วัยรุ่นหิมพานต์

7.9

เขียนโดย โชจัง

วันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 19.15 น.

  20 บท
  38 วิจารณ์
  26.09K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 20.23 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) ทฤษฎีสมคบคิดของกฤต

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

"ซู่มมมมมมมมมมมมมม"
               การปะทะกันของลูกถีบอันหนักหน่วงระหว่างกันกับชายปริศนาผู้นี้ ได้ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ จนก่อเกิดเป็นกระแสลมเซี่ยวกราด พัดพาออกมาจากแรงปะทะมหาศาล เสียงแหวกอากาศดังไปทั่วทั้งโรงอาหาร ท่ามกลางสายตาของผู้ชมนับสิบคนรอบๆ ที่ล้วนเป็นประจักษ์พยานให้ เวลาพักกลางวันอันแสนสงบสุขของเหล่านักเรียน บัดนี้ ได้กลายมาเป็นช่วงเวลาแห่งการต่อสู้อันดุเดือดไปเสียแล้ว
               ทุกสายตาต่างกำลังเฝ้ามองดูลูกถีบเหมันต์ฟาดปฐพี ถึงชื่อนั้นจะยาวเหยียดเหมือนพยายามตั้งให้เท่ห์ แต่ก็สอดคล้องตามลูกถีบของกันในร่างวานรขาว ที่ใช้แรงหนุนจากพลังลมมหาศาลจากมือสองข้าง กระโดดลงมาจากฟากฟ้าพุ่งตรงเข้าถล่มคู่ต่อสู้เบื้องหลัง ซึ่งไม่ใช่ใครนอกจากชายปริศนาไร้นาม ผู้มาพร้อมกับกำลังขาอันมากมายมหาศาลของเขานั่นเอง
               ขาขวาข้างนี้เองทำให้เขามั่นใจพอที่จะใช้มัน ในการถีบต้านลูกถีบของกันด้วยกำลังอันเหลือล้น ด้วยความรุนแรงไม่แพ้กันของสองลูกถีบ จึงเป็นการยากมากที่จะตัดสินให้รู้ผลแพ้ชนะ ขณะที่กันนั้นพยายามปลดปล่อยกระแสลมให้แรงขึ้นเรื่อยๆ ชายปริศนา ก็กำลังถ่ายทอดพลังงานจากทุกส่วนของร่างกายไปยังฝ่าเท้า หวังที่จะถีบกันออกไปให้พ้น และจบศึกนี้เสียที
"ย๊ากกกกกกกกกกก"
                ดูเหมือนทั้งสองจะใจตรงกัน หลังจากถีบปะทะกันเป็นเวลานาน ทั้งคู่เลือกที่จะเร่งพลังงานลมและกำลังขาออกมาถึงขีดสุดพร้อมๆ กัน และเมื่อร่างของทั้งสองได้รับแรงอันมหาศาลเข้าไปพร้อมๆ กัน จึงก่อให้เกิดแรงระเบิดเข้าที่ตรงกลาง ผลักชายทั้งสองที่ไม่อาจต้านทานไหว ให้เป็นอันต้องกระเด็นออกไปคนละทิศคนละทางในทันที
               ด้านลิงขาวนั้นกระเด็นลอยขึ้นไปกลางอากาศตามทิศทางที่เขาพุ่งลงมา แต่กระนั้นก็ยังมีสติพอ ที่จะสามารถม้วนตัวกลับมายืนบนพื้นได้อย่างสวยงาม ส่วนทางด้านชายปริศนา หลังจากกระเด็นออกไปไกล ก็ใช้ลำแข้งข้างซ้ายเหยียบยันพื้นเอาไว้ ไถลไปเรื่อยๆ จนชนเข้ากับกำแพงร้านค้าร้านหนึ่งในที่สุด ในตอนนี้ สิ่งที่เหล่านักเรียนผู้กำลังรับชมอยู่ได้เห็น มีเพียงสภาพอันเหนื่อยหอบสุดๆ ของทั้งสองฝ่ายเท่านั้น และในขณะเดียวกัน เวลาพักกลางวันก็ได้หมดลงหลังจากเสียงออดนี้แล้ว
"กิ๊งก่องๆๆๆๆๆๆ"


วัยรุ่นหิมพานต์
บทที่ ๕ ทฤษฎีสมคบคิดของกฤต 


"แฮ่กกๆๆๆๆๆๆๆ"
                หลังจากการต่อสู้จบลง สิ่งที่ตามมามีเพียงเสียงหอบหายใจอันเหน็ดเหนื่อยของทั้งสองเท่านั้น ท่ามกลางความสงสัยของนักเรียนผู้รับชม ที่กำลังเฝ้ารอเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ และดูเหมือน กันคงจะหายเหนื่อยเสียแล้ว
"เอาไงต่อล่ะครับ? แฮ่กกๆๆๆ" กันยิ้มถาม "ใช้คาถาซ้อนกัน ๓ ครั้ง แบบเนี้ย ในร่างมนุษย์คงเหนื่อยมากล่ะสิ"
"...ก็ไม่เท่าไรหรอก" ชายปริศนาตอบ "อย่างน้อยก็คงชาไปอีกซัก ๒-๓ ชั่วโมง..."
"แล้วไงล่ะ" กันดูจะไม่สนใจเท่าไรนัก "ระดับละอองสวรรค์ตอนนี้ของพี่คงจะใช้ได้อีกซักนาทีสองนาทีล่ะนะ ที่สำคัญยังเหลือขาซ้ายอยู่อีกนี่"
"แล้วไง?"
"พี่น่ะรีบๆ แปลงร่างแล้วใช้พรเถอะ" กันแสยะยิ้มด้วยความตื่นเต้น "จะได้สู้กันแบบไม่ต้องออมมือกันทั้งสองฝ่ายซะที"
"..." ชายปริศนาคิด ท่ามกลางความตื่นตระหนกและงุนงงของนักเรียนจำนวนมาก "..."
"ว่าไง?" กันพยายามยั่ว "เป็นผู้รับพรแต่ไม่ยอมใช้พรสู้ แบบนี้มันไม่ดูถูกกันไปหน่อยเหรอครับ?"
“เอ่อ...” ติ๊กที่แอบอยู่หลังเสาเป็นเวลานาน ค่อยๆ เดินออกมาหากัน “กัน... คือ...”
“ไม่ต้องหรอก สหายติ๊ก” กันห้ามไว้ “กูรู้ดีว่ากำลังสู้กับใคร”
“...” ชายปริศนานึกซักพัก ก่อนจะตอบคำถามนี้ออกมาในที่สุด "ไม่อ่ะ กูต้องไปเรียนแล้ว"
                ถึงจะพยายามยั่วยุซักเพียงใด แต่รุ่นพี่หัวตั้งคนนี้กลับไม่สนใจ หันหลังเดินกลับไปโดยไม่เหลือใยดีใดๆ ทั้งสิ้น ทิ้งไว้เพียงใบหน้าอันผิดหวังปนตกใจของกันเพียงเท่านั้น
"เดี๋ยวสิ!" กันพยายามเดินตามไปพร้อมลากขาขวาที่หมดสภาพตาม "อยู่ๆ มาหาเรื่องผมแล้วหนีไปแบบไม่รู้ผลแพ้ชนะเนี่ยนะ!!!"
"ก็กูไม่ได้ไปหาเรื่องมึงก่อนนี่หว่า" สภาพขาของชายปริศนานั้นแทบไม่ต่างจากกันเลย "แล้วก็นะ มึงไม่ได้ยินเสียงออดรึไง"
"ก็แล้วมันยังไงเล่า!!!" ทั้งสองเดินกระเผกออกมานอกโรงอาหารแล้ว ดูๆ ไปก็ตลกดีเหมือนกัน "กะอี..."
"ถึงกูจะนักเลงแต่กูก็รักเรียนนะเว้ย! มึงก็..." แต่ในที่สุด กันก็สามารถเดินตามมาและจับไหล่เขาได้แล้ว
"แฮ่กกๆๆๆ" กันหอบหายใจ "ยังไงไม่รู้ล่ะ แต่วันนี้ผมกับพี่มันต้องตัดสินกันให้ได้ เพื่อที่จะเป็นชายผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโรงเรียนนี้ไงล่ะ!!!"
"..." ชายปริศนาคิดในใจ ก่อนหันกลับมาหากัน "เหอะ เห็นมึงปากดีแบบนี้แล้วมันคันตีนตะหงิดๆ เลยว่ะ มึงเด็กใหม่ใช่มะ พอออกจากประตู ๑ เสร็จก็ข้ามสะพานมาฝั่งขวา เดินไปเรื่อยๆ ก็จะเห็นป้ายที่บอกว่าห้ามเข้า เข้าไปในนั้นแหละ วันนี้ ๔ โมครึ่ง กูจะรออยู่นั่น แค่นี้พอใจยัง?"
"ยิ่งกว่าพอใจเลยล่ะ" กันเริ่มยิ้มออกเสียที
"อ้อ แล้วก็อย่าไปบอกใครล่ะ คนเยอะไปมันจะยุ่งยากซะเปล่าๆ" ชายปริศนากลับหลังหัน แล้วจึงก้าวออกมาผ่านตัวกัน แหงนมองขึ้นไปยังอาคารเบื้องบน "มีแค่นี้แหละ"
"ได้ครับพี่" กันยิ้มตอบหมายถึงรับทราบ "ว่าแต่พี่ชื่อ..."
"กันย์"
                ในที่สุด รุ่นพี่ปริศนาก็ได้ขนานนามอันแท้จริงหลังปิดเงียบมานานเสียที ก่อนจะใช้กำลังอันมหาศาลที่เหลืออยู่ของขาซ้าย กระโดดขึ้นไปสูงกลางอากาศ พาร่างของตนลอยผ่านช่องกำแพงของอาคารชั้น ๔ แล้วจึงลงมายืนอยู่ที่โถงทางเดินย่างน่าอัศจรรย์
"๔ โมง อย่าลืมล่ะมึง!" กันย์ตะโกนลงมาหากัน "ปากดีนัก เดี๋ยวกูจะทำให้ปากมึงโชกเลือดเลย ไอ้เด็กเหี้ย!!!"
“...” กันยิ้มด้วยความตื่นเต้นอีกครั้ง “ต้องให้ได้งี้สิ”
"กัน" หลังจากได้แต่เฝ้ามองมานาน ติ๊กก็วิ่งออกมาสมทบกับกันแล้ว "เป็นไรป่าววะ"
"ชื่อกันเหมือนกันเลยนี่หว่า!" กันกลับคืนร่างมนุษย์อีกครั้ง "พรสามประการนี่มันน่าตื่นเต้นกว่าที่คิดอีกนะเนี่ย!!!"
"พูดไรของมึงวะ?"
                ทว่า ระหว่างที่กันกำลังตื่นเต้นกับรุ่นพี่ชื่อเหมือนกันอยู่นี้เอง เขากลับหารู้ไม่ว่า มีรอยอักขระสีฟ้าเล็กๆ เรียงตัวกันเป็นรูปวงแหวน กำลังประทับอยู่บนคอของเขาโดยไม่ทันได้รู้ตัวเลย
"อูยยยยยยย เจ็บดีแท้"
                และช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก เพราะนอกจากบนคอของกันแล้ว รอยอักขระปริศนานี้ยังปรากฎบนฝ่ามือขวาของก็อต ที่กำลังเดินขึ้นไปตามบันไดกระเบื้องสีส้มของโรงอาหาร พลางเอามือข้างแนบหูไว้ ส่วนมือข้างซ้ายก็ยกกล้องของตนขึ้นมา เพื่อดูวิดีโอการปะทะกันระหว่างกันกับกันย์ที่เขาแอบบันทึกเอาไว้ด้วยรอยยิ้มอันน่าภูมิใจ มิหนำซ้ำ เขายังได้ยินเสียงของกันที่ดังออกมาจากรอยอักขระสีฟ้าเข้าถึงหูอย่างชัดเจนอีกด้วย
"ไอ้นี่แป๊บเดียวก็หาย" เสียงของกันดังออกมาจากอักขระบนฝ่ามือก็อตอีกครั้ง
/หึๆๆๆๆ ไอ้ป่าที่มีเรื่องกันบ่อยๆ เหรอ/ ก็อตคิดในใจอย่างน่าสงสัย /ชักจะน่าสนุกแล้วสิ/
                 ในขณะเดียวกัน ทางด้านของกันย์ที่กำลังเดินขาลากไปตามโถงทางเดินเรื่อยๆ ความเจ็บปวดจากการต่อสู้เมื่อครู่ก็เริ่มแสดงผลแล้ว
"อุ๊บบบ" อยู่ๆ กันย์ที่เดินมาตั้งนานก็เริ่มรู้สึกอาการเจ็บปวด จนต้องทรุดลงไปกับพื้นท่ามกลางหมู่นักเรียนที่เดินตามโถงเลยทีเดียว /หมดแล้วเหรอ... ไม่น่าฝืนใช้ทีเดียว ๓ ครั้ง เลย...  ไม่สิ... ถ้าไม่ใช่ ๓ ครั้ง ก็คงต้านแรงของไอ้เด็กเหี้ยนั่นไม่ได้หรอก... /
"อ้าว กันย์"
                แต่แล้ว จู่ๆ เสียงเรียกของชายคนหนึ่งกลับทำให้กันย์เป็นอันต้องเงยหน้าขึ้นมามองในทันที ผู้ที่อยู่ต่อหน้าเขาในตอนนี้ คือนักเรียนชาย ม.ปลาย รูปร่างสูงล่ำ ใบหน้านั้นแลดูหล่อเหลาด้วยสายตาอันน่าหลงใหลกับรอยยิ้มกว้างดูใจดี พร้อมทรงสกินเฮดหยิกหยอยที่เพิ่มความเท่ห์เข้าไปอีกขั้นด้วย
"พี่ฟัก?" กันย์สงสัย "ไหงมาอยู่นี่ล่ะครับ"
"กูมาเรียนชีวะน่ะ" ฟักยื่นมือขวาขึ้นไปหากันย์ "ว่าแต่มึงอ่ะ ไปโดนไรมาวะ"
"ไม่เป็นไรมากหรอก" กันย์เอื้อมมือไปจับฟักไว้ตามมารยาท "ยังเรียนไหว"
"ไหวก็เหี้ยล่ะ" ฟักสามารถดึงกันย์ขึ้นมายืนได้อีกครั้ง "เดี๋ยวกูต้องไปเรียนแระ มึงก็รีบๆ พักให้หายแล้วมาซ้อมบาส ๔ โมง ละกัน"
"วันนี้ผมคงไม่ได้ซ้อมหรอกนะพี่" กันย์ยิ้มบอก "ผมยังต้องไปสะสางเรื่องให้มันจบอีก"
"ไอ้ห่า งั้นวันนี้คนก็ไม่ครบสิวะ" ฟักดูท่าทางไม่พอใจอย่างแรง "สะสางเรื่องไรอีกเนี่ย คงมีเหตุผลดีๆ ที่จะโดดซ้อมนะโว้ย"
"ครับ เรื่องดีสุดๆ เลยล่ะ เอ้อ ว่าแต่วันนี้ พี่เอามาป่าวครับ"
                ในขณะเดียวกัน ณ ห้องเรียน ม.๔/๘ เวลานี้คงเป็นเวลาเรียน ที่นักเรียนส่วนมากกำลังตั้งใจเรียนกับสิ่งที่อาจารย์สอนอยู่หน้าห้อง หนึ่งในนั้นคือซันที่แม้จะอยู่หลังห้องก็ยังมีสมาธิสูงในการนั่งฟัง ส่วนนักเรียนบางส่วนเช่นกฤตนั้น คงไม่ใช่ประเภทแบบซัน เพราะหากเป็นเช่นนั้นจริง ในมือขวาของเขาคงไม่ได้ถือสังข์ทอง ส่วนสายตาหนึ่งคู่คงไม่ได้จ้องมองหน้าจอเหนือสังข์เป็นแน่
"เออ ซัน" กฤตถามเพื่อนข้างๆ "มึงเห็นนี่ยังวะ?"
"เหี้ยไรอีกวะ?" ซันถามด้วยท่าทีเอือมระอา "ไอ้คนที่ทำงานกลุ่มให้เดี่ยวแบบมึงยังมีหน้ามาชวนคุยอีกเหรอ?"
"เออ เรื่องมันแล้วก็แล้วไปเหอะ" กฤตเลื่อนสังข์ไปให้ซันดู "มึงดูดิ"
                สิ่งที่ซันกำลังดูอยู่บนจอแสงนั้น ก็คือวิดีโอการต่อสู้อันดุเดือดระหว่างกันกับกันย์เมื่อช่วงพักกลางวันนั่นเอง เล่นเอาซันถึงกับตกใจไปเลยทีเดียว
"ไอ้คนมีเรื่องมันก็มีทุกวัน" ซันส่งสังข์คืนกฤษไป "ไอ้คนถ่ายมันก็ตามมาถ่ายทุกที่ แถมอัพไวชิบหายอีก"
"ใช่มั้ยล่ะวะ" กฤษรับคืน "กูเริ่มคิดอะไรออกแล้วว่ะ"
"คิดเหี้ยไรอีกวะ?" ซันสงสัย
"ก็เรื่องกันกับติ๊กไง" กฤษบอก "กูว่ามันต้อง..."
"ขออนุญาตเข้าห้องครับ!"
               ช่างเหมาะเจาะเสียนี่กระไร ระหว่างที่กำลังนินทากันอยู่นั้นเอง กันก็ได้เดินนำหน้าติ๊กเข้ามาภายในห้องเรียนของพวกเขาแล้ว ดูๆ ไปแล้ว สภาพของกันรุ่นน้องดูจะแตกต่างจากกันย์รุ่นพี่อย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่คนหนึ่งล้มลงไปด้วยความเจ็บปวด แต่อีกคนกลับหายดีเป็นปกติดย่างรวดเร็ว เพราะภายในเวลาไม่กี่นาที ขาของกันก็สามารถกลับมาเดินได้ตามเดิมอีกครั้งแล้ว
"ชื่อกิตติกับทศพลครับ!" กันขนานนามของเขาและเพื่อนให้อาจารย์หน้าห้องได้ยิน "จะหักคะแนนหรืออะไรก็ตามสบายเลยครับ"
/พ่อมึงสิ!/ ติ๊กใช้มือขวาตบเข้ากลางหัวกันในบัดดล
"นั่นไง" กฤษเรียกซัน "มึงเห็นป่าว แป๊บๆ แม่งตบหัวกันได้แระ"
"เออ" ซันมองกันกับติ๊กที่ลงไปนั่งที่เดิมช้าๆ "คิดเหมือนกูเลยว่ะ"
"ถ้าอย่างงั้นมันคงเป็นตามที่กูคิดแล้วว่ะ" สายตาของกฤตเริ่มจริงจังขึ้นมาจนแทบเป็นคนละคนเลย "เรื่องทั้งหมดนี้ กูพอจะรู้แล้วล่ะ"
"..." ซันเริ่มเครียดตาม "แล้วที่มึงคิด... มันเป็นยังไงเหรอ?"
"ทั้งเรื่องที่ติ๊กยอมคุยกับคนอื่น ทั้งเรื่องที่กันมีเรื่องกับหวังกับกันย์ ทั้งเรื่องที่ก็อตมันถ่ายได้หมด ทุกอย่างล้วนเชื่อมโยงกัน" บรรยากาศรอบข้างเริ่มกลายเป็นห้องสอบสวนแล้ว "สรุปได้ว่า..."
"..." สายตาของซันใจจดใจจ่อกับคำตอบของกฤตจนหวั่นไหวไปทั้งตัวทีเดียว
"เมื่อวานนี้" ในที่สุดกฤตก็เผยคำตอบเสยที "พวกมันคงอัดถั่วดำกันมันส์หยดเลยล่ะ"
“...”
"วันนี้อากาศดีจังเลยเนอะ" คำตอบนี้ทำให้ซันเลือกที่จะปล่อยให้มันเลยผ่านไปแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง หวังจะหาสิ่งที่น่าสนใจกว่าคำตอบนี้ในทันที
"เป็นไง?" กฤษยิ้มถาม "คิดเหมือนกูใช่มั้ยล่ะ เหอๆๆ"
"คิดก็เหี้ยแระ!" ซันหันกลับมาตอบด้วยความโกรธมากมาย "ไอ้ห่านี่ กูก็อุตส่าห์ตั้งใจฟังคิดว่ามึงจะคิดอะไรดีๆ ออก กูว่าพักนี้ มึงชักจะหมกมุ่นกับเรื่องยอดชายนี่เกินไปล่ะโว้ย!!!”
"เอ่า ก็มึงลองคิดดูดีๆ นะ" กฤตพยายามอธิบายต่อ "บางคนมันอาจไม่ได้ชอบในเรือนร่างเพศหญิงก็ได้ ประมาณว่าชอบหาอะไรมายัด..."
"หยุดเลยนะโว้ยย!!!" ซันอารมณ์เสียขึ้นไปอีก "มึงเชิญไปหมุนก้อนเนื้อตามสบายเหอะ!!!"
"กูว่ามึงอาจจะมี..." กฤตเริ่มใช้มือขวาลูบไล้ไปยังแขนซันอย่างเบาบาง "อารมณ์ประมาณแบบ..."
"นิยายวายเชิญเรื่องอื่นครับ!!!"
                ซันไม่อาจทนทานกับอารมณ์ประเภทนี้ได้อีกต่อไป เป็นเหตุให้มือซ้ายของเขาเลื่อนขึ้นไปตบเข้ากลางหลังหัวกฤตอย่างรุนแรงโดย พลัน ชนิดที่ว่าใบหน้าของเพื่อนคนนี้เป็นอันต้องกระแทกลงไปกลางโต๊ะเลยทีเดียว
"อะไรของพวกมันวะ?"
                 บทสนทนาอันโฉ่งฉ่างของสองคนนี้ ถึงกับทำให้นักเรียนหลายๆ คนโดยรอบ รวมถึงกันกับติ๊กเป็นอันต้องชะโงกหน้าไปดูความครื้นเครงของเพื่อนโต๊ะข้างๆ ด้วยความสนใจโดยพลัน พวกเขาสามารถสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้คนอื่นๆ ได้เป็นอย่างทีเดียว ทว่า คงมีเพียงติ๊กที่ยังคงอยู่ในสภาพเย็นชาเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน และคงกำลังครุ่นคิดถึงอะไรบางอย่างอยู่เป็นแน่
"หาววว" กันหาวออกมาด้วยความง่วงเต็มที่ "สหายติ๊ก ๔ โมงปลุกด้วย พอดีมีธุระ"
"?" ติ๊กสงสัย "มึงจะไปไหนวะ?"
"เออ กูยังไม่ได้บอกมึงเลยนี่" สัจจะของกันช่างพังทลายลงอย่างง่ายดายจริงๆ "๔ โมง พี่กันย์มันท้าต่อยว่ะ เห็นว่าแถวๆ ประตู ๑ ไรนั่นแหละ"
"..." ติ๊กนิ่งเงียบไปชั่วครู่ "นี่มึงอย่าบอกนะว่ามึงจะไป"
"ก็เออดิวะ" กันยิ้มบอก "ไม่ไปก็เสียหมาดิ"
"คิดว่าแบบเนี้ย..." ติ๊กพูดออกมา "มันดีแล้วรึไง?"
"หา?"
"ทั้งเรื่องเมื่อวาน ทั้งเรื่องตอนกลางวัน ที่มึงไปอาละวาดกับใครๆ เนี่ย คิดว่าดีแล้วเหรอ?" ติ๊กถามด้วยสีตาจริงจัง "มึงเคยบอกว่าจะยิ่งใหญ่ที่สุดไม่ใช่รึไง ถ้าเกิดมาตายเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบเนี้ย ใครมันจะจำกันล่ะวะ"
"..." กันนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะเผยยิ้มออกมา "เหอะ ดีอยู่แล้วสิวะ"
"..." ติ๊กชะงักในทันทีที่ได้ยินคำตอบของกัน
"ก็เคยบอกไปแล้วนี่ ว่ายิ่งใหญ่ของกูอ่ะนะ" กันฟุบลงไปนอนบนแขนซ้าย แล้วแหงนมองฟ้าจากทางระเบียงด้วยรอยยิ้ม "อยากทำอะไรก็ทำ แค่นี้ก็พอแล้ว"
"หึ" ติ๊กเงียบไปซักพักก่อนจะหันหน้ามองไปยังกระดาน "จะทำอะไรก็ตามแต่ใจมึงเถอะ ถ้าจะตายก็อย่ามาขัดกับชีวิตวัยเรียนของกูละกัน"
"เออ" กันเริ่มหลับตาลง "ระดับพรสามประการน่ะ จะได้รู้ซะทีว่าจะมีดีแค่ไหน"
"กิ๊งก่องๆๆๆๆ"
                เวลาช่างผ่านไปไวดั่งสายลมที่พัดผ่านเข้ามา หลายชั่วโมงผ่านไป ณ ห้อง ม.๔/๘ จากห้องที่มีนักเรียนนั่งเรียงรายกันแน่นขนัดและเต็มไปด้วยเสียงครึกครื้น บัดนี้กลับกลายมาเป็นห้องเรียนอันมืดสนิทไร้ซึ่งผู้คนแม้ซักคน และคงจะบอกได้ว่านี่คงถึงเวลาเลิกเรียนเสียแล้ว
                สัจจะของลูกผู้ชายยากนักที่จะทลายลงได้ ในเวลาเดียวกันแต่คนละสถานที่ ณ    พื้นที่รกร้างประมาณ ๑ ใน ๔ สนามฟุตบอลแห่งหนึ่ง พื้นดินโดยรอบนั้นเต็มไปด้วยเศษขยะและวัชพืชขนาดย่อมขึ้นเรียงรายเต็มไปหมด นอกจากนี้ ยังมีต้นไม้และกอหญ้าขนาดสูงจำนวนมากขึ้นรายล้อมพื้นที่นี้ จนดูคล้ายลานรูปวงกลมขนาดใหญ่ยังไงยังงั้น
               และที่สำคัญคือ ยังมีชายคนหนึ่งที่กำลังยืนคาบบุหรี่เอาไว้ในปาก พลางปล่อยควันขโมงสีแดงแสนแปลกประหลาดออกมาอยู่เรื่อยๆ ไม่ใช่ใครอื่นใด เป็นกันย์ที่กำลังยืนรออีกฝ่ายอยู่อย่างใจจดใจจ่อนั่นเอง ขณะที่ทางขวานั้น คือรุ่นพี่คนสนิทอย่างฟัก ซึ่งกำลังนั่งอยู่บนตอไม้เล็กๆ ขนาดพอดีตัวพร้อมบุหรี่ควันสีแดงแบบกันย์ สถานที่แห่งนี้ คงเป็นสถานที่ที่กันย์นัดเอาไว้อย่างแน่นอน
"กูว่าแม่งไม่มาหรอก" ฟักหันไปบอกกันย์ "กลับไปซ้อมเหอะ"
“เดี๋ยวสิครับพี่" กันย์บอกด้วยสีหน้าเคร่งเครียด "พี่ต้องเจอกับมันให้ได้"
"เออ ก็ขอให้ดีจริงละกัน" ฟักยิ้มบอก ก่อนจะพ่นควันสีแดงออกมา "ฟู่ววววววว"
"แซ่กๆๆๆๆ" เสียงกอหญ้าทำให้พวกเขาเริ่มตื่นตัวขึ้นมาในทันที
"ตรงนี้เหรอวะ?"
                ผู้ที่มาเยือนไม่ใช่ใครอื่นใด คือกันที่เดินกำลังเดินออกมาจากพงหญ้าอีกฝั่งนั่นเอง และเมื่อเขาได้พบหน้ากับกันย์ รอยยิ้มแห่งความตื่นเต้นก็เริ่มปรากฎบนใบหน้าชายหัวแหลมคนนี้ในทันใด เมื่อสัญญาเป็นสัญญา เวลาแห่งการต่อสู้คงจวนจะใกล้มาถึงแล้ว
"มาจนได้นะ" กันย์ทิ้งบุหรี่ลงสู่พื้นทันทีเมื่อเห็นกัน "จะเอายังล่ะ?"
"พร้อมเสมอ" ละอองแสงสีทองเริ่มเข้ามาหากันทีละน้อย "พนมมือเตรียมท่องคาถาไว้ได้เลย"
"ถ้างั้นก็..." กันย์พนมมือขึ้นมาประสานหน้าอก "โอ..."
"อ้อ นี่เหรอกิตติ เหมันต์วงศ์น่ะ?"
                ทว่า ในขณะที่แต่ละฝ่ายพร้อมจะพุ่งเข้าหากันได้เสมอนั้นเอง จู่ๆ เสียงของฟักที่ดังขึ้นมา ก็สามารถกลบบรรยากาศแห่งความตึงเครียดนี้ได้ในพริบตา เล่นเอาทั้งคู่ถึงกับต้องชะงักไปเลยทีเดียวก็ว่าได้ โดยเฉพาะกับกันที่เพิ่งเคยเห็นหน้ารุ่นพี่ผู้นี้เป็นครั้งแรก
"เอ่อ?" กันสงสัย "พี่เป็นใครอ่ะครับ?"
"โทษๆ ลืมแนะนำตัว" ฟักลุกขึ้นมาพร้อมขยี้บุหรี่ลงบนตอไม้ "พี่ชื่อฟัก อยู่ ม.๖ ได้ยินชื่อมึงมาบ่อยเพิ่งเคยเห็นตัวจริงนี่แหละ"
"เอ่อ..." กันสงสัยขึ้นไปอีก เมื่อเห็นฟักที่กำลังเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ "แล้วพี่มาทำอะไร..."
"ก็แล้วมึงมาทำอะไรล่ะ?"
                สายตาอันดุดันของฟักที่มองกันถึงกับทำให้อีกฝ่ายถึงกับตั้งตัวแทบไม่ถูกเลยทีเดียว มันแฝงด้วยความน่าเกรงกลัวเชิงตึงเครียด เหมือนกับสายตาของสัตว์ป่าก็ว่าได้
"หรือว่าจะเป็น..."
"กรรมกร..."
"แฮ่!!!"
"กรรมการ?"
"แฮ่!!!"
"ถูกแล้ว!"
"แฮ่!!!"
                กลายเป็นว่าความตึงเครียดนี้ แท้จริงแล้วเป็นเพียงการเล่นมุกกระบือกันเท่านั้นเอง แต่ถึงทั้งสองจะหัวเราะด้วยความความสนุกสนานซักเพียงใด แต่คนที่ดูท่าทีเอือมระอาสุดๆ เห็นจะเป็นกันย์ที่ถึงกับต้องเอามือกุมขมับเลยทีเดียว
"เออ ก็ตามนั้นแหละ" ฟักค่อยๆ เดินลงมานั่งบริเวณกึ่งกลางระยะห่างระหว่างทั้งสอง "นี่กูต้องมาคุมมันนะเนี่ย เดี๋ยวแม่งหนีซ้อมบาสอีก"
"แหม ผมก็ว่าอยู่" กันยิ้มด้วยความร่าเริง "อารมณ์ดียิ้มเก่งอย่างพี่คงต่อยตีไม่เก่งหรอก ๕๕๕"
"เล่นกันเสร็จยังครับ?" คำถามของกันย์ทำให้ทั้งสองต้องอารมณ์ค้างไปในบัดดล
"..." ฟักนิ่งไปซักพัก "หึ ถ้าอย่างงั้นพวกมึงพร้อมยังล่ะ?"
"พร้อมเสมอครับ" กันยิ้มบอก พร้อมละอองแสงสีทองที่ค่อยๆ มาปกคลุมรอบกายอีกครั้ง
"พร้อมปากแตกเหรอไอ้เหี้ย" กันย์พนมมือขึ้นมาก่อนจะร่ายคาถาอีกครั้ง "โอม..."
"งั้นก็..." ฟักบอกสัญญาณแห่งการวิวาท "ตีกันได้"
"ย๊ากกกกกกกกกกกกก"
                สิ้นเสียงสัญญาณเริ่มต้นของฟัก ชายหนุ่มมากฝีมือทั้งสองที่ยืนเผชิญหน้ากันอยู่นานแสนนาน ก็ได้เวลาที่จะเข้าห้ำหั่นกันแล้ว หลังจากละอองแสงสีทองได้เข้ามาปกคลุมทั้งร่างเอาไว้จนหมดสิ้น ภายในเวลาไม่กี่วินาที จากร่างมนุษย์ธรรมดาๆ ของกันก็กลายมาเป็นร่างวานรสีขาวอันทรงพลังในชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น
                 ไม่รอช้าใดๆ ทั้งสิ้น กันรีบพุ่งเข้าหากันย์ที่อยู่ห่างออกไปถึง ๕ ม. อย่างรวดเร็ว ส่วนทางด้านกันย์รุ่นพี่ หลังจากร่ายคาถาจนเสร็จเรียบร้อย กำลังขาของเขาก็เพิ่มขึ้นมามหาศาล เพราะแค่ใช้ขาซ้ายในการกระโดดเพียงครั้งเดียว ร่างมนุษย์ธรรมดาๆ ของเขาก็สามารถลงมายืนอยู่ต่อหน้าวานรขาวแล้ว พร้อมกับขาขวาที่ง้างเตรียมไว้ ก็พร้อมที่จะโจมตีแบบไม่ทันให้ตั้งตัวแล้ว
"กิ๊งก่องๆๆ"
               และในเวลาเดียวกันนี้เอง ณ บริเวณศูนย์อาหารขนาดย่อมในศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง พื้นกระเบื้องและผนังคอนกรีตต่างเป็นสีขาวดูสะอาดตายิ่งนัก รายรอบไปด้วยร้านค้าต่างๆ มากมายหลายร้านที่ตั้งขึ้นเพื่อค้าขายอาหารต่างๆ ให้แก่เหล่าลูกค้า และยังมีโต๊ะอาหารกับเก้าอี้หลากสีสันขนาดเล็กหลากหลายตัว ที่ถูกวางไว้เต็มทั่วพื้นที่เพื่อรองรับความสะดวกสบายของเหล่านักเรียนสุวัฒนานับสิบคน ซึ่งพร้อมใจกันมารวมตัวกันที่นี่เพียงเพื่อแอร์เย็นๆ กับที่นั่งสบายๆ โดยเฉพาะ
               ณ ร้านค้าสีส้มบริเวณหัวมุมขวา เป็นร้านขายชาไข่มุกขนาดเล็กแห่งหนึ่ง เต็มไปด้วยอุปกรณ์และวัตถุดิบสำหรับทำชามากมายวางทั่วร้าน และผู้ที่กำลังยืนรอชาไข่มุกเพียงลำพังนั้น ก็คือติ๊กที่กำลังยืนสะพายกระเป๋าเป้สีดำด้วยใบหน้าเย็นชาเช่นเคยนั่นเอง และแม้จะล่วงเลยมาถึงตอนนี้ แต่ในใจของเขากลับยังคงฉงนกับเรื่องราวของกันกับกันย์มาโดยตลอด
 /จะว่าไปมันก็แปลกนะ แค่มันมีเรื่องกับไอ้เรนนิดหน่อยถึงกับมีคนมาเอาเรื่องเลยเหรอ/
/พี่กันย์นั่นก็ไม่ใช่นักเลงอะไรเป็นแค่นักบาสโรงเรียน คงไม่สนใจอะไรแบบนี้หรอก/
/ถ้าอย่างงั้น ทำไม.../
"อ้าว! ติ๊กนี่หว่า"
                จู่ๆ เสียงเรียกนี้ก็ทำให้ติ๊กหยุดคิดและหันหลังตามไปในทันที ผู้ที่เรียกขานเขาจากข้างหลังก็คือ ก็อต พร้อมกับกล้องคู่ใจในมือของเขานั่นเอง
"ก็อต" ติ๊กสงสัย "มาทำไรวะ?"
"ซักผ้ามั้งไอ่แว่นกลม" ก็อตประชด "ช่างเหอะ เดี๋ยวกูก็ไปแล้ว"
"..." ติ๊กเริ่มสงสัย "จะไปไหนวะ?"
"ก็..." ก็อตเริ่มหาข้อแก้ตัว "แถวๆ นี้แหละ พอดีแม่งมีเรื่องกันอีกแล้วว่ะ"
"โห วันนี้มึงนี่แจ็คพ็อตเลยนี่หว่า" ติ๊กเริ่มนึกอะไรออก "คลิปกันตอนเที่ยง แถมยังคลิปนี้ตอนเย็นอีก เออ ดีว่ะ ๕๕๕”
"แม่งก็คนเดิมแหละ เหี้ยนี่แม่งขยันหาเรื่องเองนี่หว่า" ก็อตก็ดูท่าจะตามน้ำไปกับติ๊กแล้ว “๕๕๕๕๕๕”
“สรุปคือ มึงจะไปถ่ายไอ้เหี้ยกันอีกแล้วใช่มะ?” ติ๊กจับทางก็อตได้เสียที
“!!!” ก็อตถึงกับตกใจสุดขีด เมื่อพบว่าตนแพ้ไหวพริบคนอย่างติ๊ก
“...” ก็อตนิ่งไปซักพัก “เออ ไปถ่ายมันนั่นแหละ”
"มึงก็สนิทกับพวกรุ่นพี่นักบาสเหมือนกันไม่ใช่เหรอ" ติ๊กถามต่อด้วยสายตาดุดัน พลางใช้มือขวาจับไหล่ก็อตไว้ "มีอะไรปิดไว้ก็บอกมาเถอะ"
"ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ" ก็อตใกล้จะเดือดสุดขีดแล้ว "กะอีแค่คลิปๆ นึงมึงจะเอาไรนักหนาวะ!!!"
"ก็แล้วมึงไม่ใช่เพื่อนมันรึไงวะ!?" ติ๊กตะคอกกลับ "ทำอย่างงี้ไม่กลัว..."
"ไอ้เหี้ย อย่าเสือกดิ๊!!!"
“...”
                แต่สิ่งหนึ่งที่ทั้งคู่หารู้ไม่คือ การเถียงกันด้วยอารมณ์ของทั้งสอง ได้ดังสนั่นไปทั่วศูนย์อาหารแห่งนี้แล้ว จนหลายคนเป็นอันต้องหันกลับมามองตามประสา และหนึ่งในนั้นก็คือคนสนิทของทั้งคู่ นั่นคือกฤตกับซันที่กำลังนั่งอยู่ใกล้ๆ กันนี้เอง
"ไอ้สองตัวนั่นมันมาทะเลาะอะไรกันแถวนี้วะ?" ซันสงสัย
"เฮ้ยๆ พวกมึงอ่ะ"
                ในขณะที่คนหนึ่งได้แต่นั่งอยู่เฉยๆ แต่ด้วยความรักเพื่อนหรืออะไรก็ตามแต่ ก็ทำให้กฤตรีบลุกออกจากที่นั่ง แล้วเดินตรงไปหาเพื่อนทั้งสองเพื่อห้ามมวยด้วยการผลักทั้งสองให้แยกออกจากกันอย่างรวดเร็ว และด้วยความตกใจ ก็ดูเหมือนทั้งติ๊กกับก็อตคงจะอารมณ์เย็นลงบ้างแล้ว
"มากัดกันทำแมวไรแถวนี้วะ?" กฤตถาม "เออๆ ใจเย็นๆ เถอะ"
"เออก็ได้วะ" ก็อตมองหน้าติ๊กอย่างกับจะฆ่าแกงกันอย่างไรไม่รู้ "งั้นกูไปล่ะ"
"มึงน่ะมาเคลียร์กับกูให้จบก่อน!" ติ๊กห้ามเอาไว้ "เรื่องเหี้ยกันน่ะ มึงคิดว่าล้อเล่นรึไง?"
/เรื่องของกันเหรอ.../ กฤตคิดด้วยมันสมองอันอัจฉริยะของเขา /มันเป็นอย่างงี้นี่เอง!!!/
"เหอะ" ก็อตดูท่าจะไม่สบอารมณ์ "มันก็เรื่องของกูอยู่ดีแหละ"
"เอาล่ะ กูพอจะเข้าใจเหตุการณ์แระ" กฤตพยายามเกลี้ยกล่อมทั้งคู่ "ที่พวกมึงกัดกันก็เพราะเรื่องนี้สินะ เพราะไอ้กันคนเดียวงั้นสิ"
"นี่มึงรู้ด้วย..." ติ๊กแปลกใจนิดหน่อย "จริงดิ...?"
"เออ" กฤตยิ้มด้วยมาดพระเอกสุดๆ "พวกมึงทั้งสองไม่ต้องแย่งกันหรอก ยังไงพวกมึงก็โดนกันมันอัดถั่วดำทั้งคู่อยู่แล้ว"
                ถึงแม้จะเพิ่งทะเลาะกันมาหมาดๆ แต่แค่คำพูดของกฤตเพียงประโยคเดียว ก็ทำให้ทั้งสองพร้อมใจกันตบเข้าไปยังกลางหลังหัวกฤตอย่างรุนแรง จนคู่กรณีถึงกับต้องคอตกลงไปเลยทีเดียว
"ทำไรกันวะไอ่สัส!!!" กลายเป็นว่ามีเพียงกฤตที่กลายเป็นผู้ด่าอยู่คนเดียว "ไอ้ห่า เห็นหัวกูเป็น..."
"เห็นยังไง กูก็เห็นอย่างงั้นแหละ" ซันไม่รอช้า ตบขวาเข้าสมทบอย่างรวดเร็ว
"ไอ้เหี้ยซัน!!!" กฤตเงยหน้าขึ้นมาสวนเสียงดัง "มึงอีกคน..."
"เฮ้อ" ก็อตได้โอกาสหนี หันหลังกลับไปโดยไม่ให้ติ๊กรู้ตัวแล้ว "เจอไอ้พวกนี้กลับบ้านดีกว่าว่ะ"
"เสร็จกูล่ะ!"
               ในจังหวะที่ก็อตหันหลังกลับไปนั้นเอง ติ๊กก็ได้เห็นโอกาสสำคัญบนหลังคอของอีกฝ่ายแล้ว หนุ่มแว่นไม่รอช้ารีบวิ่งตรงเข้าไป แล้วใช้มือสองค้างหยิบสายสะพายกล้องขึ้นมา ฉกเอากล้องที่คล้องอยู่บนคอก็อตมาไว้ในมือโดยไม่ทันให้รู้ตัวอย่างรวดเร็วและแนบเนียนที่สุด
"อ้าวเหี้ย!" ก็อตตกใจอย่างมาก ทันทีที่รู้สึก "กล้องนิกรกูชื่อมาแพงนะโว้ย!!!"
"กฤษ ซัน รั้งมันไว้ที" ติ๊กบอกกับเพื่อนทั้งสองก่อนจะค้นกล้องของก็อตไปเรื่อยๆ
"คืนมานะโว้ยไอ่สัส!" ก็อตเรียก ขณะถูกกฤตกับซันดันเอาไว้ "ไม่งั้นมึงเห็นดีแน่ไอ้แว่นกลม!!!"
"มึงจะหาไรในกล้องมันวะ?" ซันหันกลับไปถาม "วันนึงมันถ่ายเป็นร้อยรูป มึงจะ..."
"พรสามประการเหรอ?"
               สิ่งที่ติ๊กค้นเจอก็คือ วิดีโอที่กำลังแสดงภาพของกันที่นั่งอยู่ในห้องเรียนและเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง ที่แม้แต่ตัวเขาเองยังต้องแปลกใจทันทีที่ได้เห็น
"อ๋อ เข้าใจล่ะ มึงถ่ายอยู่ใช่มะ?" กันในวิดีโอกำลังพูดออกมาเรื่อยๆ พร้อมรอยยิ้ม "โอเค ฝากถึงพรสามประการด้วยครับ คือผมมีคำเดียวที่จะบอกกับพวกคุณคือ ไอ้เหี้ย!!! ฮะๆๆๆ แม่งตลกมั้ยล่ะ นักเรียนธรรมดาๆ สามคนอยู่ๆ มาตั้งชื่อเสี่ยวๆ แล้วบอกแกร่งสุดในโรงเรียน รู้มะ ตอนนี้ตีนกูงี้คันยิกๆ เลยล่ะว่ะ อยากจะถีบแม่งให้ร้องเอ๋งๆ จะได้ไม่มาทำตัวเกรียนๆ งี้อีก คือ... ฮ่าๆๆๆๆ คือกระจอกว่ะ คนอย่างพวกมึงนะ ถ้าให้บอกสามคำ กูบอกไปเลย *** *** *** ๕๕๕๕๕๕๕๕๕"
                วิดีโอทั้งหมดจบลงภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที แต่แค่เวลาเพียงเศษเสี้ยวเดียว กลับทำให้ติ๊กอึ้งหนักยิ่งกว่าเก่าอีก บุคลิกของกันในวิดีโอนี้เหมือนกับเป็นคนละคน จากคนที่ดูเอื่อยเฉื่อยและสบายๆ กลับกลายเป็นคนประเภทเดนสังคม หรือพูดง่ายๆ คือดีแต่ปากประมาณเกรียนคีย์บอร์ด และไม่ว่าจะใครก็ตามที่เห็นวิดีโอนี้ ก็คงจะเกลียดขี้หน้ากันในสารรูปนี้จนอยากอัดซักทีสองที เหมือนกับที่กันย์อยากก็เป็นได้
"ไอ้เหี้ย! เอามา!!!" ในที่สุดก็อตก็สามารถผ่านกฤตกับซัน "มึงดูไร..."
"กูพอจะเดาออกแล้วล่ะว่ะ" ติ๊กบอกก็อตที่กำลังอึ้งสุดๆ เมื่อได้เห็นสิ่งที่ติ๊กเพิ่งได้ดูไป "นี่คงเป็นคาถาใช่มะ เพราะเท่าที่เห็นมันก็ไปไหนมาไหนกับกูตลอด คงไม่มีเวลามาให้มึงถ่ายอะไรแบบนี้หรอก ยิ่งนิสัยของมันนี่ก็คนละเรื่องกันชัดๆ"
"พูดเรื่องไรของมันวะ?" ซันสงสัย
"ตอนที่มันกำลังเล่นเรนกับไอ้ ๕ ตัวประกอบนั่น มึงก็เข้าไปหาโต๊ะนักบาส แล้วก็เอาวิดีโอที่มึงทำเอาเองนี่ให้ดู" ติ๊กอธิบายต่อ "อย่างว่า ใครเห็นมันก็ฉุนเป็นธรรมดาทุกคนแหละ โดยเฉพาะพี่กันย์นี่ตัวดีเลยนี่นะ"
"กูเคยบอกแล้วใช่มะ" ก็อตยิ้มบอก "ว่ามึงน่ะอยู่เงียบๆ ก็ดีอยู่แล้วว่ะ"
"ขอโทษนะ" ติ๊กบอก "ตั้งแต่เมื่อวานปากของกูก็ดูเหมือนจะพูดได้อีกครั้งแล้วล่ะวะ"
"ก็ได้ ถูกต้องตามที่มึงคิดหมด ฉลาดจริงๆ เลยว่ะ" ก็อตชมแล้วพยายามจะคว้ากล้องของตนกลับคืนมา "รีบๆ เอากล้องกูคืนมาได้แล้ว"
"เหอะ" ติ๊กถอยไปข้างหลังเพื่อหลบก็อต "กูไม่ยอมให้มึง..."
"อ้าว บังเอิญจังเลยเนอะ"
                ทว่า สิ่งที่หลังของติ๊กได้ชนนั้นไม่ใช่กำแพงหรืออะไร แต่เป็นร่างของเรนที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ และเมื่อสิ่งที่หนุ่มแว่นหันกลับไปนั้นเป็นใบหน้ากระปอมอันแสนน่ากลัว นั่นยิ่งทำให้เขาเกิดอารมณ์ตกใจปนสยองขวัญทันที่ที่เห็นเลยทีเดียว
/ไอ้เรน.../ ติ๊กคิด
"กล้องมึงสวยดีนี่หว่า" เรนชม "ไหนเอามาดูหน่อยดิ๊"
"เฮ้ย! เรน" ก็อตเรียกแบบไม่เกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น "นั่นกล้องกูนะโว้ย"
"แล้วมันยังไงวะ?" เรนดูเหมือนจะไม่สนใจ
"ก็ถ้ากล้องกูแตกขึ้นมามึงเจอดีแน่" ก็อตบอกด้วยสายตาจริงจัง
"ถ้ากล้องเพื่อนกูแตกอ่ะ!" ละอองแสงสีทองค่อยๆ ปกคลุมรอบกายกฤต "พวกมึงเจอดีแน่!!!"
"เอาไงก็เอาวะ" ซันร่วมด้วยกับก็อต "๔ ต่อ ๑  คิดดูดีๆ นะ"
/เยี่ยม!/ ติ๊กเริ่มดีใจ /ต่อให้มันเก่งยังไงก็สู้เรา ๔ คนไม่ได้หรอก!!!/
"แล้วใครว่ากูมี ๑ วะ?" เรนถามด้วยรอยยิ้มแสนชั่วร้าย "ลูกเพ่!!!"
"อะไร เจอแล้วเหรอ?"
                ผู้ที่เรนเรียกมานั้นสามารถทำให้สถานการณ์ทั้งหมดพลิกไปแทบจะทันที เขาผู้นั้นคือนักเรียนชายต่างโรงเรียน มีผิวดำผนวกกับรูปร่างสูงล่ำ พร้อมใบหน้าแขกอันคมกริบกับหนวดเคราเหมือนผู้ใหญ่เป็นเอกลักษณ์ สวมใส่เสื้อนักเรียนแขนยาวสีขาวกับโจงกระเบนสีดำ แค่เพียงคนเดียวก็ดูน่ากลัวแล้ว แต่เขายังนำพรรคพวกอีกประมาณสิบกว่าคนเดินตามมาหาพวกติ๊กอีก เล่นเอาเหล่านักเรียน ม.๔/๘ ได้แต่ยืนอึ้งโดยทำอะไรไม่ได้ไปเลยทีเดียว    
/นี่มัน.../ ติ๊กดูเหมือนจะตะลึงที่สุด /ไอ้พวกอิสลามศรีธรรมราชนี่นา.../
"ยะ.." กฤตดูจะเป็นคนที่กลัวที่สุด "ยอมแล้วจ้า"
"พอดีลูกพี่ใหม่กูกับเพื่อนๆ มีความแค้นส่วนตัวกับไอ้พวกนักกีฬาว่ะ" เรนอธิบาย "ได้ข่าวว่าพวกมันจะท้าต่อยกัน พวกมึงพอจะรู้ที่เปล่าวะ"
"..." ติ๊กนิ่งเงียบไปชั่วครู่ "ไม่..."
"พวกมันนัดกันตรงป่าน่ะ" ก็อตยอมบอกแต่โดยดี
"ไอ้เหี้ยก็อต!" ติ๊กประหลาดใจสุดขีดจนสบถออกมา เมื่อได้เห็นถึงการตัดสินใจของก็อต
"โอเค จบเรื่องแล้ว" ก็อตบอกก่อนจะหันหลังกลับไปแบบไม่สนใจอะไร "ติ๊ก ขอกล้องกูคืนด้วย"
"ไอ้นี่น่ะเหรอ?" แต่สุดท้ายกล้องของก็อตก็ตกอยู่ในมือของเรน "หือ นี่มัน?"
/ชิบหายล่ะ.../ ติ๊กคิด /ไอ้เหี้ยนี่.../
"อะไรวะ อะไรมันจะโชคดีขนาดนี้ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ"


โปรดติดตามบทถัดไป

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา