เสน่หาทาสซาตาน NC18+ (โหดนิดๆ หยิกกัดน้อยๆ)
เขียนโดย สุภาวดี
วันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 21.58 น.
แก้ไขเมื่อ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2564 11.07 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) มารผจญ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ5
มารผจญ
บรรยากาศภายในห้องทำงานที่เงียบสงบ ทั้งเจ้านายและลูกน้องต่างก็บึ้งตึงใส่กัน จนไม่มีใครเอื้อนเอ่ยอะไรออกมา แต่คนที่ทนไม่ได้กลับเป็นชายหนุ่มเจ้าของห้องเสียเอง
ธีรพัฒน์จ้องมองหญิงสาวอยู่นานด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย แม้เธอจะนั่งทำงานอยู่กับพื้น แต่ก็ไม่เคยมีท่าทีอิดออดร้อนใจ หรือเบื่อหน่ายให้เขาเห็นเลยสักนิด และไม่มีแม้แต่น้อยที่สาวเจ้าจะเงยหน้า หรือหันมาสนใจเขาเลยด้วยซ้ำ เธอทำเหมือนกับว่าเขาไม่มีตัวตนอยู่ในห้องนี้อย่างนั้นแหละ คิดแล้วมันหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก เมื่อทนไม่ได้เขาจึงลุกจากเก้าอี้แล้วเดินเข้าไปใกล้กองเอกสารที่หญิงสาวนั่งทำงานอยู่
“ฉันขอดูเอกสารของนายกรเมื่อกี้หน่อยสิ” เสียงเข้มบอกคนตรงหน้าที่กำลังหยิบจับเอกสารที่พื้นอยู่
“ค่ะ” หญิงสาวรับคำโดยไม่หันมามองต้นเสียง
เพราะเธอรู้อยู่แล้วว่าเป็นใคร เพียงแค่เธอไม่อยากมองหน้าเขาเท่านั้นเอง
“อุ๊ย!”
เพราะนั่งกับพื้นนานๆ ทำให้หญิงสาวมีอาการเหน็บชาที่เท้าจนอ่อนแรง พอลุกขึ้นจึงทำให้เซถลาและกำลังจะล้มลง แต่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างหลังเงียบๆ คว้าเอวเธอไว้ได้ทัน ทำให้เธอไม่ต้องล้มลงไปนอนกับพื้น แต่กลับกลายเป็นว่าตัวเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขาแทน
วงแขนแกร่งโอบรอบเอวเล็กๆ ของเธอเอาไว้เหมือนเป็นสิ่งที่เขาหวงแหน ใบหน้าคมหล่อเหลาห่างจากใบหน้าหวานของเธอเพียงคืบ ใกล้เสียจนได้กลิ่นของน้ำยาโกนหนวดจางๆ ทำให้คนที่อยู่ในอ้อมกอดรู้สึกร้อนวูบวาบ พาให้หัวใจดวงน้อยเต้นเร็วผิดจังหวะไปด้วย
ดวงตาคมเข้มของชายหนุ่มมีประกายวาววับเพียงครู่ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนที่ทอดมองคนในอ้อมกอดนิ่งนานราวต้องมนต์สะกด ใบหน้าหวานละมุนอยู่ใกล้เพียงลมหายใจ พวงแก้มเนียนใสอมชมพูระเรื่อที่เขาอยากสัมผัส เรียวปากอวบอิ่มที่ชวนให้เคลิบเคลิ้มหลงใหล กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ไม่ใช่กลิ่นน้ำหอมราคาแพง แต่เหมือนแป้งเด็กที่แสนนุ่มนวลน่าทะนุถนอมแบบที่เขาไม่เคยพานพบจากผู้หญิงคนไหนมาก่อน
“ขอโทษค่ะ” หญิงสาวได้สติก่อนจึงเอ่ยทำลายสถานการณ์หมิ่นเหม่ที่อาจทำให้เธอเผลอไผลไปกับเขาได้
“ยืนไหวหรือเปล่า” เจ้าของวงแขนพูดเสียงเบาเหมือนละเมอออกมากกว่า และก็ยังกอดรัดเอวของหญิงสาวไว้มั่น
“กรี๊ด! กรี๊ดดดดด... นี่มันอะไรกันคะธีร์”
เสียงของบุคคลที่ผลักประตูเข้ามาอย่างไม่คาดคิด ทำให้สองหนุ่มสาวที่คล้ายกำลังตระกองกอดกันอยู่ถึงกับสะดุ้งตื่นจากภวังค์ แต่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว หญิงสาวผู้มาใหม่ก็ตรงเข้าไปคว้าข้อมือคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มที่เธอแสนรักแล้วเหวี่ยงสะบัดออกไปเต็มแรงทั้งหมดที่เธอมี ส่งผลให้คนตัวเล็กรูปร่างบอบบางปลิวไปตามแรงเหวี่ยงและกระแทกเข้ากับโต๊ะทำงานอีกชุดภายในห้องอย่างเต็มแรง
พลั่ก!...
“โอ๊ย!...” คนตัวเล็กรู้สึกเจ็บจี๊ดที่ข้อมือข้างซ้ายทันทีที่ร่างกายของเธอปลิวมากระแทกกับอะไรบางอย่าง
เนื่องจากเท้าที่ยังอ่อนแรงจากอาการเหน็บชาทำให้ไม่สามารถทรงตัวได้ดีนัก จึงไม่ทันระวังว่าหญิงสาวที่เธอไม่รู้จักกำลังพุ่งตรงเข้ามาตบหน้าเธอซ้ำอีกฉาด
เพียะ!...
เสียงฝ่ามือกระทบผิวเนื้ออย่างแรง ส่งผลให้ใบหน้านวลของหญิงสาวที่ไม่ทันระวังตัวสะบัดไปตามแรงตบ
“เมนี่!...” ธีรพัฒน์ตกใจสุดขีด ไม่คิดว่าเมธินีจะมาหาเขาที่นี่และยังมาทำร้ายคนของเขาขนาดนี้อีก
“นังผู้หญิงไร้ยางอาย แกเป็นใคร แกมายุ่งวุ่นวายกับธีร์ของฉันได้ยังไงห๊า” เมธินีด่ากราดหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่ไว้ชีวิต
เธอโมโหจนเลือดขึ้นหน้า เมื่อผลักประตูเข้ามาเห็นชายที่เธอรักปานดวงใจกำลังตระกองกอดกับผู้หญิงอื่นอย่างใกล้ชิด
“หยุดนะ! เมนี่! ผมบอกให้หยุดไง”
ธีรพัฒน์ตรงเข้าไปกระชากข้อมือเพื่อนสาวคนสนิทที่กำลังหมายจะตบเลขาของเขาซ้ำอีกครั้งอย่างสุดแรง
“กรี๊ดดด... ปล่อยเมนี่นะ เมนี่จะตบสั่งสอนมัน ที่มันมายุ่งกับธีร์”
คนอารมณ์ร้อนร้องลั่น พยายามสะบัดแขนให้หลุดจากพันธนาการที่แข็งแกร่งของชายคนรัก
“ผมบอกให้หยุดไงเมนี่ ถ้าคุณไม่หยุด ผมจะไม่ให้คุณมาเหยียบที่นี่อีก” ธีรพัฒน์ตวาดใส่คนไร้สติอย่างเหลืออด
เพราะเห็นแก่ความเป็นเพื่อนสนิทที่คบกันมานาน เขาจึงไม่อยากทำอะไรรุนแรงกับเธอมากนัก ที่ผ่านมาก็ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้เมื่อไร มันเกิดขึ้นบ่อยมาก... ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนที่อยู่ข้างกายเขามักจะเจอฤทธิ์ของเมนี่จนต้องเผ่นหนีหายออกไปจากชีวิตของเขาทุกราย แต่ดูเหมือนครั้งนี้จะรุนแรงกว่าครั้งไหนๆ และไร้เหตุผลเกินกว่าที่เขาจะรับได้ เห็นทีคราวนี้คงต้องคุยกันให้รู้เรื่องเพื่อย้ำสถานะให้เข้าใจ ไม่งั้นผู้หญิงที่เข้ามาในชีวิตของเขาต่อจากนี้ไปจะต้องเดือดร้อนแน่ๆ
ทินกรเดินมาหาธีรพัฒน์ตามที่ได้นัดกันเอาไว้ แต่เมื่อมาถึงหน้าห้องกลับได้ยินเสียงโวยวายเหมือนคนทะเลาะกัน เขาจึงรีบผลักประตูเข้าไปด้วยความรวดเร็ว
“เห้ย! เกิดอะไรขึ้นวะธีร์ เสียงดังไปถึงข้างนอก”
“คุณแพร!”
คนมาใหม่ร้องเรียกหญิงสาวที่ล้มลงไปกองกับพื้นด้วยความตกใจ พร้อมกับวิ่งปาดเข้าไปดูอาการของเธอที่ดูเหมือนกำลังได้รับบาดเจ็บ ก่อนจะหันไปมองหน้าเพื่อนรักด้วยแววตาอาฆาต
“กร เดี๋ยวไปเจอกันที่บ้าน ฝากทางนี้ด้วย”
ธีรพัฒน์ปัดที่จะตอบคำถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เลือกที่จะแยกคนไร้สติออกไปจากตรงนี้ก่อนจะดีกว่า คำว่า ‘ฝากทางนี้ด้วย’ เขาหมายถึงหญิงสาวที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่เขาเป็นต้นเหตุและมีส่วนผิดในเรื่องนี้ด้วย แม้จะอยากเข้าไปช่วยเธอเพียงไรแต่ก็ต้องเก็บความรู้สึกไว้ เพราะไม่อยากให้เรื่องราวเลวร้ายลงไปกว่าเดิม จึงทำได้แค่เพียงปรายตามองคนตัวเล็กที่กองอยู่กับพื้น แล้วฉุดดึงคนที่กำลังขาดสติออกไปจากห้องกับเขาเท่านั้น
“คุณแพรเจ็บตรงไหนบ้างครับ” ทินกรถามออกไปด้วยความร้อนรน
“แพรเจ็บข้อมือค่ะคุณกร” หญิงสาวทำหน้าเบ้ เมื่อยกมือข้างที่เจ็บขึ้นมาให้ชายหนุ่มดู
“โห! ทำไมบวมขนาดนี้ครับคุณแพร ผมว่าเรารีบไปโรงพยาบาลกันดีกว่า” คนเป็นห่วงไม่รอฟังคำตอบจากคนตัวเล็ก ชายหนุ่มลุกขึ้นแล้วอุ้มหญิงสาวขึ้นแนบอกแกร่งทันที
“คุณกรปล่อยแพรลงเถอะค่ะ แพรเดินไหว... เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าคุณจะดูไม่ดีนะคะ” แพรวาพูดออกไปด้วยความเกรงใจและเป็นห่วงภาพพจน์ของชายหนุ่มที่กลัวว่าเขาจะเสื่อมเสียเพราะเธอ
“เจ็บขนาดนี้ยังจะห่วงคนอื่นอีกหรือครับ ผมไม่สนใจหรอกใครจะพูดยังไงก็ช่าง”
ทินกรสะบัดเสียงอย่างคนไม่สบอารมณ์นัก พานให้คิดไปถึงเพื่อนตัวแสบที่ไม่รู้จักดูแลคู่ควงของตัวเองให้ดี ปล่อยให้มาทำร้ายคนรักของเขาจนบาดเจ็บขนาดนี้ได้อย่างไร และหากหญิงสาวในอ้อมแขนของเขายังทำงานกับธีรพัฒน์ต่อไป เธอจะต้องเจ็บตัวเพราะความหึงหวงของผู้หญิงใจร้ายคนนั้นอีกหรือเปล่า เห็นทีคราวนี้เขาคงต้องคุยกับคุณป้า เพื่อจะขอแพรวาให้มาเป็นเลขาของเขา แล้วที่สำคัญถึงเวลาแล้วที่เขาควรจะบอกความในใจกับคนในอ้อมแขนสักทีว่าเขารู้สึกอย่างไรกับเธอ เพื่อจะได้มีสิทธิ์ในตัวเธอและสามารถปกป้องเธอได้ เขาจะไม่ยอมให้เธอต้องเจ็บตัวอีกแล้ว
เมื่อพาผู้บาดเจ็บมาถึงรถแล้ว ทินกรเปิดประตูรถฝั่งข้างๆ คนขับ เพื่อนำพาร่างน้อยของหญิงสาวเข้าไปนั่งที่เบาะด้วยความระมัดระวัง
แพรวายกมือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บขึ้นมาปัดปอยผมข้างแก้มขึ้นทัดหูเพราะรู้สึกรำคาญผมที่คลอเคลียใบหน้า ส่งผลให้คนที่กำลังจะปิดประตูเหลือบไปเห็นใบหน้านวลที่เคยขาวใสตอนนี้กลับบวมช้ำเป็นรอยฝ่ามือดูแล้วน่าใจหาย
“นี่หน้าไปโดนอะไรมาครับคุณแพร” ชายหนุ่มร้องลั่นด้วยความตกใจ และสะเทือนใจยิ่งนัก ที่หญิงสาวในดวงใจถูกทำร้ายร่างกายมากกว่าที่เขาคิด
“เหตุการณ์เมื่อครู่น่ะค่ะ” หญิงสาวรีบเอามือปิดร่องรอยบวมช้ำทันที
ความรู้สึกน้อยใจแล่นพุ่งขึ้นมาที่หน่วงตาทั้งสองข้างจนร้อนผ่าว น้ำตาเอ่อคลอจวนเจียนจะล้นออกมาเสียให้ได้ เมื่อชายหนุ่มตรงหน้ามีท่าทีอ่อนโยนกับเธอยิ่งนัก ผิดกับตัวต้นเหตุที่ทำแค่ปรายตามองมาเท่านั้น
“ขอผมดูหน่อยนะครับคุณแพร” เสียงอ่อนโยนบอกกับหญิงสาว แล้วค่อยๆ แกะมือสวยออกจากใบหน้าที่บอบช้ำอย่างนุ่มนวล มือแกร่งลูบไล้วนเวียนเหมือนจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดให้เธอ ยิ่งเห็นดวงตาที่เคยเป็นประกายสดใส บัดนี้คลอหน่วงไปด้วยน้ำตาที่จวนเจียนจะไหล ทำให้เขายิ่งสงสารเธอจับใจ โดยไม่รู้เลยว่าพฤติกรรมของทั้งคู่กำลังถูกเพ่งมองจากคนที่เพิ่งลงมาจากห้องก่อนหน้านี้
ธีรพัฒน์ฉุดกระชากร่างอวบแต่ดูเซ็กซี่เย้ายวนของเพื่อนสาวคนสนิทลงมาถึงที่ลานจอดรถด้วยความเหนื่อยหอบ เพราะหญิงสาวไม่ใช่ตัวเล็กๆ แถมตลอดทางเจ้าหล่อนทั้งดิ้น ทั้งร้องโวยวาย และพยายามสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมของเขาอีก ทำให้เขาต้องออกแรงมากพอตัวกว่าจะพาหญิงสาวมาถึงที่รถของเธอได้ ชายหนุ่มสั่งให้เธอเปิดประตูรถแล้วจับร่างอวบของเธอยัดเข้าไปนั่งยังฝั่งคนขับ ส่วนเขาอ้อมไปนั่งอีกฝั่ง
“เมนี่ไม่ยอมนะคะธีร์ นังนั่นมันเป็นใคร ทำไมธีร์ต้องไปกอดมันด้วย” เมธินีกำมือแน่น ปล่อยความอัดอั้นออกมาเป็นชุด
“มันไม่มีอะไรเลยเมนี่ ผมกับเขาเราไม่ได้กอดกัน มันเป็นอุบัติเหตุ” ธีรพัฒน์พยายามอธิบายอย่างใจเย็น
“ฮึ! อุบัติเหตุเหรอ ถ้าเมนี่ไม่เข้ามาขัดซะก่อน คงจะเลยเถิดไปถึงไหนๆ กันแล้วสิ” คนโมโหใส่อารมณ์ไม่ลดละ
“คุณแพรวาเธอเป็นเลขาผม เราไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปกว่าที่คุณเห็นทั้งนั้นแหละ” น้ำเสียงเข้มบอกออกไปหมายจะช่วยคลี่คลายความขุ่นมัวให้หญิงสาวตรงหน้า
“งั้นธีร์ก็ไล่มันออกสิคะ ตำแหน่งเลขาของคุณ... ต้องเป็นเมนี่คนเดียวเท่านั้น” คนขาดสติเริ่มเอาแต่ใจ
“ผมทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก เธอเป็นคนของคุณแม่ พอผมมารับตำแหน่งแทน เธอเลยต้องมาเป็นเลขาของผมด้วย”
ธีรพัฒน์พยายามอธิบายให้หญิงสาวตรงหน้าเข้าใจ และเขาก็จะไม่มีวันทำอย่างที่เมธินีแนะนำเด็ดขาด จะเพราะอะไรเขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
“แล้วเมนี่ล่ะคะ ธีร์จะให้เมนี่ไปอยู่ที่ไหน ในเมื่อเมนี่เป็นเลขาของธีร์ตั้งแต่ตอนอยู่ที่โน่นแล้วนะคะ”
“คุณก็กลับไปช่วยธุรกิจของพ่อคุณสิ อยู่ที่นี่คุณไม่ต้องช่วยงานผมแล้วก็ได้” ชายหนุ่มชี้ทางออกตามความเป็นจริงให้แก่เธอ
“ไม่! เมนี่ไม่ยอม ยังไงเมนี่ต้องเป็นเลขาของธีร์คนเดียว และต้องทำงานกับธีร์ที่นี่ด้วย”
“งั้นคุณก็เลือกเอาแล้วกัน ระหว่างจะมาเป็นขี้ข้าคอยรับใช้ผม หรือจะเป็นคนสนิทที่ผมควงไปไหนต่อไหนด้วย”
ธีรพัฒน์ยื่นข้อเสนอให้หญิงสาวตรงหน้า เพื่อให้เธอเลิกหวังกับตำแหน่งเลขาของเขาเสียที ซึ่งแน่นอนว่าหล่อนต้องเลือกอย่างหลัง แต่ชายหนุ่มหารู้ไม่ว่าสิ่งที่ให้เธอเลือกนั้นเหมือนเป็นการฆ่าตัวตายชัดๆ
“แหม๋... ธีร์ละก็ ไม่อยากให้เมนี่เหนื่อยก็ไม่บอกตรงๆ งั้นเมนี่ไม่เป็นเลขาให้ธีร์แล้วก็ได้ค่ะ แต่ธีร์ต้องให้เมนี่มาหาบ่อยๆ นะคะ น๊า...” จากแม่เสือสาว กลายเป็นแมวน้อยขี้อ้อนไปในทันที
“ก็ตามใจ แต่ขออย่าให้เกิดเรื่องแบบวันนี้อีก เพราะยังไงที่นี่ก็คือที่ทำงาน ไม่เหมาะที่คุณจะมาโวยวายหรือทำร้ายร่างกายใครแบบนี้อีก”
ธีรพัฒน์บอกเสียงจริงจัง ระหว่างที่กำลังเคลียร์กับคนขาดสติอยู่นั้น พลันสายตาคมก็เหลือบไปเห็นเพื่อนรักของเขาอุ้มหญิงสาวร่างบอบบางแนบอกแกร่งเข้าไปในรถด้วยความอ่อนโยน พร้อมทั้งเห็นกิริยาที่ทินกรกำลังใช้มือของตัวเองลูบไล้ที่แก้มนวลของหญิงสาวอย่างทะนุถนอมแสนห่วงใยนั่นด้วย ซึ่งการกระทำของคนทั้งคู่ทำให้หัวใจดวงแกร่งของชายหนุ่มที่นั่งดูอยู่สั่นไหว รู้สึกโหวงๆ ห่อเหี่ยวภายในจิตใจขึ้นมาอย่างประหลาด
“เอ๊ะ! ธีร์คะ นั่นใช่คุณกรกับผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่าคะ” เมธินีมองตามสายตาของชายหนุ่มตรงหน้าไป จนพบกับผู้ชายคุ้นหน้าที่เธอพอจะรู้มาบ้างว่าเป็นทั้งเพื่อนรักและญาติสนิทของธีรพัฒน์
“ใช่ครับ กรเขาเป็นทนายความประจำบริษัทของเรา และก็เป็นผู้จัดการด้วย” ธีรพัฒน์ตอบโดยไม่หันไปมองภาพบาดตาตรงหน้าอีก
“อ้าว แบบนี้คุณกรกับเลขาของคุณก็เป็น...” เมธินีจงใจเว้นช่องว่างของคำพูดไว้เพื่อที่จะรอคำตอบจากปากของคนที่เธอรัก ซึ่งดูเหมือนจะเป็นข่าวดีสำหรับเธอ
“ก็อย่างที่เห็นนั่นแหละ” น้ำเสียงของเขาแลดูหมางเมินอย่างไม่สบอารมณ์นัก
ธีรพัฒน์เลือกที่จะไม่ตอบคำถาม ปล่อยให้หญิงสาวอารมณ์ร้อนเข้าใจไปเองอย่างที่เธอเห็นนั่นแหละ อย่างน้อยก็เป็นการดีต่อความปลอดภัยของแพรวา
“ตายแล้ว! ทำไมธีร์ไม่บอกเมนี่ก่อนล่ะคะ ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นแฟนคุณกรน่ะค่ะ ดูสิ... คุณกรต้องโกรธเมนี่มากแน่ๆ เลย ที่ไปทำแฟนเขาแบบนั้นน่ะ” หญิงสาวตัวต้นเหตุโอดครวญเรียกร้องความสนใจจากชายหนุ่มข้างกายทันที
“ถ้าฆ่าผมได้มันคงทำไปแล้วหละ” ธีรพัฒน์เปรยออกมาลอยๆ เขาพอจะมองออกว่าทินกรโกรธเคืองเขามากแค่ไหน เพราะดูจากสายตาที่เพื่อนรักส่งให้เขาแล้ว บอกได้เลยว่าถ้าทินกรมีปืนอยู่ในมือละก็เขาคงไม่รอดแน่
“งั้นเมนี่ฝากขอโทษเขาสองคนด้วยนะคะ เมนี่ผิดเองที่ไม่ถามไถ่อะไรก่อน และนั่น... ไม่รู้คุณแพรวาเจ็บมากหรือเปล่าถึงได้โอบอุ้มกันมาขนาดนั้นน่ะ” คนใจร้ายทำท่าสำนึกผิด
“เดี๋ยวผมจัดการเอง คุณกลับไปก่อนเถอะ” ธีรพัฒน์บอกหญิงสาว พร้อมกับหันไปเปิดประตูรถแล้วก้าวลงมา ก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้นทันที โดยไม่สนใจคนขาดสติที่พยายามร้องเรียกเขาจากด้านหลัง
เมื่อเห็นชายหนุ่มรีบร้อนลงไปจากรถ คนถูกขัดใจได้แต่ทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอด้วยความโมโห ที่ชายคนรักไม่สนใจเสียงเรียกร้องของเธอ แค่เพียงไม่นานก็เปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างด้วยความดีใจที่อย่างน้อยเธอก็รู้ว่ายังไม่มีใครแทนที่ตำแหน่งของเธอได้ ตอนนี้เธอยังคงเป็นที่หนึ่งสำหรับเขา และยังเป็นคนเดียวที่ชายหนุ่มแคร์มากกว่าผู้หญิงคนไหนๆ คิดได้ดังนั้น หญิงสาวร่างอวบอัดที่แฝงไปด้วยความเซ็กซี่ร้อนแรงก็เคลื่อนรถสปอร์ตคันสวยของตัวเองออกไปทันทีด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมสุขเต็มใบหน้า
ธีรพัฒน์กลับขึ้นมาบนห้องทำงานอีกครั้งด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งสับสน เป็นห่วง รู้สึกผิด และหวั่นใจอย่างประหลาด
เมื่อคิดว่าเรื่องนี้ต้องถึงหูแม่ของเขาแน่ๆ และแน่นอนว่าผู้เป็นมารดาจะต้องไม่ให้แพรวาทำงานกับเขาอีกต่อไป แค่คิดว่าจะไม่ได้เห็นหน้าหญิงสาวที่แสนเกลียดชังคนนั้น แทนที่เขาจะดีใจ แต่กลับรู้สึกห่อเหี่ยว ใจหาย หัวใจโหวงๆ เหมือนกับขาดอะไรไปสักอย่าง ซึ่งเขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
ธีรพัฒน์เดินไปหยุดยืนตรงบริเวณที่หญิงสาวล้มลงกองกับพื้น ภาพเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปค่อยๆ หลั่งไหลเข้ามาในความคิดของเขา หญิงสาวตัวเล็กร่างบอบบางไร้เรี่ยวแรงถูกกระทำอย่างไม่ทันได้รู้เนื้อรู้ตัว เป็นภาพที่เขาเองก็ตกใจและสำนึกผิดไม่น้อย แต่สิ่งที่ทำให้เขาเสียใจมากไปกว่านั้นก็คือ เขาไม่สามารถเข้าไปช่วยเธอได้ทัน และยิ่งเจ็บปวดเมื่อเห็นดวงตาคู่สวยของหญิงสาวคลอหน่วงไปด้วยน้ำตาที่จวนเจียนจะไหล เขาจำได้ดีถึงแววตาตัดพ้อ ผิดหวัง และน้อยใจ ที่เธอส่งมาให้เขา ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกผิดจนถึงตอนนี้
ชายหนุ่มตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเองเพียงครู่ ก่อนจะรู้สึกตัวด้วยเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กในกระเป๋ากางเกง
‘ครับคุณแม่’ ธีรพัฒน์ขานรับด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อนเหมือนเด็กทำผิดแล้วถูกจับได้
‘แม่ต้องการคำอธิบายในเรื่องนี้ และความยุติธรรมสำหรับหนูแพรด้วย’ คุณหญิงเพ็ญพักตร์เอ็ดลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเสียงดังลั่น
‘ครับ ผมกำลังจะกลับบ้านเดี๋ยวนี้แหละครับ’
ชายหนุ่มถอนหายใจหนักด้วยความกังวล เมื่อคิดว่าคราวนี้แม่ของเขาต้องไม่ให้หญิงสาวทำงานกับเขาต่อไปแน่ เพราะดูจากน้ำเสียงแล้วท่านคงโกรธมาก
‘ดี งั้นก็รีบมาเร็วๆ เลย อ่อ... อย่าลืมหยิบเอกสารของตากรที่จะให้แม่เซ็นมาด้วยล่ะ... งานเขาด่วน’ คุณหญิงเพ็ญพักตร์สั่งงานเสร็จสรรพ ยิ่งนึกก็ยิ่งโมโหพ่อลูกชายตัวดี ไปทำงานแค่สองวันก็ก่อเรื่องซะแล้ว
‘ครับ’ ชายหนุ่มรับคำมารดา แล้วกดวางสายไป แสดงว่าทินกรคงโทรไปรายงานแม่เขาเรียบร้อยแล้วสินะ ไม่งั้นแม่เขาคงไม่โกรธขนาดนี้ ที่สำคัญรู้ด้วยว่ามีเอกสารด่วนต้องเซ็น
ธีรพัฒน์เดินไปที่โต๊ะทำงานชั่วคราวของคนเป็นเลขาที่อยู่ภายในห้องของเขา และมองหาเอกสารสำคัญที่หญิงสาวกำลังจะลุกมาหยิบให้เขาแต่ก็ไม่ทันได้หยิบ ดันเกิดเรื่องราวต่างๆ มากมายเสียก่อน รวมถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เขาหัวใจเต้นแรงผิดจังหวะอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนนั่นด้วย
กลิ่นกายหอมกรุ่นของหญิงสาวในอ้อมกอดยังติดจมูกตราตรึงอยู่ภายในใจของเขาไม่จางหาย สัมผัสที่โอบกอดนั้นให้ความรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างประหลาด ซึ่งเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกเช่นนั้น
หลังจากได้เอกสารที่ต้องการแล้ว ชายหนุ่มกำลังจะหมุนตัวเดินออกไปจากตรงนี้ เท้าแกร่งรู้สึกเหมือนเหยียบเข้ากับอะไรบางอย่างทำให้ต้องก้มลงไปมอง จึงพบว่าเป็นนาฬิกาข้อมือเรือนสวยที่หน้าปัดนาฬิกาแตกยับเยินใช้การไม่ได้ ธีรพัฒน์มั่นใจว่าต้องเป็นของแพรวาอย่างแน่นอน เพราะบริเวณนี้เป็นที่เดียวกับตอนที่หญิงสาวล้มลงไปกองกับพื้น ชายหนุ่มหยิบนาฬิกาที่มีสภาพไม่ต่างอะไรจากขยะขึ้นมาดู แล้วคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ก่อนจะเกิดเป็นรอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาของเขา มือหนาเก็บนาฬิกาที่แตกยับนั้นเข้ากระเป๋าเสื้อ แล้วเดินออกไปจากห้องเพื่อตรงกลับบ้านทันที
ณ โรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง ทินกรประคองแพรวาเข้ามายังบริเวณผู้ป่วยนอก เพื่อติดต่อทำบัตรแล้วรอเข้ารับการตรวจรักษาตามขั้นตอน ซึ่งเป็นความต้องการของหญิงสาวเอง ที่ไม่อยากใช้สิทธิพิเศษอะไรเหนือผู้ป่วยคนอื่นๆ
ทินกรกำลังมองหาที่นั่งให้กับหญิงสาวเพื่อเขาจะได้ไปจัดการติดต่อทำบัตรผู้ป่วยให้เรียบร้อย ระหว่างที่เดินอยู่นั้น คุณหมอวิทยาที่เพิ่งกลับเข้ามาจากการรับประทานอาหารกลางวันจึงมาพบเข้าพอดี
“อ้าว น้องแพรเป็นอะไรครับ” คุณหมอรูปร่างหล่อเหล่าดูภูมิฐาน ตรงดิ่งเข้ามาหาหญิงสาวในดวงใจทันทีที่เห็นเธอนั่งอยู่
เมื่อเดินเข้ามาใกล้จึงพบว่าข้างกายเธอมีชายหนุ่มหน้าตาดีกำลังประคับประคองอย่างห่วงใยไม่ห่าง แม้จะทำให้รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาภายในจิตใจกับภาพที่เห็น แต่ก็ไม่เท่ากับความเป็นห่วงในตัวหญิงสาวตอนนี้
“สวัสดีค่ะ พี่วิท” หญิงสาวกล่าวทักทายพี่ชายของเพื่อนซึ่งเป็นแพทย์ประจำอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้
เมื่อเห็นหมอวิทยามองทินกรเหมือนต้องการจะถามว่าเธอมากับใคร หญิงสาวจึงกล่าวแนะนำ
“เอ่อ... พี่วิทคะ นี่คุณทินกร เป็นผู้จัดการของบริษัทที่แพรทำงานอยู่ค่ะ คุณกรคะ นี่คุณหมอวิทยาเป็นพี่ชายของเพื่อนแพรค่ะ” จบคำแนะนำของหญิงสาว สองหนุ่มสบสายตากันเพียงครู่ ก่อนที่หมอหนุ่มจะเป็นฝ่ายยื่นมือออกไปทักทายกับผู้ชายตรงหน้าที่มากับหญิงสาว
“สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จัก” หมอวิทยากล่าวทักทายเป็นมารยาท
“ครับ เช่นกัน” ทินกรตอบรับอย่างไม่เต็มใจนัก เพราะมองจากสายตาที่หมอหนุ่มคนนี้ใช้มองหญิงสาว เหมือนกับแววตาของคนที่หลงรักเธอมากกว่าจะเป็นเพื่อนของน้องสาว ซึ่งนั่นก็หมายความว่า... ผู้ชายคนนี้คือศัตรูหัวใจหมายเลขหนึ่งของเขาที่เพิ่งปรากฏตัวอย่างนั้นหรือ
“แล้วข้อมือน้องแพรไปโดนอะไรมา... ทำไมถึงบวมช้ำขนาดนี้ครับ” หมอวิทยาเอ่ยถามขณะมองหน้าชายหนุ่มอีกคนที่ยืนไม่ห่างกายหญิงสาว ด้วยสัญชาตญาณของความเป็นหมอที่มักจะสำรวจร่างกายของผู้ป่วยด้วยความรวดเร็วเสมอ
“อุบัติเหตุน่ะค่ะ แพรเดินไม่ระวังก็เลยสะดุดขาตัวเองล้ม” หญิงสาวโป้ปดคำโต เพราะไม่อยากจะเอ่ยถึงเรื่องราวมากมาย ซึ่งเธอเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
“งั้น เดี๋ยวไปที่ห้องตรวจของพี่ดีกว่า... ตอนนี้พี่อยู่ระหว่างพัก... ยังไม่มีคนไข้”
“ขอบคุณค่ะ” แพรวากล่าวขอบคุณ พร้อมกับขยับตัวเตรียมจะลุกขึ้น
หมอวิทยารีบตรงเข้าไปหมายจะประคองหญิงสาว แต่ถูกชายหนุ่มที่ใกล้กว่าชิงตัดหน้าก่อน ทั้งสองหนุ่มประสานสายตากันเพียงแวบเดียว คนเป็นหมอจึงถอยออกมาเป็นมารยาทแล้วผายมือเชิญทั้งคู่ให้เดินไปทางห้องตรวจของเขา
“เชิญทางนี้ครับ”
เมื่อมาถึงหน้าห้องทำงานประจำของตัวเอง หมอวิทยาทำท่าเหมือนจะให้หญิงสาวเข้าไปกับเขาเพียงสองคนเท่านั้น
เนื่องจากห้องตรวจเป็นห้องที่ต้องการความเป็นส่วนตัวระหว่างหมอกับคนไข้ ทินกรเข้าใจความหมายที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อ เขาจึงเอ่ยบอกความต้องการของตัวเอง
“ผมเป็นคนสนิทของคุณแพร และผมคิดว่าอาการป่วยของเธอก็ไม่มีอะไรที่เป็นความลับกับผม” ทินกรพูดอย่างไม่สบอารมณ์นัก ที่หมอหนุ่มกำลังจะพาหญิงสาวในดวงใจของเขาเข้าไปในห้องเพียงลำพัง
“แต่ผมจำเป็นต้องถามความยินยอมของคนไข้ก่อน” หมอวิทยาตอบอย่างมีชั้นเชิง ส่งผลให้คนฟังหันไปมองหน้าหญิงสาวในอ้อมแขนทันทีด้วยแววตาอ้อนวอนแฝงด้วยความห่วงใยที่ไม่อยากให้เธอห่างกาย
“เอ่อ... ไม่เป็นไรค่ะคุณกร แพรเข้าไปคนเดียวดีกว่าค่ะ” ยังไงเธอก็ยังรู้สึกเกรงใจชายหนุ่มตรงหน้ามากกว่าพี่ชายของเพื่อนรักอยู่ดี
คำพูดของหญิงสาวทำให้คนเป็นหมอยิ้มกว้าง รู้สึกใจชื้นขึ้นมาทันทีที่รู้ว่าอย่างน้อยผู้ชายที่มากับเธอก็ไม่ใช่คนสำคัญ
“อย่างนั้นก็ได้ครับ ผมจะรออยู่ตรงนี้จนกว่าคุณแพรจะออกมา” แม้จะผิดหวังไปบ้าง แต่เขาก็เลือกที่จะไม่ขัดใจเธอ
“งั้น เชิญครับน้องแพร”
หมอวิทยาตัดบท ชิงตัวหญิงสาวที่เขาหมายปองออกจากอ้อมแขนของชายหนุ่มอีกคนอย่างถือวิสาสะ แล้วพาเธอเข้าไปในห้องเพื่อตรวจอาการบาดเจ็บที่ดูเหมือนจะหนักหนาเอาการ โดยปล่อยให้ชายหนุ่มที่มากับเธอนั่งหน้าบึ้งทำเสียงฮึดฮัดขัดใจอยู่หน้าห้อง
ทินกรนั่งรอเพียงครู่เมื่อคิดอะไรขึ้นได้ จึงล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าหยิบโทรศัพท์เครื่องเล็กออกมาเพื่อโทรหาคนสำคัญที่จะเป็นผู้ให้ความยุติธรรมในเรื่องนี้ทันที
“นั่งตรงนี้ก่อนครับน้องแพร พี่ขอดูแขนหน่อย”
คุณหมอใจดีบอกหญิงสาวเสียงนุ่ม ขณะพาเธอมานั่งบนเตียงคนไข้เพื่อตรวจดูอาการ หมอวิทยาจับแขนข้างซ้ายของหญิงสาวที่บวมช้ำขึ้นมาสำรวจดู
“โอ๊ย! แพรเจ็บค่ะพี่วิท” หญิงสาวร้องครวญทันทีที่หมอหนุ่มจับแขนข้างที่เจ็บ
“พี่ว่า... เอกซเรย์ดูหน่อยดีกว่า... สงสัยกระดูกจะร้าว” พูดจบก็ประคองหญิงสาวให้ลุกขึ้นเพื่อไปยังห้องเอกซเรย์ที่อยู่ติดกันด้วยประตูทางลัดหลังห้องตรวจ ไม่นานก็พาหญิงสาวกลับมาเพื่อพิจารณาการรักษา
“น้องแพรมีกระดูกร้าวที่ข้อมือ และก็มีอาการอักเสบของเส้นเอ็น พี่จะเข้าเฝือกชนิดอ่อนให้นะครับ แล้วหลังจากนี้น้องแพรต้องระมัดระวัง อย่าใช้งานแขนข้างที่เจ็บอยู่เป็นอันขาด เพราะจะทำให้กระดูกที่ร้าวนั้นหักได้ง่าย” หมอหนุ่มบอกคนไข้ในดวงใจด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
“ค่ะ แพรจะระวัง”
“เขาเป็นเจ้านายน้องแพรเหรอครับ” หมอวิทยาชวนคนไข้แสนสวยของเขาพูดคุยเพื่อลดความกังวล และเขาเองก็อยากรู้ความใกล้ชิดของหญิงสาวที่เขาหมายปองกับชายหนุ่มที่พาเธอมาด้วย
“ไม่ใช่ค่ะ ตอนที่แพรได้รับบาดเจ็บ คุณกรเข้ามาพบพอดี” หญิงสาวก้มหน้าตอบเสียงเบา เพราะไม่อยากจะคิดถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เธอต้องเจ็บตัวแบบนี้
เมื่อได้ยินคำตอบจากปากหญิงสาว ทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง ที่อย่างน้อยหญิงสาวในดวงใจของเขาก็ยังไม่ได้ให้ความสนิทสนมเป็นพิเศษกับผู้ชายคนไหน เพราะไม่ว่าใครที่ได้อยู่ใกล้กับเธอจะต้องหลงรักทุกคน เขาเองก็เป็นคนหนึ่งที่รักเธอ และไม่แน่ว่าผู้ชายที่อยู่หน้าห้องก็คิดกับเธอเช่นเดียวกับเขา นี่เขาจะมีศัตรูหัวใจแล้วหรือนี่ แค่คิดหมอหนุ่มก็รู้สึกท้อแท้หดหู่ใจขึ้นมา
“เสร็จแล้วครับ น้องแพรยังเจ็บตรงไหนอีกหรือเปล่า” หลังจากคุณหมอใส่เฝือกที่แขนให้หญิงสาวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็หันมาสำรวจร่างกายส่วนอื่นๆ ของเธอ แต่ก็ต้องตกใจเมื่อสังเกตเห็นรอยแดงเป็นปื้นคล้ายนิ้วมือบนใบหน้านวลของหญิงสาวที่เผลอเปิดผมขึ้นทัดหู
“เอ๊ะ นั่นแก้มไปโดนอะไรมาครับน้องแพร ขอพี่ดูหน่อย” มือหนาจับที่ใบหน้านวลอย่างแผ่วเบา รอยแบบนี้จะเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากรอยตบจากฝ่ามือ แต่ใครกันที่ทำร้ายผู้หญิงในดวงใจของเขา จะว่าหญิงสาวเป็นฝ่ายไปหาเรื่องใครก่อนคงไม่มีทาง
“อะ เอ่อ เอ่อ...” แพรวาอ้ำอึ้งเพราะไม่รู้จะอธิบายยังไง ก็ในเมื่อเธอเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้หญิงที่เข้ามาทำร้ายเธอนั้นเป็นใคร จู่ๆ ก็เข้ามากระชากเธอจนหงายหลังและยังตามมาตบหน้าเธอซ้ำอีก แต่ที่แน่ๆ ผู้หญิงคนนั้นจะต้องมีความสัมพันธ์กับเจ้านายคนใหม่ของเธอแน่นอน แค่คิดก็ทำให้หัวใจดวงน้อยสั่นไหว รู้สึกเศร้าใจขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“ไม่เป็นไรครับ ถ้าน้องแพรไม่สบายใจ ก็ยังไม่ต้องบอกพี่ก็ได้” ชายหนุ่มเห็นหญิงสาวตรงหน้ามีอาการอึกอัก จึงไม่อยากบังคับ คิดว่าคงเป็นเรื่องส่วนตัวของเธอที่ไม่อยากเขารู้ แต่แม่น้องสาวตัวแสบของเขาจะต้องรู้แน่ๆ
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวก้มหน้าเสียงสั่นเครือ เพราะพยายามสกัดกั้นความน้อยใจที่มันจุกแน่นขึ้นมาจนพูดอะไรไม่ออก
“ไปครับ เดี๋ยวพี่จะพาไปรับยา”
คนเป็นหมอช่วยประคองหญิงสาวให้ลงจากเตียงคนไข้อย่างระมัดระวัง เมื่อผลักประตูออกมาก็พบว่าชายหนุ่มคนเดิมยังนั่งรออยู่ด้วยความกังวลและเป็นห่วงหญิงสาวอย่างเห็นได้ชัด
“คุณแพรเป็นยังไงบ้างครับ” ชายหนุ่มผู้เฝ้ารอรีบเข้าไปถามด้วยความห่วงใย
“น้องแพรกระดูกที่ข้อมือร้าว คงต้องใส่เฝือกแบบนี้ประมาณ 6 สัปดาห์น่ะครับ”
“ขอบคุณนะครับคุณหมอ งั้นต่อจากนี้เป็นหน้าที่ของผมเองที่จะดูแลเธอ เชิญคุณหมอไปทำหน้าที่ของคุณเถอะครับ เดี๋ยวคนไข้จะรอนาน”
แม้จะรู้ว่าเป็นการเสียมารยาทแต่ทินกรก็เลือกที่จะทำ เพื่อขับไล่ศัตรูหัวใจหมายเลขหนึ่งให้พ้นทางรักของเขา
“เดี๋ยวน้องแพรไปรับยาตามนี้แล้วกลับได้เลยนะครับ ส่วนค่ารักษาพี่จัดการให้เรียบร้อยแล้ว”
หมอวิทยาเลือกที่จะไม่สนใจชายหนุ่มอีกคน แต่หันไปส่งเอกสารที่เขาจดชื่อตัวยาไว้ให้หญิงสาว พร้อมทั้งชี้แจงเรื่องค่ารักษาพยาบาลเสร็จสรรพ
“ค่ารักษาพยาบาลผมคงไม่ต้องรบกวนคุณหมอหรอกนะครับ แค่นี้ผมจัดการเองได้” ทินกรบอกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์นัก
“ไม่ได้เป็นการรบกวนหรอกครับ... ผมเต็มใจ และอีกอย่างสำหรับน้องแพรแล้วมันเป็นหน้าที่ของผม” หมอหนุ่มตอบกลับอย่างผู้มีชัย เพราะอย่างน้อยหญิงสาวตรงหน้าก็ให้สิทธิ์ความเป็นพี่ชายกับเขา
“เอ่อ... คุณกรคะ เรารีบไปกันดีกว่าค่ะ แพรต้องกลับไปทำงานต่อด้วย” คนป่วยรีบขัดขึ้นมาก่อน เมื่อเห็นว่าสองหนุ่มท่าทางจะไม่ยอมลงให้กันง่ายๆ แน่
“ครับ ไปครับคุณแพร”
“ขอบคุณนะคะพี่วิท แพรต้องขอตัวก่อน”
“ครับ... แล้วอย่าลืมมาให้พี่ตรวจทุกๆ สัปดาห์นะครับ แล้วก็อย่าใช้งานแขนข้างที่เจ็บด้วย เย็นนี้พี่จะให้ยัยมลไปเยี่ยม” หมอวิทยาบอกอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง
“ค่ะ พี่วิท”
“ยังไงผมต้องขอบคุณนะครับคุณหมอ”
ทินกรยื่นมือออกไปสัมผัสกับมือหมอหนุ่มที่เขาให้ฉายาว่าศัตรูหัวใจหมายเลขหนึ่งของเขา
“ครับยินดี มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ”
คุณหมอตอบรับอย่างสุภาพ แล้วยืนมองสองหนุ่มสาวที่ประคับประคองกันไปจนลับตา แม้หญิงสาวที่แอบรักจะให้เขาเป็นแค่พี่ชายที่แสนดีของเธอก็ตาม อย่างน้อยขอแค่ได้อยู่ใกล้ชิด และทำให้เธอมีความสุขกับคนที่เธอรักเขาก็พอใจแล้ว แพรวา สาวน้อยในดวงใจของพี่
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
^_^
สนใจนิยายเล่มนี้ในรูปแบบ E-Book สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่
mebmarket ...และ... ookbee
หากสนใจสั่งซื้อในรูปแบบเล่ม สามารถติดต่อผู้แต่งได้โดยตรงทาง
E-mail : oilza24@hotmail.com
โทร : 094-4942566
ไลน์ : oilza_writer
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ