แล้วทำไมผมจึงต้องมาแต่งหญิงน่ะหรอ?
เขียนโดย ayanolieh
วันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 00.35 น.
แก้ไขเมื่อ 26 กันยายน พ.ศ. 2557 11.46 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) บทที่ 3 เธอคนนั้น และการช่วยเหลือของเพื่อนร่วมชั้น
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความวันพุธ ตอนกลางวัน แสงแดดที่กำลังจะย่างผมให้สุก อยู่ที่บนดาดฟ้า เหงื่อที่ไหลรินลงมาอาบแก้ม แล้วลงมาที่ไหปลาร้า ไหลซึมเข้าไปที่ร่องอก มันช่างเป็นภาพที่ยั่วยวนเหลือเกิน แต่ผมมันไม่ใช่ ถ้าจะมาสารภาพรักแล้วล่ะก็ ก็หัดเลือกสถานที่ที่มันดีๆกว่านี้ไม่ได้หรือไงกัน ดันมาเลือกไอ้ที่อยู้ใกล้พระอาทิตย์อยู่นี้อีก สมองน่ะสมอง คิดหรือป่าว เฮอะ ให้ตายหงุดหงิดจริงๆ
"ค...คือว่า ผม"
"คะ?"
"ผมชอบคุ-"
"ขอโทษค่ะ ดิฉันมีคนที่ชอบอยู่แล้วค่ะ"
"เอ๊ะ มีคนที่ชอบแล้ว ใครงั้นหรือครับ!!"
รำคาญจริงๆ ไม่เลิกลาจริงๆ
"ดิฉันไม่จำเป็นต้องตอบค่ะ เพราะว่าดิฉันน่ะ "ชอบ" เขาน่ะสิคะ!!"
"แง แง๊ แง๊ TwT"
ผู้ชายคนนั้นร้องไห้แล้ววิ่งหนีไป แต่ก็เป็นคนที่น่ารำคาญเอาเรื่องแฮะ ถ้าเราเป็นผู้หญิงก็คงจะปฏิเสธนั่นล่ะ
"กลับดีกว่า"
ผมกลับมาที่ห้องเรียน
"นี่ ไปปฏิเสธมาอีกแล้วหรอ? กี่ครั้งแล้วเนี่ย.. คารินจัง"
"ก็ฉันไม่ได้ชอบเขานี่นา"
"แต่เธอก็น่าจะหาแฟนสักคนก็น่าจะดีกว่านะ"
"ท...ทำไมล่ะ"
"ก็นั่นไง ก็ช่วงนี้ที่ร้านคาเฟ่เปิดใหม่ที่หน้าสถานี เขามีโปรโมชั่นให้เหล่าหนุ่มสาวคู่รักได้สวีทหวานแหววกัน 2 ต่อ 2 ด้วยนะ ไม่คิดว่ามันไม่น่าสนใจบ้างหรอ"
"ดิฉันไม่สนหรอกค่ะ เพราะว่า....."
"ไม่มีอะไรค่ะ เตรียมไปเรียนวิชาต่อกันดีกว่านะคะ"
ผมลุกออกไปจากห้องเรียนโดยไม่พูดอะไร
"ช่วงนี้คารินจังดูแปลกๆไปเนอะ"
"อ...อื้ม"
ณ สนามพละของโรงเรียน
"ป่านนี้คนๆนั้นเขาไปอยู่ไหนกันนะ?"
ผมหลับตาลง นั่งคิดเรื่องเมื่อ 11 ปีก่อน
"นี่..เจอสักกี่ปีกี่วันฉันก็จะไม่ลืมเธอ"
"สัญญาหน่อยสิว่า โตไปแล้วนายจะต้องแต่งหญิงนะ ถ้าเรามาเจอกันอีกครั้ง นายจะต้องบอกตัวจริงให้ฉันรู้นะ นะ นะ!!"
"เป็นสัญญาที่ไร้เหตุผลจังนะ แต่จะสัญญาก็ได้"
ผมสะดุ้งลืมตาขึ้น
"เมื่อกี้มัน.....ไร้เหตุผลชะมัด"
ผมหลังตาลงอีกครั้ง แล้วค่อยนึกเรื่องเมื่อตอนนั้นให้ดี ว่าใครคือเด็กผู้หญิงคนนั้น
"คิดให้ออกสิ คิดให้ออกสิ"
ผมพูดแบบนั้นไปเรื่อยๆเบาๆ จนนึกภาพของเด็กคนนั้นได้ เธอผมสั้นสี...ดำ เหมือนกับผม ใส่ชุดกระโปรงสีฟ้า และสุดท้ายที่ผมเห็นก็คือภาพหนังสือ ที่เธอนั้นมักจะเอามาให้ผมมาดูทุกวัน สรุปคือจำได้เพียงแค่นี้ หน้าตาก็ยังจำไม่ได้
(เรานี่มันแย่จริงๆ ลืมหน้าตา ของคนที่เป็นรักแรกของตัวเอง ถ้ายัยนั่นมาเห็นเราเป็นแบบนี้ล่ะก็ คงเกลียดเราแน่ๆเพราะฉะนั้น เราจะต้องหาเบาะแส และต้นตอที่ผมได้ไปเจอกันเธอคนนั้น)
###
หน้าร้อนเมื่อ 11 ปีก่อน ผมต้องมาค้างที่บ้านของเพื่อนพ่อ เพราะเรื่องงาน และตอนนั้นเอง ผมได้เจอกับผู้หญิงคนหนึ่ง ดูท่าทาง และนิสัยของเธอตอนแรกมันทำให้ผมรู้สึกรำคาญมากๆเลย แต่ผมก็เล่นกับเธอเกือบจะทุกวัน เพราะส่วนมากผมจะหลบหน้าเธอ เพราะรำคาญนั่นล่ะ
ในวันที่ 5 เมษายน เป็นวันที่ผมออกไปเล่นกันในป่า แล้วผมก็แกล้งเธอด้วยทิ้งเธอไว้ในป่าคนเดียว
"นี่!! คาริยะ อยู่ไหน คาริยะ!!......คาริยะ....ฮือ ฮือ ฮือ"
เธอนั่งร้องไห้อยู่เกือบจะครึ่งชั่วโมง ผมก็ออกไปหาเธอ แล้วขอโทษเธอ
วันต่อมายัยนั่นก็ป่วย ผมเอาแต่โทษตนเอง ผมพยายามที่จะทำอะไรให้เธอสักใครเป็นการไถ่โทษ ผมพยายามทำข้าวต้มไปให้เธอ แต่ก็พลาดแล้วพลาดเล่า แต่สุดท้ายก็ทำสำเร็จ แล้วเอาไปให้เธอกิน ไม่กี่วันเธอก็ดีขึ้น
"ดีขึ้นแล้วหรอ งั้นก็คงมาเป็นตัวตลกของฉันได้แล้วสินะ"
"อา ฉันหายแล้ว ข..ขอบคุณนะ เรื่องข้าวต้มน่ะ รสก็แย่ เนื้อไม่มีเลย มีแต่ผัก คิดจะให้ฉันกินแต่ ข้าวกันผักหรือไง ถึงรสชาติจะไม่อร่อย แต่พอคิดว่านายตั้งใจทำมาให้ฉัน ความอร่อยมันก็เพิ่มพูลขึ้นมาทันทีเลยล่ะ ขอบคุณนะ คาริยะ"
เธอยิ้มใหญ่ๆมาให้ผม ผมเห็นแบบนั้นแล้วหน้าผมแดง ใจก็เต้นแรงด้วย ไม่สมกับเป็นเด็กเลยนะเรา ผมหลบหน้าเธอแล้วตอบไปแบบไม่ได้ตั้งใจ
"ช่างเถอะน่า ฉันก็แค่ไม่อยากจะเสียของเล่นของตัวเองไปก็เท่านั้น ไม่ได้คิดเป็นห่วงเธอหรอกนะ!!"
"รู้แล้วล่ะย่ะ แล้ววันนี้จะไปเล่นไหนดีล่ะ"
"ที่นั่นเป็นไง ได้ข่าวลือว่าจะมีวิญญาณออกมาด้วยนะ!!"
"งั้นหรอๆ ลองไปกัน"
1 วันก่อนที่ผมจะกลับไปบ้านของผม เธอร้องไห้งอแง พยายามที่จะไม่ให้ผมไป แต่ผมนั้นต้องไปจริงๆ ผมได้สัญญากับเธอไว้ ถึงมันจะเป็นสัญญาที่ฟังดูแล้วไร้เหตุผล แต่ว่าสิ่งที่เธอพูด มันต้องมีอะไรที่มันแฝงอยู่แน่ ถึงต้องให้เราทำแบบนี้
"สักวัน ที่วันนั้นจะมาถึง ฉันจะไม่ลืม"
หลังจากกลับมาจากที่ทำงานพิเศษ ผมให้คุณมากะ ไปส่งคุณรูน่า 2 คนนั้นอยู่ด้วยกัน 2 ต่อ 2 ก็น่าจะได้ใกล้ชิดกันบ้าง พูดคุยกันบ้าง เพราะเดี๋ยวนี้ท่าทีของทั้ง 2 คน มันแปลกไป
ผมเดินผ่านสนามเด็กเล่นตรงข้ามร้านคาเฟ่ที่เปิดใหม่
"ไม่มีใครอยู่เลยแฮะ...."
ผมเดินไปนั่งชิงช้า แล้วแกว่งไปค่อยๆ ผมคิดว่าตอนนี้บทผมมันมีเยอะจัง ผิดละๆ คนละเรื่องเลย
"ตอนเด็กเราน่าจะทิ้งอะไรไว้ เผื่อจะจำกันได้เมื่อเห็น เรานี่มันก็มีแต่ความเย่อหยิ่ง และความอวดเก่งแค่นั้นเอง จะมีอะไรไปให้เขา"
ผมขยี้ผมแรงๆ แล้วลุกขึ้นบิดตัว
"เมื่อยจริงๆ คิดไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา แต่ว่าถ้าเธอจำเราได้ก็แล้วไป จำไม่ได้ก็ไม่ใช่เรื่องที่เราจะ ต้องไปสนใจนี่น่า แค่ 3 ปีน่าแค่ 3 ปี ก็จะไม่ต้องแต่งหญิง.......จะทนไหวไหมเนี่ย!!"
"อ่าว...นั่นคาริยะนี่!!"
ผมหันไปมองต้นตอของเสียงนั่น สิ่งที่ผมได้เห็นมันไม่ใช่ทั้งคนที่เคยเห็นหน้าอยู่ทุกวัน แต่เป็นเพื่อนสมัยประถมที่อยู่ห้องเดียวกันจนถึง 3 ปี ตั้งแต่ป.4 จน ป.6 เป็นเพื่อนสมัยเด็กที่ไม่ได้เจอกันถึง 3 ปี ตอนนี้รู้สึกเปลี่ยนไปมาก แต่ก็ยังรู้ว่าเป็นเธอ
"จำฉันได้หรือป่าว? ฮานะจังไง คัตสึระ ฮานะ ไง จำได้หรือป่าว?"
"จ...จำได้สิ เปลี่ยนไปเยอะเลยน้อ!!"
"ไม่ได้เจอกันนานเลยเนอะ คาริยะ!"
"อา ไม่ได้เจอกันนานเลย เป็นไงบ้างล่ะ"
"อืม ก็ดี แล้วคุณน้าล่ะ เป็นอย่างไงบ้าง?!"
"ท่าน.....เสียไปแล้ว....2 ปีก่อน"
"ง...งั้นหรอ ขอโทษนะ คงไม่อยากพูดสินะ"
"ม......ไม่เป็นไรๆ ที่จริงก็อยากจะบอกอยู่แล้ว"
"เหมือนเมื่อ 5 ปีก่อน น้องสาวของนาย"
"อา ท่านแม่เสียไป ก็เพราะป่วยนี่ล่ะ เหมือนยัยนั่้นเลย"
"อ๊ะ ขอโทษนะ พอดีฉันมากับเพื่อนน่ะ ฉันไปก่อนนะ"
"อ...อาๆ แล้วเจอกัน"
เสียงสงบลงอีกครั้ง ที่ถนนก็ไร้เสียงรถ ผู้คนเริ่มพากันกลับบ้าน สายลมเริ่มพัดมาเบาๆ เสียงใบไม้ เสียงนก เสียงกา เริ่มพากันดังขึ้น ผมที่ยืนอยู่ ก็ยืนนิ่งๆฟังเสียงของธรรมชาติ มันทำให้ผมรู้สึกดี
พอรู้ตัวอีกทีก็เกือบจะทุ่มครึ่งแล้ว ผมเลยรีบเดินกลับบ้าน
###
พระอาทิตย์เริ่มขึ้น บ่งบอกว่าเริ่มวันใหม่ แต่ที่ผมคิดคือ ไอ้ที่เรียกว่าเริ่มวันใหม่เนี่ย มันเริ่มต้องเที่ยงคือไม่ใช่หรอ ไม่ต้องรอให้พระอาทิตย์ขึ้นแต่ดูนาฬิกาก็จบแล้วไม่ใช่หรอ ไอ้คนเขียนเนี่ยจะเขียนบทความที่มันยาวยืดอย่างนี้ทำไมล่ะ กลัวหน้ามันน้อยหรอ กลัวคนดูจะไม่รู้หรอ ว่ามันเป็นอะไรอย่างไง ไอ้เราก็ไปว่าเขามากไม่ได้ ถ้าเขาคิดที่จะให้ตอนนี้เราตาย แล้วเปลี่ยนพระเอกใหม่ก็ยังได้ เอาเป็นว่าเมื่อกี้ผมไม่ได้พูดละกันนะครับ เรื่องเมื่อกี้ไม่ได้เกิดขึ้นนะครับ เอาล่ะมาต่อเรื่องกันนะ นะ!!
ท้องฟ้าสีคราม ลมที่พัดมานั้น ทำให้สบายดีเหลือเกิน ผมที่นั่งเหม่อลอยอยู่ข้างหน้าต่างเงยหน้าไปมองท้องฟ้า จากด้านในห้องเรียน เสียงนักเรียนที่นั่งคุยกัน มันดังเหลือเกิน แต่พอมองออกไปด้านนอกแล้ว เสียงที่ดังอยู่ ก็หายไป
"ช่วงนี้คุณชิบะ ดูแปลกๆไปนะคะ?"
"อา ฉันก็ว่างั้นล่ะ แต่ว่าปล่อยเธอให้อยู่คนเดียวนั่นล่ะ ยามิจังทำตามที่ คารินจังบอกไปเถอะ ไม่ต้องห่วงใครให้มากมายนัก ห่วงตัวเองน่ะดีที่สุดแล้ว ตามที่คารินจังบอกไว้ เนอะชิโอริ"
"อ...อืม ทำแบบนั้นน่ะดีที่สุดแล้ว"
ชิโอริค่อนข้างขี้อายก็เลยหลบอยู่ที่หลังของโมโมะตลอดเวลา
"ค่ะ ก็ได้ค่ะ....แต่เดี๋ยวก่อนค่ะ"
"หืม? อะไรหรอยามิจัง"
"ยังมีเขาอยู่นี่นา"
"เขา?"
"ค่ะ เขาต้องช่วยเรา เรื่องคุณชิบะแน่ๆค่ะ"
"แล้วใครกันเล่า!!"
"คอยดูกันพรุ่งนี้ค่ะ เอาล่ะ ไปเรียนวิชาต่อไปได้แล้วค่ะ"
ยามิเดินออกไปอย่าง อย่างไงดีล่ะคิดคำไม่ออกซะงั้น เอาสดใสไปละกัน ยามิเดินออกไปอย่าง..สดใส ร่าเริง เอาร่าเริงเติมไปด้วย
โมโมะและชิโอริก็เดินออกตามยามิไป ผมหันหน้าไปมองทั้ง 2 คนก่อนที่จะออกไป
"คนๆนั้น คือเราสินะ เอาล่ะพรุ่งนี้จะพยายาม"
ผมยิ้มเล็กๆออกมา แล้วเดินออกไปจากห้อง
"คารินจังจะเป็นไงบ้างนะ? คราวก่อนก็ป่วย พวกเราก็ไม่ได้ไปเยี่ยมด้วย"
"อืม...เขาโกรธพวกเราหรือป่าว?"
"พูดเป็นเล่นน่า คารินจังไม่ใช่คนที่โกรธง่ายขนาดนั้นสักหน่อย"
"ก็..ก็ไม่แน่หนิคะ!!"
"โห ถ้ามั่นใจขนาดนั้นล่ะก็ ช่วยไปถามคารินจังให้หน่อยสิ"
"ร...เรื่องนั้นมัน..."
"อาๆ ไม่หนุกเลย อย่าขี้อายนักสิ!!"
"ก็มันช่วยไม่ได้หนิคะ"
ทั้ง 2 เดินไปอย่างเงียบๆหลังจากคำพูดนั้น
ผมที่ยืนดูทั้ง 2 คนคุยกันอย่างมีความสุข มันทำให้ผมสุขใจมากๆ แต่คนที่จะทำลายความสุขนั้น อาจจะเป็นผมก็ได้ ดังนั้นผมต้องเข้มแข็งกว่านี้ เพื่อไม่ให้ทุกคนต้องเป็นห่วง
วันต่อมาผมมารอตามนัดของคิริซากิ ผมมาก่อนเวลาประมาณ 10 นาที ผมยืนรออยู่ที่สวนสาธารณะ ที่ต้องมาที่นี่ก็เพราะผมอยากให้มันอยู่ใกล้ๆบ้านของเธอ ไม่รู้ทำไมบอกไปงั้นล่ะ ผมหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋ามาดูเวลา
"12:25 น. นี่มันเกินมา 15 นาทีแล้วนะ"
ผมเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า ที่ว่ากระเป๋าเนี่ย มันกระเป๋ากางเกงนะ ไม่ใช่กระเป๋าถือ
"ขอโทษค่า!! รอนานหรือป่าวคะ? แฮกๆ"
ผมหันไปมองเธอ เธอดูท่าทางหอบๆ คงจะวิ่งมา แล้วจะวิ่งมาทำไมล่ะ งงวุ้ย!!
"เป็นอ-"
"รีบไปเถอะค่ะ พวกโมโมะจังเขารอกันที่ร้านแล้ว"
"อ.....อ่า ไปกันเถอะ"
ผมทำเสียงแหบๆ เบาๆ ตอนที่ตอบเธอไป เธอรีบจูงมือผมไปที่ร้าน
"จะรีบไปไหนเนี่ยคิริซากิ"
"นี่เป็นเรื่องใหญ่เลยนะคะ รีบไปเุถอะค่ะ!!"
เห๊อะ!! ผู้หญิงคนนี้ อยู่ด้วยแล้วยากจะทำตามใจแฮะ เหนื่อยจริง
ณ ร้านคาเฟ่ที่เปิดใหม่ ร้านคาเฟ่นี้ชื่อ บันนี่คาเฟ่ หน้าร้านดูเป็นร้านธรรมดา แต่พอเข้าไปเท่านั้้น ล่ะ ถึงกับตรัสรู้เลยล่ะครับ
"กลับมาแล้วหรอคะพี่ชาย"
"จะกลับทำไมเนี่ย นายน่ะ"
เอ้า!! จะให้มาหรือไม่มาเนี่ย ไม่เข้าเลยวุ้ย
"เอ่อ....ที่นี่-"
"นี่!! ยามิจัง อยู่นี่ๆ!!"
เสียงตะโกนเรียกของโมโมะ ทำให้ผู้คนเริ่มหันไปมอง
"อย่าตะโกนเสียงดังสิ โมโมะ"
ชิโอริบอกกับโมโมะ แต่โมโมะก็ไม่ได้สนอะไร ก็แค่คนมองเท่านั้น
เวลาผ่านมาเกือบๆชั่วโมงการเจรจาก็เริ่มไปเกือบจะเสร็จ
"เป็นอย่างนี้นี่เอง จะให้ฉันช่วยชิบะสินะ"
"ใช่ค่ะ"
"อืม เข้าใจละ เดี๋ยวฉันจะช่วยชิบะเอง"
"แหม่ นายเนี่ยสุดยอดจริงๆนะ เป็นญาติของลำดับ 1 ของห้องเราได้ไงเนี่ย แล้วยังรู้จักลำดับ 2 อย่างยามิจังอีก เจ้าชู้นะเราน่ะ"
"พ....พูดอะไรน่ะ โมโมะเดี๋ยวเขาก็โกรธเอาหรอก"
"ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณโมโมะอาจจะแค่ล้อเล่นก็ได้นะครับ"
"เห...นายเนี่ยน่าสนใจจริงๆนะ"
"อ...อะไรกันครับ?"
"อย่าไปรบกวน คุณคาริยะมากสิคะ"
"แหม่ๆ เป็นห่วงเขาด้วยหรอ ยามิจัง"
"ก...ก็ไม่ได้เป็นห่วงสักหน่อยค่ะ"
เธอทำท่าทางรุกรี้รุกรน อย่างไงชอบกล
"ท่าทางแบบนั้นเธอน่ะ...."
"ไม่ใช่นะคะ ฉันไม่ได้ชอบคุณคาริยะนะคะ!!"
อุ๊บ อะไรของกพวกเธอกันเนี่ย พูดอะไรกัน
"ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ ยามิจัง"
"งืม....ไม่ใช่สักหน่อยค่ะ"
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า ดูหน้าเธอสิ ฮ่า ฮ่า หน้าเธอมันบ่งบอกทุกอน่างเลยนะ ฉันว่าอย่าโกหกตัวเอง แล้วรีบบอกไปจะดีกว่านะ งั้นฉันกลับล่ะ ไปกันชิโอริ"
"อา อืม ข...ขอโทษที่รบกวนนะคะ"
ชิโอริก้มขอโทษ แล้วรีบเดินตามหลังโมโมะไป
"เอ่อ...ที่ว่านห้ามันบ่งบอกเนี่ย คืออะไรหรอครับ ผมงง??"
"ม....ม..ไม่มีอะไรค่ะ ทางเราก็กลับกันได้แล้ว"
"อ...อื้ม..."
ห๊ะ!! อะไรของเขาเนี่ย? จะร้าย จะดีเอาให้แน่สิฟร่ะ ผู้หญิงเนี่ยไม่เข้าใจจริงๆ ความรู้สึกของผู้ชายที่อยู่ดีๆก็ถูกว่าน่ะ มันเจ็บขนาดไหน
หลังจากนั้นผมเดินไปส่งเธอที่บ้าน
"งั้นฉันไปล่ะนะ"
"ด...เดี๋ยวก่อนค่ะ"
"หืม??"
"อุส่าห์มาแล้วก็เข้าไปที่บ้านฉันก่อนสิคะ คุณแม่ก็บอกว่าอยากจะเจอกับคุณน่ะค่ะ"
"เอ๋ จริงดิ ไหงงั้นอ่ะ"
ผมมองดูบ้านของเธอ มันก็เหมือนกับบ้านของคนธรรมดา
"นี่"
"คะ??"
"ฉันได้ยินมาจากชิบะว่า เธอเป็นลูกของตระกูลผู้ดีสูงศักดิ์ไม่ใช่หรอ?? ทำไมบ้านเธอ..."
"ก็จริงค่ะว่าฉันเป็นลูกของตระกูล แต่ว่าฉันกับแม่ขอแยกตัวออกมาจากที่นั่นน่ะค่ะ"
"ทำไมล่ะนั่นน่ะ?"
"ช่างมันเถอะค่ะ เข้ามาก่อนจะดีกว่านะคะ"
"อ...อ่า ก็ได้"
ผมเดินเข้าไปด้วยความรู้สึกเกรงใจและความรู้สึกตื่นเต้น ที่จะได้เข้าไปในบ้านของผู้หญิง
"ขอรบกวนหน่อยครับ"
"เอ๋ ยามิกลับมาแล้วหรอ อ่าวแล้วนั่นใครกันหรอ แฟนหรอจ๊ะ!"
หญิงสาวเดินออกมา ผมสั้นสีดำ ใส่ผ้ากันเปื้อน จากคำพูดของเขาแล้ว น่าจะเป็นพี่ หน้าตาออกจะสาวซะขนาดนั้น
"ม...ไม่ใช่นะคะแม่!"
แม่เรอะ!! นึกว่าพี่สาว
"รบกวนด้วยครับ.....O^O"
"เธอคงจะเป็นคริยะคุงสินะ?"
"ค...ครับ"
"เข้ามาก่อนเุถอะจ่ะ"
ณ ห้องรับแขกที่ดูจะกว้างเกินสำหรับ 2 คน มีโซฟารับแขก คุณน้าให้ผมไปนั่งกับยามิก่อน
"แล้วไปถึงไหนกันแล้วจ๊ะ?"
"ถึงไหน???"
อะไรหรอครับนั่นน่ะ ผมไม่รู้เรื่องเลย
"ก็อย่างเช่นจับมืออะไรกันเงี้ย!!"
"เอ่อ...ก็เคยอยู่บ้างนะครับ อย่างเมื่อเช้า"
"คุณแม่คะ!! อย่าพูดอะไรที่มัน...น่าอายสิคะ!!"
"อย่างนี้นี่เอง ไม่งั้นไม่เป็นแฟนกันเลยล่ะ?"
"ไม่ได้ฟังกันเลยสินะคะคุณแม่"
"เอ่อ..เรื่องนั้นไม่ได้หรอกครับ ผมเองไม่มีเวลามา-"
"ไม่ได้นะ ไม่ได้ ถ้าเอาแต่เรียน เดี๋ยวจะหาแฟนไม่ได้นะจ๊ะ! ถ้าเป็นคาริยะคุงล่ะก็ น้าล่ะยกยามิให้เลย"
"คุณแม่คะ!!!!"
"การให้ไปรักกับคนที่เขาไม่ได้รักเราเนี่ย มันไม่ได้หรอกนะครับ"
"เห เข้าใจพูด อย่างนี้น้าจะรอนะ จะจีบลูกน้าก็ได้นะ"
ไม่ได้ฟังกันเลยนี่หว่า ฟังกันมั่งเซ่!!!
"ขอโทษนะ ที่คุณแม่...."
"ไม่เป็นไรๆ"
"ที่จริงฉันก็ไม่ได้รังเกียจคุณหรอกนะคะ"
"หืม?? หมายความว่าไง"
"ป...ป่าวค่ะ คุณแม่นี่ล่ะก็ ไปไหนไม่บอกกันเลย"
เธอดูท่าทางแปลกๆแล้วเดินออกไป ทิ้งผมให้อยู่คนเดียว
หลังจากนั้นผมก็ขอเธอกลับบ้านก่อน เพราะมีอะไรต้องทำ
"ผ้าก็ยังไม่ได้รีด การบ้านก็ยังไม่ได้ทำ เห๊อะ!! ไหวไหมเนี่ยเรา"
และแล้ววันจันทร์ก็มาถึง ผมรวบผมเป็นทรงหางม้า เดินเข้าห้องอย่างสงบเสงียบ เพอร์เฟ็คเรียบร้อย สวยกว่าใคร เฮ้ยฉันไม่ได้คิดแบบนั้นสักหน่อย ไอ้คนเขียนอย่าทำอะไรที่ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดจะได้ไหมฟร่ะ
"เอ กลับมาดูสดใสเหมือนเดินแล้วแฮะ คาริยะคุงเนี่ย น่าสนใจจริงๆ ไปทำอีท่าไหนนะ คงจะท่ายากแน่ๆเลย"
"ท...ท่ายากเนี่ย ห...หมายความว่าไงกัน โมโมะ?"
"ฮ่า ฮ่า ล้อเล่นๆ"
"(ช่วยเขาจริงๆด้วยสินะคะ คุณคาริยะ ขอบคุณมากเลยนะคะ)"
ฉันคิดแบบนั้น คุณคาริยะสุดยอดจริงๆนะคะ ฉันเริ่มสนใจคุณขึ้นมาแล้วล่ะค่ะ
"อรุณสวัสดิ์ค่ะ ทุกคน!!"
รอยยิ้มของเธอนั้น ที่ถูกคุณคาริยะช่วยไว้ มันช่างสดใสเหลือเกิน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ