Hello My Brother แอบปิ๊งสักนิดไม่ผิดมั้ง
8.5
เขียนโดย จูออน
วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 20.08 น.
10 chapter
6 วิจารณ์
12.13K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557 20.29 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ประทับใจ?
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 2 ประทับใจ?
คิดว่าจะได้เดินทางแต่เช้าแม่กลับบอกจะออกจากนี่ตอนบ่ายฉันเลยต้องมานั่งเรื่อยเปื่อยอยู่บนโซฟาพลางอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นฉบับแปลแล้วพร้อมตักไอศกรีมของโปรดที่สุดในสามโลกเข้าปากคำโตอย่างสบายใจเฉิบ ทั้งๆ ที่คิดว่ามันควรจะเป็นแบบนั้นแต่กลับมีเสียงหนึ่งเอะอะขึ้นที่หน้าประตูบ้าน
ฉันเลยต้องวางหนังสือไว้ก่อนที่จะลุกไปดูว่ามันคืออะไร?
“ปั้นยิ้มจะไปอยู่บ้านญาติตลอดปิดเทอมทั้งทีไม่บอกกันสักคำเลยนะยัยบ้า!” มาปุ๊บก็แหกปากอาละวาดซะลั่นบ้านเลย ฮือออ...อีตาคาราเต้นี่นา
“นะ...นายไม่ใช่พ่อฉันนะยะจะได้จำเป็นต้องรายงานตลอดน่ะ” ทั้งที่คิดว่าไม่ควรทำแต่การกระทำกลับตรงกันข้ามแถมยังเดินกอดอกไปจ้องหน้าหาเรื่องอีตาคาราเต้อีกต่างหาก ว้ากกก...ทำไมฉันถึงห้ามตัวเองไม่อยู่เลยนะทั้งๆ ที่กลัวแท้ๆ
“ก็...ก็นั่นแหละที่ต้องทำ”
“บอกเหตุผลที่จำเป็นสักข้อซิ” หยุดทีเถอะ...เดี๋ยวมันก็โมโหขึ้นมาหรอก T^T
“มะ...ไม่มี” (._. ) อีตาคาราเต้ว่าพลางหลบหน้าหลบตาและนั่นก็ทำให้ฉันถึงกับโล่งขึ้นมาเพราะมันคงลืมเรื่องบาดหมางระหว่างเราเมื่อวานไปแล้ว(มั้ง)
ทั้งๆ ที่ชอบแกล้งฉันแท้ๆ แทนที่ฉันไปก็ควรจะดีอกดีใจแต่ไหงกลับทำเหมือนกับจะตายอย่างนั้นก็ไม่รู้ เอ๊ะ...หรือว่าหมอนี่เป็นพวกโรคจิต ที่ถ้าไม่ได้แกล้งฉันหรือใครสักวันจะลงแดงตายอะไรเทือกนั้น อืม...น่าคิดแฮะ-.,-
“นี่ คิดบ้าอะไรน่ะ”
“ป๊าว~” ฉันยักไหล่ไม่รู้ไม่ชี้ “เอ้อ แล้ววันนี้มามีอะไร หรือแค่มาอาละวาดอย่างเดียว” เปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่าก่อนที่อีตานั่นจะของขึ้นนึกแกล้งฉันขึ้นมา บอกตรงๆ ตอนนี้จุกจากการกินไอศกรีมมาหมาดๆ ยังไม่พร้อมรับมืออะไรทั้งนั้น
“มันก็ไม่เชิงหรอก เอ้า! รับไปสิ” -O-
“เอ๋?”
“ยังจะงงอีก ยื่นมือมาสิยัยบื่้อ!!”
“อือๆ” ฉันไม่รู้ว่าคนโรคจิตอย่างไอ้บ้านี่กำลังต้องการอะไรแต่ก็ทำตามคำสั่งไปก่อนที่มันจะยั๊วะเป็นดีที่สุด
ความรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างหล่นลงสู่มือเป็นเส้นสากๆ แปลกๆ ก็พลันให้รู้สึกสะดุ้งเล็กน้อย จากนั้นอีตาคาราเต้ก็เอามืออีกข้างมาประกบบนฝ่ามือของฉันกุมมันไว้แน่น นี่แกกำลังจะท่องมนต์อะไรยะเรียกให้ตะขาบตื่นหรือไงยิ่งรู้สึกสากๆ มือประมาณว่ามันใช่อยู่ด้วย
“ยังไงก็ดูแลตัวเองด้วยซุ่มซ่ามแบบนี้เกิดไปตกท่อตายที่ไหนไม่มีใครช่วยได้หรอกนะ”
“อะ...อืมจ้ะ” ด้วยวันนี้ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงเพราะมีคดีเก่าคั่งค้างจึงต้องฝืนตอบไปเพื่อตัดปัญหา
หมับ!
“อ๊ะ”O.O อีตาคาราเต้สวมกอดฉันอย่างเต็มแรง
พลั่ก!!
“ไอ้บ้าเล่นบ้าอะไรเนี่ย” ฉันถึงกับหัวเสียผลักไอ้บ้านั่นจนล้มเพราะไม่เคยทำแบบนี้กับใครมาก่อน ก่อนที่จะรีบเดินเนื่องจากกลัวความผิดที่ตัวเองก่อ(อีกแล้ว) ขึ้นห้องของตัวเองไปอย่างเร็วที่สุด!!
ตึกตักๆๆ
“ฮู่ว~” ฉันยกมือขึ้นทาบอกพลางถอนหายใจออกมาอย่างตื่นเต้น ดีนะที่เดินหนีมันมาทันก่อนที่มันจะโมโหเพราะเราไปผลักแล้วตามมาล้างแค้นทีหลังด้วยตะขาบ...
อ๊ะO_O พอนึกถึงเรื่องนั้นขึ้นมาฉันก็พยายามแบมืออีกข้างที่กำสิ่งนั้นไว้แน่นออกช้าๆ มีความรู้สึกว่ามันดิ้นได้แปลกๆ ไปตามแรงสั่นของมือตัวเองด้วยล่ะ
หงึก~ หงึก~ อ๊า...จะใช่ตะขาบหรือเปล่าเนี่ย น่ากลัวอะ>.<
ยิ่งลุ้นก็ยิ่งหวั่นใจจนในที่สุดฉันก็ตัดสินใจเหวี่ยงมันไปบนพื้นห้อง
“อ้าว สร้อย”
สงสัยฉันคงมองอีตานั่นติดลบมาตลอดจึงคิดว่าโดนแกล้งแต่ที่ไหนได้มันกลับเป็นสร้อยคอที่มีจี้รูปดาวซึ่งฉันอยากจะได้มากกก...ที่ร้านขายเครื่องประดับแห่งหนึ่ง
“สวยจัง แล้วทำไมถึงให้เรานะ”
อยากจะลงไปถามแต่ฉันก็เห็นอีตาคาราเต้เดินออกจากบ้านผ่านทางหน้าต่างไปแล้ว
ฉันจึงได้แต่เก็บความรู้สึกสงสัยนั้นไว้แค่นั้นเพราะต้องรีบเตรียมตัวเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าที่ยังค้างไว้เพื่อออกเดินทางในวันพรุ่งนี้สู่บ้านของพี่ชายที่ไม่เจอกันมานานถึง 10 ปี...พี่ปั้นจั่น จะเปลี่ยนไปขนาดไหนกันนะ?
พูดมาถึงขนาดนี้แล้วฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเลยสักนิดสินะ ฉันน่ะชื่อเล่นว่า ‘ปั้นยิ้ม’ มีพี่ชายชื่อ ‘ปั้นจั่น’ มีพ่อแม่ชื่อ...เอ่อ ไม่ต้องก็ได้มั้งเนอะ อ่อ! แล้วที่มาอาละวาดเมื่อตะกี้นั่นน่ะคืออีตาคาราเต้เพื่อนร่วมห้องที่ชอบแกล้งฉันซึ่งบ้านเขาอยู่ในซอยเดียวกันนี่แหละ อาจสงสัยสินะว่าทำไมเข้าออกบ้านฉันได้เป็นว่าเล่น ก็พ่อแม่เราน่ะสิดันสนิทกัน หึ ยิ่งเกลียดขี้หน้าอยู่แท้ๆ แต่กลับได้โชคชั้นหนึ่งเลยล่ะ
เอี๊ยดดด...รถจอดสนิทแน่นิ่งอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่สีขาวสะอาดตา รูปแบบบ้านดูมีสไตล์โมเดิร์นมากๆ ซึ่งฉันไม่รู้หรอกนะว่ามันจะโมเดิร์นคลาสสิก ตะวันตก หรืออิตาเลียนอะไรดีพอดีไม่รู้เรื่องอะไรแบบนี้หรอกแต่มั่วถั่วไปงั้นให้ดูว่าตัวเองฉลาดนิดๆ (หรือโง่กว่าเดิมก็ไม่รู้นะ)
“ถึงแล้วล่ะ ลงสิ”
แม่ฉันบอกก่อนที่จะจัดการอะไรกับรถนิดหน่อยแล้วลงมาพร้อมกัน เห็นว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านที่พ่ออยู่กับพี่ปั้นจั่นสองคนเพราะพี่ไม่ยอมสละบ้านหลังนี้ไปพ่อเลยต้องมาอยู่ที่นี่ด้วยจนกว่าจะดูแลตัวเองได้ ในช่วงนั้นพ่อจะคอยไปกลับทั้งบ้านนี้และบ้านนู้นเดือนละครั้งเห็นบอกว่าคิดถึงแม่จะตายอยู่แล้ว สุดท้ายตอนนี้ก็ได้อยู่ด้วยกันโดยสมบูรณ์จะขาดก็แต่พี่ชายหัวดื้อนี่แหละที่ไม่ยอมไปอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวสักที
ที่ฉันมาวันนี้ก็มีเหตุผลอยู่เหมือนกันก็อย่างที่รู้กันอะนะก็แม่ขอให้ฉันมาอยู่เพื่อเกลี้ยกล่อมให้พี่ไปอยู่ทางนู้นให้หน่อยนั่นแหละ ฉันจึงต้องสละเวลาอันมีค่าในการอ่านการ์ตูน(มีค่าจริงๆ นะ)มาที่นี่ คิดแล้วก็ตื่นเต้นเหมือนกันนะ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน จู่ๆ มาอยู่ด้วยกันทั้งเดือนคงจะรู้สึกแปลกๆ พิกล
ก๊อกๆ
“ปั้นจั่นอยู่รึป่าวลูก”
หลังจากเสียงแม่เรียกไม่นานก็มีปฏิกิริยาเกิดขึ้นที่ประตู มันกำลังเปิดออกเผยให้เห็นชายร่างสูงโปร่งในชุดผ้าขนหนูแถมตัวยังชุ่มน้ำอยู่หน่อยๆ กรี๊ดดดด...อะไรก๊าน>/////< การแต่งตัวรับแขกแบบนี้!!
“มาเร็วจัง คิดถึงผมมากสิน้าคุณแม่” พี่(คิดว่าใช่นะ)กำลังโอบกอดแม่พร้อมหอมเข้าฟอดใหญ่ ในความรู้สึกของแม่คงไม่คิดอะไรเพราะเห็นกันมาตั้งแต่เกิด! แต่ฉันนี่สิ...ไม่เคยเจอเรือนร่างสุดเซ็กซี่ของพี่ตัวเองมาก่อน!! ซื๊ดดด...พูดแล้วเลือดกำเดาไหลแฮะ เอ๊ยไม่ใช่!! น่าอาย น่าอายมากๆ อีตาพี่บ้านี่ ทำเรื่องน่าอายสุดๆ อะ>/////<
“อ้าว ปั้นยิ้ม อ้วนขึ้นเยอะเลยแฮะ โตเป็นสาวจำแทบไม่ได้”
ถึงกับสะอึก...ฉันขอคืนคำที่ว่ามันเซ็กซี่! ฮึ่ม...อ้วนงั้นเรอะ!! แต่ฉันก็ฝืนยิ้มตอบโดยบังคับไม่ให้ตาตัวเองมองอะไรต่อมิอะไรของพี่ไปมากกว่านี้ “งั้นเดี๋ยวผมไปแต่งตัวก่อนนะ”
“จ้ะ เอ้า ปั้นยิ้มหยิบกระเป๋าเข้าไปวางในบ้านก่อนลูก”
ฉันมองตามแผ่นหลังพี่ไปจนสุดสายตาเพื่อดูว่าเขาหายขึ้นห้องตัวเองไปแน่หรือยังจะได้เหยียบย่างเข้าไปในบ้านได้อย่างสบายใจ
“แม่คะ ขอกลับด้วยนะ” ฉันตัดสินใจโพล่งออกไปเพราะความประทับใจครั้งแรกมันช่างติดลบเหลือเกิน บังอาจมากที่มาว่าฉันอ้วนนั่นปากคนเรอะ!!
“อ้าว ทำไมล่ะ”
“ดูพี่เขาพูดสิแถมไม่ชินด้วยอะ ตลอด 10 ปีมานี่ก็เรียนตลอด ช่วงปิดเทอมยังมีเรียนพิเศษอีกไม่ได้เจอเขาเลยสักครั้ง อีกอย่างปากสุนัขปานนั้น หนูทำใจอยู่ไม่ได้แน่ๆ”
“เอาน่าๆ อยู่ๆ ไปเดี๋ยวก็ชิน”
“ฮือออ...แล้วเมื่อไหร่จะได้ฤกษ์ชินล่ะค้า” ฉันเริ่มทำท่าบีบน้ำตากระซิกๆ ใหญ่ T^T
“เอาแบบนี้มั้ย ถ้าอยู่เกลี้ยกล่อมจนเขากลับไปบ้านนู้นได้ล่ะก็...แม่จะซื้อรถให้ขับไปมหาลัยคันนึงเลยเอ้า! แบบที่หนูอยากได้ด้วย”
“จริงหรอคะ” *O*
แม่พยักหน้าตอบอย่างมั่นใจ เฮ้ย! ข้อเสนอนี้น่าสนใจสุดๆ อะ ถ้าเกลี้ยกล่อมให้พี่ไปอยู่ด้วยได้ล่ะก็จะได้ทั้งรถได้ทั้งครอบครัวที่(น่าจะ)อบอุ่น นี่มันโชคหนึ่งชั้นนิดๆ เลยนี่นา กรี๊ดดด...
“ตกลงค่ะ”
“มันต้องอย่างนั้น ในเรื่องเวลาแม่ไม่เกี่ยงกล่อมสำเร็จเร็วก็ได้กลับเร็ว อ๊ะๆ ต้องให้ไปอยู่เลยนะ ถ้าแค่เยี่ยมล่ะก็อดเรื่องรถ”
“อื้อๆ หนูทำได้แน่” ฉันดีใจกระโดดโลดเต้นไปทั่วห้องจนมารู้ตัวอีกทีก็...
“ว้าย!”
ตุ้บ! ล้มไปอยู่ในอ้อมกอดของผู้มาใหม่ซะแล้ว
“ฮ่ะๆ ไม่เปลี่ยนเลยนะ ซุ่มซ่ามยังไงก็อย่างนั้น” อึก...อีตาพี่บ้าพูดความจริงได้ไง ถ้าว่าอ้วนก็ยังพอแย้งแต่นี่ซุ่มซ่ามแย้งไม่ออกอะ ฮือออ~T^T
“อย่าว่าน้องอย่างนั้นซี่ ผูกมิตรกันไว้ดีกว่านะลูก ไม่เจอกันตั้งนาน”
“แหม ผมแค่ล้อเล่นนิดหน่อยน่ะครับ เอ้อ...ว่าแต่กินอะไรกันมาหรือยัง เดี๋ยวผมพาไปเลี้ยงหน้าปากซอย ไหนๆ แม่ก็ค้างที่นี่สักคืนนะครับ”
“อืม แม่ก็ชักหิวซะแล้วสินะ งั้นเราไปหาอะไรกินกันดีกว่า”
แล้วคุณพี่ชายปากร้ายนี่ก็พาเราไปกิน...บะหมี่เกี๊ยว
ด้วยกลิ่นฉุนของผักกวางตุ้งฉันเลยไม่ค่อยชอบมันเท่าไหร่ แต่เมื่อได้ลองชิมรสชาติของมันในคราวนี้กลับเปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย หรืออาจเป็นเพราะมันคนละร้านกันนะ อืม...ก็มีส่วน
“ทำหน้าแบบนั้นคิดอะไรอยู่หรอ”
“อ๊ะ” ฉันหลุดจากภวังค์ความคิดทันทีที่พี่ยื่นหน้าหล่อๆ เข้ามาจ้องใกล้ๆ “ป่าว”
“งั้นหรอ นึกว่าคิดถึงแฟนซะอีกเห็นเหม่อๆ มาพักแล้ว”
“จะบ้าหรอหนูยังไม่มีแฟนซะหน่อย”
“แล้วสร้อยนั่นอะ” พี่ทำท่าจะต้อนฉันให้จนมุมให้ได้แต่เสียใจจ้ะเพราะสร้อยนี่อีตาคาราเต้ซื้อให้ต่างหาก
“ของเพื่อนให้”
“หรอออ...” ทำลากเสียงยาวเหมือนไม่เชื่อ
“ก็ตามใจพี่เถอะ เชอะ!” ฉันว่าจบก็โซ้ยบะหมี่เกี๊ยวคำโตเข้าๆๆๆ อย่างยั๊วะนิดๆ
“เอาเข้าไปๆ เดี๋ยวก็สำลักหรอก”
ชิส์!! ว่าคนอื่นเขาแท้ๆ ไม่ต้องมาทำเป็นใส่ใจนักหรอก เห็นบอกว่าเลี้ยงด้วยนี่นา คอยดูเถอะจะกินให้หนำจนเงินไปพอจ่ายเลยคอยดู!!
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ชามบะหมี่กองโตก็ได้กองพะเงินอยู่บนโต๊ะของฉันเรียบร้อยแล้ว วะฮ่ะๆๆ สถิติใหม่ 10 ชามในรวดเดียว ขนาดฉันเองยังตกใจเลยนะเนี่ย^O^
“โห วันนี้กินเยอะเป็นพิเศษเลยนะ แม่ว่าแม่จ่ายเองดีกว่า” บอกจบแม่ก็เดินไปหาคนขายทันที เอ๊...ที่ตกลงมันไม่ใช่แบบนั้นนี่นา คนจ่ายมันต้องเป็นอีตาพี่ปากเสียนี่ต่างหากล่ะ-O-
“กินเยอะเป็นบ้า เดี๋ยวก็หน้าเป็นหมูตอนกันพอดี แม่คร้าบบบ...เดี๋ยวผมจ่ายเอง” ประโยคแรกเขากระซิบข้างหูฉันก่อนที่จะรีบไปดักแม่เพื่อควักเงินจ่ายเอง
กรี๊ดดด...มันว่าฉันเป็นหมูตอนอะ ฮือออ...หนักแค่ 50 สูง 160 เนี่ยนะอ้วน ฉันเคยวัดที่โรงเรียนมันก็ออกจะเกือบผอมด้วยซ้ำ ฮึ่ย!! น่าหงุดหงิดชะมัด-*-
หลังจากกลับมาบ้านแม่ก็ขอตัวกลับก่อนเพราะพ่อโทรตาม สงสัยคงต้องการเวลาสวีตกันละมั้ง ลูกไม่อยู่ทั้งทีนี่นา
“ดูและตัวเองดีๆ นะทั้งสองคนเลย”
“คร้าบ(เสียงมีความสุขสุดๆ)/ค่า(โคตรมีความทุกข์เลย)”
“ฝากน้องด้วยนะปั้นจั่น แม่ไปนะปั้นยิ้ม”
แม่กอดและบอกลาครั้งสุดท้ายก่อนที่จะรีบบึ่งรถออกไปในเวลาต่อมา
“ฮ้าว ง่วงชะมัด” คุณพี่ปากสุนัขทำท่าหาวหวอดก่อนที่จะเดินเข้าไปในบ้านแล้วฉันก็เดินตามเข้าไป
“ตกลงให้หนูนอนไหน” เมื่อได้ยินฉันถามอย่างนั้นเขาก็หันมาทำหน้าขมวดคิ้วมุ่นใส่ “อะไรเล่าก็ห้องนอนหนูไง ไม่ได้จัดไว้หรอ”
“อ่อ ขึ้นไปห้องแรกซ้ายมือ”
บอกจบฉันก็รีบคว้ากระเป๋าตรงดิ่งขึ้นไปทันทีเพราะไม่อยากอยู่เผชิญหน้ากันนานสักเท่าไหร่ ให้ตายสิ ขนาดตอนหน้ามุ่ยยังหล่อเลยอะเสียอย่างเดียวแหละ...ปากสุนัข
แอ๊ด~ ภายในห้องมืดมิดมองไม่เห็นอะไรสักอย่างจนฉันต้องคลำทางหาสวิตส์ไฟ
แต๊บ! อ่า สว่างแล้ว ทีนี้แหละก็ได้นอ...
“กรี๊ดดดด...นี่มันอะไรกันเนี่ย” >O<
“เฮ้ยๆ มีอะไร” พี่วิ่งมาหาอย่างตื่นตระหนกก่อนที่จะทำหน้าเหยเกใส่ฉัน
“นี่มันห้องเก็บของชัดๆ ฝุ่นก็เขรอะซะขนาดนี้พี่จะให้หนูนอนนี่งั้นหรอ” และแทนที่พี่จะยอมฉันเสียง่ายๆ แต่กลับตอบมาด้วยเสียงเรียบๆ สบายๆ ว่า
“อืม”
“เฮ้ย” -O-
“ถ้านอนไม่ได้ก็นู่นที่โซฟาข้างล่าง”
“แต่...”
“อยู่บ้านคนอื่นแท้ๆ หัดเกรงใจบ้างดิ อย่าเรื่องเยอะนักเลย” -*-
“หา” OoO บอกจบพี่แกก็เดินเกาตูดแกรกๆ อย่างน่าทุเรศเข้าห้องตัวเองไปปล่อยฉันทิ้งไว้กับห้องสุดจะรกร้างและทางเลือกที่เลี่ยงไม่ได้อย่างไปนอนโซฟาด้านล่าง
“ใจร้ายชะมัด ฮึ่ย!”
มาวันแรกก็รู้สึกไม่ถูกชะตาเอาซะขนาดนี้แล้ว ขืนอยู่ต่อไปนานๆ มีหวังได้เกิดเหตุฆาตกรรมขึ้นแน่ พี่บ้าๆ แบบนี้ไม่เคยเจอเลยจริงๆ ทั้งๆ ที่ตอนเด็กๆ ก็ปกป้องฉันดีอยู่หรอกแต่ไหงเปลี่ยนไปขนาดนี้ก็ไม่รู้
ฮึ่ม แค้นนี้ต้องมีวันชำระ!!!
คิดว่าจะได้เดินทางแต่เช้าแม่กลับบอกจะออกจากนี่ตอนบ่ายฉันเลยต้องมานั่งเรื่อยเปื่อยอยู่บนโซฟาพลางอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นฉบับแปลแล้วพร้อมตักไอศกรีมของโปรดที่สุดในสามโลกเข้าปากคำโตอย่างสบายใจเฉิบ ทั้งๆ ที่คิดว่ามันควรจะเป็นแบบนั้นแต่กลับมีเสียงหนึ่งเอะอะขึ้นที่หน้าประตูบ้าน
ฉันเลยต้องวางหนังสือไว้ก่อนที่จะลุกไปดูว่ามันคืออะไร?
“ปั้นยิ้มจะไปอยู่บ้านญาติตลอดปิดเทอมทั้งทีไม่บอกกันสักคำเลยนะยัยบ้า!” มาปุ๊บก็แหกปากอาละวาดซะลั่นบ้านเลย ฮือออ...อีตาคาราเต้นี่นา
“นะ...นายไม่ใช่พ่อฉันนะยะจะได้จำเป็นต้องรายงานตลอดน่ะ” ทั้งที่คิดว่าไม่ควรทำแต่การกระทำกลับตรงกันข้ามแถมยังเดินกอดอกไปจ้องหน้าหาเรื่องอีตาคาราเต้อีกต่างหาก ว้ากกก...ทำไมฉันถึงห้ามตัวเองไม่อยู่เลยนะทั้งๆ ที่กลัวแท้ๆ
“ก็...ก็นั่นแหละที่ต้องทำ”
“บอกเหตุผลที่จำเป็นสักข้อซิ” หยุดทีเถอะ...เดี๋ยวมันก็โมโหขึ้นมาหรอก T^T
“มะ...ไม่มี” (._. ) อีตาคาราเต้ว่าพลางหลบหน้าหลบตาและนั่นก็ทำให้ฉันถึงกับโล่งขึ้นมาเพราะมันคงลืมเรื่องบาดหมางระหว่างเราเมื่อวานไปแล้ว(มั้ง)
ทั้งๆ ที่ชอบแกล้งฉันแท้ๆ แทนที่ฉันไปก็ควรจะดีอกดีใจแต่ไหงกลับทำเหมือนกับจะตายอย่างนั้นก็ไม่รู้ เอ๊ะ...หรือว่าหมอนี่เป็นพวกโรคจิต ที่ถ้าไม่ได้แกล้งฉันหรือใครสักวันจะลงแดงตายอะไรเทือกนั้น อืม...น่าคิดแฮะ-.,-
“นี่ คิดบ้าอะไรน่ะ”
“ป๊าว~” ฉันยักไหล่ไม่รู้ไม่ชี้ “เอ้อ แล้ววันนี้มามีอะไร หรือแค่มาอาละวาดอย่างเดียว” เปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่าก่อนที่อีตานั่นจะของขึ้นนึกแกล้งฉันขึ้นมา บอกตรงๆ ตอนนี้จุกจากการกินไอศกรีมมาหมาดๆ ยังไม่พร้อมรับมืออะไรทั้งนั้น
“มันก็ไม่เชิงหรอก เอ้า! รับไปสิ” -O-
“เอ๋?”
“ยังจะงงอีก ยื่นมือมาสิยัยบื่้อ!!”
“อือๆ” ฉันไม่รู้ว่าคนโรคจิตอย่างไอ้บ้านี่กำลังต้องการอะไรแต่ก็ทำตามคำสั่งไปก่อนที่มันจะยั๊วะเป็นดีที่สุด
ความรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างหล่นลงสู่มือเป็นเส้นสากๆ แปลกๆ ก็พลันให้รู้สึกสะดุ้งเล็กน้อย จากนั้นอีตาคาราเต้ก็เอามืออีกข้างมาประกบบนฝ่ามือของฉันกุมมันไว้แน่น นี่แกกำลังจะท่องมนต์อะไรยะเรียกให้ตะขาบตื่นหรือไงยิ่งรู้สึกสากๆ มือประมาณว่ามันใช่อยู่ด้วย
“ยังไงก็ดูแลตัวเองด้วยซุ่มซ่ามแบบนี้เกิดไปตกท่อตายที่ไหนไม่มีใครช่วยได้หรอกนะ”
“อะ...อืมจ้ะ” ด้วยวันนี้ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงเพราะมีคดีเก่าคั่งค้างจึงต้องฝืนตอบไปเพื่อตัดปัญหา
หมับ!
“อ๊ะ”O.O อีตาคาราเต้สวมกอดฉันอย่างเต็มแรง
พลั่ก!!
“ไอ้บ้าเล่นบ้าอะไรเนี่ย” ฉันถึงกับหัวเสียผลักไอ้บ้านั่นจนล้มเพราะไม่เคยทำแบบนี้กับใครมาก่อน ก่อนที่จะรีบเดินเนื่องจากกลัวความผิดที่ตัวเองก่อ(อีกแล้ว) ขึ้นห้องของตัวเองไปอย่างเร็วที่สุด!!
ตึกตักๆๆ
“ฮู่ว~” ฉันยกมือขึ้นทาบอกพลางถอนหายใจออกมาอย่างตื่นเต้น ดีนะที่เดินหนีมันมาทันก่อนที่มันจะโมโหเพราะเราไปผลักแล้วตามมาล้างแค้นทีหลังด้วยตะขาบ...
อ๊ะO_O พอนึกถึงเรื่องนั้นขึ้นมาฉันก็พยายามแบมืออีกข้างที่กำสิ่งนั้นไว้แน่นออกช้าๆ มีความรู้สึกว่ามันดิ้นได้แปลกๆ ไปตามแรงสั่นของมือตัวเองด้วยล่ะ
หงึก~ หงึก~ อ๊า...จะใช่ตะขาบหรือเปล่าเนี่ย น่ากลัวอะ>.<
ยิ่งลุ้นก็ยิ่งหวั่นใจจนในที่สุดฉันก็ตัดสินใจเหวี่ยงมันไปบนพื้นห้อง
“อ้าว สร้อย”
สงสัยฉันคงมองอีตานั่นติดลบมาตลอดจึงคิดว่าโดนแกล้งแต่ที่ไหนได้มันกลับเป็นสร้อยคอที่มีจี้รูปดาวซึ่งฉันอยากจะได้มากกก...ที่ร้านขายเครื่องประดับแห่งหนึ่ง
“สวยจัง แล้วทำไมถึงให้เรานะ”
อยากจะลงไปถามแต่ฉันก็เห็นอีตาคาราเต้เดินออกจากบ้านผ่านทางหน้าต่างไปแล้ว
ฉันจึงได้แต่เก็บความรู้สึกสงสัยนั้นไว้แค่นั้นเพราะต้องรีบเตรียมตัวเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าที่ยังค้างไว้เพื่อออกเดินทางในวันพรุ่งนี้สู่บ้านของพี่ชายที่ไม่เจอกันมานานถึง 10 ปี...พี่ปั้นจั่น จะเปลี่ยนไปขนาดไหนกันนะ?
พูดมาถึงขนาดนี้แล้วฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเลยสักนิดสินะ ฉันน่ะชื่อเล่นว่า ‘ปั้นยิ้ม’ มีพี่ชายชื่อ ‘ปั้นจั่น’ มีพ่อแม่ชื่อ...เอ่อ ไม่ต้องก็ได้มั้งเนอะ อ่อ! แล้วที่มาอาละวาดเมื่อตะกี้นั่นน่ะคืออีตาคาราเต้เพื่อนร่วมห้องที่ชอบแกล้งฉันซึ่งบ้านเขาอยู่ในซอยเดียวกันนี่แหละ อาจสงสัยสินะว่าทำไมเข้าออกบ้านฉันได้เป็นว่าเล่น ก็พ่อแม่เราน่ะสิดันสนิทกัน หึ ยิ่งเกลียดขี้หน้าอยู่แท้ๆ แต่กลับได้โชคชั้นหนึ่งเลยล่ะ
เอี๊ยดดด...รถจอดสนิทแน่นิ่งอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่สีขาวสะอาดตา รูปแบบบ้านดูมีสไตล์โมเดิร์นมากๆ ซึ่งฉันไม่รู้หรอกนะว่ามันจะโมเดิร์นคลาสสิก ตะวันตก หรืออิตาเลียนอะไรดีพอดีไม่รู้เรื่องอะไรแบบนี้หรอกแต่มั่วถั่วไปงั้นให้ดูว่าตัวเองฉลาดนิดๆ (หรือโง่กว่าเดิมก็ไม่รู้นะ)
“ถึงแล้วล่ะ ลงสิ”
แม่ฉันบอกก่อนที่จะจัดการอะไรกับรถนิดหน่อยแล้วลงมาพร้อมกัน เห็นว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านที่พ่ออยู่กับพี่ปั้นจั่นสองคนเพราะพี่ไม่ยอมสละบ้านหลังนี้ไปพ่อเลยต้องมาอยู่ที่นี่ด้วยจนกว่าจะดูแลตัวเองได้ ในช่วงนั้นพ่อจะคอยไปกลับทั้งบ้านนี้และบ้านนู้นเดือนละครั้งเห็นบอกว่าคิดถึงแม่จะตายอยู่แล้ว สุดท้ายตอนนี้ก็ได้อยู่ด้วยกันโดยสมบูรณ์จะขาดก็แต่พี่ชายหัวดื้อนี่แหละที่ไม่ยอมไปอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวสักที
ที่ฉันมาวันนี้ก็มีเหตุผลอยู่เหมือนกันก็อย่างที่รู้กันอะนะก็แม่ขอให้ฉันมาอยู่เพื่อเกลี้ยกล่อมให้พี่ไปอยู่ทางนู้นให้หน่อยนั่นแหละ ฉันจึงต้องสละเวลาอันมีค่าในการอ่านการ์ตูน(มีค่าจริงๆ นะ)มาที่นี่ คิดแล้วก็ตื่นเต้นเหมือนกันนะ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน จู่ๆ มาอยู่ด้วยกันทั้งเดือนคงจะรู้สึกแปลกๆ พิกล
ก๊อกๆ
“ปั้นจั่นอยู่รึป่าวลูก”
หลังจากเสียงแม่เรียกไม่นานก็มีปฏิกิริยาเกิดขึ้นที่ประตู มันกำลังเปิดออกเผยให้เห็นชายร่างสูงโปร่งในชุดผ้าขนหนูแถมตัวยังชุ่มน้ำอยู่หน่อยๆ กรี๊ดดดด...อะไรก๊าน>/////< การแต่งตัวรับแขกแบบนี้!!
“มาเร็วจัง คิดถึงผมมากสิน้าคุณแม่” พี่(คิดว่าใช่นะ)กำลังโอบกอดแม่พร้อมหอมเข้าฟอดใหญ่ ในความรู้สึกของแม่คงไม่คิดอะไรเพราะเห็นกันมาตั้งแต่เกิด! แต่ฉันนี่สิ...ไม่เคยเจอเรือนร่างสุดเซ็กซี่ของพี่ตัวเองมาก่อน!! ซื๊ดดด...พูดแล้วเลือดกำเดาไหลแฮะ เอ๊ยไม่ใช่!! น่าอาย น่าอายมากๆ อีตาพี่บ้านี่ ทำเรื่องน่าอายสุดๆ อะ>/////<
“อ้าว ปั้นยิ้ม อ้วนขึ้นเยอะเลยแฮะ โตเป็นสาวจำแทบไม่ได้”
ถึงกับสะอึก...ฉันขอคืนคำที่ว่ามันเซ็กซี่! ฮึ่ม...อ้วนงั้นเรอะ!! แต่ฉันก็ฝืนยิ้มตอบโดยบังคับไม่ให้ตาตัวเองมองอะไรต่อมิอะไรของพี่ไปมากกว่านี้ “งั้นเดี๋ยวผมไปแต่งตัวก่อนนะ”
“จ้ะ เอ้า ปั้นยิ้มหยิบกระเป๋าเข้าไปวางในบ้านก่อนลูก”
ฉันมองตามแผ่นหลังพี่ไปจนสุดสายตาเพื่อดูว่าเขาหายขึ้นห้องตัวเองไปแน่หรือยังจะได้เหยียบย่างเข้าไปในบ้านได้อย่างสบายใจ
“แม่คะ ขอกลับด้วยนะ” ฉันตัดสินใจโพล่งออกไปเพราะความประทับใจครั้งแรกมันช่างติดลบเหลือเกิน บังอาจมากที่มาว่าฉันอ้วนนั่นปากคนเรอะ!!
“อ้าว ทำไมล่ะ”
“ดูพี่เขาพูดสิแถมไม่ชินด้วยอะ ตลอด 10 ปีมานี่ก็เรียนตลอด ช่วงปิดเทอมยังมีเรียนพิเศษอีกไม่ได้เจอเขาเลยสักครั้ง อีกอย่างปากสุนัขปานนั้น หนูทำใจอยู่ไม่ได้แน่ๆ”
“เอาน่าๆ อยู่ๆ ไปเดี๋ยวก็ชิน”
“ฮือออ...แล้วเมื่อไหร่จะได้ฤกษ์ชินล่ะค้า” ฉันเริ่มทำท่าบีบน้ำตากระซิกๆ ใหญ่ T^T
“เอาแบบนี้มั้ย ถ้าอยู่เกลี้ยกล่อมจนเขากลับไปบ้านนู้นได้ล่ะก็...แม่จะซื้อรถให้ขับไปมหาลัยคันนึงเลยเอ้า! แบบที่หนูอยากได้ด้วย”
“จริงหรอคะ” *O*
แม่พยักหน้าตอบอย่างมั่นใจ เฮ้ย! ข้อเสนอนี้น่าสนใจสุดๆ อะ ถ้าเกลี้ยกล่อมให้พี่ไปอยู่ด้วยได้ล่ะก็จะได้ทั้งรถได้ทั้งครอบครัวที่(น่าจะ)อบอุ่น นี่มันโชคหนึ่งชั้นนิดๆ เลยนี่นา กรี๊ดดด...
“ตกลงค่ะ”
“มันต้องอย่างนั้น ในเรื่องเวลาแม่ไม่เกี่ยงกล่อมสำเร็จเร็วก็ได้กลับเร็ว อ๊ะๆ ต้องให้ไปอยู่เลยนะ ถ้าแค่เยี่ยมล่ะก็อดเรื่องรถ”
“อื้อๆ หนูทำได้แน่” ฉันดีใจกระโดดโลดเต้นไปทั่วห้องจนมารู้ตัวอีกทีก็...
“ว้าย!”
ตุ้บ! ล้มไปอยู่ในอ้อมกอดของผู้มาใหม่ซะแล้ว
“ฮ่ะๆ ไม่เปลี่ยนเลยนะ ซุ่มซ่ามยังไงก็อย่างนั้น” อึก...อีตาพี่บ้าพูดความจริงได้ไง ถ้าว่าอ้วนก็ยังพอแย้งแต่นี่ซุ่มซ่ามแย้งไม่ออกอะ ฮือออ~T^T
“อย่าว่าน้องอย่างนั้นซี่ ผูกมิตรกันไว้ดีกว่านะลูก ไม่เจอกันตั้งนาน”
“แหม ผมแค่ล้อเล่นนิดหน่อยน่ะครับ เอ้อ...ว่าแต่กินอะไรกันมาหรือยัง เดี๋ยวผมพาไปเลี้ยงหน้าปากซอย ไหนๆ แม่ก็ค้างที่นี่สักคืนนะครับ”
“อืม แม่ก็ชักหิวซะแล้วสินะ งั้นเราไปหาอะไรกินกันดีกว่า”
แล้วคุณพี่ชายปากร้ายนี่ก็พาเราไปกิน...บะหมี่เกี๊ยว
ด้วยกลิ่นฉุนของผักกวางตุ้งฉันเลยไม่ค่อยชอบมันเท่าไหร่ แต่เมื่อได้ลองชิมรสชาติของมันในคราวนี้กลับเปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย หรืออาจเป็นเพราะมันคนละร้านกันนะ อืม...ก็มีส่วน
“ทำหน้าแบบนั้นคิดอะไรอยู่หรอ”
“อ๊ะ” ฉันหลุดจากภวังค์ความคิดทันทีที่พี่ยื่นหน้าหล่อๆ เข้ามาจ้องใกล้ๆ “ป่าว”
“งั้นหรอ นึกว่าคิดถึงแฟนซะอีกเห็นเหม่อๆ มาพักแล้ว”
“จะบ้าหรอหนูยังไม่มีแฟนซะหน่อย”
“แล้วสร้อยนั่นอะ” พี่ทำท่าจะต้อนฉันให้จนมุมให้ได้แต่เสียใจจ้ะเพราะสร้อยนี่อีตาคาราเต้ซื้อให้ต่างหาก
“ของเพื่อนให้”
“หรอออ...” ทำลากเสียงยาวเหมือนไม่เชื่อ
“ก็ตามใจพี่เถอะ เชอะ!” ฉันว่าจบก็โซ้ยบะหมี่เกี๊ยวคำโตเข้าๆๆๆ อย่างยั๊วะนิดๆ
“เอาเข้าไปๆ เดี๋ยวก็สำลักหรอก”
ชิส์!! ว่าคนอื่นเขาแท้ๆ ไม่ต้องมาทำเป็นใส่ใจนักหรอก เห็นบอกว่าเลี้ยงด้วยนี่นา คอยดูเถอะจะกินให้หนำจนเงินไปพอจ่ายเลยคอยดู!!
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ชามบะหมี่กองโตก็ได้กองพะเงินอยู่บนโต๊ะของฉันเรียบร้อยแล้ว วะฮ่ะๆๆ สถิติใหม่ 10 ชามในรวดเดียว ขนาดฉันเองยังตกใจเลยนะเนี่ย^O^
“โห วันนี้กินเยอะเป็นพิเศษเลยนะ แม่ว่าแม่จ่ายเองดีกว่า” บอกจบแม่ก็เดินไปหาคนขายทันที เอ๊...ที่ตกลงมันไม่ใช่แบบนั้นนี่นา คนจ่ายมันต้องเป็นอีตาพี่ปากเสียนี่ต่างหากล่ะ-O-
“กินเยอะเป็นบ้า เดี๋ยวก็หน้าเป็นหมูตอนกันพอดี แม่คร้าบบบ...เดี๋ยวผมจ่ายเอง” ประโยคแรกเขากระซิบข้างหูฉันก่อนที่จะรีบไปดักแม่เพื่อควักเงินจ่ายเอง
กรี๊ดดด...มันว่าฉันเป็นหมูตอนอะ ฮือออ...หนักแค่ 50 สูง 160 เนี่ยนะอ้วน ฉันเคยวัดที่โรงเรียนมันก็ออกจะเกือบผอมด้วยซ้ำ ฮึ่ย!! น่าหงุดหงิดชะมัด-*-
หลังจากกลับมาบ้านแม่ก็ขอตัวกลับก่อนเพราะพ่อโทรตาม สงสัยคงต้องการเวลาสวีตกันละมั้ง ลูกไม่อยู่ทั้งทีนี่นา
“ดูและตัวเองดีๆ นะทั้งสองคนเลย”
“คร้าบ(เสียงมีความสุขสุดๆ)/ค่า(โคตรมีความทุกข์เลย)”
“ฝากน้องด้วยนะปั้นจั่น แม่ไปนะปั้นยิ้ม”
แม่กอดและบอกลาครั้งสุดท้ายก่อนที่จะรีบบึ่งรถออกไปในเวลาต่อมา
“ฮ้าว ง่วงชะมัด” คุณพี่ปากสุนัขทำท่าหาวหวอดก่อนที่จะเดินเข้าไปในบ้านแล้วฉันก็เดินตามเข้าไป
“ตกลงให้หนูนอนไหน” เมื่อได้ยินฉันถามอย่างนั้นเขาก็หันมาทำหน้าขมวดคิ้วมุ่นใส่ “อะไรเล่าก็ห้องนอนหนูไง ไม่ได้จัดไว้หรอ”
“อ่อ ขึ้นไปห้องแรกซ้ายมือ”
บอกจบฉันก็รีบคว้ากระเป๋าตรงดิ่งขึ้นไปทันทีเพราะไม่อยากอยู่เผชิญหน้ากันนานสักเท่าไหร่ ให้ตายสิ ขนาดตอนหน้ามุ่ยยังหล่อเลยอะเสียอย่างเดียวแหละ...ปากสุนัข
แอ๊ด~ ภายในห้องมืดมิดมองไม่เห็นอะไรสักอย่างจนฉันต้องคลำทางหาสวิตส์ไฟ
แต๊บ! อ่า สว่างแล้ว ทีนี้แหละก็ได้นอ...
“กรี๊ดดดด...นี่มันอะไรกันเนี่ย” >O<
“เฮ้ยๆ มีอะไร” พี่วิ่งมาหาอย่างตื่นตระหนกก่อนที่จะทำหน้าเหยเกใส่ฉัน
“นี่มันห้องเก็บของชัดๆ ฝุ่นก็เขรอะซะขนาดนี้พี่จะให้หนูนอนนี่งั้นหรอ” และแทนที่พี่จะยอมฉันเสียง่ายๆ แต่กลับตอบมาด้วยเสียงเรียบๆ สบายๆ ว่า
“อืม”
“เฮ้ย” -O-
“ถ้านอนไม่ได้ก็นู่นที่โซฟาข้างล่าง”
“แต่...”
“อยู่บ้านคนอื่นแท้ๆ หัดเกรงใจบ้างดิ อย่าเรื่องเยอะนักเลย” -*-
“หา” OoO บอกจบพี่แกก็เดินเกาตูดแกรกๆ อย่างน่าทุเรศเข้าห้องตัวเองไปปล่อยฉันทิ้งไว้กับห้องสุดจะรกร้างและทางเลือกที่เลี่ยงไม่ได้อย่างไปนอนโซฟาด้านล่าง
“ใจร้ายชะมัด ฮึ่ย!”
มาวันแรกก็รู้สึกไม่ถูกชะตาเอาซะขนาดนี้แล้ว ขืนอยู่ต่อไปนานๆ มีหวังได้เกิดเหตุฆาตกรรมขึ้นแน่ พี่บ้าๆ แบบนี้ไม่เคยเจอเลยจริงๆ ทั้งๆ ที่ตอนเด็กๆ ก็ปกป้องฉันดีอยู่หรอกแต่ไหงเปลี่ยนไปขนาดนี้ก็ไม่รู้
ฮึ่ม แค้นนี้ต้องมีวันชำระ!!!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ