เสน่หาทาสซาตาน NC18+ (โหดนิดๆ หยิกกัดน้อยๆ)

-

เขียนโดย สุภาวดี

วันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 21.58 น.

  14 ตอน
  0 วิจารณ์
  32.63K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2564 11.07 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) มารผจญ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

5

มารผจญ

 

          บรรยากาศภายในห้องทำงานที่เงียบสงบ ทั้งเจ้านายและลูกน้องต่างก็บึ้งตึงใส่กัน จนไม่มีใครเอื้อนเอ่ยอะไรออกมา แต่คนที่ทนไม่ได้กลับเป็นชายหนุ่มเจ้าของห้องเสียเอง 

          ธีรพัฒน์จ้องมองหญิงสาวอยู่นานด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย แม้เธอจะนั่งทำงานอยู่กับพื้น แต่ก็ไม่เคยมีท่าทีอิดออดร้อนใจ หรือเบื่อหน่ายให้เขาเห็นเลยสักนิด และไม่มีแม้แต่น้อยที่สาวเจ้าจะเงยหน้า หรือหันมาสนใจเขาเลยด้วยซ้ำ เธอทำเหมือนกับว่าเขาไม่มีตัวตนอยู่ในห้องนี้อย่างนั้นแหละ คิดแล้วมันหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก เมื่อทนไม่ได้เขาจึงลุกจากเก้าอี้แล้วเดินเข้าไปใกล้กองเอกสารที่หญิงสาวนั่งทำงานอยู่

            “ฉันขอดูเอกสารของนายกรเมื่อกี้หน่อยสิ” เสียงเข้มบอกคนตรงหน้าที่กำลังหยิบจับเอกสารที่พื้นอยู่

            “ค่ะ” หญิงสาวรับคำโดยไม่หันมามองต้นเสียง

            เพราะเธอรู้อยู่แล้วว่าเป็นใคร เพียงแค่เธอไม่อยากมองหน้าเขาเท่านั้นเอง

            “อุ๊ย!”

            เพราะนั่งกับพื้นนานๆ ทำให้หญิงสาวมีอาการเหน็บชาที่เท้าจนอ่อนแรง พอลุกขึ้นจึงทำให้เซถลาและกำลังจะล้มลง แต่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างหลังเงียบๆ คว้าเอวเธอไว้ได้ทัน ทำให้เธอไม่ต้องล้มลงไปนอนกับพื้น แต่กลับกลายเป็นว่าตัวเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขาแทน

            วงแขนแกร่งโอบรอบเอวเล็กๆ ของเธอเอาไว้เหมือนเป็นสิ่งที่เขาหวงแหน ใบหน้าคมหล่อเหลาห่างจากใบหน้าหวานของเธอเพียงคืบ ใกล้เสียจนได้กลิ่นของน้ำยาโกนหนวดจางๆ ทำให้คนที่อยู่ในอ้อมกอดรู้สึกร้อนวูบวาบ พาให้หัวใจดวงน้อยเต้นเร็วผิดจังหวะไปด้วย

            ดวงตาคมเข้มของชายหนุ่มมีประกายวาววับเพียงครู่ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนที่ทอดมองคนในอ้อมกอดนิ่งนานราวต้องมนต์สะกด ใบหน้าหวานละมุนอยู่ใกล้เพียงลมหายใจ พวงแก้มเนียนใสอมชมพูระเรื่อที่เขาอยากสัมผัส เรียวปากอวบอิ่มที่ชวนให้เคลิบเคลิ้มหลงใหล กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ไม่ใช่กลิ่นน้ำหอมราคาแพง แต่เหมือนแป้งเด็กที่แสนนุ่มนวลน่าทะนุถนอมแบบที่เขาไม่เคยพานพบจากผู้หญิงคนไหนมาก่อน

            “ขอโทษค่ะ” หญิงสาวได้สติก่อนจึงเอ่ยทำลายสถานการณ์หมิ่นเหม่ที่อาจทำให้เธอเผลอไผลไปกับเขาได้

            “ยืนไหวหรือเปล่า” เจ้าของวงแขนพูดเสียงเบาเหมือนละเมอออกมากกว่า และก็ยังกอดรัดเอวของหญิงสาวไว้มั่น

            “กรี๊ด! กรี๊ดดดดด... นี่มันอะไรกันคะธีร์”

            เสียงของบุคคลที่ผลักประตูเข้ามาอย่างไม่คาดคิด ทำให้สองหนุ่มสาวที่คล้ายกำลังตระกองกอดกันอยู่ถึงกับสะดุ้งตื่นจากภวังค์ แต่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว หญิงสาวผู้มาใหม่ก็ตรงเข้าไปคว้าข้อมือคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มที่เธอแสนรักแล้วเหวี่ยงสะบัดออกไปเต็มแรงทั้งหมดที่เธอมี ส่งผลให้คนตัวเล็กรูปร่างบอบบางปลิวไปตามแรงเหวี่ยงและกระแทกเข้ากับโต๊ะทำงานอีกชุดภายในห้องอย่างเต็มแรง

            พลั่ก!...

            “โอ๊ย!...” คนตัวเล็กรู้สึกเจ็บจี๊ดที่ข้อมือข้างซ้ายทันทีที่ร่างกายของเธอปลิวมากระแทกกับอะไรบางอย่าง

            เนื่องจากเท้าที่ยังอ่อนแรงจากอาการเหน็บชาทำให้ไม่สามารถทรงตัวได้ดีนัก จึงไม่ทันระวังว่าหญิงสาวที่เธอไม่รู้จักกำลังพุ่งตรงเข้ามาตบหน้าเธอซ้ำอีกฉาด

            เพียะ!...

            เสียงฝ่ามือกระทบผิวเนื้ออย่างแรง ส่งผลให้ใบหน้านวลของหญิงสาวที่ไม่ทันระวังตัวสะบัดไปตามแรงตบ

            “เมนี่!...” ธีรพัฒน์ตกใจสุดขีด ไม่คิดว่าเมธินีจะมาหาเขาที่นี่และยังมาทำร้ายคนของเขาขนาดนี้อีก

            “นังผู้หญิงไร้ยางอาย แกเป็นใคร แกมายุ่งวุ่นวายกับธีร์ของฉันได้ยังไงห๊า” เมธินีด่ากราดหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่ไว้ชีวิต

            เธอโมโหจนเลือดขึ้นหน้า เมื่อผลักประตูเข้ามาเห็นชายที่เธอรักปานดวงใจกำลังตระกองกอดกับผู้หญิงอื่นอย่างใกล้ชิด

            “หยุดนะ! เมนี่! ผมบอกให้หยุดไง”

            ธีรพัฒน์ตรงเข้าไปกระชากข้อมือเพื่อนสาวคนสนิทที่กำลังหมายจะตบเลขาของเขาซ้ำอีกครั้งอย่างสุดแรง

            “กรี๊ดดด... ปล่อยเมนี่นะ เมนี่จะตบสั่งสอนมัน ที่มันมายุ่งกับธีร์”

            คนอารมณ์ร้อนร้องลั่น พยายามสะบัดแขนให้หลุดจากพันธนาการที่แข็งแกร่งของชายคนรัก

            “ผมบอกให้หยุดไงเมนี่ ถ้าคุณไม่หยุด ผมจะไม่ให้คุณมาเหยียบที่นี่อีก” ธีรพัฒน์ตวาดใส่คนไร้สติอย่างเหลืออด

            เพราะเห็นแก่ความเป็นเพื่อนสนิทที่คบกันมานาน เขาจึงไม่อยากทำอะไรรุนแรงกับเธอมากนัก ที่ผ่านมาก็ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้เมื่อไร มันเกิดขึ้นบ่อยมาก... ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนที่อยู่ข้างกายเขามักจะเจอฤทธิ์ของเมนี่จนต้องเผ่นหนีหายออกไปจากชีวิตของเขาทุกราย แต่ดูเหมือนครั้งนี้จะรุนแรงกว่าครั้งไหนๆ และไร้เหตุผลเกินกว่าที่เขาจะรับได้ เห็นทีคราวนี้คงต้องคุยกันให้รู้เรื่องเพื่อย้ำสถานะให้เข้าใจ ไม่งั้นผู้หญิงที่เข้ามาในชีวิตของเขาต่อจากนี้ไปจะต้องเดือดร้อนแน่ๆ         

            ทินกรเดินมาหาธีรพัฒน์ตามที่ได้นัดกันเอาไว้ แต่เมื่อมาถึงหน้าห้องกลับได้ยินเสียงโวยวายเหมือนคนทะเลาะกัน เขาจึงรีบผลักประตูเข้าไปด้วยความรวดเร็ว

            “เห้ย! เกิดอะไรขึ้นวะธีร์ เสียงดังไปถึงข้างนอก”

            “คุณแพร!”

            คนมาใหม่ร้องเรียกหญิงสาวที่ล้มลงไปกองกับพื้นด้วยความตกใจ พร้อมกับวิ่งปาดเข้าไปดูอาการของเธอที่ดูเหมือนกำลังได้รับบาดเจ็บ ก่อนจะหันไปมองหน้าเพื่อนรักด้วยแววตาอาฆาต

            “กร เดี๋ยวไปเจอกันที่บ้าน ฝากทางนี้ด้วย”

            ธีรพัฒน์ปัดที่จะตอบคำถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เลือกที่จะแยกคนไร้สติออกไปจากตรงนี้ก่อนจะดีกว่า คำว่า ‘ฝากทางนี้ด้วย’ เขาหมายถึงหญิงสาวที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่เขาเป็นต้นเหตุและมีส่วนผิดในเรื่องนี้ด้วย แม้จะอยากเข้าไปช่วยเธอเพียงไรแต่ก็ต้องเก็บความรู้สึกไว้ เพราะไม่อยากให้เรื่องราวเลวร้ายลงไปกว่าเดิม จึงทำได้แค่เพียงปรายตามองคนตัวเล็กที่กองอยู่กับพื้น แล้วฉุดดึงคนที่กำลังขาดสติออกไปจากห้องกับเขาเท่านั้น

            “คุณแพรเจ็บตรงไหนบ้างครับ” ทินกรถามออกไปด้วยความร้อนรน

            “แพรเจ็บข้อมือค่ะคุณกร” หญิงสาวทำหน้าเบ้ เมื่อยกมือข้างที่เจ็บขึ้นมาให้ชายหนุ่มดู

            “โห! ทำไมบวมขนาดนี้ครับคุณแพร ผมว่าเรารีบไปโรงพยาบาลกันดีกว่า” คนเป็นห่วงไม่รอฟังคำตอบจากคนตัวเล็ก ชายหนุ่มลุกขึ้นแล้วอุ้มหญิงสาวขึ้นแนบอกแกร่งทันที

            “คุณกรปล่อยแพรลงเถอะค่ะ แพรเดินไหว... เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าคุณจะดูไม่ดีนะคะ” แพรวาพูดออกไปด้วยความเกรงใจและเป็นห่วงภาพพจน์ของชายหนุ่มที่กลัวว่าเขาจะเสื่อมเสียเพราะเธอ

            “เจ็บขนาดนี้ยังจะห่วงคนอื่นอีกหรือครับ ผมไม่สนใจหรอกใครจะพูดยังไงก็ช่าง”

            ทินกรสะบัดเสียงอย่างคนไม่สบอารมณ์นัก พานให้คิดไปถึงเพื่อนตัวแสบที่ไม่รู้จักดูแลคู่ควงของตัวเองให้ดี ปล่อยให้มาทำร้ายคนรักของเขาจนบาดเจ็บขนาดนี้ได้อย่างไร และหากหญิงสาวในอ้อมแขนของเขายังทำงานกับธีรพัฒน์ต่อไป เธอจะต้องเจ็บตัวเพราะความหึงหวงของผู้หญิงใจร้ายคนนั้นอีกหรือเปล่า เห็นทีคราวนี้เขาคงต้องคุยกับคุณป้า เพื่อจะขอแพรวาให้มาเป็นเลขาของเขา แล้วที่สำคัญถึงเวลาแล้วที่เขาควรจะบอกความในใจกับคนในอ้อมแขนสักทีว่าเขารู้สึกอย่างไรกับเธอ เพื่อจะได้มีสิทธิ์ในตัวเธอและสามารถปกป้องเธอได้ เขาจะไม่ยอมให้เธอต้องเจ็บตัวอีกแล้ว

 

          เมื่อพาผู้บาดเจ็บมาถึงรถแล้ว ทินกรเปิดประตูรถฝั่งข้างๆ คนขับ เพื่อนำพาร่างน้อยของหญิงสาวเข้าไปนั่งที่เบาะด้วยความระมัดระวัง 

            แพรวายกมือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บขึ้นมาปัดปอยผมข้างแก้มขึ้นทัดหูเพราะรู้สึกรำคาญผมที่คลอเคลียใบหน้า ส่งผลให้คนที่กำลังจะปิดประตูเหลือบไปเห็นใบหน้านวลที่เคยขาวใสตอนนี้กลับบวมช้ำเป็นรอยฝ่ามือดูแล้วน่าใจหาย

            “นี่หน้าไปโดนอะไรมาครับคุณแพร” ชายหนุ่มร้องลั่นด้วยความตกใจ และสะเทือนใจยิ่งนัก ที่หญิงสาวในดวงใจถูกทำร้ายร่างกายมากกว่าที่เขาคิด

            “เหตุการณ์เมื่อครู่น่ะค่ะ” หญิงสาวรีบเอามือปิดร่องรอยบวมช้ำทันที

            ความรู้สึกน้อยใจแล่นพุ่งขึ้นมาที่หน่วงตาทั้งสองข้างจนร้อนผ่าว น้ำตาเอ่อคลอจวนเจียนจะล้นออกมาเสียให้ได้ เมื่อชายหนุ่มตรงหน้ามีท่าทีอ่อนโยนกับเธอยิ่งนัก ผิดกับตัวต้นเหตุที่ทำแค่ปรายตามองมาเท่านั้น

            “ขอผมดูหน่อยนะครับคุณแพร” เสียงอ่อนโยนบอกกับหญิงสาว แล้วค่อยๆ แกะมือสวยออกจากใบหน้าที่บอบช้ำอย่างนุ่มนวล มือแกร่งลูบไล้วนเวียนเหมือนจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดให้เธอ ยิ่งเห็นดวงตาที่เคยเป็นประกายสดใส บัดนี้คลอหน่วงไปด้วยน้ำตาที่จวนเจียนจะไหล ทำให้เขายิ่งสงสารเธอจับใจ โดยไม่รู้เลยว่าพฤติกรรมของทั้งคู่กำลังถูกเพ่งมองจากคนที่เพิ่งลงมาจากห้องก่อนหน้านี้

 

            ธีรพัฒน์ฉุดกระชากร่างอวบแต่ดูเซ็กซี่เย้ายวนของเพื่อนสาวคนสนิทลงมาถึงที่ลานจอดรถด้วยความเหนื่อยหอบ เพราะหญิงสาวไม่ใช่ตัวเล็กๆ แถมตลอดทางเจ้าหล่อนทั้งดิ้น ทั้งร้องโวยวาย และพยายามสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมของเขาอีก ทำให้เขาต้องออกแรงมากพอตัวกว่าจะพาหญิงสาวมาถึงที่รถของเธอได้ ชายหนุ่มสั่งให้เธอเปิดประตูรถแล้วจับร่างอวบของเธอยัดเข้าไปนั่งยังฝั่งคนขับ ส่วนเขาอ้อมไปนั่งอีกฝั่ง

            “เมนี่ไม่ยอมนะคะธีร์ นังนั่นมันเป็นใคร ทำไมธีร์ต้องไปกอดมันด้วย” เมธินีกำมือแน่น ปล่อยความอัดอั้นออกมาเป็นชุด

            “มันไม่มีอะไรเลยเมนี่ ผมกับเขาเราไม่ได้กอดกัน มันเป็นอุบัติเหตุ” ธีรพัฒน์พยายามอธิบายอย่างใจเย็น

            “ฮึ! อุบัติเหตุเหรอ ถ้าเมนี่ไม่เข้ามาขัดซะก่อน คงจะเลยเถิดไปถึงไหนๆ กันแล้วสิ” คนโมโหใส่อารมณ์ไม่ลดละ

            “คุณแพรวาเธอเป็นเลขาผม เราไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปกว่าที่คุณเห็นทั้งนั้นแหละ” น้ำเสียงเข้มบอกออกไปหมายจะช่วยคลี่คลายความขุ่นมัวให้หญิงสาวตรงหน้า

            “งั้นธีร์ก็ไล่มันออกสิคะ ตำแหน่งเลขาของคุณ... ต้องเป็นเมนี่คนเดียวเท่านั้น” คนขาดสติเริ่มเอาแต่ใจ

            “ผมทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก เธอเป็นคนของคุณแม่ พอผมมารับตำแหน่งแทน เธอเลยต้องมาเป็นเลขาของผมด้วย”

            ธีรพัฒน์พยายามอธิบายให้หญิงสาวตรงหน้าเข้าใจ และเขาก็จะไม่มีวันทำอย่างที่เมธินีแนะนำเด็ดขาด จะเพราะอะไรเขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน

            “แล้วเมนี่ล่ะคะ ธีร์จะให้เมนี่ไปอยู่ที่ไหน ในเมื่อเมนี่เป็นเลขาของธีร์ตั้งแต่ตอนอยู่ที่โน่นแล้วนะคะ”

            “คุณก็กลับไปช่วยธุรกิจของพ่อคุณสิ อยู่ที่นี่คุณไม่ต้องช่วยงานผมแล้วก็ได้” ชายหนุ่มชี้ทางออกตามความเป็นจริงให้แก่เธอ

            “ไม่! เมนี่ไม่ยอม ยังไงเมนี่ต้องเป็นเลขาของธีร์คนเดียว และต้องทำงานกับธีร์ที่นี่ด้วย”

            “งั้นคุณก็เลือกเอาแล้วกัน ระหว่างจะมาเป็นขี้ข้าคอยรับใช้ผม หรือจะเป็นคนสนิทที่ผมควงไปไหนต่อไหนด้วย”

            ธีรพัฒน์ยื่นข้อเสนอให้หญิงสาวตรงหน้า เพื่อให้เธอเลิกหวังกับตำแหน่งเลขาของเขาเสียที ซึ่งแน่นอนว่าหล่อนต้องเลือกอย่างหลัง แต่ชายหนุ่มหารู้ไม่ว่าสิ่งที่ให้เธอเลือกนั้นเหมือนเป็นการฆ่าตัวตายชัดๆ

            “แหม๋... ธีร์ละก็ ไม่อยากให้เมนี่เหนื่อยก็ไม่บอกตรงๆ งั้นเมนี่ไม่เป็นเลขาให้ธีร์แล้วก็ได้ค่ะ แต่ธีร์ต้องให้เมนี่มาหาบ่อยๆ นะคะ น๊า...” จากแม่เสือสาว กลายเป็นแมวน้อยขี้อ้อนไปในทันที

            “ก็ตามใจ แต่ขออย่าให้เกิดเรื่องแบบวันนี้อีก เพราะยังไงที่นี่ก็คือที่ทำงาน ไม่เหมาะที่คุณจะมาโวยวายหรือทำร้ายร่างกายใครแบบนี้อีก”

            ธีรพัฒน์บอกเสียงจริงจัง ระหว่างที่กำลังเคลียร์กับคนขาดสติอยู่นั้น พลันสายตาคมก็เหลือบไปเห็นเพื่อนรักของเขาอุ้มหญิงสาวร่างบอบบางแนบอกแกร่งเข้าไปในรถด้วยความอ่อนโยน พร้อมทั้งเห็นกิริยาที่ทินกรกำลังใช้มือของตัวเองลูบไล้ที่แก้มนวลของหญิงสาวอย่างทะนุถนอมแสนห่วงใยนั่นด้วย ซึ่งการกระทำของคนทั้งคู่ทำให้หัวใจดวงแกร่งของชายหนุ่มที่นั่งดูอยู่สั่นไหว รู้สึกโหวงๆ ห่อเหี่ยวภายในจิตใจขึ้นมาอย่างประหลาด

 

            “เอ๊ะ! ธีร์คะ นั่นใช่คุณกรกับผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่าคะ” เมธินีมองตามสายตาของชายหนุ่มตรงหน้าไป จนพบกับผู้ชายคุ้นหน้าที่เธอพอจะรู้มาบ้างว่าเป็นทั้งเพื่อนรักและญาติสนิทของธีรพัฒน์

            “ใช่ครับ กรเขาเป็นทนายความประจำบริษัทของเรา และก็เป็นผู้จัดการด้วย” ธีรพัฒน์ตอบโดยไม่หันไปมองภาพบาดตาตรงหน้าอีก

            “อ้าว แบบนี้คุณกรกับเลขาของคุณก็เป็น...” เมธินีจงใจเว้นช่องว่างของคำพูดไว้เพื่อที่จะรอคำตอบจากปากของคนที่เธอรัก ซึ่งดูเหมือนจะเป็นข่าวดีสำหรับเธอ

            “ก็อย่างที่เห็นนั่นแหละ” น้ำเสียงของเขาแลดูหมางเมินอย่างไม่สบอารมณ์นัก

            ธีรพัฒน์เลือกที่จะไม่ตอบคำถาม ปล่อยให้หญิงสาวอารมณ์ร้อนเข้าใจไปเองอย่างที่เธอเห็นนั่นแหละ อย่างน้อยก็เป็นการดีต่อความปลอดภัยของแพรวา

            “ตายแล้ว! ทำไมธีร์ไม่บอกเมนี่ก่อนล่ะคะ ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นแฟนคุณกรน่ะค่ะ ดูสิ... คุณกรต้องโกรธเมนี่มากแน่ๆ เลย ที่ไปทำแฟนเขาแบบนั้นน่ะ” หญิงสาวตัวต้นเหตุโอดครวญเรียกร้องความสนใจจากชายหนุ่มข้างกายทันที

            “ถ้าฆ่าผมได้มันคงทำไปแล้วหละ” ธีรพัฒน์เปรยออกมาลอยๆ เขาพอจะมองออกว่าทินกรโกรธเคืองเขามากแค่ไหน เพราะดูจากสายตาที่เพื่อนรักส่งให้เขาแล้ว บอกได้เลยว่าถ้าทินกรมีปืนอยู่ในมือละก็เขาคงไม่รอดแน่

            “งั้นเมนี่ฝากขอโทษเขาสองคนด้วยนะคะ เมนี่ผิดเองที่ไม่ถามไถ่อะไรก่อน และนั่น... ไม่รู้คุณแพรวาเจ็บมากหรือเปล่าถึงได้โอบอุ้มกันมาขนาดนั้นน่ะ” คนใจร้ายทำท่าสำนึกผิด

            “เดี๋ยวผมจัดการเอง คุณกลับไปก่อนเถอะ” ธีรพัฒน์บอกหญิงสาว พร้อมกับหันไปเปิดประตูรถแล้วก้าวลงมา ก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้นทันที โดยไม่สนใจคนขาดสติที่พยายามร้องเรียกเขาจากด้านหลัง

            เมื่อเห็นชายหนุ่มรีบร้อนลงไปจากรถ คนถูกขัดใจได้แต่ทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอด้วยความโมโห ที่ชายคนรักไม่สนใจเสียงเรียกร้องของเธอ แค่เพียงไม่นานก็เปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างด้วยความดีใจที่อย่างน้อยเธอก็รู้ว่ายังไม่มีใครแทนที่ตำแหน่งของเธอได้ ตอนนี้เธอยังคงเป็นที่หนึ่งสำหรับเขา และยังเป็นคนเดียวที่ชายหนุ่มแคร์มากกว่าผู้หญิงคนไหนๆ คิดได้ดังนั้น หญิงสาวร่างอวบอัดที่แฝงไปด้วยความเซ็กซี่ร้อนแรงก็เคลื่อนรถสปอร์ตคันสวยของตัวเองออกไปทันทีด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมสุขเต็มใบหน้า

 

          ธีรพัฒน์กลับขึ้นมาบนห้องทำงานอีกครั้งด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งสับสน เป็นห่วง รู้สึกผิด และหวั่นใจอย่างประหลาด 

            เมื่อคิดว่าเรื่องนี้ต้องถึงหูแม่ของเขาแน่ๆ และแน่นอนว่าผู้เป็นมารดาจะต้องไม่ให้แพรวาทำงานกับเขาอีกต่อไป แค่คิดว่าจะไม่ได้เห็นหน้าหญิงสาวที่แสนเกลียดชังคนนั้น แทนที่เขาจะดีใจ แต่กลับรู้สึกห่อเหี่ยว ใจหาย หัวใจโหวงๆ เหมือนกับขาดอะไรไปสักอย่าง ซึ่งเขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน

            ธีรพัฒน์เดินไปหยุดยืนตรงบริเวณที่หญิงสาวล้มลงกองกับพื้น ภาพเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปค่อยๆ หลั่งไหลเข้ามาในความคิดของเขา หญิงสาวตัวเล็กร่างบอบบางไร้เรี่ยวแรงถูกกระทำอย่างไม่ทันได้รู้เนื้อรู้ตัว เป็นภาพที่เขาเองก็ตกใจและสำนึกผิดไม่น้อย แต่สิ่งที่ทำให้เขาเสียใจมากไปกว่านั้นก็คือ เขาไม่สามารถเข้าไปช่วยเธอได้ทัน และยิ่งเจ็บปวดเมื่อเห็นดวงตาคู่สวยของหญิงสาวคลอหน่วงไปด้วยน้ำตาที่จวนเจียนจะไหล เขาจำได้ดีถึงแววตาตัดพ้อ ผิดหวัง และน้อยใจ ที่เธอส่งมาให้เขา ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกผิดจนถึงตอนนี้ 

            ชายหนุ่มตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเองเพียงครู่ ก่อนจะรู้สึกตัวด้วยเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กในกระเป๋ากางเกง

            ‘ครับคุณแม่’ ธีรพัฒน์ขานรับด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อนเหมือนเด็กทำผิดแล้วถูกจับได้

            ‘แม่ต้องการคำอธิบายในเรื่องนี้ และความยุติธรรมสำหรับหนูแพรด้วย’ คุณหญิงเพ็ญพักตร์เอ็ดลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเสียงดังลั่น

            ‘ครับ ผมกำลังจะกลับบ้านเดี๋ยวนี้แหละครับ’

            ชายหนุ่มถอนหายใจหนักด้วยความกังวล เมื่อคิดว่าคราวนี้แม่ของเขาต้องไม่ให้หญิงสาวทำงานกับเขาต่อไปแน่ เพราะดูจากน้ำเสียงแล้วท่านคงโกรธมาก

            ‘ดี งั้นก็รีบมาเร็วๆ เลย อ่อ... อย่าลืมหยิบเอกสารของตากรที่จะให้แม่เซ็นมาด้วยล่ะ... งานเขาด่วน’ คุณหญิงเพ็ญพักตร์สั่งงานเสร็จสรรพ ยิ่งนึกก็ยิ่งโมโหพ่อลูกชายตัวดี ไปทำงานแค่สองวันก็ก่อเรื่องซะแล้ว

            ‘ครับ’ ชายหนุ่มรับคำมารดา แล้วกดวางสายไป แสดงว่าทินกรคงโทรไปรายงานแม่เขาเรียบร้อยแล้วสินะ ไม่งั้นแม่เขาคงไม่โกรธขนาดนี้ ที่สำคัญรู้ด้วยว่ามีเอกสารด่วนต้องเซ็น

            ธีรพัฒน์เดินไปที่โต๊ะทำงานชั่วคราวของคนเป็นเลขาที่อยู่ภายในห้องของเขา และมองหาเอกสารสำคัญที่หญิงสาวกำลังจะลุกมาหยิบให้เขาแต่ก็ไม่ทันได้หยิบ ดันเกิดเรื่องราวต่างๆ มากมายเสียก่อน รวมถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เขาหัวใจเต้นแรงผิดจังหวะอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนนั่นด้วย

            กลิ่นกายหอมกรุ่นของหญิงสาวในอ้อมกอดยังติดจมูกตราตรึงอยู่ภายในใจของเขาไม่จางหาย สัมผัสที่โอบกอดนั้นให้ความรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างประหลาด ซึ่งเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกเช่นนั้น

            หลังจากได้เอกสารที่ต้องการแล้ว ชายหนุ่มกำลังจะหมุนตัวเดินออกไปจากตรงนี้ เท้าแกร่งรู้สึกเหมือนเหยียบเข้ากับอะไรบางอย่างทำให้ต้องก้มลงไปมอง จึงพบว่าเป็นนาฬิกาข้อมือเรือนสวยที่หน้าปัดนาฬิกาแตกยับเยินใช้การไม่ได้ ธีรพัฒน์มั่นใจว่าต้องเป็นของแพรวาอย่างแน่นอน เพราะบริเวณนี้เป็นที่เดียวกับตอนที่หญิงสาวล้มลงไปกองกับพื้น ชายหนุ่มหยิบนาฬิกาที่มีสภาพไม่ต่างอะไรจากขยะขึ้นมาดู แล้วคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ก่อนจะเกิดเป็นรอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาของเขา มือหนาเก็บนาฬิกาที่แตกยับนั้นเข้ากระเป๋าเสื้อ แล้วเดินออกไปจากห้องเพื่อตรงกลับบ้านทันที 

 

          ณ โรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง ทินกรประคองแพรวาเข้ามายังบริเวณผู้ป่วยนอก เพื่อติดต่อทำบัตรแล้วรอเข้ารับการตรวจรักษาตามขั้นตอน ซึ่งเป็นความต้องการของหญิงสาวเอง ที่ไม่อยากใช้สิทธิพิเศษอะไรเหนือผู้ป่วยคนอื่นๆ

            ทินกรกำลังมองหาที่นั่งให้กับหญิงสาวเพื่อเขาจะได้ไปจัดการติดต่อทำบัตรผู้ป่วยให้เรียบร้อย ระหว่างที่เดินอยู่นั้น คุณหมอวิทยาที่เพิ่งกลับเข้ามาจากการรับประทานอาหารกลางวันจึงมาพบเข้าพอดี

            “อ้าว น้องแพรเป็นอะไรครับ” คุณหมอรูปร่างหล่อเหล่าดูภูมิฐาน ตรงดิ่งเข้ามาหาหญิงสาวในดวงใจทันทีที่เห็นเธอนั่งอยู่

            เมื่อเดินเข้ามาใกล้จึงพบว่าข้างกายเธอมีชายหนุ่มหน้าตาดีกำลังประคับประคองอย่างห่วงใยไม่ห่าง แม้จะทำให้รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาภายในจิตใจกับภาพที่เห็น แต่ก็ไม่เท่ากับความเป็นห่วงในตัวหญิงสาวตอนนี้

            “สวัสดีค่ะ พี่วิท” หญิงสาวกล่าวทักทายพี่ชายของเพื่อนซึ่งเป็นแพทย์ประจำอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้

            เมื่อเห็นหมอวิทยามองทินกรเหมือนต้องการจะถามว่าเธอมากับใคร หญิงสาวจึงกล่าวแนะนำ

            “เอ่อ... พี่วิทคะ นี่คุณทินกร เป็นผู้จัดการของบริษัทที่แพรทำงานอยู่ค่ะ คุณกรคะ นี่คุณหมอวิทยาเป็นพี่ชายของเพื่อนแพรค่ะ” จบคำแนะนำของหญิงสาว สองหนุ่มสบสายตากันเพียงครู่ ก่อนที่หมอหนุ่มจะเป็นฝ่ายยื่นมือออกไปทักทายกับผู้ชายตรงหน้าที่มากับหญิงสาว

            “สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จัก” หมอวิทยากล่าวทักทายเป็นมารยาท

            “ครับ เช่นกัน” ทินกรตอบรับอย่างไม่เต็มใจนัก เพราะมองจากสายตาที่หมอหนุ่มคนนี้ใช้มองหญิงสาว เหมือนกับแววตาของคนที่หลงรักเธอมากกว่าจะเป็นเพื่อนของน้องสาว ซึ่งนั่นก็หมายความว่า... ผู้ชายคนนี้คือศัตรูหัวใจหมายเลขหนึ่งของเขาที่เพิ่งปรากฏตัวอย่างนั้นหรือ

            “แล้วข้อมือน้องแพรไปโดนอะไรมา... ทำไมถึงบวมช้ำขนาดนี้ครับ” หมอวิทยาเอ่ยถามขณะมองหน้าชายหนุ่มอีกคนที่ยืนไม่ห่างกายหญิงสาว ด้วยสัญชาตญาณของความเป็นหมอที่มักจะสำรวจร่างกายของผู้ป่วยด้วยความรวดเร็วเสมอ

            “อุบัติเหตุน่ะค่ะ แพรเดินไม่ระวังก็เลยสะดุดขาตัวเองล้ม” หญิงสาวโป้ปดคำโต เพราะไม่อยากจะเอ่ยถึงเรื่องราวมากมาย ซึ่งเธอเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน

            “งั้น เดี๋ยวไปที่ห้องตรวจของพี่ดีกว่า... ตอนนี้พี่อยู่ระหว่างพัก... ยังไม่มีคนไข้”

            “ขอบคุณค่ะ” แพรวากล่าวขอบคุณ พร้อมกับขยับตัวเตรียมจะลุกขึ้น

            หมอวิทยารีบตรงเข้าไปหมายจะประคองหญิงสาว แต่ถูกชายหนุ่มที่ใกล้กว่าชิงตัดหน้าก่อน ทั้งสองหนุ่มประสานสายตากันเพียงแวบเดียว คนเป็นหมอจึงถอยออกมาเป็นมารยาทแล้วผายมือเชิญทั้งคู่ให้เดินไปทางห้องตรวจของเขา

            “เชิญทางนี้ครับ”

 

          เมื่อมาถึงหน้าห้องทำงานประจำของตัวเอง หมอวิทยาทำท่าเหมือนจะให้หญิงสาวเข้าไปกับเขาเพียงสองคนเท่านั้น 

          เนื่องจากห้องตรวจเป็นห้องที่ต้องการความเป็นส่วนตัวระหว่างหมอกับคนไข้ ทินกรเข้าใจความหมายที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อ เขาจึงเอ่ยบอกความต้องการของตัวเอง

            “ผมเป็นคนสนิทของคุณแพร และผมคิดว่าอาการป่วยของเธอก็ไม่มีอะไรที่เป็นความลับกับผม” ทินกรพูดอย่างไม่สบอารมณ์นัก ที่หมอหนุ่มกำลังจะพาหญิงสาวในดวงใจของเขาเข้าไปในห้องเพียงลำพัง

            “แต่ผมจำเป็นต้องถามความยินยอมของคนไข้ก่อน” หมอวิทยาตอบอย่างมีชั้นเชิง ส่งผลให้คนฟังหันไปมองหน้าหญิงสาวในอ้อมแขนทันทีด้วยแววตาอ้อนวอนแฝงด้วยความห่วงใยที่ไม่อยากให้เธอห่างกาย

            “เอ่อ... ไม่เป็นไรค่ะคุณกร แพรเข้าไปคนเดียวดีกว่าค่ะ” ยังไงเธอก็ยังรู้สึกเกรงใจชายหนุ่มตรงหน้ามากกว่าพี่ชายของเพื่อนรักอยู่ดี

            คำพูดของหญิงสาวทำให้คนเป็นหมอยิ้มกว้าง รู้สึกใจชื้นขึ้นมาทันทีที่รู้ว่าอย่างน้อยผู้ชายที่มากับเธอก็ไม่ใช่คนสำคัญ

            “อย่างนั้นก็ได้ครับ ผมจะรออยู่ตรงนี้จนกว่าคุณแพรจะออกมา” แม้จะผิดหวังไปบ้าง แต่เขาก็เลือกที่จะไม่ขัดใจเธอ

            “งั้น เชิญครับน้องแพร”

            หมอวิทยาตัดบท ชิงตัวหญิงสาวที่เขาหมายปองออกจากอ้อมแขนของชายหนุ่มอีกคนอย่างถือวิสาสะ แล้วพาเธอเข้าไปในห้องเพื่อตรวจอาการบาดเจ็บที่ดูเหมือนจะหนักหนาเอาการ โดยปล่อยให้ชายหนุ่มที่มากับเธอนั่งหน้าบึ้งทำเสียงฮึดฮัดขัดใจอยู่หน้าห้อง

            ทินกรนั่งรอเพียงครู่เมื่อคิดอะไรขึ้นได้ จึงล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าหยิบโทรศัพท์เครื่องเล็กออกมาเพื่อโทรหาคนสำคัญที่จะเป็นผู้ให้ความยุติธรรมในเรื่องนี้ทันที

 

          “นั่งตรงนี้ก่อนครับน้องแพร พี่ขอดูแขนหน่อย”

            คุณหมอใจดีบอกหญิงสาวเสียงนุ่ม ขณะพาเธอมานั่งบนเตียงคนไข้เพื่อตรวจดูอาการ หมอวิทยาจับแขนข้างซ้ายของหญิงสาวที่บวมช้ำขึ้นมาสำรวจดู

            “โอ๊ย! แพรเจ็บค่ะพี่วิท” หญิงสาวร้องครวญทันทีที่หมอหนุ่มจับแขนข้างที่เจ็บ

            “พี่ว่า... เอกซเรย์ดูหน่อยดีกว่า... สงสัยกระดูกจะร้าว” พูดจบก็ประคองหญิงสาวให้ลุกขึ้นเพื่อไปยังห้องเอกซเรย์ที่อยู่ติดกันด้วยประตูทางลัดหลังห้องตรวจ ไม่นานก็พาหญิงสาวกลับมาเพื่อพิจารณาการรักษา

            “น้องแพรมีกระดูกร้าวที่ข้อมือ และก็มีอาการอักเสบของเส้นเอ็น พี่จะเข้าเฝือกชนิดอ่อนให้นะครับ แล้วหลังจากนี้น้องแพรต้องระมัดระวัง อย่าใช้งานแขนข้างที่เจ็บอยู่เป็นอันขาด เพราะจะทำให้กระดูกที่ร้าวนั้นหักได้ง่าย” หมอหนุ่มบอกคนไข้ในดวงใจด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน 

            “ค่ะ แพรจะระวัง”

            “เขาเป็นเจ้านายน้องแพรเหรอครับ” หมอวิทยาชวนคนไข้แสนสวยของเขาพูดคุยเพื่อลดความกังวล และเขาเองก็อยากรู้ความใกล้ชิดของหญิงสาวที่เขาหมายปองกับชายหนุ่มที่พาเธอมาด้วย

            “ไม่ใช่ค่ะ ตอนที่แพรได้รับบาดเจ็บ คุณกรเข้ามาพบพอดี” หญิงสาวก้มหน้าตอบเสียงเบา เพราะไม่อยากจะคิดถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เธอต้องเจ็บตัวแบบนี้

            เมื่อได้ยินคำตอบจากปากหญิงสาว ทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง ที่อย่างน้อยหญิงสาวในดวงใจของเขาก็ยังไม่ได้ให้ความสนิทสนมเป็นพิเศษกับผู้ชายคนไหน เพราะไม่ว่าใครที่ได้อยู่ใกล้กับเธอจะต้องหลงรักทุกคน เขาเองก็เป็นคนหนึ่งที่รักเธอ และไม่แน่ว่าผู้ชายที่อยู่หน้าห้องก็คิดกับเธอเช่นเดียวกับเขา นี่เขาจะมีศัตรูหัวใจแล้วหรือนี่ แค่คิดหมอหนุ่มก็รู้สึกท้อแท้หดหู่ใจขึ้นมา

            “เสร็จแล้วครับ น้องแพรยังเจ็บตรงไหนอีกหรือเปล่า” หลังจากคุณหมอใส่เฝือกที่แขนให้หญิงสาวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็หันมาสำรวจร่างกายส่วนอื่นๆ ของเธอ แต่ก็ต้องตกใจเมื่อสังเกตเห็นรอยแดงเป็นปื้นคล้ายนิ้วมือบนใบหน้านวลของหญิงสาวที่เผลอเปิดผมขึ้นทัดหู

            “เอ๊ะ นั่นแก้มไปโดนอะไรมาครับน้องแพร ขอพี่ดูหน่อย” มือหนาจับที่ใบหน้านวลอย่างแผ่วเบา รอยแบบนี้จะเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากรอยตบจากฝ่ามือ แต่ใครกันที่ทำร้ายผู้หญิงในดวงใจของเขา จะว่าหญิงสาวเป็นฝ่ายไปหาเรื่องใครก่อนคงไม่มีทาง

            “อะ เอ่อ เอ่อ...” แพรวาอ้ำอึ้งเพราะไม่รู้จะอธิบายยังไง ก็ในเมื่อเธอเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้หญิงที่เข้ามาทำร้ายเธอนั้นเป็นใคร จู่ๆ ก็เข้ามากระชากเธอจนหงายหลังและยังตามมาตบหน้าเธอซ้ำอีก แต่ที่แน่ๆ ผู้หญิงคนนั้นจะต้องมีความสัมพันธ์กับเจ้านายคนใหม่ของเธอแน่นอน แค่คิดก็ทำให้หัวใจดวงน้อยสั่นไหว รู้สึกเศร้าใจขึ้นมาเสียอย่างนั้น

            “ไม่เป็นไรครับ ถ้าน้องแพรไม่สบายใจ ก็ยังไม่ต้องบอกพี่ก็ได้” ชายหนุ่มเห็นหญิงสาวตรงหน้ามีอาการอึกอัก จึงไม่อยากบังคับ คิดว่าคงเป็นเรื่องส่วนตัวของเธอที่ไม่อยากเขารู้ แต่แม่น้องสาวตัวแสบของเขาจะต้องรู้แน่ๆ

            “ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวก้มหน้าเสียงสั่นเครือ เพราะพยายามสกัดกั้นความน้อยใจที่มันจุกแน่นขึ้นมาจนพูดอะไรไม่ออก

            “ไปครับ เดี๋ยวพี่จะพาไปรับยา”

            คนเป็นหมอช่วยประคองหญิงสาวให้ลงจากเตียงคนไข้อย่างระมัดระวัง เมื่อผลักประตูออกมาก็พบว่าชายหนุ่มคนเดิมยังนั่งรออยู่ด้วยความกังวลและเป็นห่วงหญิงสาวอย่างเห็นได้ชัด

            “คุณแพรเป็นยังไงบ้างครับ” ชายหนุ่มผู้เฝ้ารอรีบเข้าไปถามด้วยความห่วงใย

            “น้องแพรกระดูกที่ข้อมือร้าว คงต้องใส่เฝือกแบบนี้ประมาณ 6 สัปดาห์น่ะครับ”

            “ขอบคุณนะครับคุณหมอ งั้นต่อจากนี้เป็นหน้าที่ของผมเองที่จะดูแลเธอ เชิญคุณหมอไปทำหน้าที่ของคุณเถอะครับ เดี๋ยวคนไข้จะรอนาน”

            แม้จะรู้ว่าเป็นการเสียมารยาทแต่ทินกรก็เลือกที่จะทำ เพื่อขับไล่ศัตรูหัวใจหมายเลขหนึ่งให้พ้นทางรักของเขา

            “เดี๋ยวน้องแพรไปรับยาตามนี้แล้วกลับได้เลยนะครับ ส่วนค่ารักษาพี่จัดการให้เรียบร้อยแล้ว”

            หมอวิทยาเลือกที่จะไม่สนใจชายหนุ่มอีกคน แต่หันไปส่งเอกสารที่เขาจดชื่อตัวยาไว้ให้หญิงสาว พร้อมทั้งชี้แจงเรื่องค่ารักษาพยาบาลเสร็จสรรพ

            “ค่ารักษาพยาบาลผมคงไม่ต้องรบกวนคุณหมอหรอกนะครับ แค่นี้ผมจัดการเองได้” ทินกรบอกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์นัก

            “ไม่ได้เป็นการรบกวนหรอกครับ... ผมเต็มใจ และอีกอย่างสำหรับน้องแพรแล้วมันเป็นหน้าที่ของผม” หมอหนุ่มตอบกลับอย่างผู้มีชัย เพราะอย่างน้อยหญิงสาวตรงหน้าก็ให้สิทธิ์ความเป็นพี่ชายกับเขา

            “เอ่อ... คุณกรคะ เรารีบไปกันดีกว่าค่ะ แพรต้องกลับไปทำงานต่อด้วย” คนป่วยรีบขัดขึ้นมาก่อน เมื่อเห็นว่าสองหนุ่มท่าทางจะไม่ยอมลงให้กันง่ายๆ แน่

            “ครับ ไปครับคุณแพร”

            “ขอบคุณนะคะพี่วิท แพรต้องขอตัวก่อน”

            “ครับ... แล้วอย่าลืมมาให้พี่ตรวจทุกๆ สัปดาห์นะครับ แล้วก็อย่าใช้งานแขนข้างที่เจ็บด้วย เย็นนี้พี่จะให้ยัยมลไปเยี่ยม” หมอวิทยาบอกอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง

            “ค่ะ พี่วิท”

            “ยังไงผมต้องขอบคุณนะครับคุณหมอ”

            ทินกรยื่นมือออกไปสัมผัสกับมือหมอหนุ่มที่เขาให้ฉายาว่าศัตรูหัวใจหมายเลขหนึ่งของเขา

            “ครับยินดี มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ”

            คุณหมอตอบรับอย่างสุภาพ แล้วยืนมองสองหนุ่มสาวที่ประคับประคองกันไปจนลับตา แม้หญิงสาวที่แอบรักจะให้เขาเป็นแค่พี่ชายที่แสนดีของเธอก็ตาม อย่างน้อยขอแค่ได้อยู่ใกล้ชิด และทำให้เธอมีความสุขกับคนที่เธอรักเขาก็พอใจแล้ว แพรวา สาวน้อยในดวงใจของพี่ 

 

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

^_^

สนใจนิยายเล่มนี้ในรูปแบบ E-Book สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่

mebmarket ...และ... ookbee

หากสนใจสั่งซื้อในรูปแบบเล่ม สามารถติดต่อผู้แต่งได้โดยตรงทาง

E-mail : oilza24@hotmail.com

โทร : 094-4942566

ไลน์ : oilza_writer

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา