สัมพันธ์รัก...สัมผัสหัวใจ [YAOI]
เขียนโดย ผ้าปูโต๊ะ
วันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 23.08 น.
แก้ไขเมื่อ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557 00.23 น. โดย เจ้าของนิยาย
7)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเช้าวันใหม่ โชจินค่อยๆ ลืมตาตื่นแล้วเหตุการณ์เมื่อคืนก็ย้อนกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง โชจินรีบไปหันไปมองด้านข้างของตัวเองทันที แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า เขาลุกขึ้นนั่งและมองไปรอบห้อง ก่อนจะพยายามเปิดโสตประสาทการได้ยินให้กว้างมากที่สุด
เงียบ..........
นอกจากเสียงลมหายใจของเขา และเสียงที่ดังจากภายนอก เขาก็ไม่ได้ยินเสียงใดๆ อีก เขาก้าวลงจากเตียงแล้วจึงเดินออกไปดูนอกห้องด้วยความระมัดระวัง แต่ก็ไม่เจอใคร โชจินถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ก่อนจะรู้สึกเห็นอะไรแวบๆ ที่หางตา เขาหันไปดูก็เจอเข้ากับโพสต์อิทที่เป็นของเขาเองแปะอยู่ โชจินดึงมาอ่านข้อความสั้นๆ ‘แล้วเจอกัน’ แม้จะไม่มีชื่อลงท้ายไว้ แต่ก็เดาได้ไม่ยากว่าเป็นข้อความจากใคร เขาขยำกระดาษนั้นและเดินไปทิ้งลงถังขยะ ก่อนจะจัดการตัวเองให้เรียบร้อยเพื่อเตรียมไปทำงาน
พีวดลเดินผิวปากเข้ามาภายในโรงแรม ก่อนจะถูกทักขึ้นจากพี่ชายคนรองของตัวเองนามว่า ‘ธนภพ’
“อารมณ์ดีอะไรแต่เช้าวะ”
พีวดลไม่ตอบกลับ เพียงแค่ยักคิ้วให้กวนๆ ก่อนจะพากันเดินไปขึ้นลิฟต์เพื่อไปยังชั้นทำงานของฝ่ายบริหารระดับสูง
“เออ น้องเลม่อนถามหาน่ะ” ธนภพเอ่ยขึ้นระหว่างที่อยู่ในลิฟต์ พีวดลหันไปเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ธนภพเลยขยายความต่อให้เข้าใจ
“ก็เมื่อคืนไปเลี้ยงลูกค้ามา แล้วเจอ น้องเขาถามถึงมึง เห็นบอกว่าช่วงนี้ไม่ค่อยไปปาร์ตี้เลย ไงวะ เบื่อแล้วงั้นดิ” ธนภพแซวตบท้าย เขารู้ว่าน้องชายเขาเป็นเพลย์บอย แต่ก็รู้ด้วยว่าไม่ได้มั่วเอาไปซะทุกคน และที่สำคัญคือมีการป้องกันที่ดี แม้ว่าแม่ของเขาจะชอบบ่นกับเขาก็ตาม แถมยังโดนว่าอีกต่างหากว่าไม่ยอมเตือนน้อง
“ก็คงงั้นมั้ง พี่อยากได้ต่อมั้ยล่ะ ผมยกให้” พีวดลพูดแบบไม่ได้สนใจในตัวหญิงสาวที่ถูกกล่าวถึง น้องเลม่อนอะไรนี่ก็เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่เอาไว้เล่นสนุกเฉยๆ
“เฮ่ย! ไม่เอาล่ะ กูไม่นิยมเด็กผับ” ธนภพบอกตามตรง แม้เขาจะเที่ยวบ้างตามประสาผู้ชาย และมีหลายครั้งที่ต้องพาลูกค้าไปเลี้ยงยังสถานบันเทิงยามค่ำคืน แต่เขาก็ไม่ปรารถนาพวกผู้หญิงที่ชอบเสนอตัวให้ผู้ชายอย่างไร้ศักดิ์ศรี
“ลืมไปว่ามีตัวจริงอยู่แล้ว แววกลัวเมียนะพี่ชาย” พีวดลแซวกลับ เขายินดีกับพี่ชายคนนี้ที่ความพยายามของเขาก็สำเร็จ เพราะพี่ชายของเขาเฝ้าคอยหญิงสาวที่รักมาถึง 6 ปีเต็ม กว่าที่หญิงสาวจะยอมใจอ่อนและยอมรับสถานะแฟนที่พี่ชายเขาเต็มใจให้เป็นอย่างยิ่ง
“เออ ว่าแต่มึงเถอะ หาตัวจริงได้ยังวะ จะหญิงหรือชายเอาให้แน่” ธนภพถาม ตอนนี้ลิฟต์ได้พาพวกเขาขึ้นมาถึงชั้นที่ต้องการแล้ว ชายหนุ่มทั้งสองคนเดินออกจากลิฟต์และเดินไปตามทางยาว
“ยังเลยว่ะพี่ ก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรนะ ให้พี่ชายทั้งสองเป็นฝั่งเป็นฝาไปก่อน” พีวดลบอกสบายๆ และสิ่งที่เขาพูดไปก็เป็นจริงตามนั้น แม้ว่าแม่ของเขาจะชอบกดดันแบบเนียนๆ แต่เพราะเขาเป็นลูกชายคนสุดท้อง เลยโดนกดดันไม่มากเท่ากับพี่ชายทั้งสองของเขา โดยเฉพาะพี่คนโตที่ชื่อ ‘ธนวัฒน์’
“เออ เกือบลืม พี่โตให้มึงเข้าไปหาด้วย” ธนภพบอก พีวดลพยักหน้ารับทราบก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงาน
ชายหนุ่มขยับคอเพื่อไล่ความเมื่อย ก่อนจะเอนพิงพนักเก้าอี้เบาะนุ่มอย่างดี หลังจากที่ตรากตรำอ่านเอกสารมากมาย พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นเวลาที่บอกว่า 11 โมงกว่าแล้ว และความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามา เขาหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาใครบางคน ก่อนจะลุกออกไป
“คุณนิสา ผมจะออกไปทานข้าวข้างนอกนะ อาจจะกลับเข้ามาช้าหน่อย ถ้ามีอะไรเร่งด่วนก็รีบโทรหาผมนะครับ” พีวดลบอกเลขาฯ สาว แล้วจึงเดินออกไป
เขาขับรถคันสีดำคู่ใจมาจอดยังลานจอดรถ นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่เขามาฝากท้องไว้ที่นี่ นอกจากรสชาติอาหารที่อร่อยแล้ว อีกหนึ่งเหตุผลที่เขามาก็เพราะ...โชจิน
“สวัสดีค่ะคุณพีวดล” เสียงบริกรสาวดังขึ้น ก่อนจะพาเดินไปที่โต๊ะว่าง โชคดีที่เขาโทรมาบอกเจ้าของร้านไว้ก่อน หากไม่จองไว้ดูเหมือนว่าเขาคงไม่ได้เข้ามานั่งในร้านแน่ๆ เพราะดูจากเวลานี้โต๊ะมากมายก็ถูกจับจองโดยลูกค้าที่เริ่มหน้าตาแล้ว
“ว่าไงพี ติดใจจริงๆ สินะเนี่ย” จ๋าเดินเข้ามาทักทาย พีวดลยิ้มยอมรับว่าเขาติดใจที่นี่จริงๆ ก่อนจะปล่อยให้จ๋าไปทำหน้าที่ช่วยบริกรของร้านที่เริ่มวุ่นวายแล้ว เขาสอดส่ายสายตามองหาคนที่เขาต้องการจนเจอ แล้วเขาก็กะจังหวะเพื่อเรียกใช้บริการ
“น้องๆ สั่งอาหารหน่อย” พีวดลเอ่ยขึ้นทันทีที่โชจินมายืนอยู่ไม่ห่างมากนัก คนโดนเรียกหันไปเพื่อจะทำหน้าที่ แล้วก็ต้องชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะรีบปรับท่าทีให้เป็นปกติ
“จะรับอะไรดีครับ”
“ตกใจหรือเปล่าที่เมื่อเช้าไม่เห็นฉัน” แทนที่พีวดลจะสั่งอาหาร เขากลับถามเรื่องส่วนตัวแทน โชจินมองแวบหนึ่งก่อนจะตอบเสียงเรียบกลับไป “ดีใจมากกว่าครับ จะรับอะไรดีครับ”
“หึ...อืมมมม....วันนี้มีเมนูอะไรแนะนำมั้ย” พีวดลตั้งใจยืดเวลาเพื่อให้เขาได้คุยกับโชจินให้นานขึ้นไปอีก แต่ออกแนวหวังกวนประสาทเสียมากกว่า
“วันนี้ที่ร้านมีมัสมั่นไก่ครับ” โชจินตอบเสียงสุภาพไปตามหน้าที่โดยไม่มองหน้าชายหนุ่ม
“อืมมมมม....งั้นเอามัสมั่นแล้วกัน แล้วก็ทอดมันกุ้งด้วย ข้าวสวยหนึ่งจาน” พีวดลสั่งอาหาร เขาปิดเมนูและมองโชจินอย่างจงใจ
“รับน้ำอะไรครับ”
“ชาดำเย็นแล้วกัน”
“ครับ” แล้วโชจินก็เดินออกไปทันที พีวดลยิ้มมุมปากก่อนจะโดนทักขึ้นจากด้านหลัง
“มองเด็กจ๋าอีกแล้วนะ” หญิงสาวแกล้งแหวขึ้น ก่อนจะเดินไปนั่งลงฝั่งตรงข้ามชายหนุ่ม แล้วถามต่อ “นี่คิดอะไรจริงๆ กับโชจินใช่มั้ย”
“หวงจริงนะ แล้วถ้าฉันคิดจริง เธอจะทำไมฉัน” พีวดลถามกลับไปบ้าง จ๋ายิ้มหัวเราะก่อนจะตอบ “ฉันจะขัดขวางเธอ”
“อะไรกันเนี่ย ฉันดูอันตรายมากนักหรือไง” พีวดลถามไม่จริงจังนัก ก่อนจะยกแก้วชาดำเย็นที่มาเสิร์ฟแล้วขึ้นดื่มดับกระหาย
“มากๆ เด็กน่ารักอย่างโชจินน่ะ นายไม่คู่ควรจ้ะ” จ๋าบอกแบบไม่มีความเกรงใจ แต่ก็ไม่ทำให้พีวดลโกรธ เขากลับหัวเราะออกมามากกว่า ก่อนจะพยักหน้าให้จ๋าที่ขอตัวไปที่เคาท์เตอร์ก่อน
ไม่นานนักอาหารที่เขาสั่งก็ถูกเสิร์ฟบนโต๊ะโดยบริกรคนอื่น เขาลอบมองหาโชจินจนเห็นว่ากำลังทำหน้าที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของร้าน
“ผมกลับก่อนนะจ๋า ขอบคุณมากสำหรับอาหารมื้อนี้ อร่อยจริงๆ” พีวดลบอก
“ฉันสิต้องขอบคุณนายที่แวะมาอุดหนุนร้าน ขับรถกลับดีดีล่ะ” จ๋าบอก เธอเดินไปส่งพีวดลหน้าร้าน ชายหนุ่มหันกลับไปมองทั่วร้านอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่พ้นสายตาของหญิงสาวได้
“มองหาใครอยู่เหรอ? นี่จะจีบจริงป่ะเนี่ย” จ๋าถามอย่างใคร่รู้ พีวดลไม่ตอบนอกจากยิ้มให้อย่างเดียว แล้วชายหนุ่มก็เดินออกจากร้านไป พีวดลเข้ามานั่งในรถตัวเอง เขาหยิบมือถือขึ้นมากดส่งข้อความหาคนที่ไม่ได้เห็นหน้าก่อนจะออกมา เมื่อข้อความได้ถูกส่งไปแล้ว ชายหนุ่มจึงวางมือถือลงในช่องข้างตัวและขับรถออกไป
‘เหนื่อยมั้ยที่หนีฉัน ยังไงนายก็หนีฉันไม่พ้นหรอกนา’
“ตายแล้ว วันนี้ลูกชายฉันกลับบ้าน” เสียงของคุณวรรณภา ซึ่งเป็นคุณแม่บังเกิดเกล้าของชายหนุ่มทักขึ้น หลังจากเห็นลูกชายคนสุดท้องเดินเข้ามาในบ้าน ชายหนุ่มเดินยิ้มเข้าไปหาคนเป็นแม่ ก่อนจะเดินกอดกันไปนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่
“ผมก็กลับบ้านบ่อยๆ นะครับ บ่อยกว่าพี่สองอีกมั้ง” เขาบอก ก่อนจะหอมแก้มแม่ฟอดใหญ่
“แล้วทานอะไรมาหรือยังล่ะ” แม่ถาม ชายหนุ่มส่ายหน้า แม่จึงไล่เขาให้ไปอาบน้ำจะได้ลงมาทานมื้อค่ำด้วยกัน
“ตาเล็ก” คนเป็นแม่เอ่ยเรียกลูกชายอีกครั้ง และชื่อ “เล็ก” ก็มีไม่กี่คนที่ทราบชื่อนี้ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนในบ้านไว้ใช้เรียกเขา
“ครับ?” เขาขานรับพร้อมหันไปมองมารดาที่ยืนอยู่ปลายบันได
“อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย แม่จะได้ให้ป้านุ่มทำ”
“ไม่มีครับ ผมทานง่าย ป้านุ่มทำอะไรผมก็ทานได้หมดครับ” เขาตอบกลับไป ผู้เป็นมารดาพยักหน้าเข้าใจและแยกย้ายกันไป
พีวดลเดินลงมาอีกครั้งด้วยเสื้อผ้าสวมใส่สบายชุดใหม่ เขาเดินเข้าไปในห้องทานข้าวที่มีแม่และเด็กรับใช้กำลังจัดโต๊ะอาหารอยู่
“แล้วคนอื่นล่ะครับ” เขาถาม “อีกเดี๋ยวโตกับทรายก็จะกลับมาถึงแล้วล่ะ ทรายโทรมาบอกแม่แล้ว” เธอตอบลูกชายไป และหญิงสาวที่ชื่อทรายก็เป็นสะใภ้คนโตของบ้านวิวัฒนานนท์ พีวดลพยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าไปช่วยแม่จัดโต๊ะ
“แม่ครับ แล้วพ่อจะกลับมาวันไหนครับ” พีวดลถามในขณะที่กำลังวางจานข้าว แม่เงยหน้าขึ้นมามองลูกชายตัวเองพร้อมกับขมวดคิ้วจนชายหนุ่มต้องถามกลับด้วยคำถามใหม่ “ทำไมครับแม่ แม่ดูแปลกใจอะไร”
“นี่ลูกทำงานที่เดียวกันกับพ่อเขามั้ยเนี่ย” แม่ถาม ก่อนจะหัวเราะน้อยๆ
“ก็เราไม่ก้าวก่ายกันและกันไงครับ” พีวดลตอบกลับไป แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ คนมาใหม่อีกสองคนก็เดินเข้ามาเสียก่อน
“มากันแล้วเหรอตาโต หนูทราย”
“สวัสดีค่ะคุณแม่ สวัสดีจ้ะเล็ก” พี่สะใภ้เอ่ยทักทายน้องชายสามี
“ไงตาเล็ก หาทางกลับบ้านถูกได้แล้วหรือไง” พี่คนโตถามแซวน้อง
“พี่โตก็อีกคน ผมน่ะกลับบ้านบ่อยกว่าพี่สองอีก” แล้วเสียงหัวเราะของคนอื่นก็ดังขึ้น ก่อนที่คุณแม่จะไล่ให้โตกับทรายไปล้างไม้ล้างมือ แล้วจึงได้เริ่มทานมื้อค่ำกันสี่คน โดยคุณแม่นั่งหัวโต๊ะ ฝั่งซ้ายมือของเธอเป็นธนวัฒน์กับสะใภ้ ส่วนขวามือก็เป็นพีวดล
“ตาเล็ก เมื่อไหร่จะพาแฟนมาแนะนำให้แม่รู้จักเสียที อายุเราก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้วนะ” คนเป็นแม่ถามขึ้นในขณะกำลังทานอาหารกัน คนถูกถามชะงักเล็กน้อย ก่อนจะหันไปยิ้มให้
“ไม่ต้องมายิ้มเลย นี่ถ้าภายในปีนี้แม่ยังไม่เห็นหน้าแฟนเรานะ แม่จะหาให้เอง” คุณแม่พูดจริงจังจนพีวดลต้องเบนสายตาไปทางพี่ชายตัวเองเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล
“คุณแม่จะรีบไปทำไมล่ะครับ ต้องไปกดดันพี่โตสิ มากดดันอะไรผมล่ะ” พีวดลบอก เขารู้ว่าแท้จริงแล้วแม่ของเขาต้องการอะไรกันแน่
“ไม่ต้องโบ้ยมาเลยตาเล็ก แกเองก็เหอะ อย่าไปทำเพลย์บอยอะไรให้มากนัก เดี๋ยวเกิดเรื่องขึ้นมาแล้วจะยุ่ง” ธนวัฒน์เตือนน้องชายด้วยความหวังดี แม้ว่าที่ผ่านมาจะยังไม่เคยเกิดเรื่องอะไรให้วุ่นวาย เพราะความเพลย์บอยของน้องชายก็ตาม แต่เรื่องแบบนี้บางครั้งก็มาแบบไม่ทันตั้งตัว
“ไม่หรอกนาพี่โต ผมจัดการได้” พีวดลบอกพร้อมกับยักคิ้วกวนๆ ให้พี่ตัวเอง จนโดนคุณแม่ตีเข้าที่มือ
“โอ้ย! แม่ ตีผมทำไมเนี่ย”
“เลิกได้แล้วนะเล็ก ถึงแม่จะรู้ว่าเราป้องกันไว้ แต่แม่ก็ไม่ได้ชอบใจนักนะที่เล็กทำตัวแบบนั้น แม่ไม่พูดใช่ว่าแม่จะไม่รู้อะไรนะเล็ก” คนเป็นแม่ได้โอกาสสั่งสอนลูกชายคนเล็กจนเจ้าตัวหงอยไปทันที ส่วนพี่ชายก็ได้แต่นั่งขำจนโดนภรรยาตัวเองตีเบาๆ เป็นเชิงเตือนว่าอย่าหัวเราะน้อง
“ช่วงนี้ผมก็ไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นแล้วนะครับ นี่ก็เลิกไปหมดแล้ว ส่วนแฟนก็หาๆ อยู่ แต่มันยังไม่ใช่เลยสักคนน่ะสิ แม่คงไม่อยากได้สะใภ้ที่คิดแค่จะมาเกาะครอบครัวเราหรอกใช่มั้ยครับ” พีวดลพูดยืดยาว แม้เขาจะทำตัวเป็นหนุ่มปาร์ตี้ หนุ่มเพลย์บอย แต่ก็เพราะเขาพยายามหาคนที่คิดว่าใช่ที่สุดสำหรับตัวเขาและครอบครัวเขา ชายหนุ่มรู้ดีว่าผู้หญิงที่เข้ามาหานั้นย่อมต้องการผลประโยชน์อะไรบางอย่างจากความร่ำรวยและมีชื่อเสียงของครอบครัวเขาแน่นอน และนั่นจะไม่ใช่ตัวเลือกสำหรับคนอย่างพีวดล เพราะผู้หญิงเหล่านั้นก็มีไว้แค่เล่นสนุกยามค่ำคืน จบคือจบ อาจจะมีบ้างบางครั้งที่ต้องจ่ายค่าเสียหายไปเยอะหน่อย แต่ก็แลกกับการเลิกติดต่อกันอย่างถาวร รวมไปถึงเหล่าหนุ่มน้อยทั้งหลายที่พีวดลมักจะหาความแปลกใหม่ เมื่อเริ่มเบื่อลีลาเดิมๆ ของสตรี
หลังผ่านมื้อค่ำไป พวกเขาก็ออกมาคุยที่ห้องรับแขกกันพอประมาณ และก็ไม่พ้นเรื่องของพีวดล แต่ยังดีที่เขาสามารถเฉความสนใจไปลงที่ธนภพ ผู้ซึ่งไม่ได้อยู่ในวงสนทนาด้วย รายนั้นตั้งแต่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนก็นิสัยดีขึ้นเยอะ และดูจะเกรงใจว่าที่ภรรยาอยู่ไม่น้อย ธนวัฒน์กับภรรยาขอตัวขึ้นไปบนห้องก่อน เพราะรู้สึกเหนียวตัว วงสนทนาจึงได้ยุติลงและแยกย้ายกันไป พีวดลเองก็เดินขึ้นห้องนอนของตัวเอง
“เออ! ว่าไง” พีวดลทักคนปลายสายที่โทรเข้ามาในขณะที่เขากำลังเดินเข้าห้องนอน เมื่อเข้ามาอยู่ภายในห้องแล้วเขาก็เดินไปนั่งลงบนโซฟาตัวยาวที่วางชิดกับหน้าต่างขนาดใหญ่
“คืนนี้ไม่ไปแล้วว่ะ กลับมานอนบ้าน ขี้เกียจออกไปแล้ว” พีวดลบอกไป เขาล้มตัวลงนอนยาวเหยียดพร้อมกับมองท้องฟ้าไปด้วย
“อะไรวะมึง กูอุตส่าห์เรียกน้องๆ มาเนี่ย กะให้มึงเลือกเลย” คนปลายสายพูดกลับมาอีกครั้ง พีวดลหัวเราะในลำคอก่อนโต้กลับไปบ้าง “งั้นกูยกให้มึงแล้วกัน”
“เออๆ ไม่มาก็ไม่เซ้าซี้วะ แต่มึงแปลกไปนะเนี่ย หรือไปแอบกกกิ๊กที่ไหนหรือเปล่า” ปลายสายถามเชิงแซวไปด้วยในตัว
“กิ๊กห่าอะไรล่ะ ระดับกูมีแค่คู่นอนเว่ย กูไม่หาพันธะให้ปวดหัวหรอก มึงเองก็เหอะ อย่าเยอะให้มาก ระวังรถไฟมันจะชนกันสนั่นหวั่นไหว กูไม่ช่วยนะเว่ย” พีวดลบอก เพื่อนเขาคนนี้เพลย์บอยขั้นแอนวานซ์กว่าเขาเยอะ ถ้าเทียบกันแล้วเขานี่กลายเป็นหนุ่มเรียบร้อยไปเลยก็ว่าได้
“เฮ่ย! มึง นั่นมันเด็กที่ชื่อโชจินป่าววะ” เสียงที่เขาได้ยินทำให้เขาต้องลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว “มึง อะไรวะ มึงคุยกับกูอยู่ป่าวเนี่ย”
“โหลๆ มึงๆ แค่นี้ก่อนนะ” ปลายสายรีบบอก แต่ยังไม่ทันได้วางสายไป พีวดลก็รีบถามอย่างรวดเร็ว “มึงบอกกูมาว่าตอนนี้มึงอยู่ที่ไหน”
พีวดลรีบขับรถมาอย่างรวดเร็วจนถึงสถานบันเทิงแห่งหนึ่งที่เขาเคยมาสองสามครั้ง เขาลงจากรถและรีบเดินเข้าไปด้านใน แม้ว่าตลอดทางเดินจะมีคนทักทายเขาบ้าง และยังมีหญิงสาวที่พยายามจะเข้ามาหาเขา แต่ทั้งหมดก็ไม่ได้ดึงความสนใจจากเขาได้เลย ชายหนุ่มเดินตรงไปยังโต๊ะของเพื่อนที่กำลังโบกมือให้เขาเห็น
“ไหนวะ เด็กที่ชื่อโชจินอะไรนั่นอ่ะ” พีวดลรีบถามทันที
“ทำไมวะ มึงรู้จักน้องเขาเหรอ” เพื่อนเขาดันถามกลับแทนที่จะตอบคำถาม
“ไอ้แชมป์!! มึงรีบบอกกูมาเร็วๆ อยู่ไหน กูไม่มีเวลาเล่น” พีวดลพูดกลับไปน้ำเสียงจริงจังมากจนคนชื่อแชมป์ต้องชี้บอก พีวดลมองตามและเมื่อเห็นว่าเป็นคนคนเดียวกัน เขาก็เตรียมจะเดินไปหาทันที แต่แชมป์ก็ดันรั้งแขนเขาไว้ก่อน
“เดี๋ยวๆ มึงช่วยบอกกูก่อนได้มั้ยวะว่ามึงรู้จักน้องเขาหรือไง” แชมป์ยังคงอยากรู้ พีวดลหันกลับมามองก่อนตอบเสียงดังฟังชัดและหนักแน่น “เด็กกู!!”
-- จบตอนเจ็ด --
(ตอนใหม่คืนวันเสาร์ดึกๆ นะคะ หากใครอยากแนะนำ หรือติชมอะไร แต่ไม่มีล็อกอินที่นี่ สามารถส่งไปที่ทวิตเตอร์ https://twitter.com/Dekheechul หรืออีเมล์ secrett202@gmail.com หรือจะเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/Vdarkeye202 ก็ได้นะคะ จะขอบคุณมากมายเลยค่ะ และไม่ลืมที่จะขอบคุณนักอ่านเงาทุกท่านด้วยนะคะ )
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ