ยุคันตวาต (ลมสิ้นยุค)

9.4

เขียนโดย PingJa

วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.49 น.

  152 ตอน
  11 วิจารณ์
  132.16K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557 20.02 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

105)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

================================================

 

 

 

      ...ณ จวนใหญ่ริมน้ำอันเป็นจวนประจำตำแหน่งของไกร ที่เวลานี้ก็เข้าสู่ช่วงเวลาดึกมากแล้ว...

 

         แปะ!

 

         ไกรที่เวลานี้อยู่ในชุดรัดกุมอันทะมัดทแมงสีเข้มๆกำลังนั่งตบยุงที่บินวนตอมอยู่ข้างๆกองไฟกองใหญ่ที่สุมไว้ตรงลานอันเป็นลานสอนดาบของพวกเด็กๆหน้าบ้านไม้ยกสูงขนาดใหญ่ของเขา ...ชายหนุ่มเกาหัวแกรกๆก่อนจะอ้าปากหาวหวอดๆเล็กน้อย ก่อนจะหันไปถามสหายที่นั่งบริจาคเลือดให้ยุงร่วมกันเบาๆว่า

 

       " กี่ทุ่มกี่ยามแล้วเนี่ย? สิงห์ "

 

         แปะ!

 

       " อืม...กำลังจะเข้ายามสามแล้วว่ะ "  สิงห์ที่นั่งตบยุงอยู่ด้วยกันแหงนหน้ามองดูท้องฟ้าที่ไร้เมฆในช่วงหน้าหนาวนี้ก่อนจะตอบกลับมาเบาๆ ในขณะที่เมื่อฟังคำตอบ ไกรก็อ้าปากหาวหวอดๆอีกครั้งทันที

 

       " แปลว่าจะเข้าเที่ยงคืนแล้ว...เฮ้อ ห่วยแตกสิ้นดี จะบุกก็รีบบุกมาซะทีสิฟะ! ปล่อยให้นั่งตบยุงรออยู่ครึ่งคืนแบบนี้มันชกใต้เข็มขัดชัดๆเลยไม่ใช่รึไง! "

 

       " แล้วไอ้ที่พูดมานี่มันหมายความว่าอย่างไรกันล่ะขอรับเฮ้ย? ไอ้คุณท่านเจ้าพระยา "  สิงห์ขัดขึ้นเบาๆอย่างเริ่มชินกับคำพูดแปลกๆที่ออกมาจากปากไกรอย่างไม่มีที่มาที่ไปแบบนี้แล้ว ในขณะที่ไกรเองก็รู้สึกตัวและรีบแก้เบาๆว่า

 

       " เออๆ โทษที ช่วงนี้มีอะไรให้คิดเยอะติดๆกัน เลยง่วงๆน่ะ ข้าพูดอะไรแปลกๆออกไปก็ไม่ต้องเอาเก็บไปคิดมากนักหรอก...เจ้าน่ะ หูไวตาไวเอาไว้หน่อยจะดีกว่านะ เผื่อแทนข้าด้วยอย่างไรล่ะ "

 

         คำพูดของไกรทำให้สิงห์ที่นั่งอยู่ข้างๆเหลือบหางตามามองเล็กน้อย ก่อนจะยกเหล้าจีนอย่างดีในไหขึ้นมาซดพร้อมกับพูดเบาๆอย่างอดไม่ได้ว่า

 

       " บางคราข้าก็คิดนะ ว่าเอ็งนี่ซื่อดีชะมัดยาดเลยว่ะ "

 

       " หมายความว่าไงฟะ? "

 

       " ก็เอ็งเลือกที่จะเชื่อสิ่งที่ยัยดารา-ดาแรนั่นพูดอย่างไม่ลืมหูลืมตาเลยน่ะสิ...ยัยนั่นแค่เอ่ยปากเปล่าอย่างลอยๆแท้ๆ ...ลองพิศดูเอาเองสิ ขนาดท่านผู้เฒ่ากับยัยนาสตี้ ยัยศกุนตลา...แม้แต่ยัยอเทตยาที่มีแต่ ท่านไกรเจ้าคะ ท่านไกรเจ้าขา ...ยังเอือมระอาจนขี้คร้านจะพูด และกลับไปทั้งหมดแล้วแท้ๆ ...มีแต่ข้านี่แหละที่ต้องมาซวยนั่งตบยุงเปาะแปะอยู่กับเอ็งเช่นนี้ "

 

       " พูดงี้เดี๋ยวก็ชกเปรี้ยงให้เท่านั้น...แล้วก็นะ ท่านผู้เฒ่ากับยัยพวกสามสาวนั่นติดกิจธุระที่ไม่อาจเลี่ยงได้ต่างหาก...ท่านผู้เฒ่าในเวลานี้น่ะเป็นเจ้าพระยาฝ่ายพลเรือนที่อยู่ระดับเดียวกับข้า เลยไม่สามารถลอยไปลอยมาอย่างเดิมได้แล้ว ขืนเจ้าพระยาสองคนมาสุมหัวอยู่ได้กันยามวิกาลเช่นนี้ก็ได้ถูกพวกที่เหม็นขี้หน้าหาช่องว่าเรากำลังเตรียมก่อการกบฏเอาง่ายๆ ตามกฎหมายบ้านเมืองล่ะนะ... ส่วนยัยสามสาวนั่นถึงจะบอกว่าอยู่ในหน่วยของข้า แต่ยัยพวกนั้นก็เป็นถึงระดับคุณท้าวจ่าโขลนที่เป็นรองคุณท้าวศรีสัจจาและคุณท้าวจ่าผู้เฝ้าประตูพระราชวังทั้งสี่เท่านั้น แถมยังมีหน้าที่เป็นผู้อารักขาสมเด็จท่านทั้งหลายอีก ว่ากันตามตรง หน้าที่ของยัยนั่นพวกนั้นมันสำคัญกว่าพวกเราสองคนอีกด้วยซ้ำไป "

 

       " พูดถึงเรื่องนี้ก็พอดีเลย...ข้าในเวลานี้น่ะยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าข้ามีหน้าที่อะไร นอกจากนั่งๆนอนๆอยู่บนเรือนของเอ็งเช่นนี้น่ะ "  สิงห์ที่นั่งซดเหล้าอยู่ครางออกมาเบาๆพลางยื่นไหเหล้าส่งมาให้ แต่ไกรเหลือบมองเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธช้าๆพร้อมกับตอบข้อสงสัยของอีกฝ่ายเบาๆทันที

 

       " ที่พูดออกมานี่ก็ช่างกล้านะเอ็ง ถามจริงๆเหอะนะ ก่อนจะรู้จักกันเนี่ย เอ็งมาทำวีรเวร-วีรกรรมอะไรไว้ในกรุงอโยธยานักวะ?...นี่ขนาดข้ากับท่านผู้เฒ่าช่วยกันใช้ทั้งเบี้ยอัฐทั้งอำนาจที่มีลบประวัติและหมายจับทุกอย่างที่เกี่ยวกับพวกมือสังหารแห่งหมู่บ้านยุคันตวาตหมดแล้วแท้ๆ มีแต่เอ็งคนเดียวนี่แหละที่ทั้งๆที่ลบจนเหี้ยนแต่ก็ยังมีทั้งทหารทั้งพวกกรมพระตำรวจจำหน้าเอ็งได้และเตรียมจะชาร์จ---หมายถึงเกือบจะจับเจ้าอยู่รอมร่อแล้ว ดีนะที่ข้าไปออกหน้าห้ามไว้ทัน...เพราะงั้นทางเลือกที่ข้าช่วยได้ก็คือเก็บตัวเอ็งไว้ก่อนให้คนลืมๆไปมากกว่านี้เท่านั้น...ไง...ตกลงมาทำบ้าบออะไรไว้ที่นี่กันแน่? "

 

       " เสือกเฟ้ย! "  สิงห์เอามือกุมหัวพร้อมกับครางออกมาเบาๆอย่างไม่ประสงค์จะสนทนาในเรื่องนี้ต่อ ในขณะที่ไกรเองก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร จึงยอมเปลี่ยนเรื่องด้วยการมองไปรอบๆพร้อมกับพูดต่อเบาๆว่า

 

       " เออ...แล้วพวกมายา ชีวา ราตรีล่ะ? ไม่เห็นตั้งแต่ที่ยัยดารานั่นกลับไปแล้ว "

 

       " อ้อ...ยัยพวกนั้นน่ะเหรอ? ...ป่านนี้ก็คงออกล่าอยู่ตรงแถวป่านอกเกาะเมืองอยู่เสียละกระมั้ง เห็นบ่นๆว่าหลังจากที่กินกันอย่างเต็มคราบในคืนนั้นไป พวกเธอก็ยังไม่ได้กินอะไรมาพักใหญ่ ข้าเลยปล่อยไป ประเดี๋ยวเช้าๆก็คงกลับมาเองนั่นแหละ "  สิงห์ตอบกลับมาเบาๆ แต่ทำเอาไกรเบกตากว้างใส่ทันที

 

       " เฮ้ยๆ?! "

 

       " เอ้อ...ไอ้ล่าที่ว่าน่ะ พวกนางไม่ได้ล่ามนุษย์หรอก เพราะข้าสั่งห้ามไว้แล้ว "

 

       " ก็บอกกันให้ครบๆแต่แรกสิเฟ้ย! "

 

       " โธ่เอ้ย! อันที่จริงข้าต้องด่าเอ็งด้วยซ้ำ ค่าที่ตามใจยัยพวกนั้นจนเกินพอดีในคืนนั้น ทำเช่นนี้จะทำให้คนของข้าเสียนิสัยเอานะ "  สิงห์หันมามองพร้อมกับแยกเขี้ยววับให้อย่างเคืองๆ ในขณะที่ไกรฝืนยิ้มอย่างไม่สนิทใจนักพร้อมกับเกาหัวแกรกๆทันที

 

       " ก...ก็ขอโทษไปแล้วไงล่ะ โธ่...ใครจะไปรู้ล่ะว่าพวกนางจะกินกันอย่างเละเทะและตระกรุมตระกรามขนาดนั้น...ขนาดข้ากับท่านผู้เฒ่ากลับมาเห็นก่อนยังลงความเห็นว่าให้เผาห้องทิ้งแทนทำความสะอาดเลย...ดีว่าท่านออกพระเพชรพิไชยยังเห็นแก่หน้าข้ากับท่านผู้เฒ่าเลยว่าอะไรได้ไม่ถนัดนัก ไม่งั้นข้ามีหวังโดนด่าเปิงแน่ๆ ค่าที่เป็นต้นเหตุให้จวนของท่านกลายเป็นบ้านผีสิงสุดสยองเช่นนั้น "

 

       " ฮ่าๆๆ เปรียบเปรยได้ประหลาดทว่าเห็นภาพดีเสียจริง "

 

       " อ้อ...แล้วข้าก็ยังไม่ลืมเรื่องที่เอ็งติดหนี้พนันข้าด้วยนะ เอาไว้หาจังหวะเหมาะๆค่อยคิดบัญชีกันอีกทีก็แล้วกัน "

 

       " อ้าว? ตกลงไม่ถือเป็นโมฆะจริงๆหรือ? "

 

       " โมฆะเหงกเอ็งน่ะสิ รับพนันเองแท้ๆ แมนๆ---หมายถึงเป็นลูกผู้ชายหน่อยสิฟะ "

 

         วูบ!

 

         ระหว่างที่พวกเขากำลังนั่งพูดคุยเรื่องสัพเพเหระที่เริ่มจะไร้สาระกันมากขึ้นไปเรื่อยๆอยู่นั้น อยู่ๆ กระแสพลังอันผิดปรกติบางอย่างก็ลอยวูบผ่านสายลมเข้ามา ซึ่งถึงจะเป็นกระแสพลังบางๆ แต่สำหรับสิงห์ที่มีประสาทสัมผัสเฉียบคมราวกับสัตว์เดรัจฉาน กับไกรที่เวลานี้มีดาบสดายุอยู่บนตัก ...เขาทั้งคู่ลุกขึ้นยืนพรวดพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายทันที

 

       " สิงห์ "

 

       " เออ...ขอเวลาประเดี๋ยวนะ "  สิงห์พูดพร้อมกับหลับตาลงและยื่นหน้าส่ายจมูกร่อนไปด้านหน้าราวกับสูดกลิ่น ก่อนจะขมวดคิ้วและพูดออกมาเบาๆทันที

 

       " คนเดียว... "

 

       " หา? "

 

       " เออ...ในละแวกนี้มีผู้บุกรุกคนเดียวเท่านั้น "

 

       " เอาจริงดิ...เอ็งคงไม่ได้เป็นหวัดจนประสาทสัมผัสผิดเพี้ยนไปหรอกนะ? "

 

       " ... "  คราวนี้สิงห์ไม่ได้ตอบโต้อะไร เพียงแค่หันกลับมามองไกรด้วยสายตาว่างเปล่าช้าๆ จนไกรต้องยกมือยอมแพ้ทันที

 

       " เออๆ แต่ว่า...ส่งมาคนเดียวเช่นนี้มันดูถูกกันชัดๆเลยนี่หว่า "  ไกรพูดพร้อมกับโคลงหัวช้าๆ ในขณะที่สิงห์หัวเราะใส่เบาๆ

 

       " พวกมันอาจจะคิดว่าระดับเอ็งมันคงไม่พอมือจนมันส่งมาแค่คนเดียวก็พอก็ได้กระมั้ง "

 

       " อืม ก็น่าคิด เพราะความดีความชอบต่างๆที่ข้าทำส่วนใหญ่ก็ถูกเก็บไว้เป็นความลับ เพราะฉะนั้นถ้าหากไม่ใช่คนที่สนิทหรือรู้จักกันจริงๆ คนนอกก็คงคงมองว่าข้าเป็นแค่คนสนิทของพระมหากษัตริย์เท่านั้นแหละ...แต่ว่า คิดอย่างไรมันก็ดูถูกกันชัดๆเลยว่ะ "  ไกรครางออกมาเบาๆอย่างยอมรับ ก่อนที่เขาจะถอดดาบสีเงินประจำกายออกจากฝักหนังพร้อมกับหันมามองสิงห์และพูดเบาๆ

 

       " เจ้าถอยไปคุมเชิงเสียเถอะ สิงห์ ...ไอ้มือสังหารคนเดียวเช่นนี้ข้าจะรับมือเองคนเดียว "

 

       " หืม? แน่ใจหรือ? "  สิงห์หันกลับมาถามเบาๆ ในขณธที่ไกรโคลงหัวเล็กน้อยทันที

 

       " ช่วยไม่ได้นี่หว่า...ก็หลังจากเรื่องของยัยดารานั่นจบลง ตอนที่ท่านผู้เฒ่าเรียกข้าไปคุยกัน ท่านก็แนะนำว่าไอ้เรื่องมือสังหารนี่ให้ข้าแสดงฝีมือให้เห็นถึงความต่างของพลังอย่างเต็มที่ไปเลย...เหมือนกับเป็นการแสดงศักดาและเตือนให้ไอ้คนที่ส่งมาเลิกส่งมาเสียทีอะไรเทือกนี้แหละ ซึ่งข้าว่าก็เข้าท่าดีนะ เพราะข้าเองก็ขี้เกียจจะมาระแวงว่าจะถูกบุกขึ้นเรือนอีกเมื่อไหร่เหมือนกัน "

 

         วูบ!

 

         ถึงสิงห์จะอยากจะพูดอะไรออกมาต่อ แต่กระแสพลังที่เริ่มเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆนั้นไม่เปิดโอกาสให้ได้พูดอะไรต่อไป เขาจึงทำได้แต่หันกลับมาพยักหน้าให้กับไกรเล็กน้อย ก่อนจะถอยขึ้นไปบนเรือนหรือจวนของไกร ปล่อยให้ไกรยืนเด่นเป็นสง่าและเป็นเป้าชั้นดีอยู่ข้างกองไฟคนเดียว...ก่อนที่ไม่กี่วินาทีต่อมาเท่านั้น...ร่างเล็กๆของผู้ที่คิดว่าน่าจะเป็นมือสังหารที่ถูกจ้างมาสังหารเขาก็ปรากฏขึ้นอย่างเลือนรางและค่อยๆชัดขึ้นตรงหน้าช้าๆ

 

      ...ร่างเล็กๆที่หากไม่ใช่ผู้ชายร่างเล็กจริงๆ ก็คงจะเป็นหญิงสาว...ที่แบกอาวุธยาวที่สูงท่วมหัวและน่าจะหนักเกินกว่าที่คนตัวเล็กๆอย่างเธอจะแบกขึ้นได้ เดินตรงเข้ามาอย่างช้าๆ...

 

       " ปล่อยให้รอซะตั้งนาน...แต่ว่า ผิดคาดแฮะ...นึกว่าจะมีพวกลูกดอกอาบยาหรือว่าลูกธนูพุ่งเข้ามาซะอีก...อุตส่าห์ยืนเป็นเป้าเด่นๆให้แล้วแท้ๆ "  ไกรพูดขึ้นอย่างขำๆ แม้ว่าเขาจะผิดคาดจริงๆจนทำให้เขาเตรียมตัวตอบโต้เก้อไปเลยก็ตามที

 

       " ... "

 

       " เฮ่ยๆ พวกนั้นคงไม่ได้ส่งคนเป็นใบ้มาเป็นมือสังหารหรอกนะ เพราะหลังจากจบเรื่องนี้ข้ามีธุระจะต้องสอบสวนเจ้าและสาวไปให้ถึงผู้จ้างวานอืก ขืนเป็นใบ้จริงๆข้าก็ซวยน่ะสิ "

 

         วูบ!

 

         โดยไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร มือสังหารร่างเล็กที่อยู่ในชุดสีดำผู้นั้นก็พุ่งเข้าใส่พร้อมกับควงทวนหรือง้าวโลหะที่ยังคงถูกหุ้มด้วยถุงหนัง ฟาดเข้าใส่ไกรพร้อมกับปลดปล่อยจิตสังหารระเบิดวูบ

 

         เคร้ง!

 

       " ก...กรอด! "  สำหรับไกรที่ดาบประจำกายถูกสร้างมาให้เบาและลดน้ำหนักที่ไม่จำเป็นลงมากที่สุด อาวุธยาวที่ราวกับสร้างมาจากเหล็กทั้งแท่งที่อยู่ในมือของมือสังหารสาวตรงหน้ามันราวกับยกแท่งเหล็กมาฟาดใส่จริงๆจนทั้งเขาทั้งดาบสดายุสีเงินในมือที่ยกขึ้นต้านรับถึงกับทรุดวูบ ก่อนที่เขาจะรีบตอบโต้ด้วยการสะบัดดาบและใช้จังหวะที่อีกฝ่ายที่มีอาวุธยาวเก้งก้างด้วยการโถมแทงใส่ด้วยความเร็วที่หมายจะเผด็จศึกทันที

 

         เคร้ง! เคร้ง!

 

         แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ เพราะมือสังหารร่างเล็กผู้นี้กลับใช้อาวุธยาวนั้นได้ราวกับเป็นแขนขาหรืออวัยวะส่วนหนึ่งของตนเอง เขาหรือเธอใช้ส่วนท้ายของทวนหรือง้าวนั้นในการปัดป้องดาบของไกรอย่างไม่ตกเป็นรอง แถมยังใช้ส่วนด้ามทวนกระทุ้งใส่ใบดาบของเขาจนใบดาบถึงกับโค้งงอวูบเลยอีกต่างหาก

 

       ' ช...ชิ! อะไรวะ! การปะทะกันครั้งแรก ถ้าตัดสินอย่างปลอดอคติ เราเป็นฝ่ายที่แพ้หมดรูปรึเนี่ย?! ต้องประเมินฝีมือของไอ้นี่ใหม่เสียแล้ว! '  ไกรกัดฟันกรอดพร้อมกับกระโดดถอยหลังเพื่อยื้อจังหวะ ก่อนที่เขาจะมองมือซ้ายที่ถือดาบสดายุอยู่ที่เวลานี้ถึงกับสั่นเทาออกมาน้อยๆอย่างคุมไม่อยู่ เพราะความหนักและแน่นของทวนหรือง้าวที่ยังคงสวมไว้ด้วยถุงหนังของอีกฝ่ายที่จู่โจมมาแต่ละครั้ง นอกจากจู่โจมอย่างหมายชีวิตแล้ว ยังแฝงด้วยพลังที่ทำเอาข้อมือไล่ไปจนถึงท่อนแขนของไกรถึงกับสั่นสะเทือนจนแทบจะชาดิกไปทั้งแถบทีเดียว!

 

      ...ถ้าหากดาบที่เขาถืออยู่ไม่ใช่ดาบสดายุที่ถูกตีขึ้นจากโลหะมีอันดับระดับสูงล่ะก็...ป่านนี้ ทั้งดาบทั้งตัวไกรก็คงจะหักเป็นสองท่อนไปแล้วแน่ๆ!...

 

         ไกรถอยหลังกลับมาเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนมือที่ถือดาบจากมือซ้ายอันเป็นมือข้างที่ถนัดไปเป็นมือขวาแทน และลอบแสยะยิ้มออกมาบางๆ ในขณะที่มือสังหารร่างเล็กผู้นั้นเมื่อเห็นท่าทีที่แปลกไปของไกรก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหวานใสออกมาเป็นครั้งแรกทันที

 

       " คิกๆ ระวังหน่อยนะ ท่านเจ้าพระยาพิทักษ์ฯ...หากขืนเจ้ายังคงไม่ใช้พลังที่แท้จริง แล้วถ้าเกิดพลั้งพลาดตายตกไป จะไปฟ้องยมบาลว่ายังไม่ได้เอาจริงไม่ได้เชียวนะ "

 

       " อ้อ...สตรีหรอกรึ...เฮ้อ ดวงชะตาข้านี่มันเป็นอะไรกันนะ มีแต่สตรีท่าทางน่าขนพองสยองเกล้ามาหมายจะเอาชีวิตเช่นนี้ตลอดศกเลย "  ไกรตะโกนตอบกลับไปอย่างไม่ยอมลดราวาศอกกัน แต่หญิงสาวผู้นั้นกลับหัวเราะใส่ทันที

 

       " ฮ่าๆ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าถูกข้าหมายจะเอาชีวิต การปะทะกันครั้งแรกก็เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วนี่ ...ว่าเจ้ามีชื่อเสียงที่มากเกินกว่าฝีมือไปมากจริงๆ "

 

         คำพูดในเชิงดูถูกอย่างรุนแรงของอีกฝ่ายทำให้เขาถึงกับคิ้วกระตุก ก่อนที่เสี้ยววินาทีต่อมา ไกรจะสงบลงอย่างรวดเร็วพร้อมกับแสยะยิ้มออกมาบางๆอีกครั้ง

 

       ' จะพูดดูถูกก็พูดไปเถอะ...เพราะไอ้ระดับที่แท้จริงมันหลังจากนี้ต่างหากล่ะ! '

 

 

 

.........................................

 

 

 

      ...ในเวลาเดียวกัน บนชานเรือนในส่วนเหลี่ยมมุมมืดอันไม่สามารถมองเห็นได้จากลานดินที่อยู่ต่ำกว่า...สิงหฺ์ยืนกอดอกมองการต่อสู้ระหว่างไกรกับมือสังหารปริศนาผู้นั้นถึงกับต้องขมวดคิ้วเล็กน้อยทันที

 

       ' ไอ้ไกร แพ้ในการชนรอบแรก...หืม? พึ่งเคยเห็นนะเนี่ย...ปรกติแล้วจิตคุกคามของมันมักจะข่มคู่ต่อสู้ได้ตั้งแต่ในครั้งแรกที่สุดนี่ '  สิงห์คิดในใจอย่างประเมินพลังของมือสังหารร่างเล็กที่ใช้อาวุธไม่สมตัวที่ยืนตรงหน้าไกร แต่เขาก็ไม่ได้ตื่นตระหนกอะไรมากมาย เพราะเขารู้ดีว่าไกรเองก็ยังไม่ได้เล่นจนสุดฝีมือ...ชนิดที่แม้แต่ดาบลับอีกเล่มก็ยังไม่เอาออกมาเลยด้วยซ้ำ

 

       " แล้วมันจะเล่นท่ามากทำไมกัน แทนที่จะใช้ทั้งสดายุและสัมพาทีตั้งแต่แรกให้มันสิ้นเรื่องไปเลยแท้ๆ "  สิงห์อดบ่นออกมาเบาๆไม่ได้ ก่อนที่เสียงอันสุขุมเสียงหนึ่งจะเอ่ยตอบข้อสงสัยของเขากลับมาเบาๆทันที

 

       " ก็เพราะไกรเป็นนักดาบ ไม่ใช่ผู้ใช้คุณไสยอาคมที่มีวิชาคงกระพันเช่นเจ้าที่มักจะแสดงพลังที่แท้จริงเพื่อข่มคู่ต่อสู้ตั้งแต่เริ่มน่ะสิ สิงห์ "

 

       " เฮ้อ...ก็กะแล้วว่าไอ้กลิ่นอายบางๆที่ซ่อนอยู่บนเรือนนี้มันแปลกๆ ดีที่ว่าพอจะคุ้นๆเลยไม่ได้บอกไอ้ไกรไปก่อน...ที่แท้ท่านก็ทำตนเป็น วีรชนบนขื่อคา อยู่ตรงนี้นี่เอง ท่านผู้เฒ่า "

 

         สิ้นเสียงของไกร ท่านผู้เฒ่าในชุดรัดกุมที่หลบอยู่ในเงามืดก็ค่อยๆออกมาช้าๆ ในขณะที่สิงห์หันกลับไปค้อมหัวพร้อมกับยิ้มบางๆทันที

 

       " ไกรบอกว่าการที่ขุนนางระดับสูงพบปะกันในยามวิกาลจะต้องอาญาฟันคอริบเรือนนี่ "

 

       " ... "  ท่านผู้เฒ่าไม่ตอบโต้อะไร เขาเพียงแค่เดินมายืนข้างๆสิงห์พร้อมกับใช้สายตาอันคมกริบจ้องไปที่คู่ต่อสู้ของไกรอย่างพินิจ  ก่อนที่ในที่สุดเขาจะเปรยขึ้นเบาๆว่า

 

       " ไม่ใช่หมูในอวยเลยนะ...คู่ต่อสู้ของไกรนั่น "

 

       " คิดว่านั่นเป็นมือสังหารจากบรรลัยกัลป์รึเปล่าขอรับ? "  สิงห์เอ่ยถามขึ้นเบาๆ แต่ท่านผู้เฒ่าใช้เวลาคิดเพียงนิดเดียวก็ส่ายหน้าช้าๆทันที

 

       " ไม่ใช่หรอก ต่อให้เรายังไม่รู้จุดมุ่งหมายที่แท้จริงของกลุ่มบรรลัยกัลป์ แต่ดาราผู้นั้นคงจะไม่โง่พอที่จะฉีกสัญญาระหว่างพวกเราในเวลาที่รวดเร็วเช่นนี้แน่ "

 

       " อืม...ถ้าอย่างนั้นก็มีคนเหม็นขี้หน้าไอ้ไกรอย่างแรงเลยล่ะ "

 

       " ฮ่าๆๆ ก็จริงเช่นที่เจ้าพูด...แต่ว่า...เจ้าสังเกตไหม? จะว่าไปไอ้จิตคุกคามของมือสังหารนั่นนั่นทำไมมันรู้สึกคุ้นเคยอย่างแปลกๆนะ "  ท่านผู้เฒ่าอดครางขึ้นมาเบาๆอย่างผิดสังเกตไม่ได้ ก่อนที่เขาจะโคลงหัวเล็กน้อยอย่างคิดในแง่ดี แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังหันกลับมามองมือสังหารใต้บัญชาอย่างสิงห์พร้อมกับพูดเบาๆเป็นเชิงสั่งทันที

 

       " สิงห์ อย่างไรเจ้าก็เตรียมพร้อมไว้สักเล็กน้อยนะ ถ้าหากไกรเกิดพลาดพลั้งก็ให้เข้าไปช่วยเหลือทันที "

 

       " เข้าใจแล้วขอรับ "  สิงห์พยักหน้ารับคำเบาๆ ในขณะที่ท่านผู้เฒ่าโคลงหัวเล็กน้อยอีกครั้ง

 

       " เฮ้อ...คิดมากไปเองล่ะกระมัง...เพราะคงไม่มีไอ้บ้าที่ไหนจะซวยซ้ำซวยซ้อนได้ถึงเพียงนั้นหรอก! "

 

 

 

..........................................

 

 

 

         เคร้ง!

 

         ในเวลาเดียวกัน ท่านผิงที่เวลานี้ปลอมตัวสวมรอยมาเป็นมือสังหารที่จะมาลอบสังหารไกรลอบยิ้มเล็กน้อยให้กับผู้ที่สหายอย่างยูกิโอะแจ้งล่วงหน้ามาแล้วว่าเป็นมือสังหารหน้าใหม่ผู้มีวีรกรรมสำคัญมากมาย และเป็นคนสำคัญที่ลักดันให้ท่านผู้เฒ่าและคนอื่นๆต้องมาอยู่ที่อโยธยานี่...หญิงสาวควงง้าวที่ยังคงหุ้มปลายง้าวไว้ด้วยถุงหนังและฟาดใส่ไกรพร้อมกับรอยยิ้มที่สยายกว้างอีกครั้ง

 

       ' ไอ้เด็กนี่...ขนาดไม่ได้ผ่านการสอนจากเราเลยแท้ๆ แต่กลับใช้วิชาดาบที่เราคิดขึ้นมาเองให้กับหมู่บ้านนี่ได้ราวกับฝึกมาทั้งชีวิต ไม่สิ ต้องบอกว่าถ้านับแค่วิชาดาบอย่างเดียว เด็กนี่เก่งกว่าเราที่เป็นผู้คิดเพลงดาบเองเลยด้วยซ้ำ...แต่ว่า...ดูจากท่าทีแล้ว ไอ้เด็กนี่ไม่ได้มีดีแค่นี้แน่ '  หญิงสาวคิดในใจพร้อมกับดวงตาที่วิบวับราวกับเด็กได้ของเล่นใหม่ที่ถูกใจไม่มีผิดเพี้ยน

 

         ในขณะที่ไกรที่ไม่ได้รู้เรื่องว่าตนกำลังถูกทดสอบอยู่ก็ตั้งดาบขึ้นพร้อมกับเขม้นมองเพื่อหาช่องในการโจมตีอย่างไม่ลดราวาศอกพร้อมกับยิ่งประหลาดใจมากขึ้นไปอีก เพราะถึงแม้ว่าเขาจะใช้ดาบมือเดียว แต่เขาก็มัั่นใจในฝีมือที่รุดหน้าของตัวเองอยู่ไม่ใช่น้อยๆ ...แต่นี่ขนาดเขาไม่ได้ออมมือแล้วแท้ๆ แต่กลับยังทำอะไรสตรีปริศนาผู้ใช้ง้าวยาวตรงหน้านี่ได้เลยแม้แต่น้อย...ถึงเวลานี้จะไม่ได้ตกเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบมากนัก แต่นั่นก็ทำให้ไกรร้อนใจขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้อยู่ดี

 

       ' อืม...ถึงจะยังมีความร้อนใจอันเป็นลักษณะทั่วไปของเด็กวัยนี้ แต่เด็กนี่กลับควบคุมมันได้อย่างน่าทึ่งจนความร้อนใจไม่ส่งผลกับฝีมือเลย...ใจเย็นจนแทบจะเข้าขั้นเลือดเย็นเลยนะเนี่ย ...เจ้าเด็กนี่...ทำให้คะแนนที่ข้าให้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆเลยแฮะ...ในฐานะนักดาบ อย่างน้อยๆก็คงจะเกิน ๗ แต้มไปแล้วแน่ๆ '  ท่านผิงที่กำลังสนุกกับการประมืออยู่นั้นคิดประเมินให้คะแนนไกรในใจตามนิสัย ก่อนที่จะยิ่งนึกสนุกขึ้นไปอีก จนกระทั่งเธออยากจะรู้ถึงระดับสูงสุดของชายหนุ่มตรงหน้านี้แล้ว

 

         เคร้ง!

 

         ท่านผิงใช้กลางง้าวปัดดาบสีเงินรูปร่างงามที่พยายามโถมแทงเข้าใส่กลางลำตัวของเธอ ก่อนที่นิสัยเสียประจำตัวของเธอจะโผล่ออกมาจนกระทั่งเธอเบือกที่จะไม่ออมมืออีกต่อไป

 

       " ระวังไว้นะ เจ้าพระยาพิทักษ์ฯ...เพราะข้าจะเร่งขึ้นอีกนิดแล้ว "

 

       " อะไรนะ? "  ที่แรกไกรร้องทวนคำขึ้นอย่างประหลาดใจ แต่แล้วเขาก็เข้าใจเมื่อมือสังหารสาวตรงหน้าเร่งความเร็วของง้าวขึ้นอย่างกะทันหันจนกระทั่งไกรใจหายวูบและรีบเปลี่ยนจากรูปแบบโจมตีเป็นป้องกันแทบไม่ทัน

 

         เคร้ง!

 

       " บ...บ้าเอ้ย! "  ชายหนุ่มถึงกับอุทานออกมาเบาๆอย่างห้ามปากตัวเองไม่อยู่ เพราะตั้งแต่เห็นอาวุธยาวของอีกฝ่าย เขาก็เดาได้แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นคู่ต่อสู้สายพละกำลัง แต่เวลานี้หญิงสาวมือสังหารตรงหน้ากลับเร่งความเร็วได้จนกระทั่งอยู่ในระดับเดียวกับท่านสินที่เป็นสายดาบอาทมาทที่ใช้ความเร็วเป็นหลักเลยทีเดียว!

 

      ...พูดอย่างปลอดอคติ ถ้าหากเมื่อครู่มือสังหารปริศนาผู้นี้ไม่ได้เอ่ยเตือนเขาเสียก่อน...ความเร็วที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันนี้คงจะดับชีวิตของเขาไปแล้วด้วยซ้ำก็ได้!...

 

       " เอ้าๆ ข้ารู้นะท่านเจ้าพระยา ว่าเจ้ายังคงซ่อนอะไรไว้อยู่...ทางที่ดีข้าว่ารีบงัดออกมาใช้ดีกว่านะ ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้ใช้ซะ "

 

       ' บ้าชะมัด! แหกกฎเกินไปแล้ว แบบนี้มัน ราวกับ...เมื่อครั้งนั้นเลย '  ด้วยอารามตกใจและสถานการณ์ที่กดดันจนตึงเครียด ทำให้ชั่วเสี้ยววินาทีนึง ดวงตาของไกรกลับเห็นภาพอันเลือนรางของเจ้าจอมมารดาเพ็งในสมัยที่ไล่ต้อนไกรจนแทบเอาชีวิตไม่รอดซ้อนทับร่างของหญิงสาวผู้นี้อยู่...นั่นทำให้ไกรถึงกับต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจพร้อมกับรีบกระโดดถอยออกห่างมาอย่างแทบไม่เป็นกระบวนทันที

 

      " เหวอ! "

 

      ...การเกิดภาพหลอนนั้นเป็นช่วงเสี้ยววินาทีเดียวกับที่ท่านผิงฟาดง้าวลงใส่ไกรเต็มแรงพร้อมกับแฝงมาด้วยพลังอันน่าเกรงขามบางอย่างชนิดที่กะจะเผด็จศึกพร้อมกับจิตสังหารที่พุ่งวูบ แต่เพราะไกรกระโดดถอยหลังกลับไปแล้ว ทำให้ง้าวของเธอวืดจากเป้าหมายจนกระทั่งลงไปฟาดพื้นจนเกิดเสียงดังสนั่นราวกับฟ้าผ่าทันที

 

       " หืม? เอ๋...หลบได้...ไม่สิ หนีไปเลยไม่ใช่หรือเนี่ย? "  ท่านผิงที่ใช้ท่าเด็จศึกพลาดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนถึงกับต้องเอียงคอครางออกมาเบาๆอย่างประหลาดใจ ในขณะที่ไกรที่ถอยหลังไปไกลถึงกับรีบใช้มือขวาแตะหน้าอกตรงตำแหน่งหัวใจที่กำลังเต้นระรัว ทั้งๆที่ปรกติจะเต้นอย่างสงบและแช่มช้าแม้ในขณะประลองดาบแท้ๆ

 

      ...เขากำลังตกใจกับสิ่งที่พึ่งจะเกิดขึ้นกับตัวเขาเป็นครั้งแรก...อาการหวาดกลัวจากสุดขั้วหัวใจที่เกิดขึ้นและหายไปภายในชั่วเสี้ยววินาทีเดียว...

 

       " อ...ไอ้ความรู้สึกนั่น...รึว่า? "  ไกรครางออกมาอย่างเบาแสนเบาอย่างกล่าวกับตัวเอง ในขณะที่ท่านผิงเอียงคอพร้อมกับพูดเป็นเชิงดูถูกขึ้นอีกครั้งทันที

 

       " อ้อ...คงกลัวสินะ ไม่นึกเลยว่าเจ้าพระยาผู้มีชื่อเสียงจะกลัวกับเขาเป็นด้วย "

 

       " ตลกน่า...ความกลัวคือสติปัญญาของมนุษย์ที่สร้างมาเพื่อให้คนฉลาดเลี่ยงจากอันตราย ความกลัวไม่ใช่เรื่องน่าอายเสียหน่อย...แล้วอีกอย่าง...สิ่งที่เกิดขึ้นก็คงจะเรียกว่าความกลัวไม่ได้ด้วย "  ไกรพูดออกมาเบาๆพร้อมกับก้มลงมองมือตนเองที่เวลานี้หายสั่นเทาแล้วพร้อมกับแสยะยิ้มออกมาอย่างเข้าใจทุกอย่างทันที

 

      ...นี่คือสิ่งที่ครูมืด...พ่อและอาจารย์สอนดาบของเขาเคยพูดให้เขาฟังบ่อยๆ...เมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่ง ลางสังหรณ์ ในการต่อสู้จะปรากฏขึ้น และสิ่งนี้คือสิ่งที่บ่งบอกว่าเขาพัฒนาไปอีกขึ้นนึงแล้ว...

 

       " ทั้งๆที่ตอนนั้นก็เสี่ยงตายสุดๆแต่ไอ้ความรู้สึกนี้ก็ยังไม่เคยเกิดขึ้น เราก็นึกว่าที่ป๊าพูดเป็นเรื่องขี้โม้ซะอีก...ไม่นึกเลยว่าไอ้ลางสังหรณ์ที่ว่าจะมีอยู่จริงๆด้วย "  ไกรครางออกมาเบาๆพร้อมกับพยายามอย่างหนักไม่ให้ยิ้มออกมา ก่อนที่เขาจะชี้ปลายดาบไปที่มือสังหารสาวตรงหน้าพร้อมกับพูดเรียบๆอีกครั้ง

 

       " ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร ข้าก็ต้องขอบใจเจ้าจริงๆที่ทำให้ข้าทะลุเพดานของตัวเองไปได้อีกชั้นนึงแล้ว...และเพื่อตอบแทน...ข้าจะแสดงอะไรสนุกๆให้ดูนะ "

 

       " หืม? "

 

         ไกรสูดลมหายใจลึก ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาอย่างช้าๆ ก่อนที่เขาจะเข้าสู่ขอบเขตของห้วงสมาธิที่เขาเคยใช้มาแล้วเมื่อครั้งประลองกับท่านผู้เฒ่าเป็นครั้งแรก และครั้งที่จัดการกับมือสังหารที่หมายลอบปลงพระชนม์พระเจ้าเอกทัศน์และพระเจ้าอุทุมพร หรือพระดอกเดือ่ที่วัดประดู่ทรงธรรมนั้น...

 

      ...ขอบเขตของห้วงสมาธิที่สูงล้ำ จนกระทั่งในที่สุด ห้วงคำนึงของเขาเหลือเพียงแค่ดาบในมือ และคู่ต่อสู้อันแข็งแกร่งตรงหน้าเท่านั้น...

 

      ...ระดับสมาธิที่นิ่งจนกระทั่งแทบแยกไม่ออกระหว่าง สงบ กับ บ้าคลั่ง เลยด้วยซ้ำ!...

 

       " นี่เจ้า! "

 

         วูบ!

 

          ไกรที่อยู่ในสภาพห้วงสมาธิไม่พูดำร่ำทำเพลงให้เสียเวลาเลย เพราะพริบตาเดียวเขาก็พุ่งเข้ามายืนประชิดตัวของท่านผิงในชั่วพริบตา พร้อมกับที่ดาบจะตวัดวูบด้วยจิตสังหารที่เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนเลยทีเดียว!

 

       " ก...กรอด! "  ถึงการจู่โจมอย่างกะทันหันนี้จะไม่อาจทำอะไรท่านผิงที่มีประสบการณ์ในการต่อสู้สูงกว่าที่เห็นมากนักได้ แต่การเปลี่ยนไปชนิดราวกับเป็นคนละคนก็ทำให้เธอลำบากไม่น้อย จนกระทั่งนี่เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่เธอถูกบังคับให้ถอยร่นไป ทั้งๆที่มีง้าวอยู่ในมือเช่นนี้

 

       ' ไอ้เด็กนี่...ไม่ใช่แค่จิตสังหารที่แข็งกร้าวขึ้น แต่ยังเร็ว---ไม่สิ...ความเร็วอันเป็นขีดจำกัดยังคงเท่าเดิม แต่เพราะตัดสินใจได้เฉียบคมขึ้นจึงทำให้ดูเหมือนเร็วขึ้นอย่างกะทันหันเช่นนี้ '  ท่านผิงที่ยังคงอยู่ในฐานะที่สวมรอยเป็นมือสังหารเถื่อนคิดในใจอย่างเริ่มไม่สนุกด้วย ทั้งเธอยังคงติดใจสงสัยในท่าทีแปลกๆที่เหมือนจะยังแสดงฝีมือไม่เต็มที่ของอีกฝ่าย ทำให้เธอออกอาวุธช้าลงไปครึ่ง หรืออย่างน้อยๆก็ครึ่งของครึ่งจังหวะ ทำให้ในเสี้ยววินาทีที่ปะทะกัน เธอก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบทันที

 

       ' หึ! การเปลี่ยนรูปแบบการป้องกันและการโจมตีอย่างกะทันในชั่วพริบตา ทั้งยังสามารถเข้าสู่ห้วงสมาธิระดับสูงเพื่อใช้ในการต่อสู้จริงได้อีก นี่สินะ ไพ่ตายของเจ้าเด็กนี่...ได้ ๘ แต้มอย่างฉลุยเลย! '  ท่านผิงแยกเขี้ยววับพร้อมกับรีบกลับมาตั้งท่าใหม่อีกครั้ง

 

         เคร้ง!

 

         ท่านผิงใช้ส่วนด้ามง้าวกันดาบสีเงินของอีกฝ่ายที่กดลงมาอีกครั้ง และก็คิดว่าเธอก็เล่นมามากพอสมควร และก็คิดว่าเธอรู้จักลักษณ์ของการต่อสู้ของมือสังหารหน้าใหม่แห่งหมู่บ้านยุคันตวาตคนนี้มามากพอแล้ว เธอจึงคิดจะแสดงตัวเพื่อแก้ความเข้าใจผิด แต่เสี้ยววินาทีนั้น ไกรที่อยู่ในห้วงสมาธิอันไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมก็เผยไพ่ตายอีกอย่างที่เธอคาดไม่ถึงออกมาทันที

 

       " นี่...เจ้าน่ะ รู้จักกับสิงห์ของข้า และ ท่านผู้--- "

 

         กริ๊ก! วูบ!

 

         เสี้ยววินาทีที่ท่านผิงตั้งท่าจะพูดขึ้น ดาบสีเงินวาวในมือของเด็กหนุ่มตรงหน้าที่พยายามกดลงมาใส่ง้าวของเธอก็เกิดเสียงกริ๊กเบาๆ ก่อนที่พริบตาเดียว ดาบสีตะกั่วเล่มบางจะพุ่งวูบออกมาจากสันดาบสีเงิน เข้าไปสู่มืออีกข้างที่รอรับอยู่แล้วของไกร พร้อมกับที่ดาบเล่มนั้นจะวาดพรึ่บด้วยความเร็วและจังหวะที่เหมาะเจาะจนแม้แต่ระดับท่านผิงหรือใครก็ตามก็ไม่มีทางหลบได้อย่างไร้รอยขีดข่วนแน่นอน

 

         ฉัวะ!

 

         แม้ว่าท่านผิงจะไม่เสียเวลาตื่นตกใจและรีบเอียงหัวเพื่อหลบดาบสีตะกั่วที่หมายจะตัดหัวเธอได้อย่างฉิวเฉียดก็จริง แต่คมดาบก็ยังมีอำนาจและความเร็วมากพอจนกระทั่งเฉี่ยวผ่านหน้ากากและแก้มซีกซ้ายของเธอไปโดยไม่อาจหลบเลี่ยงได้ หัวใจที่เต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นของเธอส่งผลให้โลหิตสีดแดงสดพุ่งกระฉูดออกมาจากบาดแผลทันที

 

         วูบ!

 

         ไกรตั้งท่าเตรียมจะเผด็จศึกซ้ำทันทีเพื่อไม่ให้เสียเวลา แต่กระแสพลังที่เปลี่ยนไปอีกครั้งของมือสังหารสาวตรงหน้ากลับหยุดเขาไว้อย่างกะทันหันทันที

 

         กระแสพลังที่แข็งแกร่งกว่าเดิมนับสิบๆเท่า!

 

       " บ...บ้าแล้ว! นี่จะบอกว่าออมมือมาโดยตลอดเลยงั้นเหรอเนี่ย?! "  ไกรถึงกับหลุดจากห้วงสมาธิชั้นสูงถึงกับอุทานออกมาเบาๆอย่างไม่เชื่อสายตาทันที...ในขณะที่มือสังหารสาวร่างเล็กผู้นั้นกลับหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะพูดพลางกลั้วหัวเราะต่อว่า

 

       " คิกๆ ฮ่าๆๆๆ ๑๐ แต้ม...เจ้าผ่านระดับ ๑๐ แต้มอย่างไร้ข้อกังขาใดๆเลย "

 

       " ส...สิบแต้ม? "

 

       " ใช่แล้ว...ยินดีด้วยนะ ไกร! เจ้าอย่ในระดับที่พอที่จะเอาเลือดและวิญญาณเซ่นง้าวของข้าแล้ว! "  หญิงสาวพูดกร้าวๆพร้อมกับที่ถุงหนังที่หุ้มส่วนปลายง้าวอยู่ก็ขาดกระจายออกอย่างแรงด้วยพลังบางอยาง เผยให้เห็นหัวง้าวอันเป็นโลหะสีเขียวสดที่ถูกตีขึ้นเป็นรูปแบบของง้าวรูปจันทร์เสี้ยวขนาดใหญ่ ที่สลักใบง้าวไว้ด้วยรูปมังกรตามแบบฉบับของเทพนิยายจีนโบราณอันน่าเกรงขามที่สุด!

 

         วิ้ง!

 

         พร้อมๆกับเสียงของดาบฟ้าฟื้นในมือของท่านผู้เฒ่าที่กรีดร้องเตือนออกมา ท่านผู้เฒ่าที่ยืนอยู่ที่สูงพอจะจับกระแสพลังและเห็นง้าวเล่มนั้นอย่างชัดเจนถึงกับต้องเบิกตากว้างจนแทบถลนพร้อมกับอ้าปากค้างอย่างตกตะลึงทันที

 

       " ง้าวมังกรเขียวจันทรฉงาย?! ไม่ผิดแน่!...ยัยนั่น...ท่านอาจารย์หญิง กวนอิ๋นผิง?! "

 

         ในขณะที่สิงห์ที่ยืนอยู่ข้างๆกันยิ่งอยู่ในสภาพที่ตกตะลึงเข้าไปใหญ่ แต่ชายหนุ่มไม่ได้พูดครางออกมายาวเหยียดอย่างท่านผู้เฒ่า...เขาเพียงครางออกมาด้วยคำสั้นๆเพียงคำเดียวเท่านั้น

 

       " ม...แม่?! "

 

 

 

 

 ..................................................

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.1 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา