MEMORIES ความทรงจำ Chapter 2 {Remembarnces}

9.5

เขียนโดย Remembrances

วันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 02.05 น.

  5 ตอน
  5 วิจารณ์
  7,881 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 30 กันยายน พ.ศ. 2557 21.30 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) MEMORIES [2]: Previous

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
MEMORIES [2]: Previous
 
“เอ่อ....คือว่า ช่วยอะไรผมอย่างหนึ่งได้รึป่าวล่ะ”  อ๋อ
“อื้ม ว่าแต่ช่วยเรื่องอะไรละ”
“คือว่า..........ช่วยมาเป็นครูสอนทำอาหารให้ผมหน่อยดิ”
                
          นี่เป็นบทสนทนาของผมและข้าวปุ้นในตอนเข้าตรู่ของการมาเรียนวันแรกที่เปิดภาคเรียน จนผมต้องมานั่งอยู่ในห้องครัวของบ้าน ภัทรนันท์ ผมเหลือบไปมองหน้าของเด็กหญิงที่จัดแจงหยิบสิ่งของต่างๆเพื่อที่จะเริ่มต้นฝึกทำอาหาร ซึ่งมันก็ทำให้ผมอดที่จะยิ้มท่าทางของเธอไม่ได้
“ว่าแต่พี่เจจะสอนอะไรข้าวฟ่างเหรอ” น้ำเสียงเล็กๆ ของเธอที่ส่งผ่านมายังผม ท่าทางไร้เดียงสาของเธอทำให้ผมฉีกยิ้มที่มุมปากออกมา
“นั่นสิ จะทำอะไรดีก่อนละ” แต่ยังไงก็ขอวางมาดหน่อยละกัน ผมพูดพร้อมหุบยิ้มนั้นพร้อมพูดด้วยท่าทางที่เข้มขรึม “ฝึกทำขนมก่อนมั๊ย” หลังจากจบประโยคของผมข้าวฟ่างก็ได้มองมาทางผมพร้อมกับผงกหัวก่อนจะตอบตกลงผม
“อื้ม” ว่าแล้วผมก็เริ่มเข้าหาตัวเข้าฟ่างเพื่อที่จะสอนทำคุกกี้เพราะว่าก่อนอื่นควรจะเริ่มทำขนมอย่างง่ายก่อนเพื่อที่ให้เธอเรียนรู้ไปทีละเล็กทีละน้อย
 
          ผมและข้าวฟ่างวุ่นอยู่ในครัวเพราะกว่าจะผสมแป้งเพื่อจะมาอบคุกกี้ได้ก็นานมากแล้ว แต่ทว่าทำไปทำมาข้าวฟ่างกลับจามซะอย่างงั้น ทำเอาแป้งเปื้อนเต็มหน้าผมเลย
“เป็นไรรึป่าวคะ?” ข้าวฟ่างพูดพร้อมหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดที่หน้าผมซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยละอองแป้ง
“ไม่เป็นไร” ผมพูดพลางยกมือหยิบผ้าเช็ดหน้าที่ตอนนี้กำลังประกบมาที่หน้าของผม แต่แล้วสิ่งที่ผมสัมผัสก็คือมือของเธอ ช่างเป็นมือที่นุ่มและอุ่นยิ่งนัก ข้าวฟ่างจ้องมายังที่หน้าของผมและตอนนี้เองผมก็ได้แต่จ้องหน้าของเธอกลับโดยที่ไม่สามารถหลบสายตาเธอได้ จนในที่สุดเธอค่อยๆลดมือลงและก้มหน้าเพื่อที่จะทำคุกกี้ต่อ
“ขอโทษนะคะ”
“เรื่องอะไรเหรอ?”
“ป่าว ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” เธอพูดพร้อมก้มหน้าก้มตาทำคุกกี้ต่อ จนเวลาผ่านไปราวเกือบ 1 ชั่วโมงได้ คุกกี้ก็อยู่ในสภาพสมบูรณ์ เธอยิ้มร่า ใบหน้าของเธอในตอนนี้ช่างเป็นรอยยิ้มที่น่าทะนุถนอมยิ่งนัก
 
          ข้าวฟ่างยกถาดคุกกี้ที่อบแล้วมาจัดวางในจานและเดินออกไปพร้อมกับผมเพื่อที่จะให้พี่ชายของเธอได้ชิม แต่แล้วสิ่งที่ผมและข้างฟ่างเห็นก็ทำให้ผมตกใจมาในระดับหนึ่ง
 
“พี่ข้าวปุ้น”
 
          เสียงของข้าวฟ่างตะโกนออกมาซะดังลั่นเมื่อเธอเห็นภาพที่พี่ชายของเธอและเพื่อนของพี่ชาย เกือบจะนอนทับกันอยู่แล้ว และนั่นเองก็ทำให้ผมตกใจไปไม่ต่างจากข้าวฟ่างเช่นเดียวกัน ว่าแต่ถ้าพวกมึงจะทำอะไรกันก็เบาๆหน่อยเหอะ ที่ลับตาคนเยอะแยะไหง๋มานอนทับกันในที่สาธารณะ ที่คนเห็นโจ่งแจ้งแบบนี้กันวะ ผมคิดในใจว่าทำไปได้ยังไง จนทั้งสองพูดเป็นเสียงเดียวกันก่อนจะรับลุกออกจากกันเร็วดั่งสายฟ้าแลบ
 
“เห้ย”
 
*****
 
          ภายในบรรยากาศที่เงียบสงบของบ้าน ภัทรนันท์ เอาตามตรงเงียบจริงๆ แต่ผมและข้าวฟ่างยังคงจ้องมองไปยังข้าวปุ้นและไทค์ที่นั่งก้มหน้าก้มตาโดยที่ไม่พูดอะไรซักอย่าง (ช็อคอยู่เหรอยังไง) หลังจากที่ผมยืนดูทั้งสองนั่งก้มหน้าก้มตาอยู่นั้น ข้าวฟ่างก็ได้ยกจานคุกกี้ที่พึ่งอบเสร็จใหม่มาเสริฟให้ทั้งสองคน เพื่อที่จะได้ชิมฝีมือของข้าวฟ่าง
“วันแรกพี่เจเคเขาสอนทำแค่คุกกี้เอง แต่ข้าวฟ่างกลัวว่าจะทำออกมาไม่อร่อย งั้นถ้าไม่อร่อยก็โทษพี่เจเคก็แล้วกัน” น้ำเสียงที่แสนไพเราะและท่าทางที่ดูไร้เดียงสาของเธอทำให้ผมนิ่งเงียบไปทั้งอย่างงั้น และนั่นไม่ใช่แค่ผม ข้าวปุ้นและไทค์เองก็เงียบไม่ต่างกัน “พี่ข้าวปุ้นกับพี่ไทค์ลองชิมดูนะ” 
 
          หลังจากประโยคของข้าวฟ่างจบลงไทค์ก็ได้หยิบคุกกี้เข้าปากไปซึ่งตอนที่มันกัดเข้าไปคำแรกก็ถึงทำหน้าบิดเบี้ยวออกมาโดยไม่ถึงสามวิด้วยซ้ำ
“ไหง๋มันเค็มแบบนี้ล่ะ” ไทค์พูดออกมาและดูเหมือนว่าจะเป็นความจริงเพราะว่าเมื่อกี๊รู้สึกว่าข้าวฟ่างจะหยิบเกลือใส่แทนน้ำตาลรสออกมาแบบนี้ก็คงไม่แปลกเท่าไหร่ แต่ทว่า มันไม่ใช่แค่นั้นเพราะผมเห็นสีหน้าของข้าวฟ่างรู้สึกหงอยๆขึ้นมาทันที ซึ่งตอนนี้เองเหมือนว่าจะมีฮีโร่ปรากฏกายแล้ว
“อร่อยมากจ๊ะ เดี๋ยวที่เหลือนี่พี่ขอนะ เดี๋ยวพี่กับพี่ไทค์จะทานให้หมดเลย” ผมได้ยินคำพูดนี้ออกมาจากปากของ ข้าวปุ้นซึ่งมันยิ้มออกมาแบบไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก และรู้สึกว่าไทค์เองจะกรัซิบกระซาบอะไรไม่รู้กับข้าวปุ้น ท่าทางโวยวายใหญ่เชียว
 
“แต่เมื่อกี๊พี่ยังบอกว่ามันเค็มอยู่เลยไม่ใช่เหรอ”     
 
เสียงของข้าวฟ่างมองไปยังข้าวปุ้นและไทค์ด้วยความสงสัย เมื่อกี๊บอกเค็มและตอนนี้บอกอร่อย ไอ้พวกนี้ยังไงกันแน่ คงคิดแบบนี้สินะ
“พี่ไทค์เขาล้อเล่น” ข้าวปุ้นพูดออกมาคงเพราะกลบเกลื่อนแหละ จะว่าไปพวกนี้แถได้โล่จริง
“คับ พี่ล้อเล่น อร่อยมาก ดูดิ” ไทค์หยิบคุกกี้เข้าปากพร้อมกับเคี้ยวอย่างอร่อย ซึ่งมันทำให้ผมอดหัวเราะออกมาไม่ได้ งั้นก็รับเคราะห์ไปละกันนะ ว่าแล้วผมก็เลยชวนข้าวฟ่างเข้าห้องครัวเพื่อที่จะเก็บของกันให้เสร็จก่อน ทิ้งไว้ให้สองคนนั้นรับชะตากรรมต่อไป
 
*****
 
          ตอนนี้เข็มนาฬิกาก็ชี้เวลาที่ดึกพอสมควรแล้วผมกับข้าวฟ่างยังคงวุ่นกับการทำความสะอาดห้องครัวทั้งที่แม่บ้านบอกจะทำเองแต่ผมก็ดันตอบบอกว่าเดี๋ยวผมจัดการเองซะอย่างงั้น เฮ้อ อยากจัดการกับนิสัยที่พูดไม่คิดของตัวเองจังเลย
“เอ่อ........ พี่เจคะ” เสียงของข้าวฟ่างพูดออกมาขณะที่ผมบรรจงล้างจานชามอยู่
“ว่าไง”
“เอ่อ คือว่าข้าวฟ่างขอเบอร์พี่เจได้มั๊ยละ ถ้าเกิดว่าวันไหนข้าวฟ่างไม่ว่างพี่เจจะได้ไม่ต้องลำบากมาไงละ” ผมมองไปยังข้าวฟ่างขณะที่เธอพูดกับผมอยู่ และนั่นก็ทำให้ผมเผลอยิ้มออกมา
“อ๋อ ได้สิ” ว่าแล้วข้างฟ่างก็หยิบโทรสับของเธอมาให้ผมเมมเบอร์ให้ซึ่งตอนนั้นผมก็ล้างจานเสร็จแล้วล่ะ ผมเลยรับโทรสับของเธอเพื่อกดเบอร์ให้ แต่ผมแค่กดเบอร์ให้เธอเท่านั้นส่วนที่เหลือก็ทำเองละกัน
“ขอบใจนะคะ .............เออ พี่เจคะ”
“หืม อะไรเหรอ”
“ป่าวหรอกค่ะ แค่จะบอกว่า เวลาพี่ยิ้มอะ พี่ดูน่ารักมากเลย” ข้าวฟ่างมองมาทางผมด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะเดินออกจากห้องครัวไป ช่างเป็นยิ้มที่สวยงามจริงๆ ซึ่งตอนนั้นเองผมก็ได้แต่ยิ้มอยู่คนเดียวอย่างนั้นก่อนจะเดินไปยังห้องรับแขกที่มีไทค์รอผมอยู่ ผมจึงชวนมันเพื่อจะกลับเพราะว่าตอนนี้ก็ดึกมาแล้ว
 
          ผมอำลาข้าวปุ้นและข้าวฟ่างพร้อมกับไทค์ก่อนจะเดินจากมาซึ่งผมก็เห็นว่ามีรอยยิ้มจากคนๆหนึ่งส่งมายังผมอยู่ ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมยิ้มออกมาเหมือนกันยิ้มที่ไม่เสแสร้งและเป็นยิ้มที่ออกมาจากใจของผมจริงๆ ไม่รู้ว่าวันนี้ผมเลือกผิด หรือเลือกถูกที่มาเป็นครูสอบทำอาหารให้ข้าวฟ่าง แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาก็ดีเหมือนกัน เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้ผมลืมความทุกข์ไปบ้าง ผมมองไปยังแสงไฟนีออนตามทางเดิน เพื่อที่มาส่งไทค์กลับบ้านและแวะเอาของฝากที่มัน ก่อนจะขอตัวลากลับ
 
*****
 
          ทำไมผมถึงเป็นคนที่จมอยู่กับอดีตกันนะ ผมเดินไปยังลิ้นชักบนโต๊ะของตัวเองเพื่อก่อนที่จะหยิบไดอารี่เล่มหนึ่งขึ้นมา ทั้งที่ผมเคยเปิดสมุดเล่มนี้มาตั้งไม่รู้กี่ครั้งแล้วแต่ทำไมเมื่อมองมันทุกครั้งผมถึงไม่กล้าที่จะเปิดมันผมเป็นแบบนี้ทุกครั้ง ทำได้แต่ลูบที่หน้าปก โดยที่ไม่กล้าจะเปิดดูสิ่งที่อยู่ในนั้น
 
“เป็นแบบนี้มันดีแน่แล้วเหรอ?”
 
          ผมนั่งคิดกับตัวเองก่อนที่จะตัดสินใจเปิดปกไดอารี่เล่มหนานี้ออกมา ผมเอาแต่หลับตาในตอนที่เปิดปกที่แสนจะคุ้นเคยนั้น ไม่กล้าจะลืมตาดูมันถ้าเรียกให้ถูกมันเป็นความกลัวมากกว่า กลัวที่จะเจอกับมันอีกครั้ง ผมค่อยๆลืมตามองดูสิ่งที่จดบันทึกอยู่ภายในสมุดเล่มนี้ แต่สิ่งที่ทำให้ผมเห็นสิ่งแรกกลับทำให้น้ำตาของผมไหลออกมา
 
          ผมเคยตั้งคำถามให้กับตัวเอง ว่าคนเราจะรักกันมันอยู่ที่ไหน? อยู่ที่ใจ อยู่ที่คำว่าหลง อยู่ที่ชอบ หรือว่าเพราะรู้สึกดีเวลาอยู่ใกล้กัน คำตอบเหล่านั้นผมไม่เคยได้ยินมันซักครั้ง แต่คำตอบที่ผมได้ยินมา และชัดเจนที่สุด นั่นคือการกระทำ คนเราไม่จำเป็นต้องบอกว่ารักหรอก เพราะว่าการกระทำมันได้บอกเราอยู่แล้ว การกระทำสำคัญกว่าคำพูด คำนี้เป็นคำที่ได้ยินเสมอๆจากปากของเขา 3 ปี กับอีก 6 เดือน ผมมักจะได้ยินมันในทุกๆครั้ง ได้ยินคำๆนี้เสมอ แต่แล้ว 6 เดือนก่อน ทุกอย่างมันก็หายไป หายไปจากผม หายไปตลอดกาลเหลือเพียงไดอารี่เล่มเดียวนี้เท่านั้น ที่ยังคงจะเหลือไว้ให้ผมได้จดจำคำพูดคำนั้นต่อไป เก็บไว้ใน [ความทรงจำ] ชั่วนิรันด์
 
“โฟร์........เราขอโทษ เราคิดถึงเธอนะ....... กลับมาหาเราได้มั๊ย”
 
 
 
#####################
-กลับไปอ่าน MEMORIES Chapter 1 {Confusion} คลิดดูที่บทนำนะครับ ตามลิงค์นั่นเลย
-ขอบคุณที่ติดตามนะครับ รักคนเม้น รักคนอ่าน 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา