เสน่หาทาสซาตาน NC18+ (โหดนิดๆ หยิกกัดน้อยๆ)
-
เขียนโดย สุภาวดี
วันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 21.58 น.
14 ตอน
0 วิจารณ์
32.37K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2564 11.07 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) กลั่นแกล้ง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ4
กลั่นแกล้ง
เวลาล่วงเลยไปจนใกล้เวลาเลิกงาน แต่หญิงสาวที่ไปค้นหาเอกสารให้เจ้านายยังคงหายเงียบอย่างไร้วี่แววว่าจะกลับออกมาง่ายๆ
ธีรพัฒน์กดโทรศัพท์สายในเพื่อต่อถึงหญิงสาวหน้าห้องอยู่หลายครั้งแต่เธอก็ยังเงียบ คนในห้องนึกหงุดหงิดที่เจ้าหล่อนเป็นเลขาของเขาแต่ทำไมไม่คอยรับใช้เขา หล่อนหายไปไหนเป็นนานสองนาน ชายหนุ่มในห้องทนไม่ไหวจึงต้องลุกขึ้นจากโต๊ะของตัวเอง เพื่อออกไปดูว่าเธอแอบไปอู้งานอยู่ที่ไหน แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่าทั่วทั้งบริเวณของชั้นผู้บริหาร สองเท้าแข็งแกร่งกำลังจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในห้อง สายตาพลันเหลือบไปเห็นแม่บ้านที่กำลังเก็บกวาดบริเวณนั้นอยู่จึงเอ่ยถาม
“คุณแพรวาไปไหน” น้ำเสียงขุ่นเข้มถามออกไปด้วยความรู้สึกหงุดหงิด
“อยู่ในห้องเก็บเอกสารค่ะ ให้ไปตามไหมคะ” แม่บ้านตอบเสียงเบาติดจะสั่นเล็กๆ เพราะดูท่าคนถามจะอารมณ์ไม่ดี
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวผมจะกลับแล้ว” เขาบอกแล้วหมุนตัวกลับเข้าห้องทำงานไปด้วยความหงุดหงิด หาเอกสารแค่นี้หายไปครึ่งค่อนวัน อู้งานน่ะสิไม่ว่า ธีรพัฒน์บ่นงุบงิบอย่างหัวเสียก่อนจะหยิบมือถือเครื่องเล็กขึ้นมากดโทรหาเพื่อนรัก
‘กร ฉันจะกลับบ้าน... เดี๋ยวนี้!’ คนหงุดหงิดกระแทกเสียงลงไปอย่างเคยตัว
‘เห้ย! อะไรวะไอ้ท่านประธาน ให้กระผมเคลียร์งานสักครู่สิครับ’ ปลายสายประชดประชันกลับมาด้วยความหมั่นไส้คนเอาแต่ใจ ที่วันๆ ดีแต่สั่ง สั่ง ทั้งวัน
‘ไม่ได้! ฉันจะกลับตอนนี้ และก็เดี๋ยวนี้ด้วย ฉันจะลงไปรอแกที่รถ แล้วอย่าให้ฉันต้องรอนาน’ ว่าจบก็กดวางทันทีโดยไม่ฟังเสียงคัดค้านของคนปลายสาย
“อ้าวเห้ย! เดี๋ยวเส้ อะไรวะ เกิดหิวนมแม่ขึ้นมาหรือไง” ทินกรบ่นอุบด้วยความโมโห ที่จู่ๆ ก็โดนเร่งให้กลับบ้านแบบนั้น
วันนี้เขาคงไม่ได้เจอแพรวาแน่ๆ เลย ชายหนุ่มบ่นอย่างเสียดาย เขากะว่าจะไปส่งหญิงสาวเหมือนเมื่อวานสักหน่อย แต่คงต้องยกเลิกไปก่อน เพราะไอ้เจ้านายเอาแต่ใจนั่น ‘ฮึ! ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้เพื่อนเวร ไอ้มารหัวใจ’ ปากก็บ่นมือก็เก็บข้าวของเข้าที่เพื่อรีบลงไปตามคำบัญชาของเพื่อนรักทันที
รถคันหรูพาสองหนุ่มออกมาจากบริษัทด้วยฝีมือการขับของธีรพัฒน์ และเมื่อผ่านหน้าคอนโดที่พักของผู้หญิงที่ทำให้เขาหงุดหงิดตลอดทั้งวัน
ธีรพัฒน์ชะลอรถให้ช้าลง และมองเข้าไปเหมือนกับมองหาอะไรสักอย่าง ซึ่งดูเหมือนเป็นความเคยชินที่ทำลงไปโดยไม่รู้ตัว ทั้งๆ ที่เขาเพิ่งมาจากเมืองนอกแค่เพียงวันเดียวและเคยผ่านที่นี่แค่ครั้งเดียวเท่านั้น จะเคยชินได้อย่างไร ซึ่งความรู้สึกนี้เขาก็ไม่อาจตอบตัวเองได้เหมือนกันว่าทำไมต้องทำเช่นนั้น
“แกจะซื้อคอนโดเหรอ” ทินกรเอ่ยถามเพื่อน เมื่อเห็นว่าธีรพัฒน์ชะลอรถแล้วมองเข้าไปในคอนโด
“เปล่า! เห็นสวยแปลกตาก็เลยมองดู” น้ำเสียงเรียบนิ่งเหมือนเป็นแค่เรื่องธรรมดา
“แต่ฉันว่าซื้อไว้สักห้องก็ดีเหมือนกันนะ เวลาเลิกงานเย็นๆ ขี้เกียจขับรถกลับบ้าน เบื่อรถติด”
“แกก็ซื้อไว้แล้วไม่ใช่หรือไง” คนขับนึกหมั่นไส้คนโกหก ตัวเองซื้อให้ผู้หญิงอยู่แท้ๆ ยังจะทำเป็นไขสือ
“ไอ้บ้า! ฉันแค่คิดเฉยๆ แต่ยังไม่ได้ซื้อเลย... ป่านนี้ไม่มีห้องว่างให้ซื้อแล้วมั้ง ต้องลองถามคุณแพรเธอดู เพราะเธอพักอยู่ที่นี่” ทินกรชี้แจงอีกฝ่ายให้เข้าใจ ก่อนจะคิดขึ้นได้
“เอ๊ะ... แล้วทำไมแกถึงคิดว่าฉันซื้อคอนโดที่นี่ไว้แล้ววะ” พูดพลางมองหน้าอีกฝ่ายอย่างจับผิด
“ก็เห็นอยู่ใกล้บริษัท ก็เลยคิดว่าแกน่าจะซื้อไว้แล้วซะอีก เผื่อฉันจะขอมานอนเล่นบ้าง” ธีรพัฒน์แก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ พลันคิดถึงหญิงสาวที่พักในคอนโดแห่งนี้ ถ้าเพื่อนเขาไม่ได้ซื้อ แล้วใครกันที่ซื้อให้หล่อน หรือจะเป็นไอ้ตี๋แว่นนั่น ‘ฮึ คนอย่างเธอก็ได้แต่หลอกผู้ชายไปวันๆ สินะ แพรวา’ ธีรพัฒน์ต่อว่าหญิงสาวอย่างไม่สบอารมณ์นัก แล้วหันมาตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อไป
ทางด้านคนที่ไปค้นเอกสารอยู่นั้น กว่าจะหาจนครบตามต้องการ และขนเอกสารทั้งหมดมาวางที่โต๊ะของเจ้านายจอมเอาแต่ใจได้สำเร็จ เวลาก็ล่วงเลยมาจนดึกดื่นกว่าแพรวาจะได้ออกจากบริษัท ขณะกำลังเดินออกมาก็ได้ยินเสียงเรียกเข้าที่คุ้นหูจากโทรศัพท์เครื่องเล็กในกระเป๋า พอเห็นชื่อที่หน้าจอบ่งบอกว่าใครโทรมา หญิงสาวยิ้มหวานก่อนจะกดรับ
‘สวัสดีจ้ะ มล’ เสียงหวานกรอกลงไปให้เพื่อนรักที่คิดถึง
‘สวัสดีจ้ะ แพร ทำอะไรอยู่’ ปลายสายตอบกลับเสียงใส
‘แพรเพิ่งออกจากบริษัทจ้ะ พอดีเพิ่งทำงานเสร็จ มลมีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ’
‘อะไรนะ! ป่านนี้เพิ่งกลับบ้านเนี่ยนะ จะสี่ทุ่มแล้วนะแพร’ คนปลายสายตกใจเสียงเครียดเพราะความเป็นห่วง
‘ก็แพรทำงานที่เจ้านายสั่งไว้น่ะจ้ะ กว่าจะเสร็จก็เลยดึกไปหน่อย’
‘ปกติคุณป้าเขาไม่เคยใช้งานแพรขนาดนี้นี่นา งานด่วนเหรอ’ พิชามลถามออกไปด้วยความสงสัย ปกติคุณหญิงเพ็ญพักตร์เขาเอ็นดูแพรวาจะตาย จะให้ทำงานดึกดื่นแบบนี้ไม่เคยเลยสักครั้ง
‘ไม่ใช่คุณท่านหรอกมล แต่เป็นคุณธีร์พัฒน์เจ้านายคนใหม่ของแพรน่ะ’ เสียงหวานคลายความสงสัยให้เพื่อนสาว
‘อ้าว นี่พี่ธีร์กลับมาจากต่างประเทศแล้วหรือเนี่ย มลลืมไปเลย’ คนปลายสายทำท่าคิด เหมือนจำพี่ชายคนที่เคยเล่นกับเธอบ่อยๆ ตอนไปบ้านคุณหญิงเพ็ญพักตร์ได้ลางๆ
‘ใช่จ้ะมล ตอนนี้เขามารับตำแหน่งประธานแทนคุณท่านแล้ว แพรก็เลยต้องเป็นลูกน้องเขาโดยปริยายน่ะ’
‘แล้วแพร เป็นไงบ้าง วันแรกก็เจองานหนักเลยเหรอ’
‘ไม่หรอก แค่หาเอกสารนิดหน่อยน่ะ’ แพรวาถอนหายใจเบาๆ
‘ฟังเสียงแพรไม่ค่อยดีเลยนะ มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า เล่าให้มลฟังได้นะ พี่ธีร์น่ะ มลก็พอจำเขาได้ เมื่อก่อนบ้านมลกับบ้านพี่ธีร์เคยไปมาหาสู่กัน เคยวิ่งเล่นด้วยกันบ่อยๆ ตอนสมัยเด็กๆ น่ะ แต่มลว่าพี่เขาก็เป็นคนใจดีนะ ไม่น่าใช้งานแพรขนาดให้กลับบ้านดึกดื่นป่านนี้’
‘อืม ขอบใจนะมล แพรไม่เป็นไรหรอก เขาสั่งก็ต้องทำมันเป็นหน้าที่นี่จ๊ะ ว่าแต่มลเถอะโทรมาหาแพรมีอะไรหรือเปล่า’
‘ว๊าย! ตายแล้ว มลลืมไปเลย พี่วิทให้โทรมาชวนแพรไปเที่ยวทะเลด้วยกันวันอาทิตย์นี้น่ะจ้ะ มลก็ชวนแพรคุยจนเกือบลืม’
‘แพรอยากไปนะมล ฝากขอบคุณพี่วิทด้วยที่ชวน แต่แพรยังรับปากไม่ได้นะ เดี๋ยวไว้ใกล้ๆ แพรให้คำตอบอีกทีละกัน’ แพรวาตอบไปด้วยความดีใจ เพราะเธอชื่นชอบทะเลอยู่แล้ว
‘ได้จ้า แล้วนี่เดินถึงคอนโดหรือยัง มลเป็นห่วง’
‘ถึงแล้วจ้ะ เนี่ยกำลังไขประตูห้องเลย’
‘อ่อ โอเค งั้นแค่นี้ก่อนนะแพร มลขับรถอยู่ ไว้ค่อยคุยกันใหม่ บายจ้ะ’
หลังจากวางสายเพื่อนสาวที่แสนคิดถึงไปแล้ว พิชามลก็กดต่อสายไปถึงพี่ชายทันที เพื่อแจ้งข่าวของแพรวาให้เขาได้รับรู้ ระหว่างที่กำลังก้มลงกดเบอร์โทรศัพท์อยู่นั้น จึงไม่ทันสังเกตเห็นรถมอเตอร์ไซค์ที่วิ่งปาดแทรกเข้ามา ทำให้พิชามลตกใจเหยียบเบรกกะทันหันเพื่อหยุดรถ
กรี๊ดดด... เอี๊ยดดด... โครม!
หญิงสาวหยุดรถได้ทันโดยไม่ได้เฉียดเฉี่ยวรถมอเตอร์ไซค์คันนั้น แต่รถของเธอกลับถูกรถคันที่ตามหลังมาชนท้ายเข้าอย่างจัง ด้วยแรงสะเทือนทำให้หญิงสาวในรถถึงกับจุกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตั้งสติแล้วรีบเปิดประตูรถออกไป เป็นจังหวะเดียวกับที่ชายหนุ่มเจ้าของรถคันที่ชนท้ายเธอก็เปิดประตูรถลงมาด้วยเหมือนกัน
“อ่อ ว่าแล้วต้องเป็นผู้หญิงแน่ๆ ขับรถแบบนี้” ทินกรบ่นกับตัวเองเบาๆ หลังจากเห็นหญิงสาวเจ้าของรถที่จู่ๆ ก็เบรกกะทันหันจนเขาตั้งตัวไม่ทันพุ่งชนท้ายรถของเธอเข้าอย่างจัง
“นี่คุณ! ขับรถประสาอะไร นึกจะเบรกก็เบรกแบบนี้ ผมเสียหายนะ” ชายหนุ่มต่อว่าหญิงสาวเสียงดังด้วยความโมโห เขาเองก็รีบด้วย จึงไม่ทันระวัง
“เอ๊ะคุณ! ฉันก็เสียหายเหมือนกันนะ ไม่เห็นหรือไง ว่ามีรถมอเตอร์ไซค์วิ่งตัดหน้าฉันไปน่ะ ฉันก็เลยต้องหยุดรถกะทันหัน” พิชามลนึกโมโหขึ้นมาที่ชายหนุ่มต่อว่าเธอเสียงดัง และยังโทษว่าเป็นความผิดของเธอคนเดียวอีก
“ไม่รู้หละ ยังไงคุณก็ผิดที่เบรกรถกะทันหัน จนผมต้องพุ่งชนท้ายรถของคุณ” ทินกรเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ แต่จะว่าไป พอมองใกล้ๆ แล้ว ผู้หญิงคนนี้ก็สวยน่ารักเหมือนกันแฮะ แม้ใบหน้าจะไม่หวานล้ำเท่าหญิงสาวในดวงใจของเขา แต่ก็ถือว่าน่ารักมากทีเดียว ปากเล็ก จมูกหน่อย ตาคม แม้จะไม่กลมโตมาก ดูเหมือนจะเป็นคนจีนซะมากกว่า
“คุณนั่นแหละที่ต้องรับผิดชอบ เพราะคุณขับรถเร็วจนพุ่งชนท้ายรถของฉัน” พิชามลยืนเท้าสะเอวต่อว่าฝ่ายชายอย่างไม่ลดละ ‘ชิ! น่าตาก็ดี ขับรถไม่ดูตาม้าตาเรือ ไม่รู้จะรีบไปไหน’
“อ้าวคุณ... ถ้าคุณไม่เบรกกะทันหัน ผมก็คงไม่พุ่งชนคุณหรอก ดังนั้นคุณนั่นแหละที่ผิด” ทินกรนึกหมั่นไส้ผู้หญิงปากจัดตรงหน้าขึ้นมาตงิดๆ
“แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง... มันเป็นอุบัติเหตุ... ต่างคนต่างซ่อมก็แล้วกัน” หญิงสาวรีบปัด เพราะนี่ก็ดึกมากแล้วจะเรียกประกันก็คงต้องรออีกนานแน่
“ได้ไง! คุณนั่นแหละต้องซ่อมให้ผม เพราะคุณผิด” แหม๋ แม่คุณ ทำผิดแล้วคิดจะชิ่งกันดื้อๆ แบบนี้น่ะเหรอ ไม่มีทาง! รู้จักทนายหน้าหยกอย่างทินกรน้อยไปซะแล้ว พ่อจะสอยให้หนักเลย พวกคนรวยไม่มีความรับผิดชอบ เอะอะก็ต่างคนต่างซ่อม คิดว่าจะจบง่ายๆ หรือไง ลืมไปได้เลยยัยหมวยปากจัด
“เอ๊ะคุณ! ฉันก็ต้องซ่อมรถของฉันเหมือนกันนะ มันเป็นอุบัติเหตุ คุณไม่เข้าใจหรือไง” ไม่รู้อีตาบ้านี่จะเอายังไง เธอชักจะหงุดหงิดแล้วนะ
“ก็สรุป... คุณต้องซ่อมให้ผมไงครับยัยซุ่มซ่าม” ชายหนุ่มยียวนกลับไป
“อี๋ ไอ้ผู้ชายเฮงซวย ไม่เป็นสุภาพบุรุษ รังแกผู้หญิง” พิชามลกัดฟันแน่นด้วยความโมโห ที่เอาชนะคนตรงหน้าไม่ได้
“นี่คุณ ผมจะรีบไป ทางที่ดีเอาเบอร์โทรของคุณมาดีกว่า แล้วผมจะโทรไปแจ้งค่าเสียหายอีกที” ทินกรพูดหน้าตาเฉย
“ไม่! เรื่องอะไรฉันต้องให้เบอร์คุณด้วยล่ะ” หญิงสาวสะบัดหน้าเดินหันหลังกำลังจะไปขึ้นรถ แต่ถูกชายหนุ่มนิรนามฉุดรั้งแขนเอาไว้ได้ทัน
“อ้าวคุณ ผิดแล้วจะหนีเหรอ ทำแบบนี้ไม่สวยเหมือนหน้าตาเลยนะ หรือว่าจะให้ผมคิดค่าเสียหายเป็นอย่างอื่นดี”
ทินกรแกล้งดันหญิงสาวให้พิงกับรถของเขาแล้วโน้มตัวเข้าไปใกล้จนใบหน้าห่างกันเพียงคืบ
“นี่คุณ หยุดนะ! ไม่งั้นฉันจะร้องจริงๆ ด้วย” พิชามลแหวใส่ทันทีด้วยความตกใจ คนบ้าอะไรไม่เป็นสุภาพบุรุษรังแกผู้หญิงไม่มีทางสู้
“ก็เอาซี้ เรื่องรถยังไม่เคลียร์ จะเคลียร์เรื่องกอดจูบกันบนถนนอีกก็เชิญเลย ผมเป็นผู้ชาย เรื่องแค่นี้... จิ๊บๆ” ชายหนุ่มยียวนอย่างไม่ยี่หระ
“แล้วคุณจะเอายังไงล่ะ ออกไปห่างๆ ฉันเดี๋ยวนี้นะ” หญิงสาวก้มหน้า แขนทั้งสองข้างพยายามดันอกของอีกฝ่ายไว้ไม่ให้เข้าใกล้เธอมาก น้ำเสียงอ่อนลงเพราะกลัวชายหนุ่มตรงหน้าคิดจะจูบเธอจริงๆ
“ก็เอาเบอร์ของคุณมาสิ ผมจะได้รีบไป แล้ววันหลังผมจะโทรไปเรียกค่าเสียหาย ก็แค่นั้น” ทำเป็นเล่นตัวไปได้ ยัยหมวยปากจัด อย่างนี้ต้องแกล้งซะให้เข็ด
“งั้นก็ปล่อยสิ ฉันจะไปหยิบนามบัตรให้” เมื่อชายหนุ่มถอยห่าง สาวหมวยก็รีบสะบัดหน้าเดินกลับไปที่รถของตัวเองเพื่อไปหยิบนามบัตรมาให้เขา
“อ่ะ เอาไป!” พิชามลกระแทกกระทั้นยื่นนามบัตรให้ แล้วรีบเดินกลับไปขึ้นรถขับออกไปจากตรงนั้นทันทีโดยไม่หันกลับมามองชายหนุ่มอีก ‘ไอ้ผู้ชายบ้า ผู้ชายเฮงซวย ไม่เป็นสุภาพบุรุษ รังแกผู้หญิง’ พิชามลบ่นด่าชายหนุ่มในใจไปตลอดทางจนถึงบ้าน
ทางด้านทินกร เมื่อได้รับนามบัตรจากหญิงสาวมาแล้ว ก็ยัดใส่กระเป๋าโดยไม่ได้สนใจจะดู ก่อนจะเดินกลับไปที่รถของตัวเองจากนั้นก็ขับออกไปทันที
ความจริงเรื่องนี้เขาเองก็มีส่วนผิด ที่ขับรถเร็วเกินไปจนเบรกไม่ทัน เพราะความเป็นห่วงหญิงสาวในดวงใจที่ถูกเจ้านายกลั่นแกล้งให้ไปหาเอกสาร ไม่รู้ป่านนี้เธอจะกลับบ้านไปหรือยัง เมื่อเย็นพอเขารู้ว่าไอ้เจ้านายจอมโหดสั่งให้แพรวาค้นหาเอกสารมากมายขนาดนั้น เขาจึงตั้งใจว่าเมื่อส่งธีรพัฒน์แล้วจะรีบกลับมาหาเธอทันที แต่พอดีเจอคุณป้ารั้งไว้ให้อยู่ทานข้าวเย็น แล้วปรึกษาหารือเรื่องงานต่ออีกจนค่ำมืดป่านนี้ และยังมาเสียเวลากับยัยหมวยปากจัดนั่นอีก ทำให้เขาเสียเวลาไปเยอะ ไวเท่าความคิดชายหนุ่มจึงล้วงหยิบมือถือเครื่องเล็กในกระเป๋าขึ้นมากดโทรหาหญิงสาวที่เขาแสนห่วงหาทันที รอสายเพียงไม่นาน เสียงหวานก็ตอบรับกลับมา
‘สวัสดีค่ะ คุณกร’
‘สวัสดีครับ คุณแพร ตอนนี้กลับบ้านหรือยังครับ’ ชายหนุ่มใจชื้นขึ้นมาหน่อย ที่หญิงสาวรับสายว่องไวและมีน้ำเสียงปกติ
‘กลับแล้วค่ะคุณกร มีอะไรหรือเปล่าคะ’
‘อ่อ เปล่าครับ ผมคิดว่าคุณแพรยังหาเอกสารอยู่ที่ออฟฟิศน่ะครับ ก็เลยว่าจะแวะเข้าไปช่วยดู’ ทินกรถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อคนที่เป็นห่วงปลอดภัยดี
‘ค่ะ แพรหาเอกสารครบแล้ว ขอบคุณมากค่ะคุณกรที่เป็นห่วง’
‘ครับ งั้นคุณแพรพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้เจอกันครับ บาย’
‘บายค่ะ’
หลังจากวางสายของชายหนุ่มที่แสนดีในชีวิตของเธอไปแล้ว หญิงสาวเดินไปเปิดประตูกระจกใสริมระเบียงเพื่อออกไปสูดอากาศยามค่ำคืนที่แสนเงียบเหงาเหมือนเคย
ระเบียงขนาดเล็กที่เต็มไปด้วยกระถางต้นไม้นานาพันธุ์เรียงรายไว้อย่างเป็นระเบียบตามแนวยาวของระเบียงที่เป็นพื้นที่เล็กๆ เหมือนคอนโดมิเนียมทั่วไป มีชุดโต๊ะเก้าอี้สำหรับนั่งรับลม หญิงสาวยืนมองแสงไฟระยิบระยับกว้างไกลสุดสายตา ทั้งจากอาคาร บ้านเรือน และบนท้องถนน ต้นไม้ขนาดใหญ่สั่นไหวไปมาตามแรงลมที่พัดผ่าน ห้องชุดแห่งนี้เธอซื้อต่อจากแม่ครูท่านหนึ่งที่เคยเลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่ตอนอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เพราะท่านต้องย้ายไปอยู่กับสามีที่ต่างประเทศ คอนโดแห่งนี้ท่านจึงขายให้เธอในราคาถูกแถมยังให้ผ่อนจ่ายแบบสบายๆ อีกด้วย
แม้ตัวเธอเองจะไม่เคยรู้ว่าพ่อแม่ของเธอเป็นใครมาจากไหน หน้าตาเป็นอย่างไร แล้วเหตุใดจึงทิ้งเธอไว้แบบนี้ หากเป็นเมื่อก่อน เธอมักจะร้องไห้ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องพ่อกับแม่ แต่วันนี้เธอไม่อยากรู้อีกต่อไปแล้วว่าเพราะอะไร ขอเพียงแค่วันนี้เธอได้เป็นคนดี ไม่เป็นภาระของสังคมเหมือนเด็กกำพร้าคนอื่นๆ ที่ขาดการดูแล และตกเป็นข่าวเสียหายตามหน้าหนังสือพิมพ์รายวัน
สายลมที่พัดมากระทบผิวนวลแรงขึ้น ทำให้คนที่จมอยู่กับอดีตถูกดึงกลับมาสู่ปัจจุบัน หญิงสาวรู้สึกถึงอากาศที่เย็นลงเรื่อยๆ ต่อมาเม็ดฝนเล็กๆ ก็เริ่มโปรยปรายลงมา เธอจึงเดินกลับเข้าไปในห้อง แล้วเลื่อนประตูปิดลงอย่างมิดชิด เมื่อตรวจความเรียบร้อยแล้ว ก็เดินเข้าห้องนอนไป
เช้ารุ่งขึ้น ธีรพัฒน์มาทำงานแต่เช้าเพราะเริ่มรู้ฤทธิ์การจราจรที่ติดขัดของชีวิตในเมืองหลวง หากไม่ออกมาเช้าตรู่ ก็จะต้องออกมาสายๆ ไปเลย ซึ่งเขาเลือกที่จะทำอย่างแรกมากกว่า การเป็นผู้บริหารนั้นจะต้องมีระเบียบวินัย และมีความรับผิดชอบในตัวเองก่อนที่จะไปตำหนิคนอื่น แล้วเขาก็เป็นเช่นนี้มาตลอด
เมื่อเข้ามาภายในห้องทำงาน ธีรพัฒน์ถึงกับขมวดคิ้วเมื่อพบกับกองเอกสารมากมายเรียงรายตั้งแต่บนโต๊ะลามลงมาที่พื้นอีกหลายกอง ‘ทำไมเอกสารมันถึงได้เยอะแยะมากมายขนาดนี้เนี่ย’ ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองก่อนจะย่อตัวลงนั่งจับเอกสารพลิกดูไปมา ความรู้สึกผิดเกิดขึ้นในใจแวบหนึ่งที่เข้าใจหญิงสาวไปต่างๆ นาๆ ‘เธอก็เป็นคนที่มีความรับผิดชอบดีนี่ แพรวา’ ชายหนุ่มคิดอย่างสับสนในใจว่าหญิงสาวที่เขาเข้าใจว่าเป็นผู้หญิงหิวเงิน หวังสบายนั้น แท้ที่จริงเธอเป็นคนแบบไหนกันแน่
และเธอก็เช่นกันวันนี้แพรวามาทำงานเช้ากว่าทุกวัน คงเพราะเมื่อคืนฝนตกทำให้อากาศเย็นสบาย เธอจึงนอนหลับสนิทตลอดคืน และตื่นมาด้วยความสดชื่นกระปรี้กระเปร่า เมื่อมาถึงโต๊ะทำงาน หญิงสาวก็จัดเก็บกระเป๋าของตัวเองใส่ลิ้นชักให้เรียบร้อย แล้วก็เข้าไปในห้องท่านประธานเพื่อทำกิจวัตรประจำวันเหมือนเช่นทุกที จะมีก็แต่เมื่อวานที่เธอไม่ได้ทำเพราะมาสาย
เสียงประตูที่กำลังเปิดออก ทำให้คนที่อยู่ภายในห้องรีบหลบและหมอบลงกับโต๊ะตัวใหญ่ที่บังตัวเขาได้มิดชิด เพื่อจะดูว่าใครกันที่เข้ามาในห้องทำงานของเขาตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าแบบนี้ แต่ก็ต้องแปลกใจ เมื่อคนที่เปิดประตูเข้ามาเป็นคนที่เขากำลังนึกถึงอยู่ ซึ่งเขาเพิ่งตำหนิเธอไปเมื่อวานว่าเธอมาสาย ‘วันนี้จะประชดกันหรือไง มาตั้งแต่ไก่โห่’ แอบคิดอยู่คนเดียวเงียบๆ แต่ก็ต้องตกใจ เมื่อคนที่เข้ามาเอ่ยถึงเขา
“สวัสดีตอนเช้าค่ะ คุณธีร์” แพรวากล่าวเสียงหวานบอกคนในรูปด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ ส่งผลให้คนที่นั่งแอบฟังอยู่ถึงกับสะดุ้ง คิดว่าหญิงสาวเห็นเขาเข้าแล้ว แต่ก็ไม่น่าเป็นไปได้ ชายหนุ่มสงสัยได้เพียงไม่นานก็ได้คำตอบ เมื่อได้ยินหญิงสาวพูดประโยคต่อไป
“เมื่อคืนกว่าแพรจะหาเอกสารจนครบ แล้วขนขึ้นมาได้ก็ดึกดื่นเหมือนกัน หวังว่าคุณจะมองแพรในแง่ดีบ้างนะคะ” ดวงตาหวานจ้องมองคนในรูปด้วยแววตัดพ้อ แล้วถอนหายใจเบาๆ คนที่แอบอยู่จึงชะเง้อหน้าออกมาจากที่ซ่อนเพื่อมองว่าเธอพูดกับใคร แล้วก็ถึงบางอ้อว่า เธอพูดกับรูปภาพของเขาที่ติดอยู่ข้างฝาผนังตรงมุมก่อนถึงโต๊ะทำงาน เขามองเข้าไปในแววตาของหญิงสาว ที่สื่อความหมายหวานซึ้ง หลงใหล แล้วก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นน้อยใจ เธอต้องแอบชอบเขาแน่ๆ ‘ฮึ! ที่มีอยู่ยังไม่พออีกหรือไงแพรวา ทั้งนายกร ไอ้ตี๋แว่นนั่น และอาจจะมีใครต่อใครที่เขาไม่รู้ไม่เห็นอีก นี่เธอยังคิดจะจับเขาด้วยอีกคนหรือไง อย่าได้หวังเลยแพรวา ผู้หญิงหิวเงินแบบเธอจะไม่ได้อะไรจากฉันแม้แต่สตางค์แดงเดียว หรือแม้แต่ความปรานีคนอย่างฉันก็จะไม่มีให้’ คนแอบฟังนั่งก่นด่าหญิงสาวอยู่ในใจด้วยอารมณ์ที่กรุ่นโกรธ
แพรวายืนมองรูปภาพของชายหนุ่มที่เธอหลงรักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินออกจากห้องไปเงียบๆ จากนั้นจึงลงไปหากาแฟดื่มที่โรงอาหารด้านล่างกับพนักงานคนอื่นๆ ที่มาเช้าเหมือนกับเธอ
แพรวากลับขึ้นมาที่โต๊ะทำงานของตัวเอง แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นกระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆ แปะอยู่บนโต๊ะอย่างชัดเจน
หญิงสาวรีบหยิบขึ้นมาอ่าน ‘ถ้ามาแล้วเข้ามาหาด้วย มีงานให้ทำ’ คิ้วทั้งสองข้างขมวดเป็นปม เพราะไม่คิดว่าผู้เป็นเจ้านายจะมาทำงานตั้งแต่เจ็ดโมงครึ่งแบบนี้ หารู้ไม่ว่าชายหนุ่มมาก่อนเธอเสียอีก ‘หากเป็นแบบนี้ทุกวันเธอไม่ต้องมาทำงานตั้งแต่หกโมงเช้าหรือไง ถึงจะเรียกว่ามาก่อนเจ้านายได้ กวนประสาทชะมัด’ แพรวาพึมพำอย่างหัวเสีย แต่ก็ต้องจำยอมเดินเข้าไปหาเขาในห้องแม้จะยังไม่ถึงเวลางานก็ตาม
“เอ่อ...” เธอไม่ทันจะอ้าปาก ก็เจอคำสั่งของเจ้านายหน้ายักษ์ขัดขึ้นมาซะก่อน
“เอกสารที่รายล้อมรอบตัวฉันเนี่ย ฉันไม่อยากดูแล้ว ยังไงเธอช่วยเอาไปสรุปเป็นตัวเลขให้ฉันที” คนออกคำสั่งบอกอย่างสบายอารมณ์ โดยไม่สนใจคนตรงหน้าที่ยืนฟังแทบควันออกหูด้วยความโกรธที่เขาสั่งให้เธอไปค้นเอกสารพวกนี้ออกมาแล้วบอกว่าไม่ต้องการดูแล้วอย่างนั้นน่ะหรือ ‘เขาบ้าหรือเปล่า’
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า” เสียงเข้มเอ่ยถามเมื่อเห็นหญิงสาวตรงหน้าเงียบไป และดูเหมือนเธอกำลังกัดริมฝีปากตัวเองแน่นเพื่อสกัดกั้นความโกรธ
“เปล่าค่ะ เดี๋ยวแพรจะรีบจัดการให้นะคะ” แพรวาบอกด้วยน้ำเสียงฝืดฝืนพร้อมกับย่อตัวลงเพื่อเตรียมขนกองเอกสารออกไปทำที่โต๊ะของตัวเอง
“นี่เธอจะขนไปขนมาทำไม... ไม่เหนื่อยหรือไง... ก็นั่งทำในห้องนี้แหละ เอาออกไปก็ไม่ได้ทำหรอกเพราะมัวแต่อ่อยผู้ชาย” คนปากจัดพ่นวาจาร้ายกาจใส่หญิงสาว ปรายตามองคนที่กำลังนั่งหยิบจับเอกสารที่กองอยู่บนพื้นข้างหน้า
“นี่คุณธีร์พัฒน์ คุณจะดูถูกแพรมากไปแล้วนะคะ” หญิงสาวลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธ ความอดทนที่พยายามสกัดกั้นเอาไว้สิ้นสุดลงทันทีที่ได้ยินวาจาเหยียดหยามจากคนตรงหน้า
“อ้าว ฉันก็ไม่ได้มองเธอผิดนี่ ฉันมองเธอถูกมาตลอดนั่นแหละ และก็ชัดเจนด้วย” ธีรพัฒน์เลิกคิ้วตอบอย่างยียวน
“คุณกำลังจะพูดอะไร แพรไม่เข้าใจ” แพรวาถามกลับเสียงแข็ง ไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อ
“กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง จะต้องให้ฉันมาพูดอะไรอีก อย่าคิดนะว่าไม่มีใครรู้ว่าเธอกำลังทำอะไร” คนตัวใหญ่เริ่มใส่อารมณ์ เขารู้สึกไม่พอใจที่เธอทำหน้าตาใสซื่อได้อย่างแนบเนียน
“อะไรคะ แพรทำอะไร” เขายิ่งพูดเธอก็ยิ่งงง ตกลงเจ้านายของเธอนี่ นอกจากจะบ้าอำนาจแล้ว ยังอคติกับคนที่เพิ่งเคยรู้จักอีกหรือนี่
“เลิกต่อปากต่อคำกับฉันได้แล้ว และไปเอากาแฟมาให้ฉันด้วย” ธีรพัฒน์ออกคำสั่งเสียงเข้ม นึกขัดใจที่คนตัวเล็กทำหน้าตาใสซื่อไร้เดียงสาจนน่าโมโห
ด้านคนตัวเล็กเมื่อได้ยินคำสั่งก็รีบหันหลังเดินออกไปจากห้องโดยไม่ได้หันกลับมามองคนปากจัดในห้องอีกเลย เมื่อวานก็ต่อว่าที่เธอมาสาย ตอนบ่ายก็ว่าไม่มีมารยาท แถมยังใช้ให้เธอหาเอกสารตั้งมากมายจนเธอกลับบ้านค่ำมืด วันนี้ยังจะมาหาว่าเธออ่อยผู้ชายอีก นี่วันๆ เขาจ้องแต่จะจับผิดตำหนิเธอหรือไงนะ หญิงสาวคิดอย่างหัวเสีย แต่ก็ต้องฝืนใจนำกาแฟเข้าไปให้คนปากจัดในห้อง
“ตัวเลขทั้งหมด ฉันต้องการวันนี้นะ” คนเป็นเจ้านายพูดลอยๆ ออกมา ขณะที่สายตายังจ้องอยู่ที่จอแล็ปท็อปเครื่องสวยตรงหน้า
“แพรทำให้ไม่ทันค่ะ” คนถูกสั่งรีบตอบอย่างไม่ต้องคิดนาน เพราะยังไงเธอก็สรุปตัวเลขในเอกสารที่กองตรงนี้ได้ไม่ทันแน่ แล้วเธอก็จะไม่ยอมกลับบ้านดึกหรือทุ่มเททำงานตามที่เขาสั่งอีกแล้ว ในเมื่อเขาไม่คิดจะใส่ใจ
“แล้วเธอทำได้แค่ไหน” ธีรพัฒน์เงยหน้าขึ้นมามองหญิงสาวที่กล้าขัดคำสั่งเขา
“ภาคเดียวค่ะ แพรจะจัดทำตัวเลขทั้งหมดออกมาให้คุณดูทีละภาค เพื่อการแบ่งแยกที่ชัดเจนค่ะ” เลขาสาวบอกสิ่งที่เธอทำได้และอธิบายเหตุผลให้เจ้านายเข้าใจ
“อืม... ก็ดี ตามใจเธอละกัน แต่เธอต้องทำงานในห้องนี้กับฉันเท่านั้น” ชายหนุ่มยังยืนยันเจตนาเดิม
“ขอโทษนะคะ แพรไม่เห็นว่าจะมีความจำเป็นอะไรที่ต้องมานั่งทำงานในห้องนี้เลยนี่คะ”
“อ๋อ นี่เธอกล้าขัดคำสั่งฉันแล้วเหรอ... ฉันสั่งอะไร เธอก็ต้องทำ ห้ามขัด หรือเธอกลัวว่าจะไม่ได้พบเจอพูดคุยกับผู้ชายล่ะ ขยันหว่านเสน่ห์นักนี่... ทำไม! ไอ้ที่มีอยู่ยังไม่พอหรือไงหะ” คนเจ้าอารมณ์ต่อว่าหญิงสาวอย่างลืมตัว
“คุณธีร์พัฒน์! คุณจะใส่ร้ายแพรมากไปแล้วนะคะ” หญิงสาวโต้ตอบอย่างเหลืออด แล้วนี่เธอต้องนั่งทำงานอยู่ในห้องนี้กับเขาอีก แพรวาชักไม่แน่ใจว่าเธอจะอดทนกับเจ้านายปากจัดได้อีกนานแค่ไหน
ชายหนุ่มไม่ได้โต้ตอบอะไรกลับมา มีแต่เสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ อย่างที่เธอไม่เข้าใจ แล้วเขาก็ตั้งหน้าตั้งตากับแล็ปท็อปตรงหน้าต่อไปโดยที่ไม่ได้สนใจเธออีกเลย เหมือนเธอไม่มีตัวตนอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ แต่ก็ดีเหมือนกัน เธอจะได้ทำงานของเธอให้เสร็จเร็วขึ้น อย่างน้อยก็ไม่ต้องนั่งอยู่ในห้องนี้นานๆ เพราะไม่อยากจะโดนวาจาใส่ร้ายป้ายสีให้ขัดเคืองใจอีก
ระหว่างที่หญิงสาวนั่งทำงานของตัวเองอยู่นั้น หารู้ไม่ว่าชายหนุ่มเจ้าของห้องไม่ได้สนใจสิ่งอื่นใดไปกว่าการนั่งจ้องมองใบหน้าสวยของเธออยู่เนิ่นนาน อย่างกับว่าต้องการจะกลืนกินเธอเสียให้ได้อย่างนั้น หญิงสาวผู้มีใบหน้าหวานล้ำ ผิวพรรณขาวเนียนสะอาดตาน่าทะนุถนอม พวงแก้มเปล่งปลั่งชมพูระเรื่อ เรียวปากอวบอิ่มอมชมพูน่าสัมผัส ลำคองามระหงน่าซุกไซ้ ‘เธอจะหอมหวานเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ที่ฉันเคยผ่านมาหรือเปล่านะ’ แม้ว่าเธอจะดูตัวเล็กไปหน่อยเมื่อเทียบกับผู้หญิงทั่วๆ ไป แต่ใครจะรู้ใจเขานอกจากตัวเอง ว่าเขานั้นชอบผู้หญิงที่มีรูปร่างเล็กๆ กะทัดรัดน่าทะนุถนอมอย่างนี้ที่สุด
เสียงเคาะประตูห้องสองสามครั้งเป็นมารยาท ชายหนุ่มเจ้าของห้องที่กำลังเคลิบเคลิ้มหลงใหลกับสิ่งสวยๆ งามๆ ต้องตื่นจากภวังค์อย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
ไม่นานประตูก็ถูกผลักเข้ามาด้วยบุคคลที่จะมาสร้างบรรยากาศที่ตึงเครียดได้คลี่คลายลง
“อ้าว คุณแพร ทำไมมานั่งทำงานตรงนี้ล่ะครับ ผมก็ว่าหายไปไหน” ทินกรเปิดประตูเข้ามา ก็เจอกับคนที่เขากำลังตามหาอยู่พอดี
“เอกสารเยอะน่ะค่ะ แพรก็เลยนั่งทำตรงนี้จะได้ไม่ต้องยกไปยกมาค่ะ” แพรวาตอบอีกฝ่ายเสียงใส ยิ้มหวานทักทายเหมือนเคย
“แล้วคุณกร ตามหาแพรทำไมหรือคะ”
“อ่อ ผมมีเอกสารจะให้ท่านประธานเซ็น ก็เลยจะให้คุณแพรตรวจดูความเรียบร้อยก่อนนำไปให้ท่านน่ะครับ”
ทินกรหมายถึงคุณหญิงเพ็ญพักตร์ ซึ่งขณะนี้ยังดำรงตำแหน่งประธานบริษัทอยู่
“ได้ค่ะ เดี๋ยวแพรตรวจสอบให้อีกทีนะคะ” หญิงสาวรับคำพลางรับเอกสารจากมือชายหนุ่มตรงหน้ามาถือไว้
“อะ แฮ่ม แฮ่ม” เสียงเจ้าของห้องกะแอมกะไอ เรียกร้องความสนใจจากคนในห้อง
“อะไรติดคอวะ ไอ้คุณว่าที่ประธานคนใหม่” ชายหนุ่มอารมณ์ดีหันไปถามอย่างยียวน
“อ่อ นี่แกมีสำนึกด้วยเหรอ ว่าฉันก็นั่งอยู่ในห้องนี้ด้วยน่ะ” เจ้าของห้องนึกฉุนขึ้นมาตงิดๆ ที่ถูกอีกฝ่ายมองข้าม
“ก็ฉันมีธุระกับคุณแพร แล้วเกี่ยวอะไรกับแกวะไอ้ธีร์”
“ก็นี่มันห้องทำงานของฉัน และนั่นก็เลขาของฉัน แกจะมาจะไป จะใช้ใครก็กรุณาเห็นหัวฉันบ้าง”
“เออ ฉันขอโทษก็แล้วกัน แค่นี้ทำบ่นไปได้... ว่าแต่แกจะกลับบ้านตอนไหนล่ะ ฉันจะฝากเอกสารที่คุณแพรกำลังตรวจไปให้คุณป้าเซ็นอนุมัติด้วย”
“ด่วนเหรอ? ” ธีรพัฒน์เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“อืม ด่วนว่ะ ตอนแรกฉันกะว่าจะรอให้แต่งตั้งแกก่อน แกจะได้เซ็นเอกสารได้ แต่งานนี้รอไม่ได้ว่ะด่วนจริง”
ทินกรอธิบายเพื่อนให้เข้าใจ เพราะเขาเองก็ไม่อยากจะรบกวนผู้เป็นป้าจริงๆ หากงานของเขาชิ้นนี้ไม่ด่วนขนาดที่รอไม่ได้
“อืม เดี๋ยวเที่ยงนี้ฉันจะกลับไปกินข้าวที่บ้าน... ไปด้วยกันสิ”
“อือ ไปสิ ใกล้เที่ยงเจอกัน... เดี๋ยวฉันรีบไปเคลียร์งานก่อน”
“ผมไปทำงานก่อนนะครับคุณแพร แล้วเที่ยงๆ ผมจะมาใหม่” ทินกรหันไปบอกลาหญิงสาวคนเดียวในห้อง ก่อนจะเดินออกไปเพื่อกลับไปทำงานของตัวเอง
เมื่อบุคคลที่สามออกไปจากห้องแล้ว เหลือเพียงเจ้านายกับเลขาที่ต่างฝ่ายก็ยังจมอยู่กับความคิดและหน้าที่ของตัวเอง ชายหนุ่มก็ไม่คิดจะเอื้อนเอ่ยอะไรออกไป และดูเหมือนว่าหญิงสาวตรงหน้าก็ไม่คิดจะพูดอะไรออกมาเช่นกัน ภายในห้องจึงมีแต่ความเงียบสงบ เงียบจนได้ยินแม้เพียงเสียงหน้ากระดาษที่พลิกไปมาด้วยมือเล็กๆ ของหญิงสาวที่กำลังตั้งใจทำงานของตัวเอง แต่ใครเลยจะรู้ว่า... อีกไม่กี่นาทีข้างหน้า... พายุลูกใหญ่กำลังจะมา
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
^_^
สนใจนิยายเล่มนี้ในรูปแบบ E-Book สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่
...และ...
หากสนใจสั่งซื้อในรูปแบบเล่ม สามารถติดต่อผู้แต่งได้โดยตรงทาง
E-mail : oilza24@hotmail.com
โทร : 094-4942566
ไลน์ : oilza_writer
กลั่นแกล้ง
เวลาล่วงเลยไปจนใกล้เวลาเลิกงาน แต่หญิงสาวที่ไปค้นหาเอกสารให้เจ้านายยังคงหายเงียบอย่างไร้วี่แววว่าจะกลับออกมาง่ายๆ
ธีรพัฒน์กดโทรศัพท์สายในเพื่อต่อถึงหญิงสาวหน้าห้องอยู่หลายครั้งแต่เธอก็ยังเงียบ คนในห้องนึกหงุดหงิดที่เจ้าหล่อนเป็นเลขาของเขาแต่ทำไมไม่คอยรับใช้เขา หล่อนหายไปไหนเป็นนานสองนาน ชายหนุ่มในห้องทนไม่ไหวจึงต้องลุกขึ้นจากโต๊ะของตัวเอง เพื่อออกไปดูว่าเธอแอบไปอู้งานอยู่ที่ไหน แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่าทั่วทั้งบริเวณของชั้นผู้บริหาร สองเท้าแข็งแกร่งกำลังจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในห้อง สายตาพลันเหลือบไปเห็นแม่บ้านที่กำลังเก็บกวาดบริเวณนั้นอยู่จึงเอ่ยถาม
“คุณแพรวาไปไหน” น้ำเสียงขุ่นเข้มถามออกไปด้วยความรู้สึกหงุดหงิด
“อยู่ในห้องเก็บเอกสารค่ะ ให้ไปตามไหมคะ” แม่บ้านตอบเสียงเบาติดจะสั่นเล็กๆ เพราะดูท่าคนถามจะอารมณ์ไม่ดี
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวผมจะกลับแล้ว” เขาบอกแล้วหมุนตัวกลับเข้าห้องทำงานไปด้วยความหงุดหงิด หาเอกสารแค่นี้หายไปครึ่งค่อนวัน อู้งานน่ะสิไม่ว่า ธีรพัฒน์บ่นงุบงิบอย่างหัวเสียก่อนจะหยิบมือถือเครื่องเล็กขึ้นมากดโทรหาเพื่อนรัก
‘กร ฉันจะกลับบ้าน... เดี๋ยวนี้!’ คนหงุดหงิดกระแทกเสียงลงไปอย่างเคยตัว
‘เห้ย! อะไรวะไอ้ท่านประธาน ให้กระผมเคลียร์งานสักครู่สิครับ’ ปลายสายประชดประชันกลับมาด้วยความหมั่นไส้คนเอาแต่ใจ ที่วันๆ ดีแต่สั่ง สั่ง ทั้งวัน
‘ไม่ได้! ฉันจะกลับตอนนี้ และก็เดี๋ยวนี้ด้วย ฉันจะลงไปรอแกที่รถ แล้วอย่าให้ฉันต้องรอนาน’ ว่าจบก็กดวางทันทีโดยไม่ฟังเสียงคัดค้านของคนปลายสาย
“อ้าวเห้ย! เดี๋ยวเส้ อะไรวะ เกิดหิวนมแม่ขึ้นมาหรือไง” ทินกรบ่นอุบด้วยความโมโห ที่จู่ๆ ก็โดนเร่งให้กลับบ้านแบบนั้น
วันนี้เขาคงไม่ได้เจอแพรวาแน่ๆ เลย ชายหนุ่มบ่นอย่างเสียดาย เขากะว่าจะไปส่งหญิงสาวเหมือนเมื่อวานสักหน่อย แต่คงต้องยกเลิกไปก่อน เพราะไอ้เจ้านายเอาแต่ใจนั่น ‘ฮึ! ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้เพื่อนเวร ไอ้มารหัวใจ’ ปากก็บ่นมือก็เก็บข้าวของเข้าที่เพื่อรีบลงไปตามคำบัญชาของเพื่อนรักทันที
รถคันหรูพาสองหนุ่มออกมาจากบริษัทด้วยฝีมือการขับของธีรพัฒน์ และเมื่อผ่านหน้าคอนโดที่พักของผู้หญิงที่ทำให้เขาหงุดหงิดตลอดทั้งวัน
ธีรพัฒน์ชะลอรถให้ช้าลง และมองเข้าไปเหมือนกับมองหาอะไรสักอย่าง ซึ่งดูเหมือนเป็นความเคยชินที่ทำลงไปโดยไม่รู้ตัว ทั้งๆ ที่เขาเพิ่งมาจากเมืองนอกแค่เพียงวันเดียวและเคยผ่านที่นี่แค่ครั้งเดียวเท่านั้น จะเคยชินได้อย่างไร ซึ่งความรู้สึกนี้เขาก็ไม่อาจตอบตัวเองได้เหมือนกันว่าทำไมต้องทำเช่นนั้น
“แกจะซื้อคอนโดเหรอ” ทินกรเอ่ยถามเพื่อน เมื่อเห็นว่าธีรพัฒน์ชะลอรถแล้วมองเข้าไปในคอนโด
“เปล่า! เห็นสวยแปลกตาก็เลยมองดู” น้ำเสียงเรียบนิ่งเหมือนเป็นแค่เรื่องธรรมดา
“แต่ฉันว่าซื้อไว้สักห้องก็ดีเหมือนกันนะ เวลาเลิกงานเย็นๆ ขี้เกียจขับรถกลับบ้าน เบื่อรถติด”
“แกก็ซื้อไว้แล้วไม่ใช่หรือไง” คนขับนึกหมั่นไส้คนโกหก ตัวเองซื้อให้ผู้หญิงอยู่แท้ๆ ยังจะทำเป็นไขสือ
“ไอ้บ้า! ฉันแค่คิดเฉยๆ แต่ยังไม่ได้ซื้อเลย... ป่านนี้ไม่มีห้องว่างให้ซื้อแล้วมั้ง ต้องลองถามคุณแพรเธอดู เพราะเธอพักอยู่ที่นี่” ทินกรชี้แจงอีกฝ่ายให้เข้าใจ ก่อนจะคิดขึ้นได้
“เอ๊ะ... แล้วทำไมแกถึงคิดว่าฉันซื้อคอนโดที่นี่ไว้แล้ววะ” พูดพลางมองหน้าอีกฝ่ายอย่างจับผิด
“ก็เห็นอยู่ใกล้บริษัท ก็เลยคิดว่าแกน่าจะซื้อไว้แล้วซะอีก เผื่อฉันจะขอมานอนเล่นบ้าง” ธีรพัฒน์แก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ พลันคิดถึงหญิงสาวที่พักในคอนโดแห่งนี้ ถ้าเพื่อนเขาไม่ได้ซื้อ แล้วใครกันที่ซื้อให้หล่อน หรือจะเป็นไอ้ตี๋แว่นนั่น ‘ฮึ คนอย่างเธอก็ได้แต่หลอกผู้ชายไปวันๆ สินะ แพรวา’ ธีรพัฒน์ต่อว่าหญิงสาวอย่างไม่สบอารมณ์นัก แล้วหันมาตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อไป
ทางด้านคนที่ไปค้นเอกสารอยู่นั้น กว่าจะหาจนครบตามต้องการ และขนเอกสารทั้งหมดมาวางที่โต๊ะของเจ้านายจอมเอาแต่ใจได้สำเร็จ เวลาก็ล่วงเลยมาจนดึกดื่นกว่าแพรวาจะได้ออกจากบริษัท ขณะกำลังเดินออกมาก็ได้ยินเสียงเรียกเข้าที่คุ้นหูจากโทรศัพท์เครื่องเล็กในกระเป๋า พอเห็นชื่อที่หน้าจอบ่งบอกว่าใครโทรมา หญิงสาวยิ้มหวานก่อนจะกดรับ
‘สวัสดีจ้ะ มล’ เสียงหวานกรอกลงไปให้เพื่อนรักที่คิดถึง
‘สวัสดีจ้ะ แพร ทำอะไรอยู่’ ปลายสายตอบกลับเสียงใส
‘แพรเพิ่งออกจากบริษัทจ้ะ พอดีเพิ่งทำงานเสร็จ มลมีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ’
‘อะไรนะ! ป่านนี้เพิ่งกลับบ้านเนี่ยนะ จะสี่ทุ่มแล้วนะแพร’ คนปลายสายตกใจเสียงเครียดเพราะความเป็นห่วง
‘ก็แพรทำงานที่เจ้านายสั่งไว้น่ะจ้ะ กว่าจะเสร็จก็เลยดึกไปหน่อย’
‘ปกติคุณป้าเขาไม่เคยใช้งานแพรขนาดนี้นี่นา งานด่วนเหรอ’ พิชามลถามออกไปด้วยความสงสัย ปกติคุณหญิงเพ็ญพักตร์เขาเอ็นดูแพรวาจะตาย จะให้ทำงานดึกดื่นแบบนี้ไม่เคยเลยสักครั้ง
‘ไม่ใช่คุณท่านหรอกมล แต่เป็นคุณธีร์พัฒน์เจ้านายคนใหม่ของแพรน่ะ’ เสียงหวานคลายความสงสัยให้เพื่อนสาว
‘อ้าว นี่พี่ธีร์กลับมาจากต่างประเทศแล้วหรือเนี่ย มลลืมไปเลย’ คนปลายสายทำท่าคิด เหมือนจำพี่ชายคนที่เคยเล่นกับเธอบ่อยๆ ตอนไปบ้านคุณหญิงเพ็ญพักตร์ได้ลางๆ
‘ใช่จ้ะมล ตอนนี้เขามารับตำแหน่งประธานแทนคุณท่านแล้ว แพรก็เลยต้องเป็นลูกน้องเขาโดยปริยายน่ะ’
‘แล้วแพร เป็นไงบ้าง วันแรกก็เจองานหนักเลยเหรอ’
‘ไม่หรอก แค่หาเอกสารนิดหน่อยน่ะ’ แพรวาถอนหายใจเบาๆ
‘ฟังเสียงแพรไม่ค่อยดีเลยนะ มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า เล่าให้มลฟังได้นะ พี่ธีร์น่ะ มลก็พอจำเขาได้ เมื่อก่อนบ้านมลกับบ้านพี่ธีร์เคยไปมาหาสู่กัน เคยวิ่งเล่นด้วยกันบ่อยๆ ตอนสมัยเด็กๆ น่ะ แต่มลว่าพี่เขาก็เป็นคนใจดีนะ ไม่น่าใช้งานแพรขนาดให้กลับบ้านดึกดื่นป่านนี้’
‘อืม ขอบใจนะมล แพรไม่เป็นไรหรอก เขาสั่งก็ต้องทำมันเป็นหน้าที่นี่จ๊ะ ว่าแต่มลเถอะโทรมาหาแพรมีอะไรหรือเปล่า’
‘ว๊าย! ตายแล้ว มลลืมไปเลย พี่วิทให้โทรมาชวนแพรไปเที่ยวทะเลด้วยกันวันอาทิตย์นี้น่ะจ้ะ มลก็ชวนแพรคุยจนเกือบลืม’
‘แพรอยากไปนะมล ฝากขอบคุณพี่วิทด้วยที่ชวน แต่แพรยังรับปากไม่ได้นะ เดี๋ยวไว้ใกล้ๆ แพรให้คำตอบอีกทีละกัน’ แพรวาตอบไปด้วยความดีใจ เพราะเธอชื่นชอบทะเลอยู่แล้ว
‘ได้จ้า แล้วนี่เดินถึงคอนโดหรือยัง มลเป็นห่วง’
‘ถึงแล้วจ้ะ เนี่ยกำลังไขประตูห้องเลย’
‘อ่อ โอเค งั้นแค่นี้ก่อนนะแพร มลขับรถอยู่ ไว้ค่อยคุยกันใหม่ บายจ้ะ’
หลังจากวางสายเพื่อนสาวที่แสนคิดถึงไปแล้ว พิชามลก็กดต่อสายไปถึงพี่ชายทันที เพื่อแจ้งข่าวของแพรวาให้เขาได้รับรู้ ระหว่างที่กำลังก้มลงกดเบอร์โทรศัพท์อยู่นั้น จึงไม่ทันสังเกตเห็นรถมอเตอร์ไซค์ที่วิ่งปาดแทรกเข้ามา ทำให้พิชามลตกใจเหยียบเบรกกะทันหันเพื่อหยุดรถ
กรี๊ดดด... เอี๊ยดดด... โครม!
หญิงสาวหยุดรถได้ทันโดยไม่ได้เฉียดเฉี่ยวรถมอเตอร์ไซค์คันนั้น แต่รถของเธอกลับถูกรถคันที่ตามหลังมาชนท้ายเข้าอย่างจัง ด้วยแรงสะเทือนทำให้หญิงสาวในรถถึงกับจุกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตั้งสติแล้วรีบเปิดประตูรถออกไป เป็นจังหวะเดียวกับที่ชายหนุ่มเจ้าของรถคันที่ชนท้ายเธอก็เปิดประตูรถลงมาด้วยเหมือนกัน
“อ่อ ว่าแล้วต้องเป็นผู้หญิงแน่ๆ ขับรถแบบนี้” ทินกรบ่นกับตัวเองเบาๆ หลังจากเห็นหญิงสาวเจ้าของรถที่จู่ๆ ก็เบรกกะทันหันจนเขาตั้งตัวไม่ทันพุ่งชนท้ายรถของเธอเข้าอย่างจัง
“นี่คุณ! ขับรถประสาอะไร นึกจะเบรกก็เบรกแบบนี้ ผมเสียหายนะ” ชายหนุ่มต่อว่าหญิงสาวเสียงดังด้วยความโมโห เขาเองก็รีบด้วย จึงไม่ทันระวัง
“เอ๊ะคุณ! ฉันก็เสียหายเหมือนกันนะ ไม่เห็นหรือไง ว่ามีรถมอเตอร์ไซค์วิ่งตัดหน้าฉันไปน่ะ ฉันก็เลยต้องหยุดรถกะทันหัน” พิชามลนึกโมโหขึ้นมาที่ชายหนุ่มต่อว่าเธอเสียงดัง และยังโทษว่าเป็นความผิดของเธอคนเดียวอีก
“ไม่รู้หละ ยังไงคุณก็ผิดที่เบรกรถกะทันหัน จนผมต้องพุ่งชนท้ายรถของคุณ” ทินกรเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ แต่จะว่าไป พอมองใกล้ๆ แล้ว ผู้หญิงคนนี้ก็สวยน่ารักเหมือนกันแฮะ แม้ใบหน้าจะไม่หวานล้ำเท่าหญิงสาวในดวงใจของเขา แต่ก็ถือว่าน่ารักมากทีเดียว ปากเล็ก จมูกหน่อย ตาคม แม้จะไม่กลมโตมาก ดูเหมือนจะเป็นคนจีนซะมากกว่า
“คุณนั่นแหละที่ต้องรับผิดชอบ เพราะคุณขับรถเร็วจนพุ่งชนท้ายรถของฉัน” พิชามลยืนเท้าสะเอวต่อว่าฝ่ายชายอย่างไม่ลดละ ‘ชิ! น่าตาก็ดี ขับรถไม่ดูตาม้าตาเรือ ไม่รู้จะรีบไปไหน’
“อ้าวคุณ... ถ้าคุณไม่เบรกกะทันหัน ผมก็คงไม่พุ่งชนคุณหรอก ดังนั้นคุณนั่นแหละที่ผิด” ทินกรนึกหมั่นไส้ผู้หญิงปากจัดตรงหน้าขึ้นมาตงิดๆ
“แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง... มันเป็นอุบัติเหตุ... ต่างคนต่างซ่อมก็แล้วกัน” หญิงสาวรีบปัด เพราะนี่ก็ดึกมากแล้วจะเรียกประกันก็คงต้องรออีกนานแน่
“ได้ไง! คุณนั่นแหละต้องซ่อมให้ผม เพราะคุณผิด” แหม๋ แม่คุณ ทำผิดแล้วคิดจะชิ่งกันดื้อๆ แบบนี้น่ะเหรอ ไม่มีทาง! รู้จักทนายหน้าหยกอย่างทินกรน้อยไปซะแล้ว พ่อจะสอยให้หนักเลย พวกคนรวยไม่มีความรับผิดชอบ เอะอะก็ต่างคนต่างซ่อม คิดว่าจะจบง่ายๆ หรือไง ลืมไปได้เลยยัยหมวยปากจัด
“เอ๊ะคุณ! ฉันก็ต้องซ่อมรถของฉันเหมือนกันนะ มันเป็นอุบัติเหตุ คุณไม่เข้าใจหรือไง” ไม่รู้อีตาบ้านี่จะเอายังไง เธอชักจะหงุดหงิดแล้วนะ
“ก็สรุป... คุณต้องซ่อมให้ผมไงครับยัยซุ่มซ่าม” ชายหนุ่มยียวนกลับไป
“อี๋ ไอ้ผู้ชายเฮงซวย ไม่เป็นสุภาพบุรุษ รังแกผู้หญิง” พิชามลกัดฟันแน่นด้วยความโมโห ที่เอาชนะคนตรงหน้าไม่ได้
“นี่คุณ ผมจะรีบไป ทางที่ดีเอาเบอร์โทรของคุณมาดีกว่า แล้วผมจะโทรไปแจ้งค่าเสียหายอีกที” ทินกรพูดหน้าตาเฉย
“ไม่! เรื่องอะไรฉันต้องให้เบอร์คุณด้วยล่ะ” หญิงสาวสะบัดหน้าเดินหันหลังกำลังจะไปขึ้นรถ แต่ถูกชายหนุ่มนิรนามฉุดรั้งแขนเอาไว้ได้ทัน
“อ้าวคุณ ผิดแล้วจะหนีเหรอ ทำแบบนี้ไม่สวยเหมือนหน้าตาเลยนะ หรือว่าจะให้ผมคิดค่าเสียหายเป็นอย่างอื่นดี”
ทินกรแกล้งดันหญิงสาวให้พิงกับรถของเขาแล้วโน้มตัวเข้าไปใกล้จนใบหน้าห่างกันเพียงคืบ
“นี่คุณ หยุดนะ! ไม่งั้นฉันจะร้องจริงๆ ด้วย” พิชามลแหวใส่ทันทีด้วยความตกใจ คนบ้าอะไรไม่เป็นสุภาพบุรุษรังแกผู้หญิงไม่มีทางสู้
“ก็เอาซี้ เรื่องรถยังไม่เคลียร์ จะเคลียร์เรื่องกอดจูบกันบนถนนอีกก็เชิญเลย ผมเป็นผู้ชาย เรื่องแค่นี้... จิ๊บๆ” ชายหนุ่มยียวนอย่างไม่ยี่หระ
“แล้วคุณจะเอายังไงล่ะ ออกไปห่างๆ ฉันเดี๋ยวนี้นะ” หญิงสาวก้มหน้า แขนทั้งสองข้างพยายามดันอกของอีกฝ่ายไว้ไม่ให้เข้าใกล้เธอมาก น้ำเสียงอ่อนลงเพราะกลัวชายหนุ่มตรงหน้าคิดจะจูบเธอจริงๆ
“ก็เอาเบอร์ของคุณมาสิ ผมจะได้รีบไป แล้ววันหลังผมจะโทรไปเรียกค่าเสียหาย ก็แค่นั้น” ทำเป็นเล่นตัวไปได้ ยัยหมวยปากจัด อย่างนี้ต้องแกล้งซะให้เข็ด
“งั้นก็ปล่อยสิ ฉันจะไปหยิบนามบัตรให้” เมื่อชายหนุ่มถอยห่าง สาวหมวยก็รีบสะบัดหน้าเดินกลับไปที่รถของตัวเองเพื่อไปหยิบนามบัตรมาให้เขา
“อ่ะ เอาไป!” พิชามลกระแทกกระทั้นยื่นนามบัตรให้ แล้วรีบเดินกลับไปขึ้นรถขับออกไปจากตรงนั้นทันทีโดยไม่หันกลับมามองชายหนุ่มอีก ‘ไอ้ผู้ชายบ้า ผู้ชายเฮงซวย ไม่เป็นสุภาพบุรุษ รังแกผู้หญิง’ พิชามลบ่นด่าชายหนุ่มในใจไปตลอดทางจนถึงบ้าน
ทางด้านทินกร เมื่อได้รับนามบัตรจากหญิงสาวมาแล้ว ก็ยัดใส่กระเป๋าโดยไม่ได้สนใจจะดู ก่อนจะเดินกลับไปที่รถของตัวเองจากนั้นก็ขับออกไปทันที
ความจริงเรื่องนี้เขาเองก็มีส่วนผิด ที่ขับรถเร็วเกินไปจนเบรกไม่ทัน เพราะความเป็นห่วงหญิงสาวในดวงใจที่ถูกเจ้านายกลั่นแกล้งให้ไปหาเอกสาร ไม่รู้ป่านนี้เธอจะกลับบ้านไปหรือยัง เมื่อเย็นพอเขารู้ว่าไอ้เจ้านายจอมโหดสั่งให้แพรวาค้นหาเอกสารมากมายขนาดนั้น เขาจึงตั้งใจว่าเมื่อส่งธีรพัฒน์แล้วจะรีบกลับมาหาเธอทันที แต่พอดีเจอคุณป้ารั้งไว้ให้อยู่ทานข้าวเย็น แล้วปรึกษาหารือเรื่องงานต่ออีกจนค่ำมืดป่านนี้ และยังมาเสียเวลากับยัยหมวยปากจัดนั่นอีก ทำให้เขาเสียเวลาไปเยอะ ไวเท่าความคิดชายหนุ่มจึงล้วงหยิบมือถือเครื่องเล็กในกระเป๋าขึ้นมากดโทรหาหญิงสาวที่เขาแสนห่วงหาทันที รอสายเพียงไม่นาน เสียงหวานก็ตอบรับกลับมา
‘สวัสดีค่ะ คุณกร’
‘สวัสดีครับ คุณแพร ตอนนี้กลับบ้านหรือยังครับ’ ชายหนุ่มใจชื้นขึ้นมาหน่อย ที่หญิงสาวรับสายว่องไวและมีน้ำเสียงปกติ
‘กลับแล้วค่ะคุณกร มีอะไรหรือเปล่าคะ’
‘อ่อ เปล่าครับ ผมคิดว่าคุณแพรยังหาเอกสารอยู่ที่ออฟฟิศน่ะครับ ก็เลยว่าจะแวะเข้าไปช่วยดู’ ทินกรถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อคนที่เป็นห่วงปลอดภัยดี
‘ค่ะ แพรหาเอกสารครบแล้ว ขอบคุณมากค่ะคุณกรที่เป็นห่วง’
‘ครับ งั้นคุณแพรพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้เจอกันครับ บาย’
‘บายค่ะ’
หลังจากวางสายของชายหนุ่มที่แสนดีในชีวิตของเธอไปแล้ว หญิงสาวเดินไปเปิดประตูกระจกใสริมระเบียงเพื่อออกไปสูดอากาศยามค่ำคืนที่แสนเงียบเหงาเหมือนเคย
ระเบียงขนาดเล็กที่เต็มไปด้วยกระถางต้นไม้นานาพันธุ์เรียงรายไว้อย่างเป็นระเบียบตามแนวยาวของระเบียงที่เป็นพื้นที่เล็กๆ เหมือนคอนโดมิเนียมทั่วไป มีชุดโต๊ะเก้าอี้สำหรับนั่งรับลม หญิงสาวยืนมองแสงไฟระยิบระยับกว้างไกลสุดสายตา ทั้งจากอาคาร บ้านเรือน และบนท้องถนน ต้นไม้ขนาดใหญ่สั่นไหวไปมาตามแรงลมที่พัดผ่าน ห้องชุดแห่งนี้เธอซื้อต่อจากแม่ครูท่านหนึ่งที่เคยเลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่ตอนอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เพราะท่านต้องย้ายไปอยู่กับสามีที่ต่างประเทศ คอนโดแห่งนี้ท่านจึงขายให้เธอในราคาถูกแถมยังให้ผ่อนจ่ายแบบสบายๆ อีกด้วย
แม้ตัวเธอเองจะไม่เคยรู้ว่าพ่อแม่ของเธอเป็นใครมาจากไหน หน้าตาเป็นอย่างไร แล้วเหตุใดจึงทิ้งเธอไว้แบบนี้ หากเป็นเมื่อก่อน เธอมักจะร้องไห้ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องพ่อกับแม่ แต่วันนี้เธอไม่อยากรู้อีกต่อไปแล้วว่าเพราะอะไร ขอเพียงแค่วันนี้เธอได้เป็นคนดี ไม่เป็นภาระของสังคมเหมือนเด็กกำพร้าคนอื่นๆ ที่ขาดการดูแล และตกเป็นข่าวเสียหายตามหน้าหนังสือพิมพ์รายวัน
สายลมที่พัดมากระทบผิวนวลแรงขึ้น ทำให้คนที่จมอยู่กับอดีตถูกดึงกลับมาสู่ปัจจุบัน หญิงสาวรู้สึกถึงอากาศที่เย็นลงเรื่อยๆ ต่อมาเม็ดฝนเล็กๆ ก็เริ่มโปรยปรายลงมา เธอจึงเดินกลับเข้าไปในห้อง แล้วเลื่อนประตูปิดลงอย่างมิดชิด เมื่อตรวจความเรียบร้อยแล้ว ก็เดินเข้าห้องนอนไป
เช้ารุ่งขึ้น ธีรพัฒน์มาทำงานแต่เช้าเพราะเริ่มรู้ฤทธิ์การจราจรที่ติดขัดของชีวิตในเมืองหลวง หากไม่ออกมาเช้าตรู่ ก็จะต้องออกมาสายๆ ไปเลย ซึ่งเขาเลือกที่จะทำอย่างแรกมากกว่า การเป็นผู้บริหารนั้นจะต้องมีระเบียบวินัย และมีความรับผิดชอบในตัวเองก่อนที่จะไปตำหนิคนอื่น แล้วเขาก็เป็นเช่นนี้มาตลอด
เมื่อเข้ามาภายในห้องทำงาน ธีรพัฒน์ถึงกับขมวดคิ้วเมื่อพบกับกองเอกสารมากมายเรียงรายตั้งแต่บนโต๊ะลามลงมาที่พื้นอีกหลายกอง ‘ทำไมเอกสารมันถึงได้เยอะแยะมากมายขนาดนี้เนี่ย’ ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองก่อนจะย่อตัวลงนั่งจับเอกสารพลิกดูไปมา ความรู้สึกผิดเกิดขึ้นในใจแวบหนึ่งที่เข้าใจหญิงสาวไปต่างๆ นาๆ ‘เธอก็เป็นคนที่มีความรับผิดชอบดีนี่ แพรวา’ ชายหนุ่มคิดอย่างสับสนในใจว่าหญิงสาวที่เขาเข้าใจว่าเป็นผู้หญิงหิวเงิน หวังสบายนั้น แท้ที่จริงเธอเป็นคนแบบไหนกันแน่
และเธอก็เช่นกันวันนี้แพรวามาทำงานเช้ากว่าทุกวัน คงเพราะเมื่อคืนฝนตกทำให้อากาศเย็นสบาย เธอจึงนอนหลับสนิทตลอดคืน และตื่นมาด้วยความสดชื่นกระปรี้กระเปร่า เมื่อมาถึงโต๊ะทำงาน หญิงสาวก็จัดเก็บกระเป๋าของตัวเองใส่ลิ้นชักให้เรียบร้อย แล้วก็เข้าไปในห้องท่านประธานเพื่อทำกิจวัตรประจำวันเหมือนเช่นทุกที จะมีก็แต่เมื่อวานที่เธอไม่ได้ทำเพราะมาสาย
เสียงประตูที่กำลังเปิดออก ทำให้คนที่อยู่ภายในห้องรีบหลบและหมอบลงกับโต๊ะตัวใหญ่ที่บังตัวเขาได้มิดชิด เพื่อจะดูว่าใครกันที่เข้ามาในห้องทำงานของเขาตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าแบบนี้ แต่ก็ต้องแปลกใจ เมื่อคนที่เปิดประตูเข้ามาเป็นคนที่เขากำลังนึกถึงอยู่ ซึ่งเขาเพิ่งตำหนิเธอไปเมื่อวานว่าเธอมาสาย ‘วันนี้จะประชดกันหรือไง มาตั้งแต่ไก่โห่’ แอบคิดอยู่คนเดียวเงียบๆ แต่ก็ต้องตกใจ เมื่อคนที่เข้ามาเอ่ยถึงเขา
“สวัสดีตอนเช้าค่ะ คุณธีร์” แพรวากล่าวเสียงหวานบอกคนในรูปด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ ส่งผลให้คนที่นั่งแอบฟังอยู่ถึงกับสะดุ้ง คิดว่าหญิงสาวเห็นเขาเข้าแล้ว แต่ก็ไม่น่าเป็นไปได้ ชายหนุ่มสงสัยได้เพียงไม่นานก็ได้คำตอบ เมื่อได้ยินหญิงสาวพูดประโยคต่อไป
“เมื่อคืนกว่าแพรจะหาเอกสารจนครบ แล้วขนขึ้นมาได้ก็ดึกดื่นเหมือนกัน หวังว่าคุณจะมองแพรในแง่ดีบ้างนะคะ” ดวงตาหวานจ้องมองคนในรูปด้วยแววตัดพ้อ แล้วถอนหายใจเบาๆ คนที่แอบอยู่จึงชะเง้อหน้าออกมาจากที่ซ่อนเพื่อมองว่าเธอพูดกับใคร แล้วก็ถึงบางอ้อว่า เธอพูดกับรูปภาพของเขาที่ติดอยู่ข้างฝาผนังตรงมุมก่อนถึงโต๊ะทำงาน เขามองเข้าไปในแววตาของหญิงสาว ที่สื่อความหมายหวานซึ้ง หลงใหล แล้วก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นน้อยใจ เธอต้องแอบชอบเขาแน่ๆ ‘ฮึ! ที่มีอยู่ยังไม่พออีกหรือไงแพรวา ทั้งนายกร ไอ้ตี๋แว่นนั่น และอาจจะมีใครต่อใครที่เขาไม่รู้ไม่เห็นอีก นี่เธอยังคิดจะจับเขาด้วยอีกคนหรือไง อย่าได้หวังเลยแพรวา ผู้หญิงหิวเงินแบบเธอจะไม่ได้อะไรจากฉันแม้แต่สตางค์แดงเดียว หรือแม้แต่ความปรานีคนอย่างฉันก็จะไม่มีให้’ คนแอบฟังนั่งก่นด่าหญิงสาวอยู่ในใจด้วยอารมณ์ที่กรุ่นโกรธ
แพรวายืนมองรูปภาพของชายหนุ่มที่เธอหลงรักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินออกจากห้องไปเงียบๆ จากนั้นจึงลงไปหากาแฟดื่มที่โรงอาหารด้านล่างกับพนักงานคนอื่นๆ ที่มาเช้าเหมือนกับเธอ
แพรวากลับขึ้นมาที่โต๊ะทำงานของตัวเอง แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นกระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆ แปะอยู่บนโต๊ะอย่างชัดเจน
หญิงสาวรีบหยิบขึ้นมาอ่าน ‘ถ้ามาแล้วเข้ามาหาด้วย มีงานให้ทำ’ คิ้วทั้งสองข้างขมวดเป็นปม เพราะไม่คิดว่าผู้เป็นเจ้านายจะมาทำงานตั้งแต่เจ็ดโมงครึ่งแบบนี้ หารู้ไม่ว่าชายหนุ่มมาก่อนเธอเสียอีก ‘หากเป็นแบบนี้ทุกวันเธอไม่ต้องมาทำงานตั้งแต่หกโมงเช้าหรือไง ถึงจะเรียกว่ามาก่อนเจ้านายได้ กวนประสาทชะมัด’ แพรวาพึมพำอย่างหัวเสีย แต่ก็ต้องจำยอมเดินเข้าไปหาเขาในห้องแม้จะยังไม่ถึงเวลางานก็ตาม
“เอ่อ...” เธอไม่ทันจะอ้าปาก ก็เจอคำสั่งของเจ้านายหน้ายักษ์ขัดขึ้นมาซะก่อน
“เอกสารที่รายล้อมรอบตัวฉันเนี่ย ฉันไม่อยากดูแล้ว ยังไงเธอช่วยเอาไปสรุปเป็นตัวเลขให้ฉันที” คนออกคำสั่งบอกอย่างสบายอารมณ์ โดยไม่สนใจคนตรงหน้าที่ยืนฟังแทบควันออกหูด้วยความโกรธที่เขาสั่งให้เธอไปค้นเอกสารพวกนี้ออกมาแล้วบอกว่าไม่ต้องการดูแล้วอย่างนั้นน่ะหรือ ‘เขาบ้าหรือเปล่า’
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า” เสียงเข้มเอ่ยถามเมื่อเห็นหญิงสาวตรงหน้าเงียบไป และดูเหมือนเธอกำลังกัดริมฝีปากตัวเองแน่นเพื่อสกัดกั้นความโกรธ
“เปล่าค่ะ เดี๋ยวแพรจะรีบจัดการให้นะคะ” แพรวาบอกด้วยน้ำเสียงฝืดฝืนพร้อมกับย่อตัวลงเพื่อเตรียมขนกองเอกสารออกไปทำที่โต๊ะของตัวเอง
“นี่เธอจะขนไปขนมาทำไม... ไม่เหนื่อยหรือไง... ก็นั่งทำในห้องนี้แหละ เอาออกไปก็ไม่ได้ทำหรอกเพราะมัวแต่อ่อยผู้ชาย” คนปากจัดพ่นวาจาร้ายกาจใส่หญิงสาว ปรายตามองคนที่กำลังนั่งหยิบจับเอกสารที่กองอยู่บนพื้นข้างหน้า
“นี่คุณธีร์พัฒน์ คุณจะดูถูกแพรมากไปแล้วนะคะ” หญิงสาวลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธ ความอดทนที่พยายามสกัดกั้นเอาไว้สิ้นสุดลงทันทีที่ได้ยินวาจาเหยียดหยามจากคนตรงหน้า
“อ้าว ฉันก็ไม่ได้มองเธอผิดนี่ ฉันมองเธอถูกมาตลอดนั่นแหละ และก็ชัดเจนด้วย” ธีรพัฒน์เลิกคิ้วตอบอย่างยียวน
“คุณกำลังจะพูดอะไร แพรไม่เข้าใจ” แพรวาถามกลับเสียงแข็ง ไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อ
“กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง จะต้องให้ฉันมาพูดอะไรอีก อย่าคิดนะว่าไม่มีใครรู้ว่าเธอกำลังทำอะไร” คนตัวใหญ่เริ่มใส่อารมณ์ เขารู้สึกไม่พอใจที่เธอทำหน้าตาใสซื่อได้อย่างแนบเนียน
“อะไรคะ แพรทำอะไร” เขายิ่งพูดเธอก็ยิ่งงง ตกลงเจ้านายของเธอนี่ นอกจากจะบ้าอำนาจแล้ว ยังอคติกับคนที่เพิ่งเคยรู้จักอีกหรือนี่
“เลิกต่อปากต่อคำกับฉันได้แล้ว และไปเอากาแฟมาให้ฉันด้วย” ธีรพัฒน์ออกคำสั่งเสียงเข้ม นึกขัดใจที่คนตัวเล็กทำหน้าตาใสซื่อไร้เดียงสาจนน่าโมโห
ด้านคนตัวเล็กเมื่อได้ยินคำสั่งก็รีบหันหลังเดินออกไปจากห้องโดยไม่ได้หันกลับมามองคนปากจัดในห้องอีกเลย เมื่อวานก็ต่อว่าที่เธอมาสาย ตอนบ่ายก็ว่าไม่มีมารยาท แถมยังใช้ให้เธอหาเอกสารตั้งมากมายจนเธอกลับบ้านค่ำมืด วันนี้ยังจะมาหาว่าเธออ่อยผู้ชายอีก นี่วันๆ เขาจ้องแต่จะจับผิดตำหนิเธอหรือไงนะ หญิงสาวคิดอย่างหัวเสีย แต่ก็ต้องฝืนใจนำกาแฟเข้าไปให้คนปากจัดในห้อง
“ตัวเลขทั้งหมด ฉันต้องการวันนี้นะ” คนเป็นเจ้านายพูดลอยๆ ออกมา ขณะที่สายตายังจ้องอยู่ที่จอแล็ปท็อปเครื่องสวยตรงหน้า
“แพรทำให้ไม่ทันค่ะ” คนถูกสั่งรีบตอบอย่างไม่ต้องคิดนาน เพราะยังไงเธอก็สรุปตัวเลขในเอกสารที่กองตรงนี้ได้ไม่ทันแน่ แล้วเธอก็จะไม่ยอมกลับบ้านดึกหรือทุ่มเททำงานตามที่เขาสั่งอีกแล้ว ในเมื่อเขาไม่คิดจะใส่ใจ
“แล้วเธอทำได้แค่ไหน” ธีรพัฒน์เงยหน้าขึ้นมามองหญิงสาวที่กล้าขัดคำสั่งเขา
“ภาคเดียวค่ะ แพรจะจัดทำตัวเลขทั้งหมดออกมาให้คุณดูทีละภาค เพื่อการแบ่งแยกที่ชัดเจนค่ะ” เลขาสาวบอกสิ่งที่เธอทำได้และอธิบายเหตุผลให้เจ้านายเข้าใจ
“อืม... ก็ดี ตามใจเธอละกัน แต่เธอต้องทำงานในห้องนี้กับฉันเท่านั้น” ชายหนุ่มยังยืนยันเจตนาเดิม
“ขอโทษนะคะ แพรไม่เห็นว่าจะมีความจำเป็นอะไรที่ต้องมานั่งทำงานในห้องนี้เลยนี่คะ”
“อ๋อ นี่เธอกล้าขัดคำสั่งฉันแล้วเหรอ... ฉันสั่งอะไร เธอก็ต้องทำ ห้ามขัด หรือเธอกลัวว่าจะไม่ได้พบเจอพูดคุยกับผู้ชายล่ะ ขยันหว่านเสน่ห์นักนี่... ทำไม! ไอ้ที่มีอยู่ยังไม่พอหรือไงหะ” คนเจ้าอารมณ์ต่อว่าหญิงสาวอย่างลืมตัว
“คุณธีร์พัฒน์! คุณจะใส่ร้ายแพรมากไปแล้วนะคะ” หญิงสาวโต้ตอบอย่างเหลืออด แล้วนี่เธอต้องนั่งทำงานอยู่ในห้องนี้กับเขาอีก แพรวาชักไม่แน่ใจว่าเธอจะอดทนกับเจ้านายปากจัดได้อีกนานแค่ไหน
ชายหนุ่มไม่ได้โต้ตอบอะไรกลับมา มีแต่เสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ อย่างที่เธอไม่เข้าใจ แล้วเขาก็ตั้งหน้าตั้งตากับแล็ปท็อปตรงหน้าต่อไปโดยที่ไม่ได้สนใจเธออีกเลย เหมือนเธอไม่มีตัวตนอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ แต่ก็ดีเหมือนกัน เธอจะได้ทำงานของเธอให้เสร็จเร็วขึ้น อย่างน้อยก็ไม่ต้องนั่งอยู่ในห้องนี้นานๆ เพราะไม่อยากจะโดนวาจาใส่ร้ายป้ายสีให้ขัดเคืองใจอีก
ระหว่างที่หญิงสาวนั่งทำงานของตัวเองอยู่นั้น หารู้ไม่ว่าชายหนุ่มเจ้าของห้องไม่ได้สนใจสิ่งอื่นใดไปกว่าการนั่งจ้องมองใบหน้าสวยของเธออยู่เนิ่นนาน อย่างกับว่าต้องการจะกลืนกินเธอเสียให้ได้อย่างนั้น หญิงสาวผู้มีใบหน้าหวานล้ำ ผิวพรรณขาวเนียนสะอาดตาน่าทะนุถนอม พวงแก้มเปล่งปลั่งชมพูระเรื่อ เรียวปากอวบอิ่มอมชมพูน่าสัมผัส ลำคองามระหงน่าซุกไซ้ ‘เธอจะหอมหวานเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ที่ฉันเคยผ่านมาหรือเปล่านะ’ แม้ว่าเธอจะดูตัวเล็กไปหน่อยเมื่อเทียบกับผู้หญิงทั่วๆ ไป แต่ใครจะรู้ใจเขานอกจากตัวเอง ว่าเขานั้นชอบผู้หญิงที่มีรูปร่างเล็กๆ กะทัดรัดน่าทะนุถนอมอย่างนี้ที่สุด
เสียงเคาะประตูห้องสองสามครั้งเป็นมารยาท ชายหนุ่มเจ้าของห้องที่กำลังเคลิบเคลิ้มหลงใหลกับสิ่งสวยๆ งามๆ ต้องตื่นจากภวังค์อย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
ไม่นานประตูก็ถูกผลักเข้ามาด้วยบุคคลที่จะมาสร้างบรรยากาศที่ตึงเครียดได้คลี่คลายลง
“อ้าว คุณแพร ทำไมมานั่งทำงานตรงนี้ล่ะครับ ผมก็ว่าหายไปไหน” ทินกรเปิดประตูเข้ามา ก็เจอกับคนที่เขากำลังตามหาอยู่พอดี
“เอกสารเยอะน่ะค่ะ แพรก็เลยนั่งทำตรงนี้จะได้ไม่ต้องยกไปยกมาค่ะ” แพรวาตอบอีกฝ่ายเสียงใส ยิ้มหวานทักทายเหมือนเคย
“แล้วคุณกร ตามหาแพรทำไมหรือคะ”
“อ่อ ผมมีเอกสารจะให้ท่านประธานเซ็น ก็เลยจะให้คุณแพรตรวจดูความเรียบร้อยก่อนนำไปให้ท่านน่ะครับ”
ทินกรหมายถึงคุณหญิงเพ็ญพักตร์ ซึ่งขณะนี้ยังดำรงตำแหน่งประธานบริษัทอยู่
“ได้ค่ะ เดี๋ยวแพรตรวจสอบให้อีกทีนะคะ” หญิงสาวรับคำพลางรับเอกสารจากมือชายหนุ่มตรงหน้ามาถือไว้
“อะ แฮ่ม แฮ่ม” เสียงเจ้าของห้องกะแอมกะไอ เรียกร้องความสนใจจากคนในห้อง
“อะไรติดคอวะ ไอ้คุณว่าที่ประธานคนใหม่” ชายหนุ่มอารมณ์ดีหันไปถามอย่างยียวน
“อ่อ นี่แกมีสำนึกด้วยเหรอ ว่าฉันก็นั่งอยู่ในห้องนี้ด้วยน่ะ” เจ้าของห้องนึกฉุนขึ้นมาตงิดๆ ที่ถูกอีกฝ่ายมองข้าม
“ก็ฉันมีธุระกับคุณแพร แล้วเกี่ยวอะไรกับแกวะไอ้ธีร์”
“ก็นี่มันห้องทำงานของฉัน และนั่นก็เลขาของฉัน แกจะมาจะไป จะใช้ใครก็กรุณาเห็นหัวฉันบ้าง”
“เออ ฉันขอโทษก็แล้วกัน แค่นี้ทำบ่นไปได้... ว่าแต่แกจะกลับบ้านตอนไหนล่ะ ฉันจะฝากเอกสารที่คุณแพรกำลังตรวจไปให้คุณป้าเซ็นอนุมัติด้วย”
“ด่วนเหรอ? ” ธีรพัฒน์เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“อืม ด่วนว่ะ ตอนแรกฉันกะว่าจะรอให้แต่งตั้งแกก่อน แกจะได้เซ็นเอกสารได้ แต่งานนี้รอไม่ได้ว่ะด่วนจริง”
ทินกรอธิบายเพื่อนให้เข้าใจ เพราะเขาเองก็ไม่อยากจะรบกวนผู้เป็นป้าจริงๆ หากงานของเขาชิ้นนี้ไม่ด่วนขนาดที่รอไม่ได้
“อืม เดี๋ยวเที่ยงนี้ฉันจะกลับไปกินข้าวที่บ้าน... ไปด้วยกันสิ”
“อือ ไปสิ ใกล้เที่ยงเจอกัน... เดี๋ยวฉันรีบไปเคลียร์งานก่อน”
“ผมไปทำงานก่อนนะครับคุณแพร แล้วเที่ยงๆ ผมจะมาใหม่” ทินกรหันไปบอกลาหญิงสาวคนเดียวในห้อง ก่อนจะเดินออกไปเพื่อกลับไปทำงานของตัวเอง
เมื่อบุคคลที่สามออกไปจากห้องแล้ว เหลือเพียงเจ้านายกับเลขาที่ต่างฝ่ายก็ยังจมอยู่กับความคิดและหน้าที่ของตัวเอง ชายหนุ่มก็ไม่คิดจะเอื้อนเอ่ยอะไรออกไป และดูเหมือนว่าหญิงสาวตรงหน้าก็ไม่คิดจะพูดอะไรออกมาเช่นกัน ภายในห้องจึงมีแต่ความเงียบสงบ เงียบจนได้ยินแม้เพียงเสียงหน้ากระดาษที่พลิกไปมาด้วยมือเล็กๆ ของหญิงสาวที่กำลังตั้งใจทำงานของตัวเอง แต่ใครเลยจะรู้ว่า... อีกไม่กี่นาทีข้างหน้า... พายุลูกใหญ่กำลังจะมา
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
^_^
สนใจนิยายเล่มนี้ในรูปแบบ E-Book สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่
...และ...
หากสนใจสั่งซื้อในรูปแบบเล่ม สามารถติดต่อผู้แต่งได้โดยตรงทาง
E-mail : oilza24@hotmail.com
โทร : 094-4942566
ไลน์ : oilza_writer
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ