฮ้ย! เดี๋ยว---ขอเวลา "
" ผ่าปฐพี!! "
" เหวอ! "
หลังจากหลุดจากห้วงสมาธิชั้นสูงอันเป็นไพ่ตายและฝีมือระดับสูงสุดของไกร เวลานี้ไกรมีเวลาเพียงไม่ถึงเสี้ยววินาทีที่จะตัดสินใจรับมือ...ทีแรกเขาก็คิดว่าจะลองใช้ดาบคู่อย่างดาบสดายุและสัมพาทีที่เป็นดาบเล่มเก่งของเขาต้านรับดูอย่างเชื่อมันในดาบทั้งสอง แต่จิตสังหารของมือสังหารสาวตรงหน้ากลับอยู่ในระดับที่ทำให้เขารีบเปลี่ยนใจ ก่อนจะตัดสินในพุ่งวูบราวกับหนูวิ่งหนีแมวเพื่อหลบการจู่โจมจากง้าวเล่มนั้นทันที
...จะว่าเขาตื่นตกใจจนประเมินฝีมือของคู่ต่อสู้สูงจนเกินเหตุไปก็ช่าง...เพราะเสี้ยววินาทีที่เขาสัมผัสจิตสังหารนั้น เขาก็ประเมินได้ทันทีว่าขืนรับตรงๆ ทั้งดาบคู่ทั้งตัวเขามีหวังแหลกละเอียดจนเอามาประกอบกันใหม่ไม่ได้แน่ๆ
ตูม!!
และก็เป็นไปอย่างที่ไกรคาดเอาไว้...ไม่สิ ต้องบอกว่าเกินที่คาดไว้ด้วยซ้ำ เพราะทันทีที่ใบง้าวสีเขียวสดราวกับปีกแมลงทับที่สลักรูปมังกรจีนอย่างงดงามวืดจากเป้าหมายไปสัมผัสกับพื้น พื้นหน้าจวนที่เป็นลานดินแข็งๆก็ถึงกับระเบิดตูมราวกับถูกฟ้าผ่า ก้อนดินก้อนโตๆกระเด็นหลุดออกมาทั้งกระบิราวกับใครเอารถขุดดินมาขุดคว้านหน้าดินออกไปยังไงยังงั้น
" ฮ...เฮ้ย! " ไกรถึงกับร้องลั่นออกมาทันทีอย่างตกใจในอานุภาพของง้าวเล่มนั้นที่เหมือนกับรวมเอาพลังทุกๆอย่างมาอัดไว้จนทำให้ง้าวดูเล็กลงไปเลยเมื่อเทียบกับพลังทำลายล้างที่เห็นอยู่คาตานี่ ...ทั้งเขายังต้องตกใจมากขึ้นไปอีก เพราะหลังจากการจู่โจมที่ระดับพลังสูงถึงขนาดนี้พลาดเป้า หญิงสาวผู้ถือครองง้าวตรงหน้ากลับไม่จำเป็นต้องหยุดรอหรือหน่วงเวลาใดๆทั้งสิ้น เพราะเธอใช้มือเรียวบางที่ไม่น่าจะแบกง้าวไหวตวัดศาสตราขึ้นพาดบ่า ก่อนจะหมุนวูบจนร่างทั้งร่างกลายเป็นดั่งลูกข่างและอาศัยแรงเหวี่ยงจากการหมุนฟาดฟันใส่ไกรที่พุ่งเข้าไปหลบในศาลาไม้เล็กๆทันที
" กวาดราพนาสูร! "
" ว...เวรแล้ว! "
ไกรร้องออกมาเสียงหลง เพราะประเมินจากพลังของง้าวตรงหน้าแล้ว งานนี้ศาลาเล็กๆนี่คงเอาไม่อยู่แน่ ไม่สิ...ไม่แน่ว่าบังเกอร์หลบระเบิดจะเอาอยู่รึเปล่ายังไม่รู้เลย เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องพุ่งหนีออกไปจากศาลาเล็กๆนี่อีกครั้งด้วยความเร็วที่ยามปรกติคงจะไม่มีทางหนีได้เร็วเท่านี้แน่ๆ
โครม! ครืน!
คมง้าวอันหนักและแน่นพังเอาเสาศาลาที่เป็นไม้เนื้อแข็งลงไปถึง ๒ ต้น ทำให้ศาลาไม้ที่เขาเคยใช้เพื่อนั่งพักระหว่างซ่้อมดาบถึงกับพังครืนลงคาตาทันที พอเห็นว่าง้าวของตนพลาดเป้าไปถึง ๒ ครั้ง มือสังหารสาวปริศนาก็หันรีหันขวางไปมาพร้อมกับส่งเสียงจิ๊กจั๊กในลำคออย่างขัดอกขัดใจทันที
" ชิ! การใช้ศาสตราของข้าแต่ละครั้งมันเปลืองพลังนะ อย่าเอาแต่หลบเซ่! "
" ไม่หลบก็ม่องสิเฟ้ย! " ไกรที่กำลังหนีหัวซุกหัวซุนยังอุตส่าห์หันกลับมาเถียงดังลั่น ก่อนที่สมองของเขาจะคิดหาวิธีตอบโต้ในใจอย่างรวดเร็ว ทว่าทางเลือกที่ออกมามันช่างมืดมนจนใจเหลือจะกล่าว ยิ่งเมื่อเขาคิดถึงสิงห์ที่ควรจะลงมาช่วยตั้งแต่เห็นว่าเขากำลังตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบแล้ว แต่เวลานี้ยังเงียบกริบยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดใจเข้าไปใหญ่ แต่แล้วความหงุดหงิดก็เปลี่ยนเป็นความวิตกกังวลทันทีเมื่อเขาคิดได้ว่าที่สิงห์ไม่ได้ลงมาช่วยเขา ก็อาจจะเป็นเพราะว่ามีมือสังหารอื่นอยู่และจัดการกับสิงห์ที่แฝงตัวคุมเชิงอยู่ไปแล้วก็ได้
...ระหว่างที่ไกรกำลังคิดอย่างหวาดวิตกอยู่นั้นเอง ทางฝั่งของสิงห์และท่านผู้เฒ่าที่หลบอยู่บนจวนในส่วนที่ไม่อาจจะมองเห็นได้จากด้านล่างก็วุ่นวายไม่แพ้กัน เพราะท่านผู้เฒ่าที่รู้จักกับหญิงสาวที่กำลังต่อสู้ชนิดหักกันถึงเลือดถึงเนื้อกับไกรเป็นอย่างดีเหมือนจะทราบถึงระดับพลังที่แท้จริงของอีกฝ่ายดี ทั้งยังรู้ถึงความแปรปรวนทางอารมณ์ของหญิงสาวที่เขาเรียกว่าอาจารย์ที่เวลาเอาจริงก็ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมเป็นอย่างดี ท่านผู้เฒ่าจึงตัดสินใจกุมดาบฟ้าฟื้นที่ยังคงอยู่ในฝักและเตรียมจะกระโดดลงไปเพื่อหยุดการต่อสู้ไว้โดยทันที
" ไปอย่างไรมาอย่างไรไม่รู้ล่ะ แต่ก่อนอื่นก็คงต้องหยุดท่านอาจารย์ไว้ก่อน " แต่ก่อนที่เขาจะได้ทันกระโดดลงไป สิงห์ที่อยู่ข้างๆก็รีบคว้าไหล่ของเขาไว้เสียก่อน
" ป...ประเดี๋ยวก่อน ท่านผู้เฒ่า "
" สิงห์? ...เจ้าก็รู้ดีไม่ใช่รึอย่างไรว่าอาจารย์อิ๋นผิง แม่ของเจ้าน่ะ เวลาเอาจริงแล้วไม่สนอะไรทั้งสิ้น ขืนปล่อยช้ามีหวังไกรได้เจ็บหนักหรือไม่ก็ถึงชีวิตไปเลยแน่! "
" อาจารย์อิ๋นผิง ไม่สิ...ม...แม่ยังไม่ได้เอาจริง "
" ว่าอย่างไรนะ? "
สิงห์หน้าซีดเผือด...เขากลืนน้ำลายฝืดๆก่อนจะครางออกมาเบาๆว่า
" ถึงจะถอดฝักของง้าวแล้ว แต่แม่ก็ยังไม่ได้เอาจริงเลย ระดับของกระแสพลังมันบอกอย่างนั้นน่ะขอรับ แล้วอีกอย่าง ถ้าถึงระดับนั้นแม่น่าจะใช้พลังของง้าวออกมาอย่างเต็มที่เพื่อเผด็จศึกโดยไม่พูดอะไรเช่นนี้แน่ๆ...แม่น่าจะกำลังทดสอบไกรในระดับที่สูงขึ้นไปอีกอยู่น่ะ...ระดับสุดท้ายก่อนที่มือสังหารฝึกหัดจะได้เลื่อนชั้นเป็นมือสังหารเต็มขั้นอย่างที่แม่เคยเล่าให้ฟังอย่างไรล่ะ "
" ไม่มีทางหรอก! ไกรไม่ควรจะไปถึงระดับนั้นได้นี่! ไม่สิ มือสังหารรุ่นปัจจุบัน นอกจากเมืองกับเจ้าแล้ว ไม่มีใครไปถึงระดับนั้นได้เลยด้วยซ้ำ "
" ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่...เวลาเช่นนี้แม่ไม่มีทางให้เราไปขวางแน่ เผลอๆขืนลงไปมีหวังทำให้แม่โกรธเอาได้ ล...แล้ว ท่านก็น่าจะรู้ดีกว่าข้าเลยด้วยซ้ำนี่ ว่าถ้าหากทำให้แม่โกรธ ผ...ผลมันจะออกมาเลวร้ายเช่นใด "
คำพูดของสิงห์ที่มีความสัมพันธ์แบบแปลกๆกับท่านอาจารย์หรือกวนอิ๋นผิงทำให้ท่านผู้เฒ่าหวนนึกถึงเหตุการณ์อันไม่น่าจดจำเลยแม้แต่น้อยที่เขาประสบมาในอดีต นั่นทำให้เขาเองก็ถึงกับหน้าซีดเผือดไปทันทีเช่นกัน
" แปลว่า นอกจากยืนดูเฉยๆแล้ว เราช่วยอะไรไกรไม่ได้เลยสินะ! "
...ย้อนกลับมาที่ไกรอีกครั้ง ที่เวลานี้สถานการณ์เริ่มเข้าสู่ระดับไม่สู้ดีขึ้นเรื่อยๆแล้ว...
' แย่ล่ะสิ ถ้าเปรียบเทียบจากความสามารถของยัยนี่ ความเป็นไปได้ก็ใช่ว่าจะไม่มีซะทีเดียว ไม่สิ...โอกาสสูงเอามากๆเสียด้วย...บ้าเอ้ย! ทุกๆการต่อสู้ของเราที่ผ่านมา เราล้วนแล้วแต่มีคนที่ไว้ใจได้คอยหนุนหลังอยู่...แบบนี้มัน... ' ด้วยความที่เหตุการณ์เหมือนกับที่เขาเคยพบเจอมาครั้งหนึ่ง นั่นทำให้เขาอดรู้สึกหวนนึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้นไม่ได้
...เหตุการณ์ในการต่อสู้ครั้งแรกที่เขาต่อสู้แบบถึงเลือดถึงเนื้อจริงๆโดยไม่มีู้ใดหนุนหลัง...การต่อสู้ที่ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็สิ้นหวังที่สุด...
...การต้านรับเหล่าทหารพม่าที่กรูกันเข้ามาเพื่อสังหารเขา ในกระโจมศึกของมังจากะเล ในขณะที่สิงห์เองในเวลานั้นก็อยู่ในสภาพที่พ่ายแพ้ไปเรียบร้อยแล้ว...
" บ...บ้าเอ้ย! " ระหว่างกระโดดหลบไปพลางหาวิธีตอบโต้ตามสถานการณ์ไปพลาง อยู่ๆ เสียงอะไรบางอย่างก็ดังขึ้นภายในหัวของเขา...ความรู้สึกที่มีอำนาจเหนือเขาที่สุดที่พยายามจะครอบงำเขาในช่วงเวลาที่จิตอ่อนแอที่สุดเช่นนี้
" ย้าก! สะบั้นสมุทร! "
" ฮ---เฮ้ย! บอกว่าเดี๋ยวก่อนไง! "
โครม!
ไกรรีบกระโดดหลบง้าวสีเขียวสดที่ฟาดใส่ลงมาอย่างรุนแรงจนกระทั่งเกิดเสียงดังราวกับฟ้าผ่าอีกครั้งจนกระทั่งอำนาจของพลังพลิกดินหลุดออกมาทั้งกระบิ เมื่อกระโดดหลบพ้น มือสังหารสาวตรงหน้าก็ยังคงตามกัดไม่ปล่อยทันที
" ตามด้วย ฌ้อปาอ๋องชักม้า! "
วูบ!
ไกรก็รีบม้วนตัวหลบใบง้าวที่หมุนควงราวกับลูกข่างอีกครั้งจนคมง้าวเฉียดผ่านหัวของไกรไปเพียงนิดเดียว เมื่อหลบกระบวนท่าได้ เขาก็รีบพลิกตั้งตัวขึ้นมาพร้อมกับโวยออกมาลั่นทันที
" ฮ...เฮ้ย! เดี๋ยว อ...ไอ้ท่า ๒ ท่าที่ออกมาใหม่นี่มันท่าเดียวกับ ๒ ท่าแรกที่ตะโกนว่า ผ่าปฐพี กับ กวาดราพนาสูร แบบเป๊ะๆเลยไม่ใช่รึไง! "
" ค...คิดเรื่องหยุมหยิม ไม่สมเป็นชายชาติอาชาไนย...ตัด ๒ แต้ม! "
" ง...ไหงงั้นล่ะฟะ! ไม่เข้าใจเฟ้ย! ถ้าไม่อยากให้คิดเรื่องหยุมหยิมก็อย่าตั้งชื่อท่ามั่วๆเอาเองเซ่! แล้วอีกอย่าง ถ้าไม่อยากให้ขัดทีหลังก็เลิกออกกระบวนท่าพร้อมกับตะโกนชื่อซะทีสิ! "
" จ...เจ้าคนโง่เขลา! ไม่รู้เลยสินะว่าการตะโกนชื่อกระบวนท่าออกมาช่วยเพิ่มความรุนแรงของกระบวนท่าได้ถึง ๕-๖ ส่วนเลยทีเดียวนะ! "
" ของแบบนั้นมันจะช่วยได้ยังไงเล่า! "
" ก...กล้าโต้เถียงข้า ทั้งยังทำให้ข้าหงุดหงิดอีก ล...ลบห้าแต้ม! "
มือสังหารสาวตรงหน้าชะงักกึกไปเล็กน้อยกับการจับผิดที่เหมือนกับจะถูกเข้าใจดำของเธอเต็มๆของไกร แถมไกรยิ่งงงเข้าไปใหญ่เกี่ยวกับการตัดแต้มบ้าบออะไรนั่นอีก แต่เวลานี้เขาไม่มีเวลาให้คิดมาก...เมื่อสบช่อง เขาก็ไม่เสียเวลาที่จะโต้ตอบไปอย่างรวดเร็วทันที
เคร้ง! เคร้ง!
ดาบสดายุที่เบาราวกับขนนกและคมกริบราวกับมีดโกนที่โถมแทงเข้าใส่หมายจุดสำคัญที่แม้ว่าจะไม่ถึงตายแต่ก็มีฤทธิ์ถึงสิ้นสภาพต่อสู้อย่างถาวรของไกรถือว่าลงมือได้อย่างเด็ดขาดกว่าแต่ก่อนก็จริง แต่ก็ยังไม่อาจจะฝ่าการป้องกันของง้าวใหญ่สีเขียวสดนั้นไปได้ ทั้งๆที่ไกรเลือกที่จะพุ่งเข้าไปถึงระยะประชิดตัวอันควรจะเป็นจุดอ่อนของอาวุธที่ยาวกว่าสามเมตรเช่นนี้ แต่เหมือนกับไอ้จุดอ่อนที่ว่ากลับใช้ไม่ได้ผลกับหญิงสาวตรงหน้านี่เลยแม้แต่น้อย
" ความคิดเข้าท่า เข้ามาในระยะประชิดด้วยสัญชาตญาณ แต่กลับยังไม่เด็ดขาดพอจะจู่โจมใส่จุดดับชีวิต...บวก ๑ แต้มแต่ก็ตัดอีก ๑ แต้มเช่นกัน " มือสังหารสาวผู้นั้นแสยะยิ้มในดวงตาที่โผล่พ้นผ้าปิดหน้าออกมา ก่อนจะใช้กำลังที่เหนือมนุษย์ผลักไกรให้ล่าถอยออกไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้...ในขณะที่เมื่อถอยร่นออกมา ไกรก็กัดฟันกรอดพร้อมกับตะโกนถามไปทันที
" เจ้าไม่ได้มาเพียงคนเดียวสินะ! เจ้าทำอะไรกับสหายของข้ากัน! "
" หืม? สหายอย่างนั้นหรือ? แหม น่าดิใจจริงจริ๊งที่เด็กนั่นเริ่มมีสหายที่เป็นคนจริงๆกับเขาแล้ว...แต่ว่านะ ไกร...ขอโทษทีนะ "
" ? " ไกรขมวดคิ้วอย่างฉงนสงสัยวูบ ซึ่งทำให้ท่านผิงแสยะยิ้มออกมาอย่างนึกอยากจะลองค้นหาระดับพลังที่แท้จริงของเด็กหนุ่มตรงหน้า เธอจึงเลือกที่จะโกหกไปอย่างโหดร้ายที่สุดทันที
" ขอโทษทีนะ แต่คนที่ชื่อสิงห์น่ะ ถูกคนของข้าสังหารไปแล้ว! "
วูบ!
แทนที่จะได้เห็นท่าทีที่แตกตื่นลนลานของไกรอย่างที่เธอคาดหวังไว้ สัมผัสที่ออกมาจากตัวของไกรกลับสั่นไหวอย่างรุนแรงเพียงพริบตาเดียว ก่อนที่สัมผัสนั้นจะสงบนิ่งลงอย่างน่าประหลาดที่สุด...การสงบนิ่งที่เต็มไปด้วยจิตสังหารที่แหลมคมที่สุดจนแม้แต่ระดับของเธอยังไม่อาจจะดูแคลนได้เลยแม้แต่น้อย
" โกหกสินะ "
" ลืมไปแล้วหรือ? ข้าเป็นมือสังหารนะ...การส่งสหายเจ้าไปลงนรกน่ะมันเป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว ...แต่ไม่ต้องกังวลไปหรอก เพราะอีกประเดี๋ยวเจ้าก็จะได้ตามมันไปอยู่ปรโลกแล้ว "
วูบ! เคร้ง!
ไกรโต้ตอบคำพูดของหญิงสาวตรงหน้าด้วยกระบวนดาบที่รวดเร็วและรุนแรงขึ้นราวกับเป็นคนละคน รวมทั้งจุดที่ดาบฟาดฟันใส่ก็ล้วนแล้วแต่เป็นจุดที่ถึงแก่ชีวิตทั้งสิ้น การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันซ้ำยังเพิ่มระดับความรุนแรงขึ้นชนิดแทบเปลี่ยนเป็นคนละคนทำให้สีหน้าของท่านผิงแปรเปลี่ยนไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ทันที
' นี่ไม่ใช่ระดับพลังที่เพิ่มสูงขึ้นแบบปรกติ...ไม่สิ ที่เราคาดคะเนไว้ เจ้าเด็กนี่น่าจะมีการเข้าสู่ห้วงสมาธิชั้นสูงเป็นไพ่ตายสุดท้ายแล้ว...มัน...กำลังถูกครอบงำ ' กวนอื๋นผิงขมวดคิ้วพลางคิดในใจอย่างผู้ที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ในการต่อสู้ ทำให้เธอสามารถจำแนกความแตกต่างและสิ่งผิดปกติได้อย่างรวดเร็ว...เธอสะบัดง้าวกวาดไปเพื่อบังคับให้อีกฝ่ายถอยออกไป แต่ไกรกลับไม่ยอมถอยอย่างที่ควรจะเป็น
ไกรสะบัดดาบสัมพาทีอันหนักอึ้งเพื่อผ่อนแรงจากง้าว ทั้งยังเป็นการผ่อนแรงที่สมบูรณ์แบบจนกระทั่งพลังของง้าวที่รุนแรงพอจะป่นกระดูกไกรได้อย่างง่ายดายกลับไม่เหลือแรงพอจะทำอันตรายไกรได้ ในขณะที่ดาบสดายุในมืออีกข้างของไกรแทงวูบเข้าใส่บริเวณกลางลำตัวของเธอจนกระทั่งเป็นฝ่ายของเธอเองที่ถูกบังคับให้ถอยกลับไปแทน
" บ...บังคับอาจารย์ให้ถอยกลับไปได้...บ...บ้าแล้ว! แม้แต่ข้ายังต้องใช้ดาบฟ้าฟิ้นถึงจะบังคับให้อาจารย์ถอยเช่นนี้ได้นะ " ท่านผู้เฒ่าเบิกตากว้างจนแทบถลน และยิ่งประหลาดใจขึ้นไปอีกเมื่อเขาคิดได้ว่าระดับสูงสุดของไกร ต่อให้บวกโชคดีไปอย่างสุดๆแล้วก็ไม่น่าจะถึงกับทำให้อาจารย์ของเขาถอยไปได้แน่ๆ ...ในขณะที่สิงห์ขมวดคิ้ววูบ ก่อนจะครางออกมาเบาๆว่า
" นี่...ไม่ใช่ระดับปรกติของไกร มันแผ่พลังบางอย่างออกมา...กระแสพลังเมื่อคราวที่มันเป็นผู้สังหารมังจากะเลและช่วยชีวิตข้าไว้ไม่มีผิดเพี้ยนเลย! "
" ว่าอย่างไรนะ?! "
ในขณะที่กวนอิ๋นผิงผู้ครอบครองง้าวมังการเขียวจันทร์ฉงายเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้ เพราะเธอเองก็จับสัมผัสอันิดปรกตินี้ได้ ทำให้เธอตัดสินใจเปล่งพลังออกมาเพิ่มขึ้นจนกระทั่งถึงระดับที่เธอคิดว่าพอจะกดดันชายหนุ่มตรงหน้าได้ พร้อมกับที่เธอจะตวาดออกมาทันที
" เจ้าไม่ใช่ไกร...เจ้าเป็นใครกัน?! "
" ... "
" ในนามของง้าวมังกรเขียว...ข้าขอสั่งให้เจ้าตอบ! "
" ไกรคือข้า...ข้าคือไกร...เราคือคนเดียวกัน...ไม่มากไปกว่านี้ ไม่น้อยไปกว่านี้ " ไกร...หรือไม่ก็อะไรบางอย่างที่อาศัยจังหวะเวลาที่จิตของไกรอ่อนแอเพื่อเข้าควบคุมร่างของไกรพูดเป็นเชิงครางออกมาเบาๆด้วยน้ำเสียงราบเรียบพร้อมกับปลดปล่อยจิตคุกคามบางอย่างออกมา จนท่านผิงถึงกับแสยะยิ้มออกมาอย่างช้าๆ
" แปลว่าถ้าข้าสังหารไกรได้ เจ้าก็ดับสูญด้วยสินะ "
" ไกรได้รับการคุ้มครองจากข้าแล้ว ไม่มีอะไรจะสามารถทำอันตรายเขาได้...และอีกอย่าง... "
" อีกอย่าง? "
" ระดับของเจ้าน่ะ...ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก " คำพูดเชิงดูถูกที่สุดที่หลุดออกมาจากปากของไกรทำให้เธอถึงกับคิ้วกระตุก ก่อนจะแสยยิ้มกว้างขึ้นด้วยอารมณ์ทันที
" ไอ้ระดับของข้าน่ะ หลังจากลองรับมืออีกรอบแล้วตัดสินก็ยังไม่สายนะ ไอ้เด็กเวร! " หญิงสาวผู้ครอบครองง้าวที่เคยเป็นของบิดาของเธอเอ่ยกร้าวๆพร้อมกับที่ร่างทั้งร่างเปล่งแสงเรืองๆออกมาราวกับกำลังใช้พลังระดับสูงซึ่งบ่งบอกว่าเธอเริ่มจะไม่สนความปลอดภัยในชีวิตชีวิตของเด็กหนุ่มตรงหน้าแล้ว
หรืออีกนัยหนึ่ง นิสัยเสียของเธอและการถูกดูหมิ่นเริ่มทำให้เธอคิดจะปล่อยพลังที่แม้จริงออกมาอย่างไม่สนแล้วว่าเด็กคนนี้จะเป็นหรือตาย
แต่ก่อนที่บรรยากาศจะข้นหนักลงจนระเบิดออกมา กวนอื๋นผิงก็ถูกขัดจังหวะด้วยการลงมาของท่านผู้เฒ่าและสิงห์ที่พุ่งลงมาใส่ไกร โดยที่เธอยังไม่ได้ทันว่าอะไร สิงห์ก็พุ่งเข้าใส่ไกรด้วยความเร็วสูงจนเขาถึงตัวของชายหนุ่มผู้เป็นสหายที่ถูกพลังบางอย่างครอบงำอยู่ ก่อนที่เขาจะใช้กรงเล็บที่เขียนจารไว้ดวยอักขระขอมบางอย่างไว้บนฝ่ามือตะปบเข้าที่เต็มๆหน้าผากของไกรพร้อมกับที่เขาจะตวาดออกมาดังลั่น
" ตอนนี้แหละ ท่านผู้เฒ่า! "
" ไม่ว่าเจ้าจะเป็นวิญญาณสัมภเวสีหรือสิ่งใดก็ตาม ข้าขอผนึกเจ้าด้วยอำนาจแห่งข้า จงอย่าได้ออกมาอีกเลย! " ท่านผู้เฒ่าที่เหมือนกับเตรียมการมาเป็นอย่างดีแล้ว เขาใช้ใบดาบฟ้าฟื้นที่สลักอักขระบางอย่างฟาดเข้าเต็มๆหลังของไกร จนไกรตัวแอ่นอย่างเจ็บปวดและร้องออกมาอย่างไม่เป็นภาษา
" ข้า...ไม่มีวันไปไหน! "
" ร...ระยำ!...ม...ไม่อยากจะเชื่อ แม้แต่ผนึกระดับสูงยังสามารถพูดได้อีกหรือ? " ขนาดสิงห์ที่ว่าเจอเรื่องประหลาดๆมามากยังไม่เคยเจอวิญญาณสัมภเวสีตนใดที่มีอำนาจกล้าแข็งถึงขนาดสามารถต้านทานผนึกที่เขากับท่านผู้เฒ่าร่วมกันสร้างขึ้นมาถึงขนาดพูดตอบโต้กลับมาได้เช่นนี้ นั่นทำให้เขาถึงกับต้องเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง ในขณะที่ท่านผู้เฒ่ากัดฟันกรอดพร้อมกับตวาดดังลั่น
" เขาเป็นคนของข้า ข้าไม่อนุญาต! "
" ...เจ้า...ไม่มี...วัน...หยุด ชะตาได้! "
ผัวะ!
โดยที่ท่านผู้เฒ่าหรือสิงห์ยังไม่ได้ทันพูดอะไรต่อไป กวนอิ๋นผิงก็พุ่งเข้ามาพร้อมกับใช้สันมือฟาดเข้าเต็มๆท้ายทอยของไกร ด้วยจังหวะ ตำแหน่งและแรงที่เหมาะเจาะที่สุด สันมือของเธอจึงจัดการดับสติสัมปชัญญะของไกรหรือสิ่งที่ควบคุมไกรอยู่ทันที
" ท่านผิง? / แม่? "
" ดีใจที่ได้เจอกันอีกนะ ท่านผู้เฒ่า สิงห์...แต่เรื่องนี้เราคงต้องสนทนากันเป็นการใหญ่แล้วล่ะ! "
...........................................
...เช้าวันรุ่งขึ้น... ณ ห้องนอนใหญ่ของไกรบนเรือนหรือจวนประจำตำแหน่งของเขา...
" อ...อือ " ไกรที่ยังคงหลับตาอยู่ค่อยๆขมวดคิ้วพร้อมกับที่จิตสำนึกที่เริ่มกลับคืนสู่ปรกติของตนจะค่อยๆบอกกับเขาถึงร่างกายที่ปวดร้าวและระบมไปทั้งตัว ...อย่างยังจับต้นชนปลายไม่ถูก เขาก็ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างช้าๆ และพึ่งรู้สึกตัวว่านอกจากเขาที่นอนอยู่บนเตียงไม้ขนาดใหญ่อย่างดีแล้ว ที่เก้าอี้และตรงหีบเสื้อผ้าของเขาก็ยังถูกจับจองไว้ด้วยสองหนุ่มอย่างท่านผู้เฒ่าและสิงห์ที่เหมือนกับนั่งรอเขาอยู่นานแล้วอีกด้วย
" ท...ท่านผู้เฒ่า? สิงห์? "
" อืม...เป็นอะไรมากไหม? ไกร "
" ข...ข้าฝันไม่ดีเลย ท่านผู้เฒ่า " ไกรค่อยๆใช้ท่อนแขนยันกายให้ลุกขึ้นและเปลี่ยนท่าเป็นกึ่งนั่งกึ่งนอนโดยใช้หลังพิงหมอนไว้อย่างช้าๆโดยระวังไม่ให้เคลื่อนไหวไวจนเกินไปอย่างรู้สังขารตัวเองจนทั้งท่านผู้เฒ่าและสิงห์ต้องเลิกคิ้วใส่อย่างทึ่งๆ ในขณะที่สิงห์หันไปกระซิบถามท่านผู้เฒ่าของตนเบาๆว่า
" นี่...ท่านผู้เฒ่า ไอ้เจ้านี่มันรอบคอบถึงขนาดนี้เชียวหรือขอรับ? "
" ก็แค่เจ็บตัวบ่อยจนร่างกายชินกับสภาพหลังการเจ็บตัวมากกว่าน่ะ " ท่านผู้เฒ่าที่เวลานี้เห็นได้ชัดเลยว่าขอบตาคล้ำราวกับไม่ได้นอนมาทั้งคืนครางตอบกลับไปเบาๆ ทำเอาสิงห์ที่ว่าเคยทำเรื่องเสี่ยงตายมาเป็นว่าเล่นยังถึงกับต้องยิ้มแหยๆทันที
" อา...ฝันไม่ดีจริงๆ " ไกรที่ยังคงเรียบเรียงเรื่องราวไม่ถูกก็เอามือนวดขมับของตนเองพร้อมกับพูดต่อ " ...ฝันว่าเจอกับมือสังหารหญิงบ้าบออะไรก็ไม่รู้ที่เก่งสุดๆเลย ถ้าพูดตรงๆอาจจะเก่งกว่าท่านผู้เฒ่าและดาบของท่านด้วยซ้ำ แต่ว่าโหดอำมหิตจิตพิการกว่าท่านผู้เฒ่าชนิดเทียบกันไม่ติดเลย "
" ห...โหดอำมหิต จิตพิการ? "
" ใช่ขอรับ...ยัยบ้านั่นเก่งสุดๆเลย ถึงจะมีนิสัยแปลกๆแถมยังชอบตั้งชื่อท่าอย่างสิ้นคิดแถมมั่วซั่วสุดๆเลยก็เถอะ แต่ก็ยังเก่งชนิดหาตัวจับได้ยากอยู่ดี แถมยังบอกว่าเจี๋ยน---หมายถึงสังหารสิงห์ไปแล้วด้วย น่าขนลุกสุดๆไปเลย ดีเสียจริงที่มันเป็นเพียงฝันร้าย "
" นี่ ท่านผู้เฒ่า...จะไม่เตือนเขาหน่อยหรือขอรับ? " สิงห์หันมามองหน้าท่านผู้เฒ่าพร้อมกับครางออกมาอีกครั้ง แต่ถ้าตาเขาไม่ฝาดไป เขารู้สึกราวกับว่าท่าผู้เฒ่ากำลังสะกดกลั้นตัวเองอย่างหนักไม่ให้ยิ้มออกมาอยู่แน่ๆ
" ปล่อยไปก่อน "
" ? "
" ปล่อยให้มันพูดไปก่อน เพราะมีไม่กี่คนหรอกที่จะสามารถพูดในสิ่งที่ใจคิดออกมาได้เช่นนี้ "
" โฮ่...จิตพิการเชียวรึ? อยู่มาตั้งหลายร้อยปียังไม่เคยถูกใครด่าทออย่างสาดเสียเทเสียถึงขั้นนี้เลยนะ...เจ้าสั่งสอนเขามาดีเสียจริง...ท่านผู้เฒ่า "
อยู่ๆ เสียงของหญิงสาวเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากทางหัวเตียงของไกรอย่างกะทันหัน และถ้าไกรไม่หูฝาดไปเอง เขาก็จำได้อย่างแน่ชัดเลยว่านี่เป็นเสียงๆเดียวกับมือสังหารสาวจิตพิการเมื่อคืนนี้แน่ ด้วยอารามตกใจเขาจึงลุกพรวดขึ้น ก่อนจะจำได้ว่าตัวเองกำลังเจ็บหนักอยู่พร้อมกับความเจ็บปวดที่พุ่งตรงเข้าสู่สมองอย่างรวดเร็วจนเขาถึงกับร้องเสียงหลงพร้อมกับลงไปกองกับพื้น้องทันที
" อ...โอ้ย! "
" โฮ่ เวรกรรมมีจริงจริงๆด้วย " มือสังหารสาวตรงหน้าที่เวลานี้เปลี่ยนมาอยู่ในชุดหญิงสาวชาวจีนยุคเก่าๆที่เข้ากับรูปร่างหน้าตาอันสะสวยของตนเองเลิกคิ้วและพูดเบาๆอย่างประหลาดใจขณะมองไกรที่กองอยู่กับพื้น ในขณะที่ท่านผู้เฒ่าที่มีท่าทีเหนื่อยล้าเต็มที่หลับตาลงพร้อมกับเอานิ้วนวดสันจมูกตัวเองพร้อมกับครางออกมาเบาๆว่า
" ไม่น่าจะใช่หรอกท่านอาจารย์ มันแค่โง่มากกว่า "
" ท...ท่านอาจารย์?! "
" เฮ้อ...ไกร...ข้าขอแนะนำให้รู้จักนะ...ท่านผู้นี้คือท่านผิง หรือนามเต็มคือ กวนอิ๋นผิง ผู้ครอบครองศาสตราวุธโบราณที่มีพลังทัดเทียมกับดาบฟ้าฟื้นของข้า...นางเป็นอาจารย์ผู้ถ่ายทอดสรรพวิทยาต่างๆให้แก่ข้าในสมัยพึ่งเริ่มก่อตั้งหมู่บ้านมือสังหารใหม่ๆ และผู้คิดค้นกระบวนดาบยุคันตวาต กระบวนดาบที่เจ้านำไปใช้เป็นพื้นฐานและปรับปรุงจนกลายเป็นวิชาดาบสองมือของเจ้า... "
" ก...กวนอิ๋นผิง? " ไกรทำหน้านึกเล็กน้อยเพราะเขาคุ้นกับชื่อๆนี้อย่างประหลาด ก่อนที่เขาจะลืมตาโพลงพร้อมกับอุทานออกมาดังลั่น
" ย...อย่าบอกนะว่า?! "
" แปลว่ารู้จักสินะ...ใช่แล้วล่ะไกร ท่านอิ๋นผิงเป็นบุตรีของยอดขุนพลแห่งจ๊กก๊กในยุคสมัยที่แผ่นดินจีนแตกออกเป็นสามก๊ก...และที่แน่นอนที่สุด ท่านเป็นแบบเดียวกับข้า...ผู้อยู่เหนือกฎแห่งวัฏสงสารอย่างไรล่ะ! "
...........................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ