Hello My Brother แอบปิ๊งสักนิดไม่ผิดมั้ง
เขียนโดย จูออน
วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 20.08 น.
แก้ไขเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557 20.29 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) เสียงแปลกๆ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 8 เสียงแปลกๆ
พี่ปั่นจั่นเดินหนีหน้าบูดเข้าบ้านไปเพราะน้องสาวแสนดื้อที่ไม่ฟังคำ อันที่จริงฉันไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้นหรอกแต่มันก็อดโมโหไม่ได้ที่พี่ชอบหาว่าฉันรักๆๆๆและก็รักเรนโบว์อยู่นั่นแหละ...
“พี่สาวฮะ”
“ฮะ?” ฉันหันไปหาตามเสียงเรียกของเด็กชายตัวน้อยน่ารักที่กำลังชะเง้อคอมองมาหน้ารั้วบ้านก่อนจะเดินไปทักทายตามประสานางงามในอนาคต โฮะๆ
“หวัดดีจ้ะ มีอะไรหรือเปล่า”
“นั่นแมวผม”
“เอ๋?”
“แมวที่พี่ถืออยู่ในมือนั่นน่ะ เอาคืนมานะ!”
“ดะ...เดี๋ยวสิ” จังหวะที่เด็กคนนี้กำลังล้วงมือผ่านช่องประตูรั้วเข้ามาหมายจะคว้าเอาฟูฟี่ฉันก็หันหลบโดยสัญชาตญาณแล้วก็มีเสียงหนึ่งดังตามหลังมา
“ไอโฟนมาทำอะไรตรงนี้” ผู้หญิงดูมีอายุหน่อยเข้ามาโอบเด็กนั้นไว้แล้วซักถามเป็นการใหญ่ก่อนที่เด็กนั่นจะชี้นิ้วมาหาฉันด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว
“แม่ฮะพี่สาวใจร้ายเอาแมวเราไป เอาคืนให้ผมที นะฮะแม่ งือออ...”
เอาซะแล้ว^^; ว่าที่นางงามในอนาคตเสียภาพพจน์ยับเยินเพราะทำเด็กน้อยร้องไห้กับเรื่องแย่งของ ตายๆๆ รู้ถึงไหนถูกตัดสิทธิ์ลงประกวดถึงนั่นเป็นแน่
“อะ...เอ่อ ใจเย็นๆ นะ อย่าเพิ่งร้อง”
“ถ้างั้นก็คืนแมวเรามาสิ ถ้าไม่คืนก็จะร้องแบบนี้แหละ แง้~” โอย...ใครก็ได้ช่วยมาหยุดเหตุการณ์ชวนปวดหัวนี้ที ฉันรับมือไม่เป็น โฮววว...
“เอะอะอะไรน่ะ”
“พี่” ^O^ ฉันรีบวิ่งไปหาเพื่อที่จะคุยเรื่องราวทั้งหมดกับเขาแต่เหมือนเรายังมีกรรมเก่าอยู่จึงถูกพี่เมินโดยสิ้นเชิง
“ไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าครับ”
“อะ...เอ่อ พอดีลูกชายฉันน่ะค่ะ บอกว่าแมวนั่นเหมือนของเราก็เลยอยากขอ...”
“แมวนี่เป็นของผม! ไม่ใช่ของลูกชายคุณหรอกครับกลับไปซะเถอะ” พี่ฉันนี่โหดชะมัดแม้แต่เด็กตาดำๆ ยังทำใจร้ายใส่ได้ลงคอ
“ถ้างั้นเรากลับกันเถอะนะ มันไม่ใช่แมวของเราหรอก”
ถึงจะบอกอย่างนั้นแต่เด็กนั่นก็ไม่ยอมดึงดันที่จะพิสูจน์ให้ได้จนพี่ต้องอุ้มฟูฟี่ไปจากฉันแล้วพาเข้าบ้านปิดเงียบให้เด็กนั่นไปซะที
“ใจร้าย” ขนาดฉันไม่ใช่เจ้าของยังรับรู้ได้เลยว่าเด็กนั่นต้องทรมานแค่ไหนจนต้องออกโรงแทน
“เธอจะไปรู้อะไร เงียบไปเลย”
“ไม่ พี่มีเหตุผลอะไร แมวนั่นถ้าพี่บริสุทธิ์ใจก็ให้น้องเขาดูไปสิหรือถ้ามันใช่แมวของเขาพี่ก็คงกลัวสินะ คนอย่างพี่จิตใจทำด้วยอะไรไม่เข้าใจความรู้สึกของคนอื่นบ้างเลย”
“พอที!! อยากเอาไปคืนมากใช่มั้ย ไปสิ บ้านเด็กนั่นอยู่ถัดไปห้าหลังนี่เอง เอาไปคืนเลยไป”
ตะคอกจบก็ยัดเยียดสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรใส่มือฉันอย่างแรงแล้วเดินกระฟัดกระเฟียดขึ้นห้องไปอย่างน่าหงุดหงิด แต่ช่างเถอะยังไงฉันก็ทำในสิ่งที่ถูก!
ฉันเดินไปตามที่พี่บอกช่วงเวลานี้เริ่มมืดลงทุกทีจึงต้องเร่งฝีเท้าให้เดินไปเร็วขึ้นจะได้ไม่เสียเวลามากจนเดินกลับไม่ได้ สุดท้ายก็ถึงบ้านที่เป็นเป้าหมาย คุณแม่ของเด็กคนนั้นเดินออกมารับหลังจากที่กดออดหน้าประตูแต่สีหน้าเธอตอนนี้ไม่เหลือเค้าแม่ผู้แสนใจดีก่อนหน้าอยู่เลย
“เอ่อ น้องไอโฟน...”
“กลับไปซะเถอะ” น้ำเสียงเย็นเยียบขัดขึ้นด้วยถ้อยคำเฉียบขาด
“หมะ...หมายความว่าไงคะ”
“ฉันบอกให้กลับไปไง อยากให้แจ้งตำรวจมากหรือไง!”
“ดะ...เดี๋ยวสิคะ ฉันไม่เข้าใจ”
“แม่ฮะใครมาหรอ” ทันทีที่เสียงของลูกชายเรียกหาดังเธอก็รีบผลักไสให้ฉันรีบเดินกลับไปทางที่มาโดยเร็วราวกับว่าไม่อยากให้ลูกชายเจอ
“อ้าวพี่สาว อ๊ะ ไอพอด!” เด็กคนนั้นวิ่งฝ่าเข้ามาในวงของเราทั้งสองก่อนจะอุ้มแมวที่คิดว่าเป็นของตัวเองไปถือ
“เธอ!” แต่ก็ไม่วายที่แม่ของเด็กคนนั้นตวาดใส่ฉันเสียงเฉียบแล้วแย่งแมวในอ้อมแขนของลูกชายมาส่งคืน
“อย่ามาสร้างเรื่องให้ลูกฉันเข้าใจผิดได้มั้ย จะไปไหนก็ไปซะที”
“แม่ฮะ นั่นไอพอดนะ”
“ไม่ใช่!!” สิ้นเสียงตวาดลูกชายก็ปล่อยเสียงร้องจ้าออกมา ทำให้ฉันเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไม
“คุณมันแม่ใจร้าย แทนที่จะทำให้ลูกมีความสุขกลับทำให้แกมีแต่ความทุกข์ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเหตุผลมันคืออะไรแต่ที่แน่ๆ คุณไม่มีสมบัติความเป็นแม่ในสายตาฉันเลย ขอตัว”
ฉันเข้าใจอะไรผิดๆ มาโดยตลอดชอบคิดว่าพี่ใจร้ายแบบนั้นใจร้ายแบบนี้แต่จริงๆ แล้วเหตุผลลึกๆ ที่ดีของเขาก็มีอยู่เหมือนกัน เฮอะ! รู้สึกสมเพชตัวเองเป็นบ้าดีแต่ว่าคนอื่น
ท่ามกลางบรรยากาศเงียบงัน เส้นทางสลัวที่พอจะเดินไป เมื่อถึงหน้าบ้านก็ปรากฏร่างสูงโปร่งยืนกอดอกรออยู่ด้วยแววตาซ้ำเติม
“กลับมาแล้วเรอะ” เสียงเหน็บแนมจากพี่ทับถมจิตใจฉันให้รู้สึกผิดเข้าไปอีก
“เอาไปแมวพี่...”
“เธอน่ะอย่าคิดว่าเข้าใจทุกอย่างทะลุปรุโปร่งเพียงแค่เห็นแวบแรกเท่านั้นที่พูดนี่ก็เพราะหวังดี ถ้าไม่มีอะไรก็ไปพักผ่อนได้แล้ว อยู่นานๆ ก็เปลืองไฟ”
“จ้า พี่ขี้งก!”
“ยัยนี่!” พี่ทำท่าจะเขกมะเหงกแต่ฉันก็ฉวยโอกาสหลบหลีกมาได้ก่อนจะหันกลับไปล้อเลียนให้สะใจอีกรอบ
“แบร่” :p
แต่ยังไม่ทันได้ก้าวขึ้นบันไดขั้นแรกเท้าฉันก็เกิดลื่นพรืดจนทรงตัวไม่อยู่ส่วนหายนะอันต่อไปคงไม่ต้องเดาถ้าไม่หงายหลังหัวแตกก็ไม่รู้จะพูดยังไง
“หวา” OoO
“ปั้นยิ้มระวัง!”
หมับ!
รังสีวิบวับลอยคลุ้งรอบตัวเราตามมาด้วยเสียงของอะไรบางอย่างดังตึกตักๆ อย่างน่าหนวกหู ภายในอ้อมกอดของพี่...อบอุ่นจนไม่อยากออกไปไหนเลยแฮะ -.,-
“เฮ้ย ปั้นยิ้มเป็นอะไรไป ตัวแข็งทื่อเลย”
“อะ...อ๊า”
ฉันรีบถอนตัวออกจากอ้อมกอดนั้นฉับพลัน ไม่นะๆ เกือบคิดไปถึงไหนต่อไหนแล้วสิ โอยๆ อกยัยปั้นยิ้มจะแตก!!
แต่ก็คิดไม่ทันไรตัวฉันไม่รู้ทำไมลอยคว้างขึ้นกลางอากาศอย่างนี้ พอมารู้ตัวอีกทีก็เข้าใจแล้วว่าเราทั้งคู่กำลังจะหงายหลังไปด้วยกันอีกครั้ง
โครม!!
“อูยยย...ทำไมพี่ไม่รับฉันไว้ดีๆ เนี่ย”
“อย่ามาโทษฉันนะ โอยยย...”
ชั่วขณะหนึ่งที่ได้หันมาสบตากันตรงๆ พลันความรู้สึกขุ่นเคืองทุกอย่างก็ปลิววับหายไป มีเพียงกระดาษเปล่าแผ่นใหม่ให้ได้แต่งแต้ม แววตาที่กำลังไหววูบของพี่มันให้ความรู้สึกแปลกๆ ไม่ใช่เพราะเขาจะร้องไห้แต่มันเหมือนความสุข? ความสุขที่บอกไม่ถูกว่าทำไมฉันถึงคิดแบบนั้น
“ฮ่ะๆๆ หน้าเธอนี่มันตลกชะมัด” ตื่นจากภวังค์ความคิดอีกทีแก้มทั้งสองข้างก็ถูกพี่จับไว้แน่นพลางหยิกซะจนรู้สึกตึงนิดๆ เจ็บแปลบหน่อยๆ
“อ๋อย เอ่นแอบอี้ใอ่อั้ย(หนอย เล่นแบบนี้ใช่มั้ย)” ว่าแล้วมือทั้งสองของฉันก็รีบยกขึ้นไปดึงแก้มเด้งๆ หน้าใสๆ ของพี่แล้วเขาก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“โอ๊ย ยัยบ้าเล่นแรงชะมัด!”
“ฮ่ะๆๆ หน้าบวมเป็นตูดเลยอะ โฮะๆๆ ตลกว่ะ” ฉันถึงกับต้องกุมท้องไว้แน่นเพราะความขำไม่มีเบรกของตัวเอง
“หึ ขำเข้าไปตลกมากใช่มั้ย”
“ฮ่าๆๆ ตลกสุดๆ อะ”
“งั้นเจอนี่หน่อยเป็นไง ย้ากกก...”
พี่พุ่งตัวเข้าหาฉันอย่างรวดเร็วแล้วล็อคคอไว้แน่นจนฉันรู้สึกอึดอัดและเริ่มจะหายใจไม่ออก จากที่หัวเราะอยู่เมื่อครู่ในตอนนี้น้ำตาเริ่มปริ่มอยากจะร้องให้แทน Y^Y
“ช่วยด้วยใครก็ได้ อีพี่ใจร้ายแกล้งหนู”
“ฮ่าๆๆ ไม่มีใครช่วยเจ้าได้หรอกยัยเด็กน้อย ตายสถานเดียวแหละทีนี้” เสียงของพี่ราวกับปีศาจเข้าสิงเล่นเอาฉันเริ่มใจแป้วเล็กน้อย
“พะ...พี่จ๋า ปล่อยหนูไปเหอะจะตายอยู่แล้ว”
“ไม่ จนกว่าแกจะหลาบจำ วะฮ่ะๆๆๆ” เอากับเขาสิ เป็นเอามากไปแล้วอะ
“พี่หนูเจ็บ”
“ไม่ต้องมาแกล้ง”
“ไม่ใช่นะหนูเจ็บจริงๆ” รู้ตัวอีกทีน้ำตาฉันก็ไหลพรากๆ ปานฤดูน้ำหลากแถบเทือกเขา ไหลไม่ยอมหยุดเลยอ่าทำไงดี TTOTT
“เฮ้ย ร้องไห้หรอ โอ๋ๆๆ ขอโทษๆ เล่นแรงไป” พี่รวบตัวฉันเข้าไปกอดปลอบใจอยู่พักจนน้ำตาที่ไหลพรั่งพรูเริ่มหยุดลง
“โอ๋ๆๆ อย่าร้องเลยนะยัยขี้แย” มือหนายกขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลอาบเต็มสองแก้มด้วยความอ่อนโยนก่อนแววตานั้นจะทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆ ไปจากที่เคยมอง เสียงตึกตักบางอย่างดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้มันดังมากซะจนน่าหนวกหูสุดๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้นกำเนิดเสียงมาจากไหนแต่มันก็เหมือนกับว่าอยู่ใกล้ๆ นี่เอง...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ